เมื่อไม่นานมานี้เกม NBA 2K21 ได้เปิดราคาเกมสำหรับเครื่อง Console รุ่นต่อไป ( PlayStation 5, Xbox Serise X ) ที่ 69.99 เหรียญฯ หรือประมาณ 2100 บาท สำหรับตัวเกมแบบ Standard Edition ทำให้วงการเกมต้องกลับมานั่งคุยกันว่าถึงเวลาหรือยังที่เราควรจะขึ้นราคาเกม เพราะราคาของเกมที่ออกมาแม้ว่าจะแพงขึ้นประมาณ 10 เหรียญฯ แต่ก็สร้างผลตอบรับออกมาถึงสองด้านทั้งในแง่ดีและแง่ลบ

คำถามคือถึงเวลาหรือยังที่เราควรจะปล่อยให้เกมในอนาคตเพิ่มขึ้น หรือตรึงราคาของเกมไว้เพื่อผลประโยชน์ของเหล่าเกมเมอร์ วันนี้เรามาหาคำตอบให้กับเรื่องนี้กัน

การพัฒนาเกมมีราคาที่สูงขึ้น

ปัจจุบันการพัฒนาเกมนั้นมีราคาที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ตามขนาดของเกมและคุณภาพของเกม โดยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว (2015) เกม The Witcher 3 :Wild Hunt ใช้งบประมาณในการพัฒนาเกมที่ 46 ล้านเหรียญฯ แต่มาในปี 2021 การสร้างเกม AAA นั้นใช้งบไม่ต่ำกว่าเกมละ 80 ล้านเหรียญฯ เป็นอย่างต่ำ ดังนั้นการขึ้นราคาเกมถือว่าเป็นอะไรที่เหมาะสม เพราะราคาเกมในปัจจุบันแทบจะไม่ต่างจากเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว

เพิ่มราคาเกมเพื่อลด DLC และ Microtransaction

สำหรับเกมเมอร์หลาย ๆ คน อาจจะมองว่าการที่เกมนั้นมีราคาที่สูงขึ้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ หากแลกมากับการที่ตัวเกมตัดระบบ Microtransaction และ DLC ออกไป ทำให้เราไม่ต้องเสียเงินในการซื้อเกมอีก ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าดีมาก ๆ เพราะว่าหลาย ๆ เกมนั้นมักจะมี DLC ให้เราต้องเสียเงินบ่อย ๆ จนบางครั้งแพงกว่าค่าเกมอีก

เพิ่มคุณภาพของเกม

สิ่งที่หลาย ๆ คนคาดหวังก็คือว่าการที่เกมมีราคาที่แพงขึ้น ย่อมจะต้องมีคุณภาพสูงขึ้นตามราคาของเกม การที่เรายอมจ่ายแพงเหมือนกับการที่เราใช้เงินซื้อประสบการณ์ ยิ่งแพงก็ยิ่งต้องหวังสูงเป็นธรรมดา ซึ่งผู้เขียนมองว่าเกมเมอร์ส่วนใหญ่รับได้กับข้อนี้ นอกจากนี้ยังเป็นการสนับสนุนให้ทีมพัฒนาเกมมีความสุขในการทำงานมากขึ้นอีกต่างหาก เพราะรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น

อาจจะมีภาษาใหม่ๆ  เพิ่มขึ้นก็เป็นได้

อย่างที่เรารู้ว่าปัจจุบันเกมมีการแปลเป็นภาษาไทยมากขึ้น ทำให้เกมเมอร์หลาย ๆ คนต่างฟินกับการได้เสพบรรยากาศในเกมอย่างเต็มที่ ซึ่งการแปลภาษานั้นมาพร้อมกับต้นทุนที่สูงขึ้นเหมือนกัน ไม่แน่ว่าการที่จ่ายเงินเพิ่มมากขึ้น อาจจะทำให้เกมต่าง ๆ มีการแปลไทยมากขึ้นไปด้วย ไม่แน่อาจจะมีเกมพากษ์ไทยด้วยซ้ำ

ทำให้แผ่นเกมมือสองได้รับความนิยมมากกว่าเดิม

แม้ว่าการที่เกมแพงขึ้นอาจจะทำให้เราได้รับประโยชน์หลาย ๆ อย่าง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่เกมแพงย่อมทำให้เกมเมอร์หลาย ๆ คนอาจจะหาช่องทางอื่นที่สนุกกว่า เช่นการซื้อแผ่นเกมมือสองเป็นต้น ที่อาจจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากราคาที่ถูกกว่าหลายบาท ยิ่งเป็นเกมเก่า ๆ ยิ่งถูกลงไปอีก ซึ่งหากเกมนั้นไม่กระแสดีมาก ๆ ตัวเกมอาจจะขายได้ยากกว่าเดิมก็เป็นได้

เกมแนว Free to Play อาจจะมีรายได้ที่สูงขึ้น

สำหรับเหตุผลนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจได้อย่างง่าย ๆ เลย เพราะเมื่อเกมแบบซื้อขาดมีราคาที่สูงขึ้นเกมแบบ Free to Play อาจจะกลับมาได้รับความนิยมมากขึ้นก็เป็นได้ เนื่องจากในบางเกมนั้นเราไม่จำเป็นต้องเติมหลักพันก็สามารถสนุกกับเกมได้ ยิ่งมีเพื่อนเล่นบอกเลยว่าบางทีอยู่ยาวกว่าเกมซื้อขาดเสียอีก

สรุป

การที่เกมระดับ AAA มีราคาเพิ่มมากขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่รับได้หากตัวเกมได้เพิ่มคุณภาพของเกม รวมถึงตัดระบบ Microtransaction หรือ DLC ออกไป แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะทำให้ซื้อเกมของเกมเมอร์แต่ละคนลดลง จนหันไปนิยมเกม Free to Play ก็เป็นได้