Night Lord (Thief) คืออาชีพนินจาประจำเกม Maplestory M ที่ต่อสู้ด้วยการปาดาวกระจายผนวกเข้ากับวิชานินจาต่างๆ ที่สร้างความเสียหายต่อศัตรูได้อย่างมหาศาล โดย Night Lord ยังเป็นอาชีพที่สามารถทำดาเมจใส่เป้าหมายเดียว (เช่นบอส) ได้เร็วที่สุดในเกมอีกด้วย เหมาะกับคนที่ชอบรับหน้าที่สร้างดาเมจในปาร์ตี้เป็นที่สุด
ทำไมถึงควรเล่น Night Lord
- ดาวกระจาย = อาวุธที่เท่ที่สุดในเกม
- ดาเมจเร็ว + แรงทะลุพิกัด ฆ่าบอสตัวเดี่ยวๆ ได้ในพริบตา
- เอาตัวรอดง่ายๆ ด้วยสกิลล่องหนและเพิ่มการหลบหลีก
- มีสกิลผลักศัตรูไปสุดฉากช่วยให้เปิดช่องว่างทำดาเมจมากขึ้น
- สกิลม่านพลังที่ทำดาเมจใส่ศัตรูเรื่อยๆ ช่วยให้ฟาร์มง่าย
- สร้างความเสียหายกลุ่มด้วยสกิลแยกร่างและดาวกระจายระเบิด
แนวทางการอัพสกิล
สกิลที่อยู่ในลิสต์ต่อไปนี้ เป็นสกิลที่เราแนะนำให้เพื่อนๆ อัพจนเต็มทีละสกิล โดยเรียงตามลำดับความสำคัญของสกิลเป็นหลัก
Lv.1-29
- Bandit Slash (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 10)
ปาดาวกระจายใส่ศัตรูสองดวง
- Lucky Seven (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 10)
ส่งคลื่นดาบไปข้างหน้าเป็นตัว X
- Nimble Body (สกิลติดตัว) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มโอกาสคริติคอล หลบหลีก และความแม่นยำ
- Side Step (สกิลติดตัว) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มโอกาสหลบการโจมตีของศัตรู
- Dark Sight (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 5)
ทำให้ตัวเองล่องหนเพื่อหลบการโจมตีทั้งหมด
- Flash Jump (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 5)
กระโดดพุ่งไปข้างหน้า
สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Bandit Slash และ Lucky Seven
การเล่น
Night Lord ในช่วงแรกไม่มีอะไรซับซ้อนมากเพราะเป็นอาชีพที่ทำดาเมจได้ค่อนข้างรุนแรงและรวดเร็วเป็นทุนเดิม การเน้นอัพ
Bandit Slash ก่อนจะช่วยให้เราเก็บเลเวลช่วงแรกเร็วขึ้นเพราะเป็นสกิลที่โจมตีศัตรูเป็นกลุ่มในระยะปานกลาง สกิล
Lucky Seven จะเริ่มมีประโยชน์เมื่อจำเป็นต้องสู้กับบอส เพราะสกิลปล่อยเร็วกว่า
Bandit Slash มากทำให้บอสติดชะงักบ่อยขึ้น ส่วนสกิล
Nimble Body จะช่วยเพิ่มโอกาสในการคริติคอล ทำให้เราทำดาเมจได้มากขึ้นไปอีก สำหรับสกิลที่เหลือยังไม่ค่อยสำคัญนักในช่วงต้นที่มอนส์เตอร์ยังโจมตีค่อนข้างเบา และเรายังพอมียาแจกฟรีให้ใช้เยอะ
Lv.30-59
- Shuriken Burst (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 10)
ปาดาวกระจายระเบิดใส่ศัตรูมากถึง 5 ตัว
- Assassin’s Mark (สกิลติดตัว) (อัพเต็ม 5)
มีโอกาสติดสถานะใส่ศัตรู ทำให้เมื่อโดนโจมตีแล้วจะมีดาวกระจายสะท้อนโดนศัตรูใกล้เคียงด้วย
- Gust Charm (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 10)
ปล่อยคลื่นพลังเพื่อผลักให้ศัตรูกระเด็น (คูลดาว์น 10 วิ)
- Critical Throw (สกิลติดตัว) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มโอกาสคริติคอลและความแรงเมื่อติดคริติคอล
- Haste (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหว
- Claw Mastery (สกิลติดตัว) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มพลังป้องกัน
- Claw Booster (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มความเร็วในการโจมตี
- Physical Training (สกิลติดตัว) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มอัตราการฟื้นฟู HP และ MP พร้อมกับลดดาเมจจากการคริติคอลของศัตรู
สกิลที่ควรใส่ไว้ใน Slot: Shuriken Burst, Gust Charm, Haste
เมื่อเล่นมาถึงจุดนี้ควรสลับสกิล
Bandit Slash ออกเพื่อใส่สกิล
Shuriken Burst ที่แรงกว่าและโดนศัตรูได้หลายตัวมากขึ้น แนะนำให้อัพสกิล
Assassin’s Mark เอาไว้ก่อนด้วย เพราะจะช่วยสร้างโอกาสให้การโจมตีของเรากระจายดาเมจออกไปโดนศัตรูกลุ่มใหญ่ขึ้น สกิล
Gust Charm ควรใช้เวลาสู้กับบอสหรือลงดันเจี้ยนเวลาโดนศัตรูประชิด ส่วนสกิล
Haste เอาไว้กดใช้เพื่อร่นระยะเวลาในการเดินทางเพื่อประหยัดเวลา
Lv.60-99
- Expert Throwing Star Technique (สกิลติดตัว) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มดาเมจแบบติดตัว
- Shadow Partner (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 5)
สร้างร่างแยกเพื่อช่วยเราโจมตี
- Shadow Stars (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มดาเมจตัวเองชั่วคราว
- Shade Splitter (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 10)
เรียกนินจาลูกน้องออกมาโจมตีศัตรูเป็นกลุ่ม
- Triple Throw (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 10)
ปาดาวกระจายใส่ศัตรูพร้อมกัน 3 ดวง
- Venom (สกิลติดตัว) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มอาการติดพิษให้กับการโจมตี (ไม่สามารถฆ่าศัตรูด้วยพิษได้)
- Shadow Web (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 10)
สร้างใยแมงมุมเพื่อยึดการเคลื่อนที่และสร้างความเสียหายใส่ศัตรูเป็นกลุ่ม
- Enveloping Darkness (สกิลติดตัว) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มค่า HP และ MP สูงสุด
สกิลที่ควรใส่ใน Slot: Shadow Partner, Shade Splitter, Triple Throw
ในช่วงเลเวลนี้สกิลของเราจะยังถือว่าค่อนข้างแรงพอสมควร จึงควรหันมาอัพสกิลติดตัวอย่าง
Expert Throwing Star Technique เพื่อเพิ่มดาเมจสกิลที่มีอยู่แล้ว และสกิล
Shadow Partner เป็นบัฟที่เสกร่างแยกออกมาช่วยเราโจมตีก็ช่วยเพิ่มดาเมจได้มากทีเดียว เมื่อถึงเลเวล
80 เกมจะเริ่มยากขึ้นเพราะจะไม่มีเควสให้เก็บเลเวลอีกต่อไป เมื่อถึงจุดนี้ควรเปลี่ยนสกิล
Shade Splitter เข้าไปแทน
Shuriken Burst เพื่อใช้เก็บศัตรูเป็นกลุ่ม และใช้
Triple Throw แทน
Lucky Seven ในการเก็บเลเวลจากดันเจี้ยนอย่างปิรามิดหรือ
Star Force Field
Lv.100+
- Showdown (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 10)
ปาดาวกระจายอันใหญ่เพื่อโจมตีศัตรูเป็นกลุ่มใหญ่
- Night Lord’s Mark (สกิลติดตัว) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มศักยภาพของสกิล Assassin’s Mark
- Quad Star (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 10)
ปาดาวกระจายใส่ศัตรูพร้อมกัน 4 ดวง
- Toxin Venom (สกิลติดตัว) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มศักยภาพสกิล Venom
- Claw Expert (สกิลติดตัว) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มพลังป้องกัน
- Sudden Raid (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 10)
เรียกแก๊งนินจาออกมายิงธนูใส่ศัตรู (คูลดาว์น 30 วินาที)
- Shadow Shifter (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 5)
ใช้คาถาสลับร่างกับขอนไม้เพื่อหลบการโจมตี
- Dark Serenity (สกิลติดตัว) (อัพเต็ม 5)
เพิ่มพลังโจมตี
- Frailty Curse (สกิลใช้งาน) (อัพเต็ม 10)
สร้างอาณาเขตต้องสาปขึ้นมา ลดสเตตัสศัตรูที่อยู่ในพื้นที่
สกิลที่ควรใส่ใน Slot: Showdown, Quad Star
สกิลแรกที่ควรอัพคือ
Showdown เพื่อนำมาใช้ทำดาเมจแทน
Shade Splitter หลังจากนั้นจึงอัพสกิล
Night Lord’s Mark ซึ่งจะช่วยเพิ่มดาเมจให้สกิล
Assassin’s Mark ช่วยให้ฟาร์มมอนกลุ่มใหญ่ได้เร็วขึ้น จากนั้นจึงอัพ
Quad Star แทน
Triple Throw เมื่อมาถึงจุดนี้จะเลือกอัพอะไรต่อก็ได้ แต่เหตุผลที่ไม่แนะนำสกิล
Sudden Raid เพราะเป็นสกิลที่ติดคูลดาว์น แถมดาเมจก็ไม่ได้แรงกว่า
Showdown เท่าใหร่นักจึงไม่ใช่สกิลที่น่าใช้ขนาดนั้น การเก็บเลเวลในช่วงนี้ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับดันเจี้ยนและ
Star Force Field เช่นเคยจ้า
ภาพรวม
Night Lord เป็นอาชีพที่เหมาะสำหรับคนที่ชอบเห็นตัวเลขดาเมจสูงๆ ขึ้นเต็มจอหรือคนที่เล่นคนเดียว เพราะตัวละครมีแต่สกิลที่เสริมความสามารถให้ตัวเอง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นอาชีพที่ทำดาเมจได้รวดเร็วที่สุด เพราะนอกจากสกิลโจมตีที่มีมากมายแล้วยังมีสกิลติดตัวที่ช่วยสร้างดาเมจเสริมอยู่เรื่อยๆ อีกต่างหาก เหมาะกับแฟน Maple สายบ้าพลังจ้า
GameFever TH
นักเขียน
sdfkdfksfsdhfkjsdhf fsdfhdskfs df sfkjsdkf dskfjdskfj sdkfjskdf