ปัจจุบันเทคโนโลยีต่าง ๆ ของโลกก้าวไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์เกี่ยวกับการเล่นเกม ที่สามารถพัฒนาแบบก้าวกระโดดชนิดที่ว่าเมื่อปี 2009 Ram เพียง 1 GB สามารถเล่นเกมได้ทุกเกม ปัจจุบัน RAM จำนวน 8 GB อาจจะไม่พอด้วยซ้ำ
หนึ่งในเทคโนโลยีที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องคือ Graphics Processing Unit (GPU) หรือที่เรานิยมเรียกว่าการ์ดจอ ที่ในตอนนี้สามารถให้ภาพแสงและเงาได้อย่างสมจริงราวกับดวงตาของมนุษย์ โดยหนึ่งในเทคโนโลยีล่าสุดของโลกคือ Ray Tracing นั่นเอง วันนี้เรา GameFever TH จะมาทำความกับสิ่งนี้ที่หลาย ๆ คนยกให้เป็นเทคโนโลยีกราฟิกของโลกอนาคต
Ray Tracing คืออะไร
เทคโนโลยีนี้คือเทคนิคพิเศษในการประมวลผลของภาพที่จะคำนวณแสงและเงาให้มีความสมจริง รวมถึงเงาสะท้อนของวัตถุต่าง ๆ ได้แบบ Real-Time ทำให้ภาพ
, ภาพยนตร์หรือวิดีโอเกมที่ผ่านการประมวลผลด้วยวิธีนี้มีกราฟิกที่สวยงามและมีเงาสะท้อนที่สมจริง
โดยเทคโนโลยีนี้ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่สำหรับวงการเกม เนื่องจากเทคโนโลยีนี้ได้ใช้ในวงการภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่อง ซึ่งหนึ่งในภาพยนตร์ที่ได้เทคโนโลยีนี้ไปใช้อย่างจริงจังคือแอนนิเมชันเรื่อง “
Car” จากทาง Pixar Animation Studios และแอนิเมชั่นอื่นๆ ก็ใช้กันอย่างล้นหลาม และใช้กันมานานแล้ว
Ray Tracing กับวิดีโอเกม
เทคโนโลยีนี้ถูกผลักดันอย่างต่อเนื่องในปี 2018 จากทาง Nvidia ที่ได้โฆษณาถึงคุณสมบัตินี้ว่าเป็นเหมือนกับ Holy Grail หรือจอกศักดิ์ของการเล่นเกมเลยทีเดียว โดยจะทำให้เกมเมอร์ทุกคนรู้สึกสนุกในการเล่นเกมมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นฉากในเกมรวมถึง Cutscene ด้วย
โดยเทคโนโลยีนี้มาพร้อมกับการ์ดจอรุ่นใหม่ของ Nvidia ในตระกูล RTX ก่อนในช่วงแรกก่อนที่จะเปิดให้การ์ดจอซีรีส์ 10 สามารถใช้ได้แต่ก็ไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพได้เท่ากับตระกูล RTX ที่มีเทคโนโลยีใหม่กว่ารวมถึงมี Hardware ที่แรงกว่า
แม้หลาย ๆ คนคาดการณ์ไว้ว่าเทคโนโลยีนี้จะเป็นเทคโนโลยีแห่งอนาคตที่ทุก ๆ ค่ายเกมจะต้องนำเอาจุดนี้ไปใช้ รวมถึงเกมเมอร์เองต่างก็อยากได้กราฟิกที่สมจริง แม้แต่เครื่อง PlayStation 5 เองก็มีข่าวลือว่าจะมีเทคโนโลยีนี้เช่นกัน แต่โลกของความเป็นจริงไม่ได้เป็นเช่น
กับการเล่นเกมในปัจจุบัน
ปัจจุบันแม้ว่าเกมออกใหม่อย่าง Control หรือเกมอื่น ๆ ที่ทาง Nvidia ผลักดันอย่าง Battlefield V , Shadow of The Tomb Raider หรือเกมอย่าง Final Fantasy XV จะรองรับเทคโนโลยีนี้ แต่มีเกมเมอร์น้อยมากที่จะเปิดฟังชั่นนี้ในเกม
โดยปัจจัยหลัก ๆ ก็คือการกินทรัพยากรของเครื่องที่โหดเอามาก ๆ ทำให้บางเกมระหว่างเปิด Ray Tracing! กับปิดโหมดนี้มี FPS ต่างกันเกือบ 50 เฟรมและยิ่งคุณเป็นเกมเมอร์สายจริงจังที่ต้องเล่นเกมมากกว่า 60 FPS ตลอดเวลา คุณจะต้องมีสเปกเครื่องที่แรงพอตัว
https://www.youtube.com/watch?v=mRH0ug7GOlc
อีกทั้งเทคโนโลยีนี้เองในบางครั้งยังทำให้ภาพในเกมดูยาก เพราะว่าแสงและเงาในเกมมักจะทำให้เรามองไม่ถนัด โดยเฉพาะเกมที่เล่นกับแสงและเงาอย่าง Battlefield V หรือ Metro : Exodus ที่หากคุณมองไม่เห็นศัตรูอาจจะส่งผลต่อตัวละครของเราได้ อีกทั้งยังทำให้เราพลาดไอเทมสำคัญในบางจังหวะ
ปิดท้ายด้วยราคาที่แรงเกินไป แม้ว่าในตอนนี้ราคาของการ์ดจอจะลดลงไปมากเนื่องจากความนิยมของการนำการ์ดจอไปขุด Cryptocurrency ลดลง แต่การ์ดจอรุ่นใหม่ในตระกูล RTX ยังคงมีราคาที่สูงโดยตัวเริ่มต้นนั้นมีราคาประมาณหนึ่งหมื่นบาท อ้างอิงจาก (
JIB) ยังไม่นับกับการที่ต้องซื้อ CPU ที่ต้องนำเอามารีดความสามารถของการ์ดจออีกทำให้ราคาเครื่อง Computer นั้นสูงจนหลาย ๆ คนมองว่าไม่คุ้มค่าเงิน
วิถีทางในอนาคต
ในตอนนี้ Ray Tracing กับการเล่นเกมยังคงเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่มาอายุเพียง 1 ปีกว่า ๆ นับตั้งแต่เปิดตัว ทำให้เราอาจจะต้องรอทางผู้พัฒนาเกม รวมถึงทางค่ายพัฒนาการ์ดจอพัฒนา Hardware รวมถึง Software ที่ดึงเทคโนโลยีนี้มาให้ได้ดีกว่านี้ ทั้งในแง่ของการแสดงผลและประสิทธิภาพ
สำหรับเกมเมอร์นั้นในตอนนี้การลงทุนกับเทคโนโลยีนี้คือการลงทุนเพื่อ “รอ” อนาคต ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าเทคโนโลยีนี้จะอยู่ในเกมทุก ๆ เกม ดังนั้นหากคุณประกอบคอมพิวเตอร์ในเวลานี้ การซื้อการ์ดจอที่รองรับเทคโนโลยีนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบที่สำคัญเท่ากับ FPS ที่ได้ในการปรับภาพสูงสุดในเกมต่าง ๆ มากกว่า
ในตอนนี้มันอาจจะยังไม่ใช่คำตอบของการเล่นเกมที่แท้จริง แต่ว่าในอนาคตเทคโนโลยีนี้จะต้องเป็นมาตรฐานของวงการเกมอย่างแน่นอน
ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
Superbom001
นักเขียน
บ๋อม - Content Writer / Gamer/ Freelancer