จริงอยู่ว่าปีนี้ เกมในช่วงต้นปี เรามีเกม AAA ฟอร์มยักษ์มากมายมาให้เราได้เล่นกัน แต่ฝั่งเกมอินดี้เองก็ใช่ย่อย และ 9 Years of Shadow ถือเป็นเกมม้ามืดที่เราแนะนำอย่างมาก เพราะนอกจากเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างดีแล้ว ความโดดเด่นของมันคือ Presentation ระดับเทพและการออกแบบงานศิลป์ งานออกแบบที่เราชอบมาก ๆ แต่ภาพรวมเกมเป็นยังไง วันนี้มาดูรีวิวของเรากับ 9 Years of Shadow
ดินแดนที่ถูกดูดกลืนสีสัน
นานมาแล้วในดินแดนแห่งหนึ่ง คำสาปลึกลับเข้ากลืนกินอาณาจักร สีสันถูกดูดกลินหายไปด้วย ผู้เล่นจะรับบทเป็น Europa เด็กสาวที่ต่อสู้เพื่อทวงคืนอาณาจักรและพ่อแม่ที่สูญเสียไปของเธอกลับคืนมา แต่เธอสู้มาตลอด 9 ปีเต็มก็ไม่มีทีท่าว่าจะชนะ ในขณะที่เธอกำลังจะถอดใจยอมรับความตาย ตุ๊กตาหมีสุดน่ารักก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมมอบพลังใหม่ให้เธอ และการกำจัดศัตรูทำให้เธอคืนสีสันให้กับอาณาจักรแห่งนี้ด้วย เมื่อความหวังใหม่เกิดขึ้น เธอจึงลุกขึ้นสู้ และมุ่งหน้าสู่ปราสาท Talos ที่เป็นจุดเริ่มต้นของคำสาปอีกครั้ง
สำหรับเนื้อเรื่องของเกมนี้ก็ค่อนข้าง Cliche หรือเห็นได้ซ้ำ ๆ ทั่วไปตามประสาเกมอินดี้ และการเล่าเรื่องราวของเกม Metroidvania มักจะไม่ได้เล่าตรง ๆ แต่เล่าผ่านฉาก ไอเทม และ NPC ตัวต่าง ๆ ที่เราไปพบเจอด้วย ในขณะเดียวกัน NPC ที่พร้อมจะให้ข้อมูลด้านเนื้อเรื่องกับเรา ก็จะมีส่วนในระบบและเกมเพลย์ด้วย แต่ข้อดีของเกมนี้เลยคือ เนื้อเรื่องที่ไม่ได้ซับซ้อนจนเกินไปนัก ในเกมอินดี้อื่น ๆ พยายามจะทำให้เนื้อเรื่องล้ำจนเข้าใจยาก แต่ไม่ใ่ชกับเกมนี้ มันเป็นเพียงการกอบกู้ดินแดนจากคำสาปชั่วร้ายของหญิงสาวที่มีโชคชะตาเป็นวีรบุรุษนี้เท่านั้น ซึ่งจะว่าดี มันก็ดี แต่มันก็ธรรมดาไปหน่อย แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้โดดเด่น นอกจากเนื้อเรื่องอันเรียบง่ายคือส่วนของการนำเสนอและเกมเพลย์การเล่นที่เราจะพูดถึงต่อจากนี้
การออกแบบ ดีไซน์ และงานศิลป์ที่เหนือล้ำจนชวนให้เราเล่นต่อ
ความโดดเด่นของ 9 Years of Shadow ที่สะดุดตาเราตั้งแต่แรก คือเรื่องของงานออกแบบ ที่เตะตาตั้งแต่โลโก้เลข 9 ที่มีโทนสีสว่าง อย่างสีม่วงตัดฟ้า โดยการใช้โทนสีนี้เองก็บ่งบอกถึงเรื่องราวในเกม โดยจะเป็นชุดที่นางเอกของเกมใส่ด้วย และเมื่อได้เข้าไปเล่นเกมก็จะพบว่า โลโก้นั้นยังเบา ๆ เพราะงานศิลป์ในเกมนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากมาก ทั้งการออกแบบฉาก ตัวละคร อาวุธ ชุดเกราะที่เราใช้ หรือแม้กระทั่งตัวศัตรูและบอส มันเป็นงานศิลป์ที่สวยงามโดดเด่นเหนือเกมอื่น ๆ ชนิดที่ถ้าเอามาวางเทียบกัน ยังไงเกมนี้ก็ต้องเตะตาคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อย
ในขณะที่เกมอื่นนั้น การทำเกม Metroidvania จะเน้นความเป็นดาร์คแฟนตาซี แต่เกมนี้จะเน้นความสดใส สวยงาม สบายตา แม้จะมีดีไซน์ศัตรูที่ดูน่ากลัว น่าขนลุกอยู่บ้าง แต่มันก็ซอฟท์กว่าเกมอื่นเยอะ แถมศัตรูในเกมนี้ยังมีความหลากหลายมากทั้งพวกลูกกระจ๊อกและบอส มีทั้งสัตว์อสูร สิ่งมีชีวิตลึกลับแบบดาร์คแฟนตาซี อัศวินใส่เกราะ และประเภทอื่น ๆ อีกเพียบตลอดการเล่น ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นการผจญภัยที่เจอแต่อะไรใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา มันมีผลต่อความรู้สึกในการเล่น
และสำหรับคนที่เล่นเกม Metroidvania จะคุ้นชินกับสไตล์เกมแบบนี้ นั่นคือเส้นทางของเกมจะไม่ใช่เส้นตรง ผู้เล่นอาจจะเจอทางไปต่อ แต่ยังไม่สามารถเข้าไปได้ในตอนแรก อาจจะต้องเลยไปก่อน หรือหาทางแยกอีกทาง เพื่อไปเจอคีย์ไอเทม ปราบบอส ได้พลังใหม่ แล้วกลับมาไปต่อทางเดิมตามเนื้อเรื่องหลักเรื่อย ๆ พื้นที่ในเกมจะแบ่งเป็น Section แต่ละ Section จะมีสภาพภูมิประเทศที่ต่างกันออกไป เราอาจจะยังเข้าถึงไม่ได้ในทันที แต่ต้องปราบบอสประจำ Section เพื่อเข้าถึงคีย์ไอเทมก่อน และในพื้นที่นั้น ๆ ก็จะมีห้องเซฟ มีห้องของเหล่า NPC ที่เอาไว้อัปเกรด หรือเพิ่มพลังต่าง ๆ ได้ ใครที่ชื่นชอบการสำรวจ ไปทุกซอกทุกมุมของเกม เกมนี้อาจจะทำให้คุณเสียเวลากับมันได้หลายชั่วโมงแน่ ๆ
เกมเพลย์ที่ทับเส้นระหว่างความยากและแฟร์
อีกจุดที่เซอร์ไพรส์สำหรับเกมนี้คือระบบเกมเพลย์การเล่นที่ไม่คิดว่าจะออกแบบมาได้ดีขนาดนี้ เกมเพลย์ของ 9 Years of Shadow จะเป็นแบบ Action Side Scrolling ที่ตัวเอกอย่าง Europa จะมีอาวุธประเภทเดียวคือขวาน แต่สิ่งที่ทำให้รูปแบบการต่อสู้ของ Europa ต่างกันออกไป คือชุดเกราะที่อ้างอิงจากตำนานเทพกรีก โดยเกมนี้จะมีชุดเกราะให้เราปลดได้ทั้งหมด 3 เกราะด้วยกัน นอกจากจะทำให้รูปแบบการโจมตีของเราเปลี่ยนไปแล้ว ยังมีกลไกที่ช่วยให้เราผ่านด่านต่าง ๆ ได้
ยกตัวอย่างเช่นเกราะโพไซดอนสีฟ้า ที่มีความสามารถในการแปลงร่างเป็นเงือกเพื่อว่ายน้ำในน้ำได้ เกราะไกอาสีเขียว ที่ทำให้เราดำดินลัดไปตามฉาก เกราะเฮลิออสสีแดงที่เน้นการโจมตีธาตุไฟ เกราะเหล่านี้คือ Elemental Armor ที่จะได้ตามเนื้อเรื่อง ดังนั้นเราจะได้สัมผัสทุกเกราะแน่นอน และแต่ละเกราะจะทำให้เราผ่านฉากต่าง ๆ ได้ตามเนื้อหาของมัน ในขณะที่อาวุธนั้นมีเพียงแบบเดียวคือขวานยาว แต่การโจมตีและรูปแบบของสกิลจะเปลี่ยนไปตามเกราะที่ใช้ด้วย บางเกราะอาจใช้พลังโจมตีช้า บางเกราะอาจโจมตีเร็ว นอกจากนั้น ประเภทของเกราะยังส่งผลให้เราโจมตีศัตรูบางประเภทเข้า หรือไม่เข้าได้ด้วย โดยวัดจากขอบสีของศัตรู ซึ่งเราต้องเปลี่ยนเกราะตาม
นอกจากขวานแล้วยังมีการโจมตีอีกแบบ คือการใช้ตุ๊กตาหมียิงพลังออกไป และระบบการใช้พลังงานของเกมนี้ค่อนข้างแปลกไปจากเกมอื่น พลังที่เราใช้ในการยิงพลัง กับพลังชีวิตจะใช้หลอดเดียวกัน แต่เกมนี้จะไม่มีไอเทมฟื้นพลังโดยตรง หลอดสีฟ้าที่เป็นพลังหลัก จะแทนทั้งพลังชีวิตและหลอดพลัง โดยเมื่อหลอดพลังหมด เราสามารถกดกอดเจ้าตุ๊กตาหมี เพื่อชาร์จพลังได้ แต่มันจะกินเวลานานมาก กับอีกวิธีคือหากโดนโจมตี จะมี Quick Time Event ขึ้นมาให้กด เพื่อฟื้นพลังแบบเต็มหลอดเลย แต่ส่วนมากจะเร็วจนเรากดแทบไม่ทัน เพราะฉากแอ็คชั่นในเกมก็ค่อนข้างเร็วอยู่แล้วด้วย
ปัญหาอีกอย่างของเกมนี้คือความยากที่ค่อนข้างแกว่ง ในเกมการเล่นตามฉากปกติ ศัตรูจะรับมือได้ไม่ค่อยยาก และแพทเทิร์นในการเล่นจะค่อนข้างเดิม ๆ แต่พอเป็นบอส เชื่อว่าผู้เล่นส่วนมาก ยังไงก็ตายแน่ ๆ เพราะไม่มีทางคาดเดารูปแบบการโจมตีได้เลย ยังไงก็ต้องตายสักรอบ ถึงจะพอสู้ได้ และคำเตือนสำหรับเกมนี้ พยายามหาห้องเซฟทุกครั้ง และเมื่อฆ่าบอสได้พยายามกลับไปห้องเซฟก่อน เพราะเกมนี้จะเซฟก็ต่อเมื่อเรากดเซฟเกมที่ห้องเซฟ ผู้เขียนเคยประสบปัญหาฆ่าบอสตายแล้วไปต่อ แต่ดันพลาดท่าตาย ย้อนกลับมาต้องสู้บอสอีกรอบ หัวแทบไหม้ ด้วยความยากที่ค่อนข้างแกว่งเลยอาจเป็นปัญหาเล็กน้อยสำหรับคนที่ไม่ถนัดเกมแนวนี้ แต่ในด้านความท้าทายและชวนให้เล่นเกมต่อ ความยากของเกมนี้ไม่ถึงระดับกับชวนหัวร้อน แต่ทำได้ดีเลยทีเดียว และถือว่าแฟร์ดี
ถือว่าเป็นปีทองของวงการเกมเลยก็ว่าได้ จะเกมเล็กเกมใหญ่ ปีนี้ทำได้ดีแบบเหลือเชื่อจริง ๆ สำหรับ 9 Years of Shadow ใครกำลังมองหาเกมอินดี้ดี ๆ ก็ไม่ควรพลาด
- งานออกแบบ งานศิลป์ โดดเด่นเหนือสิ่งอื่นใด
- เกมเพลย์ที่มีความยากทาบเส้นกับความแฟร์แบบพอดีเป๊ะ
- การออกแบบตัวละครที่น่ารัก สวยงาม จริงจัง ไปด้วยกันได้หมด
- ความเป็น Metroidvania ที่สนุกและท้าทาย
- ความยากบางช่วงแกว่งเกินไป
จริงอยู่ว่าปีนี้ เกมในช่วงต้นปี เรามีเกม AAA ฟอร์มยักษ์มากมายมาให้เราได้เล่นกัน แต่ฝั่งเกมอินดี้เองก็ใช่ย่อย และ 9 Years of Shadow ถือเป็นเกมม้ามืดที่เราแนะนำอย่างมาก เพราะนอกจากเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างดีแล้ว ความโดดเด่นของมันคือ Presentation ระดับเทพและการออกแบบงานศิลป์ งานออกแบบที่เราชอบมาก ๆ แต่ภาพรวมเกมเป็นยังไง วันนี้มาดูรีวิวของเรากับ 9 Years of Shadow
ดินแดนที่ถูกดูดกลืนสีสัน
นานมาแล้วในดินแดนแห่งหนึ่ง คำสาปลึกลับเข้ากลืนกินอาณาจักร สีสันถูกดูดกลินหายไปด้วย ผู้เล่นจะรับบทเป็น Europa เด็กสาวที่ต่อสู้เพื่อทวงคืนอาณาจักรและพ่อแม่ที่สูญเสียไปของเธอกลับคืนมา แต่เธอสู้มาตลอด 9 ปีเต็มก็ไม่มีทีท่าว่าจะชนะ ในขณะที่เธอกำลังจะถอดใจยอมรับความตาย ตุ๊กตาหมีสุดน่ารักก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมมอบพลังใหม่ให้เธอ และการกำจัดศัตรูทำให้เธอคืนสีสันให้กับอาณาจักรแห่งนี้ด้วย เมื่อความหวังใหม่เกิดขึ้น เธอจึงลุกขึ้นสู้ และมุ่งหน้าสู่ปราสาท Talos ที่เป็นจุดเริ่มต้นของคำสาปอีกครั้ง
สำหรับเนื้อเรื่องของเกมนี้ก็ค่อนข้าง Cliche หรือเห็นได้ซ้ำ ๆ ทั่วไปตามประสาเกมอินดี้ และการเล่าเรื่องราวของเกม Metroidvania มักจะไม่ได้เล่าตรง ๆ แต่เล่าผ่านฉาก ไอเทม และ NPC ตัวต่าง ๆ ที่เราไปพบเจอด้วย ในขณะเดียวกัน NPC ที่พร้อมจะให้ข้อมูลด้านเนื้อเรื่องกับเรา ก็จะมีส่วนในระบบและเกมเพลย์ด้วย แต่ข้อดีของเกมนี้เลยคือ เนื้อเรื่องที่ไม่ได้ซับซ้อนจนเกินไปนัก ในเกมอินดี้อื่น ๆ พยายามจะทำให้เนื้อเรื่องล้ำจนเข้าใจยาก แต่ไม่ใ่ชกับเกมนี้ มันเป็นเพียงการกอบกู้ดินแดนจากคำสาปชั่วร้ายของหญิงสาวที่มีโชคชะตาเป็นวีรบุรุษนี้เท่านั้น ซึ่งจะว่าดี มันก็ดี แต่มันก็ธรรมดาไปหน่อย แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้โดดเด่น นอกจากเนื้อเรื่องอันเรียบง่ายคือส่วนของการนำเสนอและเกมเพลย์การเล่นที่เราจะพูดถึงต่อจากนี้
การออกแบบ ดีไซน์ และงานศิลป์ที่เหนือล้ำจนชวนให้เราเล่นต่อ
ความโดดเด่นของ 9 Years of Shadow ที่สะดุดตาเราตั้งแต่แรก คือเรื่องของงานออกแบบ ที่เตะตาตั้งแต่โลโก้เลข 9 ที่มีโทนสีสว่าง อย่างสีม่วงตัดฟ้า โดยการใช้โทนสีนี้เองก็บ่งบอกถึงเรื่องราวในเกม โดยจะเป็นชุดที่นางเอกของเกมใส่ด้วย และเมื่อได้เข้าไปเล่นเกมก็จะพบว่า โลโก้นั้นยังเบา ๆ เพราะงานศิลป์ในเกมนี้ถือว่ายอดเยี่ยมมากมาก ทั้งการออกแบบฉาก ตัวละคร อาวุธ ชุดเกราะที่เราใช้ หรือแม้กระทั่งตัวศัตรูและบอส มันเป็นงานศิลป์ที่สวยงามโดดเด่นเหนือเกมอื่น ๆ ชนิดที่ถ้าเอามาวางเทียบกัน ยังไงเกมนี้ก็ต้องเตะตาคนอื่นบ้างไม่มากก็น้อย
ในขณะที่เกมอื่นนั้น การทำเกม Metroidvania จะเน้นความเป็นดาร์คแฟนตาซี แต่เกมนี้จะเน้นความสดใส สวยงาม สบายตา แม้จะมีดีไซน์ศัตรูที่ดูน่ากลัว น่าขนลุกอยู่บ้าง แต่มันก็ซอฟท์กว่าเกมอื่นเยอะ แถมศัตรูในเกมนี้ยังมีความหลากหลายมากทั้งพวกลูกกระจ๊อกและบอส มีทั้งสัตว์อสูร สิ่งมีชีวิตลึกลับแบบดาร์คแฟนตาซี อัศวินใส่เกราะ และประเภทอื่น ๆ อีกเพียบตลอดการเล่น ทำให้เรารู้สึกว่าเป็นการผจญภัยที่เจอแต่อะไรใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา มันมีผลต่อความรู้สึกในการเล่น
และสำหรับคนที่เล่นเกม Metroidvania จะคุ้นชินกับสไตล์เกมแบบนี้ นั่นคือเส้นทางของเกมจะไม่ใช่เส้นตรง ผู้เล่นอาจจะเจอทางไปต่อ แต่ยังไม่สามารถเข้าไปได้ในตอนแรก อาจจะต้องเลยไปก่อน หรือหาทางแยกอีกทาง เพื่อไปเจอคีย์ไอเทม ปราบบอส ได้พลังใหม่ แล้วกลับมาไปต่อทางเดิมตามเนื้อเรื่องหลักเรื่อย ๆ พื้นที่ในเกมจะแบ่งเป็น Section แต่ละ Section จะมีสภาพภูมิประเทศที่ต่างกันออกไป เราอาจจะยังเข้าถึงไม่ได้ในทันที แต่ต้องปราบบอสประจำ Section เพื่อเข้าถึงคีย์ไอเทมก่อน และในพื้นที่นั้น ๆ ก็จะมีห้องเซฟ มีห้องของเหล่า NPC ที่เอาไว้อัปเกรด หรือเพิ่มพลังต่าง ๆ ได้ ใครที่ชื่นชอบการสำรวจ ไปทุกซอกทุกมุมของเกม เกมนี้อาจจะทำให้คุณเสียเวลากับมันได้หลายชั่วโมงแน่ ๆ
เกมเพลย์ที่ทับเส้นระหว่างความยากและแฟร์
อีกจุดที่เซอร์ไพรส์สำหรับเกมนี้คือระบบเกมเพลย์การเล่นที่ไม่คิดว่าจะออกแบบมาได้ดีขนาดนี้ เกมเพลย์ของ 9 Years of Shadow จะเป็นแบบ Action Side Scrolling ที่ตัวเอกอย่าง Europa จะมีอาวุธประเภทเดียวคือขวาน แต่สิ่งที่ทำให้รูปแบบการต่อสู้ของ Europa ต่างกันออกไป คือชุดเกราะที่อ้างอิงจากตำนานเทพกรีก โดยเกมนี้จะมีชุดเกราะให้เราปลดได้ทั้งหมด 3 เกราะด้วยกัน นอกจากจะทำให้รูปแบบการโจมตีของเราเปลี่ยนไปแล้ว ยังมีกลไกที่ช่วยให้เราผ่านด่านต่าง ๆ ได้
ยกตัวอย่างเช่นเกราะโพไซดอนสีฟ้า ที่มีความสามารถในการแปลงร่างเป็นเงือกเพื่อว่ายน้ำในน้ำได้ เกราะไกอาสีเขียว ที่ทำให้เราดำดินลัดไปตามฉาก เกราะเฮลิออสสีแดงที่เน้นการโจมตีธาตุไฟ เกราะเหล่านี้คือ Elemental Armor ที่จะได้ตามเนื้อเรื่อง ดังนั้นเราจะได้สัมผัสทุกเกราะแน่นอน และแต่ละเกราะจะทำให้เราผ่านฉากต่าง ๆ ได้ตามเนื้อหาของมัน ในขณะที่อาวุธนั้นมีเพียงแบบเดียวคือขวานยาว แต่การโจมตีและรูปแบบของสกิลจะเปลี่ยนไปตามเกราะที่ใช้ด้วย บางเกราะอาจใช้พลังโจมตีช้า บางเกราะอาจโจมตีเร็ว นอกจากนั้น ประเภทของเกราะยังส่งผลให้เราโจมตีศัตรูบางประเภทเข้า หรือไม่เข้าได้ด้วย โดยวัดจากขอบสีของศัตรู ซึ่งเราต้องเปลี่ยนเกราะตาม
นอกจากขวานแล้วยังมีการโจมตีอีกแบบ คือการใช้ตุ๊กตาหมียิงพลังออกไป และระบบการใช้พลังงานของเกมนี้ค่อนข้างแปลกไปจากเกมอื่น พลังที่เราใช้ในการยิงพลัง กับพลังชีวิตจะใช้หลอดเดียวกัน แต่เกมนี้จะไม่มีไอเทมฟื้นพลังโดยตรง หลอดสีฟ้าที่เป็นพลังหลัก จะแทนทั้งพลังชีวิตและหลอดพลัง โดยเมื่อหลอดพลังหมด เราสามารถกดกอดเจ้าตุ๊กตาหมี เพื่อชาร์จพลังได้ แต่มันจะกินเวลานานมาก กับอีกวิธีคือหากโดนโจมตี จะมี Quick Time Event ขึ้นมาให้กด เพื่อฟื้นพลังแบบเต็มหลอดเลย แต่ส่วนมากจะเร็วจนเรากดแทบไม่ทัน เพราะฉากแอ็คชั่นในเกมก็ค่อนข้างเร็วอยู่แล้วด้วย
ปัญหาอีกอย่างของเกมนี้คือความยากที่ค่อนข้างแกว่ง ในเกมการเล่นตามฉากปกติ ศัตรูจะรับมือได้ไม่ค่อยยาก และแพทเทิร์นในการเล่นจะค่อนข้างเดิม ๆ แต่พอเป็นบอส เชื่อว่าผู้เล่นส่วนมาก ยังไงก็ตายแน่ ๆ เพราะไม่มีทางคาดเดารูปแบบการโจมตีได้เลย ยังไงก็ต้องตายสักรอบ ถึงจะพอสู้ได้ และคำเตือนสำหรับเกมนี้ พยายามหาห้องเซฟทุกครั้ง และเมื่อฆ่าบอสได้พยายามกลับไปห้องเซฟก่อน เพราะเกมนี้จะเซฟก็ต่อเมื่อเรากดเซฟเกมที่ห้องเซฟ ผู้เขียนเคยประสบปัญหาฆ่าบอสตายแล้วไปต่อ แต่ดันพลาดท่าตาย ย้อนกลับมาต้องสู้บอสอีกรอบ หัวแทบไหม้ ด้วยความยากที่ค่อนข้างแกว่งเลยอาจเป็นปัญหาเล็กน้อยสำหรับคนที่ไม่ถนัดเกมแนวนี้ แต่ในด้านความท้าทายและชวนให้เล่นเกมต่อ ความยากของเกมนี้ไม่ถึงระดับกับชวนหัวร้อน แต่ทำได้ดีเลยทีเดียว และถือว่าแฟร์ดี
ถือว่าเป็นปีทองของวงการเกมเลยก็ว่าได้ จะเกมเล็กเกมใหญ่ ปีนี้ทำได้ดีแบบเหลือเชื่อจริง ๆ สำหรับ 9 Years of Shadow ใครกำลังมองหาเกมอินดี้ดี ๆ ก็ไม่ควรพลาด