สุดยอดซีรี่ส์เกมชื่อดังที่หลายๆคนต้องได้ยินผ่านหูกันมาไม่มากก็น้อยนั่นก็คือซีรี่ย์เกม Ragnarok ซึ่งได้เปิดให้บริการมาอย่างช้านาน และมีให้เราได้เล่นกันหลากหลายภาคกันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งภาคล่าสุดนั่นก็คือ Ragnarok Origin ที่ทาง Gravity เป็นผู้เปิดให้บริการนั่นเอง และด้วยหลากหลายเหตุผลที่ทำให้ผู้คนต่างเป็นแฟนซีรี่เกมนี้กันมากมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับเหตุผลของคนๆนั้นด้วย แต่หนึ่งเหตุผลที่เชื่อว่าหลายๆคนจะต้องมีในใจอย่างแน่นอนนั่นก็คือ ระบบคลาสที่มีให้เลือกเล่นมากมาย แล้วมีความหลากหลายของแต่ละคลาสเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แล้วหนึ่งในคลาสที่อยู่กับ Ragnarok มานานนั่นก็คือ Paladin และในวันนี้พวกเรา GameFever TH ก็จะมาแนะนำคลาส Paladin สาย Full Tank ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงช่วงท้ายเกม
จุดเด่นของคลาส Paladin สาย Full Tank
ถ้าจะให้พูดถึงจุดเด่นของสาย Full Tank ก็ตามชื่อของมันเลย โดยเราจะเน้นไปที่การตั้งรับเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะมีประโยชน์มากๆเมื่อเล่นกันเป็นทีม นอกจากนี้แล้วคลาส Paladin สาย Full Tank ยังถือว่าเป็นสายที่ถึกที่สุดในเกมเลยก็ว่าได้ ไม่มีสายไหนที่สามารถยืนหยัดรับดาเมจได้เท่ากับสาย Full Tank แล้ว
สเตตัสที่ควรอัพ
VIT - 90+
INT - 70+
สเตตัสที่สำคัญที่สุดก็คือค่า VIT ที่คุณต้องเน้นอัพให้ได้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะทุกๆค่า VIT ที่คุณอัพจะบวกทั้ง Max HP รวมไปถึงการลดดาเมจต่างๆที่เข้าหาตัวคุณด้วย และมีการลดดาเมจเวทย์ติดมานิดหน่อย อีกหนึ่งสเตตัสที่สำคัญนั่นก็คือ INT ที่คุณอาจจะสงสัยว่าเราจะอัพมาทำไมในเมื่อเราไม่ได้ใช้ดาเมจเวทย์ทำความเสียหายเลย แต่ที่แนะนำให้อัพค่า INT ตามมาด้วยนั่นก็เพราะ ทุกๆค่า INT ที่คุณอัพไปจะเพิ่ม Max HP ให้กับตัวละครของคุณด้วย และอีกหนึ่งประโยชน์เลยก็คือช่วยลดดาเมจเวทย์ที่ตัวละครของคุณได้รับลงค่อนข้างมากเลยทีเดียว
สกิลที่ควรอัพ
ตอนเป็น Swordsman (level 10 )
Increase Recuperative Power - 10
Provoke - 10
Endure - 10
สกิลที่สำคัญหลักๆก็จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 สกิลนั่นก็คือ Increase Recuperative Power ที่จะช่วยในเรื่องของการรีพลังชีวิตของคุณได้นั่นเอง และเมื่อใช้โพชั่นต่างๆก็จะเพิ่มได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถแทงค์ได้มากยิ่งขึ้น และอีกสกิลที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือ Provoke ซึ่งจะช่วยให้ตัวละครของเราสามารถช่วยยั่วยุใส่ศัตรูบริเวณนั้นได้ ทำให้เรามีโอกาสโดนตีมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อสถานการณ์ที่คุณต้องลากมอนสเตอร์ต่างๆให้มารวมกัน
ตอนเป็น Crusader (Level 40)
Faith - 10
Auto Guard - 10
Heal - 10
Smite - 5
สกิลที่สำคัญสำหรับสาย Full Tank ก็จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 สกิล โดยเรามาเริ่มด้วยสกิล Faith กันก่อนเลย ซึ่งความสำคัญของสกิลนี้ก็คือ เมื่อคุณอัพสกิลนี้จนเต็มแล้วจะทำให้ Max HP ของคุณเพิ่มขึ้นอีก 3000 หน่วยเลยทีเดียว และยังทำให้ลดดาเมจ Holy ได้อีก 30% สกิลต่อมานั่นก็คือ Auto Guard ซึ่งเป็นสกิลที่สำคัญอย่างมากกับสายฟูแทงค์เพราะจะทำให้ ตัวละครของคุณสามารถป้องกันดาเมจกายภาพได้ถึง 60 วินาทีกันเลยทีเดียว ส่วนสกิลสุดท้ายนั่นก็คือ Heal นั่นเอง ซึ่งที่จำเป็นต้องอัพสกิลนี้ก็เพื่อเอามาฟื้นฟู HP ของเราที่สูญเสียไปเท่านั้นเอง ส่วนสกิล Smite ก็ใช้ได้ดีเมื่อคุณต้องสู้กับผู้เล่นคนอื่นๆ เพราะจะช่วยให้คุณสามารถสตั้นผู้เล่นเหล่านั้นได้ด้วยไม่ใช่เพียงแค่ยืนรับดาเมจเท่านั้น
ตอนเป็น Paladin (Level 70)
Fortitude - 5
Defending Aura - 5
Battle Chant - 4
Devotion - 10
เมื่อตัวละครของคุณสามารถอัพคลาสจนเป็น Paladin ได้แล้ว สกิลทั้ง 4 ที่ทางเราได้แนะนำไปจะสำคัญเป็นอย่างมาก โดยมันเริ่มกันที่สกิลแรกนั่นก็คือ Fortitude ที่จะช่วยเพิ่มค่า Max HP ของคุณให้สูงขึ้นไปอีก 15% ซึ่งถือว่าเยอะเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ส่วนสกิลต่อไปนั่นก็คือ Defending Aura โดยสกิลนี้จะช่วยให้ดาเมจระยะไกลที่คุณได้รับเบาลง และยังช่วยให้ดาเมจเวทย์ที่คุณได้รับเบาลงอีกด้วย ส่วนสกิลต่อไปนั่นก็คือ Battle Chant ซึ่งเป็นสกิลที่จะสุ่มบัพให้กับเพื่อนร่วมทีมของคุณ ช่วยได้ดีในการเล่นเป็นทีมมาก แล้วสกิลสุดท้ายนั่นก็คือ Devotion เป็นสกิลที่จะทำให้คุณสามารถรับดาเมจแทนเพื่อนในทีมของคุณได้ 1 คน แต่เพื่อนคนนั้นจะต้องอยู่ไม่ไกลจากตัวคุณ เป็นสกิลที่ช่วยให้โอกาสรอดชีวิตของเพื่อนร่วมทีมของคุณมีมากยิ่งขึ้น
อาวุธที่ควรใช้
ในส่วนของอาวุธที่คุณควรใช้ทางเราขอแนะนำให้เป็น Long Horn ที่มีความสามารถในการรีเลือดของคุณจำนวน 2% ตาม Max HP ในทุกๆ 10 วินาที และยังมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมอีกความสามารถหนึ่งนั่นก็คือ การโจมตีกายภาพของคุณจะมีโอกาส 10% ที่จะทำการร่าย Heal Level 3 ทันที แต่สิ่งที่ทำให้อาวุธชิ้นนี้เป็นอาวุธที่คุณต้องใช้นั่นก็เพราะว่า การร่ายสกิล Heal ถ้าคุณอัพสกิล Heal จนมีเลเวลมากกว่า 3 ได้ อาวุธชิ้นนี้ก็จะร่าย Heal ตามเลเวลนั้นๆด้วย ซึ่งคุณจะต้องอัพสกิล Heal ไว้ที่ level 10 อยู่แล้วนั่นเอง นอกจากนี้แล้วเมื่อคุณตีบวกอาวุธจนถึงเลเวลที่กำหนดไว้ก็จะมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมาด้วยดังนี้
เมื่อตีบวกอาวุธชิ้นนี้ถึงระดับ 6 จะทำให้ตัวละครของเราได้รับผลของการฮิลเพิ่มขึ้นอีก 10%
เมื่อตีบวกกับอาวุธชิ้นนี้ถึงระดับ 10 จะทำการรีเลือดให้กับตัวละครเราทันที 5% จากเลือดที่เสียไปเมื่อตัวละครของเราทำการร่าย Heal
เมื่อตีบวกอาวุธชิ้นนี้ถึงระดับ 15 เมื่อตัวละครของเรามีเลือดตั้งแต่ 70% ขึ้นไปจาก Max HP จะทำให้ตัวละครของเราสามารถสร้างความเสียหายกายภาพเพิ่มขึ้นอีก 15%
ชุดสวมใส่
สำหรับสายนี้จะเน้นหนักไปทางสาย PvP การใส่ชุด Goibne's Cuirass จะช่วยให้เราได้ค่าป้องกันที่มากขึ้น ซึ่ง Effect ของชุดเราจะได้ป้องกันธาตุน้ำ ลม ดิน ไฟ 10% รวมถึงสเตตัสของไอเท็มแต่ละชิ้นก็จะบวกเลือด และป้องกันอื่น ๆ ให้เราด้วย
การ์ด
ด้วยความที่สาย Full Tank ไม่จำเป็นต้องมีการ์ดที่เน้นดาเมจมากเท่าไหร่ การ์ดส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปที่การทำให้ตัวของเราถึกขึ้น หรือไม่ก็การ์ดที่เน้นทางด้านการ support กับทีม เพื่อช่วยให้ตัวดาเมจสามารถทำดาเมจได้ง่ายขึ้น หรือสามารถเล่นได้ปลอดภัยขึ้นนั่นเอง
การ์ดหัว
ประดับ
การ์ดรองเท้า
การ์ดผ้าคลุม
ในส่วนของการ์ดผ้าคลุม โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะเน้นไปที่การใส่ค่าลดทอนดาเมจต่างๆ ซึ่งการ์ดแต่ละใบที่คุณจะใช้ หรือการลดทอนดาเมจแต่ละธาตุก็จะขึ้นอยู่กับมอนสเตอร์ที่คุณจะไปต่อสู้ด้วยนั่นเอง และทางเราจะแนะนำบางการ์ดที่ทำให้คุณเห็นภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น
การ์ดชุดเกราะ
ในส่วนของการ์ดชุดเกราะ ถ้าคุณมีงบหน่อย คุณสามารถใส่การ์ดที่ทำสถานะต่างๆได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับมอนสเตอร์ที่คุณไปเจอด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยมีการ์ดตายตัวสักเท่าไหร่ แต่เพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น เราก็จะมีการ์ด 2 แบบ ทั้งที่เป็นแบบสร้างสถานะ และแบบที่ใช้ในการเพิ่มสเตตัสต่างๆของตัวละครเรานั่นเอง
การ์ดโล่
เฟืองที่ควรใช้
สุดยอดซีรี่ส์เกมชื่อดังที่หลายๆคนต้องได้ยินผ่านหูกันมาไม่มากก็น้อยนั่นก็คือซีรี่ย์เกม Ragnarok ซึ่งได้เปิดให้บริการมาอย่างช้านาน และมีให้เราได้เล่นกันหลากหลายภาคกันเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งภาคล่าสุดนั่นก็คือ Ragnarok Origin ที่ทาง Gravity เป็นผู้เปิดให้บริการนั่นเอง และด้วยหลากหลายเหตุผลที่ทำให้ผู้คนต่างเป็นแฟนซีรี่เกมนี้กันมากมาย ซึ่งขึ้นอยู่กับเหตุผลของคนๆนั้นด้วย แต่หนึ่งเหตุผลที่เชื่อว่าหลายๆคนจะต้องมีในใจอย่างแน่นอนนั่นก็คือ ระบบคลาสที่มีให้เลือกเล่นมากมาย แล้วมีความหลากหลายของแต่ละคลาสเป็นอย่างมากเลยทีเดียว แล้วหนึ่งในคลาสที่อยู่กับ Ragnarok มานานนั่นก็คือ Paladin และในวันนี้พวกเรา GameFever TH ก็จะมาแนะนำคลาส Paladin สาย Full Tank ตั้งแต่เริ่มต้นไปจนถึงช่วงท้ายเกม
จุดเด่นของคลาส Paladin สาย Full Tank
ถ้าจะให้พูดถึงจุดเด่นของสาย Full Tank ก็ตามชื่อของมันเลย โดยเราจะเน้นไปที่การตั้งรับเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะมีประโยชน์มากๆเมื่อเล่นกันเป็นทีม นอกจากนี้แล้วคลาส Paladin สาย Full Tank ยังถือว่าเป็นสายที่ถึกที่สุดในเกมเลยก็ว่าได้ ไม่มีสายไหนที่สามารถยืนหยัดรับดาเมจได้เท่ากับสาย Full Tank แล้ว
สเตตัสที่ควรอัพ
VIT - 90+
INT - 70+
สเตตัสที่สำคัญที่สุดก็คือค่า VIT ที่คุณต้องเน้นอัพให้ได้สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะทุกๆค่า VIT ที่คุณอัพจะบวกทั้ง Max HP รวมไปถึงการลดดาเมจต่างๆที่เข้าหาตัวคุณด้วย และมีการลดดาเมจเวทย์ติดมานิดหน่อย อีกหนึ่งสเตตัสที่สำคัญนั่นก็คือ INT ที่คุณอาจจะสงสัยว่าเราจะอัพมาทำไมในเมื่อเราไม่ได้ใช้ดาเมจเวทย์ทำความเสียหายเลย แต่ที่แนะนำให้อัพค่า INT ตามมาด้วยนั่นก็เพราะ ทุกๆค่า INT ที่คุณอัพไปจะเพิ่ม Max HP ให้กับตัวละครของคุณด้วย และอีกหนึ่งประโยชน์เลยก็คือช่วยลดดาเมจเวทย์ที่ตัวละครของคุณได้รับลงค่อนข้างมากเลยทีเดียว
สกิลที่ควรอัพ
ตอนเป็น Swordsman (level 10 )
Increase Recuperative Power - 10
Provoke - 10
Endure - 10
สกิลที่สำคัญหลักๆก็จะมีด้วยกันทั้งหมด 2 สกิลนั่นก็คือ Increase Recuperative Power ที่จะช่วยในเรื่องของการรีพลังชีวิตของคุณได้นั่นเอง และเมื่อใช้โพชั่นต่างๆก็จะเพิ่มได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถแทงค์ได้มากยิ่งขึ้น และอีกสกิลที่สำคัญไม่แพ้กันนั่นก็คือ Provoke ซึ่งจะช่วยให้ตัวละครของเราสามารถช่วยยั่วยุใส่ศัตรูบริเวณนั้นได้ ทำให้เรามีโอกาสโดนตีมากยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างมากเมื่อสถานการณ์ที่คุณต้องลากมอนสเตอร์ต่างๆให้มารวมกัน
ตอนเป็น Crusader (Level 40)
Faith - 10
Auto Guard - 10
Heal - 10
Smite - 5
สกิลที่สำคัญสำหรับสาย Full Tank ก็จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 สกิล โดยเรามาเริ่มด้วยสกิล Faith กันก่อนเลย ซึ่งความสำคัญของสกิลนี้ก็คือ เมื่อคุณอัพสกิลนี้จนเต็มแล้วจะทำให้ Max HP ของคุณเพิ่มขึ้นอีก 3000 หน่วยเลยทีเดียว และยังทำให้ลดดาเมจ Holy ได้อีก 30% สกิลต่อมานั่นก็คือ Auto Guard ซึ่งเป็นสกิลที่สำคัญอย่างมากกับสายฟูแทงค์เพราะจะทำให้ ตัวละครของคุณสามารถป้องกันดาเมจกายภาพได้ถึง 60 วินาทีกันเลยทีเดียว ส่วนสกิลสุดท้ายนั่นก็คือ Heal นั่นเอง ซึ่งที่จำเป็นต้องอัพสกิลนี้ก็เพื่อเอามาฟื้นฟู HP ของเราที่สูญเสียไปเท่านั้นเอง ส่วนสกิล Smite ก็ใช้ได้ดีเมื่อคุณต้องสู้กับผู้เล่นคนอื่นๆ เพราะจะช่วยให้คุณสามารถสตั้นผู้เล่นเหล่านั้นได้ด้วยไม่ใช่เพียงแค่ยืนรับดาเมจเท่านั้น
ตอนเป็น Paladin (Level 70)
Fortitude - 5
Defending Aura - 5
Battle Chant - 4
Devotion - 10
เมื่อตัวละครของคุณสามารถอัพคลาสจนเป็น Paladin ได้แล้ว สกิลทั้ง 4 ที่ทางเราได้แนะนำไปจะสำคัญเป็นอย่างมาก โดยมันเริ่มกันที่สกิลแรกนั่นก็คือ Fortitude ที่จะช่วยเพิ่มค่า Max HP ของคุณให้สูงขึ้นไปอีก 15% ซึ่งถือว่าเยอะเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ส่วนสกิลต่อไปนั่นก็คือ Defending Aura โดยสกิลนี้จะช่วยให้ดาเมจระยะไกลที่คุณได้รับเบาลง และยังช่วยให้ดาเมจเวทย์ที่คุณได้รับเบาลงอีกด้วย ส่วนสกิลต่อไปนั่นก็คือ Battle Chant ซึ่งเป็นสกิลที่จะสุ่มบัพให้กับเพื่อนร่วมทีมของคุณ ช่วยได้ดีในการเล่นเป็นทีมมาก แล้วสกิลสุดท้ายนั่นก็คือ Devotion เป็นสกิลที่จะทำให้คุณสามารถรับดาเมจแทนเพื่อนในทีมของคุณได้ 1 คน แต่เพื่อนคนนั้นจะต้องอยู่ไม่ไกลจากตัวคุณ เป็นสกิลที่ช่วยให้โอกาสรอดชีวิตของเพื่อนร่วมทีมของคุณมีมากยิ่งขึ้น
อาวุธที่ควรใช้
ในส่วนของอาวุธที่คุณควรใช้ทางเราขอแนะนำให้เป็น Long Horn ที่มีความสามารถในการรีเลือดของคุณจำนวน 2% ตาม Max HP ในทุกๆ 10 วินาที และยังมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมอีกความสามารถหนึ่งนั่นก็คือ การโจมตีกายภาพของคุณจะมีโอกาส 10% ที่จะทำการร่าย Heal Level 3 ทันที แต่สิ่งที่ทำให้อาวุธชิ้นนี้เป็นอาวุธที่คุณต้องใช้นั่นก็เพราะว่า การร่ายสกิล Heal ถ้าคุณอัพสกิล Heal จนมีเลเวลมากกว่า 3 ได้ อาวุธชิ้นนี้ก็จะร่าย Heal ตามเลเวลนั้นๆด้วย ซึ่งคุณจะต้องอัพสกิล Heal ไว้ที่ level 10 อยู่แล้วนั่นเอง นอกจากนี้แล้วเมื่อคุณตีบวกอาวุธจนถึงเลเวลที่กำหนดไว้ก็จะมีความสามารถพิเศษเพิ่มขึ้นมาด้วยดังนี้
เมื่อตีบวกอาวุธชิ้นนี้ถึงระดับ 6 จะทำให้ตัวละครของเราได้รับผลของการฮิลเพิ่มขึ้นอีก 10%
เมื่อตีบวกกับอาวุธชิ้นนี้ถึงระดับ 10 จะทำการรีเลือดให้กับตัวละครเราทันที 5% จากเลือดที่เสียไปเมื่อตัวละครของเราทำการร่าย Heal
เมื่อตีบวกอาวุธชิ้นนี้ถึงระดับ 15 เมื่อตัวละครของเรามีเลือดตั้งแต่ 70% ขึ้นไปจาก Max HP จะทำให้ตัวละครของเราสามารถสร้างความเสียหายกายภาพเพิ่มขึ้นอีก 15%
ชุดสวมใส่
สำหรับสายนี้จะเน้นหนักไปทางสาย PvP การใส่ชุด Goibne's Cuirass จะช่วยให้เราได้ค่าป้องกันที่มากขึ้น ซึ่ง Effect ของชุดเราจะได้ป้องกันธาตุน้ำ ลม ดิน ไฟ 10% รวมถึงสเตตัสของไอเท็มแต่ละชิ้นก็จะบวกเลือด และป้องกันอื่น ๆ ให้เราด้วย
การ์ด
ด้วยความที่สาย Full Tank ไม่จำเป็นต้องมีการ์ดที่เน้นดาเมจมากเท่าไหร่ การ์ดส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปที่การทำให้ตัวของเราถึกขึ้น หรือไม่ก็การ์ดที่เน้นทางด้านการ support กับทีม เพื่อช่วยให้ตัวดาเมจสามารถทำดาเมจได้ง่ายขึ้น หรือสามารถเล่นได้ปลอดภัยขึ้นนั่นเอง
การ์ดหัว
ประดับ
การ์ดรองเท้า
การ์ดผ้าคลุม
ในส่วนของการ์ดผ้าคลุม โดยส่วนใหญ่แล้วเราจะเน้นไปที่การใส่ค่าลดทอนดาเมจต่างๆ ซึ่งการ์ดแต่ละใบที่คุณจะใช้ หรือการลดทอนดาเมจแต่ละธาตุก็จะขึ้นอยู่กับมอนสเตอร์ที่คุณจะไปต่อสู้ด้วยนั่นเอง และทางเราจะแนะนำบางการ์ดที่ทำให้คุณเห็นภาพได้ง่ายยิ่งขึ้น
การ์ดชุดเกราะ
ในส่วนของการ์ดชุดเกราะ ถ้าคุณมีงบหน่อย คุณสามารถใส่การ์ดที่ทำสถานะต่างๆได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับมอนสเตอร์ที่คุณไปเจอด้วยเช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยมีการ์ดตายตัวสักเท่าไหร่ แต่เพื่อให้เห็นภาพได้ง่ายขึ้น เราก็จะมีการ์ด 2 แบบ ทั้งที่เป็นแบบสร้างสถานะ และแบบที่ใช้ในการเพิ่มสเตตัสต่างๆของตัวละครเรานั่นเอง
การ์ดโล่
เฟืองที่ควรใช้