GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "ROG"
Loopmancer เกมแอ็กชัน Side-scrolling ภาพสุดสวยงาม เปิดให้โหลดเดโมแล้ว พร้อมวางขายเดือนหน้า
หากคุณกำลังมองหาเกมประเภท Side-scrolling ผสมผสานกับความเป็นเกมแอ็กชันสุดมันส์ ที่มีระบบ Roguelike เกม Loopmancer คือคำตอบของคุณอย่างแน่นอน Loopmancer เป็นผลงานของ eBrain Studio ทีมพัฒนาเกมที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศจีน ซึ่งตัวเกมก็ได้นำเสนอฉากหลังของประเทศจีนในยุคอนาคตออกมาได้เป็นอย่างดี ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Xiang Zixu นักสืบเอกชนที่ถูกฆาตกรรม ระหว่างกำลังสืบสวนคดีการหายตัวไปของนักข่าวชื่อดัง ทว่าหลังจากที่เขาตายไปแล้ว เวลาดันเกิดย้อนกลับขึ้นมา ทำให้ทุกครั้งที่ตัวเอกอย่าง Xiang ต้องตายลง เขาจะฟื้นกลับมาตื่นบนเตียงของเช้าวันที่เขาถูกฆาตกรรมอยู่เสมอ ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ก็ต้องไปติดตามต่อกันในตัวเกมเอานะครับ โดยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ทาง eBrain Studio ได้ปล่อยวิดีโอ Official Release Date Trailer เผยเกมเพลย์ ภาพกราฟิกเบื้องต้น และตบท้ายด้วยวันวางขายอย่างเป็นทางการของตัวเกมซึ่งหากใครที่อยากจะลองเล่นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อจริง Loopmancer ก็เปิดให้ดาวน์โหลดเดโมฟรีอยู่บน Steam ณ ตอนนี้อีกด้วย สำหรับใครที่สนใจ Loopmancer จะวางจำหน่ายในวันที่ 13 กรกฎาคม 2022 บนระบบ PC เพียงเท่านั้น แหล่งข้อมูล: gematsu
16 Jun 2022
เปิดตัว Ed-0: Zombie Uprising เกมที่จะพาคุณย้อนเวลาไปในยุคเอโดะ เพื่อไล่ฆ่าซอมบี้ให้เหี้ยน
หากพูดถึงเกมที่มีแนวคิดเจ๋ง ๆ และแปลกแหวกแนวจนไม่เหมือนใครที่ออกมาภายในปี 2022 นี้ เกม Ed-0: Zombie Uprising จะต้องติดโผอยู่ในรายชื่อด้วยอย่างแน่นอนตัวเกมจะพาผู้เล่นย้อนกลับไปยังยุคเอโดะภายในประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับสิ่งที่ไม่น่าจะมีในยุคนั้นได้ นั่นก็คือเหตุการณ์ Zombie Industrial Revolution ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ฝูงซอมบี้ยึดครองโลกไปได้ถึง 90%ผู้เล่นจะต้องรับบทเป็นหนึ่งใน 3 ตัวละคร ที่มีความสามารถที่แตกต่างกันไป อย่าง Mumyo ที่เป็นซามูไร Raiden ที่เป็นนักซูโม่ และ Matoka ที่เป็นนินจา ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 3 ตัวละครนี้ จะมีจุดเด่น จุดด้อยที่ไม่เหมือนกันอีกด้วยแนวเกมที่ทางผู้พัฒนาได้ระบุเอาไว้คือ Action Survival ผสมกับ Roguelike ซึ่งนั่นหมายความว่า ในแต่ละรอบการเล่น ผู้เล่นจะได้พบกับประสบการณ์ที่จะไม่เหมือนกันเลยสักครั้ง เพราะทุกอย่างที่ถูกสุ่มใหม่เมื่อผู้เล่นตายลงนั่นเองนอกจากนี้ ทางทีมพัฒนายังมีแผนจะเปิดให้ผู้เล่นเข้าทดสอบแบบ Early Access บนร้านค้า Steam ในวันที่ 4 เมษายนที่จะถึงนี้ พร้อมกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ภายในเกมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบอสหลักทั้ง 3 ตัว ไอเทมและสกิลเกินกว่า 100 ชนิด ระดับความยากที่ปรับเปลี่ยนได้ ไปจนถึงจำนวนชั่วโมงการเล่นที่มากกว่า 10 ชั่วโมง ตั้งแต่เวอร์ชัน Early Access สำหรับใครที่สนใจ อยากจะร่วมทดสอบตัวเกม ก็สามารถไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ LINK นี้กันได้เลย แหล่งข้อมูล: gematsu
17 Mar 2022
Sherlock Holmes: Chapter One ประกาศวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว 16 พฤศจิกายนนี้!
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางทีมผู้พัฒนา Sherlock Holmes: Chapter One อย่าง Frogwares ได้ทำการโพสต์ความเคลื่อนไหวลงบน Twitter หลักของเกม ว่าอีกไม่นานจะประกาศเกี่ยวกับวันวางจำหน่ายแล้ว เมื่อวานพวกเขาก็ได้ทำการโพสต์วิดีโอตัวอย่างใหม่ พร้อมระบุว่าตัวเกมจะวางจำหน่ายในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ สำหรับเครื่อง Xbox Series X/S, PS5 และ PCซึ่งนอกจากวิดีโอเปิดตัวแล้ว Frogwares ก็ยังทำการโพสต์วิดีโอความยาวกว่า 7 นาที เป็นการเปิดเผยเกมเพลย์ในเชิงลึก ที่ครอบคลุมทั้งระบบในการสำรวจหลักฐาน การสืบสวนผู้คน ไปจนถึงระบบการต่อสู้ และก็เช่นเดียวกับเกมก่อนหน้าของพวกเขา ที่ผู้เล่นจะสามารถตัดสินใจได้ว่าจะปล่อยหรือจับตัว NPC ได้ ภายใต้ความหนักแน่นของเบาะแส และหลักฐานที่ผู้เล่นได้ทำการรวบรวมมา นอกจากนั้น Sherlock ก็ยังสามารถสวมชุดต่างๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการปกป้องตัวเองจากการโจมตีได้อีกด้วยแต่หากคุณกลัวว่าการรับมือกับทั้งปริศนาในการสืบสวน และการต่อสู้ไปพร้อมๆ กัน อาจจะยากหรือหนักเกินไป ตัวเกมก็มีตัวเลือกในการปรับระดับความยาก โดยแยกกันระหว่างปริศนากับการต่อสู้อีกด้วย ดังนั้นแล้วหากคุณอยากจะบู๊แหลกมันส์ๆ เน้นซึมซับบรรยากาศการสืบสวนไปกับคุณนักสืบชื่อดัง หรือต้องการความดุดันของทั้งสองแบบชนิดจัดเต็ม 300% ก็สามารถเลือกปรับได้ตามต้องการเลยค่ะ!<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/VLT_7TPx53U' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe><iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/uaCIPhxUNI4' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit: GamingBolt
17 Sep 2021
Rogue Games เปิดตัวเกมใหม่ WipEout Rush เตรียมลง iOS และ Android ในปี 2022
ผมเชื่อว่าแฟนเกมแข่งรถบนเครื่อง PlayStation น่าจะรู้จักเกมซีรี่ส์ WipEout กันเป็นอย่างดี ถ้าเราอิงจากผลตอบรับของ WipEout Omega Collection ในปี 2017 เห็นได้ชัดว่ามีแฟนๆ จำนวนมากที่ต้องการให้ทางผู้พัฒนาทำตัวเกมภาคใหม่ออกมา และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีประกาศผ่านทาง IGN มาแล้วว่า WipEout กลับมาให้เราได้เล่นกันแล้ว แต่ในภาคใหม่นี้จะอยู่ในรูปแบบของเกมมือถือทางผู้จัดจำหน่าย Rogue Games ได้ประกาศเปิดตัว WipEout Rush เกมแข่งรถภาคใหม่ที่ในภาคนี้จะเป็นเกมแข่งรถที่ถูกออกแบบมาให้เล่นในอุปกรณ์พกพาแบบโทรศัพท์ กราฟิกของเกมจะเป็นสไตล์การ์ตูนที่ค่อนข้างดูดี โดยจะมีโหมดแคมเปญสำหรับผู้เล่นคนเดียว กับโหมดการแข่งขันชิงแชมป์ถ้วย 12 ครั้งใน 5 สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมี Soundtrack แนว Electronica จาก Alastair Lyndsay อีกด้วยทาง CEO ของ Rogue Games คุณ Matt Casamassin ได้ออกมากล่าวด้วยว่าเกม WipEout Rush ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับที่แฟนๆ ของซีรีส์นอกจากนี้ยังบอกอีกด้วยว่า “เราหวังว่าแฟนๆ จะยอมเปิดใจยอมรับภาคนี้หน่อย ถึงมันจะไม่ได้ลงแพลตฟอร์มเดิมแต่เราก็ภูมิใจที่จะนำแฟรนไชส์ ​​WipEout กลับมาอีกครั้ง พวกเรามอบความรักให้กับเกมนี้เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นด้านการนำเสนอ เนื้อเรื่อง เสียง Soundtrack และกราฟิกที่สามารถทำงานได้ที่ 60 FPS”ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทาง Sony ได้ออกมาพูดว่าตั้งใจจะขยายกิจการไปลงเกมมือถือมากขึ้น ทำให้ในอนาคตอาจจะมีเกมที่ถูกดัดแปลงให้ลงมือถือมากขึ้นก็ได้ แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตของ WipEout Rush จะเป็นอย่างไร แต่ตัวเกมก็ตั้งใจจะลงให้กับเครื่อง iOS และ Android ในปี 2022 ส่วนเพื่อนๆ ที่ต้องการเล่นบน PS5 ก็ยังมีความหวังครับ เพราะไม่นานมานี้มีข้อมูลหลุดออกมาว่าจะมี WipEout ภาคใหม่อีกภาคลงให้กับเครื่อง PS5 กับ PSVR 2 เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็รอไปก่อนนะCredit : GamingBolt
17 Sep 2021
Adata จับมือกับ Asus เปิดตัว RAM DDR4 ที่มาพร้อมลายการ์ตูนสุดน่ารัก!
สายแต่งคอมที่ชื่นชอบ Anime ต้องดีใจกับสิ่งนี้ เมื่อล่าสุด Adata ได้จับมือกับ Asus ออก RAM DDR4 รุ่นพิเศษ XPS D50 'Long Yao' ROG STRIX ในตลาดประเทศจีน โดยใช้โมเดลของ XPS D50 ในสีขาวพร้อมกับไฟ RGB และภาพตัวการ์ตูน น้องแมวสีฟ้าสุดน่ารัก ในราคาเริ่มต้น 1,099 หยวน หรือประมาณ 5,500 บาทพูดถึงเรื่องความแรง กับความจุของ XPS D50 'Long Yao' ROG STRIX จะมีสองราคาให้เลือกคือ 16GB (8GB x 2) และ 32GB (16GB x 2) มี Bus อยู่ที่ 3600 - 3733Mhz และมีการยืนยันอีกว่าจะมีการออกรุ่น Bus ที่หลากหลายกว่านี้อย่าง 3200Mhz กับ 3800 - 4000Mhz ตามมาในภายหลัง ในส่วนของโลโก้ ROG ที่อยู่ขวาบน มีการเขียนข้อความภาษาจีนที่แปลว่า SnowStorm ไว้ด้วย โดยไม่แน่ใจว่ามีความหมายอะไรเป็นพิเศษรึเปล่านับตั้งแต่การวางขายสินค้าลายพิเศษในซีรีส์ Gundam ในช่วงปีที่ผ่านมา Asus ประเทศจีน ได้มีการทำสินค้า Hardware จากการ์ตูนดัง หรือรายพิเศษออกมาวางขายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเชื่อว่าสินค้าเหล่านี้ได้รับความนิยมมากพอสมควรทั้งใน และนอกประเทศจีน ซึ่งเชื่อว่าเราคงจะได้เห็นสินค้าแบบนี้มากขึ้นต่อไปในอนาคตด้วยCredit : Tom's Hardware
13 Sep 2021
เปิดตัว ROG Phone 5 มาพร้อมกับ Snapdragon 888 เริ่มต้นที่ 30,000 บาท
เปิดตัวแล้ววันนี้ กับโทรศัพท์สำหรับเหล่าเกมเมอร์ตัวจริงเครื่องใหม่จากทาง Asus กับ ROG Phone 5 ที่มาพร้อมกับชิป Snapdragon 888 ซึ่งแรงเป็นอันดับ 2 ของโลกอยู่ในตอนนี้ และมี RAM สูงสุดถึง 18 GB เทียบเท่ากับ PC ในปัจจุบันเลยทีเดียว ที่ผ่านมา Asus ROG Phone ถือได้ว่าเป็นมือถือที่มีฟังก์ชันมากมายตอบโจทย์สำหรับเกมเมอร์อย่างแท้จริง ซึ่งแน่นอนว่าอะไรดีๆ ที่รุ่นก่อนหน้า Rog Phone 3 มี ก็ถูกเอามาใส่ไว้ในรุ่นใหม่นี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม L1 / R1 ระบบ Macro ที่สามารถตั้งค่าได้เอง หรือกระทั่งอุปกรณ์เสริมพัดลมระบายความร้อน จุดที่แตกต่างกับ ROG Phone 3 ไม่ใช่เพียงแค่ชิปที่แรงขึ้นเท่านั้น แต่มีการใส่ปุ่ม L2 / R2 มาให้ด้วย (อยู่บริเวณด้านหลังเครื่องด้านล่าง) รวมถึงกล่องที่มีความคมชัดมากขึ้น โดยรอบนี้จะมี 5 รุ่นให้เลือกซื้อคือ ROG Phone 5 (8GB/128GB) : 799 ยูโร หรือประมาณ 29,230 บาท ROG Phone 5 (12GB/256GB) : 899 ยูโร หรือประมาณ 32,900 บาท ROG Phone 5 (16GB/256GB) : 999 ยูโร หรือประมาณ 36,550 บาท ROG Phone 5 Pro (16GB/512GB) : 1,199 ยูโร หรือประมาณ 43,860 บาท ROG Phone 5 Ultimate (18GB/512GB) : 1,299 ยูโร หรือประมาณ 47,520 บาท เบื่องต้นยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเข้าไทยเมื่อไหร่ หรือราคายังไง แต่งานนี้บอกเลยว่าใครกำลังหามือถือเล่นเกมใหม่อยู่ไม่ควรพลาดครับ
11 Mar 2021
อัปเดตรายชื่อ Smart Phone ที่เหมาะจะซื้อมาเล่นเกมมากที่สุด (ต้นปี 2021)
ในปัจจุบันต้องยอมรับเลยนะครับว่าเกมมือถือเข้ามามีบทบาทในวงการเรามากมายจริงๆ (เผลอๆ จะตลาดใหญ่เท่ากับวงการเกม Console แล้วด้วย) โดยเฉพาะฝั่งกี่ฬา Esport ที่แข่งขันกันอย่างจริงจังในบ้านเรา และมีเงินรางวัลมากกว่าเงินเดือนของผมทั้งปีเสียอีก (แหม่พูดแล้วก็เศร้า) ด้วยความที่ตลาดนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวันๆ ทางฝั่งผู้พัฒนาเองก็หันมาให้ความสนใจแข่งกันพัฒนาเกมดีๆ มาลงให้กับฝั่งมือถือมากมายไปด้วย ส่งผลในปัจจุบันเกมมือถือเริ่มใช้สเปคที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เริ่มเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะเล่นเกมในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ที่นี้เราจะได้รู้ได้ยังไงว่าควรซื้อมือถือเครื่องไหน ถึงจะสามารถเล่นเกมที่เราอยากเล่นได้ทั้งหมด? ไอ้ครั้นจะให้ไปนั่งเทียบสเปคของแต่ละรุ่น ก็เป็นอะไรที่ยุ่งยากอีก ดังนั้นวันนี้ผมจะมีชี้เป้าให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันว่าปัจจุบันในตลาดบ้านเรา มือถือรุ่นไหนเหมาะจะซื้อมาใช้เล่นเกมมากที่สุดครับ! แต่ก่อนจะไปเริ่มกัน ผมขอออกตัวก่อนว่าการจัดอันดับใน บทความนี้ จะวัดจาก ความสามารถของตัวเครื่อง, จำนวนชั่วโมงที่สามารถใช้งานได้, ฟังก์ชั่นสำหรับเกมเมอร์ และราคาเป็นหลัก ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับความแรงของ CPU และ GPU ผมอ้างอิงจาก 2 แหล่งคือ Nanoreview กับ Techcenturion ส่วนราคาจะมาจากเว็บ Siamphone ครับ มือถือ Gaming ที่โดยรวมยอดเยี่ยมมากที่สุด : Asus ROG Phone 3 หน้าจอขนาด : 6.59 นิ้ว  (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 270 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว) CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Plus Octa Core (แรงอันดับ 8 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) ,หน่วยความจำ : RAM 12 GB / ROM 512 GB, แบตเตอรี่ : 6,000 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 26,000 บาท หน้าจอไม่ใหญ่เกินไป, มี Refresh Rate สูงถึง 144Hz, ใช้ชิปประมวลผลที่แรง 8 ของโลก, แบตเตอรี่อึดใช้งานได้นาน, มาพร้อมกับการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม, ทั้งยังสามารถตั้งค่า Macro หรือ ชุดคำสั่งเพื่อให้เล่นเกมได้ง่ายขึ้น คงต้องบอกว่าไม่มีโทรศัพท์เครื่องไหนในโลกจะตอบโจทย์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว ในเรื่องของราคา 26,000 ก็ถือว่าไม่แพงเกินไปเช่นกัน จุดเด่นหลักๆ ของ ROG Phone 3 คือเรื่องของ AeroActive Cooler 3 อุปกรณ์เสริมที่ช่วยในการระบายความร้อน กับ Airtrigger 3 บริเวณด้านขวาของตัวเครื่อง ที่ทำงานเหมือนปุ่ม L1, R1 ของจอยเครื่อง Console แต่ต่างกันตรงที่บนมือถือนี้จะเป็นเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกที่ใช้รับสัมผัสแทน โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าเองได้เลยว่าจะให้การสัมผัสแบบไหน ส่งผลแบบไหนในเกม พูดแล้วอาจจะไม่เห็นภาพ เอาเป็นว่าดูในวิดีโอด้านล่างนี้ได้เลยครับ มือถือ Gaming ที่มีราคาย่อมเยาที่สุด : Nubia Red Magic 5G หน้าจอขนาด : (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 320 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 865 5G Octa Core (แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 8 - 16 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,500 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 17,900. บาท Red Magic 5G อาจไม่ใช่รุ่นที่ได้รับความนิยมมากนักในบ้านเรา แต่เจ้าตัวนี้ก็เรียกได้ว่ามาพร้อมกับสเปคที่แรงน้อยกว่า ROG Phone 3 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ได้ Touch Sampling Rate ที่สูงกว่ามาแทน กับ RAM ของเครื่องที่ให้มาแบบเยอะถึง 16 GB แต่จุดที่น่าสนใจมากที่สุดคงเป็นเรื่องของราคาที่ถือว่าถูกมากๆ หากเทียบกับสเปคครับ ในเรื่องของการระบายความร้อน Red Magic 5G ก็มาพร้อมกับ Active Liquid-Cooling with Turbo Fan 3.0 ที่ทำให้เครื่องสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่ารุ่นทั่วไปที่มีในตลาด แน่นอนว่าเจ้าเครื่องนี้เองก็มี Trigger หรือปุ่มสำหรับใส่ชุดคำสั่งสำหรับการเล่นเกมก็มีมาให้ 2 ปุ่มเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถตั้งคำสั่งความละเอียดสูงแบบ เขย่าหน้าจอ หรือสไลด์ซ้าย กับขวา แบบเดียวกับ ROG Phone 3 ได้ครับ มือถือ Gaming ที่มาพร้อมอุปกรณ์เสริมยอดเยี่ยมที่สุด : Xiaomi Black Shark 3 Pro หน้าจอขนาด : (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 270 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว),  CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Octa Core (แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) หน่วยความจำ : RAM 8 - 12 GB / ROM 256 - 512 GB, แบตเตอรี่ : 5,000 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 19,900. บาท Black Shark ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่น Gaming จากทาง Xiaomi ที่อยู่คู่วงการมานานแล้ว โดยในเรื่องของความแรงเจ้า Black Shark 3 Pro จะเทียบเท่ากันกับ Red Magic 5G เลย แต่ได้ในเรื่องของอุปกรณ์เสริม ที่เยอะกว่ามาแทน ไม่ว่าจะเป็น หูฟัง, ชุดระบายความร้อน, จอยควบคุมสำหรับต่อใช้งาน, คีย์บอร์ด และอื่นๆ อีกมากมาย ในส่วนของปุ่มคำสั่งพิเศษ รุ่นนี้ก็มีมาให้ทางด่านขวาบน กับขวาล่างเช่นกัน เพียงแต่ของ Black Shark 3 Pro จะเป็นปุ่มที่อยู่ภายในหน้าจอ Touch Screen ทำให้อาจใช้งานได้ยากกว่า 2 รุ่นข้างบนเล็กน้อย ส่วนเรื่องระบายความร้อนก็สามารถทำได้ดีมากๆ เช่นกันด้วย Sandwich Liquid Cooling และจะดีขึ้นไปอีกเมื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมครับ มือถือทั่วไปที่เหมาะจะเอามาเล่นเกมมากที่สุด แม้ว่ามือถือ Gaming จะเกิดมาเพื่อเล่นเกมอย่างแท้จริง แต่ในเรื่องของดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวเกินไปเลยอาจทำให้หลายคนอาจรู้ไม่ชอบเครื่อง 3 รุ่นข้างต้นนี้ ดังนั้นผมจึงได้จัดอันดับมือถือทั่วไป ที่เหมาะสำหรับเล่นเกมมากที่สุดมาให้ด้วย ซึ่งในกลุ่มนี้มักจะได้ในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานทั่วไปที่ดีกว่ามาทดแทนครับ Mi 11 หน้าจอขนาด : 6.81 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 480 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 888 Octa Core (แรงอันดับ 2 ของโลก), GPU : Adreno 660 (แรงอันดับ 2 ของโลก) หน่วยความจำ : RAM 8 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,600 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 22,300. บาท เรือธงตัวใหม่จากทาง Xiaomi ที่เพิ่งวางขายไปเลยช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ จุดเด่นของเจ้าเครื่องนี้คือหน่วยประมวลผลที่แรงเป็นอันดับ 2 ของโลกในตอนนี้ทั้ง CPU และ GPU กับ Touch Sampling Rate ที่สูงแบบอลังการงานสร้าง 480 Hz แต่กลับมีราคากลางเพียงแค่ 22,300 บาท ซึ่งถูกกว่า ROG Phone 3 เสียอีก แม้จะไม่มีฟังก์ชันหรืออุปกรณ์เสริมดีๆ สำหรับ Gaming โดยเฉพาะมาด้วย แต่ในเรื่องของการระบายความร้อน Mi 11 ถือว่าทำได้ดีมาก อุณหภูมิเครื่องจะอยู่ที่ 35 - 37 องศาเท่านั้นหากเล่น ROV ในห้องแอร์ 25 องศา เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากๆ ครับ Samsung S21 Plus (S21+) หน้าจอขนาด : 6.7 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 240 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Exynos 2100 Octa Core (แรงอันดับ 3 ของโลก), GPU : Mali-G78 MP14 (แรงอันดับ 7 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 8 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,800 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 31,800. บาท อีกหนึ่งเรือธงใหม่จากทาง Samsung ที่มาพร้อมกับ CPU ที่แรงอันดับ 3 กับ GPU ที่อยู่อันดับ 7 ทำให้ เจ้า S21+ ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากๆ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เหมือนจะมีปัญหาในเรื่องของ แบตเตอรี่ ที่จากปากผู้ใช้งานเหมือนจะหมดเร็วมากๆ แม้จะมีขนาดถึง 4,800 mAh ก็ตาม โชคยังดีที่รุ่นนี้สามารถชาร์จได้เร็วมากครับ อีกหนึ่งข้อเสียของ S21+ คือเรื่องการระบายความร้อนที่ทำออกมาได้ไม่ดีนัก จากคำรีวิวของผู้ใช้งานดูเหมือนว่าแค่เปิดใช้งานกล้องเป็นเวลานานตัวเครื่องก็จะร้อนมากๆ แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปเมื่อร้อนมากๆ CPU / GPU ก็จะลดความสามารถในการทำงานลง แต่ถ้าหากใช้งานในห้องแอร์ และสามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลา S21+ ถือเป็นอีกหนึ่งมือถือดีไซน์สวยที่ไม่ควรพลาดครับ iPhone 12 Pro หน้าจอขนาด : 6.1 นิ้ว (Refresh Rate 60Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 120 Hz หน่วย (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว) ,CPU : Apple A14 Bionic Hexa Core (แรงอันดับ 1 ของโลก), GPU : A14 Bionic’s GPU (แรงอันดับ 1 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 6 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : Li-Ion 2815 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 36,400. บาท เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับ CPU และ GPU แรงอันดับ 1 ของโลกแล้วสำหรับ iPhone 12 แต่น่าเสียดายที่หน้าจอของรุ่นนี้มาพร้อมกับ Refresh Rate เพียงแค่ 60 Hz กับ Touch Sampling Rate แค่ 120 Hz ทำให้อาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่มือถือที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมขนาดนั้น ในเรื่องของการระบายความร้อนเอง ก็ถือได้ว่ายังมีปัญหาอยู่เช่นกัน จากคำรีวิวของผู้ใช้งานเหมือนว่าจะร้อนมากๆ หากใช้เล่นเกมไประยะเวลาหนึ่ง และในเรื่องของแบตเตอรี่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการใช้งาน และเล่นเกมทั้งวันเช่นกัน ข้อดีก็คือมีฟังก์ชันการใช้งานที่เยอะมากๆ (โดยเฉพาะการอัดวิดีโอ และการถ่ายภาพ) หากปกติเป็นคนที่ใช้งานทั่วไปเยอะ และเล่นเกมเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น iPhone 12 ถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีครับ One Plus 8 Pro หน้าจอขนาด : 6.1 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 240 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Octa Core(แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก), หน่วยความจำ : RAM 8 - 12 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,510 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 28,100. บาท แม้จะไม่ได้มาพร้อมกับ CPU / GPU ที่แรงเมื่อเทียบกับราคา แต่ One Plus อาจเรียกได้ว่าเป็นมือถือที่มีระบบปฏิบัติการ Android ที่เสถียรมากที่สุด (OxygenOS 10.0 based on Android 10.0) ส่งผลให้เป็นโทรศัพท์ที่จะเกิดบัค หรือเหตุการณ์แบบเกมปิดตัวดื้อๆ น้อยครั้งที่สุดครับ ในส่วนของการระบายความร้อนก็ทำได้แบบปานกลาง ไม่ได้ดีเทียบเท่ากับมือถือ Gaming แต่ถือว่าดีในระดับหนึ่ง โดยที่หลุดมาไกลถึงตรงนี้ เป็นเพราะเรื่องราคาที่สูงไปนิด เมื่อเทียบกับ MI 11 แล้วเจ้าตัวนี้เลยน่าซื้อน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ
08 Mar 2021
แนะนำ 3 สมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” แบรนด์ดังที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยตอนนี้
ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีทองของมือถือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” เพราะแบรนด์มือถือชื่อเสียงหลายเจ้าถือได้ว่าตีตลาดหนักเป็นอย่างมาก ทำให้เกมเมอร์ที่ต้องการมือถือเอาไว้เล่นเกมโดยเฉพาะมีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น แถมเราไม่ต้องซื้อเครื่องหิ้วเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มาอีกแล้ว วันนี้เกวลินเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักเกมมิ่งโฟนที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยกันค่ะ แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าทุกรุ่นเป็นชิปเซ็ตตัวท็อปทั้งหมดเลย จะแตกต่างก็ประสิทธิภาพ, ลูกเล่นแต่ละแบรนด์ แล้วก็ราคา เมื่อพร้อมกันแล้วไปดูกันเลยค่ะ รุ่นแรกที่เกวลินขอแนะนำก็คือ “ASUS ROG Phone 3” จะเรียกว่าเป็นสุดยอดเกมมิ่งโฟนอันดับต้น ๆ ที่มีขุนพลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง “Snapdragon 865 Plus” ที่ทาง ASUS ยังได้ดันประสิทธิภาพด้วยการ OC ตัวชิปเซ็ต CPU และ GPU ให้มีความเร็วมากกว่าเกมมิ่งโฟนแบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาด แล้วความพิเศษของรุ่นนี้ก็คือมีการแถมตัวระบายความร้อนรุ่นใหม่อย่าง “GameCool 3” ที่ทำให้เราสามารถเล่นเกมได้ตลอดทั้งวันไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะร้อนมือ แล้วด้วยความที่เป็น ASUS ก็มีการดีไซน์ตัวเครื่องในส่วนต่าง ๆ เช่น มีตัวรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่แม่นยำ, ตัวรับเสียงพูดของผู้ใช้งาน, เพิ่มปุ่ม AirTriggers 3 เข้ามาด้านข้างเครื่องเพื่อใช้ในการเล่นเกมประเภท FPS ได้ดีมากกว่าเดิม, ลำโพงที่จัดมาให้เต็ม ๆ รวมไปถึงเรายังสามารถที่จะชาร์จขนาดเล่นพร้อมเชื่อมต่อในการถ่ายทอดสดได้อีกด้วย ยังไม่หมดแค่นั้นนะคะ ASUS ยังได้ออกแบบอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ออกมาเพียบเลย สุดท้ายนี้ก็ยังสามารถรองรับเทคโนโลยี 5G อีกด้วยค่ะ สเปกเครื่อง ASUS ROG Phone 3 ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย ROG UI หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.59 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ ที่รองรับการแสดงผลในรูปแบบ HDR10+ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 144Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz แถมที่มีค่าดีเลยเพียงแค่ 1ms เท่านั้น รวมไปถึงตัวหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 6  CPU: Snapdragon 865 Plus และ Snapdragon 865 สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition GPU: Adreno 650 RAM: 8GB. สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition และ 12GB. เป็นรูปแบบ LPDDR5 ความจุ: 256GB. สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition และ 512GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.1 ( ไม่สามารถเพิ่มความจุได้ ) กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682], เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP, เลนส์ Macro ความละเอียดสูงถึง 5MP กล้องหน้า: ความละเอียด 24MP การเชื่อมต่อ: WiFi 802.11 a/b/g/n/ac/ax Bluetooth 5.1, USB-C 3.1 กับ ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ระบบเสียง: เป็นระบบเสียง DTS X Sound เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ แบตเตอรี่: 6,000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30 วัตต์ สำหรับ ASUS ROG Phone 3 วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันค่ะ รวมไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ร่วมกันมีดังต่อไปนี้ค่ะ ASUS ROG Phone 3 ในรุ่น Ram 12GB. และ Rom 512GB. สนนราคาอยู่ที่ 32,990 บาท ภายในกล่องแถมตัวระบายความร้อน AeroActive Cooler 3 มาให้ด้วย ASUS ROG Phone 3 Strix Edition ในรุ่น Ram 8GB. และ Rom 256GB. ราคาอยู่ที่ 24,990 บาท ภายในกล่องแถมตัวระบายความร้อน AeroActive Cooler 3 มาให้ด้วย ROG Phone 3 Lighting Armor Case - ราคาอยู่ที่ 1,990 บาท ROG Clip - ราคาอยู่ที่ 1,990 บาท ROG Kunai 3 Gamepad - ราคาอยู่ที่ 3,990 บาท TwinView Dock 3 - ราคาอยู่ที่ 7,990 บาท โดย ASUS ROG Phone 3 สามารถหาซื้อได้ทั้ง ASUS Exclusive Store, ASUS Official Store ผ่านช่องทาง Shopee กับ lazada นอกจากนี้ยังสามารถซื้อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่าง “AIS” ที่มีโปรโมชั่นลดราคาในแพ็คเกจพิเศษแล้วก็ยังสามารถสั่งซื้อผ่านร้านค้าชื่อดังทั้ง JIB Computer หรือ Banana ก็มีวางจำหน่ายด้วยเช่นกันค่ะ ใครที่อยากจะได้สุดยอดเกมมิ่งโฟนห้ามพลาดเลยค่ะ! รุ่นต่อมาพึ่งประกาศวางจำหน่ายในบ้านเราแบบสด ๆ ร้อน ๆ กันเลยกับ “Legion Phone Duel” จากแบรนด์ Lenovo ที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อของ ASUS ROG Phone 3 เลยก็ว่าได้ค่ะ ด้วยราคาที่ถูกกว่ากันเล็กน้อย แต่ประสิทธิภาพก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดย Legion Phone Duel ก็ถูกจัดอยู่ในสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่ใช้ซิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง “Snapdragon 865 Plus” เหมือนกัน แล้วจุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ตรงที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับเกมที่เล่นแบบแนวนอนเป็นหลัก ( ส่วนใหญ่เกมก็มักจะเป็นแนว ๆ นี้อยู่แล้วใช่ไหมคะ ) ที่น่าสนใจอีกข้อก็คือมีการปรับปรุงปุ่ม Trigger ทั้งซ้าย และ ขวาของตัวเครื่องให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่แม่นยำขึ้น ใครที่ชอบเล่นเกมแนว FPS หรือ บางคนจะนำไปใช้กับเกมแนว MOBA ก็ได้เหมือนกันค่ะ โดยสองปุ่มนี้จะเป็นปุ่มที่เพิ่มคำสั่งต่าง ๆ ภายในเกมขึ้นอยู่กับว่าตัวผู้เล่นต้องการตั้งค่าเพื่อให้ใช้งานรูปแบบไหน ที่เด็ดสุดก็คือทาง Lenovo ได้ออกแบบระบบสั่นเป็นมอเตอร์คู่อยู่ฝั่งซ้าย กับ ขวาของตัวเครื่องที่จะมอบประสบการณ์ในการเล่นเกมบนมือถือแบบใหม่ซะด้วยค่ะ เช่นเดียวกันค่ะ รุ่นนี้ก็รองรับเทคโนโลยี 5G ด้วยเช่นกันค่ะ สเปกเครื่อง Legion Phone Duel ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย Legion OS และ ZUI12 หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.65 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ รองรับ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 144Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz รวมไปถึงตัวหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 6  CPU: Snapdragon 865 Plus  GPU: Adreno 650 RAM: 12GB. และ 16GB. เป็นรูปแบบ LPDDR5 ความจุ: 256GB. และ 512GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.1  กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682] ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.89, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 16MP กล้องหน้า: ความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง f/2.2 เป็นรูปแบบป๊อปอัพด้านข้าง การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, มี USB-C ถึง 2 ช่องส่งผลทำให้เราสามารถที่จะชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกับเล่นเกมไปด้วย ระบบเสียง: ลำโพงคู่ระบบเสียงสเตริโอ เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และ มีระบบระบายความร้อนแบบ Dual-Liquid และ Mid-Thermal แบตเตอรี่: 5,000 mAh ที่ทาง Lenovo ออกแบบมาให้เป็น 2 ส่วนคือข้างละ 2,500 mAh เหตุผลก็เพราะเพื่อลดความร้อนระหว่างการชาร์จแบตเตอรี่ หรือ ลดความร้อนจากการที่เครื่องทำงานอย่างหนัก แล้วเด็ดที่สุดคือรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสูงถึง 90 วัตต์ที่เครมกันว่าสามารถชาร์จจาก 0 ไป 100% ในระยะเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น! โดย Legion Phone Duel วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน รุ่นแรกมี Ram 12GB. แล้วก็ Rom 256GB. ราคาอยู่ที่ 23,990 บาท ที่ตัวเครื่องจะมีแค่สีน้ำเงินเท่านั้น และ รุ่นต่อมา Ram 16GB. แล้วก็ Rom 512GB. ราคาอยู่ที่ 30,990 บาท ที่ตัวเครื่องจะมีแค่สีแดงเท่านั้น ซึ่งถ้าใครที่อยากจะได้ในแพ็คเกจราคาพิเศษก็ซื้อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่าง “AIS” ได้เลยค่ะ เพราะราคาถูกมาก ๆ เลย แล้วถ้าใครที่ใช้เบอร์ของ AIS มานานก็จะได้รับสิทธิ์ในการลดราคาเพิ่มเติมอีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) นอกเหนือจากนี้ยังมีการวางจำหน่ายผ่านช่องทางอื่น ๆ อาทิเช่น IT City, JD.co.th, JIB Computer, Speed Computer, Banana และ BlueShop เป็นต้นค่ะ มาถึงอีกหนึ่งรุ่นที่เริ่มตีตลาดในบ้านเราได้ราว ๆ 2 ปีแล้วค่ะ กับ “Black Shark 3, Black Shark 3 Pro หรือ Black Shark 3S” หนึ่งในแบรนด์ลูกของ Xiaomi ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับจากเกมเมอร์เป็นอย่างดีเลยค่ะ เห็นชื่อแบรนด์หลายคนก็คงจะทราบเลยว่ามันคือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดา 2 แบรนด์ก่อนหน้านี้เลยค่ะ แต่ก็ใช่ว่าประสิทธิภาพของเขาจะไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างนั้นนะคะ โดยต้องอธิบายก่อนว่าปัจจุบันทาง Xiaomi มีแค่ 2 รุ่นที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราก็คือ Black Shark 2 กับ Black Shark 3 ส่วน Black Shark 3 Pro กับ Black Shark 3S ที่เป็นรุ่นอัปเกรดเพิ่มประสิทธิภาพยังไม่มีตารางการนำเข้ามาวางจำหน่าย สำหรับ Black Shark 3 ทาง Xiaomi เลือกใช้ชิปเซ็ต “Snapdragon 865” แม้ว่าประสิทธิภาพจะไม่ได้แตกต่างจากชิปเซ็ตตัวท็อป “Snapdragon 865 Plus” ก็ตาม แต่ตัวนี้ก็สามารถรองรับเทคโนโลยี 5G และ Wi-Fi 6 ได้ด้วย มีการดีไซน์มีปุ่ม Shoulder Button ที่อยู่ทางซ้าย และ ขวาของตัวเครื่องเหมือนกับ 2 แบรนด์ก่อนหน้านี้ค่ะ ความเก๋ของมันก็คือเมื่อเวลาเล่นเกมปุ่มนี้จะเด้งขึ้นมาเพื่อให้ใช้งาน แต่เมื่อใดที่เราใช้งานแบบปกติมันก็จะกลับไปอยู่ในสภาพตามปกติค่ะ อีกทั้งยังเครมอีกว่ามันทนต่อแรงกด และ การหดตัวเวลาเก็บได้ถึง 300,000 ครั้ง ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหนึ่งที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยค่ะ นอกจากนี้ Black Shark 3 ยังมีลำโพงคู่ในรูปแบบระบบสเตริโอ รวมไปถึงยังรองรับระบบเสียงแบบ Hi-Res อีกด้วยค่ะ เท่านั้นยังไม่พอใครที่ใช้ชอบหูฟังที่เป็นรูปแบบ 3.5 มม. รุ่นนี้ก็กลับมาให้เราได้ใช้งานกันอีกครั้ง แถมตัวนี้ยังมีการชาร์จแบบแม่เหล็กที่แตะด้านหลังเครื่องได้ด้วย รวมไปถึงยัง สเปกเครื่อง Black Shark 3 ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย Joy UI 11 หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.67 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ รองรับ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 90Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz  CPU: Snapdragon 865 GPU: Adreno 650 RAM: 8GB. และ 12GB. เป็นรูปแบบ LPDDR4x ความจุ: 125GB. และ 256GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.0 กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682] ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.8, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.3 และ เลนส์ Depth ความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.2  กล้องหน้า: ความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง f/2.0 การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, USB-C ระบบเสียง: ลำโพงคู่ระบบเสียงสเตริโอ เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ แบตเตอรี่: 4,720 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสูงถึง 65 วัตต์ การชาร์จแบบแม่เหล็กด้านหลังเครื่อง 18 วัตต์ สำหรับ Black Shark 3 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการผ่านช่องทาง Black Shark Official Store แพลตฟอร์ม lazada เท่านั้น! โดยสนนราคาอยู่ที่ 21,900 บาท ก็จะมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาเป็นระยะ ๆ ซึ่งในตอนที่เขียนบทความนี้ลดราคาเหลืออยู่ที่ 18,990 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) นอกจากนี้ทาง Xiaomi ยังจำหน่ายอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานร่วมกับ Black Shark 3 เพียบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเคส, พัดลมระบายความร้อน, หูฟัง, คีย์บอร์ดมือถือ หรือ คอนโทรลเลอร์ เป็นต้น ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมต่าง ๆ ได้ที่ ( คลิกที่นี่ )  นี่คือมือถือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเรา ไม่นับแบรนด์อื่น ๆ ที่วางจำหน่ายแล้วมีร้านค้าที่หิ้วนำเข้ามาขายในบ้านเรานะคะ ซึ่ง 3 แบรนด์นี้เกมเมอร์สามารถซื้อผ่านช่องทางต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการประกันจากผู้ผลิต หรือใครที่ต้องการอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ก็สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้เลย งานนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าของเพื่อน ๆ ว่าอยากจะซื้อแบรนด์ไหนมาใช้งานกัน เพราะแต่ละรุ่นก็มีลูกเล่น, ประสิทธิภาพ แล้วก็ราคาที่แตกต่างกันออกไป เรียกว่าจะไปให้สุดแล้วหยุดที่สุดยอด หรือ จะเลือกประหยัดแต่ก็เล่นเกมได้เหมือนกันอยู่ที่เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลยค่ะ แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ!
12 Nov 2020
ผู้พัฒนาเผย Rogue Company จะเป็นเกมฟรีที่ไม่ใช่ Pay to Win อย่างแน่นอน !!
Rogue Company เกมแนวยิง Co-op แบบ PVP ของ Hirez Studios จากที่ก่อนหน้านี้ได้เคยเปิดให้ทดสอบเบต้าแบบปิดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งช่วงนี้ได้เปิดให้ทุกคนสามารถเข้าทดลองตัวเบต้าได้แล้วใน Epic Game Store โดยตัวเกมจะมีการนำตัวละครใหม่ที่ชื่อว่า Dahlia เข้าสู่เกมเมื่อตัวเปิดอย่างเป็นทางการอีกด้วย ซึ่งจากการพูดคุยทีมผู้พัฒนาตัวเกมได้กล่าวว่า จำนวนผู้ที่ทดลองเล่นทั้งแต่ในช่วงกรกฏาคม จนถึงปัจจุบันมีผู้เล่นสูงถึง 2 ล้านกว่าไอดี ถือเป็นจำนวนที่น่าพอใจไม่น้อยเพราะทางผู้พัฒนาเองก็ทราบจำนวนผู้เล่นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาตัวเกมให้มีระบบเกมที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกเขารู้สึกดีใจมากๆ กับผลตอบรับี่ยอดเยี่ยมนี้ ตัวเกม Rogue Company จะลองรับการเล่นข้ามแพลตฟอร์มกันด้วยระหว่าง PC กับ PlayStation และแพลตฟอร์มต่างๆ ที่สามารถเล่นตัวเกมได้จะจอยร่วมกันได้ นอกจากนี้ทางผู้พัฒนายังกล่าวเพิ่มอีกว่าตัวเกมจะไม่ใช่การ Pay to win เพราะอุปกรณ์ของตกแต่งรวมถึงอาวุธในเกมจะเป็นระบบ การเล่นทำภารกิจคล้ายกับการเก็บเลเวลของสมุด Battle Pass ที่จะทำให้ผู้ที่เล่นมากกว่าจะได้ประสบการณ์รวมถึงของที่ครบกว่า Rogue Company เป็นเกมฟรีที่พร้อมจะให้ทุกคนเข้าไปสาดกระสุนกับกลุ่มเพื่อนในทุกแพลตฟอร์ม สามารถติดตามรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเกมได้ที่ LINK Credit: PCgamer
02 Oct 2020
หลุด! หน้าตาของ ROG STRIX GeForce 3080 Ti การ์ดจอเจนใหม่จาก Asus!
ในปี 2020 เป็นปีที่เราจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ จากเครื่องเล่นเกม Console เจนเนอเรชั่นต่อไปมากมาย และในปีเดียวกันยังเป็นปีที่เราน่าจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ของการ์ดจอบนเครื่อง PC ด้วยเช่นกัน เพราะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีข่าวลือมากมายบอกว่า "ทาง Nvidia จะเปิดตัวการ์ดจอ Geforce RTX ซีรีส์ 30 ในช่วง Q3 ของปี 2020" แต่ก่อนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ล่าสุดดูเหมือนว่าเราจะได้เห็นรูปร่างหน้าตาของมันก่อนแล้วครับ! เว็บไซต์ Videocardz ได้รายงานว่า มีการพบภาพที่แสดงถึงรูปร่างหน้าต่าของ ROG STRIX GeForce 3080 Ti หลุดออกมา ซึ่งในภาพดังกล่าว ดูเหมือนจะเป็นสไลด์ที่ถูกถ่ายด้วยมือถือจากงานสัมมนาแห่งหนึ่ง โดยเหตุผลที่ทำให้คิดว่า การ์ดจอที่อยู่ในรูปคือ 3080 TI มาจากการที่ตัวอักษรข่างบนของรูปภาพนั้นแปลได้ว่า "Next-Generation ROG STRIX" ทำให้คิดว่าภาพนี้น่าจะได้มาจากการประชุมเกี่ยวกับดีไซน์ของการ์ดจอตัวใหม่ภายใน Asus เองครับ ถ้าหากว่ารูปภาพดังกล่าวได้มาจากการประชุมเกี่ยวกับดีไซน์ของการ์ดจอตัวใหม่ภายใน Asus เองจริง หมายความว่ารูปร่างหน้าตาของ ROG STRIX GeForce 3080 Ti อาจไม่ใช้แบบนี้จริงๆ เพราะจะสังเกตุได้ว่า หน้าตาของการ์ดจอในภาพนี้ แตกต่างจากดีไซน์ที่ Strix ใช้ในซีรีส์ 10 และ 20 อยู่มากทีเดียวครับ แต่ในเรื่องของประสิทธิภาพ เชื่อได้ว่าแรงกว่าตัวซีรีส์ปัจจุบันอย่างแน่นอนครับ Credit: GameRant  
09 Jul 2020
รายละเอียดข้อมูลเกม Rogue Company
Rouge Company ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมม้ามืดที่น่าสนใจประจำปี 2020 ที่พัฒนาโดย Hi-REZ Studio และทำการวางขายใน Epic Games Store สำหรับใครที่งงว่าเกมนี้เกี่ยวกับอะไร วันนี้พวกเรา GameFever TH จะนำเอารายละเอียดมาให้เหล่าเกมเมอร์ได้รับทราบกัน Trailer เปิดตัว Rouge Company เปิดตัวโดยใช้ Live - Action ที่เป็นเรื่องราวของทหารรับจ้างที่จะกำลังจะเตรียมตัวในการทำภารกิจบางอย่าง ซึ่งทำออกมาได้อย่างเท่ห์และน่าสนใจเป็นอย่างมาก ระบบการเล่น Rouge Company เป็นเกมแนว Third Person Shooter ที่เป็นลูกผสมระหว่าง Apex Legends , Overwatch , Counter Striker เข้าด้วยกัน โดยตัวเกมจะให้เรารับบทเป็นทหารรับจ้างที่จะต้องร่วมมือกับเพื่อนร่วมทีมในการทำภารกิจในการแข่งขันแต่ละรอบ ซึ่งแต่ละตัวละครจะมีความสามารถและทักษะที่แตกต่างกัน ทำให้ผู้เล่นแต่ละคนจะใช้ทั้งการจัดทีมที่ดีและความสามัคคีในการเล่นเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากตัวเกมเน้นการแข่งขันเป็นรอบ (Round) ทำให้มีการจัด Loadout เพื่อที่จะสามารถแก้เกมคู่ต่อสู้ ซึ่งจากตัวอย่างเกมเราจะเห็นได้ว่าจัด Loadout ได้ละเอียดระดับหนึ่ง ทั้งอาวุธหลัก อาวุธรอง รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ นอกจากนี้ยังบอกรายละเอียดของแต่ละตัวละครอีกด้วย นอกจากนี้ตัวเกมยังรองรับการเล่นในรูปแบบของ Crossplay ระหว่างแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Nintendo Switch , PC , PlayStation 4 , Xbox One อีกด้วย ทำให้เกมเมอร์ทั้งหลายสามารถที่จะสนุกกับเกมการเล่นได้แม้ว่าจะอยู่กันคนละแพลตฟอร์ม เปิดให้เล่นเมื่อไหร่ Rouge Company ยังคงอยู่ระหว่างการพัฒนาเกมในตอนนี้ทางผู้พัฒนาได้ทำการเปิดลงทะเบียน สำหรับการเล่นในช่วง Alpha ซึ่งสามารถลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ของทีมพัฒนาเกม www.roguecompany.com ได้เลย โดยทางทีมงาน Hi-REZ Studio กล่าวว่าได้เล่นภายในปี 2020 อย่างแน่นอน
07 Apr 2020
เกมดี ! เกมโดน !! รวมเกมมือถือน่าเล่นสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม 2019
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สัปดาห์นี้มีเกมใหม่ๆ เปิดตัวออกมาค่อนข้างน้อย น้อยจนตัวผมเองยังรู้สึกเหงา อาจจะเพราะมีเกมเจ๋งๆ ออกมาให้เล่นกันไปในสัปดาห์ที่แล้วก็เป็นได้ สัปดาห์นี้ของเลยหมดซะงั้น แต่อย่าพึ่งเศร้าใจไป ใช่ว่าจะไม่มีเกม แล้วผมจะละเลยหน้าที่ไม่หยิบเกมมาแนะนำให้ได้ลองกัน โดยในสัปดาห์นี้แม้จะมีเกมเปิดใหม่น้อย แต่เกมพอร์ตกับไม่ธรรมดา เพราะไม่ว่าจะเกม Rogue Legacy หรือ Journey ก็ล้วนเข้ามาให้เราได้ซื้อไปเล่นในสัปดาห์นี้ทั้งนั้น และยังมีเกม Action MMORPG ฟอร์มยักษ์ภาพสวยอย่าง Lumia Saga เปิดมาให้เล่นอีกด้วย ก็ถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียวนะผมว่า เกมที่ 1 : Lumia Saga ค่ายเกม : Century Game (DIANDIAN INTERACTIVE) แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Lumia Saga เป็นเกม MMORPG ภาพสวยที่ใครเห็นก็อยากเล่น ภายในเกมจะมีตัวละครให้เราได้เล่นทั้ง 4 แบบ 4 อาชีพพื้นฐาน และ 4 อาชีพระดับสูง ถือเป็นเกมแนว Action MMORPG หน้าใหม่ที่น่าจะถูกใจเหล่าเกมเมอร์คอเกมแฟนตาซีไม่น้อยในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ภายในเกมยังประกอบไปด้วยระบบการเล่นอีกมากมาย ตามแบบฉบับของ MMORPG บนมือถือในปัจจุบัน (ระบบ Auto, ระบบอัปเกรด, และระบบไลฟ์สไตล์) ใครกำลังอยากเปลี่ยนเกม MMORPG เล่น ผมว่าเกมนี้ไม่เลวนะ แถมตัวเกมรองรับภาษาไทยอีกด้วย https://youtu.be/P2TLue6VxHM เกมที่ 2 : Rogue Legacy ค่ายเกม : Cellar Door Games, Inc. แพลตฟอร์ม : [iOS] อย่างที่ผมบอก เกมดาวเด่นของสัปดาห์นี้เป็นเกมพอร์ตทั้งสิ้น โดยเกมแรกที่ผมอยากแนะนำเลยก็คือ Rogue Legacy เกมแนว Action มุมมองด้านข้างสไตล์ Roguelike ที่ตัวเกมถูกออกแบบมาให้เราได้สำรวจปราสาทปริศนา ซึ่งทุกครั้งที่เราตาย ตัวละครที่เราใช้จะตายไปเลย แล้วจะมีตัวละครตัวใหม่เข้ามาแทน ซึ่งจะมีค่าความสามารถแตกต่างกันไป โดยความพิเศษของตัวเกมนั้นอยู่ตรงฉากที่จะเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งที่เราเข้าไปสำรวจ ดังนั้นลืมความจำเจในการผ่านเส้นทางแบบเดิมๆ ไปได้เลย เกร็ดเสริม : ตัวเกมมีราคาอยู่ที่ประมาณ 125 บาท โดยตัวเกมเคยลงบนแพลตฟอร์มใหญ่ๆ อย่าง Steam, PS3, PS Vita, PS4, Xbox One และ Nintendo Switch มาหมดแล้ว เกมที่ 3 : Journey ค่ายเกม : Annapurna Interactive แพลตฟอร์ม : [iOS] Journey เป็นอีกหนึ่งเกมพอร์ตที่ค่อนข้างดังทีเดียว ไม่รู้ลืมไปกันแล้วรึยัง โดย Journey เป็นเกมแนวผจญภัยสไตล์เดียวกับ Sky: Children of the Light (ผู้พัฒนาเจ้าเดียวกัน) แต่ Journey มาก่อน ซึ่งแน่นอนว่าตัวเกมจะค่อนข้างโดดเด่นด้านภาพ เสียง และบรรยากาศที่ค่อนข้างนุ่มนวลละมุน ตัวเกมจะให้เราเดินทางออกสำรวจซากอารยธรรมโบราญในที่ต่างๆ เพื่อค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ นอกจากนี้ตัวเกมยังรองรับการ Co-op เล่นร่วมกับเพื่อนได้อีกด้วย เกร็ดเสริม : ตัวเกมวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 2012 และลงให้แพลตฟอร์ม PS3, PS4 และ Epic Store มาก่อนแล้ว https://youtu.be/61DZC-60x20 เกมที่ 4 : Peace, Death! ค่ายเกม : AZAMATIKA แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] จะเรียกว่าเกมแถมก็ได้นะ แต่ถ้าลองเล่นดูแล้ว น่าจะถูกใจกันไม่น้อย โดย Peace, Death! เป็นเกมอินดี้ที่มีราคาอยู่ที่  61 บาท โดยในเกมเราจะได้รับบทเป็น Reaper ซึ่งต้องทำงานเป็นผู้ตัดสินความตาย เพื่อที่จะได้ทำงานประจำเป็น Death  โดยเราจะมีเวลา 7 วันเพื่อผ่านการทดลองงาน ก่อนจะได้รับงานประจำ ตัวเกมจะให้เราได้รู้จักสังเกตุ หรือโต้ตอบกับคนที่เข้ามาให้เราตัดสิน ว่าควรส่งเขาไปนรก หรือสวรรค์ดี เพราะบางคนอาจดูเป็นคนดีแสนดีๆ แต่ความจริงแล้วอาจมีอะไรซ่อนอยู่ และนั่นคือหน้าที่เราในการเผยมันออกมา เกร็ดเสริม : ตัวเกมเหมือนไม่มีอะไร แต่ระบบการเล่น และรายละเอียดเยอะกว่าที่เห็นเยอะมากครับ https://youtu.be/OyGfzHAEk3g เกมที่ 5 : Yokai Dungeon ค่ายเกม : NEUTRONIZED แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Yokai Dungeon เป็นเกมแถมอีกหนึ่งเกมที่ผมขอหยิบมาแนะนำในวันนี้ ด้วยเหตุเพราะว่าตัวเกมเป็นเกมพัซเซิลเล่นเพลินๆ รวมไปถึงตัวกราฟฟิกที่ค่อนข้างน่ารักสไตล์ตัวการ์ตูนญี่ปุ่น ในเกมเราจะได้รับบทเป็น Tanuki ซึ่งมีหน้าที่ในการเข้าปราบปรามพวก Yokai ที่บุกเข้ามาป่วงงานเทศกาล โดยใช้การผลักบล็อกไปชนเหล่า Yokai ที่เดินไปมาให้หมด เกร็ดเสริม : ตัวแมปจะสุ่มสร้างขึ้นมาทั้งหมด มีตัวละครให้ได้เล่นกว่า 20 ตัว และมีระบบไอเทมให้ใช้ https://youtu.be/BDSzuyO8-XY  
13 Aug 2019
C&C และ C&C Red Alert ประกาศ Remaster แล้วจ้า
ช่วงนี้กระแสเกม Remaster กำลังมาแรงจริงๆ อย่างล่าสุดเกม Command and Conquer และ Command and Conquer: Red Alert ก็เตรียมกลับมาอัพกราฟิกให้เราได้เล่นกันอีกครั้ง ถึงแม้ว่าทีมงาน Westwood Studio ที่สร้างเกมนี้จะปิดไป แต่เราก็ยังได้ทีม Petroglyph ทหารเดนตายอดีตพนักงาน Westwood Studio มาเป็นผู้สร้าง https://www.youtube.com/watch?v=MlMLEIDdIn0 โดยผู้พัฒนาบอกว่าตัวเกมนี้จะไม่มีระบบ Microtransaction อีกด้วยโดยเราจะได้เล่นเกมนี้แบบจัดเต็มเลยทีเดียว และน่าจะเป็นที่ชอบใจสำหรับแฟนเดนตายซีรีส์นี้แน่นอน แต่พวกเราเองก็ไม่แน่ใจว่า Red Alert นั้นจะมีการ Remaster ภาค 2 ที่เป็นภาคฮิตด้วยหรือไม่ แต่ส่วนตัวคาดว่าอาจจะเป็นการทำทีละภาค และค่อยๆ Remaster ภาคต่อๆ ไปก็เป็นได้ ขอบคุณข้อมูลจาก Gamingbolt
15 Nov 2018
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "ROG"
Loopmancer เกมแอ็กชัน Side-scrolling ภาพสุดสวยงาม เปิดให้โหลดเดโมแล้ว พร้อมวางขายเดือนหน้า
หากคุณกำลังมองหาเกมประเภท Side-scrolling ผสมผสานกับความเป็นเกมแอ็กชันสุดมันส์ ที่มีระบบ Roguelike เกม Loopmancer คือคำตอบของคุณอย่างแน่นอน Loopmancer เป็นผลงานของ eBrain Studio ทีมพัฒนาเกมที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในประเทศจีน ซึ่งตัวเกมก็ได้นำเสนอฉากหลังของประเทศจีนในยุคอนาคตออกมาได้เป็นอย่างดี ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Xiang Zixu นักสืบเอกชนที่ถูกฆาตกรรม ระหว่างกำลังสืบสวนคดีการหายตัวไปของนักข่าวชื่อดัง ทว่าหลังจากที่เขาตายไปแล้ว เวลาดันเกิดย้อนกลับขึ้นมา ทำให้ทุกครั้งที่ตัวเอกอย่าง Xiang ต้องตายลง เขาจะฟื้นกลับมาตื่นบนเตียงของเช้าวันที่เขาถูกฆาตกรรมอยู่เสมอ ส่วนเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ก็ต้องไปติดตามต่อกันในตัวเกมเอานะครับ โดยเมื่อวันที่ 15 มิถุนายนที่ผ่านมา ทาง eBrain Studio ได้ปล่อยวิดีโอ Official Release Date Trailer เผยเกมเพลย์ ภาพกราฟิกเบื้องต้น และตบท้ายด้วยวันวางขายอย่างเป็นทางการของตัวเกมซึ่งหากใครที่อยากจะลองเล่นก่อนที่จะตัดสินใจซื้อจริง Loopmancer ก็เปิดให้ดาวน์โหลดเดโมฟรีอยู่บน Steam ณ ตอนนี้อีกด้วย สำหรับใครที่สนใจ Loopmancer จะวางจำหน่ายในวันที่ 13 กรกฎาคม 2022 บนระบบ PC เพียงเท่านั้น แหล่งข้อมูล: gematsu
16 Jun 2022
เปิดตัว Ed-0: Zombie Uprising เกมที่จะพาคุณย้อนเวลาไปในยุคเอโดะ เพื่อไล่ฆ่าซอมบี้ให้เหี้ยน
หากพูดถึงเกมที่มีแนวคิดเจ๋ง ๆ และแปลกแหวกแนวจนไม่เหมือนใครที่ออกมาภายในปี 2022 นี้ เกม Ed-0: Zombie Uprising จะต้องติดโผอยู่ในรายชื่อด้วยอย่างแน่นอนตัวเกมจะพาผู้เล่นย้อนกลับไปยังยุคเอโดะภายในประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับสิ่งที่ไม่น่าจะมีในยุคนั้นได้ นั่นก็คือเหตุการณ์ Zombie Industrial Revolution ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ฝูงซอมบี้ยึดครองโลกไปได้ถึง 90%ผู้เล่นจะต้องรับบทเป็นหนึ่งใน 3 ตัวละคร ที่มีความสามารถที่แตกต่างกันไป อย่าง Mumyo ที่เป็นซามูไร Raiden ที่เป็นนักซูโม่ และ Matoka ที่เป็นนินจา ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง 3 ตัวละครนี้ จะมีจุดเด่น จุดด้อยที่ไม่เหมือนกันอีกด้วยแนวเกมที่ทางผู้พัฒนาได้ระบุเอาไว้คือ Action Survival ผสมกับ Roguelike ซึ่งนั่นหมายความว่า ในแต่ละรอบการเล่น ผู้เล่นจะได้พบกับประสบการณ์ที่จะไม่เหมือนกันเลยสักครั้ง เพราะทุกอย่างที่ถูกสุ่มใหม่เมื่อผู้เล่นตายลงนั่นเองนอกจากนี้ ทางทีมพัฒนายังมีแผนจะเปิดให้ผู้เล่นเข้าทดสอบแบบ Early Access บนร้านค้า Steam ในวันที่ 4 เมษายนที่จะถึงนี้ พร้อมกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ภายในเกมอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบอสหลักทั้ง 3 ตัว ไอเทมและสกิลเกินกว่า 100 ชนิด ระดับความยากที่ปรับเปลี่ยนได้ ไปจนถึงจำนวนชั่วโมงการเล่นที่มากกว่า 10 ชั่วโมง ตั้งแต่เวอร์ชัน Early Access สำหรับใครที่สนใจ อยากจะร่วมทดสอบตัวเกม ก็สามารถไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ LINK นี้กันได้เลย แหล่งข้อมูล: gematsu
17 Mar 2022
Sherlock Holmes: Chapter One ประกาศวันวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้ว 16 พฤศจิกายนนี้!
หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทางทีมผู้พัฒนา Sherlock Holmes: Chapter One อย่าง Frogwares ได้ทำการโพสต์ความเคลื่อนไหวลงบน Twitter หลักของเกม ว่าอีกไม่นานจะประกาศเกี่ยวกับวันวางจำหน่ายแล้ว เมื่อวานพวกเขาก็ได้ทำการโพสต์วิดีโอตัวอย่างใหม่ พร้อมระบุว่าตัวเกมจะวางจำหน่ายในวันที่ 16 พฤศจิกายนนี้ สำหรับเครื่อง Xbox Series X/S, PS5 และ PCซึ่งนอกจากวิดีโอเปิดตัวแล้ว Frogwares ก็ยังทำการโพสต์วิดีโอความยาวกว่า 7 นาที เป็นการเปิดเผยเกมเพลย์ในเชิงลึก ที่ครอบคลุมทั้งระบบในการสำรวจหลักฐาน การสืบสวนผู้คน ไปจนถึงระบบการต่อสู้ และก็เช่นเดียวกับเกมก่อนหน้าของพวกเขา ที่ผู้เล่นจะสามารถตัดสินใจได้ว่าจะปล่อยหรือจับตัว NPC ได้ ภายใต้ความหนักแน่นของเบาะแส และหลักฐานที่ผู้เล่นได้ทำการรวบรวมมา นอกจากนั้น Sherlock ก็ยังสามารถสวมชุดต่างๆ เพื่อเพิ่มความสามารถในการปกป้องตัวเองจากการโจมตีได้อีกด้วยแต่หากคุณกลัวว่าการรับมือกับทั้งปริศนาในการสืบสวน และการต่อสู้ไปพร้อมๆ กัน อาจจะยากหรือหนักเกินไป ตัวเกมก็มีตัวเลือกในการปรับระดับความยาก โดยแยกกันระหว่างปริศนากับการต่อสู้อีกด้วย ดังนั้นแล้วหากคุณอยากจะบู๊แหลกมันส์ๆ เน้นซึมซับบรรยากาศการสืบสวนไปกับคุณนักสืบชื่อดัง หรือต้องการความดุดันของทั้งสองแบบชนิดจัดเต็ม 300% ก็สามารถเลือกปรับได้ตามต้องการเลยค่ะ!<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/VLT_7TPx53U' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe><iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/uaCIPhxUNI4' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit: GamingBolt
17 Sep 2021
Rogue Games เปิดตัวเกมใหม่ WipEout Rush เตรียมลง iOS และ Android ในปี 2022
ผมเชื่อว่าแฟนเกมแข่งรถบนเครื่อง PlayStation น่าจะรู้จักเกมซีรี่ส์ WipEout กันเป็นอย่างดี ถ้าเราอิงจากผลตอบรับของ WipEout Omega Collection ในปี 2017 เห็นได้ชัดว่ามีแฟนๆ จำนวนมากที่ต้องการให้ทางผู้พัฒนาทำตัวเกมภาคใหม่ออกมา และเมื่อไม่นานมานี้ได้มีประกาศผ่านทาง IGN มาแล้วว่า WipEout กลับมาให้เราได้เล่นกันแล้ว แต่ในภาคใหม่นี้จะอยู่ในรูปแบบของเกมมือถือทางผู้จัดจำหน่าย Rogue Games ได้ประกาศเปิดตัว WipEout Rush เกมแข่งรถภาคใหม่ที่ในภาคนี้จะเป็นเกมแข่งรถที่ถูกออกแบบมาให้เล่นในอุปกรณ์พกพาแบบโทรศัพท์ กราฟิกของเกมจะเป็นสไตล์การ์ตูนที่ค่อนข้างดูดี โดยจะมีโหมดแคมเปญสำหรับผู้เล่นคนเดียว กับโหมดการแข่งขันชิงแชมป์ถ้วย 12 ครั้งใน 5 สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ยังมี Soundtrack แนว Electronica จาก Alastair Lyndsay อีกด้วยทาง CEO ของ Rogue Games คุณ Matt Casamassin ได้ออกมากล่าวด้วยว่าเกม WipEout Rush ถูกออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้กับที่แฟนๆ ของซีรีส์นอกจากนี้ยังบอกอีกด้วยว่า “เราหวังว่าแฟนๆ จะยอมเปิดใจยอมรับภาคนี้หน่อย ถึงมันจะไม่ได้ลงแพลตฟอร์มเดิมแต่เราก็ภูมิใจที่จะนำแฟรนไชส์ ​​WipEout กลับมาอีกครั้ง พวกเรามอบความรักให้กับเกมนี้เป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นด้านการนำเสนอ เนื้อเรื่อง เสียง Soundtrack และกราฟิกที่สามารถทำงานได้ที่ 60 FPS”ไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทาง Sony ได้ออกมาพูดว่าตั้งใจจะขยายกิจการไปลงเกมมือถือมากขึ้น ทำให้ในอนาคตอาจจะมีเกมที่ถูกดัดแปลงให้ลงมือถือมากขึ้นก็ได้ แต่เราก็ยังไม่รู้ว่าอนาคตของ WipEout Rush จะเป็นอย่างไร แต่ตัวเกมก็ตั้งใจจะลงให้กับเครื่อง iOS และ Android ในปี 2022 ส่วนเพื่อนๆ ที่ต้องการเล่นบน PS5 ก็ยังมีความหวังครับ เพราะไม่นานมานี้มีข้อมูลหลุดออกมาว่าจะมี WipEout ภาคใหม่อีกภาคลงให้กับเครื่อง PS5 กับ PSVR 2 เพราะฉะนั้นตอนนี้ก็รอไปก่อนนะCredit : GamingBolt
17 Sep 2021
Adata จับมือกับ Asus เปิดตัว RAM DDR4 ที่มาพร้อมลายการ์ตูนสุดน่ารัก!
สายแต่งคอมที่ชื่นชอบ Anime ต้องดีใจกับสิ่งนี้ เมื่อล่าสุด Adata ได้จับมือกับ Asus ออก RAM DDR4 รุ่นพิเศษ XPS D50 'Long Yao' ROG STRIX ในตลาดประเทศจีน โดยใช้โมเดลของ XPS D50 ในสีขาวพร้อมกับไฟ RGB และภาพตัวการ์ตูน น้องแมวสีฟ้าสุดน่ารัก ในราคาเริ่มต้น 1,099 หยวน หรือประมาณ 5,500 บาทพูดถึงเรื่องความแรง กับความจุของ XPS D50 'Long Yao' ROG STRIX จะมีสองราคาให้เลือกคือ 16GB (8GB x 2) และ 32GB (16GB x 2) มี Bus อยู่ที่ 3600 - 3733Mhz และมีการยืนยันอีกว่าจะมีการออกรุ่น Bus ที่หลากหลายกว่านี้อย่าง 3200Mhz กับ 3800 - 4000Mhz ตามมาในภายหลัง ในส่วนของโลโก้ ROG ที่อยู่ขวาบน มีการเขียนข้อความภาษาจีนที่แปลว่า SnowStorm ไว้ด้วย โดยไม่แน่ใจว่ามีความหมายอะไรเป็นพิเศษรึเปล่านับตั้งแต่การวางขายสินค้าลายพิเศษในซีรีส์ Gundam ในช่วงปีที่ผ่านมา Asus ประเทศจีน ได้มีการทำสินค้า Hardware จากการ์ตูนดัง หรือรายพิเศษออกมาวางขายมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเชื่อว่าสินค้าเหล่านี้ได้รับความนิยมมากพอสมควรทั้งใน และนอกประเทศจีน ซึ่งเชื่อว่าเราคงจะได้เห็นสินค้าแบบนี้มากขึ้นต่อไปในอนาคตด้วยCredit : Tom's Hardware
13 Sep 2021
เปิดตัว ROG Phone 5 มาพร้อมกับ Snapdragon 888 เริ่มต้นที่ 30,000 บาท
เปิดตัวแล้ววันนี้ กับโทรศัพท์สำหรับเหล่าเกมเมอร์ตัวจริงเครื่องใหม่จากทาง Asus กับ ROG Phone 5 ที่มาพร้อมกับชิป Snapdragon 888 ซึ่งแรงเป็นอันดับ 2 ของโลกอยู่ในตอนนี้ และมี RAM สูงสุดถึง 18 GB เทียบเท่ากับ PC ในปัจจุบันเลยทีเดียว ที่ผ่านมา Asus ROG Phone ถือได้ว่าเป็นมือถือที่มีฟังก์ชันมากมายตอบโจทย์สำหรับเกมเมอร์อย่างแท้จริง ซึ่งแน่นอนว่าอะไรดีๆ ที่รุ่นก่อนหน้า Rog Phone 3 มี ก็ถูกเอามาใส่ไว้ในรุ่นใหม่นี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นปุ่ม L1 / R1 ระบบ Macro ที่สามารถตั้งค่าได้เอง หรือกระทั่งอุปกรณ์เสริมพัดลมระบายความร้อน จุดที่แตกต่างกับ ROG Phone 3 ไม่ใช่เพียงแค่ชิปที่แรงขึ้นเท่านั้น แต่มีการใส่ปุ่ม L2 / R2 มาให้ด้วย (อยู่บริเวณด้านหลังเครื่องด้านล่าง) รวมถึงกล่องที่มีความคมชัดมากขึ้น โดยรอบนี้จะมี 5 รุ่นให้เลือกซื้อคือ ROG Phone 5 (8GB/128GB) : 799 ยูโร หรือประมาณ 29,230 บาท ROG Phone 5 (12GB/256GB) : 899 ยูโร หรือประมาณ 32,900 บาท ROG Phone 5 (16GB/256GB) : 999 ยูโร หรือประมาณ 36,550 บาท ROG Phone 5 Pro (16GB/512GB) : 1,199 ยูโร หรือประมาณ 43,860 บาท ROG Phone 5 Ultimate (18GB/512GB) : 1,299 ยูโร หรือประมาณ 47,520 บาท เบื่องต้นยังไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเข้าไทยเมื่อไหร่ หรือราคายังไง แต่งานนี้บอกเลยว่าใครกำลังหามือถือเล่นเกมใหม่อยู่ไม่ควรพลาดครับ
11 Mar 2021
อัปเดตรายชื่อ Smart Phone ที่เหมาะจะซื้อมาเล่นเกมมากที่สุด (ต้นปี 2021)
ในปัจจุบันต้องยอมรับเลยนะครับว่าเกมมือถือเข้ามามีบทบาทในวงการเรามากมายจริงๆ (เผลอๆ จะตลาดใหญ่เท่ากับวงการเกม Console แล้วด้วย) โดยเฉพาะฝั่งกี่ฬา Esport ที่แข่งขันกันอย่างจริงจังในบ้านเรา และมีเงินรางวัลมากกว่าเงินเดือนของผมทั้งปีเสียอีก (แหม่พูดแล้วก็เศร้า) ด้วยความที่ตลาดนี้มีขนาดใหญ่ขึ้นทุกวันๆ ทางฝั่งผู้พัฒนาเองก็หันมาให้ความสนใจแข่งกันพัฒนาเกมดีๆ มาลงให้กับฝั่งมือถือมากมายไปด้วย ส่งผลในปัจจุบันเกมมือถือเริ่มใช้สเปคที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เริ่มเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะเล่นเกมในช่วง 1 - 2 ปีที่ผ่านมา ที่นี้เราจะได้รู้ได้ยังไงว่าควรซื้อมือถือเครื่องไหน ถึงจะสามารถเล่นเกมที่เราอยากเล่นได้ทั้งหมด? ไอ้ครั้นจะให้ไปนั่งเทียบสเปคของแต่ละรุ่น ก็เป็นอะไรที่ยุ่งยากอีก ดังนั้นวันนี้ผมจะมีชี้เป้าให้เพื่อนๆ ได้ทราบกันว่าปัจจุบันในตลาดบ้านเรา มือถือรุ่นไหนเหมาะจะซื้อมาใช้เล่นเกมมากที่สุดครับ! แต่ก่อนจะไปเริ่มกัน ผมขอออกตัวก่อนว่าการจัดอันดับใน บทความนี้ จะวัดจาก ความสามารถของตัวเครื่อง, จำนวนชั่วโมงที่สามารถใช้งานได้, ฟังก์ชั่นสำหรับเกมเมอร์ และราคาเป็นหลัก ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับความแรงของ CPU และ GPU ผมอ้างอิงจาก 2 แหล่งคือ Nanoreview กับ Techcenturion ส่วนราคาจะมาจากเว็บ Siamphone ครับ มือถือ Gaming ที่โดยรวมยอดเยี่ยมมากที่สุด : Asus ROG Phone 3 หน้าจอขนาด : 6.59 นิ้ว  (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 270 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว) CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Plus Octa Core (แรงอันดับ 8 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) ,หน่วยความจำ : RAM 12 GB / ROM 512 GB, แบตเตอรี่ : 6,000 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 26,000 บาท หน้าจอไม่ใหญ่เกินไป, มี Refresh Rate สูงถึง 144Hz, ใช้ชิปประมวลผลที่แรง 8 ของโลก, แบตเตอรี่อึดใช้งานได้นาน, มาพร้อมกับการระบายความร้อนที่ยอดเยี่ยม, ทั้งยังสามารถตั้งค่า Macro หรือ ชุดคำสั่งเพื่อให้เล่นเกมได้ง่ายขึ้น คงต้องบอกว่าไม่มีโทรศัพท์เครื่องไหนในโลกจะตอบโจทย์ไปมากกว่านี้อีกแล้ว ในเรื่องของราคา 26,000 ก็ถือว่าไม่แพงเกินไปเช่นกัน จุดเด่นหลักๆ ของ ROG Phone 3 คือเรื่องของ AeroActive Cooler 3 อุปกรณ์เสริมที่ช่วยในการระบายความร้อน กับ Airtrigger 3 บริเวณด้านขวาของตัวเครื่อง ที่ทำงานเหมือนปุ่ม L1, R1 ของจอยเครื่อง Console แต่ต่างกันตรงที่บนมือถือนี้จะเป็นเซ็นเซอร์อัลตราโซนิกที่ใช้รับสัมผัสแทน โดยผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าเองได้เลยว่าจะให้การสัมผัสแบบไหน ส่งผลแบบไหนในเกม พูดแล้วอาจจะไม่เห็นภาพ เอาเป็นว่าดูในวิดีโอด้านล่างนี้ได้เลยครับ มือถือ Gaming ที่มีราคาย่อมเยาที่สุด : Nubia Red Magic 5G หน้าจอขนาด : (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 320 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 865 5G Octa Core (แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 8 - 16 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,500 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 17,900. บาท Red Magic 5G อาจไม่ใช่รุ่นที่ได้รับความนิยมมากนักในบ้านเรา แต่เจ้าตัวนี้ก็เรียกได้ว่ามาพร้อมกับสเปคที่แรงน้อยกว่า ROG Phone 3 เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ได้ Touch Sampling Rate ที่สูงกว่ามาแทน กับ RAM ของเครื่องที่ให้มาแบบเยอะถึง 16 GB แต่จุดที่น่าสนใจมากที่สุดคงเป็นเรื่องของราคาที่ถือว่าถูกมากๆ หากเทียบกับสเปคครับ ในเรื่องของการระบายความร้อน Red Magic 5G ก็มาพร้อมกับ Active Liquid-Cooling with Turbo Fan 3.0 ที่ทำให้เครื่องสามารถระบายความร้อนได้ดีกว่ารุ่นทั่วไปที่มีในตลาด แน่นอนว่าเจ้าเครื่องนี้เองก็มี Trigger หรือปุ่มสำหรับใส่ชุดคำสั่งสำหรับการเล่นเกมก็มีมาให้ 2 ปุ่มเช่นกัน แต่ยังไม่สามารถตั้งคำสั่งความละเอียดสูงแบบ เขย่าหน้าจอ หรือสไลด์ซ้าย กับขวา แบบเดียวกับ ROG Phone 3 ได้ครับ มือถือ Gaming ที่มาพร้อมอุปกรณ์เสริมยอดเยี่ยมที่สุด : Xiaomi Black Shark 3 Pro หน้าจอขนาด : (Refresh Rate 144Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 270 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว),  CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Octa Core (แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก) หน่วยความจำ : RAM 8 - 12 GB / ROM 256 - 512 GB, แบตเตอรี่ : 5,000 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 19,900. บาท Black Shark ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่น Gaming จากทาง Xiaomi ที่อยู่คู่วงการมานานแล้ว โดยในเรื่องของความแรงเจ้า Black Shark 3 Pro จะเทียบเท่ากันกับ Red Magic 5G เลย แต่ได้ในเรื่องของอุปกรณ์เสริม ที่เยอะกว่ามาแทน ไม่ว่าจะเป็น หูฟัง, ชุดระบายความร้อน, จอยควบคุมสำหรับต่อใช้งาน, คีย์บอร์ด และอื่นๆ อีกมากมาย ในส่วนของปุ่มคำสั่งพิเศษ รุ่นนี้ก็มีมาให้ทางด่านขวาบน กับขวาล่างเช่นกัน เพียงแต่ของ Black Shark 3 Pro จะเป็นปุ่มที่อยู่ภายในหน้าจอ Touch Screen ทำให้อาจใช้งานได้ยากกว่า 2 รุ่นข้างบนเล็กน้อย ส่วนเรื่องระบายความร้อนก็สามารถทำได้ดีมากๆ เช่นกันด้วย Sandwich Liquid Cooling และจะดีขึ้นไปอีกเมื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์เสริมครับ มือถือทั่วไปที่เหมาะจะเอามาเล่นเกมมากที่สุด แม้ว่ามือถือ Gaming จะเกิดมาเพื่อเล่นเกมอย่างแท้จริง แต่ในเรื่องของดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวเกินไปเลยอาจทำให้หลายคนอาจรู้ไม่ชอบเครื่อง 3 รุ่นข้างต้นนี้ ดังนั้นผมจึงได้จัดอันดับมือถือทั่วไป ที่เหมาะสำหรับเล่นเกมมากที่สุดมาให้ด้วย ซึ่งในกลุ่มนี้มักจะได้ในเรื่องของฟังก์ชันการใช้งานทั่วไปที่ดีกว่ามาทดแทนครับ Mi 11 หน้าจอขนาด : 6.81 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 480 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 888 Octa Core (แรงอันดับ 2 ของโลก), GPU : Adreno 660 (แรงอันดับ 2 ของโลก) หน่วยความจำ : RAM 8 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,600 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 22,300. บาท เรือธงตัวใหม่จากทาง Xiaomi ที่เพิ่งวางขายไปเลยช่วงต้นเดือน กุมภาพันธ์ จุดเด่นของเจ้าเครื่องนี้คือหน่วยประมวลผลที่แรงเป็นอันดับ 2 ของโลกในตอนนี้ทั้ง CPU และ GPU กับ Touch Sampling Rate ที่สูงแบบอลังการงานสร้าง 480 Hz แต่กลับมีราคากลางเพียงแค่ 22,300 บาท ซึ่งถูกกว่า ROG Phone 3 เสียอีก แม้จะไม่มีฟังก์ชันหรืออุปกรณ์เสริมดีๆ สำหรับ Gaming โดยเฉพาะมาด้วย แต่ในเรื่องของการระบายความร้อน Mi 11 ถือว่าทำได้ดีมาก อุณหภูมิเครื่องจะอยู่ที่ 35 - 37 องศาเท่านั้นหากเล่น ROV ในห้องแอร์ 25 องศา เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากๆ ครับ Samsung S21 Plus (S21+) หน้าจอขนาด : 6.7 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 240 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Exynos 2100 Octa Core (แรงอันดับ 3 ของโลก), GPU : Mali-G78 MP14 (แรงอันดับ 7 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 8 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,800 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 31,800. บาท อีกหนึ่งเรือธงใหม่จากทาง Samsung ที่มาพร้อมกับ CPU ที่แรงอันดับ 3 กับ GPU ที่อยู่อันดับ 7 ทำให้ เจ้า S21+ ถือเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมมากๆ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เหมือนจะมีปัญหาในเรื่องของ แบตเตอรี่ ที่จากปากผู้ใช้งานเหมือนจะหมดเร็วมากๆ แม้จะมีขนาดถึง 4,800 mAh ก็ตาม โชคยังดีที่รุ่นนี้สามารถชาร์จได้เร็วมากครับ อีกหนึ่งข้อเสียของ S21+ คือเรื่องการระบายความร้อนที่ทำออกมาได้ไม่ดีนัก จากคำรีวิวของผู้ใช้งานดูเหมือนว่าแค่เปิดใช้งานกล้องเป็นเวลานานตัวเครื่องก็จะร้อนมากๆ แล้ว ซึ่งโดยทั่วไปเมื่อร้อนมากๆ CPU / GPU ก็จะลดความสามารถในการทำงานลง แต่ถ้าหากใช้งานในห้องแอร์ และสามารถชาร์จไฟได้ตลอดเวลา S21+ ถือเป็นอีกหนึ่งมือถือดีไซน์สวยที่ไม่ควรพลาดครับ iPhone 12 Pro หน้าจอขนาด : 6.1 นิ้ว (Refresh Rate 60Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 120 Hz หน่วย (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว) ,CPU : Apple A14 Bionic Hexa Core (แรงอันดับ 1 ของโลก), GPU : A14 Bionic’s GPU (แรงอันดับ 1 ของโลก) , หน่วยความจำ : RAM 6 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : Li-Ion 2815 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 36,400. บาท เรียกได้ว่าเป็นรุ่นที่มาพร้อมกับ CPU และ GPU แรงอันดับ 1 ของโลกแล้วสำหรับ iPhone 12 แต่น่าเสียดายที่หน้าจอของรุ่นนี้มาพร้อมกับ Refresh Rate เพียงแค่ 60 Hz กับ Touch Sampling Rate แค่ 120 Hz ทำให้อาจกล่าวได้ว่าไม่ใช่มือถือที่เหมาะสำหรับการเล่นเกมขนาดนั้น ในเรื่องของการระบายความร้อนเอง ก็ถือได้ว่ายังมีปัญหาอยู่เช่นกัน จากคำรีวิวของผู้ใช้งานเหมือนว่าจะร้อนมากๆ หากใช้เล่นเกมไประยะเวลาหนึ่ง และในเรื่องของแบตเตอรี่ก็ยังไม่เพียงพอต่อการใช้งาน และเล่นเกมทั้งวันเช่นกัน ข้อดีก็คือมีฟังก์ชันการใช้งานที่เยอะมากๆ (โดยเฉพาะการอัดวิดีโอ และการถ่ายภาพ) หากปกติเป็นคนที่ใช้งานทั่วไปเยอะ และเล่นเกมเป็นบางครั้งบางคราวเท่านั้น iPhone 12 ถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีครับ One Plus 8 Pro หน้าจอขนาด : 6.1 นิ้ว (Refresh Rate 120Hz), ความเร็วตอบสนองหน้าจอ (Touch Sampling Rate) : 240 Hz (ยิ่งเยอะหน้าจอยิ่งตอบสนองเร็ว), CPU : Qualcomm Snapdragon 865 Octa Core(แรงอันดับ 9 ของโลก), GPU : Adreno 650 (แรงอันดับ 6 ของโลก), หน่วยความจำ : RAM 8 - 12 GB / ROM 128 - 256 GB, แบตเตอรี่ : 4,510 mAh, ราคากลางปัจจุบัน : ประมาณ 28,100. บาท แม้จะไม่ได้มาพร้อมกับ CPU / GPU ที่แรงเมื่อเทียบกับราคา แต่ One Plus อาจเรียกได้ว่าเป็นมือถือที่มีระบบปฏิบัติการ Android ที่เสถียรมากที่สุด (OxygenOS 10.0 based on Android 10.0) ส่งผลให้เป็นโทรศัพท์ที่จะเกิดบัค หรือเหตุการณ์แบบเกมปิดตัวดื้อๆ น้อยครั้งที่สุดครับ ในส่วนของการระบายความร้อนก็ทำได้แบบปานกลาง ไม่ได้ดีเทียบเท่ากับมือถือ Gaming แต่ถือว่าดีในระดับหนึ่ง โดยที่หลุดมาไกลถึงตรงนี้ เป็นเพราะเรื่องราคาที่สูงไปนิด เมื่อเทียบกับ MI 11 แล้วเจ้าตัวนี้เลยน่าซื้อน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัดครับ
08 Mar 2021
แนะนำ 3 สมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” แบรนด์ดังที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยตอนนี้
ต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีทองของมือถือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” เพราะแบรนด์มือถือชื่อเสียงหลายเจ้าถือได้ว่าตีตลาดหนักเป็นอย่างมาก ทำให้เกมเมอร์ที่ต้องการมือถือเอาไว้เล่นเกมโดยเฉพาะมีตัวเลือกมากยิ่งขึ้น แถมเราไม่ต้องซื้อเครื่องหิ้วเหมือนปีที่ผ่าน ๆ มาอีกแล้ว วันนี้เกวลินเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักเกมมิ่งโฟนที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเมืองไทยกันค่ะ แต่บอกไว้ก่อนนะคะว่าทุกรุ่นเป็นชิปเซ็ตตัวท็อปทั้งหมดเลย จะแตกต่างก็ประสิทธิภาพ, ลูกเล่นแต่ละแบรนด์ แล้วก็ราคา เมื่อพร้อมกันแล้วไปดูกันเลยค่ะ รุ่นแรกที่เกวลินขอแนะนำก็คือ “ASUS ROG Phone 3” จะเรียกว่าเป็นสุดยอดเกมมิ่งโฟนอันดับต้น ๆ ที่มีขุนพลังที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเวลานี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะใช้ชิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง “Snapdragon 865 Plus” ที่ทาง ASUS ยังได้ดันประสิทธิภาพด้วยการ OC ตัวชิปเซ็ต CPU และ GPU ให้มีความเร็วมากกว่าเกมมิ่งโฟนแบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาด แล้วความพิเศษของรุ่นนี้ก็คือมีการแถมตัวระบายความร้อนรุ่นใหม่อย่าง “GameCool 3” ที่ทำให้เราสามารถเล่นเกมได้ตลอดทั้งวันไม่ต้องกลัวว่าเครื่องจะร้อนมือ แล้วด้วยความที่เป็น ASUS ก็มีการดีไซน์ตัวเครื่องในส่วนต่าง ๆ เช่น มีตัวรับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่แม่นยำ, ตัวรับเสียงพูดของผู้ใช้งาน, เพิ่มปุ่ม AirTriggers 3 เข้ามาด้านข้างเครื่องเพื่อใช้ในการเล่นเกมประเภท FPS ได้ดีมากกว่าเดิม, ลำโพงที่จัดมาให้เต็ม ๆ รวมไปถึงเรายังสามารถที่จะชาร์จขนาดเล่นพร้อมเชื่อมต่อในการถ่ายทอดสดได้อีกด้วย ยังไม่หมดแค่นั้นนะคะ ASUS ยังได้ออกแบบอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ออกมาเพียบเลย สุดท้ายนี้ก็ยังสามารถรองรับเทคโนโลยี 5G อีกด้วยค่ะ สเปกเครื่อง ASUS ROG Phone 3 ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย ROG UI หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.59 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ ที่รองรับการแสดงผลในรูปแบบ HDR10+ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 144Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz แถมที่มีค่าดีเลยเพียงแค่ 1ms เท่านั้น รวมไปถึงตัวหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 6  CPU: Snapdragon 865 Plus และ Snapdragon 865 สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition GPU: Adreno 650 RAM: 8GB. สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition และ 12GB. เป็นรูปแบบ LPDDR5 ความจุ: 256GB. สำหรับรุ่น ROG Phone 3 Strix Edition และ 512GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.1 ( ไม่สามารถเพิ่มความจุได้ ) กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682], เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP, เลนส์ Macro ความละเอียดสูงถึง 5MP กล้องหน้า: ความละเอียด 24MP การเชื่อมต่อ: WiFi 802.11 a/b/g/n/ac/ax Bluetooth 5.1, USB-C 3.1 กับ ช่องเสียบชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ระบบเสียง: เป็นระบบเสียง DTS X Sound เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ แบตเตอรี่: 6,000 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็ว 30 วัตต์ สำหรับ ASUS ROG Phone 3 วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกันค่ะ รวมไปถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ที่ใช้ร่วมกันมีดังต่อไปนี้ค่ะ ASUS ROG Phone 3 ในรุ่น Ram 12GB. และ Rom 512GB. สนนราคาอยู่ที่ 32,990 บาท ภายในกล่องแถมตัวระบายความร้อน AeroActive Cooler 3 มาให้ด้วย ASUS ROG Phone 3 Strix Edition ในรุ่น Ram 8GB. และ Rom 256GB. ราคาอยู่ที่ 24,990 บาท ภายในกล่องแถมตัวระบายความร้อน AeroActive Cooler 3 มาให้ด้วย ROG Phone 3 Lighting Armor Case - ราคาอยู่ที่ 1,990 บาท ROG Clip - ราคาอยู่ที่ 1,990 บาท ROG Kunai 3 Gamepad - ราคาอยู่ที่ 3,990 บาท TwinView Dock 3 - ราคาอยู่ที่ 7,990 บาท โดย ASUS ROG Phone 3 สามารถหาซื้อได้ทั้ง ASUS Exclusive Store, ASUS Official Store ผ่านช่องทาง Shopee กับ lazada นอกจากนี้ยังสามารถซื้อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่าง “AIS” ที่มีโปรโมชั่นลดราคาในแพ็คเกจพิเศษแล้วก็ยังสามารถสั่งซื้อผ่านร้านค้าชื่อดังทั้ง JIB Computer หรือ Banana ก็มีวางจำหน่ายด้วยเช่นกันค่ะ ใครที่อยากจะได้สุดยอดเกมมิ่งโฟนห้ามพลาดเลยค่ะ! รุ่นต่อมาพึ่งประกาศวางจำหน่ายในบ้านเราแบบสด ๆ ร้อน ๆ กันเลยกับ “Legion Phone Duel” จากแบรนด์ Lenovo ที่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อของ ASUS ROG Phone 3 เลยก็ว่าได้ค่ะ ด้วยราคาที่ถูกกว่ากันเล็กน้อย แต่ประสิทธิภาพก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน โดย Legion Phone Duel ก็ถูกจัดอยู่ในสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่ใช้ซิปเซ็ตตัวท็อปอย่าง “Snapdragon 865 Plus” เหมือนกัน แล้วจุดเด่นของรุ่นนี้อยู่ตรงที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับเกมที่เล่นแบบแนวนอนเป็นหลัก ( ส่วนใหญ่เกมก็มักจะเป็นแนว ๆ นี้อยู่แล้วใช่ไหมคะ ) ที่น่าสนใจอีกข้อก็คือมีการปรับปรุงปุ่ม Trigger ทั้งซ้าย และ ขวาของตัวเครื่องให้มีประสิทธิภาพในการทำงานที่แม่นยำขึ้น ใครที่ชอบเล่นเกมแนว FPS หรือ บางคนจะนำไปใช้กับเกมแนว MOBA ก็ได้เหมือนกันค่ะ โดยสองปุ่มนี้จะเป็นปุ่มที่เพิ่มคำสั่งต่าง ๆ ภายในเกมขึ้นอยู่กับว่าตัวผู้เล่นต้องการตั้งค่าเพื่อให้ใช้งานรูปแบบไหน ที่เด็ดสุดก็คือทาง Lenovo ได้ออกแบบระบบสั่นเป็นมอเตอร์คู่อยู่ฝั่งซ้าย กับ ขวาของตัวเครื่องที่จะมอบประสบการณ์ในการเล่นเกมบนมือถือแบบใหม่ซะด้วยค่ะ เช่นเดียวกันค่ะ รุ่นนี้ก็รองรับเทคโนโลยี 5G ด้วยเช่นกันค่ะ สเปกเครื่อง Legion Phone Duel ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย Legion OS และ ZUI12 หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.65 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ รองรับ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 144Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz รวมไปถึงตัวหน้าจอยังเป็น Corning Gorilla Glass 6  CPU: Snapdragon 865 Plus  GPU: Adreno 650 RAM: 12GB. และ 16GB. เป็นรูปแบบ LPDDR5 ความจุ: 256GB. และ 512GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.1  กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682] ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.89, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 16MP กล้องหน้า: ความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง f/2.2 เป็นรูปแบบป๊อปอัพด้านข้าง การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, มี USB-C ถึง 2 ช่องส่งผลทำให้เราสามารถที่จะชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมกับเล่นเกมไปด้วย ระบบเสียง: ลำโพงคู่ระบบเสียงสเตริโอ เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือใต้หน้าจอ และ มีระบบระบายความร้อนแบบ Dual-Liquid และ Mid-Thermal แบตเตอรี่: 5,000 mAh ที่ทาง Lenovo ออกแบบมาให้เป็น 2 ส่วนคือข้างละ 2,500 mAh เหตุผลก็เพราะเพื่อลดความร้อนระหว่างการชาร์จแบตเตอรี่ หรือ ลดความร้อนจากการที่เครื่องทำงานอย่างหนัก แล้วเด็ดที่สุดคือรองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสูงถึง 90 วัตต์ที่เครมกันว่าสามารถชาร์จจาก 0 ไป 100% ในระยะเวลาเพียง 30 นาทีเท่านั้น! โดย Legion Phone Duel วางจำหน่ายทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน รุ่นแรกมี Ram 12GB. แล้วก็ Rom 256GB. ราคาอยู่ที่ 23,990 บาท ที่ตัวเครื่องจะมีแค่สีน้ำเงินเท่านั้น และ รุ่นต่อมา Ram 16GB. แล้วก็ Rom 512GB. ราคาอยู่ที่ 30,990 บาท ที่ตัวเครื่องจะมีแค่สีแดงเท่านั้น ซึ่งถ้าใครที่อยากจะได้ในแพ็คเกจราคาพิเศษก็ซื้อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์มือถือชื่อดังอย่าง “AIS” ได้เลยค่ะ เพราะราคาถูกมาก ๆ เลย แล้วถ้าใครที่ใช้เบอร์ของ AIS มานานก็จะได้รับสิทธิ์ในการลดราคาเพิ่มเติมอีกด้วย ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) นอกเหนือจากนี้ยังมีการวางจำหน่ายผ่านช่องทางอื่น ๆ อาทิเช่น IT City, JD.co.th, JIB Computer, Speed Computer, Banana และ BlueShop เป็นต้นค่ะ มาถึงอีกหนึ่งรุ่นที่เริ่มตีตลาดในบ้านเราได้ราว ๆ 2 ปีแล้วค่ะ กับ “Black Shark 3, Black Shark 3 Pro หรือ Black Shark 3S” หนึ่งในแบรนด์ลูกของ Xiaomi ซึ่งก็ได้รับกระแสตอบรับจากเกมเมอร์เป็นอย่างดีเลยค่ะ เห็นชื่อแบรนด์หลายคนก็คงจะทราบเลยว่ามันคือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่มีราคาถูกที่สุดในบรรดา 2 แบรนด์ก่อนหน้านี้เลยค่ะ แต่ก็ใช่ว่าประสิทธิภาพของเขาจะไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างนั้นนะคะ โดยต้องอธิบายก่อนว่าปัจจุบันทาง Xiaomi มีแค่ 2 รุ่นที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเราก็คือ Black Shark 2 กับ Black Shark 3 ส่วน Black Shark 3 Pro กับ Black Shark 3S ที่เป็นรุ่นอัปเกรดเพิ่มประสิทธิภาพยังไม่มีตารางการนำเข้ามาวางจำหน่าย สำหรับ Black Shark 3 ทาง Xiaomi เลือกใช้ชิปเซ็ต “Snapdragon 865” แม้ว่าประสิทธิภาพจะไม่ได้แตกต่างจากชิปเซ็ตตัวท็อป “Snapdragon 865 Plus” ก็ตาม แต่ตัวนี้ก็สามารถรองรับเทคโนโลยี 5G และ Wi-Fi 6 ได้ด้วย มีการดีไซน์มีปุ่ม Shoulder Button ที่อยู่ทางซ้าย และ ขวาของตัวเครื่องเหมือนกับ 2 แบรนด์ก่อนหน้านี้ค่ะ ความเก๋ของมันก็คือเมื่อเวลาเล่นเกมปุ่มนี้จะเด้งขึ้นมาเพื่อให้ใช้งาน แต่เมื่อใดที่เราใช้งานแบบปกติมันก็จะกลับไปอยู่ในสภาพตามปกติค่ะ อีกทั้งยังเครมอีกว่ามันทนต่อแรงกด และ การหดตัวเวลาเก็บได้ถึง 300,000 ครั้ง ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งจุดหนึ่งที่น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลยค่ะ นอกจากนี้ Black Shark 3 ยังมีลำโพงคู่ในรูปแบบระบบสเตริโอ รวมไปถึงยังรองรับระบบเสียงแบบ Hi-Res อีกด้วยค่ะ เท่านั้นยังไม่พอใครที่ใช้ชอบหูฟังที่เป็นรูปแบบ 3.5 มม. รุ่นนี้ก็กลับมาให้เราได้ใช้งานกันอีกครั้ง แถมตัวนี้ยังมีการชาร์จแบบแม่เหล็กที่แตะด้านหลังเครื่องได้ด้วย รวมไปถึงยัง สเปกเครื่อง Black Shark 3 ระบบปฏิบัติการ: Android 10 ครอบทับด้วย Joy UI 11 หน้าจอการแสดงผล: หน้าขอมีขนาด 6.67 นิ้วเป็นรูปแบบ AMOLED ที่มีความละเอียด Full HD+ รองรับ รีเฟรชเรทสามารถดันได้สูงสุด 90Hz ที่มีการตอบสนองการสัมผัสหน้าจอที่ 240Hz  CPU: Snapdragon 865 GPU: Adreno 650 RAM: 8GB. และ 12GB. เป็นรูปแบบ LPDDR4x ความจุ: 125GB. และ 256GB. เป็นรูปแบบ UFS 3.0 กล้องหลัง: กล้องหลักความละเอียด 64MP [เป็นเซ็นเซอร์ของ Sony IMX682] ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/1.8, เลนส์ Ultra-Wide ความละเอียด 13MP ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.3 และ เลนส์ Depth ความละเอียด 5MP ค่ารูรับแสงอยู่ที่ f/2.2  กล้องหน้า: ความละเอียด 20MP ค่ารูรับแสง f/2.0 การเชื่อมต่อ: Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac/6, dual-band, Wi-Fi Direct, hotspot, Bluetooth 5.0, USB-C ระบบเสียง: ลำโพงคู่ระบบเสียงสเตริโอ เซ็นเซอร์: ระบบสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ แบตเตอรี่: 4,720 mAh รองรับเทคโนโลยีชาร์จเร็วสูงถึง 65 วัตต์ การชาร์จแบบแม่เหล็กด้านหลังเครื่อง 18 วัตต์ สำหรับ Black Shark 3 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการผ่านช่องทาง Black Shark Official Store แพลตฟอร์ม lazada เท่านั้น! โดยสนนราคาอยู่ที่ 21,900 บาท ก็จะมีการจัดโปรโมชั่นลดราคาเป็นระยะ ๆ ซึ่งในตอนที่เขียนบทความนี้ลดราคาเหลืออยู่ที่ 18,990 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ( คลิกที่นี่ ) นอกจากนี้ทาง Xiaomi ยังจำหน่ายอุปกรณ์เสริมที่ใช้งานร่วมกับ Black Shark 3 เพียบเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเคส, พัดลมระบายความร้อน, หูฟัง, คีย์บอร์ดมือถือ หรือ คอนโทรลเลอร์ เป็นต้น ก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมต่าง ๆ ได้ที่ ( คลิกที่นี่ )  นี่คือมือถือสมาร์ทโฟนประเภท “เกมมิ่งโฟน” ที่วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในบ้านเรา ไม่นับแบรนด์อื่น ๆ ที่วางจำหน่ายแล้วมีร้านค้าที่หิ้วนำเข้ามาขายในบ้านเรานะคะ ซึ่ง 3 แบรนด์นี้เกมเมอร์สามารถซื้อผ่านช่องทางต่าง ๆ อีกทั้งยังมีการประกันจากผู้ผลิต หรือใครที่ต้องการอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ก็สามารถสั่งซื้อผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้เลย งานนี้ก็ขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าของเพื่อน ๆ ว่าอยากจะซื้อแบรนด์ไหนมาใช้งานกัน เพราะแต่ละรุ่นก็มีลูกเล่น, ประสิทธิภาพ แล้วก็ราคาที่แตกต่างกันออกไป เรียกว่าจะไปให้สุดแล้วหยุดที่สุดยอด หรือ จะเลือกประหยัดแต่ก็เล่นเกมได้เหมือนกันอยู่ที่เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลยค่ะ แล้วพบกันใหม่กับบทความหน้า สำหรับวันนี้ สวัสดีค่ะ!
12 Nov 2020
ผู้พัฒนาเผย Rogue Company จะเป็นเกมฟรีที่ไม่ใช่ Pay to Win อย่างแน่นอน !!
Rogue Company เกมแนวยิง Co-op แบบ PVP ของ Hirez Studios จากที่ก่อนหน้านี้ได้เคยเปิดให้ทดสอบเบต้าแบบปิดในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งช่วงนี้ได้เปิดให้ทุกคนสามารถเข้าทดลองตัวเบต้าได้แล้วใน Epic Game Store โดยตัวเกมจะมีการนำตัวละครใหม่ที่ชื่อว่า Dahlia เข้าสู่เกมเมื่อตัวเปิดอย่างเป็นทางการอีกด้วย ซึ่งจากการพูดคุยทีมผู้พัฒนาตัวเกมได้กล่าวว่า จำนวนผู้ที่ทดลองเล่นทั้งแต่ในช่วงกรกฏาคม จนถึงปัจจุบันมีผู้เล่นสูงถึง 2 ล้านกว่าไอดี ถือเป็นจำนวนที่น่าพอใจไม่น้อยเพราะทางผู้พัฒนาเองก็ทราบจำนวนผู้เล่นที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจึงมีแนวคิดที่จะพัฒนาตัวเกมให้มีระบบเกมที่ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะพวกเขารู้สึกดีใจมากๆ กับผลตอบรับี่ยอดเยี่ยมนี้ ตัวเกม Rogue Company จะลองรับการเล่นข้ามแพลตฟอร์มกันด้วยระหว่าง PC กับ PlayStation และแพลตฟอร์มต่างๆ ที่สามารถเล่นตัวเกมได้จะจอยร่วมกันได้ นอกจากนี้ทางผู้พัฒนายังกล่าวเพิ่มอีกว่าตัวเกมจะไม่ใช่การ Pay to win เพราะอุปกรณ์ของตกแต่งรวมถึงอาวุธในเกมจะเป็นระบบ การเล่นทำภารกิจคล้ายกับการเก็บเลเวลของสมุด Battle Pass ที่จะทำให้ผู้ที่เล่นมากกว่าจะได้ประสบการณ์รวมถึงของที่ครบกว่า Rogue Company เป็นเกมฟรีที่พร้อมจะให้ทุกคนเข้าไปสาดกระสุนกับกลุ่มเพื่อนในทุกแพลตฟอร์ม สามารถติดตามรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับเกมได้ที่ LINK Credit: PCgamer
02 Oct 2020
หลุด! หน้าตาของ ROG STRIX GeForce 3080 Ti การ์ดจอเจนใหม่จาก Asus!
ในปี 2020 เป็นปีที่เราจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ จากเครื่องเล่นเกม Console เจนเนอเรชั่นต่อไปมากมาย และในปีเดียวกันยังเป็นปีที่เราน่าจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ของการ์ดจอบนเครื่อง PC ด้วยเช่นกัน เพราะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา มีข่าวลือมากมายบอกว่า "ทาง Nvidia จะเปิดตัวการ์ดจอ Geforce RTX ซีรีส์ 30 ในช่วง Q3 ของปี 2020" แต่ก่อนที่จะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ ล่าสุดดูเหมือนว่าเราจะได้เห็นรูปร่างหน้าตาของมันก่อนแล้วครับ! เว็บไซต์ Videocardz ได้รายงานว่า มีการพบภาพที่แสดงถึงรูปร่างหน้าต่าของ ROG STRIX GeForce 3080 Ti หลุดออกมา ซึ่งในภาพดังกล่าว ดูเหมือนจะเป็นสไลด์ที่ถูกถ่ายด้วยมือถือจากงานสัมมนาแห่งหนึ่ง โดยเหตุผลที่ทำให้คิดว่า การ์ดจอที่อยู่ในรูปคือ 3080 TI มาจากการที่ตัวอักษรข่างบนของรูปภาพนั้นแปลได้ว่า "Next-Generation ROG STRIX" ทำให้คิดว่าภาพนี้น่าจะได้มาจากการประชุมเกี่ยวกับดีไซน์ของการ์ดจอตัวใหม่ภายใน Asus เองครับ ถ้าหากว่ารูปภาพดังกล่าวได้มาจากการประชุมเกี่ยวกับดีไซน์ของการ์ดจอตัวใหม่ภายใน Asus เองจริง หมายความว่ารูปร่างหน้าตาของ ROG STRIX GeForce 3080 Ti อาจไม่ใช้แบบนี้จริงๆ เพราะจะสังเกตุได้ว่า หน้าตาของการ์ดจอในภาพนี้ แตกต่างจากดีไซน์ที่ Strix ใช้ในซีรีส์ 10 และ 20 อยู่มากทีเดียวครับ แต่ในเรื่องของประสิทธิภาพ เชื่อได้ว่าแรงกว่าตัวซีรีส์ปัจจุบันอย่างแน่นอนครับ Credit: GameRant  
09 Jul 2020
รายละเอียดข้อมูลเกม Rogue Company
Rouge Company ถือว่าเป็นหนึ่งในเกมม้ามืดที่น่าสนใจประจำปี 2020 ที่พัฒนาโดย Hi-REZ Studio และทำการวางขายใน Epic Games Store สำหรับใครที่งงว่าเกมนี้เกี่ยวกับอะไร วันนี้พวกเรา GameFever TH จะนำเอารายละเอียดมาให้เหล่าเกมเมอร์ได้รับทราบกัน Trailer เปิดตัว Rouge Company เปิดตัวโดยใช้ Live - Action ที่เป็นเรื่องราวของทหารรับจ้างที่จะกำลังจะเตรียมตัวในการทำภารกิจบางอย่าง ซึ่งทำออกมาได้อย่างเท่ห์และน่าสนใจเป็นอย่างมาก ระบบการเล่น Rouge Company เป็นเกมแนว Third Person Shooter ที่เป็นลูกผสมระหว่าง Apex Legends , Overwatch , Counter Striker เข้าด้วยกัน โดยตัวเกมจะให้เรารับบทเป็นทหารรับจ้างที่จะต้องร่วมมือกับเพื่อนร่วมทีมในการทำภารกิจในการแข่งขันแต่ละรอบ ซึ่งแต่ละตัวละครจะมีความสามารถและทักษะที่แตกต่างกัน ทำให้ผู้เล่นแต่ละคนจะใช้ทั้งการจัดทีมที่ดีและความสามัคคีในการเล่นเพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากตัวเกมเน้นการแข่งขันเป็นรอบ (Round) ทำให้มีการจัด Loadout เพื่อที่จะสามารถแก้เกมคู่ต่อสู้ ซึ่งจากตัวอย่างเกมเราจะเห็นได้ว่าจัด Loadout ได้ละเอียดระดับหนึ่ง ทั้งอาวุธหลัก อาวุธรอง รวมถึงอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ นอกจากนี้ยังบอกรายละเอียดของแต่ละตัวละครอีกด้วย นอกจากนี้ตัวเกมยังรองรับการเล่นในรูปแบบของ Crossplay ระหว่างแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Nintendo Switch , PC , PlayStation 4 , Xbox One อีกด้วย ทำให้เกมเมอร์ทั้งหลายสามารถที่จะสนุกกับเกมการเล่นได้แม้ว่าจะอยู่กันคนละแพลตฟอร์ม เปิดให้เล่นเมื่อไหร่ Rouge Company ยังคงอยู่ระหว่างการพัฒนาเกมในตอนนี้ทางผู้พัฒนาได้ทำการเปิดลงทะเบียน สำหรับการเล่นในช่วง Alpha ซึ่งสามารถลงทะเบียนผ่านทางเว็บไซต์ของทีมพัฒนาเกม www.roguecompany.com ได้เลย โดยทางทีมงาน Hi-REZ Studio กล่าวว่าได้เล่นภายในปี 2020 อย่างแน่นอน
07 Apr 2020
เกมดี ! เกมโดน !! รวมเกมมือถือน่าเล่นสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนสิงหาคม 2019
เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สัปดาห์นี้มีเกมใหม่ๆ เปิดตัวออกมาค่อนข้างน้อย น้อยจนตัวผมเองยังรู้สึกเหงา อาจจะเพราะมีเกมเจ๋งๆ ออกมาให้เล่นกันไปในสัปดาห์ที่แล้วก็เป็นได้ สัปดาห์นี้ของเลยหมดซะงั้น แต่อย่าพึ่งเศร้าใจไป ใช่ว่าจะไม่มีเกม แล้วผมจะละเลยหน้าที่ไม่หยิบเกมมาแนะนำให้ได้ลองกัน โดยในสัปดาห์นี้แม้จะมีเกมเปิดใหม่น้อย แต่เกมพอร์ตกับไม่ธรรมดา เพราะไม่ว่าจะเกม Rogue Legacy หรือ Journey ก็ล้วนเข้ามาให้เราได้ซื้อไปเล่นในสัปดาห์นี้ทั้งนั้น และยังมีเกม Action MMORPG ฟอร์มยักษ์ภาพสวยอย่าง Lumia Saga เปิดมาให้เล่นอีกด้วย ก็ถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียวนะผมว่า เกมที่ 1 : Lumia Saga ค่ายเกม : Century Game (DIANDIAN INTERACTIVE) แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Lumia Saga เป็นเกม MMORPG ภาพสวยที่ใครเห็นก็อยากเล่น ภายในเกมจะมีตัวละครให้เราได้เล่นทั้ง 4 แบบ 4 อาชีพพื้นฐาน และ 4 อาชีพระดับสูง ถือเป็นเกมแนว Action MMORPG หน้าใหม่ที่น่าจะถูกใจเหล่าเกมเมอร์คอเกมแฟนตาซีไม่น้อยในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ภายในเกมยังประกอบไปด้วยระบบการเล่นอีกมากมาย ตามแบบฉบับของ MMORPG บนมือถือในปัจจุบัน (ระบบ Auto, ระบบอัปเกรด, และระบบไลฟ์สไตล์) ใครกำลังอยากเปลี่ยนเกม MMORPG เล่น ผมว่าเกมนี้ไม่เลวนะ แถมตัวเกมรองรับภาษาไทยอีกด้วย https://youtu.be/P2TLue6VxHM เกมที่ 2 : Rogue Legacy ค่ายเกม : Cellar Door Games, Inc. แพลตฟอร์ม : [iOS] อย่างที่ผมบอก เกมดาวเด่นของสัปดาห์นี้เป็นเกมพอร์ตทั้งสิ้น โดยเกมแรกที่ผมอยากแนะนำเลยก็คือ Rogue Legacy เกมแนว Action มุมมองด้านข้างสไตล์ Roguelike ที่ตัวเกมถูกออกแบบมาให้เราได้สำรวจปราสาทปริศนา ซึ่งทุกครั้งที่เราตาย ตัวละครที่เราใช้จะตายไปเลย แล้วจะมีตัวละครตัวใหม่เข้ามาแทน ซึ่งจะมีค่าความสามารถแตกต่างกันไป โดยความพิเศษของตัวเกมนั้นอยู่ตรงฉากที่จะเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งที่เราเข้าไปสำรวจ ดังนั้นลืมความจำเจในการผ่านเส้นทางแบบเดิมๆ ไปได้เลย เกร็ดเสริม : ตัวเกมมีราคาอยู่ที่ประมาณ 125 บาท โดยตัวเกมเคยลงบนแพลตฟอร์มใหญ่ๆ อย่าง Steam, PS3, PS Vita, PS4, Xbox One และ Nintendo Switch มาหมดแล้ว เกมที่ 3 : Journey ค่ายเกม : Annapurna Interactive แพลตฟอร์ม : [iOS] Journey เป็นอีกหนึ่งเกมพอร์ตที่ค่อนข้างดังทีเดียว ไม่รู้ลืมไปกันแล้วรึยัง โดย Journey เป็นเกมแนวผจญภัยสไตล์เดียวกับ Sky: Children of the Light (ผู้พัฒนาเจ้าเดียวกัน) แต่ Journey มาก่อน ซึ่งแน่นอนว่าตัวเกมจะค่อนข้างโดดเด่นด้านภาพ เสียง และบรรยากาศที่ค่อนข้างนุ่มนวลละมุน ตัวเกมจะให้เราเดินทางออกสำรวจซากอารยธรรมโบราญในที่ต่างๆ เพื่อค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ นอกจากนี้ตัวเกมยังรองรับการ Co-op เล่นร่วมกับเพื่อนได้อีกด้วย เกร็ดเสริม : ตัวเกมวางจำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี 2012 และลงให้แพลตฟอร์ม PS3, PS4 และ Epic Store มาก่อนแล้ว https://youtu.be/61DZC-60x20 เกมที่ 4 : Peace, Death! ค่ายเกม : AZAMATIKA แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] จะเรียกว่าเกมแถมก็ได้นะ แต่ถ้าลองเล่นดูแล้ว น่าจะถูกใจกันไม่น้อย โดย Peace, Death! เป็นเกมอินดี้ที่มีราคาอยู่ที่  61 บาท โดยในเกมเราจะได้รับบทเป็น Reaper ซึ่งต้องทำงานเป็นผู้ตัดสินความตาย เพื่อที่จะได้ทำงานประจำเป็น Death  โดยเราจะมีเวลา 7 วันเพื่อผ่านการทดลองงาน ก่อนจะได้รับงานประจำ ตัวเกมจะให้เราได้รู้จักสังเกตุ หรือโต้ตอบกับคนที่เข้ามาให้เราตัดสิน ว่าควรส่งเขาไปนรก หรือสวรรค์ดี เพราะบางคนอาจดูเป็นคนดีแสนดีๆ แต่ความจริงแล้วอาจมีอะไรซ่อนอยู่ และนั่นคือหน้าที่เราในการเผยมันออกมา เกร็ดเสริม : ตัวเกมเหมือนไม่มีอะไร แต่ระบบการเล่น และรายละเอียดเยอะกว่าที่เห็นเยอะมากครับ https://youtu.be/OyGfzHAEk3g เกมที่ 5 : Yokai Dungeon ค่ายเกม : NEUTRONIZED แพลตฟอร์ม : [Android] + [iOS] Yokai Dungeon เป็นเกมแถมอีกหนึ่งเกมที่ผมขอหยิบมาแนะนำในวันนี้ ด้วยเหตุเพราะว่าตัวเกมเป็นเกมพัซเซิลเล่นเพลินๆ รวมไปถึงตัวกราฟฟิกที่ค่อนข้างน่ารักสไตล์ตัวการ์ตูนญี่ปุ่น ในเกมเราจะได้รับบทเป็น Tanuki ซึ่งมีหน้าที่ในการเข้าปราบปรามพวก Yokai ที่บุกเข้ามาป่วงงานเทศกาล โดยใช้การผลักบล็อกไปชนเหล่า Yokai ที่เดินไปมาให้หมด เกร็ดเสริม : ตัวแมปจะสุ่มสร้างขึ้นมาทั้งหมด มีตัวละครให้ได้เล่นกว่า 20 ตัว และมีระบบไอเทมให้ใช้ https://youtu.be/BDSzuyO8-XY  
13 Aug 2019
C&C และ C&C Red Alert ประกาศ Remaster แล้วจ้า
ช่วงนี้กระแสเกม Remaster กำลังมาแรงจริงๆ อย่างล่าสุดเกม Command and Conquer และ Command and Conquer: Red Alert ก็เตรียมกลับมาอัพกราฟิกให้เราได้เล่นกันอีกครั้ง ถึงแม้ว่าทีมงาน Westwood Studio ที่สร้างเกมนี้จะปิดไป แต่เราก็ยังได้ทีม Petroglyph ทหารเดนตายอดีตพนักงาน Westwood Studio มาเป็นผู้สร้าง https://www.youtube.com/watch?v=MlMLEIDdIn0 โดยผู้พัฒนาบอกว่าตัวเกมนี้จะไม่มีระบบ Microtransaction อีกด้วยโดยเราจะได้เล่นเกมนี้แบบจัดเต็มเลยทีเดียว และน่าจะเป็นที่ชอบใจสำหรับแฟนเดนตายซีรีส์นี้แน่นอน แต่พวกเราเองก็ไม่แน่ใจว่า Red Alert นั้นจะมีการ Remaster ภาค 2 ที่เป็นภาคฮิตด้วยหรือไม่ แต่ส่วนตัวคาดว่าอาจจะเป็นการทำทีละภาค และค่อยๆ Remaster ภาคต่อๆ ไปก็เป็นได้ ขอบคุณข้อมูลจาก Gamingbolt
15 Nov 2018