GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "Xiaomi"
อัปเดตรายชื่อ Smart Phone ที่เหมาะจะซื้อมาเล่นเกมมากที่สุด (ต้นปี 2021)
ในปัจจุบันต้องยอมรับเลยนะครับว่าเกมมือถือเข้ามามีบทบาทในวงการเรามากมายจริงๆ (เผลอๆ จะตลาดใหญ่เท่ากับวงการเกม Console แล้วด้วย) โดยเฉพาะฝั่งกี่ฬา Esport ที่แข่งขันกันอย่างจริงจังในบ้านเรา และมีเงินรางวัลมากกว่าเงินเดือนของผมทั้งปีเสียอีก (แหม่พูดแล้วก็เศร้า) ด้วยความที่ตลาดนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวันๆ ทางฝั่งผู้พัฒนาเองก็หันมาให้ความสนใจแข่งกันพัฒนาเกมดีๆ มาลงให้กับฝั่งมือถือมากมายไปด้วย ส่งผลในปัจจุบันเกมมือถือเริ่มใช้สเปคที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เริ่มเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะเล่นเกมในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ที่นี้เราจะได้รู้ได้ยังไงว่าควรซื้อมือถือเครื่องไหน ถึงจะสามารถเล่นเกมที่เราอยากเล่นได้ทั้งหมด? ไอ้ครั้นจะให้ไปนั่งเทียบสเปคของแต่ละรุ่น ก็เป็นอะไรที่ยุ่งยากอีก ดังนั้นวันนี้ผมจะมีชี้เป้าให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันว่าปัจจุบันในตลาดบ้านเรา มือถือรุ่นไหนเหมาะจะซื้อมาใช้เล่นเกมมากที่สุดครับ! แต่ก่อนจะไปเริ่มกัน ผมขอออกตัวก่อนว่าการจัดอันดับใน บทความนี้ จะวัดจาก ความสามารถของตัวเครื่อง, จำนวนชั่วโมงที่สามารถใช้งานได้, ฟังก์ชั่นสำหรับเกมเมอร์ และราคาเป็นหลัก ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับความแรงของ CPU และ GPU ผมอ้างอิงจาก 2 แหล่งคือ Nanoreview กับ Techcenturion ส่วนราคาจะมาจากเว็บ Siamphone ครับ มือถือ Gaming ที่โดยรวมยอดเยี่ยมมากที่สุด : Asus ROG Phone 3 หน้าจอขนาด : 6.59 นิ้ว  (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 270 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว) CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Plus Octa Core (แรงอันดับ 8 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) ,หน่วยความจำ : RAM 12 GB / ROM 512 GB, แบตเตอรี่ : 6,000 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 26,000 บาท หน้าจอไม่ใหญ่เกินไป, มี Refresh Rate สูงถึง 144Hz, ใช้ชิปประมวลผลที่แรง 8 ของโลก, แบตเตอรี่อึดใช้งานได้นาน, มาพร้อมกับการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม, ทั้งยังสามารถตั้งค่า Macro หรือ ชุดคำสั่งเพื่อให้เล่นเกมได้ง่ายขึ้น คงต้องบอกว่าไม่มีโทรศัพท์เครื่องไหนในโลกจะตอบโจทย์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว ในเรื่องของราคา 26,000 ก็ถือว่าไม่แพงเกินไปเช่นกัน จุดเด่นหลักๆ ของ ROG Phone 3 คือเรื่องของ AeroActive Cooler 3 อุปกรณ์เสริมที่ช่วยในการระบายความร้อน กับ Airtrigger 3 บริเวณด้านขวาของตัวเครื่อง ที่ทำงานเหมือนปุ่ม L1, R1 ของจอยเครื่อง Console แต่ต่างกันตรงที่บนมือถือนี้จะเป็นเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกที่ใช้รับสัมผัสแทน โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าเองได้เลยว่าจะให้การสัมผัสแบบไหน ส่งผลแบบไหนในเกม พูดแล้วอาจจะไม่เห็นภาพ เอาเป็นว่าดูในวิดีโอด้านล่างนี้ได้เลยครับ มือถือ Gaming ที่มีราคาย่อมเยาที่สุด : Nubia Red Magic 5G หน้าจอขนาด : (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 320 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 865 5G Octa Core (แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 8 - 16 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,500 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 17,900. บาท Red Magic 5G อาจไม่ใช่รุ่นที่ได้รับความนิยมมากนักในบ้านเรา แต่เจ้าตัวนี้ก็เรียกได้ว่ามาพร้อมกับสเปคที่แรงน้อยกว่า ROG Phone 3 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ได้ Touch Sampling Rate ที่สูงกว่ามาแทน กับ RAM ของเครื่องที่ให้มาแบบเยอะถึง 16 GB แต่จุดที่น่าสนใจมากที่สุดคงเป็นเรื่องของราคาที่ถือว่าถูกมากๆ หากเทียบกับสเปคครับ ในเรื่องของการระบายความร้อน Red Magic 5G ก็มาพร้อมกับ Active Liquid-Cooling with Turbo Fan 3.0 ที่ทำให้เครื่องสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่ารุ่นทั่วไปที่มีในตลาด แน่นอนว่าเจ้าเครื่องนี้เองก็มี Trigger หรือปุ่มสำหรับใส่ชุดคำสั่งสำหรับการเล่นเกมก็มีมาให้ 2 ปุ่มเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถตั้งคำสั่งความละเอียดสูงแบบ เขย่าหน้าจอ หรือสไลด์ซ้าย กับขวา แบบเดียวกับ ROG Phone 3 ได้ครับ มือถือ Gaming ที่มาพร้อมอุปกรณ์เสริมยอดเยี่ยมที่สุด : Xiaomi Black Shark 3 Pro หน้าจอขนาด : (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 270 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว),  CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Octa Core (แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) หน่วยความจำ : RAM 8 - 12 GB / ROM 256 - 512 GB, แบตเตอรี่ : 5,000 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 19,900. บาท Black Shark ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่น Gaming จากทาง Xiaomi ที่อยู่คู่วงการมานานแล้ว โดยในเรื่องของความแรงเจ้า Black Shark 3 Pro จะเทียบเท่ากันกับ Red Magic 5G เลย แต่ได้ในเรื่องของอุปกรณ์เสริม ที่เยอะกว่ามาแทน ไม่ว่าจะเป็น หูฟัง, ชุดระบายความร้อน, จอยควบคุมสำหรับต่อใช้งาน, คีย์บอร์ด และอื่นๆ อีกมากมาย ในส่วนของปุ่มคำสั่งพิเศษ รุ่นนี้ก็มีมาให้ทางด่านขวาบน กับขวาล่างเช่นกัน เพียงแต่ของ Black Shark 3 Pro จะเป็นปุ่มที่อยู่ภายในหน้าจอ Touch Screen ทำให้อาจใช้งานได้ยากกว่า 2 รุ่นข้างบนเล็กน้อย ส่วนเรื่องระบายความร้อนก็สามารถทำได้ดีมากๆ เช่นกันด้วย Sandwich Liquid Cooling และจะดีขึ้นไปอีกเมื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมครับ มือถือทั่วไปที่เหมาะจะเอามาเล่นเกมมากที่สุด แม้ว่ามือถือ Gaming จะเกิดมาเพื่อเล่นเกมอย่างแท้จริง แต่ในเรื่องของดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวเกินไปเลยอาจทำให้หลายคนอาจรู้ไม่ชอบเครื่อง 3 รุ่นข้างต้นนี้ ดังนั้นผมจึงได้จัดอันดับมือถือทั่วไป ที่เหมาะสำหรับเล่นเกมมากที่สุดมาให้ด้วย ซึ่งในกลุ่มนี้มักจะได้ในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานทั่วไปที่ดีกว่ามาทดแทนครับ Mi 11 หน้าจอขนาด : 6.81 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 480 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 888 Octa Core (แรงอันดับ 2 ของโลก), GPU : Adreno 660 (แรงอันดับ 2 ของโลก) หน่วยความจำ : RAM 8 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,600 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 22,300. บาท เรือธงตัวใหม่จากทาง Xiaomi ที่เพิ่งวางขายไปเลยช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ จุดเด่นของเจ้าเครื่องนี้คือหน่วยประมวลผลที่แรงเป็นอันดับ 2 ของโลกในตอนนี้ทั้ง CPU และ GPU กับ Touch Sampling Rate ที่สูงแบบอลังการงานสร้าง 480 Hz แต่กลับมีราคากลางเพียงแค่ 22,300 บาท ซึ่งถูกกว่า ROG Phone 3 เสียอีก แม้จะไม่มีฟังก์ชันหรืออุปกรณ์เสริมดีๆ สำหรับ Gaming โดยเฉพาะมาด้วย แต่ในเรื่องของการระบายความร้อน Mi 11 ถือว่าทำได้ดีมาก อุณหภูมิเครื่องจะอยู่ที่ 35 - 37 องศาเท่านั้นหากเล่น ROV ในห้องแอร์ 25 องศา เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากๆ ครับ Samsung S21 Plus (S21+) หน้าจอขนาด : 6.7 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 240 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Exynos 2100 Octa Core (แรงอันดับ 3 ของโลก), GPU : Mali-G78 MP14 (แรงอันดับ 7 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 8 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,800 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 31,800. บาท อีกหนึ่งเรือธงใหม่จากทาง Samsung ที่มาพร้อมกับ CPU ที่แรงอันดับ 3 กับ GPU ที่อยู่อันดับ 7 ทำให้ เจ้า S21+ ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากๆ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เหมือนจะมีปัญหาในเรื่องของ แบตเตอรี่ ที่จากปากผู้ใช้งานเหมือนจะหมดเร็วมากๆ แม้จะมีขนาดถึง 4,800 mAh ก็ตาม โชคยังดีที่รุ่นนี้สามารถชาร์จได้เร็วมากครับ อีกหนึ่งข้อเสียของ S21+ คือเรื่องการระบายความร้อนที่ทำออกมาได้ไม่ดีนัก จากคำรีวิวของผู้ใช้งานดูเหมือนว่าแค่เปิดใช้งานกล้องเป็นเวลานานตัวเครื่องก็จะร้อนมากๆ แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปเมื่อร้อนมากๆ CPU / GPU ก็จะลดความสามารถในการทำงานลง แต่ถ้าหากใช้งานในห้องแอร์ และสามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลา S21+ ถือเป็นอีกหนึ่งมือถือดีไซน์สวยที่ไม่ควรพลาดครับ iPhone 12 Pro หน้าจอขนาด : 6.1 นิ้ว (Refresh Rate 60Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 120 Hz หน่วย (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว) ,CPU : Apple A14 Bionic Hexa Core (แรงอันดับ 1 ของโลก), GPU : A14 Bionic’s GPU (แรงอันดับ 1 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 6 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : Li-Ion 2815 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 36,400. บาท เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับ CPU และ GPU แรงอันดับ 1 ของโลกแล้วสำหรับ iPhone 12 แต่น่าเสียดายที่หน้าจอของรุ่นนี้มาพร้อมกับ Refresh Rate เพียงแค่ 60 Hz กับ Touch Sampling Rate แค่ 120 Hz ทำให้อาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่มือถือที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมขนาดนั้น ในเรื่องของการระบายความร้อนเอง ก็ถือได้ว่ายังมีปัญหาอยู่เช่นกัน จากคำรีวิวของผู้ใช้งานเหมือนว่าจะร้อนมากๆ หากใช้เล่นเกมไประยะเวลาหนึ่ง และในเรื่องของแบตเตอรี่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการใช้งาน และเล่นเกมทั้งวันเช่นกัน ข้อดีก็คือมีฟังก์ชันการใช้งานที่เยอะมากๆ (โดยเฉพาะการอัดวิดีโอ และการถ่ายภาพ) หากปกติเป็นคนที่ใช้งานทั่วไปเยอะ และเล่นเกมเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น iPhone 12 ถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีครับ One Plus 8 Pro หน้าจอขนาด : 6.1 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 240 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Octa Core(แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก), หน่วยความจำ : RAM 8 - 12 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,510 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 28,100. บาท แม้จะไม่ได้มาพร้อมกับ CPU / GPU ที่แรงเมื่อเทียบกับราคา แต่ One Plus อาจเรียกได้ว่าเป็นมือถือที่มีระบบปฏิบัติการ Android ที่เสถียรมากที่สุด (OxygenOS 10.0 based on Android 10.0) ส่งผลให้เป็นโทรศัพท์ที่จะเกิดบัค หรือเหตุการณ์แบบเกมปิดตัวดื้อๆ น้อยครั้งที่สุดครับ ในส่วนของการระบายความร้อนก็ทำได้แบบปานกลาง ไม่ได้ดีเทียบเท่ากับมือถือ Gaming แต่ถือว่าดีในระดับหนึ่ง โดยที่หลุดมาไกลถึงตรงนี้ เป็นเพราะเรื่องราคาที่สูงไปนิด เมื่อเทียบกับ MI 11 แล้วเจ้าตัวนี้เลยน่าซื้อน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ
08 Mar 2021
Lei Jun ผู้ก่อตั้งของ Xiaomi ขอเคลียร์ความเชื่อผิด ๆ ที่ชาวโลกมีต่อสินค้าของแบรนด์นี้!
ถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ดังจากประเทศจีนอย่าง “Xiaomi” มันไม่ได้มีดีแค่มือถือสมาร์ทโฟนเท่านั้นนะคะ เพราะเขามีสินค้ามากมายที่ผลิตออกมาให้เราได้ใช้งานกันเพียบ แถมราคาก็สมเหตุ สมผลถ้าเทียบกับสินค้าจากแบรนด์ดังอื่น ๆ ที่ผลิตออกมา แล้วสินค้าที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงระยะเวลา 2 - 3 ปีทีผ่่านมาคงหนีไม่พ้น “เครื่องฟอกอากาศ” ที่ก่อนหน้านี้บ้านเราประสบปัญหาเรื่องฝุ่นละอ่อง PM 2.5 จนจำเป็นต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศมาติดกันที่บ้านเลยทีเดียว ทำให้ช่วงระยะหนึ่งเครื่องฟอกอากาศขาดไปช่วงหนึ่งเลย ไม่ใช่แค่เครื่องฟอกอากาศที่เป็นสินค้าขายดีเท่านั้น ยังมีนาฬิกาสุขภาพอย่าง “Mi Smart Band” ซึ่งเกวลินเองก็ซื้อมาใช้เหมือนกัน เพราะตอนนี้ออกมาถึงรุ่นที่ 5 กันแล้วค่ะ แม้ว่าฟังก์ชั่นของมันอาจจะไม่ได้เหมือนของแบรนด์อื่น ๆ แต่มันก็เหมาะกับคนที่มีงบไม่ได้มากนัก แต่ต้องการเอาไว้ใช้ในการวัดความดัน, การเต้นของหัวใจ หรือ วัดค่าต่าง ๆ ขณะออกกำลังกายในรูปแบบต่าง ๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีมากเลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่วางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณ Lei Jun ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Xiaomi ได้มีการประชุม Yabuli Forum ประจำปี 2020 ก็ได้มีการพูดถึงสิ่งที่เป็นประเด็นเกี่ยวกับสินค้าต่าง ๆ ที่พวกเขาได้ผลิตออกมาสู่สายตาชาวโลก บางคนมองว่าสินค้าของ Xiaomi เป็นสินค้าที่ลอกเลียนแบบสินค้าจากแบรนด์ดังระดับโลกอื่น ๆ แถมยังถูกมองอีกว่าราคาถูกแล้วมันมีประสิทธิภาพไม่แข็งแรง ทำให้ครั้งนี้ผู้ก่อตั้งก็เลยขอส่งข้อความออกมาแถลงให้ชาวโลกได้รู้จักสินค้าของแบรนด์ Xiaomi มากยิ่งขึ้นค่ะ โดยคุณ Lei Jun ได้อธิบายเอาไว้ว่ามันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้คนภายนอกจะมองสินค้าของแบรนด์ Xiaomi ในมุมมองด้านลบ โดยเฉพาะเรื่อง “ผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi มันถูกมองเป็นสินค้าระดับล่างทั้งหมด” ตัวเขาเข้าใจเพราะมันคือจุดอ่อนอย่างรุนแรงที่เมื่อบริษัทของประเทศจีนที่กล้าลองผิด ลองถูกรังสรรค์สินค้าขึ้นมาแล้ววางจำหน่ายในตลาดโลกจนมันได้มันถูกยอมรับและมียอดขายเป็นจำนวนมาก แต่ถึงกระนั้นด้วยราคาที่เมื่อนำไปเทียบกับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อื่นที่มีชื่อเสียงมานาน จึงไม่แปลกที่ผู้บริโภคเมื่อเห็นราคาที่ถูกตั้งเอาไว้จะคิดแบบนี้ ทางคุณ Lei Jun ก็ได้เสริมอีกว่า “ตลอดเวลาพวกเขาและทีมผู้พัฒนาทุกคนพยายามเปลี่ยนความคิดนี้กับผู้บริโภคอยู่!” ปัจจุบันก็มีการเริ่มผลิตสินค้าระดับไฮเอนด์ออกมาหลากหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นมือถือสมาร์ทโฟนที่ติดอันดับสินค้าที่ขายดีที่สุดอย่าง “Mi 10 Ultra” ซึ่งต้องอธิบายก่อนว่ารุ่นนี้ยังไม่ได้ถูกนำมาวางจำหน่ายในบ้านเรานะคะ แล้วที่สร้างความฮือฮาเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาทาง Xiaomi ก็ได้มีการเปิดตัว Redmi Smart TV Max ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่สูงสุด 98 นิ้ว! ในราคาเพียงแค่ 19,999 หยวน หรือถ้าตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 92,000 บาท ซึ่งสเปกก็อัดแน่นแบบจัดหนักมาก ๆ ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นที่มีราคาสูงกว่านี้หลายเท่า หลังจากเปิดตัวก็ได้รับกระแสตอบรับจากผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากเลยทีเดียว ต่อมาที่เขาต้องการอยากให้ชาวโลกได้รับรู้ก็คือ “ผลิตภัณฑ์ทุกตัวของแบรนด์ Xiaomi ผลิตขึ้นจากนักพัฒนาของพวกเขาเอง!” ซึ่งตรงจุดนี้คุณ Lei Jun ก็รู้สึกผิดหวังที่มักจะได้ยินเรื่องที่ว่าสินค้าของเขาได้รับการจ้างออกแบบ ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันถูกสร้างแล้วได้รับการออกแบบจากนักวิศวกรของ Xiaomi เอง แล้วตอนนี้เขาเองก็อยากให้คนได้รู้ว่าตัวเขาได้สร้างโรงงานสุดแสนอัจฉริยะขึ้นมาแล้วตั้งอยู่ที่เมืองอี้จวง ณ.กรุงปักกิ่ง    ความน่าสนใจของโรงงานแห่งนี้ก็คือการทำงานอยู่ภายใต้การทำงานของ A.I. ระดับสูงที่มันจะทำงานเองอัตโนมัติเกือบทั้งหมดใช้คนในการควบคุมและดูแลเพียงแค่ 100 คน โดยอุปกรณ์ทั้งหมดยกเว้นชิ้นส่วนที่จะต้องใช้ในการวางตำแหน่งต่าง ๆ Xiaomi จะพัฒนาขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีบางบริษัทที่ทาง Xiaomi ได้ลงทุนเพื่อให้สร้างอุปกรณ์กับชิ้นส่วนต่าง ๆ แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาในช่วงระยะเวลา 3 ปีทาง Xiaomi มีการลงทุนกับบริษัทผลิตอุปกรณ์ไปมากกว่า 110 แห่ง   แล้วสิ่งสุดท้ายที่คุณ Lei Jun อยากบอกแก่ชาวโลกก็คือ “Xiaomi เองก็คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เทคโนโลยีใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อให้ตอบโจทย์ให้เข้ากับยุคสมัยเหมือนกับแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ” เพราะชาวโลกก็ยังคงมีความคิดที่ว่าสินค้าจากประเทศจีนมักจะได้ไอเดีย หรือ แรงบันดาลใจจากสินค้าแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ซึ่งคุณ Lei Jun ก็อยากบอกให้โลกรู้เหมือนกันว่า หลาย ๆ ไอเดีย หลาย ๆ ผลิตภัณฑ์พวกเขาก็ได้ออกแบบขึ้นมาจากการนักวิศวกรของพวกเขา  ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา Xiaomi มีรายได้เข้าบริษัทเพียงแค่ 500 ล้านหยวน แต่พอเข้าสู่ปี 2019 พวกเขากลับทำรายได้สูงถึง 2.05 แสนล้านหยวน ทำให้ตอนนี้ Xiaomi ติดอันดับ 422 ใน Fortune Global 500 เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ ซึ่งปัจจุบันตอนนี้ทาง Xiaomi ต้องต่อสู้แข่งขันกับแบรนด์ชั้นนำหลากหลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็น Apple, Samsung และ Huawei ซึ่งเขาเองก็พูดเป็นใน ๆ ว่า นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันล้วนเกิดขึ้นจากรากฐานนั่นเอง อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Xiaomi มีการพยายามพัฒนากล้องถ่ายรูปมาตั้งแต่ปี 2016 แล้วเมื่อธุรกิจด้านมือถือสมาร์ทโฟนเริ่มโตขึ้น ก็มีการจัดแผนกอุปกรณ์ที่ได้นักวิศวกรเพื่อพัฒนาเลนส์กล้องของแบรนด์ขึ้นมา ในช่วงแรกมีเพียงแค่ 122 คน แต่วันนี้ทาง Xiaomi มีพนักงานที่อยู่ในสายการออกแบบดีไซน์กล้องมากถึง 826 คน แล้วก็ยังมีทั้งนักวิศวกรอีก 350 คนที่จะมาช่วยในการออกแบบประสิทธิภาพของ A.I. ในการทำงานเวลาถ่ายรูปให้ดีมากยิ่งขึ้น  ซึ่งคุณ Lei Jun ก็ยังเปิดเผยว่าทาง Xiaomi มีการจัดตั้งศูนย์ R&D ของกล้องในเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก สิ่งที่เราได้เห็นในมือถือสมาร์ทโฟนที่ได้คำวิจารณ์เรื่องประสิทธิภาพของกล้องก็คือ “Mi 10 Pro” ที่เว็บไซต์ชื่อดังอย่าง DXOMark จัดให้อยู่ในอันดับ 6 เป็นรองตัวท็อปของ Apple อย่าง iPhone 12 Pro Max แล้วสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือผลิตภัณฑ์มือถือสมาร์ทโฟนแบรนด์นี้ได้คำวิจารณ์จากผู้ใช้งานว่าถ่ายรูปได้ดีเยี่ยม ปิดท้ายคุณ Lei Jun ยังบอกอีกว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าแบรนด์ Xiaomi จะกลายเป็นแบรนด์ดังที่คนรู้จักทั่วโลกมากกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน “สินค้าที่ขายดีเป็นเทน้ำ เทท่าชนิดที่ของไม่พอขายกันเลย” ย้อนกลับมาในบ้านเราแบรนด์ Xiaomi เป็นที่รู้จักจากผู้ใช้งานทั่วไปเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่มือถือสมาร์ทโฟนที่ผู้คนรู้จักกันดีว่าสเปกจัดมาให้จุก ๆ ด้วยราคาที่สามารถจับต้องได้ไม่แพงจนเกินไป อีกทั้งสินค้าตัวอื่น ๆ ก็เริ่มนำมาวางจำหน่ายในบ้านเรามากขึ้น อย่างก่อนหน้านี้เครื่องฟอกอากาศในช่วงที่บ้านเราเกิดวิกฤต PM 2.5 ก็ขายดิบ ขายดี หรือจะเป็นสายเกมเมอร์ก็มีจอมอนิเตอร์ Mi Curved Gaming Monitor ขนาด 34 นิ้วที่มีราคาเพียงแค่หมื่นต้น ๆ เท่านั้นเอง  ซึ่งตัวเกวลินก็เชื่ออย่างยิ่งกว่าในปีถัด ๆ ไปสินค้าที่เคยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น Mi 10 Pro หรือ Redmi Smart TV Max จำนำมาวางจำหน่ายในบ้านเรากับเขาสักที แล้วเพื่อน ๆ ละคะ สิ่งหนึ่งที่ Xiaomi ได้พิสูจน์ให้ผู้ใช้งานทั่วโลกได้เห็นแล้วว่า แม้ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตจากประเทศจีนมีราคาที่ไม่สูงจนเกินไป แต่มันก็มีคุณภาพเทียบเท่าสินค้าแบรนด์ดังคู่แข่งได้ไม่ยากเย็นเลย เอาละค่ะ แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้านะคะสำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ _/\_ Source: Gizmochina เรียบเรียงบทความโดย:  KaelynVT
04 Dec 2020
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "Xiaomi"
อัปเดตรายชื่อ Smart Phone ที่เหมาะจะซื้อมาเล่นเกมมากที่สุด (ต้นปี 2021)
ในปัจจุบันต้องยอมรับเลยนะครับว่าเกมมือถือเข้ามามีบทบาทในวงการเรามากมายจริงๆ (เผลอๆ จะตลาดใหญ่เท่ากับวงการเกม Console แล้วด้วย) โดยเฉพาะฝั่งกี่ฬา Esport ที่แข่งขันกันอย่างจริงจังในบ้านเรา และมีเงินรางวัลมากกว่าเงินเดือนของผมทั้งปีเสียอีก (แหม่พูดแล้วก็เศร้า) ด้วยความที่ตลาดนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวันๆ ทางฝั่งผู้พัฒนาเองก็หันมาให้ความสนใจแข่งกันพัฒนาเกมดีๆ มาลงให้กับฝั่งมือถือมากมายไปด้วย ส่งผลในปัจจุบันเกมมือถือเริ่มใช้สเปคที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เริ่มเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะเล่นเกมในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ที่นี้เราจะได้รู้ได้ยังไงว่าควรซื้อมือถือเครื่องไหน ถึงจะสามารถเล่นเกมที่เราอยากเล่นได้ทั้งหมด? ไอ้ครั้นจะให้ไปนั่งเทียบสเปคของแต่ละรุ่น ก็เป็นอะไรที่ยุ่งยากอีก ดังนั้นวันนี้ผมจะมีชี้เป้าให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันว่าปัจจุบันในตลาดบ้านเรา มือถือรุ่นไหนเหมาะจะซื้อมาใช้เล่นเกมมากที่สุดครับ! แต่ก่อนจะไปเริ่มกัน ผมขอออกตัวก่อนว่าการจัดอันดับใน บทความนี้ จะวัดจาก ความสามารถของตัวเครื่อง, จำนวนชั่วโมงที่สามารถใช้งานได้, ฟังก์ชั่นสำหรับเกมเมอร์ และราคาเป็นหลัก ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับความแรงของ CPU และ GPU ผมอ้างอิงจาก 2 แหล่งคือ Nanoreview กับ Techcenturion ส่วนราคาจะมาจากเว็บ Siamphone ครับ มือถือ Gaming ที่โดยรวมยอดเยี่ยมมากที่สุด : Asus ROG Phone 3 หน้าจอขนาด : 6.59 นิ้ว  (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 270 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว) CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Plus Octa Core (แรงอันดับ 8 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) ,หน่วยความจำ : RAM 12 GB / ROM 512 GB, แบตเตอรี่ : 6,000 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 26,000 บาท หน้าจอไม่ใหญ่เกินไป, มี Refresh Rate สูงถึง 144Hz, ใช้ชิปประมวลผลที่แรง 8 ของโลก, แบตเตอรี่อึดใช้งานได้นาน, มาพร้อมกับการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม, ทั้งยังสามารถตั้งค่า Macro หรือ ชุดคำสั่งเพื่อให้เล่นเกมได้ง่ายขึ้น คงต้องบอกว่าไม่มีโทรศัพท์เครื่องไหนในโลกจะตอบโจทย์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว ในเรื่องของราคา 26,000 ก็ถือว่าไม่แพงเกินไปเช่นกัน จุดเด่นหลักๆ ของ ROG Phone 3 คือเรื่องของ AeroActive Cooler 3 อุปกรณ์เสริมที่ช่วยในการระบายความร้อน กับ Airtrigger 3 บริเวณด้านขวาของตัวเครื่อง ที่ทำงานเหมือนปุ่ม L1, R1 ของจอยเครื่อง Console แต่ต่างกันตรงที่บนมือถือนี้จะเป็นเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกที่ใช้รับสัมผัสแทน โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าเองได้เลยว่าจะให้การสัมผัสแบบไหน ส่งผลแบบไหนในเกม พูดแล้วอาจจะไม่เห็นภาพ เอาเป็นว่าดูในวิดีโอด้านล่างนี้ได้เลยครับ มือถือ Gaming ที่มีราคาย่อมเยาที่สุด : Nubia Red Magic 5G หน้าจอขนาด : (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 320 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 865 5G Octa Core (แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 8 - 16 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,500 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 17,900. บาท Red Magic 5G อาจไม่ใช่รุ่นที่ได้รับความนิยมมากนักในบ้านเรา แต่เจ้าตัวนี้ก็เรียกได้ว่ามาพร้อมกับสเปคที่แรงน้อยกว่า ROG Phone 3 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ได้ Touch Sampling Rate ที่สูงกว่ามาแทน กับ RAM ของเครื่องที่ให้มาแบบเยอะถึง 16 GB แต่จุดที่น่าสนใจมากที่สุดคงเป็นเรื่องของราคาที่ถือว่าถูกมากๆ หากเทียบกับสเปคครับ ในเรื่องของการระบายความร้อน Red Magic 5G ก็มาพร้อมกับ Active Liquid-Cooling with Turbo Fan 3.0 ที่ทำให้เครื่องสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่ารุ่นทั่วไปที่มีในตลาด แน่นอนว่าเจ้าเครื่องนี้เองก็มี Trigger หรือปุ่มสำหรับใส่ชุดคำสั่งสำหรับการเล่นเกมก็มีมาให้ 2 ปุ่มเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถตั้งคำสั่งความละเอียดสูงแบบ เขย่าหน้าจอ หรือสไลด์ซ้าย กับขวา แบบเดียวกับ ROG Phone 3 ได้ครับ มือถือ Gaming ที่มาพร้อมอุปกรณ์เสริมยอดเยี่ยมที่สุด : Xiaomi Black Shark 3 Pro หน้าจอขนาด : (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 270 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว),  CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Octa Core (แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) หน่วยความจำ : RAM 8 - 12 GB / ROM 256 - 512 GB, แบตเตอรี่ : 5,000 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 19,900. บาท Black Shark ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่น Gaming จากทาง Xiaomi ที่อยู่คู่วงการมานานแล้ว โดยในเรื่องของความแรงเจ้า Black Shark 3 Pro จะเทียบเท่ากันกับ Red Magic 5G เลย แต่ได้ในเรื่องของอุปกรณ์เสริม ที่เยอะกว่ามาแทน ไม่ว่าจะเป็น หูฟัง, ชุดระบายความร้อน, จอยควบคุมสำหรับต่อใช้งาน, คีย์บอร์ด และอื่นๆ อีกมากมาย ในส่วนของปุ่มคำสั่งพิเศษ รุ่นนี้ก็มีมาให้ทางด่านขวาบน กับขวาล่างเช่นกัน เพียงแต่ของ Black Shark 3 Pro จะเป็นปุ่มที่อยู่ภายในหน้าจอ Touch Screen ทำให้อาจใช้งานได้ยากกว่า 2 รุ่นข้างบนเล็กน้อย ส่วนเรื่องระบายความร้อนก็สามารถทำได้ดีมากๆ เช่นกันด้วย Sandwich Liquid Cooling และจะดีขึ้นไปอีกเมื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมครับ มือถือทั่วไปที่เหมาะจะเอามาเล่นเกมมากที่สุด แม้ว่ามือถือ Gaming จะเกิดมาเพื่อเล่นเกมอย่างแท้จริง แต่ในเรื่องของดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวเกินไปเลยอาจทำให้หลายคนอาจรู้ไม่ชอบเครื่อง 3 รุ่นข้างต้นนี้ ดังนั้นผมจึงได้จัดอันดับมือถือทั่วไป ที่เหมาะสำหรับเล่นเกมมากที่สุดมาให้ด้วย ซึ่งในกลุ่มนี้มักจะได้ในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานทั่วไปที่ดีกว่ามาทดแทนครับ Mi 11 หน้าจอขนาด : 6.81 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 480 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 888 Octa Core (แรงอันดับ 2 ของโลก), GPU : Adreno 660 (แรงอันดับ 2 ของโลก) หน่วยความจำ : RAM 8 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,600 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 22,300. บาท เรือธงตัวใหม่จากทาง Xiaomi ที่เพิ่งวางขายไปเลยช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ จุดเด่นของเจ้าเครื่องนี้คือหน่วยประมวลผลที่แรงเป็นอันดับ 2 ของโลกในตอนนี้ทั้ง CPU และ GPU กับ Touch Sampling Rate ที่สูงแบบอลังการงานสร้าง 480 Hz แต่กลับมีราคากลางเพียงแค่ 22,300 บาท ซึ่งถูกกว่า ROG Phone 3 เสียอีก แม้จะไม่มีฟังก์ชันหรืออุปกรณ์เสริมดีๆ สำหรับ Gaming โดยเฉพาะมาด้วย แต่ในเรื่องของการระบายความร้อน Mi 11 ถือว่าทำได้ดีมาก อุณหภูมิเครื่องจะอยู่ที่ 35 - 37 องศาเท่านั้นหากเล่น ROV ในห้องแอร์ 25 องศา เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากๆ ครับ Samsung S21 Plus (S21+) หน้าจอขนาด : 6.7 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 240 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Exynos 2100 Octa Core (แรงอันดับ 3 ของโลก), GPU : Mali-G78 MP14 (แรงอันดับ 7 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 8 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,800 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 31,800. บาท อีกหนึ่งเรือธงใหม่จากทาง Samsung ที่มาพร้อมกับ CPU ที่แรงอันดับ 3 กับ GPU ที่อยู่อันดับ 7 ทำให้ เจ้า S21+ ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากๆ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เหมือนจะมีปัญหาในเรื่องของ แบตเตอรี่ ที่จากปากผู้ใช้งานเหมือนจะหมดเร็วมากๆ แม้จะมีขนาดถึง 4,800 mAh ก็ตาม โชคยังดีที่รุ่นนี้สามารถชาร์จได้เร็วมากครับ อีกหนึ่งข้อเสียของ S21+ คือเรื่องการระบายความร้อนที่ทำออกมาได้ไม่ดีนัก จากคำรีวิวของผู้ใช้งานดูเหมือนว่าแค่เปิดใช้งานกล้องเป็นเวลานานตัวเครื่องก็จะร้อนมากๆ แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปเมื่อร้อนมากๆ CPU / GPU ก็จะลดความสามารถในการทำงานลง แต่ถ้าหากใช้งานในห้องแอร์ และสามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลา S21+ ถือเป็นอีกหนึ่งมือถือดีไซน์สวยที่ไม่ควรพลาดครับ iPhone 12 Pro หน้าจอขนาด : 6.1 นิ้ว (Refresh Rate 60Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 120 Hz หน่วย (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว) ,CPU : Apple A14 Bionic Hexa Core (แรงอันดับ 1 ของโลก), GPU : A14 Bionic’s GPU (แรงอันดับ 1 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 6 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : Li-Ion 2815 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 36,400. บาท เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับ CPU และ GPU แรงอันดับ 1 ของโลกแล้วสำหรับ iPhone 12 แต่น่าเสียดายที่หน้าจอของรุ่นนี้มาพร้อมกับ Refresh Rate เพียงแค่ 60 Hz กับ Touch Sampling Rate แค่ 120 Hz ทำให้อาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่มือถือที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมขนาดนั้น ในเรื่องของการระบายความร้อนเอง ก็ถือได้ว่ายังมีปัญหาอยู่เช่นกัน จากคำรีวิวของผู้ใช้งานเหมือนว่าจะร้อนมากๆ หากใช้เล่นเกมไประยะเวลาหนึ่ง และในเรื่องของแบตเตอรี่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการใช้งาน และเล่นเกมทั้งวันเช่นกัน ข้อดีก็คือมีฟังก์ชันการใช้งานที่เยอะมากๆ (โดยเฉพาะการอัดวิดีโอ และการถ่ายภาพ) หากปกติเป็นคนที่ใช้งานทั่วไปเยอะ และเล่นเกมเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น iPhone 12 ถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีครับ One Plus 8 Pro หน้าจอขนาด : 6.1 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 240 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Octa Core(แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก), หน่วยความจำ : RAM 8 - 12 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,510 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 28,100. บาท แม้จะไม่ได้มาพร้อมกับ CPU / GPU ที่แรงเมื่อเทียบกับราคา แต่ One Plus อาจเรียกได้ว่าเป็นมือถือที่มีระบบปฏิบัติการ Android ที่เสถียรมากที่สุด (OxygenOS 10.0 based on Android 10.0) ส่งผลให้เป็นโทรศัพท์ที่จะเกิดบัค หรือเหตุการณ์แบบเกมปิดตัวดื้อๆ น้อยครั้งที่สุดครับ ในส่วนของการระบายความร้อนก็ทำได้แบบปานกลาง ไม่ได้ดีเทียบเท่ากับมือถือ Gaming แต่ถือว่าดีในระดับหนึ่ง โดยที่หลุดมาไกลถึงตรงนี้ เป็นเพราะเรื่องราคาที่สูงไปนิด เมื่อเทียบกับ MI 11 แล้วเจ้าตัวนี้เลยน่าซื้อน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ
08 Mar 2021
Lei Jun ผู้ก่อตั้งของ Xiaomi ขอเคลียร์ความเชื่อผิด ๆ ที่ชาวโลกมีต่อสินค้าของแบรนด์นี้!
ถ้าพูดถึงผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ดังจากประเทศจีนอย่าง “Xiaomi” มันไม่ได้มีดีแค่มือถือสมาร์ทโฟนเท่านั้นนะคะ เพราะเขามีสินค้ามากมายที่ผลิตออกมาให้เราได้ใช้งานกันเพียบ แถมราคาก็สมเหตุ สมผลถ้าเทียบกับสินค้าจากแบรนด์ดังอื่น ๆ ที่ผลิตออกมา แล้วสินค้าที่ดูเหมือนจะได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงระยะเวลา 2 - 3 ปีทีผ่่านมาคงหนีไม่พ้น “เครื่องฟอกอากาศ” ที่ก่อนหน้านี้บ้านเราประสบปัญหาเรื่องฝุ่นละอ่อง PM 2.5 จนจำเป็นต้องซื้อเครื่องฟอกอากาศมาติดกันที่บ้านเลยทีเดียว ทำให้ช่วงระยะหนึ่งเครื่องฟอกอากาศขาดไปช่วงหนึ่งเลย ไม่ใช่แค่เครื่องฟอกอากาศที่เป็นสินค้าขายดีเท่านั้น ยังมีนาฬิกาสุขภาพอย่าง “Mi Smart Band” ซึ่งเกวลินเองก็ซื้อมาใช้เหมือนกัน เพราะตอนนี้ออกมาถึงรุ่นที่ 5 กันแล้วค่ะ แม้ว่าฟังก์ชั่นของมันอาจจะไม่ได้เหมือนของแบรนด์อื่น ๆ แต่มันก็เหมาะกับคนที่มีงบไม่ได้มากนัก แต่ต้องการเอาไว้ใช้ในการวัดความดัน, การเต้นของหัวใจ หรือ วัดค่าต่าง ๆ ขณะออกกำลังกายในรูปแบบต่าง ๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีมากเลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่วางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาคุณ Lei Jun ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Xiaomi ได้มีการประชุม Yabuli Forum ประจำปี 2020 ก็ได้มีการพูดถึงสิ่งที่เป็นประเด็นเกี่ยวกับสินค้าต่าง ๆ ที่พวกเขาได้ผลิตออกมาสู่สายตาชาวโลก บางคนมองว่าสินค้าของ Xiaomi เป็นสินค้าที่ลอกเลียนแบบสินค้าจากแบรนด์ดังระดับโลกอื่น ๆ แถมยังถูกมองอีกว่าราคาถูกแล้วมันมีประสิทธิภาพไม่แข็งแรง ทำให้ครั้งนี้ผู้ก่อตั้งก็เลยขอส่งข้อความออกมาแถลงให้ชาวโลกได้รู้จักสินค้าของแบรนด์ Xiaomi มากยิ่งขึ้นค่ะ โดยคุณ Lei Jun ได้อธิบายเอาไว้ว่ามันก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้คนภายนอกจะมองสินค้าของแบรนด์ Xiaomi ในมุมมองด้านลบ โดยเฉพาะเรื่อง “ผลิตภัณฑ์ของ Xiaomi มันถูกมองเป็นสินค้าระดับล่างทั้งหมด” ตัวเขาเข้าใจเพราะมันคือจุดอ่อนอย่างรุนแรงที่เมื่อบริษัทของประเทศจีนที่กล้าลองผิด ลองถูกรังสรรค์สินค้าขึ้นมาแล้ววางจำหน่ายในตลาดโลกจนมันได้มันถูกยอมรับและมียอดขายเป็นจำนวนมาก แต่ถึงกระนั้นด้วยราคาที่เมื่อนำไปเทียบกับผลิตภัณฑ์ของแบรนด์อื่นที่มีชื่อเสียงมานาน จึงไม่แปลกที่ผู้บริโภคเมื่อเห็นราคาที่ถูกตั้งเอาไว้จะคิดแบบนี้ ทางคุณ Lei Jun ก็ได้เสริมอีกว่า “ตลอดเวลาพวกเขาและทีมผู้พัฒนาทุกคนพยายามเปลี่ยนความคิดนี้กับผู้บริโภคอยู่!” ปัจจุบันก็มีการเริ่มผลิตสินค้าระดับไฮเอนด์ออกมาหลากหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นมือถือสมาร์ทโฟนที่ติดอันดับสินค้าที่ขายดีที่สุดอย่าง “Mi 10 Ultra” ซึ่งต้องอธิบายก่อนว่ารุ่นนี้ยังไม่ได้ถูกนำมาวางจำหน่ายในบ้านเรานะคะ แล้วที่สร้างความฮือฮาเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมาทาง Xiaomi ก็ได้มีการเปิดตัว Redmi Smart TV Max ที่มีขนาดหน้าจอใหญ่สูงสุด 98 นิ้ว! ในราคาเพียงแค่ 19,999 หยวน หรือถ้าตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 92,000 บาท ซึ่งสเปกก็อัดแน่นแบบจัดหนักมาก ๆ ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นที่มีราคาสูงกว่านี้หลายเท่า หลังจากเปิดตัวก็ได้รับกระแสตอบรับจากผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ตัวนี้มากเลยทีเดียว ต่อมาที่เขาต้องการอยากให้ชาวโลกได้รับรู้ก็คือ “ผลิตภัณฑ์ทุกตัวของแบรนด์ Xiaomi ผลิตขึ้นจากนักพัฒนาของพวกเขาเอง!” ซึ่งตรงจุดนี้คุณ Lei Jun ก็รู้สึกผิดหวังที่มักจะได้ยินเรื่องที่ว่าสินค้าของเขาได้รับการจ้างออกแบบ ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันถูกสร้างแล้วได้รับการออกแบบจากนักวิศวกรของ Xiaomi เอง แล้วตอนนี้เขาเองก็อยากให้คนได้รู้ว่าตัวเขาได้สร้างโรงงานสุดแสนอัจฉริยะขึ้นมาแล้วตั้งอยู่ที่เมืองอี้จวง ณ.กรุงปักกิ่ง    ความน่าสนใจของโรงงานแห่งนี้ก็คือการทำงานอยู่ภายใต้การทำงานของ A.I. ระดับสูงที่มันจะทำงานเองอัตโนมัติเกือบทั้งหมดใช้คนในการควบคุมและดูแลเพียงแค่ 100 คน โดยอุปกรณ์ทั้งหมดยกเว้นชิ้นส่วนที่จะต้องใช้ในการวางตำแหน่งต่าง ๆ Xiaomi จะพัฒนาขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีบางบริษัทที่ทาง Xiaomi ได้ลงทุนเพื่อให้สร้างอุปกรณ์กับชิ้นส่วนต่าง ๆ แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาในช่วงระยะเวลา 3 ปีทาง Xiaomi มีการลงทุนกับบริษัทผลิตอุปกรณ์ไปมากกว่า 110 แห่ง   แล้วสิ่งสุดท้ายที่คุณ Lei Jun อยากบอกแก่ชาวโลกก็คือ “Xiaomi เองก็คิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ เทคโนโลยีใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อให้ตอบโจทย์ให้เข้ากับยุคสมัยเหมือนกับแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ” เพราะชาวโลกก็ยังคงมีความคิดที่ว่าสินค้าจากประเทศจีนมักจะได้ไอเดีย หรือ แรงบันดาลใจจากสินค้าแบรนด์ชั้นนำอื่น ๆ ซึ่งคุณ Lei Jun ก็อยากบอกให้โลกรู้เหมือนกันว่า หลาย ๆ ไอเดีย หลาย ๆ ผลิตภัณฑ์พวกเขาก็ได้ออกแบบขึ้นมาจากการนักวิศวกรของพวกเขา  ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา Xiaomi มีรายได้เข้าบริษัทเพียงแค่ 500 ล้านหยวน แต่พอเข้าสู่ปี 2019 พวกเขากลับทำรายได้สูงถึง 2.05 แสนล้านหยวน ทำให้ตอนนี้ Xiaomi ติดอันดับ 422 ใน Fortune Global 500 เป็นที่เรียบร้อยแล้วค่ะ ซึ่งปัจจุบันตอนนี้ทาง Xiaomi ต้องต่อสู้แข่งขันกับแบรนด์ชั้นนำหลากหลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็น Apple, Samsung และ Huawei ซึ่งเขาเองก็พูดเป็นใน ๆ ว่า นวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในยุคปัจจุบันล้วนเกิดขึ้นจากรากฐานนั่นเอง อย่างไรก็ตามผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ Xiaomi มีการพยายามพัฒนากล้องถ่ายรูปมาตั้งแต่ปี 2016 แล้วเมื่อธุรกิจด้านมือถือสมาร์ทโฟนเริ่มโตขึ้น ก็มีการจัดแผนกอุปกรณ์ที่ได้นักวิศวกรเพื่อพัฒนาเลนส์กล้องของแบรนด์ขึ้นมา ในช่วงแรกมีเพียงแค่ 122 คน แต่วันนี้ทาง Xiaomi มีพนักงานที่อยู่ในสายการออกแบบดีไซน์กล้องมากถึง 826 คน แล้วก็ยังมีทั้งนักวิศวกรอีก 350 คนที่จะมาช่วยในการออกแบบประสิทธิภาพของ A.I. ในการทำงานเวลาถ่ายรูปให้ดีมากยิ่งขึ้น  ซึ่งคุณ Lei Jun ก็ยังเปิดเผยว่าทาง Xiaomi มีการจัดตั้งศูนย์ R&D ของกล้องในเมืองต่าง ๆ ทั่วโลก สิ่งที่เราได้เห็นในมือถือสมาร์ทโฟนที่ได้คำวิจารณ์เรื่องประสิทธิภาพของกล้องก็คือ “Mi 10 Pro” ที่เว็บไซต์ชื่อดังอย่าง DXOMark จัดให้อยู่ในอันดับ 6 เป็นรองตัวท็อปของ Apple อย่าง iPhone 12 Pro Max แล้วสิ่งที่พวกเขาต้องการก็คือผลิตภัณฑ์มือถือสมาร์ทโฟนแบรนด์นี้ได้คำวิจารณ์จากผู้ใช้งานว่าถ่ายรูปได้ดีเยี่ยม ปิดท้ายคุณ Lei Jun ยังบอกอีกว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าแบรนด์ Xiaomi จะกลายเป็นแบรนด์ดังที่คนรู้จักทั่วโลกมากกว่าตอนนี้อย่างแน่นอน “สินค้าที่ขายดีเป็นเทน้ำ เทท่าชนิดที่ของไม่พอขายกันเลย” ย้อนกลับมาในบ้านเราแบรนด์ Xiaomi เป็นที่รู้จักจากผู้ใช้งานทั่วไปเป็นอย่างมาก ไม่ใช่แค่มือถือสมาร์ทโฟนที่ผู้คนรู้จักกันดีว่าสเปกจัดมาให้จุก ๆ ด้วยราคาที่สามารถจับต้องได้ไม่แพงจนเกินไป อีกทั้งสินค้าตัวอื่น ๆ ก็เริ่มนำมาวางจำหน่ายในบ้านเรามากขึ้น อย่างก่อนหน้านี้เครื่องฟอกอากาศในช่วงที่บ้านเราเกิดวิกฤต PM 2.5 ก็ขายดิบ ขายดี หรือจะเป็นสายเกมเมอร์ก็มีจอมอนิเตอร์ Mi Curved Gaming Monitor ขนาด 34 นิ้วที่มีราคาเพียงแค่หมื่นต้น ๆ เท่านั้นเอง  ซึ่งตัวเกวลินก็เชื่ออย่างยิ่งกว่าในปีถัด ๆ ไปสินค้าที่เคยเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็น Mi 10 Pro หรือ Redmi Smart TV Max จำนำมาวางจำหน่ายในบ้านเรากับเขาสักที แล้วเพื่อน ๆ ละคะ สิ่งหนึ่งที่ Xiaomi ได้พิสูจน์ให้ผู้ใช้งานทั่วโลกได้เห็นแล้วว่า แม้ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตจากประเทศจีนมีราคาที่ไม่สูงจนเกินไป แต่มันก็มีคุณภาพเทียบเท่าสินค้าแบรนด์ดังคู่แข่งได้ไม่ยากเย็นเลย เอาละค่ะ แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้านะคะสำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ _/\_ Source: Gizmochina เรียบเรียงบทความโดย:  KaelynVT
04 Dec 2020