หนึ่งในรูปแบบเกมที่ผู้คนจะได้เพลิดเพลินบรรยากาศและใช้สมองคิดวิเคราะห์ไปด้วยก็คงไม่รอดพ้นไปจากเกมแนวพัซเซิลผจญภัย ซึ่งไม่นานมานี้เกมอย่าง Planet of Lana ที่ได้วางจำหน่ายให้ผู้เล่นสัมผัสความสนุกก็เป็นหนึ่งในนั้น หากพูดกันตรง ๆ ละก็ เกมเมอร์คนไหนที่เป็นแฟนเกมหรือชื่นชอบซีรีส์ Little Nightmares, LIMBO หรือ Inside ก็ไม่ควรอย่างยิ่งเลยที่จะพลาดเกมนี้!
สำหรับเกม Planet of Lana นี้ จะเปรียบเสมือนว่าผู้เล่นจะต้องตีความและสร้างเสียงพูดคุยของตัวละครในหัวตนเองผ่านการส่งเสียงที่ไม่ใช่ภาษามนุษย์ทั่วไปของเรา บนเส้นเรื่องของ Lana หนุ่มน้อยกำพร้าที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านลอยแพกลางน้ำกับ Elo ผู้เป็นพี่สาว ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเท่าที่จะทำได้ ทว่า ในวันหนึ่งของชีวิตอันแสนสุขเหล่านั้นกลับมีเหล่า 'เอเลี่ยน' รูปร่างเป็นเครื่องจักรคล้ายกับหลุดมาจากภาพยนตร์ War of the Worldsตกลงมาจากฟากฟ้า บุกจู่โจมหมู่บ้าน ทำลายข้าวของ และจับตัวผู้คนไป รวมถึงพี่สาวของ Lana อีกด้วย
Lana จึงทุลักทุเลหนีเอาตัวรอดและมุ่งหน้าไปยังฐานทัพใหญ่เพื่อช่วยเหลือพี่สาวของเขา ซึ่งในระหว่างการเดินทาง เขาก็ได้พบสิ่งมีชีวิตก้อนดำ ๆ คล้ายแมวที่มีการตั้งชื่อภายหลังว่า Mui ออกผจญภัยมุ่งหน้าด้วยความช่วยเหลือกันและกัน ผ่านพื้นที่หลากหลายที่เราจะพอปะติดปะต่อได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นเป็นมายังไงและจะเกิดอะไรขึ้นหาก Lana และ Mui ไม่สามารถช่วยพี่สาวหรือโลกใบนี้ไว้ได้ โดยเกมไม่จำเป็นต้องมีคนบรรยายอะไรเลยด้วยซ้ำ!
หนึ่งในสิ่งที่เกมทำให้ขนลุกและไม่มีการลดคุณภาพลงไปเลยก็คือความงาม ทัศนียภาพของฉาก แสงสีอันไร้ที่ติขององค์ประกอบฉาก จนกล่าวได้ว่าในระหว่างที่เล่นนี้มันช่างรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งสำหรับคนที่ชอบภาพงานอาร์ตวาดเขียนหรือศิลปะแบบเรียบง่ายอย่างผู้เขียนก็ยิ่งฟินแบบบอกไม่ถูก ในด้านของเสียงประกอบก็ทำออกมาได้ดีจนเสมือนว่าเราได้อยู่กลางป่าเขา ถ้ำมืดลึกลับ พงไพรชื้นแฉะหรือแม้กระทั่งหาดทรายสวยงาม
แต่เมื่อหันกลับมามองในส่วนระบบเกมเพลย์ ก็ต้องมีการตินิดหน่อยในเรื่องของความธรรมดาและไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปจากเกมที่เคยมีมาแล้ว เนื่องจากเกม Planet of Lana นั้นเป็นรูปแบบ 2.5 มิติ เดินมุมมองข้างไปด้านขวาเรื่อย ๆ โดยใช้ความสามารถของ Lana ในการปีนป่ายและควบคุมเอเลี่ยน ในขณะที่ Mui ก็จะมีหน้าที่ควบคุมเหล่าสิ่งมีชีวิตปริศนา ร่วมกันเปิดทางไปต่อ
ตัวเกมไม่ได้มีการเดินย้อนกลับไปจุดเก่าหรือมีอะไรให้เสาะหา เก็บสะสม หรือทำให้ตัวเกมมีอะไรทำมากกว่าเล่นเป็นเส้นตรงจนกว่าเนื้อเรื่องจะจบ นั่นหมายความว่าผู้เล่นจะสามารถจบเกมนี้ภายในเวลา 4 ชั่วโมงโดยไม่มีอะไรให้ทำนอกเหนือจากนี้ และถึงแม้จะเล่นจนจบแล้ว ตัวเกมก็ไม่ได้มีโหมดพิเศษให้เล่น ส่วนตัว ทางผู้เขียนก็สงสัยว่าจะมี DLC หรือไม่ เพราะหากไม่มี ช่องบันทึกเกมที่มีถึงสามช่องสำหรับเกมเล่นคนเดียวซึ่งไม่มีอะไรให้เก็บนี้ ก็ดูจะไร้ประโยชน์ไปหน่อย...
อีกทั้งเมื่อมองในภาพรวม ตัวพัซเซิลที่ทางเกมจัดหาสร้างมาให้เราทำก็ดูไม่ได้ยุ่งยากหรือต้องใช้ปัญญาคิดในการผ่านขนาดนั้นตลอดทั้งเกม มันจึงไม่ได้ปิดกั้นคนที่อยากเล่นเกมสบาย ๆ คลายเครียดแม้แต่น้อย แต่เพราะในส่วนนี้นี่เอง ความตื่นเต้นในระบบเกมเพลย์จึงลดหลั่นหายออกไป ไม่ได้มีการลุ้นระทึกระหว่างการผจญภัยในเหตุการณ์เอเลี่ยนบุกโลกหรืออันตรายจากสิ่งมีชีวิต สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเท่าที่เกมควรจะมอบให้ กล่าวคือ 'ไม่ได้อารมณ์ร่วมในการเอาตัวรอดเพื่อไปช่วยพี่สาวและโลก' ขนาดนั้น
ทั้งนี้ สำหรับเกมเมอร์ท่านใดที่อยากหาเกมที่มีเนื้อเรื่องกลมกล่อม ภาพสวย ผสมกับปริศนาให้แก้เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่ควรมองข้ามไปกับเกม Planet of Lana ที่วางจำหน่ายแล้วบนหลายแพลตฟอร์ม Xbox One, Xbox Series X/S และ PC บนร้านค้า Steam ราคา 400 บาทเท่านั้น!
ภาพสวยงามตระการตา
เสียงประกอบสุดลื่นหู
แมว (?) น่ารักไม่ไหว
เกมมีสิ่งให้ทำน้อยไปหน่อย
ไม่ตื่นเต้นเท่าที่ควรจะเป็น
หนึ่งในรูปแบบเกมที่ผู้คนจะได้เพลิดเพลินบรรยากาศและใช้สมองคิดวิเคราะห์ไปด้วยก็คงไม่รอดพ้นไปจากเกมแนวพัซเซิลผจญภัย ซึ่งไม่นานมานี้เกมอย่าง Planet of Lana ที่ได้วางจำหน่ายให้ผู้เล่นสัมผัสความสนุกก็เป็นหนึ่งในนั้น หากพูดกันตรง ๆ ละก็ เกมเมอร์คนไหนที่เป็นแฟนเกมหรือชื่นชอบซีรีส์ Little Nightmares, LIMBO หรือ Inside ก็ไม่ควรอย่างยิ่งเลยที่จะพลาดเกมนี้!
สำหรับเกม Planet of Lana นี้ จะเปรียบเสมือนว่าผู้เล่นจะต้องตีความและสร้างเสียงพูดคุยของตัวละครในหัวตนเองผ่านการส่งเสียงที่ไม่ใช่ภาษามนุษย์ทั่วไปของเรา บนเส้นเรื่องของ Lana หนุ่มน้อยกำพร้าที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านลอยแพกลางน้ำกับ Elo ผู้เป็นพี่สาว ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเท่าที่จะทำได้ ทว่า ในวันหนึ่งของชีวิตอันแสนสุขเหล่านั้นกลับมีเหล่า 'เอเลี่ยน' รูปร่างเป็นเครื่องจักรคล้ายกับหลุดมาจากภาพยนตร์ War of the Worldsตกลงมาจากฟากฟ้า บุกจู่โจมหมู่บ้าน ทำลายข้าวของ และจับตัวผู้คนไป รวมถึงพี่สาวของ Lana อีกด้วย
Lana จึงทุลักทุเลหนีเอาตัวรอดและมุ่งหน้าไปยังฐานทัพใหญ่เพื่อช่วยเหลือพี่สาวของเขา ซึ่งในระหว่างการเดินทาง เขาก็ได้พบสิ่งมีชีวิตก้อนดำ ๆ คล้ายแมวที่มีการตั้งชื่อภายหลังว่า Mui ออกผจญภัยมุ่งหน้าด้วยความช่วยเหลือกันและกัน ผ่านพื้นที่หลากหลายที่เราจะพอปะติดปะต่อได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดนั้นเป็นมายังไงและจะเกิดอะไรขึ้นหาก Lana และ Mui ไม่สามารถช่วยพี่สาวหรือโลกใบนี้ไว้ได้ โดยเกมไม่จำเป็นต้องมีคนบรรยายอะไรเลยด้วยซ้ำ!
หนึ่งในสิ่งที่เกมทำให้ขนลุกและไม่มีการลดคุณภาพลงไปเลยก็คือความงาม ทัศนียภาพของฉาก แสงสีอันไร้ที่ติขององค์ประกอบฉาก จนกล่าวได้ว่าในระหว่างที่เล่นนี้มันช่างรู้สึกอิ่มเอมอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งสำหรับคนที่ชอบภาพงานอาร์ตวาดเขียนหรือศิลปะแบบเรียบง่ายอย่างผู้เขียนก็ยิ่งฟินแบบบอกไม่ถูก ในด้านของเสียงประกอบก็ทำออกมาได้ดีจนเสมือนว่าเราได้อยู่กลางป่าเขา ถ้ำมืดลึกลับ พงไพรชื้นแฉะหรือแม้กระทั่งหาดทรายสวยงาม
แต่เมื่อหันกลับมามองในส่วนระบบเกมเพลย์ ก็ต้องมีการตินิดหน่อยในเรื่องของความธรรมดาและไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปจากเกมที่เคยมีมาแล้ว เนื่องจากเกม Planet of Lana นั้นเป็นรูปแบบ 2.5 มิติ เดินมุมมองข้างไปด้านขวาเรื่อย ๆ โดยใช้ความสามารถของ Lana ในการปีนป่ายและควบคุมเอเลี่ยน ในขณะที่ Mui ก็จะมีหน้าที่ควบคุมเหล่าสิ่งมีชีวิตปริศนา ร่วมกันเปิดทางไปต่อ
ตัวเกมไม่ได้มีการเดินย้อนกลับไปจุดเก่าหรือมีอะไรให้เสาะหา เก็บสะสม หรือทำให้ตัวเกมมีอะไรทำมากกว่าเล่นเป็นเส้นตรงจนกว่าเนื้อเรื่องจะจบ นั่นหมายความว่าผู้เล่นจะสามารถจบเกมนี้ภายในเวลา 4 ชั่วโมงโดยไม่มีอะไรให้ทำนอกเหนือจากนี้ และถึงแม้จะเล่นจนจบแล้ว ตัวเกมก็ไม่ได้มีโหมดพิเศษให้เล่น ส่วนตัว ทางผู้เขียนก็สงสัยว่าจะมี DLC หรือไม่ เพราะหากไม่มี ช่องบันทึกเกมที่มีถึงสามช่องสำหรับเกมเล่นคนเดียวซึ่งไม่มีอะไรให้เก็บนี้ ก็ดูจะไร้ประโยชน์ไปหน่อย...
อีกทั้งเมื่อมองในภาพรวม ตัวพัซเซิลที่ทางเกมจัดหาสร้างมาให้เราทำก็ดูไม่ได้ยุ่งยากหรือต้องใช้ปัญญาคิดในการผ่านขนาดนั้นตลอดทั้งเกม มันจึงไม่ได้ปิดกั้นคนที่อยากเล่นเกมสบาย ๆ คลายเครียดแม้แต่น้อย แต่เพราะในส่วนนี้นี่เอง ความตื่นเต้นในระบบเกมเพลย์จึงลดหลั่นหายออกไป ไม่ได้มีการลุ้นระทึกระหว่างการผจญภัยในเหตุการณ์เอเลี่ยนบุกโลกหรืออันตรายจากสิ่งมีชีวิต สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเท่าที่เกมควรจะมอบให้ กล่าวคือ 'ไม่ได้อารมณ์ร่วมในการเอาตัวรอดเพื่อไปช่วยพี่สาวและโลก' ขนาดนั้น
ทั้งนี้ สำหรับเกมเมอร์ท่านใดที่อยากหาเกมที่มีเนื้อเรื่องกลมกล่อม ภาพสวย ผสมกับปริศนาให้แก้เล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ไม่ควรมองข้ามไปกับเกม Planet of Lana ที่วางจำหน่ายแล้วบนหลายแพลตฟอร์ม Xbox One, Xbox Series X/S และ PC บนร้านค้า Steam ราคา 400 บาทเท่านั้น!