Capcom มัวแต่ห่วงแฟรนไชส์อื่นจนหลายคนอาจจะคิดว่าลืม Mega Man ไปแล้ว แต่เกมเหล่านี้ การจะหาตัวแทนผู้สืบทอดจิตวิญญาณเอง ก็ไม่ใช่เรื่องยาก หลังจาก 20xx และ 30xx เราอาจจะกำลังได้เกมแนวนี้ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ต้นฉบับ เกมนี้มีอะไรดี มาหาคำตอบกันในรีวิว Gravity Circuit
ภารกิจยับยั้งกองทัพไวรัส เนื้อเรื่องที่เห็นกันมาไม่รู้กี่รอบแล้ว
Gravity Circuit ยังคงใช้ฉากหลังยอดนิยมของโลกวิดีโอเกม นั่นคือความเป็น post-Apocalypse หรือโลกหลังการล่มสลาย แต่โลกหลังการล่มสลายของเกมนี้จะเต็มไปด้วยเหล่าจักรกลที่มีความรู้สึกนึกคิดราวกับมนุษย์ โลกในตอนนี้ถูกคุกคามโดยศัตรูเก่าที่กองทัพ Guardian Cops เคยปราบไปในอดีต นั่นคือ Virus Army หรือกองทัพไวรัส ที่แสดงตัวตนอีกครั้ง โดยมาพร้อมเป้าหมายในการยึดครองโลกมนุษย์โดยสมบูรณ์แบบ แต่เพราะ Guardian Cops เองก็อ่อนแอลงอย่างมาก ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปขอความช่วยเหลือจากวีรบุรุษสงครามจากการต่อสู้ครั้งก่อนอย่าง Kai ยอดนักสู้ที่ยังคงมีพลังในการควบคุมพลังเอาไว้ได้ ในฐานะที่เป็นวีรบุรุษคนสุดท้าย เขาจึงกลายเป็นความหวังเดียวของการต่อสู้ในครั้งนี้
ต้องบอกว่า ใครที่เห็นสไตล์เกมภาพพิกเซลแบบนี้แล้วคาดหวังว่าจะมีเนื้อเรื่องล้ำ ๆ ก็อาจจะคิดผิด ทั้งรูปแบบการนำเสนอ ทั้งเนื้อหา ต่างทำให้เราหวนนึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ สมัยเกม Arcade กำลังโด่งดัง เกมนี้ก็เน้นนำเสนอเรื่องราวที่เหมาะสมกันดี นั่นคือการมีเนื้อเรื่องที่เรียบง่าย ก็แค่มีตัวร้ายบุกโลก มีฝ่ายตัวดีที่มีฮีโร่ในตำนานและต้องออกโรงเอง เนื้อเรื่องของเกมนี้แทบไม่มีความซับซ้อนใด ๆ ดังนั้นใครที่คิดจะหาเนื้อเรื่องดี ๆ จากเกมนี้ ปล่อยจอยไปเกมอื่นได้เลย
มนต์เสน่ห์แห่งเกมเก่า ที่เกมนี้รักษาเอาไว้ได้ครบถ้วน
สิ่งแรกที่ต้องชมหลังได้สัมผัสเลยคือ ความทรงจำในวัยเด็กของใครหลายคนที่เคยสัมผัสเกมแนวนี้ น่าจะกลับมาแบบครบถ้วน และเกมได้แรงบันดาลใจอย่างหนักเลยทีเดียว จากเกมแอ็คชั่นแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Mega Man หรือร็อคแมนที่เรารู้จักกันดี เอามาแทบจะทุกส่วนเลยก็ว่าได้ แต่เดี๋ยวก่อน มันไม่ใช่เกมก๊อปปี้แบบที่คิด แม้เราจะบอกว่าเอามาแทบทุกส่วน แต่มันเป็นการหยิบเอามาต่อยอด และทำให้มันมีเอกลักษณ์หรือลายเซ็นเป็นของตัวเอง บางส่วนที่เหมือน ก็เอามาดัดแปลงจนดูไม่น่าเกลียดเกินไปนัก และเป็นอะไรที่ให้อภัยกันได้ บางส่วนที่เราอาจจะรำคาญจาก Mega Man ภาคเก่า ๆ เกมนี้ก็หยิบมาปรับปรุงแก้ไข แต่ก็มีบางอย่างที่ Mega Man เป็นอย่างไร เกมนี้ก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน
เริ่มจากระบบความสามารถของตัว Kai ที่ต่างไปจากตัว Mega Man อยู่บ้าง ตัว Mega Man นั้นจะใช้แขนปล่อยพลังโจมตีระยะไกล และชาร์จได้ ส่วนตัว Kai จะเป็นการเข้าไปต่อสู้ระยะประชิดด้วยหมัดติดตั้งอุปกรณ์ เอาแค่การโจมตีระยะประชิดนั้น ก็ทำให้รูปแบบเกมการเล่นต่างกันออกไปมากแล้ว แต่ก็ใช่ว่า Kai ของเราจะไม่มีอะไรเอาไว้ใช้เพิ่มระยะการต่อสู้เลย ตัวละคร Kai จะมีสาย Grappling Hook ที่เอาไว้ยึดเกี่ยวกับทุกสิ่ง รวมไปถึงตัว Kai เอง ยังสามารถกระโดดเกาะพื้นผิวต่าง ๆ ได้ ดังนั้นหมดปัญหาเรื่องตกเหว ถ้าคุณไวพอ ก็สามารถปีนกำแพงกลับขึ้นมาได้ด้วยการกระโดดเกาะกำแพงรัว ๆ ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกมการเล่นแตกต่างไปจาก Mega Man
เพียงแต่หลายสิ่งหลายอย่าง มันเป็นการยืมเอาระบบ Mega Man มาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การท้าประลองกับเหล่าบอสต่าง ๆ ที่มาเหมือนกันเป๊ะ คือเมื่อถึงห้องบอสจะมีจุด Checkpoint รอเราอยู่ด้านหน้า ถ้าเป็นเกมโซลก็คือรู้เลยว่าเป็นห้องบอส แต่ปัญหาของเกมนี้จากที่ผู้เขียนได้ลองเล่นมาทั้งหมด น่าจะเป็นเรื่องของความยากที่แกว่งไปมาแบบเอาแน่เอานอนไม่ได้ แม้ว่าในตอนเลือกฉาก เกมจะมีหลอดบอกระดับอยู่สองแบบ คือแบบ MAP และ POW โดยเข้าใจได้ว่า Map น่าจะหมายถึงกลไกความยากของแผนที่ในฉากนั้น และ POW น่าจะเป็นเรื่องของความยากในการสู้บอส แต่เอาจริง ๆ มันก็ไม่ได้รู้สึกมากขนาดนั้น ใครเก๋าเกมจริงก็เลือกตัวยาก ๆ แต่แรกเลยก็ได้ เกมมันไม่ได้ห้ามให้คุณสู้ข้ามขั้นอยู่แล้ว
นอกจากนั้น การดีไซน์ด่านยังมีการออกแบบฉากให้เข้ากับความสามารถของผู้เล่น เช่นการใช้ Grappling Hook ห้อยโหนตัวเพื่อหลบกับดักหนาม ซึ่งกับดักหนามนี้ถ้าเราโดน จะไม่ตายทันที แต่จะเสียพลังชีวิต และเราจะโดดดีดกลับไปยังจุด Checkpoint ใกล้ ๆ แทน และการดีไซน์ฉาก ยังมีความยากและท้าทายมาก ๆ เอาจริง ๆ แล้วมันอาจจะยิ่งกว่าการต่อสู้ด้วยซ้ำไป อย่างที่บอกไปว่า เราสามารถกระโดดเกาะกำแพง ยิงฮุคได้ ทำให้บางจุดเราจำเป็นจะต้องใช้ทักษะเหล่านี้ หรือบางจุดก็ต้องใช้แบบต่อเนื่องกันไปเลย ถึงจะเอาอยู่ ซึ่งบอกเลยว่าบางครั้งนี่ทำเอาปวดมือกันเลยทีเดียว เพราะต้องใช้ความรวดเร็วอย่างมากในการควบคุม
ที่ผู้เขียนชอบ คือการออกแบบด่านที่โดดเด่นเป็นเอกเทศน์ของตัวเองมาก ๆ การที่คุณเล่นด่านก่อนหน้ามาอย่างคล่องแคล่ว ไปเจอด่านต่อไป คุณอาจจะตายกันรัว ๆ จนต้องพักการเล่นไปก่อนเลยก็ได้ เพราะแต่ละด่านถูกดีไซน์มาแบบเป็นเอกเทศ คุณไม่สามารถเอาความเชี่ยวชาญที่ได้จากด่านก่อนไปใช้กับด่านต่อไปได้ แถมการอัปเกรดพลังต่าง ๆ ก็ไม่ได้ทำให้เราเอาชนะบอสตัวใหม่ ๆ ได้เหมือน Mega Man ซะด้วย ซึ่งตรงนี้นี่แหละที่ทำให้ความยากแกว่ง บอสบางตัวจะมีรูปแบบการโจมตีสุดปวดหัว และรวดเร็ว กว่าเราจะจับทางได้ และเอาชนะ ก็อาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งมีบรรยากาศและกลิ่นอายเกมเก่าอยู่เต็มไปหมด ใครคิดถึงเกมคลาสสิคที่ต้องใช้ฝีมือและความอดทนในการเรียนรู้จริง ๆ น่าจะชอบเกมนี้ได้ไม่ยาก
เรื่องของกราฟิกอาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับคนที่อยากลองเล่นเกมนี้ เพราะตัวเกมใช้การนำเสนอแบบเกม Retro ย้อนยุค กราฟิกจะถูกนำเสนอเป็นแบบพิกเซล 16 Bit และโทนสีจะไม่ได้มีมากเท่า ใครที่ชอบเกมสีสันจัดจ้าน อาจจะไม่ถูกใจเกมนี้ แต่นอกเหนือจากด้านการนำเสนอที่อาจเป็นเรื่องเฉพาะทางนั้น เกมนี้ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมตามมาตรฐาน คือการนำเอาของเก่ากลับทำใหม่ และให้แฟนเกมยุคปัจจุบันสนุกไปกับมันได้
ด้วยความที่เป็นเกมอินดี้ ขายคุณภาพ เกมนี้จึงไม่ค่อยมีความยาว หรือ Replayable Value ในการเล่นซ้ำมากขนาดนั้น รวมไปถึงราคาที่ค่อนข้างสูงในโซนไทย ทำให้มันอาจจะเป็นราคาที่ต้องพิจารณากันเสียหน่อย ว่าควรค่าที่จะซื้อมาเล่นหรือไม่ แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบเกมเก่า หรือเกมย้อนยุค รับรองว่าคุณจะถูกใจตั้งแต่ฉากเปิดเกมเลยก็ว่าได้
Gravity Circuit วางจำหน่ายแล้ววันนี้บน PC (Steam, GOG)
- ความสนุก และกลิ่นอายจากเกมยุคเก่าที่มาครบ แต่ปรับปรุงให้การควบคุมลื่นไหลขึ้น
- เกมเพลย์สนุก รวดเร็ว เน้นแอ็คชั่นของผู้เล่น
- เพลงประกอบดีงาม
- สีสันของเกมไม่น่าดึงดูด
- ความยากค่อนข้างแกว่ง
- คุณค่าการเล่นซ้ำน้อย
Capcom มัวแต่ห่วงแฟรนไชส์อื่นจนหลายคนอาจจะคิดว่าลืม Mega Man ไปแล้ว แต่เกมเหล่านี้ การจะหาตัวแทนผู้สืบทอดจิตวิญญาณเอง ก็ไม่ใช่เรื่องยาก หลังจาก 20xx และ 30xx เราอาจจะกำลังได้เกมแนวนี้ที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ต้นฉบับ เกมนี้มีอะไรดี มาหาคำตอบกันในรีวิว Gravity Circuit
ภารกิจยับยั้งกองทัพไวรัส เนื้อเรื่องที่เห็นกันมาไม่รู้กี่รอบแล้ว
Gravity Circuit ยังคงใช้ฉากหลังยอดนิยมของโลกวิดีโอเกม นั่นคือความเป็น post-Apocalypse หรือโลกหลังการล่มสลาย แต่โลกหลังการล่มสลายของเกมนี้จะเต็มไปด้วยเหล่าจักรกลที่มีความรู้สึกนึกคิดราวกับมนุษย์ โลกในตอนนี้ถูกคุกคามโดยศัตรูเก่าที่กองทัพ Guardian Cops เคยปราบไปในอดีต นั่นคือ Virus Army หรือกองทัพไวรัส ที่แสดงตัวตนอีกครั้ง โดยมาพร้อมเป้าหมายในการยึดครองโลกมนุษย์โดยสมบูรณ์แบบ แต่เพราะ Guardian Cops เองก็อ่อนแอลงอย่างมาก ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปขอความช่วยเหลือจากวีรบุรุษสงครามจากการต่อสู้ครั้งก่อนอย่าง Kai ยอดนักสู้ที่ยังคงมีพลังในการควบคุมพลังเอาไว้ได้ ในฐานะที่เป็นวีรบุรุษคนสุดท้าย เขาจึงกลายเป็นความหวังเดียวของการต่อสู้ในครั้งนี้
ต้องบอกว่า ใครที่เห็นสไตล์เกมภาพพิกเซลแบบนี้แล้วคาดหวังว่าจะมีเนื้อเรื่องล้ำ ๆ ก็อาจจะคิดผิด ทั้งรูปแบบการนำเสนอ ทั้งเนื้อหา ต่างทำให้เราหวนนึกถึงบรรยากาศเก่า ๆ สมัยเกม Arcade กำลังโด่งดัง เกมนี้ก็เน้นนำเสนอเรื่องราวที่เหมาะสมกันดี นั่นคือการมีเนื้อเรื่องที่เรียบง่าย ก็แค่มีตัวร้ายบุกโลก มีฝ่ายตัวดีที่มีฮีโร่ในตำนานและต้องออกโรงเอง เนื้อเรื่องของเกมนี้แทบไม่มีความซับซ้อนใด ๆ ดังนั้นใครที่คิดจะหาเนื้อเรื่องดี ๆ จากเกมนี้ ปล่อยจอยไปเกมอื่นได้เลย
มนต์เสน่ห์แห่งเกมเก่า ที่เกมนี้รักษาเอาไว้ได้ครบถ้วน
สิ่งแรกที่ต้องชมหลังได้สัมผัสเลยคือ ความทรงจำในวัยเด็กของใครหลายคนที่เคยสัมผัสเกมแนวนี้ น่าจะกลับมาแบบครบถ้วน และเกมได้แรงบันดาลใจอย่างหนักเลยทีเดียว จากเกมแอ็คชั่นแพลตฟอร์มชื่อดังอย่าง Mega Man หรือร็อคแมนที่เรารู้จักกันดี เอามาแทบจะทุกส่วนเลยก็ว่าได้ แต่เดี๋ยวก่อน มันไม่ใช่เกมก๊อปปี้แบบที่คิด แม้เราจะบอกว่าเอามาแทบทุกส่วน แต่มันเป็นการหยิบเอามาต่อยอด และทำให้มันมีเอกลักษณ์หรือลายเซ็นเป็นของตัวเอง บางส่วนที่เหมือน ก็เอามาดัดแปลงจนดูไม่น่าเกลียดเกินไปนัก และเป็นอะไรที่ให้อภัยกันได้ บางส่วนที่เราอาจจะรำคาญจาก Mega Man ภาคเก่า ๆ เกมนี้ก็หยิบมาปรับปรุงแก้ไข แต่ก็มีบางอย่างที่ Mega Man เป็นอย่างไร เกมนี้ก็เป็นอย่างนั้นเช่นกัน
เริ่มจากระบบความสามารถของตัว Kai ที่ต่างไปจากตัว Mega Man อยู่บ้าง ตัว Mega Man นั้นจะใช้แขนปล่อยพลังโจมตีระยะไกล และชาร์จได้ ส่วนตัว Kai จะเป็นการเข้าไปต่อสู้ระยะประชิดด้วยหมัดติดตั้งอุปกรณ์ เอาแค่การโจมตีระยะประชิดนั้น ก็ทำให้รูปแบบเกมการเล่นต่างกันออกไปมากแล้ว แต่ก็ใช่ว่า Kai ของเราจะไม่มีอะไรเอาไว้ใช้เพิ่มระยะการต่อสู้เลย ตัวละคร Kai จะมีสาย Grappling Hook ที่เอาไว้ยึดเกี่ยวกับทุกสิ่ง รวมไปถึงตัว Kai เอง ยังสามารถกระโดดเกาะพื้นผิวต่าง ๆ ได้ ดังนั้นหมดปัญหาเรื่องตกเหว ถ้าคุณไวพอ ก็สามารถปีนกำแพงกลับขึ้นมาได้ด้วยการกระโดดเกาะกำแพงรัว ๆ ซึ่งเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกมการเล่นแตกต่างไปจาก Mega Man
เพียงแต่หลายสิ่งหลายอย่าง มันเป็นการยืมเอาระบบ Mega Man มาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การท้าประลองกับเหล่าบอสต่าง ๆ ที่มาเหมือนกันเป๊ะ คือเมื่อถึงห้องบอสจะมีจุด Checkpoint รอเราอยู่ด้านหน้า ถ้าเป็นเกมโซลก็คือรู้เลยว่าเป็นห้องบอส แต่ปัญหาของเกมนี้จากที่ผู้เขียนได้ลองเล่นมาทั้งหมด น่าจะเป็นเรื่องของความยากที่แกว่งไปมาแบบเอาแน่เอานอนไม่ได้ แม้ว่าในตอนเลือกฉาก เกมจะมีหลอดบอกระดับอยู่สองแบบ คือแบบ MAP และ POW โดยเข้าใจได้ว่า Map น่าจะหมายถึงกลไกความยากของแผนที่ในฉากนั้น และ POW น่าจะเป็นเรื่องของความยากในการสู้บอส แต่เอาจริง ๆ มันก็ไม่ได้รู้สึกมากขนาดนั้น ใครเก๋าเกมจริงก็เลือกตัวยาก ๆ แต่แรกเลยก็ได้ เกมมันไม่ได้ห้ามให้คุณสู้ข้ามขั้นอยู่แล้ว
นอกจากนั้น การดีไซน์ด่านยังมีการออกแบบฉากให้เข้ากับความสามารถของผู้เล่น เช่นการใช้ Grappling Hook ห้อยโหนตัวเพื่อหลบกับดักหนาม ซึ่งกับดักหนามนี้ถ้าเราโดน จะไม่ตายทันที แต่จะเสียพลังชีวิต และเราจะโดดดีดกลับไปยังจุด Checkpoint ใกล้ ๆ แทน และการดีไซน์ฉาก ยังมีความยากและท้าทายมาก ๆ เอาจริง ๆ แล้วมันอาจจะยิ่งกว่าการต่อสู้ด้วยซ้ำไป อย่างที่บอกไปว่า เราสามารถกระโดดเกาะกำแพง ยิงฮุคได้ ทำให้บางจุดเราจำเป็นจะต้องใช้ทักษะเหล่านี้ หรือบางจุดก็ต้องใช้แบบต่อเนื่องกันไปเลย ถึงจะเอาอยู่ ซึ่งบอกเลยว่าบางครั้งนี่ทำเอาปวดมือกันเลยทีเดียว เพราะต้องใช้ความรวดเร็วอย่างมากในการควบคุม
ที่ผู้เขียนชอบ คือการออกแบบด่านที่โดดเด่นเป็นเอกเทศน์ของตัวเองมาก ๆ การที่คุณเล่นด่านก่อนหน้ามาอย่างคล่องแคล่ว ไปเจอด่านต่อไป คุณอาจจะตายกันรัว ๆ จนต้องพักการเล่นไปก่อนเลยก็ได้ เพราะแต่ละด่านถูกดีไซน์มาแบบเป็นเอกเทศ คุณไม่สามารถเอาความเชี่ยวชาญที่ได้จากด่านก่อนไปใช้กับด่านต่อไปได้ แถมการอัปเกรดพลังต่าง ๆ ก็ไม่ได้ทำให้เราเอาชนะบอสตัวใหม่ ๆ ได้เหมือน Mega Man ซะด้วย ซึ่งตรงนี้นี่แหละที่ทำให้ความยากแกว่ง บอสบางตัวจะมีรูปแบบการโจมตีสุดปวดหัว และรวดเร็ว กว่าเราจะจับทางได้ และเอาชนะ ก็อาจจะต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งมีบรรยากาศและกลิ่นอายเกมเก่าอยู่เต็มไปหมด ใครคิดถึงเกมคลาสสิคที่ต้องใช้ฝีมือและความอดทนในการเรียนรู้จริง ๆ น่าจะชอบเกมนี้ได้ไม่ยาก
เรื่องของกราฟิกอาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับคนที่อยากลองเล่นเกมนี้ เพราะตัวเกมใช้การนำเสนอแบบเกม Retro ย้อนยุค กราฟิกจะถูกนำเสนอเป็นแบบพิกเซล 16 Bit และโทนสีจะไม่ได้มีมากเท่า ใครที่ชอบเกมสีสันจัดจ้าน อาจจะไม่ถูกใจเกมนี้ แต่นอกเหนือจากด้านการนำเสนอที่อาจเป็นเรื่องเฉพาะทางนั้น เกมนี้ถือว่าทำได้ยอดเยี่ยมตามมาตรฐาน คือการนำเอาของเก่ากลับทำใหม่ และให้แฟนเกมยุคปัจจุบันสนุกไปกับมันได้
ด้วยความที่เป็นเกมอินดี้ ขายคุณภาพ เกมนี้จึงไม่ค่อยมีความยาว หรือ Replayable Value ในการเล่นซ้ำมากขนาดนั้น รวมไปถึงราคาที่ค่อนข้างสูงในโซนไทย ทำให้มันอาจจะเป็นราคาที่ต้องพิจารณากันเสียหน่อย ว่าควรค่าที่จะซื้อมาเล่นหรือไม่ แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบเกมเก่า หรือเกมย้อนยุค รับรองว่าคุณจะถูกใจตั้งแต่ฉากเปิดเกมเลยก็ว่าได้
Gravity Circuit วางจำหน่ายแล้ววันนี้บน PC (Steam, GOG)