GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
[Review] รีวิวเกม Atlas Fallen อีกหนึ่งความย่ำแย่ของผลงานวิดีโอเกมในปีนี้ ที่น่าผิดหวังในทุกภาคส่วน
ลงวันที่ 02/09/2023

ผลงานใหม่ของ Deck 13 เจ้าของผลงาน The Surge หันมาจับเกม Action RPG ทั่วไปกับเขาบ้าง เลยออกมาเป็น Atlas Fallen เกมนี้ แต่มันจะมีอะไรดี หรือน่าสนใจหรือไม่ วันนี้มาดูรีวิวของเรากัน

เรื่องราวแบบเหล้าเก่าในขวดใหม่อีกครั้ง ของคนไร้ชื่อที่บังเอิญได้กลายเป็นฮีโร่


เรื่องราวของ Atlas Fallen เล่าถึงเทพผู้ต้องการพลังอย่าง The Essence ซึ่งพลังดังกล่าว ดันเติบโตและเก็บเกี่ยวได้บนโลกมนุษย์ เทพ Thelos เลยพยายามหาวิธีทำลายล้างโลกมนุษย์ด้วยการค่อย ๆ เก็บเกี่ยวพลังไปพร้อม ๆ กับวางแผนก่อการใหญ่ ในขณะที่ Nyaal วิญญาณลึกลับที่มีพลังได้สร้างถุงมือวิเศษขึ้นมา และขังตัวเองไว้ในนั้นจนกลายเป็นถุงมือพูดได้ (คุ้น ๆ ใช่หรือไม่ ?) และผู้ที่ได้พลังนั้นมาครอบครอง กลับเป็นตัวเอกไร้นาม (ที่ในเกมใช้ชื่อ The Unnamed) ที่กำลังเผชิญหน้ากับกองทหารรุกราน และต้องเอาตัวรอดจากไฟสงคราม แน่นอนว่าภารกิจครั้งนี้ ทั้งการเอาตัวรอดจากหายนะสงคราม และหายนะระดับโลกแดนดินจึงได้เริ่มต้นขึ้น


อาจจะถือว่าเป็นจังหวะเวลาที่ค่อนข้างพอเหมาะพอเจาะไปเสียหน่อย เมื่อ Atlas Fallen ดันมีพล็อตแบบถุงมือวิเศษพูดได้อย่าง The Gauntlet อยู่ในเกม เพราะเมื่อช่วงต้นปี เกมของ Square Enix อย่าง Forspoken ก็มีพล็อตจำพวกกำไลโบราณพูดมากแบบนี้อยู่ เพียงแต่ว่าถุงมือโบราณในเกมนี้ไม่ได้พูดมากน่ารำคาญเท่า และฉากหลังของเกมก็ไม่ได้พาผู้เล่นไป Isekai ต่างโลกแบบ Forspoken ด้วย ดังนั้นถ้าจะมีจุดเหมือนก็น่าจะแค่การมีวัตถุแปลก ๆ ปากมากในเลเวลที่ต่างกันเล็กน้อย


แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม เนื้อหาที่ Atlas Fallen ตั้งใจจะนำเสนอมันก็ไม่ได้มีอะไรใหม่เลย มันยังคงเป็นเรื่องราวของคนไร้นามที่จับพลัดจับผลูกลายมาเป็นวีรบุรุษ หรืออาจจะเป็นตัวกำหนดโชคชะตาอะไรสักอย่าง ซึ่งในเกมนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องของบ้านเกิดเมืองนอน หรือแผ่นดินใหญ่อยู่ดี รวมไปถึงทางผู้สร้างเอง เขาก็ไม่ได้คิดที่จะพยายามนำเสนออะไรที่มันใหม่ไปมากกว่านี้ด้วย ด้วยรูปแบบการเล่าเรื่องที่ตรงแบบสุด ๆ บวกกับบทสนทนาที่เหมือนขาดการขัดเกลา ตลอดเวลาการเล่น เราจะเห็นบทสนทนาง่าย ๆ ไม่ลึก ไม่ซับซ้อน ไม่คมคาย อารมณ์เหมือนกับเขียนบทมาให้มันจบ ๆ ไป ซึ่งถามว่ามันดีไหม มันก็อยู่ในระดับที่สนุกไปกับมันได้ แต่ก็ไม่ใช่ของใหม่ที่เราจะต้องว้าวกันอย่างแน่นอน ทำให้เนื้อหาของ Atlas Fallen เป็นอีกครั้งที่เราต้องใช้คำว่า "เหล้าเก่าในขวดใหม่"

ระบบการนำเสนอและเกมเพลย์การเล่นที่ตกยุคแบบสุด ๆ


น่าเสียดายสำหรับใครที่ผิดหวังในส่วนของเนื้อเรื่องและจะมาหวังกับ Gameplay เราขอดักคอไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลยว่า น่าผิดหวังไม่ต่างกัน จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมบางคนยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าปีนี้มีเกมนี้ออกวางจำหน่ายด้วย 

สำหรับ Atlas Fallen นั้น ใช้เกมเพลย์แบบที่แฟน ๆ คุ้นเคยกันดีนั่นคือ Open World ผสมกับความเป็น Action RPG ที่แทบจะไม่มีอะไรใหม่ใส่เข้ามาด้วยเลย แต่การนำเสนอระบบแบบต่าง ๆ นั้นจะถูกเปลี่ยนแปลงไป แต่ส่วนมากก็คือการหยิบเอาบางระบบนั่นแหละมาดัดแปลงใหม่ ใส่เป็นของตัวเอง ในแง่ของระบบเกมเพลย์การเล่น ใครที่เล่นเกม Action RPG มาเยอะ ๆ จับแปปเดียวก็น่าจะรู้เรื่อง มันคือเกมที่เราจะได้ออกลีลาวาดลวดลายต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์โดยเกมนี้เราจะได้ใช้ถุงมือที่มีพลังโบราณเป็นอาวุธ และมี Stance การต่อสู้ให้เลือกใช้สองแบบด้วยกันคือ Sandwhip และ Dunecleaver แต่เราสามารถสลับไปมาระหว่าง 2 Stance นี้ได้ง่าย ๆ ด้วยการคลิกซ้ายหรือคลิกขวาง่าย ๆ โดยแบบ Sandwhip จะมีความรวดเร็วและความคล่องตัวที่สูงกว่า ส่วนแบบ Dunecleaver จะมีพลังโจมตีสูงกว่าแต่ช้ากว่า


นอกจากนั้นตัวละครยังมีหลอด Momentum ที่เปรียบกับเกมอื่น ๆ แล้ว มันก็คือหลอดมานาสำหรับกดร่ายสกิลต่าง ๆ แต่สำหรับเกมนี้ก็ดูไม่มีค่าความสำคัญอะไรเลย นอกเสียจากการกดใช้เพื่อออกท่าโจมตีพิเศษที่มีความรุนแรงมากขึ้น โดยการเก็บหลอด Momentum นี้ก็ได้จากการโจมตีปกติทั่วไปตามสูตรเกมเดิม ๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ 

ระบบการต่อสู้ของเกมนี้ นอกจากอาวุธสองโหมดแล้ว อีกสิ่งหนึ่งคือระบบ Essence Stone การใส่หินนี้ให้กับตัวละคร จะทำให้การโจมตีรูปแบบต่าง ๆ ได้รับการอัปเกรด เช่นต่อยเป็นพายุหมัดทอร์นาโด หรือใช้ค้อนออกมาสองอันพร้อมกัน โดยหิน Essence Stone ก็ได้ทั้งจากการทำภารกิจหลัก และภารกิจรองต่าง ๆ และมันมีรูปแบบทั้งหมดที่เราสามารถเก็บได้ แต่เอาจริง ๆ ถึงเวลาเล่น เราก็จะเจอแบบที่ชอบอยู่แค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละ และบางสกิล ใส่ซ้อนกันก็ใช่ว่ามันจะทำงานพร้อมกันได้ดี สรุปก็คือแทบไม่มีความจำเป็นจะออกไปเก็บให้ครบ หาอันดี ๆ สักชุด แล้วอัปเกรดใช้งานไปเรื่อย ๆ ก็เพียงพอแล้ว


และเวลาต่อสู้กับมอนสเตอร์ ส่วนมากก็จะเป็นรูปแบบเดิม ๆ คือการพยายามหลบหลีกการโจมตีของศัตรูและสวนกลับเท่านั้น การจะหาหีบไอเทมที่เป็นวัตถุดิบสำหรับการอัปเกรดถุงมือหรือ Essence Stone ก็คล้ายกันหมด ทำให้เกมเพลย์นั้นรู้สึกซ้ำซากจำเจอย่างถึงที่สุด ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมสตูดิโอที่เคยสร้างเกมเจ๋ง ๆ อย่าง The Surge ถึงมามือตกเอา และดูเหมือนเป็นเกมที่ไม่ได้รับความใส่ใจในการพัฒนาเลยแม้แต่น้อย

โลกของเกมถูกนำเสนอเป็นแบบ Open World ก็จริง แต่ก็ไม่ได้กว้างขวาง หรือมีพื้นที่อะไรให้เราสำรวจมากมายนัก แต่จุดที่ต้องขอชม และชื่นชอบเป็นการส่วนตัวคือเรื่องของการเดินทางภายในเกมที่มีความคล้าย Forspoken อยู่อีกส่วน โดยในเกมนี้ หากเหยียบอยู่บนพื้นดินปกติ ก็จะเป็นการเดินทางแบบทั่วไป แต่ถ้าเมื่อไรที่เราเหยียบไปบนพื้นทราย ตัวละครของเราจะเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนไหวไปเป็นการขี่ทราย เหมือนกับการขี่เซิร์ฟบอร์ดบนน้ำทะเล เท่ใช้ได้ และที่สำคัญคือ เป็นการทำให้การเคลื่อนไหวของตัวละครค่อนข้างลื่นไหลกว่าที่คิด แต่ก็นั่นแหละ เพราะสุดท้ายมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรมาก หากเดินทางบ่อย ๆ ในระยะไกล การใช้ Fast Travel ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอยู่แล้ว


ที่น่าปวดใจก็คือ เกมนี้ขายความเป็น Open World ในระดับหนึ่ง แต่โลกของเกมมันช่างอ้างว้าง เงียบเหงา ไร้ซึ่งความน่าสนใจใด ๆ ด้วยความที่อยากจะขายฉากหลังเป็นเมืองท่ามกลางทะเลทรายอยู่แล้ว นอกเสียจากซากปรักหักพัง และเมืองที่ค่อนข้างแห้งแล้ง เกมก็ขาดความน่าสนใจในการออกสำรวจอย่างสิ้นเชิง ชนิดที่ว่าถ้าไม่มีเควสท์หรือภารกิจใด ๆ ให้ทำก็แทบจะไม่อยากออกสำรวจ อยากจะดิ่งเนื้อเรื่องให้มันจบ ๆ ไป แถมดีไม่ดี บางคนอาจจะเล่นไม่จบด้วยซ้ำ

ถ้าให้มองหาข้อดีนั้น อาจจะพอบอกได้ว่า Movement และบางช่วงของเกมก็สนุกดี จากการออกแบบระบบการเคลื่อนที่บนทราย และความสามารถในการ Double Jump หรือ Air-Dash แต่เกมอื่นเขาก็มีระบบแบบนี้กันอยู่แล้ว เพียงแต่เกมนี้เอามาใช้และทำให้มันสนุกได้ในบางช่วง ซึ่งก็นั่นแหละครับ ทุกอย่างล้วนตกยุค ผิดที่ผิดทางไปหมด ยิ่งภารกิจเนื้อเรื่องนี่ยิ่งงงหนัก ว่าทำไมต้องให้เราทำอะไรซับซ้อน เช่นการไปหาเศษถุงมือมาอัปเกรด รวมไปถึงไม่บอกตำแหน่งที่ชัดเจนด้วย ปล่อยให้ผู้เล่นคลำหากันเอง รับรองว่าใครเบื่อง่าย เจอเส้นเรื่องภารกิจหลักเข้าไป โอกาสเลิกจากตรงนี้ สูงมาก ๆ..


หากเกมนี้ได้รับการโปรโมทที่ดังกว่านี้ มันอาจจะโด่งดังขึ้นมาในฐานะเกมยอดแย่ก็ได้ ซึ่งก็ดีแล้วที่มันไม่ดัง และเราคงอยากบอกคุณผู้อ่านที่สนใจเกมนี้ว่า เก็บเงินไว้รอซื้อเกมอื่น ๆ ยังน่าจะดีกว่ากดเกมนี้มาเล่น ต่อให้ลดราคา เราก็ไม่แนะนำ..

7
ข้อดี

- การเคลื่อนไหวบนพื้นทรายสนุกดี 

- ระบบ Air-Dash และ Double Jump ทำมาค่อนข้างเวิร์ค

ข้อเสีย

- เกมเพลย์ไม่สนุก และซ้ำซากสุด ๆ 

- ไม่มีความลึกหรือความน่าตื่นเต้นใด ๆ ในการเล่นเลย ตั้งแตต่ช่วงแรกจนถึงช่วงท้าย

- โลกภายในเกม เงียบเหงา อ้างว้าง ไม่มีอะไรให้น่าสำรวจ

- เนื้อเรื่องตกยุคสุด ๆ

- ระบบการต่อสู้ทำมาไม่สนุกอีกต่างหาก ทั้งที่เป็นหัวใจหลักของเกม

4
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[Review] รีวิวเกม Atlas Fallen อีกหนึ่งความย่ำแย่ของผลงานวิดีโอเกมในปีนี้ ที่น่าผิดหวังในทุกภาคส่วน
02/09/2023

ผลงานใหม่ของ Deck 13 เจ้าของผลงาน The Surge หันมาจับเกม Action RPG ทั่วไปกับเขาบ้าง เลยออกมาเป็น Atlas Fallen เกมนี้ แต่มันจะมีอะไรดี หรือน่าสนใจหรือไม่ วันนี้มาดูรีวิวของเรากัน

เรื่องราวแบบเหล้าเก่าในขวดใหม่อีกครั้ง ของคนไร้ชื่อที่บังเอิญได้กลายเป็นฮีโร่


เรื่องราวของ Atlas Fallen เล่าถึงเทพผู้ต้องการพลังอย่าง The Essence ซึ่งพลังดังกล่าว ดันเติบโตและเก็บเกี่ยวได้บนโลกมนุษย์ เทพ Thelos เลยพยายามหาวิธีทำลายล้างโลกมนุษย์ด้วยการค่อย ๆ เก็บเกี่ยวพลังไปพร้อม ๆ กับวางแผนก่อการใหญ่ ในขณะที่ Nyaal วิญญาณลึกลับที่มีพลังได้สร้างถุงมือวิเศษขึ้นมา และขังตัวเองไว้ในนั้นจนกลายเป็นถุงมือพูดได้ (คุ้น ๆ ใช่หรือไม่ ?) และผู้ที่ได้พลังนั้นมาครอบครอง กลับเป็นตัวเอกไร้นาม (ที่ในเกมใช้ชื่อ The Unnamed) ที่กำลังเผชิญหน้ากับกองทหารรุกราน และต้องเอาตัวรอดจากไฟสงคราม แน่นอนว่าภารกิจครั้งนี้ ทั้งการเอาตัวรอดจากหายนะสงคราม และหายนะระดับโลกแดนดินจึงได้เริ่มต้นขึ้น


อาจจะถือว่าเป็นจังหวะเวลาที่ค่อนข้างพอเหมาะพอเจาะไปเสียหน่อย เมื่อ Atlas Fallen ดันมีพล็อตแบบถุงมือวิเศษพูดได้อย่าง The Gauntlet อยู่ในเกม เพราะเมื่อช่วงต้นปี เกมของ Square Enix อย่าง Forspoken ก็มีพล็อตจำพวกกำไลโบราณพูดมากแบบนี้อยู่ เพียงแต่ว่าถุงมือโบราณในเกมนี้ไม่ได้พูดมากน่ารำคาญเท่า และฉากหลังของเกมก็ไม่ได้พาผู้เล่นไป Isekai ต่างโลกแบบ Forspoken ด้วย ดังนั้นถ้าจะมีจุดเหมือนก็น่าจะแค่การมีวัตถุแปลก ๆ ปากมากในเลเวลที่ต่างกันเล็กน้อย


แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม เนื้อหาที่ Atlas Fallen ตั้งใจจะนำเสนอมันก็ไม่ได้มีอะไรใหม่เลย มันยังคงเป็นเรื่องราวของคนไร้นามที่จับพลัดจับผลูกลายมาเป็นวีรบุรุษ หรืออาจจะเป็นตัวกำหนดโชคชะตาอะไรสักอย่าง ซึ่งในเกมนี้ก็ยังคงเป็นเรื่องของบ้านเกิดเมืองนอน หรือแผ่นดินใหญ่อยู่ดี รวมไปถึงทางผู้สร้างเอง เขาก็ไม่ได้คิดที่จะพยายามนำเสนออะไรที่มันใหม่ไปมากกว่านี้ด้วย ด้วยรูปแบบการเล่าเรื่องที่ตรงแบบสุด ๆ บวกกับบทสนทนาที่เหมือนขาดการขัดเกลา ตลอดเวลาการเล่น เราจะเห็นบทสนทนาง่าย ๆ ไม่ลึก ไม่ซับซ้อน ไม่คมคาย อารมณ์เหมือนกับเขียนบทมาให้มันจบ ๆ ไป ซึ่งถามว่ามันดีไหม มันก็อยู่ในระดับที่สนุกไปกับมันได้ แต่ก็ไม่ใช่ของใหม่ที่เราจะต้องว้าวกันอย่างแน่นอน ทำให้เนื้อหาของ Atlas Fallen เป็นอีกครั้งที่เราต้องใช้คำว่า "เหล้าเก่าในขวดใหม่"

ระบบการนำเสนอและเกมเพลย์การเล่นที่ตกยุคแบบสุด ๆ


น่าเสียดายสำหรับใครที่ผิดหวังในส่วนของเนื้อเรื่องและจะมาหวังกับ Gameplay เราขอดักคอไว้ตั้งแต่ตอนนี้เลยว่า น่าผิดหวังไม่ต่างกัน จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมบางคนยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าปีนี้มีเกมนี้ออกวางจำหน่ายด้วย 

สำหรับ Atlas Fallen นั้น ใช้เกมเพลย์แบบที่แฟน ๆ คุ้นเคยกันดีนั่นคือ Open World ผสมกับความเป็น Action RPG ที่แทบจะไม่มีอะไรใหม่ใส่เข้ามาด้วยเลย แต่การนำเสนอระบบแบบต่าง ๆ นั้นจะถูกเปลี่ยนแปลงไป แต่ส่วนมากก็คือการหยิบเอาบางระบบนั่นแหละมาดัดแปลงใหม่ ใส่เป็นของตัวเอง ในแง่ของระบบเกมเพลย์การเล่น ใครที่เล่นเกม Action RPG มาเยอะ ๆ จับแปปเดียวก็น่าจะรู้เรื่อง มันคือเกมที่เราจะได้ออกลีลาวาดลวดลายต่อสู้กับเหล่ามอนสเตอร์โดยเกมนี้เราจะได้ใช้ถุงมือที่มีพลังโบราณเป็นอาวุธ และมี Stance การต่อสู้ให้เลือกใช้สองแบบด้วยกันคือ Sandwhip และ Dunecleaver แต่เราสามารถสลับไปมาระหว่าง 2 Stance นี้ได้ง่าย ๆ ด้วยการคลิกซ้ายหรือคลิกขวาง่าย ๆ โดยแบบ Sandwhip จะมีความรวดเร็วและความคล่องตัวที่สูงกว่า ส่วนแบบ Dunecleaver จะมีพลังโจมตีสูงกว่าแต่ช้ากว่า


นอกจากนั้นตัวละครยังมีหลอด Momentum ที่เปรียบกับเกมอื่น ๆ แล้ว มันก็คือหลอดมานาสำหรับกดร่ายสกิลต่าง ๆ แต่สำหรับเกมนี้ก็ดูไม่มีค่าความสำคัญอะไรเลย นอกเสียจากการกดใช้เพื่อออกท่าโจมตีพิเศษที่มีความรุนแรงมากขึ้น โดยการเก็บหลอด Momentum นี้ก็ได้จากการโจมตีปกติทั่วไปตามสูตรเกมเดิม ๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ 

ระบบการต่อสู้ของเกมนี้ นอกจากอาวุธสองโหมดแล้ว อีกสิ่งหนึ่งคือระบบ Essence Stone การใส่หินนี้ให้กับตัวละคร จะทำให้การโจมตีรูปแบบต่าง ๆ ได้รับการอัปเกรด เช่นต่อยเป็นพายุหมัดทอร์นาโด หรือใช้ค้อนออกมาสองอันพร้อมกัน โดยหิน Essence Stone ก็ได้ทั้งจากการทำภารกิจหลัก และภารกิจรองต่าง ๆ และมันมีรูปแบบทั้งหมดที่เราสามารถเก็บได้ แต่เอาจริง ๆ ถึงเวลาเล่น เราก็จะเจอแบบที่ชอบอยู่แค่ไม่กี่อย่างเท่านั้นแหละ และบางสกิล ใส่ซ้อนกันก็ใช่ว่ามันจะทำงานพร้อมกันได้ดี สรุปก็คือแทบไม่มีความจำเป็นจะออกไปเก็บให้ครบ หาอันดี ๆ สักชุด แล้วอัปเกรดใช้งานไปเรื่อย ๆ ก็เพียงพอแล้ว


และเวลาต่อสู้กับมอนสเตอร์ ส่วนมากก็จะเป็นรูปแบบเดิม ๆ คือการพยายามหลบหลีกการโจมตีของศัตรูและสวนกลับเท่านั้น การจะหาหีบไอเทมที่เป็นวัตถุดิบสำหรับการอัปเกรดถุงมือหรือ Essence Stone ก็คล้ายกันหมด ทำให้เกมเพลย์นั้นรู้สึกซ้ำซากจำเจอย่างถึงที่สุด ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมสตูดิโอที่เคยสร้างเกมเจ๋ง ๆ อย่าง The Surge ถึงมามือตกเอา และดูเหมือนเป็นเกมที่ไม่ได้รับความใส่ใจในการพัฒนาเลยแม้แต่น้อย

โลกของเกมถูกนำเสนอเป็นแบบ Open World ก็จริง แต่ก็ไม่ได้กว้างขวาง หรือมีพื้นที่อะไรให้เราสำรวจมากมายนัก แต่จุดที่ต้องขอชม และชื่นชอบเป็นการส่วนตัวคือเรื่องของการเดินทางภายในเกมที่มีความคล้าย Forspoken อยู่อีกส่วน โดยในเกมนี้ หากเหยียบอยู่บนพื้นดินปกติ ก็จะเป็นการเดินทางแบบทั่วไป แต่ถ้าเมื่อไรที่เราเหยียบไปบนพื้นทราย ตัวละครของเราจะเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนไหวไปเป็นการขี่ทราย เหมือนกับการขี่เซิร์ฟบอร์ดบนน้ำทะเล เท่ใช้ได้ และที่สำคัญคือ เป็นการทำให้การเคลื่อนไหวของตัวละครค่อนข้างลื่นไหลกว่าที่คิด แต่ก็นั่นแหละ เพราะสุดท้ายมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรมาก หากเดินทางบ่อย ๆ ในระยะไกล การใช้ Fast Travel ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าอยู่แล้ว


ที่น่าปวดใจก็คือ เกมนี้ขายความเป็น Open World ในระดับหนึ่ง แต่โลกของเกมมันช่างอ้างว้าง เงียบเหงา ไร้ซึ่งความน่าสนใจใด ๆ ด้วยความที่อยากจะขายฉากหลังเป็นเมืองท่ามกลางทะเลทรายอยู่แล้ว นอกเสียจากซากปรักหักพัง และเมืองที่ค่อนข้างแห้งแล้ง เกมก็ขาดความน่าสนใจในการออกสำรวจอย่างสิ้นเชิง ชนิดที่ว่าถ้าไม่มีเควสท์หรือภารกิจใด ๆ ให้ทำก็แทบจะไม่อยากออกสำรวจ อยากจะดิ่งเนื้อเรื่องให้มันจบ ๆ ไป แถมดีไม่ดี บางคนอาจจะเล่นไม่จบด้วยซ้ำ

ถ้าให้มองหาข้อดีนั้น อาจจะพอบอกได้ว่า Movement และบางช่วงของเกมก็สนุกดี จากการออกแบบระบบการเคลื่อนที่บนทราย และความสามารถในการ Double Jump หรือ Air-Dash แต่เกมอื่นเขาก็มีระบบแบบนี้กันอยู่แล้ว เพียงแต่เกมนี้เอามาใช้และทำให้มันสนุกได้ในบางช่วง ซึ่งก็นั่นแหละครับ ทุกอย่างล้วนตกยุค ผิดที่ผิดทางไปหมด ยิ่งภารกิจเนื้อเรื่องนี่ยิ่งงงหนัก ว่าทำไมต้องให้เราทำอะไรซับซ้อน เช่นการไปหาเศษถุงมือมาอัปเกรด รวมไปถึงไม่บอกตำแหน่งที่ชัดเจนด้วย ปล่อยให้ผู้เล่นคลำหากันเอง รับรองว่าใครเบื่อง่าย เจอเส้นเรื่องภารกิจหลักเข้าไป โอกาสเลิกจากตรงนี้ สูงมาก ๆ..


หากเกมนี้ได้รับการโปรโมทที่ดังกว่านี้ มันอาจจะโด่งดังขึ้นมาในฐานะเกมยอดแย่ก็ได้ ซึ่งก็ดีแล้วที่มันไม่ดัง และเราคงอยากบอกคุณผู้อ่านที่สนใจเกมนี้ว่า เก็บเงินไว้รอซื้อเกมอื่น ๆ ยังน่าจะดีกว่ากดเกมนี้มาเล่น ต่อให้ลดราคา เราก็ไม่แนะนำ..


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header