ใครที่ทราบข่าวสมัยที่เกม Cyberpunk 2077 ออกใหม่ ๆ ผู้เล่นหลาย ๆ คนก็ต่างวิพากษ์วิจารณ์เกมนี้อย่างหนัก เหตุเพราะว่าตัวเกมมีปัญหาเรื่อง Performance หนักมาก แต่เนื่องจากการประสบความสำเร็จของอนิเมะ Cyberpunk Edgerunner บวกกับการมีเวลาปรับปรุงเกมไปด้วยอีกกว่า 2 ปี ทำให้ผู้เล่นได้กลับมาเล่นเกมนี้อีกครั้งและก็เปิดให้เกมนี้มากขึ้น รวมถึงภายในปีนี้ตัวเกมจะปล่อย DLC ตัวแรกอย่าง Cyberpunk 2077: Phantom Liberty ให้เราได้เล่นกันในวันที่ 26 กันยายน 2023 ด้วย
ซึ่งเมื่อช่วงงาน Summer Games Fest เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางรองประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของ CD Projekt Red อย่างคุณ Platkow-Gilewski ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Gameindustry เอาไว้ว่าเขานั้นอยากแก้ไขความสัมพันธ์ของพวกเขาและแฟน ๆ ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
'ตอนนี้เราอยู่ในช่วงเวลาที่ดี แน่นอนมันก็อาจจะลำบากบ้าง แต่เมื่อทุกอย่างยอดเยี่ยมและน่าทึ่ง ก่อนที่ Cyberpunk จะวางจำหน่าย มันเป็นช่วงเวลานาทีชีวิตผมเลย แต่มันก็ดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้ เกมก่อร่างสร้างตัวได้น่าทึ่ง ซึ่งพวกเราก็ต่างตื่นเต้นกันมาก แต่ว่ากระแสความ Hype ของเกมก็สร้างความกดดันให้เรามาก และการวางจำหน่ายมันก็ไม่ใช่เทพนิยายอีกต่อมา
เรารู้ว่าเราต้องทำงานอย่างหนักเพื่อกลับมา มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับทุกคน เราต้องสร้างหลายสิ่งหลายอย่างภายในบริษัทใหม่ เริ่มจากการวางระบบตั้งแต่ฝั่งผู้พัฒนา เราเริ่มว่าเราควรผูกอนาคตอนาคตของเรากับ Engine เกมอื่นหรือของตัวเอง เราได้ตัดสินใจบางอย่างเกี่ยวกับวิธีการทำงานและการวางโครงสร้างของเรามันเป็นการสร้างใหม่ครั้งใหญ่
ในขณะเดียวกัน เรารู้ว่าเราต้องการทำงานกับ Cyberpunk ไม่เพียงแต่ต้องสร้างส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่เรายังต้องปรับปรุงหลายสิ่งหลายอย่างในเกมพื้นฐานให้ดีด้วย มันเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างลำบาก แต่ตอนนี้ผมแค่ตื่นเต้นที่จะเห็นสิ่งที่ผู้คนพูดเมื่อได้เล่นมัน'
โดยคุณ Platkow-Gilewski อยู่กับบริษัทนี้มากว่า 12 ปีแล้ว โดยทำงานมาตั้งแต่บริษัทมีทีมอยู่ 120 จนตอนนี้มีมากกว่า 1200 คนแล้ว และความเสียใจที่สุดคือการทำให้แฟน ๆ ผิดหวังกับ Cyberpunk 2077
'ส่วนตัวแล้วผมไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้คิดถึงมันว่าจะเป็นแบบนั้นเลย แต่ผมรู้ทันทีว่าเราต้องกลับมา ผมชอบในจุดที่เราอยู่นะ ผมไม่ได้พูดถึงจุดสูงสุดของกระแส แต่สองปีก่อนหน้านั้น เรามีชุมชนของเรา เราชอบพวกเขา พวกเขาชอบเรา และการได้ทำงานที่ CD Projekt Red ก็ยอดเยี่ยมมาก
หลังจากที่เกมปล่อยออกมา มันยากมาก ๆ แต่ผมรู้ว่าเรามีเพื่อน เกมเมอร์ก็เหมือนกัน เราแค่ต้องแก้ไขความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อน ๆ เรา สิ่งเดียวที่เราทำได้อย่างแท้จริงคือการมองสิ่งที่เราสามารถทำได้ ผมมีความรู้สึกว่าอีกไม่นานเราต้องทำได้ และหวังว่านั่นจะเป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับทุกคน'
ซึ่งสิ่งหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงคือวัฒนธรรมการหักโหมการทำงานหนักของบริษัทนั่นเอง
'มันยากมากที่จะเปลี่ยนแปลงบริษัท เมื่อคุณจะต้องส่งของบางอย่างและมันมีกำหนดเวลา มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับสิ่งนั้น ทุกคนกำลังรอการเปิดตัวของเกมอยู่
จริง ๆ การเปลี่ยนแปลงการหักโหมการทำงานมันจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว แต่สถานการณ์อันย่ำแย่ของ Cyberpunk ก็เป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจ เป็นการปลุกให้เราพูดว่ามาสร้างสิ่งใหม่ มาปรับโครงสร้างกันเถอะ มาคิดใหม่ เราจะเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับมันได้มาก ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ไข ไม่ใช่ว่าคุณสามารถตัดสินใจทำสิ่งที่แตกต่างออกไปได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เป็นกระบวนการที่อาจใช้เวลานาน แต่ฉันเห็นว่าบริษัททำงานแตกต่างไปจากที่เคยเป็น และไม่มีใครอยากทำผิดซ้ำรอยเดิม
Cyberpunk ใช้เวลามากมายในการส่งมอบแก่ผู้เล่น และเราก็เติบโตขึ้น เราจำเป็นต้องคิดใหม่ว่าเราทำงานในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นอย่างไร และต้องแน่ใจว่ทุกคนรับฟังซึ่งกันและกัน และทำให้แน่ใจว่าเราให้อำนาจแก่ทีมในการทำงานในส่วนต่าง ๆ ของเกม แต่เมื่อคุณรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน มันจะทำงานได้อย่างราบรื่นจากทุกด้าน เราต้องส่งเสริมความเป็นผู้นำใหม่ด้วย เราต้องการกระจายอำนาจในการทำงานของเรา
สิ่งที่ใหญ่ที่สุดคือการยืนขึ้นและพูดว่า เราต้องทำมันให้ได้ แน่นอนเราคาดหวังว่าจะวางขาย Cyberpunk ด้วยกระแสแบบอื่น ซึ่งตอนนี้เรามีโอกาสนั้นอีกครั้ง ในฐานะผู้รับผิดชอบด้านการสื่อสาร ผมต้องการสร้างความสัมพันธ์กับเหล่าเกมเมอร์ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากเรามีคนติดตามเรามาหลายปี และพวกเขาก็ผิดหวัง นั่นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผม เราต้องการสร้างสำหรับพวกเขา'
ปัจจุบันสตูดิโอเน้นสมดุลย์ในการทำงานเพื่อให้พนักงานได้มีใช้ชีวิตของตัวเองโดยไม่หักโหมในการทำงานหนักด้วย
'Work-Life-Balance คือสิ่งสำคัญสำหรับเรา มันสำคัญมาตลอด แต่มันยากที่จะรักษาความสมดุลย์ได้ ผมสนุกกับชีวิตส่วนตัวในตอนนี้มากกว่าที่เคยพบมา เรามีการปรับปรุง สร้างใหม่ และปรับโฉมสตูดิโอในหลายระดับจนยากจะบอกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้ว แต่ Work-Life-Balance วิธีที่เราทำงานร่วมกัน วิธีที่เราให้อำนาจแก่ทีมที่เล็กกว่า การส่งต่อระบบ วิธีที่เราพูดกับผู้บริหาร ทั้งหมดนี้มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
มีคนกลุ่มหนึ่งในบริษัทที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการเปลี่ยนแปลงต่อบริษัทเท่านั้น พวกเขาไม่รับผิดชอบต่อคุณภาพของสิ่งที่เรานำเสนอ แต่สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในสตูดิโอ รวมถึงการสร้างพื้นที่ใหม่เพื่อให้ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น สถานการณ์โควิดทั้งหมดกระทบเราเช่นกัน และเราต้องหาวิธีทำงานแบบทำที่บ้าน ราคิดถึงเพื่อนร่วมงานเพราะเราไม่ได้เจอพวกเขาบ่อยนัก แต่ในทางกลับกัน เราได้เรียนรู้วิธีการทำงานกับเครื่องมือดิจิทัลเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนรู้ทุกอย่าง
ความยุ่งเหยิงทั้งหมดนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเรายังต้องสร้างเกม Cyberpunk แต่ตอนนี้เรามีเวลาที่จะทำงานกับเครื่องมือเหล่านี้เพื่อพัฒนาสร้าง เครื่องมือที่ดีที่สุด มันเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจ'
ใครที่ทราบข่าวสมัยที่เกม Cyberpunk 2077 ออกใหม่ ๆ ผู้เล่นหลาย ๆ คนก็ต่างวิพากษ์วิจารณ์เกมนี้อย่างหนัก เหตุเพราะว่าตัวเกมมีปัญหาเรื่อง Performance หนักมาก แต่เนื่องจากการประสบความสำเร็จของอนิเมะ Cyberpunk Edgerunner บวกกับการมีเวลาปรับปรุงเกมไปด้วยอีกกว่า 2 ปี ทำให้ผู้เล่นได้กลับมาเล่นเกมนี้อีกครั้งและก็เปิดให้เกมนี้มากขึ้น รวมถึงภายในปีนี้ตัวเกมจะปล่อย DLC ตัวแรกอย่าง Cyberpunk 2077: Phantom Liberty ให้เราได้เล่นกันในวันที่ 26 กันยายน 2023 ด้วย
ซึ่งเมื่อช่วงงาน Summer Games Fest เมื่อสัปดาห์ที่แล้วทางรองประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์และการสื่อสารของ CD Projekt Red อย่างคุณ Platkow-Gilewski ได้ให้สัมภาษณ์กับทาง Gameindustry เอาไว้ว่าเขานั้นอยากแก้ไขความสัมพันธ์ของพวกเขาและแฟน ๆ ให้กลับมาดีเหมือนเดิม
'ตอนนี้เราอยู่ในช่วงเวลาที่ดี แน่นอนมันก็อาจจะลำบากบ้าง แต่เมื่อทุกอย่างยอดเยี่ยมและน่าทึ่ง ก่อนที่ Cyberpunk จะวางจำหน่าย มันเป็นช่วงเวลานาทีชีวิตผมเลย แต่มันก็ดีเกินกว่าจะเป็นจริงได้ เกมก่อร่างสร้างตัวได้น่าทึ่ง ซึ่งพวกเราก็ต่างตื่นเต้นกันมาก แต่ว่ากระแสความ Hype ของเกมก็สร้างความกดดันให้เรามาก และการวางจำหน่ายมันก็ไม่ใช่เทพนิยายอีกต่อมา
เรารู้ว่าเราต้องทำงานอย่างหนักเพื่อกลับมา มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับทุกคน เราต้องสร้างหลายสิ่งหลายอย่างภายในบริษัทใหม่ เริ่มจากการวางระบบตั้งแต่ฝั่งผู้พัฒนา เราเริ่มว่าเราควรผูกอนาคตอนาคตของเรากับ Engine เกมอื่นหรือของตัวเอง เราได้ตัดสินใจบางอย่างเกี่ยวกับวิธีการทำงานและการวางโครงสร้างของเรามันเป็นการสร้างใหม่ครั้งใหญ่
ในขณะเดียวกัน เรารู้ว่าเราต้องการทำงานกับ Cyberpunk ไม่เพียงแต่ต้องสร้างส่วนเสริมที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่เรายังต้องปรับปรุงหลายสิ่งหลายอย่างในเกมพื้นฐานให้ดีด้วย มันเป็นการเดินทางที่ค่อนข้างลำบาก แต่ตอนนี้ผมแค่ตื่นเต้นที่จะเห็นสิ่งที่ผู้คนพูดเมื่อได้เล่นมัน'
โดยคุณ Platkow-Gilewski อยู่กับบริษัทนี้มากว่า 12 ปีแล้ว โดยทำงานมาตั้งแต่บริษัทมีทีมอยู่ 120 จนตอนนี้มีมากกว่า 1200 คนแล้ว และความเสียใจที่สุดคือการทำให้แฟน ๆ ผิดหวังกับ Cyberpunk 2077
'ส่วนตัวแล้วผมไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้คิดถึงมันว่าจะเป็นแบบนั้นเลย แต่ผมรู้ทันทีว่าเราต้องกลับมา ผมชอบในจุดที่เราอยู่นะ ผมไม่ได้พูดถึงจุดสูงสุดของกระแส แต่สองปีก่อนหน้านั้น เรามีชุมชนของเรา เราชอบพวกเขา พวกเขาชอบเรา และการได้ทำงานที่ CD Projekt Red ก็ยอดเยี่ยมมาก
หลังจากที่เกมปล่อยออกมา มันยากมาก ๆ แต่ผมรู้ว่าเรามีเพื่อน เกมเมอร์ก็เหมือนกัน เราแค่ต้องแก้ไขความสัมพันธ์ของเรากับเพื่อน ๆ เรา สิ่งเดียวที่เราทำได้อย่างแท้จริงคือการมองสิ่งที่เราสามารถทำได้ ผมมีความรู้สึกว่าอีกไม่นานเราต้องทำได้ และหวังว่านั่นจะเป็นการเริ่มต้นใหม่สำหรับทุกคน'
ซึ่งสิ่งหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงคือวัฒนธรรมการหักโหมการทำงานหนักของบริษัทนั่นเอง
'มันยากมากที่จะเปลี่ยนแปลงบริษัท เมื่อคุณจะต้องส่งของบางอย่างและมันมีกำหนดเวลา มันไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับสิ่งนั้น ทุกคนกำลังรอการเปิดตัวของเกมอยู่
จริง ๆ การเปลี่ยนแปลงการหักโหมการทำงานมันจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว แต่สถานการณ์อันย่ำแย่ของ Cyberpunk ก็เป็นอีกหนึ่งแรงจูงใจ เป็นการปลุกให้เราพูดว่ามาสร้างสิ่งใหม่ มาปรับโครงสร้างกันเถอะ มาคิดใหม่ เราจะเรียนรู้อะไรเกี่ยวกับมันได้มาก ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ไข ไม่ใช่ว่าคุณสามารถตัดสินใจทำสิ่งที่แตกต่างออกไปได้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ เป็นกระบวนการที่อาจใช้เวลานาน แต่ฉันเห็นว่าบริษัททำงานแตกต่างไปจากที่เคยเป็น และไม่มีใครอยากทำผิดซ้ำรอยเดิม
Cyberpunk ใช้เวลามากมายในการส่งมอบแก่ผู้เล่น และเราก็เติบโตขึ้น เราจำเป็นต้องคิดใหม่ว่าเราทำงานในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นอย่างไร และต้องแน่ใจว่ทุกคนรับฟังซึ่งกันและกัน และทำให้แน่ใจว่าเราให้อำนาจแก่ทีมในการทำงานในส่วนต่าง ๆ ของเกม แต่เมื่อคุณรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน มันจะทำงานได้อย่างราบรื่นจากทุกด้าน เราต้องส่งเสริมความเป็นผู้นำใหม่ด้วย เราต้องการกระจายอำนาจในการทำงานของเรา
สิ่งที่ใหญ่ที่สุดคือการยืนขึ้นและพูดว่า เราต้องทำมันให้ได้ แน่นอนเราคาดหวังว่าจะวางขาย Cyberpunk ด้วยกระแสแบบอื่น ซึ่งตอนนี้เรามีโอกาสนั้นอีกครั้ง ในฐานะผู้รับผิดชอบด้านการสื่อสาร ผมต้องการสร้างความสัมพันธ์กับเหล่าเกมเมอร์ใหม่อีกครั้ง เนื่องจากเรามีคนติดตามเรามาหลายปี และพวกเขาก็ผิดหวัง นั่นคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับผม เราต้องการสร้างสำหรับพวกเขา'
ปัจจุบันสตูดิโอเน้นสมดุลย์ในการทำงานเพื่อให้พนักงานได้มีใช้ชีวิตของตัวเองโดยไม่หักโหมในการทำงานหนักด้วย
'Work-Life-Balance คือสิ่งสำคัญสำหรับเรา มันสำคัญมาตลอด แต่มันยากที่จะรักษาความสมดุลย์ได้ ผมสนุกกับชีวิตส่วนตัวในตอนนี้มากกว่าที่เคยพบมา เรามีการปรับปรุง สร้างใหม่ และปรับโฉมสตูดิโอในหลายระดับจนยากจะบอกได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้ว แต่ Work-Life-Balance วิธีที่เราทำงานร่วมกัน วิธีที่เราให้อำนาจแก่ทีมที่เล็กกว่า การส่งต่อระบบ วิธีที่เราพูดกับผู้บริหาร ทั้งหมดนี้มันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
มีคนกลุ่มหนึ่งในบริษัทที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการเปลี่ยนแปลงต่อบริษัทเท่านั้น พวกเขาไม่รับผิดชอบต่อคุณภาพของสิ่งที่เรานำเสนอ แต่สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในสตูดิโอ รวมถึงการสร้างพื้นที่ใหม่เพื่อให้ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น สถานการณ์โควิดทั้งหมดกระทบเราเช่นกัน และเราต้องหาวิธีทำงานแบบทำที่บ้าน ราคิดถึงเพื่อนร่วมงานเพราะเราไม่ได้เจอพวกเขาบ่อยนัก แต่ในทางกลับกัน เราได้เรียนรู้วิธีการทำงานกับเครื่องมือดิจิทัลเพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนรู้ทุกอย่าง
ความยุ่งเหยิงทั้งหมดนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเรายังต้องสร้างเกม Cyberpunk แต่ตอนนี้เรามีเวลาที่จะทำงานกับเครื่องมือเหล่านี้เพื่อพัฒนาสร้าง เครื่องมือที่ดีที่สุด มันเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจ'