GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "Nexon"
เปิดตัว Project Magnum เกม RPG มุมมองบุคคลที่สามแนว Looter Shooter ธีม Sci-fi จากค่าย Nexon อย่างเป็นทางการ!
บริษัทพัฒนาเกมจากประเทศเกาหลีอย่าง Nexon และ NTA Games ได้ทำการประกาศเปิดตัวเกม ที่ถูกใช้ชื่อในตอนนี้ว่า Project Magnum ในฐานะเกม RPG มุมมองบุคคลที่สามแนว Looter Shooter หรือเกมแนวทำภารกิจ สังหารศัตรู เพื่อให้มันดรอปชุดหรือปืนที่ประสิทธิภาพดีกว่ามาใช้ ในรูปแบบใหม่ พร้อมวิดีโอตัวอย่างที่พอจะทำให้เรามองเห็นภาพรวมของเกมได้ว่า Project Magnum จะถูกสร้างออกมาภายใต้ธีมการนำเสนอแบบไหนโดยในช่วงเวลาเพียงนาทีกว่าๆ ของวิดีโอตัวอย่างดังกล่าวนั้น ก็ได้แสดงให้เราเป็นถึงคุณภาพกราฟิกสุดอลังการ ของโลกสุด Sci-fi แฟนตาซีที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมลํ้าสมัย ผจญปะปนไปกับเหล่าหุ่นยนตร์จักรกล และการต่อสู้สุดดุเดือด ในระดับเดียวกันกับ Final Fantasy, Destiny หรือ Devil May Cry เลยทีเดียวอย่างไรก็ดี Project Magnum ก็กำลังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนาลงให้กับ PS5, PS4 และ PC ในขณะที่วันวางจำหน่ายนั้นยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการค่ะ<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/nv1_tUonggk' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit: GamingBolt
03 Sep 2021
Final Fantasy 11 Mobile Reboot ถูกยกเลิกโปรเจกต์อย่างเป็นทางการแล้ว
ย้อนกลับไปในปี 2015 บริษัท Square Enix ประกาศจำมือกับ Nexon เตรียมนำเกม MMORPG ฉบับปี 2002 ของพวกเขา Final Fantasy 11 มาลงให้กับมือถือ และมีกำหนดจะเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการในปี 2016 ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าในปี 2016 ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และล่าสุดก็มีรายงานว่าทีมพัฒนาโปรเจกต์ดังกล่าว ถูกย้ายไปรับผิดชอบโปรเจกต์อื่นแล้ว!ในปี 2018 เว็บไซต์ของ Nexon ได้มีเคยมีการโพสต์ Footage บางส่วนภายในเกมให้ดู (ซึ่งต่อมาถูกเอาออกไป) ซึ่งในตอนนั้นได้ให้ความหวังกับผู้เล่นไว้พอสมควร แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าโปรเจกต์นี้ถูกยกเลิกพัฒนาอย่างเป็นทางการแล้วภาพบางส่วนที่มีคนแคปไว้ : https://www.resetera.com/threads/final-fantasy-xi-mobile-screenshots.42241/ความเป็นไปได้มีอยู่หลายอย่าง แต่เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับการเปิดตัวเกม Final Fantasy บนมือถือ 2 ภาคใหม่อย่าง Ever Crisis และ The First Soldier ซึ่งอาจจะขาดทีมพัฒนาอยู่ในตอนนี้ เลยต้องโยกคนบางส่วนไปช่วยทางนั้น แต่ทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาของผมเท่านั้นความเป็นจริงเป็นอย่างไรไม่สำคัญ ประเด็นอยู่ที่โปรเจกต์ FF11 บนมือถือถูกยกเลิกไปแล้วครับCredit: https://www.ign.com/articles/final-fantasy-11-mobile-reboot-cancelled-6-years-after-announcement
24 Mar 2021
Mabinogi Mobile เกมใหม่กราฟิกน่ารัก เล่นได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน
เป็นที่น่าจับตามองมากๆ สำหรับเกมออนไลน์ที่ฮิตมากๆ บนเครื่อง PC ตอนนี้กลายมาเป็นเกมมือถือแล้วสำหรับ Mabinogi Mobile ที่ก่อนหน้านี้ก็พึ่งจะเปิดตัวไป และในปีนี้ก็ได้นำตัวเกมกลับมาโชว์อีกครั้งแบบยิ่งใหญ่ในงาน G-STAR 2018 โดยตัวเกมมีกราฟิกที่ดูสดใสน่ารัก มีการหันมุมกล้องได้ทั้งแนวตั้งแนวนอน เพื่อใช้ได้ทั้งมือเดียว หรือสองมือนั่นเอง https://www.youtube.com/watch?time_continue=348&v=l3LVg_MHlzc รวมถึงตัวละครของเรานั้นจะมีอายุ ถ้ายิ่งแก่ขึ้นรูปร่างเราก็จะเปลี่ยนไป รวมถึงเสียงเราก็จะเปลี่ยนไปให้แก่ลงอีกด้วย โดยตัวเกมจะมีเนื้อหาที่ดูสบายๆ ไม่เหมือนซีรีส์ก่อนหน้า โดยทางผู้พัฒนาเองก็ไม่ได้บอกวันเวลาอย่างชัดเจน แต่ก็อยากให้เกมนี้เข้าไทยนะ แต่ไม่แน่อาจจะมีสิทธิ์ก็ได้ เพราะผู้พัฒนาเกมนี้คือ Nexon ที่ตอนนี้ได้เข้ามาทำตลาดในไทยแล้ว ♥ https://www.youtube.com/watch?v=AaE5CQAvZP8 ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก Inven
15 Nov 2018
[MapleStory M] คู่มือการเล่นอาชีพ Dark Knight
Dark Knight (Warrior) คืออัศวินประจำเกม MapleStory M มีจุดเด่นที่ความอึด ถึก ทน มาพร้อมกับหอกคู่กาย ที่สามารถบุกเข้าไปในดงมอนสเตอร์ได้อย่างไร้กังวล แม้ว่าการโจมตีจะไม่ได้มีระยะไกลมากเท่ากับตัวละครอื่นๆ แต่ความรู้สึกที่ได้ใช้หอกอาละวาดใส่ศัตรูโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าเลือดจะหมดก็ไปความรู้สึกที่สุดยอดเหมือนกัน ทำไมถึงความเล่น Dark Knight 1. ค่าการป้องกันเป็นเลิศ ทั้งจากการโจมตีแบบปกติและจากเวทย์มนตร์ 2. เป็นตัว Tank ประจำทีม 3. มีสกิลอัญเชิญ Beholder ออกมาช่วยสตันและโจมตีศัตรู รวมถึงช่วยเพิ่มค่า HP/MP ได้ 4. สามารถลดดาเมจและเพิ่มค่าการป้องกันให้กับทั้งทีมได้ด้วยสกิลบัฟ แนวทางการอัพสกิล สกิลที่อยู่ในลิสต์ต่อไปนี้ เป็นสกิลที่เราแนะนำให้เพื่อนๆ อัพโดยเรียงตามลำดับความสำคัญของสกิลเป็นหลัก Lv.1-29 Slash Blast (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10  เป็นสกิลโจมตีแรกในช่วงเลเวลนี้ โดยเป็นสกิล AOE ที่โจมตีเป็นวงกว้างและสามารถทำดาเมจกับมอนสเตอร์หลายตัวในเวลาเดียวกัน สกิลนี้ไม่มีคูลดาวน์ Warrior Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 ช่วยเพิ่มค่าพลังการโจมตีแบบปกติ (PHY ATK) ถือว่าสำคัญมากเพราะส่งผลโดยตรงกับความแรงของการโจมตีแบบปกติและความแรงของสกิล Iron Body (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่า HP, MP, PHY DEF และ MAG DEF ซึ่งจะช่วยเพิ่มความถึกให้กับเราเมื่อต้องเจอกับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่า นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดโพชั่นของเราด้วย Warrior Leap (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เป็นสกิลที่จะช่วยเพิ่มระยะในการกระโดดให้ไกลขึ้น และสูงขึ้น ทว่าในช่วงแรกเราเน้นการเก็บเลเวลด้วยการทำเควสโดยเปิด Auto-quest และใช้ Auto-battle อยู่แล้ว ดังนั้นสกิลนี้จึงไม่ได้จำเป็นต้องรีบอัพก็ได้ สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Slash Blast เนื่องจาก Dark Knight มีค่าการป้องกันและเลือดที่เยอะอยู่แล้ว ช่วงแรกจึงควรเน้นไปที่การอัพสกิลเพื่อให้โจมตีได้รุนแรงขึ้นอย่าง Slash Blast และ Warrior Mastery ส่วนสกิลอื่นค่อยไปอัพทีหลังก็ยังไม่สาย   Lv.30-59 Piercing Drive (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เป็นสกิลโจมตีหลักที่ควรใช้แทนสกิลจากคลาสแรกอย่าง Slash Blast เพราะโจมตีมอนสเตอร์ได้เยอะกว่า แรงกว่า และไกลกว่า Weapon Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 หากอัพถึงเลเวล 5 จะช่วยเพิ่มดาเมจจากการโจมตีแบบปกติ (PHY DMG) 4% ซึ่งจะช่วยเพิ่มค่าการโจมตีโดยรวมของตัวละครเราให้แรงขึ้นด้วย Weapon Booster (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 ช่วยเพิ่มความเร็วในการโจมตี (ATK SPD) เป็นระยะเวลา 30 นาที ควรกดใช้ทุกครั้งก่อนที่จะกด Auto-battle เพราะจะทำให้ตีมอนสเตอร์ได้มากขึ้น เร็วขึ้น ส่งผลให้ค่าประสบการณ์เพิ่มเร็วขึ้นไปด้วย Final Attack (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มโอกาส 30% ในการเพิ่มค่าดาเมจของสกิล (Skill DMG) 7.2% ทำให้โจมตีมอนสเตอร์ได้รุนแรงขึ้น Physical Training (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหว (SPD) 15% ซึ่งจะทำให้การกด Auto-battle ได้ผลดีมากขึ้น เก็บ Exp. ได้เร็วขึ้น Beholder (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5 เรียกมอนสเตอร์คู่หู Beholder ออกมา ช่วยฮีลเราได้ มีประโยชน์มากโดยเฉพาะเวลาที่เราล่าบอสแล้วโพชั่นติดคูลดาวน์อยู่  อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้ความสามารถใหม่ได้เมื่อเราได้สกิลใหม่มาใช้ Spear Pull (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เป็นสกิลที่เราจะขว้างหอกของเราออกไปทำดาเมจและดึงให้มอนสเตอร์เข้ามาหา อย่างไรก็ตามสกิลนี้ก็มีเวลาคูลดาวน์ 10 วินาที แนะนำให้เอาไว้ใน Slot ตอน Auto-quest หรือ Auto-battle เพราะตัวเกมจะกดใช้ให้เอง Iron Will (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 บัฟเพื่อเพิ่มค่าป้องกัน (DEF) ให้กับสมาชิกในปาร์ตี้ มีผลนาน 30 นาที แนะนำให้กดใช้ก่อนจะลงดันเจี้ยน ถือเป็นสกิลที่มีประโยชน์แต่ถ้ายังไม่ได้ลงดันเจี้ยนและเก็บเวลโดยการทำเควสบ่อยๆ ก็ยังไม่ต้องรับอัพก็ได้ Hyper Body (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5 บัฟเพื่อเพิ่มค่าดาเมจของการโจมตีปกติและโจมตีด้วยเวทย์ให้กับเพื่อนร่วมทีม มีผลนาน 30 นาที แนะนำให้ใช้ก่อนลงดันเจี้ยน และยังไม่ต้องรีบอัพหากเพื่อนๆ ยังเก็บเลเวลด้วยการทำเควสอยู่ สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Piercing Drive, Spear Pull, Beholder, Weapon Booster และ Iron Will ในช่วงเลเวลนี้ควรเน้นการอัพสกิลที่เพิ่มดาเมจให้เรา อย่างสกิลโจมตี Piercing Drive รวมถึงสกิลติดตัวที่จะช่วยเพิ่มค่าสเตตัสพื้นฐานให้เราก่อน เพราะส่วนใหญ่ค่าประสบการณ์ที่ได้จะยังคงมาจากการทำเควส (ช่วงนี้เป็นช่วงที่หากทำเควสจะเลเวลอัพได้ง่ายกว่า) ส่วนสกิลบัฟก็ยังถือว่าไม่จำเป็นมากนักจึงควรอัพทีหลัง   Lv.60-99 La Mancha Spear (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เป็นสกิลที่ควรใช้แทนสกิล Piercing Drive ซึ่งวิธีการใช้ที่ดีที่สุดคือใช้สกิลแล้วกดค้างเอาไว้แล้วฝ่าเข้าไปในดงศัตรูเลย เพราะจะทำให้สามารถเคลียร์มอนสเตอร์ในแมพได้รวดเร็วและเป็นการเก็บไอเทมที่ดรอปไปพร้อมกัน ที่สำคัญคือควรใส่เอาไว้ใน Slot ด้วยเพราะเมื่อกดใช้ Auto-battle ตัวเกมก็จะกดสกิลค้างไว้ให้เราเช่นเดียวกัน Lord of Darkness (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มอัตราการติดคริติคอล 2% และเพิ่มความแรงจากการติดคริติคอล 10% มีประโยชน์มากเพราะเป็นสกิลติดตัวที่ช่วยเพิ่มความแรงของการโจมตีได้ Cross Surge (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 เป็นสกิลบัฟที่มีประโยชน์มาก เพราะจะช่วยเพิ่มดาเมจจากการโจมตีแบบปกติ (PHY DMG) ถึง 10% ทั้งนี้หากค่า HP ของเราลดลง ดาเมจก็จะลดลงไปด้วย Endure (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มการต้านทาน Crit DMG 10% มีประโยชน์ระหว่างการต่อสู้กับบอสที่มีค่าคริติคอลแรง ยังไงก็ตามควรจะอัพสกิลที่กล่าวมาข้างบนก่อน Beholders Buff (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 ฟื้นฟูค่า MP ซึ่งระยะเวลาของสกิลจะอยู่ได้นานถึง 180 วินาที หากเพื่อนๆ กังวลว่าโพชั่น MP จะไม่พอ ก็สามารถอัพได้ ทว่าหากยังไงก็มี MP เพียงพออยู่แล้ว สามารถเปลี่ยนไปอัพสกิลนี้หลังสุดเลยก็ยังได้ Charge (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 สามารถโจมตีมอนสเตอร์ถึง 7 ตัวได้ ผลักศัตรูออกไปได้อีกด้วย ควรใช้ Spear Pull เพราะเป็นสกิลที่ตีได้ไกล แต่ในช่วงหลังเลเวล 70 Skill Point จะได้ยากขึ้น เราแนะนำให้เพื่อนๆ อัพสกิลนี้หลัง La Mancha Spear Beholder Shock (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 ด้วยคูลดาวน์กว่า 20 วินาทีและลิมิตของระยะสกิลที่จำกัด ทำให้สกิลนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์และควรอัพทีหลังสุด สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: La Mancha Spear, Cross Surge, Beholder, Weapon Booster, Iron Will ในช่วงเลเวลนี้ ค่าประสบการณ์ที่ได้มาจากการทำเควสจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เกมจะพยายามผลักดันให้เราออกไปเก็บเลเวลด้วยการตีมอนสเตอร์และลงดันเจี้ยน ดังนั้นจึงควรอัพสกิลโจมตี La Mancha Spear ก่อน เพราะสามารถจัดการศัตรูจำนวนมากได้ จากนั้นจึงค่อยอัพสกิลติดตัวและบัฟที่ทำให้เราตีแรงมากขึ้น   Lv.100+ Dark Impale (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เป็นสกิลที่จะโจมตี 8 ครั้งใส่มอนสเตอร์สูงสุดถึง 8 ตัว ที่อยู่ข้างหน้าของตัวละครเรา ถือเป็นสกิลที่มีระยะโจมตีไกลพอสมควร สามารถใช้แทน La Mancha Spear ได้ Gungnirs Descent (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เป็นสกิลที่โจมตี 10 ครั้งใส่มอนสเตอร์สูงสุดจำนวน 8 ตัว แม้จะมีคูลดาวน์ถึง 10 วินาทีด้วยกัน แต่หากเราใช้สกิล Sacrifice (สกิลบัฟ) จะทำให้คูลดาวน์นี้หายไป ทั้งนี้ระยะการโจมตีของสกิลนี้ค่อนข้างสั้น ควรเก็บไว้ใช้เมื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับบอสและควรจะยืนอยู่ใกล้ๆ กับบอสด้วย Sacrifice (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 ทำให้คูลดาวน์ของสกิล Gungnirs Descent หายไป ดังนั้นจึงสามารถใช้สกิลนั้นได้ตามเท่าที่ต้องการ ซึ่งบัฟนี้จะมีระยะเวลาถึง 20 วินาที แต่ก็มีคูลดาวน์ 60 วินาทีเช่นกัน ควรไปยืนอยู่ใกล้ๆ บอสก่อน จากนั้นกดใช้สกิลนี้ แล้วค่อยตามด้วย Gungnirs Descent Final Pact (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 ถือเป็นสกิลที่ดีที่สุดในคลาสนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเจ้าบัฟนี้จะช่วยชุบชีวิตให้เราหากเราตาย ซึ่งเราจะต้องกดใช้บัฟก่อนที่เราจะตาย ทั้งนี้บัฟนี้จะมีระยะเวลา 10 นาที และมีคูลดาวน์ถึง 30 นาที หมายความว่าในดันเจี้ยนนึง เราจะมีสิทธิใช้บัฟนี้ได้แค่ครั้งเดียว ดังนั้นจึงควรกดต่อเมื่อคิดว่ามีโอกาสสุ่มเสี่ยงต่อการตาย อย่างเช่นกดใช้ก่อนจะบวกกับบอสเป็นต้น Advanced Weapon Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มโอกาสในการเจาะเกราะป้องกันของศัตรู (Pen Rate) 2% เพิ่มดาเมจต่อบอส 4% และเพิ่มดาเมจต่อผู้เล่น 4% ถือเป็นการเพิ่มพลังการโจมตีโดยรวมของตัวละคร Dark Knight ของเรา Revenge of the Evil Eye (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เป็นสกิลเสริมให้ Beholder คู่หูของเราโจมตีศัตรูที่มาโจมตีใส่เรา ทั้งนี้ค่าดาเมจจะขึ้นอยู่กับเลเวลของสกิล รวมถึงพลังโจมตี (ATK) ของเรา นอกจากนี้สกิลจะยังช่วยฟื้นฟู HP 5% ของจำนวน HP ทั้งหมดที่เรามี ทุกๆ 5 วินาที KBK RES (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มโอกาสที่ตัวละครของเราจะต้านทานสกิลของมอนสเตอร์ที่จะผลักเราออก Magic Crash (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5 ลบล้างค่า ATK และ DEF ของศัตรูที่มาจากการบัฟ และป้องกันการบัฟสกิลเดียวกันซ้ำเป็นระยะเวลาหนึ่ง ตอนนี้อาจจะฟังดูไม่ค่อยมีประโยชน์ ทว่าหากใช้สกิลนี้ในโหมด PvP ก็น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญทีเดียว ทั้งนี้มีระยะเวลาคูลดาวน์ 60 วินาที สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot (Auto-battle): Dark Impale, Cross Surge, Beholder, Weapon Booster, Iron Will และ Hyper Body   เทคนิคต่อกรกับมอนสเตอร์ระดับบอส: ตอนแรกใช้สกิล Final Pact เมื่อเริ่มสู้ จากนั้นตามด้วย Gungnirs Descent ก่อนครั้งหนึ่ง แล้วกดบัฟ Sacrifice แล้วก็ใช้ Gungnirs Descent ต่อรัวๆ จนกว่าบอสจะตาย ถ้าบัฟของสกิล Sacrifice หมดแล้ว เปลี่ยนมาใช้สกิล Dark Impale สลับกับคอยกดสกิล Gungnirs Descent ทุกๆ สิบวินาที ในช่วงนี้ตัวละคร Dark Knight ของเราจะอึด ถึก ทน และมีพลังโจมตีที่รุนแรงมาก และต่อให้เราจะตายเราก็ยังคงมีสกิลที่ช่วยชุบชีวิตเราขึ้นมาบวกต่อได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถฮีลและขโมยค่า HP จากศัตรูได้ในดันเจี้ยน ด้วยการจะ Tank ก็ได้ จะสู้ก็ดีทำให้ตัว Dark Knight สามารถสู้กับบอสแบบ Solo ได้สบายๆ ในช่วงต้นเกม ส่วนช่วงท้ายเกมก็สามารถเป็นตัวยืนรับดาเมจ และมีสกิลช่วยเพิ่มเลือดให้กับสมาชิกในปาร์ตี้ได้ เรียกได้ว่าเล่นสบายทั้งต้นเกมและท้ายเกมเลยทีเดียว   ภาพรวม ถึงแม้ Dark Knight จะจัดเป็นตัวละครที่มีระยะการโจมตีใกล้ แต่ก็เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ยังใหม่ใน MapleStory M เพราะมีความสามารถในการเอาตัวรอดสูง และเหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชอบยืนบวก ซึ่งหากเพื่อนๆ ชอบเล่นตัวละครสาย Tank ที่สามารถรับดาเมจหนักๆ โดยที่ไม่ต้องมานั่งพะวงถึงค่า HP แล้ว Dark Knight เนี่ยแหละ คือตัวเลือกที่ดีที่สุด!
26 Jul 2018
[MapleStory M] ทำความรู้จักกับเกมผ่าน Main Menu!
Main Menu เป็นส่วนที่สำคัญที่เพื่อนๆ ควรจะทำความรู้จักเอาไว้เพราะจะได้ใช้ในเกมจนเบื่อ เนื่องจากเป็นหน้าต่างที่รวบรวมแทบทุกฟังก์ชั่นในเกมเลยก็ว่าได้ ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้ว เราไปทำความรู้จักกับ Main Menu กันเถอะ 1. ตัวละคร ข้อมูลตัวละคร - หน้าต่างแสดงค่าสเตตัสของตัวละครของเราทั้งค่าการโจมตี การป้องกัน ค่า HP และ MP อย่างละเอียด สกิล - หน้าต่างแสดงสกิลทั้งหมดของเรา รวมถึงแสดงรายละเอียดต่างๆ ของสกิล โดยเพื่อนๆ สามารถจัดช่องใส่สกิล (Skill Slot) ในนี้ได้ถึง 3 รูปแบบด้วยกัน เอาไว้สับเปลี่ยนให้เหมาะกับการเล่น เช่น Slot สำหรับ Auto-battle หรือ Slot สำหรับการเล่นเกมเองเป็นต้น ซึ่งในแต่ละแบบจะสามารถใส่สกิลได้ถึง 10 สกิล สัตว์เลี้ยง - หน้าต่างแสดงเลเวลและสเตตัสของสัตว์เลี้ยงของเรา สามารถใส่ได้ถึง 3 ตัว แต่ละตัวจะมีความสามารถที่แตกต่างกันไป เช่น ช่วยเราเก็บของ หรือใช้ Potion ให้เราในยามที่ HP/MP เราลด ทั้งนี้เพื่อนๆ สามารถอัพเลเวลของสัตว์เลี้ยงได้ด้วยการให้อาหารสัตว์เลี้ยง อัญมณี - หน้าต่างที่ให้ผู้เล่นสามารถใส่อัญมณีเพื่อเพิ่มค่าสเตตัสพื้นฐานของตัวละครได้ ทรงผมและศัลยกรรม - หน้าต่างที่เปิดโอกาสให้เพื่อนๆ ได้ศัลยกรรมหน้าตาและเปลี่ยนทรงผมตัวละครของตัวเอง 2. ท้าทาย เควส - หน้าต่างนี้จะแบ่งเป็นสองส่วนด้วยกัน ได้แก่ เควสเนื้อเรื่อง ที่เอาไว้ดูว่าตอนนี้เรากำลังทำเควสต์อะไร มีของรางวัลคืออะไรบ้าง นอกจากนี้ยังแสดงถึงเควสต์ในอนาคตที่เราจะสามารถทำได้ด้วย ซึ่งบางทีหากเลเวลเราไม่ถึงก็จะไม่สามารถทำเควสต์บางเควสต์ได้ และ รางวัลบท ที่จะมีรางวัลเป็นเงิน Meos ให้กับผู้เล่นเมื่อเล่นถึงเลเวลตามที่เกมกำหนด ภารกิจ - หน้าต่างที่รวบรวมภารกิจต่างๆ อีกมากมาย ที่ไม่ใช้เควสเนื้อเรื่อง ได้แก่ Daily Mission ที่เป็นภารกิจรายวันง่ายๆ ได้รับของรางวัลเป็นเงิน Meso (ค่าเงินพื้นฐานของ MapleStory M), Daily PC จะให้ผู้เล่นทำภารกิจและรับรางวัลแต่มีข้อแม้ว่าต้องเชื่อมบัญชีของเวอร์ชั่นมือถือเข้ากับไอดีของ MapleStory เวอร์ชั่น PC, Achievment ที่มีภารกิจให้ทำ โดยได้ของรางวัลเป็นค่าเงินแบบ Gold Leaf, Weekly Mission เป็นภารกิจรายสัปดาห์ ได้ของรางวัลเป็น Gold Leaf และ Daily Hunt ที่ให้ผู้เล่นได้ล่ามอนสเตอร์ตามที่ภารกิจกำหนด ได้ของรางวัลเป็น Exp. กิจกรรม - หน้าต่างที่รวบรวมกิจกรรมต่างๆ ที่อยู่ในเกม มีตั้งแต่กิจกรรมล็อกอิน กิจกรรมรายวัน กิจกรรมที่ได้จากระยะเวลาที่เราล็อกอินและออนไลน์อยู่ในเกม และกิจกรรมที่เพื่อนๆ จะได้รับรางวัลจากการออฟไลน์หรืออยู่ในเมือง 3. กระเป๋า กระเป๋าเป็นหน้าต่างที่แสดงข้อมูลของไอเทมทุกอย่างที่เรามี รวมถึงยังแสดงอุปกรณ์ที่เราสวมใส่อยู่ด้วย โดยหากคลิกตรงไอเทมจะมีหน้าต่างแสดงรางละเอียดของไอเทมนั้นๆ ขึ้นมาให้ดู ทั้งนี้กระเป๋าสามารถจุไอเทมและของสวมใส่ได้เพียง 100 ช่อง หากกระเป๋าเต็มเพื่อนๆ จะไม่สามารถรับเควสได้ 4. โรงตีเหล็ก โรงตีเหล็กเป็นหน้าต่างที่ถือว่ามีประโยชน์มากๆ เพราะการอัพเกรดอุปการณ์สวมใส่และคอสตูมมีผลอย่างมากต่อค่าสเตตัสของเรา เช่น หากเราเลเวลเยอะแล้ว แต่ไม่อัพเกรดหรือตีบวกอาวุธ ค่าการโจมตีของเราก็อาจจะแพ้คนที่เลเวลน้อยกว่าได้ หากเพื่อนๆ ตีมอนสเตอร์ไม่เข้าทั้งๆ ที่เลเวลของมอนสเตอร์ก็ไม่ได้ห่างจากเรามาก ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าเป็นเพราะเราไม่ได้อัพเกรดอาวุธนั่นเอง ทั้งนี้การอัพเกรดอาวุธและคอสตูมก็มีอยู่หลายแบบด้วยกัน ได้แก่ การอัพเลเวล เลื่อนระดับ ผสม ตีบวก เป็นต้น 5. จดหมาย จดหมายจะเป็นหน้าต่างที่ของรางวัลที่เราทำกิจกรรมจะถูกส่งมา ดังนั้นเพื่อนๆ ควรจะหมั่นเช็คว่ามีจดหมายใหม่มาหรือไม่ และกดรับรางวัลให้เร็วที่สุดถ้าทำได้ เพราะของรางวัลแต่ละชิ้นจะถูกยกเลิกหากเราไม่กดรับในเวลาที่เกมกำหนด 6. ดันเจี้ยน ดันเจี้ยนคืออีกส่วนที่สำคัญมากของเกม โดยในเกมก็มีดันเจี้ยนหลากหลายแบบให้เพื่อนๆ เลือกเข้าไปเล่น ได้แก่ Daily Dungeon - ดันเจี้ยนที่หากเคลียร์บอสได้ตามที่กำหนดแล้ว จะได้อัญมณีที่จะช่วยเพิ่มค่าสเตตัสพื้นฐานเป็นการตอบแทน Elite Dungeon - ดันเจี้ยนที่เล่นเพื่อเข้าไปหาคอสตูมและไอเทมระดับสูง เมื่อเพื่อนๆ เคลียร์มอนสเตอร์จนจบด่านแล้ว เกมจะมีไอเทมมาให้เพื่อนๆ สุ่ม โดยอาจจะได้ของที่ตรงกับอาชีพของตนเอง หรืออาจจะได้ของที่ไม่ตรงกับอาชีพของตัวเองก็ได้ (สามารถเอาของไปขายได้ใน Trade Station ซึ่งก็อยู่ใน Main Menu เหมือนกัน) Mini Dungeon -  ดันเจี้ยนเก็บเลเวลที่ต้องใช้ตั๋วในการเข้าดันเจี้ยน โดยเพื่อนๆ สามารถปล่อยให้ตัวละครของเราเก็บเลเวลเองด้วย Auto-battle ได้ มีระยะเวลาในการลงให้เลือกคือ 30 นาที (ใช้ตั๋ว 1 ใบ), 1 ชั่วโมง (ใช้ตั๋ว 2 ใบ) และ 2 ชั่วโมง (ใช้ตั๋ว 4 ใบ) Mu Lung Dojo - ดันเจี้ยนที่เปิดโอกาสให้เราได้ทดสอบความแข็งแกร่งของตัวละคร โดยจะให้เราเคลียร์บอสไปเรื่อยๆ ให้ได้มากที่สุดภายในเวลา 15 นาที ซึ่งบอสจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเราผ่านแต่ละชั้นของ Dojo นี้ เราจะได้ค่าเงิน Mu Lung มา ชั้นละ 10 เหรียญ สามารถนำไปซื้อไอเทมในร้านค้าได้ Netts Pyramid - ดันเจี้ยนแนว Plant Vs Zombie ที่เราและเพื่อนร่วมทีม รวม 4 คน จะต้องช่วยกันตีมอนสเตอร์ ป้องกันไม่ให้มอนสเตอร์เดินผ่าน ซึ่งหากเราเคลียร์จบจะได้ของรางวัลและค่าประสบการณ์ Expedition - ดันเจี้ยนสู้บอสสุดโหด ที่ให้เราเข้าไปร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเพื่อน รวม 10 คน เปิดวันละ 2 เวลา คือ 12.00-13.00 และ 20.00-21.00 น. Star Force Field - ดันเจี้ยนที่เต็มไปด้วยเหล่ามอนสเตอร์ เหมาะสำหรับการเข้าไปเก็บเลเวลร่วมกับเพื่อนในปาร์ตี้ โดยเพื่อนๆ สามารถเข้าไปกี่ครั้งก็ได้ เพราะไม่จำเป็นต้องใช้ตั๋วในการเข้า แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเก็บดาว (Star Force) ที่ได้จากการตีบวก (enhance) อุปกรณ์สวมใส่ และคอสตูมให้ได้ตามจำนวนที่ดันเจี้ยนนี้กำหนด หากเราเข้าไปตีมอนสเตอร์ในชั้นที่เรายังเก็บดาวไปไม่ถึง เราจะตีมอนสเตอร์แทบไม่เข้าเลย ถือเป็นประโยชน์อีกอย่างหนึ่งสำหรับการที่เราหมั่นตีบวกอาวุธ และคอสตูม 7. ร้านค้า แหล่งรวมไอเทม อุปกรณ์ เครื่องแต่งตัวทุกอย่างที่เปิดขายในเกม มีร้านค้า 3 ประเภท ได้แก่ ร้านค้า - เป็นร้านค้าที่เราสามารถซื้อของได้จากเงินที่เราได้มาจากในเกมฟรีๆ โดยไม่ต้องเติม มีค่าเงินหลักสามประเภท คือ Meso (ค่าเงินปกติของเกม) Gold Leaf และ Mu Lung (ได้มาจากการลง Mu Lung Dojo) ซึ่งเพื่อนๆ สามารถหาซื้อโพชั่น HP/MP ได้จากร้านค้านี้ นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบที่ใช้ในการอัพเกรดอาวุธขายอีกด้วย Cash Shop - ร้านค้าที่รวบรวมสินค้าที่สามารถซื้อได้ด้วย Crystal มีขายตั้งแต่สัตว์เลี้ยง ทรงผม หน้าตา หรือแม้กระทั่งสไตล์การแต่งตัว รวมถึงมีกล่องสมบัติ (Treasure Box) ให้ซื้อและสุ่มไอเทมด้วย ทั้งนี้เกมจะแจก Treasure Box ฟรี 1 กล่องทุกวัน เพื่อนๆ อย่าลืมไปรับกันด้วยนะ! แพ็คเกจ - รวมแพ็คเกจทั้งหมดที่ตัวเกมมีขาย สามารถซื้อได้ด้วยเงินจริง 8. Trade Station  Trade Station เป็นแหล่งค้าขายอาวุธและคอสตูมที่สำคัญมากๆ เพราะเป็นตลาดที่เราจะได้ใช้อยู่บ่อยๆ ไม่ว่าตอนที่เราจะหาอาวุธหรือชุดใส่ ทั้งนี้ระดับของอาวุธและคอสตูมนั้นสำคัญมาก มีตั้งแต่ระดับ  Normal, Rare, Epic, Unique และ Legendary ซึ่งหากของมีระดับสูงก็จะมีค่าสเตตัสตั้งต้นที่สูงขึ้นไปด้วย โดยเราควรพยายามหาของระดับสูงๆ มาสวมใส่ หากเพื่อนๆ มีของระดับ Rare แล้วอยากอัพเกรดเป็นระดับ Epic แต่ไม่อยากซื้อใหม่ก็สามารถเข้าไปอัพเกรดได้ในโรงตีเหล็กเช่นกัน นอกจากนี้หากเพื่อนๆ ดรอปได้อาวุธหรือคอสตูมที่ไม่สามารถใส่ได้ ก็สามารถนำมาตั้งขายใน Trade Station ได้ โดยสามารถตั้งขายไอเทมพร้อมกันได้มากสุด 3 ชิ้น ทั้งนี้การตั้งขายไอเทมแต่ละชิ้นจะมีระยะเวลาการขายกำหนด 9. เพื่อน เมื่อเปิดหน้าต่างเพื่อนขึ้นมา จะมีรายชื่อเพื่อนอยู่ 4 แบบด้วยกัน ได้แก่ ผู้เล่นใกล้เคียง เพื่อน (คนที่เรากดขอ/รับเป็นเพื่อน) กิลด์ และปาร์ตี้ ข้อดีของฟังก์ชั่นนี้คือ เราสามารถวาร์ปไปหาเพื่อนได้เลย โดยไม่ต้องนัดกันว่าจะเจอกันตรงไหน นอกจากนี้การที่มีรายชื่อผู้เล่นใกล้เคียงก็ถือว่ามีประโยชน์มากเวลาที่เราไม่ว่างเล่นพร้อมกับเพื่อน เราก็สามารถชวนเพื่อนร่วมเกมที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงมาร่วมเข้าปาร์ตี้ได้เลย 10. กิลด์ หากเพื่อนๆ คนไหนที่ยังไม่ได้เข้ากิลด์ เมื่อกดหน้าต่างกิลด์ขึ้นมาแล้ว จะมีรายชื่อกิลด์ให้เพื่อนๆ ได้เลือกร่วมเข้าไปจอย หรือสำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่อยากสร้างกิลด์ของตัวเอง แค่มีเงิน 100,000 meso ก็สามารถสร้างกิลด์ของตัวเองขึ้นมาได้ง่ายๆ ซึ่งการเข้ากิลด์ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อการเล่นเกมของเรา เพราะเวลาที่เราไม่มีเพื่อนลงดัน เราสามารถชวนเพื่อนร่วมกิลด์เข้ามาร่วมแจมได้ นอกจากนี้กิลด์ยังมีสกิลพิเศษที่มีส่วนช่วยต่อการเล่นเกมของเรา เรียกได้ว่าทั้งสนุกและมีประโยชน์ในเวลาเดียวกัน 11. อันดับ หน้าต่างอันดับเป็นฟังก์ชันที่ทำให้เรารู้ว่าตัวละครของเราอยู่ระดับไหนเมื่อเทียบกับผู้เล่นทั้งเซิร์ฟเวอร์ เพื่อนร่วมกิลด์ และเพื่อนของเราเอง โดยลำดับใน Rank จะเรียงจากคนที่มีเลเวลมากที่สุด หากผู้เล่นมีเลเวลเท่ากัน ตัวเกมจะเปรียบเทียบว่าใครที่มีค่า Exp มากที่สุด 12. ออฟชั่น หน้าต่างออฟชั่นเปิดโอกาสให้เราได้ตั้งค่าบางอย่างในเกม เช่น เซิร์ฟเวอร์ และภาษา นอกจากนี้ยังมีการตั้งค่า เอฟเฟกต์ และชุมชน หากเพื่อนๆ ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเล่นตัวละครไหน เรามี Guide สองตัวละครสายยิงไกลเข้ามาให้เพื่อนๆ ได้เข้าไปอ่านก่อน ได้แก่ Bow Master นักธนูตัวทำดาเมจประจำทีม และ Bishop จอมเวทย์สายซัพพอร์ทที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการลงดันและการเล่นเป็นทีมนอกจากนี้ยังมีเทคนิคที่ควรรู้ในการเล่น MapleStory M ด้วย!
25 Jul 2018
[MapleStory M] คู่มือการเล่นอาชีพ Bishop
Bishop (Magician) คือนักเวทย์ประจำเกม MapleStory M มีจุดเด่นอยู่ที่การซัพพอร์ทเพื่อนร่วมทีม ทั้งการฮีล การบัฟ และการชุบชีวิต ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวละครสายถึก และไม่เหมาะกับการสู้กับบอสโดยตรง แต่สกิลการโจมตีก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร สามารถโจมตีมอนสเตอร์แบบเป็นกลุ่มได้แบบสบายๆ นอกจากนี้ก็ยังเก็บเลเวลไม่ยากและสามารถเก็บเลเวลแบบ Solo ได้เหมือนกัน เราไปดูกันดีกว่า ว่าวิธีการเล่น Bishop มีอะไรบ้าง   ทำไมถึงควรเล่น Bishop 1. สกิลซัพพอร์ทดีงาม 2. เป็นตัวละครที่จำเป็นต่อปาร์ตี้ 3. ฮีลได้ ช่วยเพื่อนประหยัดยา 4. มีสกิล Teleport เคลื่อนไหวได้สะดวก 5. มีบัฟเพิ่ม Exp ให้กับทั้งปาร์ตี้ 6. สามารถชุบชีวิตผู้เล่นคนอื่นได้ แนวทางการอัพสกิล สกิลที่อยู่ในลิสต์ต่อไปนี้ เป็นสกิลที่เราแนะนำให้เพื่อนๆ อัพ โดยเรียงตามลำดับความสำคัญของสกิลเป็นหลัก Lv.1-29 Energy Bolt (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เป็นสกิลโจมตีเดียวที่เรามีอยู่ในตอนนี้ โดยจะระเบิดพลังไปใส่มอนสเตอร์และสามารถเด้งไปกระทบกับมอนสเตอร์ตัวอื่นที่อยู่ใกล้เคียงได้อีก 5 ตัว MP Increase (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่าหลอด MP รวมถึงยังทำให้ฟื้นฟูค่า MP เร็วขึ้นด้วย Magic Armor (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่าการป้องกัน ทั้งแบบ PHY DEF และ MAG DEF Teleport (สกิลใช้งาน)  อัพเต็ม 5 กดใช้สกิลเพื่อวาร์ปในระยะใกล้ มีประโยชน์มากเพราะสามารถวาร์ปได้ทุกทิศทาง ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาปีนบันได หรือเชือก Magic Guard (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 ลดดาเมจที่เราได้รับส่วนหนึ่งไปลงที่ค่า MP แทนค่า HP สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Energy Bolt, Teleport และ Magic Guard ในช่วงต้นเกม Bishop มีดาเมจอยู่พอตัวและสามารถเล่นแบบโซโล่ได้อย่างสบายๆ เพราะสกิลเป็นแบบโจมตีมอนสเตอร์ได้หลายตัวในเวลาเดียวกัน ดังนั้นจึงควรรีบอัพสกิลโจมตีให้เต็มก่อน จากนั้นเน้นไปโฟกัสที่สกิลติดตัวที่จะช่วยเพิ่มค่าความสามารถของตัวละคร อย่างการเพิ่มค่า MP ที่ต้องใช้ในการใช้สกิลเป็นต้น ส่วนสกิลบัฟ Magic Guard ยังไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพราะช่วงแรกค่า MP เรายังน้อยอยู่ ยิ่งถ้ากดใช้ก็จะทำให้เสีย MP โดยไม่จำเป็น อีกทั้งผลของสกิลคือการลดค่า MP แทน HP อีกด้วย ส่วนสกิล Teleport ก็ควรมีติดตัวไว้เผื่อช่วงที่ต้องการเล่นเอง   Lv.30-59 Holy Arrow (สกิลใช้งาน)  อัพเต็ม 10 ยิงลูกศรศักดิ์สิทธิ์ใส่ศัตรูจำนวนสูงสุด 5 ตัว ควรรีบอัพเพราะเป็นสกิลโจมตีเดียวในช่วงเลเวลนี้ MP Eater (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 คืนค่า MP บางส่วนเมื่อเรากดใช้สกิล ช่วยให้ประหยัด MP ได้เหมือนกัน Blessed Ensemble (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มความแรงในการโจมตีด้วยเวทย์ High Wisdom (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มความแรงในการโจมตีและเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ Invincible (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 ทำให้ตัวละครของเราถึกมากขึ้น โดยลดค่าความเสียหายที่เราได้รับ ทั้งจากการโจมตีด้วยเวทมนตร์และการโจมตีแบบปกติ Spell Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่าป้องกัน (DEF) และฟื้นฟู HP Heal (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 ฟื้นฟู HP ให้กับตัวเองและเพื่อนในปาร์ตี้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง Bless (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่าสเตตัสให้กับเราและเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง Magic Booster (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 เพิ่มความเร็วในการโจมตี   สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Holy Arrow (แทนที่สกิล Energy Bolt), Teleport และ Heal ในช่วงเลเวลนี้เราจะได้สกิลโจมตีเพิ่มขึ้นมา สามารถใช้แทนที่ Energy Bolt ได้เลย และควรรีบอัพให้เต็มก่อนเพื่อเพิ่มดาเมจ หรืออาจอัพสลับกับสกิลติดตัวก็ได้อย่าง MP Eater ก็ได้ จากนั้นอัพสกิลติดตัวให้ Max ให้หมดเพื่อเพิ่มค่าสถานะให้กับตัวละครของเรา แน่นอนว่าสกิล Heal ถือว่ามีประโยชน์มาก แต่ ณ จุดนี้อาจจะยังไม่ค่อยจำเป็นเพราะเพียงแค่ค่า HP ที่ได้มาจากยาก็เพียงพอแล้ว ส่วนสกิลบัฟอัพทีหลังสุดก็ไม่เสียหาย เพราะเราตีแรงและสามารถฆ่ามอนสเตอร์ได้อยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อนๆ สามารถกดใช้สกิลบัฟได้เลยโดยกดที่ตัวละครแล้วเกมจะโชว์สกิลบัฟทั้งหมดขึ้นมาให้กด ไม่จำเป็นต้องลากสกิลบัฟมาใส่ช่อง Slot ให้เปลืองพื้นที่ นอกจากนี้การกดใช้สกิลบัฟก็เป็นสิ่งที่ควรทำเหมือนกัน เพราะเราจะคอยดูหน้าจอโทรศัพท์อยู่แล้ว เป็นการช่วยทำให้การทำเควสต์เร็วขึ้นด้วย   Lv.60-99 Shining Ray (สกิลใช้งาน)  อัพเต็ม 10 ทำดาเมจและสตันศัตรู 5 ตัวจำนวน 5 ครั้ง ด้วยการปล่อยลำแสงศักดิ์สิทธิ์รอบๆ ตัวเรา Holy Symbol  (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่า Exp ให้กับเพื่อนในปาร์ตี้จากการโจมตีมอนสเตอร์ Holy Focus (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 ลดค่าความเสียหายที่เกิดจากการโดนคริติคอล Arcane Overdrive (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มโอกาสการทำดาเมจแบบคริติคอล สำหรับการโจมตีแบบเวทย์ Holy Fountain (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5 อัญเชิญน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถฮีล และเพิ่มค่า HP ให้กับเราและพันธมิตรที่อยู่ใกล้ๆ Teleport Mastery (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 ทำความเสียหายให้กับศัตรู 5 ตัว รอบๆ พื้นที่ปลายทางเมื่อเรากดใช้สกิล Teleport Holy Magic Shell (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 สร้างเกราะป้องกันการติดสถานะผิดปกติระหว่างการใช้สกิลให้กับตัวเราและสมาชิกในปาร์ตี้ Dispel (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 ลบล้างสถานะผิดปกติของเราและเพื่อนร่วมปาร์ตี้ Divine Protection (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 สร้างโล่ป้องกันการติดสถานะผิดปกติให้กับตัวเอง สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Holy Arrow, Shining Ray, Teleport, Holy Fountain และ Dispell ระหว่างช่วงเลเวลนี้ ค่า Exp ที่ได้จากการทำเควสท์จะเริ่มลดลง และเกมจะพยายามทำให้เราเข้าไปฟาร์มใน ดันเจี้ยน อย่าง Mini Dungeon และ Star Force Field มากขึ้น หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเราต้องเก็บค่า Exp จากการตีมอนสเตอร์มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นจึงควรอัพสกิลบัฟ Holy Symbol ที่ช่วยเพิ่มเปอร์เซ็น Exp ให้กับเราและเพื่อนร่วมปาร์ตี้ สลับกับการอัพสกิลโจมตีที่ต้องกดใช้อย่าง Shining Ray ที่ทำดาเมจและสตั้นมอนสเตอร์ที่อยู่รอบตัวเรา ทั้งนี้การเก็บเลเวลเป็นปาร์ตี้จะได้ผลมากกว่าการเก็บเลเวลแบบคนเดียว ดังนั้นสกิลฮีลหมู่อย่าง Holy Fountain ก็ถือว่าจำเป็น และเพื่อนๆ ควรจะหมั่นกดใช้สกิลบัฟด้วยเพราะจะทำให้เก็บเลเวลได้เร็วขึ้น   Lv.100+ Angel Ray (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 ยิงลูกศรศักดิ์สิทธิ์ออกไปหาเป้าหมายสูงสุด 7 ตัว จำนวน 8 ครั้ง พร้อมกับฮีลเพื่อนที่อยู่รอบๆ ด้วย Bigbang (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 โจมตีศัตรูจำนวน 8 ตัวใน 1 ครั้ง โดยสามารถกดสกิลค้างไว้เพื่อชาร์จให้พลังเพิ่มขึ้นได้ด้วย Arcane Aim (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มพลังการโจมตีแบบเวทย์ (MAG ATK) Blessed Harmony (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่าพลังการโจมตีแบบเวทย์ (MAG ATK) Advanced Blessing (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 เป็นบัฟที่เพิ่มพลังการโจมตีทั้งแบบปกติและแบบเวทย์ เพิ่มโอกาสหลบหลีกการโจมตีของศัตรู และเพิ่มค่าความแม่นยำในการโจมตี Infinity (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 เพิ่มพลังโจมตีเมื่อโจมตีผู้เล่นคนอื่นหรือบอส Buff Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 ลดดาเมจที่ได้รับจากการโจมตีแบบปกติและเวทย์ นอกจากนี้ยังเพิ่มค่าการป้องกัน (DEF) จากผู้เล่นและบอสด้วย Genesis (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เรียกลำแสงที่สามารถโจมตีมอนสเตอร์แทบทั้งแมพ โดยโจมตี 15 ตัวพร้อมกันในหนึ่งครั้ง ทว่ามีคูลดาวน์ 30 วินาที (คูลดาวน์ 30 วินาที) Bahamut (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5 อัญเชิญมังกร Bahamut ออกมาเพื่อช่วยโจมตีศัตรู Resurrection (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 ชุบชีวิตเพื่อนร่วมปาร์ตี้ได้ (คูลดาวน์ 60 วินาที) สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Holy Arrow, Bigbang, Teleport, Resurrection, Heal และ Dispel (หากเล่นหลายคนควรเพิ่ม Angle Ray และ Holy Fountain) ในช่วงท้ายของเกม Bishop จะมีสกิลโจมตีเพิ่มขึ้นมาเยอะมาก โดยสกิลโจมตีที่มีประโยชน์และใช้ได้บ่อยที่สุดคือ Bigbang เพราะสามารถกำจัดมอนสเตอร์หลายตัวได้ในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญคือไม่มี Cool down เพื่อนๆ สามารถใช้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Angle Ray ที่มีประโยชน์สุดๆ สำหรับการลงดันเจี้ยน หรือตีบอสกับปาร์ตี้ เพราะนอกจากจะช่วยโจมตีแล้วยังฮีลเพื่อนไปได้ด้วยพร้อมกัน รวมถึงยังใช้ได้เรื่อยๆ โดยไม่มีคูลดาวน์ แน่นอนว่าสกิลที่เจ้าแห่งการซัพพอร์ทอย่าง Bishop จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือสกิลชุบชีวิตเพื่อนร่วมปาร์ตี้ได้ และสกิลบัฟ Advanced Blessing ที่ช่วยเพิ่มดาเมจให้กับผองเพื่อนได้แรงถึงอีก 18 เปอร์เซ็นด้วยกัน ถือว่าเป็นตัวละครที่สำคัญและขาดไม่ได้เลยในช่วง End Game   ภาพรวม Bishop ถือเป็นอาชีพที่บอบบางกว่าอาชีพอื่นๆ เพราะมีเลือดน้อยที่สุด ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับการยืนบวกในระยะประชิด ทว่าในทางกลับกันก็เป็นอาชีพที่โจมตีค่อนข้างแรง นอกจากนี้สกิลโจมตีทั้งหมดยังเป็นสกิลโจมตีระยะไกล และสามารถโจมตีมอนสเตอร์หลายตัวได้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นการที่มีเลือดน้อยจึงไม่ถือเป็นปัญหาใหญ่เท่าไหร่นัก และอันที่จริงจุดเด่นอีกจุดของ Bishop ก็คือการฟาร์มมอนสเตอร์ เพราะสามารถเก็บมอนสเตอร์ได้รวดเร็ว ทำให้เลเวลขึ้นไม่ยากมาก แต่ก็ต้องแลกมากับการล่าบอสที่ยากลำบาก เพราะไม่สามารถยืนตีบอสคนเดียวได้ดีเท่ากับอาชีพอื่นนั่นเอง พูดง่ายๆ ว่าหากจะต้องสู้กับบอส Bishop เหมาะกับการเป็นทัพหลัง ทั้งช่วยตีจากระยะไกล ช่วยซัพพอร์ท คอยฮีลและบัฟเพื่อนมากกว่าจะออกไปเป็นนักรบแนวหน้า
24 Jul 2018
Maplestory M เปิดลงทะเบียนในไทยวันนี้!
ปล่อยให้เล่นกันมาซักพักแล้วบนสโตร์ต่างประเทศ แต่ในที่สุดผู้เล่นชาวไทยได้ลงทะเบียนล่วงหน้ากันแล้วกับเกม Maplestory M เกมออนไลน์ในตำนานที่กลับมาอีกครั้งในรูปแบบมือถือ! คลิ๊กลงทะเบียน ที่นี่ หลายคนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับเกม Maplestory เกมออนไลน์สองมิติที่ให้เราเล่นเป็นตัวละครหัวโตๆ ที่เคยฮิตมากบน PC สมัยเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว การมาของเกมเวอร์ชั่น M นี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่เหล่าเกมเมอร์มีอายุทั้งหลายจะได้หวนคืนวันวาน สมัยที่เกมออนไลน์ยังรุ่งเรืองในเมืองไทย นอกจากนี้ ทางผู้พัฒนาอย่าง Nexon Thailand ยังปล่อยกิจกรรมร่วมสนุกสำหรับแฟนๆ ให้ได้ชวนเพื่อนๆ มาร่วมกันลงทะเบียนเพื่อรับของรางวัลในเกมอีกด้วย สามารถเข้าไปดูรายละเอียดกิจกรรมได้ ที่นี่ เพื่อนๆ คนไหนเคยเป็นแฟน Maplestory บ้างเอ่ย มีใครสนใจเวอร์ชั่นมือถือบ้าง คอมเมนต์เข้ามาคุยกันจ้า!
01 Jun 2018
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "Nexon"
เปิดตัว Project Magnum เกม RPG มุมมองบุคคลที่สามแนว Looter Shooter ธีม Sci-fi จากค่าย Nexon อย่างเป็นทางการ!
บริษัทพัฒนาเกมจากประเทศเกาหลีอย่าง Nexon และ NTA Games ได้ทำการประกาศเปิดตัวเกม ที่ถูกใช้ชื่อในตอนนี้ว่า Project Magnum ในฐานะเกม RPG มุมมองบุคคลที่สามแนว Looter Shooter หรือเกมแนวทำภารกิจ สังหารศัตรู เพื่อให้มันดรอปชุดหรือปืนที่ประสิทธิภาพดีกว่ามาใช้ ในรูปแบบใหม่ พร้อมวิดีโอตัวอย่างที่พอจะทำให้เรามองเห็นภาพรวมของเกมได้ว่า Project Magnum จะถูกสร้างออกมาภายใต้ธีมการนำเสนอแบบไหนโดยในช่วงเวลาเพียงนาทีกว่าๆ ของวิดีโอตัวอย่างดังกล่าวนั้น ก็ได้แสดงให้เราเป็นถึงคุณภาพกราฟิกสุดอลังการ ของโลกสุด Sci-fi แฟนตาซีที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมลํ้าสมัย ผจญปะปนไปกับเหล่าหุ่นยนตร์จักรกล และการต่อสู้สุดดุเดือด ในระดับเดียวกันกับ Final Fantasy, Destiny หรือ Devil May Cry เลยทีเดียวอย่างไรก็ดี Project Magnum ก็กำลังอยู่ในช่วงกำลังพัฒนาลงให้กับ PS5, PS4 และ PC ในขณะที่วันวางจำหน่ายนั้นยังไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการค่ะ<iframe width='560' height='315' src='https://www.youtube.com/embed/nv1_tUonggk' title='YouTube video player' frameborder='0' allow='accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture' allowfullscreen></iframe>Credit: GamingBolt
03 Sep 2021
Final Fantasy 11 Mobile Reboot ถูกยกเลิกโปรเจกต์อย่างเป็นทางการแล้ว
ย้อนกลับไปในปี 2015 บริษัท Square Enix ประกาศจำมือกับ Nexon เตรียมนำเกม MMORPG ฉบับปี 2002 ของพวกเขา Final Fantasy 11 มาลงให้กับมือถือ และมีกำหนดจะเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการในปี 2016 ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าในปี 2016 ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น และล่าสุดก็มีรายงานว่าทีมพัฒนาโปรเจกต์ดังกล่าว ถูกย้ายไปรับผิดชอบโปรเจกต์อื่นแล้ว!ในปี 2018 เว็บไซต์ของ Nexon ได้มีเคยมีการโพสต์ Footage บางส่วนภายในเกมให้ดู (ซึ่งต่อมาถูกเอาออกไป) ซึ่งในตอนนั้นได้ให้ความหวังกับผู้เล่นไว้พอสมควร แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าโปรเจกต์นี้ถูกยกเลิกพัฒนาอย่างเป็นทางการแล้วภาพบางส่วนที่มีคนแคปไว้ : https://www.resetera.com/threads/final-fantasy-xi-mobile-screenshots.42241/ความเป็นไปได้มีอยู่หลายอย่าง แต่เชื่อว่าอาจเกี่ยวข้องกับการเปิดตัวเกม Final Fantasy บนมือถือ 2 ภาคใหม่อย่าง Ever Crisis และ The First Soldier ซึ่งอาจจะขาดทีมพัฒนาอยู่ในตอนนี้ เลยต้องโยกคนบางส่วนไปช่วยทางนั้น แต่ทั้งหมดนี้เป็นการคาดเดาของผมเท่านั้นความเป็นจริงเป็นอย่างไรไม่สำคัญ ประเด็นอยู่ที่โปรเจกต์ FF11 บนมือถือถูกยกเลิกไปแล้วครับCredit: https://www.ign.com/articles/final-fantasy-11-mobile-reboot-cancelled-6-years-after-announcement
24 Mar 2021
Mabinogi Mobile เกมใหม่กราฟิกน่ารัก เล่นได้ทั้งแนวตั้ง แนวนอน
เป็นที่น่าจับตามองมากๆ สำหรับเกมออนไลน์ที่ฮิตมากๆ บนเครื่อง PC ตอนนี้กลายมาเป็นเกมมือถือแล้วสำหรับ Mabinogi Mobile ที่ก่อนหน้านี้ก็พึ่งจะเปิดตัวไป และในปีนี้ก็ได้นำตัวเกมกลับมาโชว์อีกครั้งแบบยิ่งใหญ่ในงาน G-STAR 2018 โดยตัวเกมมีกราฟิกที่ดูสดใสน่ารัก มีการหันมุมกล้องได้ทั้งแนวตั้งแนวนอน เพื่อใช้ได้ทั้งมือเดียว หรือสองมือนั่นเอง https://www.youtube.com/watch?time_continue=348&v=l3LVg_MHlzc รวมถึงตัวละครของเรานั้นจะมีอายุ ถ้ายิ่งแก่ขึ้นรูปร่างเราก็จะเปลี่ยนไป รวมถึงเสียงเราก็จะเปลี่ยนไปให้แก่ลงอีกด้วย โดยตัวเกมจะมีเนื้อหาที่ดูสบายๆ ไม่เหมือนซีรีส์ก่อนหน้า โดยทางผู้พัฒนาเองก็ไม่ได้บอกวันเวลาอย่างชัดเจน แต่ก็อยากให้เกมนี้เข้าไทยนะ แต่ไม่แน่อาจจะมีสิทธิ์ก็ได้ เพราะผู้พัฒนาเกมนี้คือ Nexon ที่ตอนนี้ได้เข้ามาทำตลาดในไทยแล้ว ♥ https://www.youtube.com/watch?v=AaE5CQAvZP8 ขอบคุณข้อมูลอ้างอิงจาก Inven
15 Nov 2018
[MapleStory M] คู่มือการเล่นอาชีพ Dark Knight
Dark Knight (Warrior) คืออัศวินประจำเกม MapleStory M มีจุดเด่นที่ความอึด ถึก ทน มาพร้อมกับหอกคู่กาย ที่สามารถบุกเข้าไปในดงมอนสเตอร์ได้อย่างไร้กังวล แม้ว่าการโจมตีจะไม่ได้มีระยะไกลมากเท่ากับตัวละครอื่นๆ แต่ความรู้สึกที่ได้ใช้หอกอาละวาดใส่ศัตรูโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าเลือดจะหมดก็ไปความรู้สึกที่สุดยอดเหมือนกัน ทำไมถึงความเล่น Dark Knight 1. ค่าการป้องกันเป็นเลิศ ทั้งจากการโจมตีแบบปกติและจากเวทย์มนตร์ 2. เป็นตัว Tank ประจำทีม 3. มีสกิลอัญเชิญ Beholder ออกมาช่วยสตันและโจมตีศัตรู รวมถึงช่วยเพิ่มค่า HP/MP ได้ 4. สามารถลดดาเมจและเพิ่มค่าการป้องกันให้กับทั้งทีมได้ด้วยสกิลบัฟ แนวทางการอัพสกิล สกิลที่อยู่ในลิสต์ต่อไปนี้ เป็นสกิลที่เราแนะนำให้เพื่อนๆ อัพโดยเรียงตามลำดับความสำคัญของสกิลเป็นหลัก Lv.1-29 Slash Blast (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10  เป็นสกิลโจมตีแรกในช่วงเลเวลนี้ โดยเป็นสกิล AOE ที่โจมตีเป็นวงกว้างและสามารถทำดาเมจกับมอนสเตอร์หลายตัวในเวลาเดียวกัน สกิลนี้ไม่มีคูลดาวน์ Warrior Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 ช่วยเพิ่มค่าพลังการโจมตีแบบปกติ (PHY ATK) ถือว่าสำคัญมากเพราะส่งผลโดยตรงกับความแรงของการโจมตีแบบปกติและความแรงของสกิล Iron Body (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่า HP, MP, PHY DEF และ MAG DEF ซึ่งจะช่วยเพิ่มความถึกให้กับเราเมื่อต้องเจอกับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่า นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดโพชั่นของเราด้วย Warrior Leap (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เป็นสกิลที่จะช่วยเพิ่มระยะในการกระโดดให้ไกลขึ้น และสูงขึ้น ทว่าในช่วงแรกเราเน้นการเก็บเลเวลด้วยการทำเควสโดยเปิด Auto-quest และใช้ Auto-battle อยู่แล้ว ดังนั้นสกิลนี้จึงไม่ได้จำเป็นต้องรีบอัพก็ได้ สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Slash Blast เนื่องจาก Dark Knight มีค่าการป้องกันและเลือดที่เยอะอยู่แล้ว ช่วงแรกจึงควรเน้นไปที่การอัพสกิลเพื่อให้โจมตีได้รุนแรงขึ้นอย่าง Slash Blast และ Warrior Mastery ส่วนสกิลอื่นค่อยไปอัพทีหลังก็ยังไม่สาย   Lv.30-59 Piercing Drive (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เป็นสกิลโจมตีหลักที่ควรใช้แทนสกิลจากคลาสแรกอย่าง Slash Blast เพราะโจมตีมอนสเตอร์ได้เยอะกว่า แรงกว่า และไกลกว่า Weapon Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 หากอัพถึงเลเวล 5 จะช่วยเพิ่มดาเมจจากการโจมตีแบบปกติ (PHY DMG) 4% ซึ่งจะช่วยเพิ่มค่าการโจมตีโดยรวมของตัวละครเราให้แรงขึ้นด้วย Weapon Booster (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 ช่วยเพิ่มความเร็วในการโจมตี (ATK SPD) เป็นระยะเวลา 30 นาที ควรกดใช้ทุกครั้งก่อนที่จะกด Auto-battle เพราะจะทำให้ตีมอนสเตอร์ได้มากขึ้น เร็วขึ้น ส่งผลให้ค่าประสบการณ์เพิ่มเร็วขึ้นไปด้วย Final Attack (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มโอกาส 30% ในการเพิ่มค่าดาเมจของสกิล (Skill DMG) 7.2% ทำให้โจมตีมอนสเตอร์ได้รุนแรงขึ้น Physical Training (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหว (SPD) 15% ซึ่งจะทำให้การกด Auto-battle ได้ผลดีมากขึ้น เก็บ Exp. ได้เร็วขึ้น Beholder (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5 เรียกมอนสเตอร์คู่หู Beholder ออกมา ช่วยฮีลเราได้ มีประโยชน์มากโดยเฉพาะเวลาที่เราล่าบอสแล้วโพชั่นติดคูลดาวน์อยู่  อีกทั้งยังสามารถเรียนรู้ความสามารถใหม่ได้เมื่อเราได้สกิลใหม่มาใช้ Spear Pull (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เป็นสกิลที่เราจะขว้างหอกของเราออกไปทำดาเมจและดึงให้มอนสเตอร์เข้ามาหา อย่างไรก็ตามสกิลนี้ก็มีเวลาคูลดาวน์ 10 วินาที แนะนำให้เอาไว้ใน Slot ตอน Auto-quest หรือ Auto-battle เพราะตัวเกมจะกดใช้ให้เอง Iron Will (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 บัฟเพื่อเพิ่มค่าป้องกัน (DEF) ให้กับสมาชิกในปาร์ตี้ มีผลนาน 30 นาที แนะนำให้กดใช้ก่อนจะลงดันเจี้ยน ถือเป็นสกิลที่มีประโยชน์แต่ถ้ายังไม่ได้ลงดันเจี้ยนและเก็บเวลโดยการทำเควสบ่อยๆ ก็ยังไม่ต้องรับอัพก็ได้ Hyper Body (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5 บัฟเพื่อเพิ่มค่าดาเมจของการโจมตีปกติและโจมตีด้วยเวทย์ให้กับเพื่อนร่วมทีม มีผลนาน 30 นาที แนะนำให้ใช้ก่อนลงดันเจี้ยน และยังไม่ต้องรีบอัพหากเพื่อนๆ ยังเก็บเลเวลด้วยการทำเควสอยู่ สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Piercing Drive, Spear Pull, Beholder, Weapon Booster และ Iron Will ในช่วงเลเวลนี้ควรเน้นการอัพสกิลที่เพิ่มดาเมจให้เรา อย่างสกิลโจมตี Piercing Drive รวมถึงสกิลติดตัวที่จะช่วยเพิ่มค่าสเตตัสพื้นฐานให้เราก่อน เพราะส่วนใหญ่ค่าประสบการณ์ที่ได้จะยังคงมาจากการทำเควส (ช่วงนี้เป็นช่วงที่หากทำเควสจะเลเวลอัพได้ง่ายกว่า) ส่วนสกิลบัฟก็ยังถือว่าไม่จำเป็นมากนักจึงควรอัพทีหลัง   Lv.60-99 La Mancha Spear (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เป็นสกิลที่ควรใช้แทนสกิล Piercing Drive ซึ่งวิธีการใช้ที่ดีที่สุดคือใช้สกิลแล้วกดค้างเอาไว้แล้วฝ่าเข้าไปในดงศัตรูเลย เพราะจะทำให้สามารถเคลียร์มอนสเตอร์ในแมพได้รวดเร็วและเป็นการเก็บไอเทมที่ดรอปไปพร้อมกัน ที่สำคัญคือควรใส่เอาไว้ใน Slot ด้วยเพราะเมื่อกดใช้ Auto-battle ตัวเกมก็จะกดสกิลค้างไว้ให้เราเช่นเดียวกัน Lord of Darkness (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มอัตราการติดคริติคอล 2% และเพิ่มความแรงจากการติดคริติคอล 10% มีประโยชน์มากเพราะเป็นสกิลติดตัวที่ช่วยเพิ่มความแรงของการโจมตีได้ Cross Surge (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 เป็นสกิลบัฟที่มีประโยชน์มาก เพราะจะช่วยเพิ่มดาเมจจากการโจมตีแบบปกติ (PHY DMG) ถึง 10% ทั้งนี้หากค่า HP ของเราลดลง ดาเมจก็จะลดลงไปด้วย Endure (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มการต้านทาน Crit DMG 10% มีประโยชน์ระหว่างการต่อสู้กับบอสที่มีค่าคริติคอลแรง ยังไงก็ตามควรจะอัพสกิลที่กล่าวมาข้างบนก่อน Beholders Buff (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 ฟื้นฟูค่า MP ซึ่งระยะเวลาของสกิลจะอยู่ได้นานถึง 180 วินาที หากเพื่อนๆ กังวลว่าโพชั่น MP จะไม่พอ ก็สามารถอัพได้ ทว่าหากยังไงก็มี MP เพียงพออยู่แล้ว สามารถเปลี่ยนไปอัพสกิลนี้หลังสุดเลยก็ยังได้ Charge (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 สามารถโจมตีมอนสเตอร์ถึง 7 ตัวได้ ผลักศัตรูออกไปได้อีกด้วย ควรใช้ Spear Pull เพราะเป็นสกิลที่ตีได้ไกล แต่ในช่วงหลังเลเวล 70 Skill Point จะได้ยากขึ้น เราแนะนำให้เพื่อนๆ อัพสกิลนี้หลัง La Mancha Spear Beholder Shock (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 ด้วยคูลดาวน์กว่า 20 วินาทีและลิมิตของระยะสกิลที่จำกัด ทำให้สกิลนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์และควรอัพทีหลังสุด สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: La Mancha Spear, Cross Surge, Beholder, Weapon Booster, Iron Will ในช่วงเลเวลนี้ ค่าประสบการณ์ที่ได้มาจากการทำเควสจะลดลงอย่างเห็นได้ชัด เกมจะพยายามผลักดันให้เราออกไปเก็บเลเวลด้วยการตีมอนสเตอร์และลงดันเจี้ยน ดังนั้นจึงควรอัพสกิลโจมตี La Mancha Spear ก่อน เพราะสามารถจัดการศัตรูจำนวนมากได้ จากนั้นจึงค่อยอัพสกิลติดตัวและบัฟที่ทำให้เราตีแรงมากขึ้น   Lv.100+ Dark Impale (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เป็นสกิลที่จะโจมตี 8 ครั้งใส่มอนสเตอร์สูงสุดถึง 8 ตัว ที่อยู่ข้างหน้าของตัวละครเรา ถือเป็นสกิลที่มีระยะโจมตีไกลพอสมควร สามารถใช้แทน La Mancha Spear ได้ Gungnirs Descent (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เป็นสกิลที่โจมตี 10 ครั้งใส่มอนสเตอร์สูงสุดจำนวน 8 ตัว แม้จะมีคูลดาวน์ถึง 10 วินาทีด้วยกัน แต่หากเราใช้สกิล Sacrifice (สกิลบัฟ) จะทำให้คูลดาวน์นี้หายไป ทั้งนี้ระยะการโจมตีของสกิลนี้ค่อนข้างสั้น ควรเก็บไว้ใช้เมื่อเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ระดับบอสและควรจะยืนอยู่ใกล้ๆ กับบอสด้วย Sacrifice (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 ทำให้คูลดาวน์ของสกิล Gungnirs Descent หายไป ดังนั้นจึงสามารถใช้สกิลนั้นได้ตามเท่าที่ต้องการ ซึ่งบัฟนี้จะมีระยะเวลาถึง 20 วินาที แต่ก็มีคูลดาวน์ 60 วินาทีเช่นกัน ควรไปยืนอยู่ใกล้ๆ บอสก่อน จากนั้นกดใช้สกิลนี้ แล้วค่อยตามด้วย Gungnirs Descent Final Pact (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 ถือเป็นสกิลที่ดีที่สุดในคลาสนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเจ้าบัฟนี้จะช่วยชุบชีวิตให้เราหากเราตาย ซึ่งเราจะต้องกดใช้บัฟก่อนที่เราจะตาย ทั้งนี้บัฟนี้จะมีระยะเวลา 10 นาที และมีคูลดาวน์ถึง 30 นาที หมายความว่าในดันเจี้ยนนึง เราจะมีสิทธิใช้บัฟนี้ได้แค่ครั้งเดียว ดังนั้นจึงควรกดต่อเมื่อคิดว่ามีโอกาสสุ่มเสี่ยงต่อการตาย อย่างเช่นกดใช้ก่อนจะบวกกับบอสเป็นต้น Advanced Weapon Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มโอกาสในการเจาะเกราะป้องกันของศัตรู (Pen Rate) 2% เพิ่มดาเมจต่อบอส 4% และเพิ่มดาเมจต่อผู้เล่น 4% ถือเป็นการเพิ่มพลังการโจมตีโดยรวมของตัวละคร Dark Knight ของเรา Revenge of the Evil Eye (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เป็นสกิลเสริมให้ Beholder คู่หูของเราโจมตีศัตรูที่มาโจมตีใส่เรา ทั้งนี้ค่าดาเมจจะขึ้นอยู่กับเลเวลของสกิล รวมถึงพลังโจมตี (ATK) ของเรา นอกจากนี้สกิลจะยังช่วยฟื้นฟู HP 5% ของจำนวน HP ทั้งหมดที่เรามี ทุกๆ 5 วินาที KBK RES (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มโอกาสที่ตัวละครของเราจะต้านทานสกิลของมอนสเตอร์ที่จะผลักเราออก Magic Crash (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5 ลบล้างค่า ATK และ DEF ของศัตรูที่มาจากการบัฟ และป้องกันการบัฟสกิลเดียวกันซ้ำเป็นระยะเวลาหนึ่ง ตอนนี้อาจจะฟังดูไม่ค่อยมีประโยชน์ ทว่าหากใช้สกิลนี้ในโหมด PvP ก็น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญทีเดียว ทั้งนี้มีระยะเวลาคูลดาวน์ 60 วินาที สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot (Auto-battle): Dark Impale, Cross Surge, Beholder, Weapon Booster, Iron Will และ Hyper Body   เทคนิคต่อกรกับมอนสเตอร์ระดับบอส: ตอนแรกใช้สกิล Final Pact เมื่อเริ่มสู้ จากนั้นตามด้วย Gungnirs Descent ก่อนครั้งหนึ่ง แล้วกดบัฟ Sacrifice แล้วก็ใช้ Gungnirs Descent ต่อรัวๆ จนกว่าบอสจะตาย ถ้าบัฟของสกิล Sacrifice หมดแล้ว เปลี่ยนมาใช้สกิล Dark Impale สลับกับคอยกดสกิล Gungnirs Descent ทุกๆ สิบวินาที ในช่วงนี้ตัวละคร Dark Knight ของเราจะอึด ถึก ทน และมีพลังโจมตีที่รุนแรงมาก และต่อให้เราจะตายเราก็ยังคงมีสกิลที่ช่วยชุบชีวิตเราขึ้นมาบวกต่อได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถฮีลและขโมยค่า HP จากศัตรูได้ในดันเจี้ยน ด้วยการจะ Tank ก็ได้ จะสู้ก็ดีทำให้ตัว Dark Knight สามารถสู้กับบอสแบบ Solo ได้สบายๆ ในช่วงต้นเกม ส่วนช่วงท้ายเกมก็สามารถเป็นตัวยืนรับดาเมจ และมีสกิลช่วยเพิ่มเลือดให้กับสมาชิกในปาร์ตี้ได้ เรียกได้ว่าเล่นสบายทั้งต้นเกมและท้ายเกมเลยทีเดียว   ภาพรวม ถึงแม้ Dark Knight จะจัดเป็นตัวละครที่มีระยะการโจมตีใกล้ แต่ก็เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ยังใหม่ใน MapleStory M เพราะมีความสามารถในการเอาตัวรอดสูง และเหมาะสำหรับผู้เล่นที่ชอบยืนบวก ซึ่งหากเพื่อนๆ ชอบเล่นตัวละครสาย Tank ที่สามารถรับดาเมจหนักๆ โดยที่ไม่ต้องมานั่งพะวงถึงค่า HP แล้ว Dark Knight เนี่ยแหละ คือตัวเลือกที่ดีที่สุด!
26 Jul 2018
[MapleStory M] ทำความรู้จักกับเกมผ่าน Main Menu!
Main Menu เป็นส่วนที่สำคัญที่เพื่อนๆ ควรจะทำความรู้จักเอาไว้เพราะจะได้ใช้ในเกมจนเบื่อ เนื่องจากเป็นหน้าต่างที่รวบรวมแทบทุกฟังก์ชั่นในเกมเลยก็ว่าได้ ถ้าเพื่อนๆ พร้อมแล้ว เราไปทำความรู้จักกับ Main Menu กันเถอะ 1. ตัวละคร ข้อมูลตัวละคร - หน้าต่างแสดงค่าสเตตัสของตัวละครของเราทั้งค่าการโจมตี การป้องกัน ค่า HP และ MP อย่างละเอียด สกิล - หน้าต่างแสดงสกิลทั้งหมดของเรา รวมถึงแสดงรายละเอียดต่างๆ ของสกิล โดยเพื่อนๆ สามารถจัดช่องใส่สกิล (Skill Slot) ในนี้ได้ถึง 3 รูปแบบด้วยกัน เอาไว้สับเปลี่ยนให้เหมาะกับการเล่น เช่น Slot สำหรับ Auto-battle หรือ Slot สำหรับการเล่นเกมเองเป็นต้น ซึ่งในแต่ละแบบจะสามารถใส่สกิลได้ถึง 10 สกิล สัตว์เลี้ยง - หน้าต่างแสดงเลเวลและสเตตัสของสัตว์เลี้ยงของเรา สามารถใส่ได้ถึง 3 ตัว แต่ละตัวจะมีความสามารถที่แตกต่างกันไป เช่น ช่วยเราเก็บของ หรือใช้ Potion ให้เราในยามที่ HP/MP เราลด ทั้งนี้เพื่อนๆ สามารถอัพเลเวลของสัตว์เลี้ยงได้ด้วยการให้อาหารสัตว์เลี้ยง อัญมณี - หน้าต่างที่ให้ผู้เล่นสามารถใส่อัญมณีเพื่อเพิ่มค่าสเตตัสพื้นฐานของตัวละครได้ ทรงผมและศัลยกรรม - หน้าต่างที่เปิดโอกาสให้เพื่อนๆ ได้ศัลยกรรมหน้าตาและเปลี่ยนทรงผมตัวละครของตัวเอง 2. ท้าทาย เควส - หน้าต่างนี้จะแบ่งเป็นสองส่วนด้วยกัน ได้แก่ เควสเนื้อเรื่อง ที่เอาไว้ดูว่าตอนนี้เรากำลังทำเควสต์อะไร มีของรางวัลคืออะไรบ้าง นอกจากนี้ยังแสดงถึงเควสต์ในอนาคตที่เราจะสามารถทำได้ด้วย ซึ่งบางทีหากเลเวลเราไม่ถึงก็จะไม่สามารถทำเควสต์บางเควสต์ได้ และ รางวัลบท ที่จะมีรางวัลเป็นเงิน Meos ให้กับผู้เล่นเมื่อเล่นถึงเลเวลตามที่เกมกำหนด ภารกิจ - หน้าต่างที่รวบรวมภารกิจต่างๆ อีกมากมาย ที่ไม่ใช้เควสเนื้อเรื่อง ได้แก่ Daily Mission ที่เป็นภารกิจรายวันง่ายๆ ได้รับของรางวัลเป็นเงิน Meso (ค่าเงินพื้นฐานของ MapleStory M), Daily PC จะให้ผู้เล่นทำภารกิจและรับรางวัลแต่มีข้อแม้ว่าต้องเชื่อมบัญชีของเวอร์ชั่นมือถือเข้ากับไอดีของ MapleStory เวอร์ชั่น PC, Achievment ที่มีภารกิจให้ทำ โดยได้ของรางวัลเป็นค่าเงินแบบ Gold Leaf, Weekly Mission เป็นภารกิจรายสัปดาห์ ได้ของรางวัลเป็น Gold Leaf และ Daily Hunt ที่ให้ผู้เล่นได้ล่ามอนสเตอร์ตามที่ภารกิจกำหนด ได้ของรางวัลเป็น Exp. กิจกรรม - หน้าต่างที่รวบรวมกิจกรรมต่างๆ ที่อยู่ในเกม มีตั้งแต่กิจกรรมล็อกอิน กิจกรรมรายวัน กิจกรรมที่ได้จากระยะเวลาที่เราล็อกอินและออนไลน์อยู่ในเกม และกิจกรรมที่เพื่อนๆ จะได้รับรางวัลจากการออฟไลน์หรืออยู่ในเมือง 3. กระเป๋า กระเป๋าเป็นหน้าต่างที่แสดงข้อมูลของไอเทมทุกอย่างที่เรามี รวมถึงยังแสดงอุปกรณ์ที่เราสวมใส่อยู่ด้วย โดยหากคลิกตรงไอเทมจะมีหน้าต่างแสดงรางละเอียดของไอเทมนั้นๆ ขึ้นมาให้ดู ทั้งนี้กระเป๋าสามารถจุไอเทมและของสวมใส่ได้เพียง 100 ช่อง หากกระเป๋าเต็มเพื่อนๆ จะไม่สามารถรับเควสได้ 4. โรงตีเหล็ก โรงตีเหล็กเป็นหน้าต่างที่ถือว่ามีประโยชน์มากๆ เพราะการอัพเกรดอุปการณ์สวมใส่และคอสตูมมีผลอย่างมากต่อค่าสเตตัสของเรา เช่น หากเราเลเวลเยอะแล้ว แต่ไม่อัพเกรดหรือตีบวกอาวุธ ค่าการโจมตีของเราก็อาจจะแพ้คนที่เลเวลน้อยกว่าได้ หากเพื่อนๆ ตีมอนสเตอร์ไม่เข้าทั้งๆ ที่เลเวลของมอนสเตอร์ก็ไม่ได้ห่างจากเรามาก ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่าเป็นเพราะเราไม่ได้อัพเกรดอาวุธนั่นเอง ทั้งนี้การอัพเกรดอาวุธและคอสตูมก็มีอยู่หลายแบบด้วยกัน ได้แก่ การอัพเลเวล เลื่อนระดับ ผสม ตีบวก เป็นต้น 5. จดหมาย จดหมายจะเป็นหน้าต่างที่ของรางวัลที่เราทำกิจกรรมจะถูกส่งมา ดังนั้นเพื่อนๆ ควรจะหมั่นเช็คว่ามีจดหมายใหม่มาหรือไม่ และกดรับรางวัลให้เร็วที่สุดถ้าทำได้ เพราะของรางวัลแต่ละชิ้นจะถูกยกเลิกหากเราไม่กดรับในเวลาที่เกมกำหนด 6. ดันเจี้ยน ดันเจี้ยนคืออีกส่วนที่สำคัญมากของเกม โดยในเกมก็มีดันเจี้ยนหลากหลายแบบให้เพื่อนๆ เลือกเข้าไปเล่น ได้แก่ Daily Dungeon - ดันเจี้ยนที่หากเคลียร์บอสได้ตามที่กำหนดแล้ว จะได้อัญมณีที่จะช่วยเพิ่มค่าสเตตัสพื้นฐานเป็นการตอบแทน Elite Dungeon - ดันเจี้ยนที่เล่นเพื่อเข้าไปหาคอสตูมและไอเทมระดับสูง เมื่อเพื่อนๆ เคลียร์มอนสเตอร์จนจบด่านแล้ว เกมจะมีไอเทมมาให้เพื่อนๆ สุ่ม โดยอาจจะได้ของที่ตรงกับอาชีพของตนเอง หรืออาจจะได้ของที่ไม่ตรงกับอาชีพของตัวเองก็ได้ (สามารถเอาของไปขายได้ใน Trade Station ซึ่งก็อยู่ใน Main Menu เหมือนกัน) Mini Dungeon -  ดันเจี้ยนเก็บเลเวลที่ต้องใช้ตั๋วในการเข้าดันเจี้ยน โดยเพื่อนๆ สามารถปล่อยให้ตัวละครของเราเก็บเลเวลเองด้วย Auto-battle ได้ มีระยะเวลาในการลงให้เลือกคือ 30 นาที (ใช้ตั๋ว 1 ใบ), 1 ชั่วโมง (ใช้ตั๋ว 2 ใบ) และ 2 ชั่วโมง (ใช้ตั๋ว 4 ใบ) Mu Lung Dojo - ดันเจี้ยนที่เปิดโอกาสให้เราได้ทดสอบความแข็งแกร่งของตัวละคร โดยจะให้เราเคลียร์บอสไปเรื่อยๆ ให้ได้มากที่สุดภายในเวลา 15 นาที ซึ่งบอสจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเราผ่านแต่ละชั้นของ Dojo นี้ เราจะได้ค่าเงิน Mu Lung มา ชั้นละ 10 เหรียญ สามารถนำไปซื้อไอเทมในร้านค้าได้ Netts Pyramid - ดันเจี้ยนแนว Plant Vs Zombie ที่เราและเพื่อนร่วมทีม รวม 4 คน จะต้องช่วยกันตีมอนสเตอร์ ป้องกันไม่ให้มอนสเตอร์เดินผ่าน ซึ่งหากเราเคลียร์จบจะได้ของรางวัลและค่าประสบการณ์ Expedition - ดันเจี้ยนสู้บอสสุดโหด ที่ให้เราเข้าไปร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเพื่อน รวม 10 คน เปิดวันละ 2 เวลา คือ 12.00-13.00 และ 20.00-21.00 น. Star Force Field - ดันเจี้ยนที่เต็มไปด้วยเหล่ามอนสเตอร์ เหมาะสำหรับการเข้าไปเก็บเลเวลร่วมกับเพื่อนในปาร์ตี้ โดยเพื่อนๆ สามารถเข้าไปกี่ครั้งก็ได้ เพราะไม่จำเป็นต้องใช้ตั๋วในการเข้า แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องเก็บดาว (Star Force) ที่ได้จากการตีบวก (enhance) อุปกรณ์สวมใส่ และคอสตูมให้ได้ตามจำนวนที่ดันเจี้ยนนี้กำหนด หากเราเข้าไปตีมอนสเตอร์ในชั้นที่เรายังเก็บดาวไปไม่ถึง เราจะตีมอนสเตอร์แทบไม่เข้าเลย ถือเป็นประโยชน์อีกอย่างหนึ่งสำหรับการที่เราหมั่นตีบวกอาวุธ และคอสตูม 7. ร้านค้า แหล่งรวมไอเทม อุปกรณ์ เครื่องแต่งตัวทุกอย่างที่เปิดขายในเกม มีร้านค้า 3 ประเภท ได้แก่ ร้านค้า - เป็นร้านค้าที่เราสามารถซื้อของได้จากเงินที่เราได้มาจากในเกมฟรีๆ โดยไม่ต้องเติม มีค่าเงินหลักสามประเภท คือ Meso (ค่าเงินปกติของเกม) Gold Leaf และ Mu Lung (ได้มาจากการลง Mu Lung Dojo) ซึ่งเพื่อนๆ สามารถหาซื้อโพชั่น HP/MP ได้จากร้านค้านี้ นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบที่ใช้ในการอัพเกรดอาวุธขายอีกด้วย Cash Shop - ร้านค้าที่รวบรวมสินค้าที่สามารถซื้อได้ด้วย Crystal มีขายตั้งแต่สัตว์เลี้ยง ทรงผม หน้าตา หรือแม้กระทั่งสไตล์การแต่งตัว รวมถึงมีกล่องสมบัติ (Treasure Box) ให้ซื้อและสุ่มไอเทมด้วย ทั้งนี้เกมจะแจก Treasure Box ฟรี 1 กล่องทุกวัน เพื่อนๆ อย่าลืมไปรับกันด้วยนะ! แพ็คเกจ - รวมแพ็คเกจทั้งหมดที่ตัวเกมมีขาย สามารถซื้อได้ด้วยเงินจริง 8. Trade Station  Trade Station เป็นแหล่งค้าขายอาวุธและคอสตูมที่สำคัญมากๆ เพราะเป็นตลาดที่เราจะได้ใช้อยู่บ่อยๆ ไม่ว่าตอนที่เราจะหาอาวุธหรือชุดใส่ ทั้งนี้ระดับของอาวุธและคอสตูมนั้นสำคัญมาก มีตั้งแต่ระดับ  Normal, Rare, Epic, Unique และ Legendary ซึ่งหากของมีระดับสูงก็จะมีค่าสเตตัสตั้งต้นที่สูงขึ้นไปด้วย โดยเราควรพยายามหาของระดับสูงๆ มาสวมใส่ หากเพื่อนๆ มีของระดับ Rare แล้วอยากอัพเกรดเป็นระดับ Epic แต่ไม่อยากซื้อใหม่ก็สามารถเข้าไปอัพเกรดได้ในโรงตีเหล็กเช่นกัน นอกจากนี้หากเพื่อนๆ ดรอปได้อาวุธหรือคอสตูมที่ไม่สามารถใส่ได้ ก็สามารถนำมาตั้งขายใน Trade Station ได้ โดยสามารถตั้งขายไอเทมพร้อมกันได้มากสุด 3 ชิ้น ทั้งนี้การตั้งขายไอเทมแต่ละชิ้นจะมีระยะเวลาการขายกำหนด 9. เพื่อน เมื่อเปิดหน้าต่างเพื่อนขึ้นมา จะมีรายชื่อเพื่อนอยู่ 4 แบบด้วยกัน ได้แก่ ผู้เล่นใกล้เคียง เพื่อน (คนที่เรากดขอ/รับเป็นเพื่อน) กิลด์ และปาร์ตี้ ข้อดีของฟังก์ชั่นนี้คือ เราสามารถวาร์ปไปหาเพื่อนได้เลย โดยไม่ต้องนัดกันว่าจะเจอกันตรงไหน นอกจากนี้การที่มีรายชื่อผู้เล่นใกล้เคียงก็ถือว่ามีประโยชน์มากเวลาที่เราไม่ว่างเล่นพร้อมกับเพื่อน เราก็สามารถชวนเพื่อนร่วมเกมที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงมาร่วมเข้าปาร์ตี้ได้เลย 10. กิลด์ หากเพื่อนๆ คนไหนที่ยังไม่ได้เข้ากิลด์ เมื่อกดหน้าต่างกิลด์ขึ้นมาแล้ว จะมีรายชื่อกิลด์ให้เพื่อนๆ ได้เลือกร่วมเข้าไปจอย หรือสำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่อยากสร้างกิลด์ของตัวเอง แค่มีเงิน 100,000 meso ก็สามารถสร้างกิลด์ของตัวเองขึ้นมาได้ง่ายๆ ซึ่งการเข้ากิลด์ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อการเล่นเกมของเรา เพราะเวลาที่เราไม่มีเพื่อนลงดัน เราสามารถชวนเพื่อนร่วมกิลด์เข้ามาร่วมแจมได้ นอกจากนี้กิลด์ยังมีสกิลพิเศษที่มีส่วนช่วยต่อการเล่นเกมของเรา เรียกได้ว่าทั้งสนุกและมีประโยชน์ในเวลาเดียวกัน 11. อันดับ หน้าต่างอันดับเป็นฟังก์ชันที่ทำให้เรารู้ว่าตัวละครของเราอยู่ระดับไหนเมื่อเทียบกับผู้เล่นทั้งเซิร์ฟเวอร์ เพื่อนร่วมกิลด์ และเพื่อนของเราเอง โดยลำดับใน Rank จะเรียงจากคนที่มีเลเวลมากที่สุด หากผู้เล่นมีเลเวลเท่ากัน ตัวเกมจะเปรียบเทียบว่าใครที่มีค่า Exp มากที่สุด 12. ออฟชั่น หน้าต่างออฟชั่นเปิดโอกาสให้เราได้ตั้งค่าบางอย่างในเกม เช่น เซิร์ฟเวอร์ และภาษา นอกจากนี้ยังมีการตั้งค่า เอฟเฟกต์ และชุมชน หากเพื่อนๆ ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเล่นตัวละครไหน เรามี Guide สองตัวละครสายยิงไกลเข้ามาให้เพื่อนๆ ได้เข้าไปอ่านก่อน ได้แก่ Bow Master นักธนูตัวทำดาเมจประจำทีม และ Bishop จอมเวทย์สายซัพพอร์ทที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับการลงดันและการเล่นเป็นทีมนอกจากนี้ยังมีเทคนิคที่ควรรู้ในการเล่น MapleStory M ด้วย!
25 Jul 2018
[MapleStory M] คู่มือการเล่นอาชีพ Bishop
Bishop (Magician) คือนักเวทย์ประจำเกม MapleStory M มีจุดเด่นอยู่ที่การซัพพอร์ทเพื่อนร่วมทีม ทั้งการฮีล การบัฟ และการชุบชีวิต ถึงแม้จะไม่ใช่ตัวละครสายถึก และไม่เหมาะกับการสู้กับบอสโดยตรง แต่สกิลการโจมตีก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร สามารถโจมตีมอนสเตอร์แบบเป็นกลุ่มได้แบบสบายๆ นอกจากนี้ก็ยังเก็บเลเวลไม่ยากและสามารถเก็บเลเวลแบบ Solo ได้เหมือนกัน เราไปดูกันดีกว่า ว่าวิธีการเล่น Bishop มีอะไรบ้าง   ทำไมถึงควรเล่น Bishop 1. สกิลซัพพอร์ทดีงาม 2. เป็นตัวละครที่จำเป็นต่อปาร์ตี้ 3. ฮีลได้ ช่วยเพื่อนประหยัดยา 4. มีสกิล Teleport เคลื่อนไหวได้สะดวก 5. มีบัฟเพิ่ม Exp ให้กับทั้งปาร์ตี้ 6. สามารถชุบชีวิตผู้เล่นคนอื่นได้ แนวทางการอัพสกิล สกิลที่อยู่ในลิสต์ต่อไปนี้ เป็นสกิลที่เราแนะนำให้เพื่อนๆ อัพ โดยเรียงตามลำดับความสำคัญของสกิลเป็นหลัก Lv.1-29 Energy Bolt (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เป็นสกิลโจมตีเดียวที่เรามีอยู่ในตอนนี้ โดยจะระเบิดพลังไปใส่มอนสเตอร์และสามารถเด้งไปกระทบกับมอนสเตอร์ตัวอื่นที่อยู่ใกล้เคียงได้อีก 5 ตัว MP Increase (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่าหลอด MP รวมถึงยังทำให้ฟื้นฟูค่า MP เร็วขึ้นด้วย Magic Armor (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่าการป้องกัน ทั้งแบบ PHY DEF และ MAG DEF Teleport (สกิลใช้งาน)  อัพเต็ม 5 กดใช้สกิลเพื่อวาร์ปในระยะใกล้ มีประโยชน์มากเพราะสามารถวาร์ปได้ทุกทิศทาง ทำให้ไม่ต้องเสียเวลาปีนบันได หรือเชือก Magic Guard (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 ลดดาเมจที่เราได้รับส่วนหนึ่งไปลงที่ค่า MP แทนค่า HP สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Energy Bolt, Teleport และ Magic Guard ในช่วงต้นเกม Bishop มีดาเมจอยู่พอตัวและสามารถเล่นแบบโซโล่ได้อย่างสบายๆ เพราะสกิลเป็นแบบโจมตีมอนสเตอร์ได้หลายตัวในเวลาเดียวกัน ดังนั้นจึงควรรีบอัพสกิลโจมตีให้เต็มก่อน จากนั้นเน้นไปโฟกัสที่สกิลติดตัวที่จะช่วยเพิ่มค่าความสามารถของตัวละคร อย่างการเพิ่มค่า MP ที่ต้องใช้ในการใช้สกิลเป็นต้น ส่วนสกิลบัฟ Magic Guard ยังไม่จำเป็นเท่าไหร่ เพราะช่วงแรกค่า MP เรายังน้อยอยู่ ยิ่งถ้ากดใช้ก็จะทำให้เสีย MP โดยไม่จำเป็น อีกทั้งผลของสกิลคือการลดค่า MP แทน HP อีกด้วย ส่วนสกิล Teleport ก็ควรมีติดตัวไว้เผื่อช่วงที่ต้องการเล่นเอง   Lv.30-59 Holy Arrow (สกิลใช้งาน)  อัพเต็ม 10 ยิงลูกศรศักดิ์สิทธิ์ใส่ศัตรูจำนวนสูงสุด 5 ตัว ควรรีบอัพเพราะเป็นสกิลโจมตีเดียวในช่วงเลเวลนี้ MP Eater (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 คืนค่า MP บางส่วนเมื่อเรากดใช้สกิล ช่วยให้ประหยัด MP ได้เหมือนกัน Blessed Ensemble (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มความแรงในการโจมตีด้วยเวทย์ High Wisdom (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มความแรงในการโจมตีและเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ Invincible (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 ทำให้ตัวละครของเราถึกมากขึ้น โดยลดค่าความเสียหายที่เราได้รับ ทั้งจากการโจมตีด้วยเวทมนตร์และการโจมตีแบบปกติ Spell Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่าป้องกัน (DEF) และฟื้นฟู HP Heal (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 ฟื้นฟู HP ให้กับตัวเองและเพื่อนในปาร์ตี้ที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง Bless (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่าสเตตัสให้กับเราและเพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ ในช่วงเวลาหนึ่ง Magic Booster (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 เพิ่มความเร็วในการโจมตี   สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Holy Arrow (แทนที่สกิล Energy Bolt), Teleport และ Heal ในช่วงเลเวลนี้เราจะได้สกิลโจมตีเพิ่มขึ้นมา สามารถใช้แทนที่ Energy Bolt ได้เลย และควรรีบอัพให้เต็มก่อนเพื่อเพิ่มดาเมจ หรืออาจอัพสลับกับสกิลติดตัวก็ได้อย่าง MP Eater ก็ได้ จากนั้นอัพสกิลติดตัวให้ Max ให้หมดเพื่อเพิ่มค่าสถานะให้กับตัวละครของเรา แน่นอนว่าสกิล Heal ถือว่ามีประโยชน์มาก แต่ ณ จุดนี้อาจจะยังไม่ค่อยจำเป็นเพราะเพียงแค่ค่า HP ที่ได้มาจากยาก็เพียงพอแล้ว ส่วนสกิลบัฟอัพทีหลังสุดก็ไม่เสียหาย เพราะเราตีแรงและสามารถฆ่ามอนสเตอร์ได้อยู่แล้ว ทั้งนี้เพื่อนๆ สามารถกดใช้สกิลบัฟได้เลยโดยกดที่ตัวละครแล้วเกมจะโชว์สกิลบัฟทั้งหมดขึ้นมาให้กด ไม่จำเป็นต้องลากสกิลบัฟมาใส่ช่อง Slot ให้เปลืองพื้นที่ นอกจากนี้การกดใช้สกิลบัฟก็เป็นสิ่งที่ควรทำเหมือนกัน เพราะเราจะคอยดูหน้าจอโทรศัพท์อยู่แล้ว เป็นการช่วยทำให้การทำเควสต์เร็วขึ้นด้วย   Lv.60-99 Shining Ray (สกิลใช้งาน)  อัพเต็ม 10 ทำดาเมจและสตันศัตรู 5 ตัวจำนวน 5 ครั้ง ด้วยการปล่อยลำแสงศักดิ์สิทธิ์รอบๆ ตัวเรา Holy Symbol  (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่า Exp ให้กับเพื่อนในปาร์ตี้จากการโจมตีมอนสเตอร์ Holy Focus (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 ลดค่าความเสียหายที่เกิดจากการโดนคริติคอล Arcane Overdrive (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มโอกาสการทำดาเมจแบบคริติคอล สำหรับการโจมตีแบบเวทย์ Holy Fountain (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5 อัญเชิญน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถฮีล และเพิ่มค่า HP ให้กับเราและพันธมิตรที่อยู่ใกล้ๆ Teleport Mastery (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 ทำความเสียหายให้กับศัตรู 5 ตัว รอบๆ พื้นที่ปลายทางเมื่อเรากดใช้สกิล Teleport Holy Magic Shell (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 สร้างเกราะป้องกันการติดสถานะผิดปกติระหว่างการใช้สกิลให้กับตัวเราและสมาชิกในปาร์ตี้ Dispel (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 ลบล้างสถานะผิดปกติของเราและเพื่อนร่วมปาร์ตี้ Divine Protection (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 สร้างโล่ป้องกันการติดสถานะผิดปกติให้กับตัวเอง สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Holy Arrow, Shining Ray, Teleport, Holy Fountain และ Dispell ระหว่างช่วงเลเวลนี้ ค่า Exp ที่ได้จากการทำเควสท์จะเริ่มลดลง และเกมจะพยายามทำให้เราเข้าไปฟาร์มใน ดันเจี้ยน อย่าง Mini Dungeon และ Star Force Field มากขึ้น หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือเราต้องเก็บค่า Exp จากการตีมอนสเตอร์มากขึ้นนั่นเอง ดังนั้นจึงควรอัพสกิลบัฟ Holy Symbol ที่ช่วยเพิ่มเปอร์เซ็น Exp ให้กับเราและเพื่อนร่วมปาร์ตี้ สลับกับการอัพสกิลโจมตีที่ต้องกดใช้อย่าง Shining Ray ที่ทำดาเมจและสตั้นมอนสเตอร์ที่อยู่รอบตัวเรา ทั้งนี้การเก็บเลเวลเป็นปาร์ตี้จะได้ผลมากกว่าการเก็บเลเวลแบบคนเดียว ดังนั้นสกิลฮีลหมู่อย่าง Holy Fountain ก็ถือว่าจำเป็น และเพื่อนๆ ควรจะหมั่นกดใช้สกิลบัฟด้วยเพราะจะทำให้เก็บเลเวลได้เร็วขึ้น   Lv.100+ Angel Ray (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 ยิงลูกศรศักดิ์สิทธิ์ออกไปหาเป้าหมายสูงสุด 7 ตัว จำนวน 8 ครั้ง พร้อมกับฮีลเพื่อนที่อยู่รอบๆ ด้วย Bigbang (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 โจมตีศัตรูจำนวน 8 ตัวใน 1 ครั้ง โดยสามารถกดสกิลค้างไว้เพื่อชาร์จให้พลังเพิ่มขึ้นได้ด้วย Arcane Aim (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มพลังการโจมตีแบบเวทย์ (MAG ATK) Blessed Harmony (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 เพิ่มค่าพลังการโจมตีแบบเวทย์ (MAG ATK) Advanced Blessing (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 เป็นบัฟที่เพิ่มพลังการโจมตีทั้งแบบปกติและแบบเวทย์ เพิ่มโอกาสหลบหลีกการโจมตีของศัตรู และเพิ่มค่าความแม่นยำในการโจมตี Infinity (สกิลบัฟ) อัพเต็ม 5 เพิ่มพลังโจมตีเมื่อโจมตีผู้เล่นคนอื่นหรือบอส Buff Mastery (สกิลติดตัว) อัพเต็ม 5 ลดดาเมจที่ได้รับจากการโจมตีแบบปกติและเวทย์ นอกจากนี้ยังเพิ่มค่าการป้องกัน (DEF) จากผู้เล่นและบอสด้วย Genesis (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 เรียกลำแสงที่สามารถโจมตีมอนสเตอร์แทบทั้งแมพ โดยโจมตี 15 ตัวพร้อมกันในหนึ่งครั้ง ทว่ามีคูลดาวน์ 30 วินาที (คูลดาวน์ 30 วินาที) Bahamut (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 5 อัญเชิญมังกร Bahamut ออกมาเพื่อช่วยโจมตีศัตรู Resurrection (สกิลใช้งาน) อัพเต็ม 10 ชุบชีวิตเพื่อนร่วมปาร์ตี้ได้ (คูลดาวน์ 60 วินาที) สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Holy Arrow, Bigbang, Teleport, Resurrection, Heal และ Dispel (หากเล่นหลายคนควรเพิ่ม Angle Ray และ Holy Fountain) ในช่วงท้ายของเกม Bishop จะมีสกิลโจมตีเพิ่มขึ้นมาเยอะมาก โดยสกิลโจมตีที่มีประโยชน์และใช้ได้บ่อยที่สุดคือ Bigbang เพราะสามารถกำจัดมอนสเตอร์หลายตัวได้ในเวลาเดียวกัน ที่สำคัญคือไม่มี Cool down เพื่อนๆ สามารถใช้ได้บ่อยเท่าที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมี Angle Ray ที่มีประโยชน์สุดๆ สำหรับการลงดันเจี้ยน หรือตีบอสกับปาร์ตี้ เพราะนอกจากจะช่วยโจมตีแล้วยังฮีลเพื่อนไปได้ด้วยพร้อมกัน รวมถึงยังใช้ได้เรื่อยๆ โดยไม่มีคูลดาวน์ แน่นอนว่าสกิลที่เจ้าแห่งการซัพพอร์ทอย่าง Bishop จะขาดไปไม่ได้เลยก็คือสกิลชุบชีวิตเพื่อนร่วมปาร์ตี้ได้ และสกิลบัฟ Advanced Blessing ที่ช่วยเพิ่มดาเมจให้กับผองเพื่อนได้แรงถึงอีก 18 เปอร์เซ็นด้วยกัน ถือว่าเป็นตัวละครที่สำคัญและขาดไม่ได้เลยในช่วง End Game   ภาพรวม Bishop ถือเป็นอาชีพที่บอบบางกว่าอาชีพอื่นๆ เพราะมีเลือดน้อยที่สุด ดังนั้นจึงไม่เหมาะกับการยืนบวกในระยะประชิด ทว่าในทางกลับกันก็เป็นอาชีพที่โจมตีค่อนข้างแรง นอกจากนี้สกิลโจมตีทั้งหมดยังเป็นสกิลโจมตีระยะไกล และสามารถโจมตีมอนสเตอร์หลายตัวได้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นการที่มีเลือดน้อยจึงไม่ถือเป็นปัญหาใหญ่เท่าไหร่นัก และอันที่จริงจุดเด่นอีกจุดของ Bishop ก็คือการฟาร์มมอนสเตอร์ เพราะสามารถเก็บมอนสเตอร์ได้รวดเร็ว ทำให้เลเวลขึ้นไม่ยากมาก แต่ก็ต้องแลกมากับการล่าบอสที่ยากลำบาก เพราะไม่สามารถยืนตีบอสคนเดียวได้ดีเท่ากับอาชีพอื่นนั่นเอง พูดง่ายๆ ว่าหากจะต้องสู้กับบอส Bishop เหมาะกับการเป็นทัพหลัง ทั้งช่วยตีจากระยะไกล ช่วยซัพพอร์ท คอยฮีลและบัฟเพื่อนมากกว่าจะออกไปเป็นนักรบแนวหน้า
24 Jul 2018
Maplestory M เปิดลงทะเบียนในไทยวันนี้!
ปล่อยให้เล่นกันมาซักพักแล้วบนสโตร์ต่างประเทศ แต่ในที่สุดผู้เล่นชาวไทยได้ลงทะเบียนล่วงหน้ากันแล้วกับเกม Maplestory M เกมออนไลน์ในตำนานที่กลับมาอีกครั้งในรูปแบบมือถือ! คลิ๊กลงทะเบียน ที่นี่ หลายคนน่าจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับเกม Maplestory เกมออนไลน์สองมิติที่ให้เราเล่นเป็นตัวละครหัวโตๆ ที่เคยฮิตมากบน PC สมัยเมื่อสิบกว่าปีมาแล้ว การมาของเกมเวอร์ชั่น M นี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่เหล่าเกมเมอร์มีอายุทั้งหลายจะได้หวนคืนวันวาน สมัยที่เกมออนไลน์ยังรุ่งเรืองในเมืองไทย นอกจากนี้ ทางผู้พัฒนาอย่าง Nexon Thailand ยังปล่อยกิจกรรมร่วมสนุกสำหรับแฟนๆ ให้ได้ชวนเพื่อนๆ มาร่วมกันลงทะเบียนเพื่อรับของรางวัลในเกมอีกด้วย สามารถเข้าไปดูรายละเอียดกิจกรรมได้ ที่นี่ เพื่อนๆ คนไหนเคยเป็นแฟน Maplestory บ้างเอ่ย มีใครสนใจเวอร์ชั่นมือถือบ้าง คอมเมนต์เข้ามาคุยกันจ้า!
01 Jun 2018