GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
[Review] รีวิว Starfield เกม RPG ตะลุยอวกาศจาก Bethesda ที่สุดเจ๋งมากๆ แต่ต้องทนเล่นให้จบ 1 รอบก่อน!
ลงวันที่ 05/09/2023


หลังเปิดตัวนับตั้งแต่ปี 2018 ในที่สุดเกมใหม่แนว Open World RPG จากค่าย Bethesda อย่าง Starfield ก็ได้วางขายแล้วเสียที!!! โดยเกมนี้วางขายห่างจากเกมก่อนหน้าของค่ายอย่าง Fallout 4 นานมากถึง 8 ปีเลยทีเดียว ทำให้หลายๆ คนก็น่าจะคาดหวังความพัฒนา และสนุกขึ้นกว่า Fallout 4 จากเกมนี้กันเยอะมาก แต่มันจะเป็นแบบนั้นหรือแย่ลง ... วันนี้ทาง GameFever ก็จะขอรีวิวเกม Starfield มาให้ชมกัน!!! ดูกันได้ตามด้านล่างเลย

คลิปตัวอย่างเกมโหมโรง


Starfield คือเกมอะไร?


Starfield เป็นเกมเน้นประสบการณ์ Open World RPG ในยุคที่มนุษย์มียานอวกาศให้ขับเดินทางไปดาวต่างๆ ได้แล้ว เกมจะเน้นให้ผู้เล่นมาเจอเควสสุดน่าติดตาม และให้มาใช้ชีวิตในโลกอีกใบหนึ่ง โดยหลักๆ ก็คือการต้องมาเก็บเลเวลปลดล็อกสกิล หรือสร้างบ้านออกมาให้สวยๆ พร้อมอัปเกรดหรือไปฟาร์มอาวุธ, ชุดเกราะ หรือยานอวกาศเทพๆ มาขับกัน ซึ่ง Bethesda ถือเป็นค่ายที่ทำเกมแนวนี้ออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก และมักยังมีความเจ๋งด้าน Sandbox หรือให้ผู้เล่นได้ Roleplay รูปแบบการเล่นต่างๆ ได้หลากหลายสาย ทำให้มีแฟนหลายคนรอเล่นเกมนี้กันเยอะ

Story


เนื้อเรื่องเปิดมาแบบแสนง่ายมาก เพราะเริ่มเกมมาคุณนั้นคือ "นักขุดแร่ทีมงาน Argos Extractos" ที่กำลังมาทำงานขุดแร่บนดาวแห่งหนึ่ง แต่ชีวิตก็เล่นตลกอย่างรวดเร็ว เพราะอยู่ดีๆ คุณก็ได้ขุดไปเจอ "เศษวัตถุลึกลับ" ที่เมื่อจับก็ทำให้ตัวเองสลบ และเห็นภาพหลอนอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะมีคนจากองค์กรแห่งการไขปริศนาอวกาศ Constellation เดินทางมาซื้อเศษวัตถุลึกลับ และหลังเขาได้ทราบว่าคุณจับแล้วเห็นภาพหลอน ก็จึงทำให้เขาได้ส่งคุณมาร่วมองค์กรเพื่อไขปริศนาวัตถุลึกลับนี้ คุณจึงได้เปลี่ยนอาชีพกลายมาเป็นนักไขปริศนาแห่ง Constellation มีหน้าที่ผจญภัยเพื่อ "ตามหาเศษวัตถุลึกลับทุกชิ้นนำมาร่วมร่างกัน และไขปริศนาว่ามันคืออะไรกันแน่" โดยเป้าหมายนี้จะเป็นเควสหลักของคุณไปตลอดทั้งเกม แต่ระหว่างทางก็จะได้เจอสิ่งปริศนาที่มีทั้งน่าสนใจ และเป็นภัยร้ายสุดๆ... พร้อมกับจะได้พบเจอ NPC สุดพิสดารหลายคน หรือได้สร้างมิตรภาพร่วมกับ NPC บางคนจากองค์กร Constellation ที่เราสามารถให้เขาเป็นคู่หูเดินทางไปร่วมกับเราได้

  • NPC คู่หูแต่ละคนจะมีความสามารถ และเนื้อเรื่องที่ต่างกันไป แถมเราสามารถจีบจนแต่งงานได้เลยทีเดียว!


Starfield จะยังคงเป็นเกม RPG ที่ให้ผู้เล่นผจญภัยตามเนื้อเรื่องหลัก และระหว่างทางเราก็จะได้พบเนื้อเรื่องจากเควสเสริมในโลก Open World ที่มีเยอะไปหมดเช่นเคย แถมยังมีเนื้อหาแปลกใหม่น่าสนใจไม่เหมือนกันเยอะมาก และเกมนี้ก็จะยังให้ตัวเอก "มีเนื้อเรื่องก่อนเริ่มเกม" มากขึ้นด้วย เพราะเราสามารถเลือกได้ว่าตัวเอกนั้นมี Background กับ Traits แบบไหน โดย Background คือการให้เลือกว่าตัวเอกเคยทำงานอะไรมาก่อน ถ้าเลือก "นักล่าค่าหัว" ก็จะทำให้เรามีสกิลขับยานล่าศัตรูเก่งมาก และเวลาเจอเควสที่เกี่ยวกับนักล่าค่าหัว เกมก็จะมีบทสนทนาพิเศษมาให้เลือกตอบ NPC และทำให้เราได้ข้อดีกว่าการตอบแบบทั่วไป ส่วน Traits คือชีวิตเราเคยผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ยกตัวอย่างถ้าเลือก "ยังมีครอบครัว" ก็ทำให้เรายังสามารถไปเจอหน้าพ่อแม่ได้ แต่ทุกอาทิตย์ในเกมเราจะต้องส่งเงินให้เขาใช้ด้วย ส่งผลให้เห็นได้ชัดว่าสิ่งพวกนี้ไม่ได้แค่ทำให้ตัวเอกมีมิติมากขึ้น แต่ยังทำให้เนื้อเรื่องในเกมมีความแตกต่างน่าสนใจต่อการเล่นแต่ละรอบไปอีก

  • Background กับ Traits ก็มีให้เลือกเยอะสุดๆ แต่หลายคนน่าจะชอบ Traits "ฮีโร่" เพราะมันจะทำให้เรานั้นเป็นคนดัง และจะมีแฟนๆ คอยมาให้ของขวัญหรือขอผจญภัยไปกับเราได้


อย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่องหลักภายในเกมนี้ก็กลับ "เบาบาง & ไม่น่าติดตาม" โดยเป็นเพราะเควสหลักช่วงแรกจนถึงกลางเกม ผู้พัฒนานั้นต้องการจะนำเสนอให้ผู้เล่นรู้สึก "อยากติดตามว่าไอ้วัตถุลึกลับนี้มันคืออะไร ทำให้ใช้วิธีการเล่าก็จะเแบบไร้ความชัดเจน ให้ผู้เล่นอยากรู้อยากเห็นแบบขั้นสุด" แต่ผู้เขียนนั้นกลับรู้สึกว่า "มันจืดชืดอ่ะ ไม่มีความอยากเล่นให้จบเพื่อรู้เลย แถมหลายเควสก็ไม่ได้มอบรางวัลดีๆ หรือทำให้รู้สึกคุ้มที่จบเควสนั้น" แม้ช่วงที่เราจะต้องไปตามหาวัตถุลึกลับแต่ละชิ้น เราจะได้พบกับ NPC ที่น่าสนใจ และการผจญภัยไปหลายๆ ดาวแล้วก็ตาม เหมือนกลับว่าผู้พัฒนา "ประสบความล้มเหลวที่จะเล่นมุขเนื้อเรื่องแบบนี้" แต่ยังดีที่ช่วงท้ายเกมมีการ "เปลี่ยนวิธีเล่าเรื่องให้ชัดเจนขึ้น" ทำให้ผู้เล่นอยากเล่นจนจบเกมมากขึ้น แต่ท้ายที่สุดทุกเควสมันก็ "ไม่ได้ยอดเยี่ยมเหมือนของเกม RPG ก่อนๆ จาก Bethesda" เพราะงั้นถ้าใครจะเล่นเกมนี้แค่เฉพาะเนื้อเรื่องหลัก ผู้เขียนขอแนะนำว่ามันอาจจะเป็ความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ถ้าเล่นเอาเนื้อหาเควสเสริม หรือมีเวลาเล่น New Game Plus อันนี้ก็ถือว่าดีขึ้นมาหน่อย เพราะเนื้อหาช่วงเควสเสริมทำออกมาน่าติดตามกว่ามาก

Presentation


Starfield เป็นเกมที่จะให้ผู้เล่นได้ผจญภัยทั้งบนภาคพื้นดิน และใช้ยานอวกาศขับเพื่อไปดาวต่างๆ ที่มีมากกว่า 1 พันดวง โดยการเล่นหลักๆ ก็ยังคงให้ผู้เล่นไปรับเควส และก็ออกผจญภัยเพื่อทำเควสให้สำเร็จ พร้อมกับตอนเข้าสถานที่ทำเควส (ดันเจี้ยน) เราก็ต้องจับอาวุธสู้กับศัตรูแบบสุดมันส์ หรือตอนขับยานอยู่ก็อาจมีโจรสลัดมาให้เราบินยานสู้กัน ซึ่งหลังสู้เสร็จเราก็จะได้เก็บของจากศัตรูเพื่อนำมาใช้ให้ตัวเองเก่งขึ้น หรือจะนำไปขายเพื่อได้เงินไปทำอย่างอื่น แถมแน่นอนว่านี่คือเกมที่คุณไปเหยียบดวงดาวได้ถึง 1 พันดวง เกมก็จะมีให้เราได้สำรวจบนดาวต่างๆ ว่ามีสถานลึกลับอะไร และเก็บทรัพยากรต่างๆ มาหา "สร้างที่พักอาศัยสักแห่งบนดาวดวงหนึ่ง" ที่คุณยังสร้างโต๊ะเพื่อปรับแต่งปืนหรือชุดเกราะหรืออื่นๆ ได้หลายรูปแบบ แถมถ้าคุณมีเงินเยอะๆ ก็เอาไปซื้อยานลำใหม่ที่มีความเก่งต่างกันได้หลายชนิด หรือจะไปหาปล้นจากชาวบ้านเขาเอาก็ได้ รวมทั้งยานก็ยังมีระบบปรับแต่งรูปลักษณ์ได้อิสระ หรืออัปเกรดให้แข็งแกร่งขึ้นไปได้อีก

  • การปรับแต่งรูปลักษณ์ยานจะให้เอา Part ส่วนต่างๆ มาประกอบรวมร่างกันได้ตามใจชอบเลย ทำให้เรายังสร้างยานแบบใน Star Wars ก็ได้ด้วย


  • อย่าลืมว่าเกมมีให้เก็บเลเวลด้วย และหลังเลเวลอัปจะได้แต้มมาเลือก 1 สกิล โดยเกมนี้ก็มีสกิลน่าสนใจให้เลือกอัปไปหมด ไม่ว่าจะสกิลสายต่อสู้, สายคราฟ, สายขับยาน, สายลอบเร้น หรือสายอื่นๆ อีกเพียบ


ในด้าน Presentation สิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกว้าวมากๆ เกี่ยวกับเกมนี้เลยคือระบบ "New Game Plus" โดยของเกมนี้จะไม่เหมือนของเกมทั่วไป ซึ่งถ้าผู้เขียนบอกว่ามันเป็นยังไงก็อาจทำให้ "สปอย" แต่เอาเป็นว่า New Game Plus สามารถทำให้คุณเล่นเกมนี้ได้เพลินๆ จนจบไปได้อีกไม่ต่ำกว่า "10 รอบ" แล้วผู้เขียนก็มองว่า New Game Plus คือจุดที่ทำให้เกมนี้ยอดเยี่ยม และเป็นเอกลักษณ์ปฎิวัติวงการเกมสุดๆ แถมมันช่วยให้ทุกส่วนในเกม Starfield น่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก อีกส่วนที่ดีคือเกมนั้น "มีภารกิจสุ่มหรือกิจกรรมที่ให้ตัวเอก Roleplay ได้เป็นอย่างดี" ยกตัวอย่างในเมืองจะมีให้ผู้เล่นรับภารกิจสุ่มไปล่าค่าหัวอยู่ตลอด แถมการสุ่มภารกิจก็ทำออกมาได้ดีระดับหนึ่ง ส่งผลให้ใครเพิ่งได้ดูซีรี่ส์ Mandalorian พอมาเล่นเกมนี้ต่อก็จะอินมาก

  • ถ้าคุณอยาก Roleplay เป็นทหารรับจ้าง, นักส่งของข้ามกาแล็กซี่, นักขุดแร่ขาย หรือนักค้าของเถื่อนแบบ Hans Solo เกมนี้ก็มีระบบ หรือภารกิจให้ทำแบบนั้นได้แน่นอน โดยอาจทำออกมาได้ไม่เจ๋งขนาดนั้น แต่ก็ช่วยตอบโจทย์ได้ดีเลย

  • เกมนี้ยังจะเหมือนกับเกมก่อนอย่าง Skyrim ที่จะมีหลายๆ ฝ่ายให้ผู้เล่นไปเข้าร่วม และจะได้เจอภารกิจเนื้อเรื่องที่ต่างกันไปอีก ทำให้เรื่องเนื้อหาเกมนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะน้อยเท่าเกมหลัก Fallout 4 เยอะเท่าของ Skyrim แน่นอน


แต่ถึงแม้ New Game Plus จะช่วยยกระดับให้เกมน่าสนใจมากขึ้น สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ "ในช่วงที่คุณเล่นเกมนี้ตอนรอบ 1 มันจะรู้สึกจืดสุดๆ" เพราะแม้เกมจะใส่ระบบเจ๋งๆ มาเยอะแยะไปหมด แต่ปัญหาก็คือระบบต่างๆ นั้นทำออกมาได้ไม่สุดหลายส่วนเลย ยกตัวอย่างระบบแต่งปืนของเกมนี้มันก็มีไว้ "ให้อัปเกรดความแข็งแกร่ง & ให้ดูเท่ขึ้นเฉยๆ" ขณะที่ถ้าของเกมก่อนอย่าง Fallout 4 มันยังสามารถทำสุดได้ระดับ "เปลี่ยนปืนพกเป็นปืนไรเฟิลได้" แล้วถ้าพูดถึงส่วนๆ อื่นจะรู้สึกได้เลยว่าทุกอย่างภายในเกมดูธรรมดาไปหมด ซึ่งผู้เขียนก็ถึงขั้นมองว่า "มันเหมือนเป็นเกม RPG ทั่วไปที่ผสมร่วมร่างกับเกม No Man's Sky ก็แค่นั้น" ส่งผลให้จุดนี้เป็นเรื่องที่ต้องเป็นบทเรียนให้ผู้พัฒนาเกมมากๆ เพราะเกมก่อนหน้าทั้งหมดมักจะต้องมีสักระบบที่ทำได้ดีสุด แต่ถ้าคุณสามารถทนเล่นได้ไปจนถึง New Game Plus ทุกส่วนในเกมก็จะเจ๋งขึ้นเอาเรื่องจริงๆ ขอแนะนำรีบโฟกัสเล่นเนื้อเรื่องหลักให้จบไวๆ เพื่อไป New Game Plus ไว้ก่อน แต่รวมๆ เกมนี้ก็อยู่ในขั้นที่ดีนะ ไม่ใช่เกมอยู่ในขั้นแย่ แต่ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมประณีตแบบเกมก่อนๆ แล้ว

  • เควสหลักมีทั้งหมด 20 เควส ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 30 ชั่วโมง และช่วงหลังเควส 13 จะเล่นเพลินขึ้น เพราะภารกิจเริ่มมีเนื้อหาที่แปลกใหม่ตลอด แต่ก็ยังรู้สึกว่าทุกเควสมันจืดๆ ไม่ได้มีเนื้อหาน่าจดจำอยู่ดี


Gameplay


Starfield จะเป็นเกมที่ให้ผู้เล่นได้ใช้เวลาเดินพื้นบนดวงดาวต่างๆ มากกว่าใช้เวลาขับยานอวกาศ เนื่องจากเกมนั้นต้องการเน้นให้ผู้เล่นได้สำรวจภาคพื้นดิน และพูดคุยกับ NPC โดยการสำรวจดาวต่างๆ ก็จะทำให้ผู้เล่นเจอสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน และแต่ละดาวก็จะมีพืช, ทรัพยากร, เอเลี่ยน และสถานที่ลึกลับต่างกันไป ส่วน NPC หลายๆ คนก็จะมีให้ผู้เล่นเลือกตอบบทสนทนาได้หลายรูปแบบ แถมเกมนี้ยังมีระบบ Persuasion ให้ผู้เล่น "คุยโน้มน้าว NPC" แบบสุดเจ๋งกว่าเกมก่อนแบบสุดๆ เพราะก่อนจะโน้มน้าวผู้เล่นจะต้อง "สังเกตุนิสัย & ดูว่า NPC เป็นคนยังไงให้ดีๆ" แล้วเราต้องมาเลือกบทสนทนาที่มีโอกาสโน้มน้าว NPC ได้สำเร็จให้ได้แต้มครบตามที่กำหนด ถ้าผู้เล่นตอบผิดก็อาจทำให้โน้มน้าวไม่สำเร็จ หรือถ้าผู้เล่นดวงดีก็อาจโน้มน้าวเขาสำเร็จในคำตอบเดียว ซึ่งมันช่วยทำให้การ Persuasion สนุกขึ้นจากเกม Fallout 4 มากๆ เลย

  • ถ้าผู้เล่นไปหาเบาะแสจุดอ่อนของ NPC คนนั้นมาก่อนหน้า ตอนใช้ระบบ Persuasion ก็จะทำให้โอกาสสำเร็จง่ายขึ้นด้วย ส่งผลให้ผู้เล่นสายเจรจาจะฟินมาก


ส่วนเรื่องระบบ "ต่อสู้" เกมนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเหมือนของเกม Fallout 4 ไม่ว่าจะตอนสู้ด้วยปืนหรือตอนขับยาน โดยตอนขับยานผู้เล่นนั้นยังจะต้อง "บริหารพลังงานว่าจะไปเน้นที่ระบบไหนไปด้วย" สมมุติเราสามารถลดพลังงานความเร็วของยานให้บินช้าลง แล้วเอาพลังไปเพิ่มให้ปืนของยานโจมตีแรงขึ้นได้ หรือเราจะถอดพลังงานทุกระบบออก และใส่พลังงานความเร็วเพียงแค่ระดับ 1 เพื่อทำให้ยาน "ลอบเร้นไม่ให้ศัตรูตรวจพบเจอ" ก็ทำได้เช่นกัน แต่ที่น่าสนใจอีกอย่างมากๆ คือ "เกมมีระบบให้ผู้เล่นต้องรับมือหลายอย่างมาก" ยกตัวอย่างถ้าเราไปเดินบนดาวที่ไม่มีอ็อกซิเจน เราก็สามารถค่อยๆ พลังชีวิตลดแล้วตายได้ ถ้าหากไม่ใส่หมวกให้อ็อกซิเจน หรือเราสามารถป่วยแล้วมีอาการ "ไอ" ทำให้ Stealth แตกง่าย และต้องไปหายามารักษา (พวกอาการป่วยในเกมนี้มีหลากหลายแบบมาก) โดยจุดนี้อาจไม่ทำให้เกมเพลย์ท้าทายขึ้นขนาดนั้น แต่มันช่วยให้ผู้เล่นได้อรรถรสมนุษย์ยุคอวกาศเอาเรื่องเลย

  • ในเกมนี้มีอาวุธประชิต และอาวุธปืนให้เลือกใช้เยอะมาก รวมทั้งอย่าลืมว่าสามารถปรับแต่งได้ แถมปืนยุคมนุษย์ยังอยู่แค่บนโลกก็มีให้ใช้นะ


  • ระบบชุดเกราะในเกมนี้จะมีทั้งแบบ "ชุดธรรมดา" กับ "ชุดเกราะสามารถป้องกันพิษอันตรายต่อร่างกาย" เราสามารถตั้งให้เวลาที่ตัวเอกอยู่บนดาวไม่อันตรายจะไม่ต้องใส่ชุดป้องกัน แล้วตอนไปอยู่บนดาวมีพิษก็ให้ใส่อัตโนมัติก็ได้ ซึ่งมันช่วยเพิ่มอรรถรสมาก


แม้เกมเพลย์ของ Starfield จะฟังดูดีไปหมด แต่ในส่วนนี้ก็มีข้อเสียที่ร้ายแรงเหมือนกัน อย่างแรกคือ "การผจญภัยในเกมนี้ทำได้ไม่ดี" โดยหลักๆ เป็นเพราะระบบขับยานในเกมนี้ส่วนใหญ่จะให้ผู้เล่น "Fast Travel เพื่อลงจอดพื้นดาวหรือบินขึ้นอวกาศ รวมถึงตอนจะไปดาวดวงใหม่ๆ ก็ใช้วิธี Fast Travel" ซึ่งฟังเหมือนดูดีที่ทำให้ผู้เล่นได้ประหยัดเวลา แต่ผู้เล่นก็จะไม่รู้สึกได้ผจญภัยด้วยยานอวกาศเลย แถมยังทำให้ผู้เล่นต้องมาพบเจอหน้าคัทซีท & หน้าโหลดเยอะจนไม่ฟิน รวมทั้งแม้ผู้เขียนจะบอกว่าระบบต่อสู้ทำได้ดี แต่มันก็มีการ Downgrade จากเกม Fallout 4 ที่ทำให้ช่วงท้ายๆ เกมก็รู้สึกระบบต่อสู้น่าเบื่อได้เช่นกัน เพราะระบบต่อสู้นั้นจะมีแค่ให้ผู้เล่นยิงๆ ศัตรูจนพลังชีวิตหมดหลอดแบบไม่ค่อยมีลูกเล่นให้ใช้ลูกเล่นพิเศษอะไรมาช่วย แถมก็ยิงแขนขาศัตรูขาดตอนตายแบบเกม Fallout 4 ไม่ได้แล้ว

  • เวลาจะ Fast Travel ไปลงจอดบนดาวต่างๆ ยังต้องเข้าเมนูของเกมที่ไม่ลื่นไหลด้วย เรียกว่านอกจากไม่ทำให้อินก็ยังทำให้เสียอารมณ์อีก

  • ส่วนการผจญภัยภาคพื้นดินบนดาวต่างๆ แม้เราจะได้ไปเจอสภาพแวดล้อม, พืช, ธาตุ และเอเลี่ยนต่างกัน แต่มันก็งั้นๆ มาก แถมถ้าผู้เล่นจะสำรวจหาดันเจี้ยนหรือจุดลึกลับ ก็ต้องเดินไปแบบน่าเบื่อหลายร้อยเมตร แทบไม่เจอเซอร์ไพร์สอะไรตลอดทาง ส่งผลให้การผจญภัยเกมนี้ไม่ดีเท่าเกมก่อนๆ เช่นกัน


Performance & Graphic


Starfield ถือเป็นหนึ่งในเกมที่ก่อนวางขาย มีหลายคนนั้นกลัวมากๆ ว่า "เกมจะบั๊กเยอะ & เล่นไม่ลื่น" ตามสไตล์เกมก่อนๆ ของค่าย Bethesda แต่ทว่าเกมนี้ก็ถือว่าสร้างเซอร์ไพร์สมากๆ เพราะผู้เขียนนั้นแทบจะไม่พบเจอบั๊กในเกมเลย!!! ตั้งแต่เล่นมาเจอบั๊กที่ทำให้เล่นเควสต่อไม่ได้แค่ 1 ครั้งเท่านั้น ขณะที่พวกอาการ Crash หรือค้างบ่อยก็ไม่มีเลย สามารถเล่นได้ลื่นๆ อย่างมีความสุข

  • บั๊กที่ผู้เขียนเจอคือกำลังจะไปคุยกับ NPC รับเควสหลัก แต่ NPC ดันบินขึ้นฟ้าหนีไปซะงั้น แต่แก้ไขได้ด้วยการโหลดก่อนมาเจอ NPC คนนี้


นอกจากเกมจะลื่นๆ ปัญหาน้อย สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนถูกใจในเกมนี้มากๆ คือ "เกมมีการทำฉากได้สวยงานอลังจัดเต็ม" ไม่ว่าจะตอนที่ผู้เล่นไปลุยดันเจี้ยนต่างๆ หรือตอนเข้าไปในเมืองต่างๆ ตามหลายดาวของเกม ซึ่งในเมืองแรกนี่ก็จะเป็นเมืองใหญ่อลังมาก แต่ผู้เล่นยังเข้าไปสำรวจในพื้นที่ต่างๆ ได้เยอะด้วย แถมเกมยังมีการใส่ใจทำสถานที่ต่างๆ ออกมาให้ได้อรรถรส & พาผู้เล่นฟินสุดๆ ส่วนด้านกราฟิกเกมนี้ก็อาจไม่ได้สวยอันดับต้นๆ ของเกมยุคนี้ แต่พวก Texture นั้นก็ดูดี และเรื่องแสงภายในเกมก็ทำให้ภาพดูได้อลังเอาเรื่อง ส่งผลให้ด้าน Graphic นี่ถือว่าน่าประทับใจอยู่เช่นกัน

  • เมืองแรกสุดของเกม เชื่อว่าหลายคนต้องร้องว้าวแน่นอน แต่เกมก็ยังมีเมืองสวยอื่นๆ ให้เจออีกเพียบ


แต่ในด้าน Performance นั้นก็มีอย่างนึงคือเกมนั้น "กินสเปคการ์ดจอกับ CPU เอาเรื่องเลย" โดยผู้เขียนได้ใช้ซีพียู i5-12400f กับการ์ดจอ RTX 3070Ti สิ่งที่พบคือถ้าผู้เขียนจะเล่นลื่นๆ ที่ 40-60fps ก็ต้องปรับภาพกราฟิกอยู่ระดับ Medium ขณะที่ถ้าปรับ High หรือ Ultra ก็มีตกลงมาที่ 30fps เลยทีเดียว ซึ่งนี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมบน XBOX Series X l S ถึงล็อกที่ 30fps ด้วยนั่นเอง

  • เกมนี้ไม่มีระบบ Ray Tracing และมีระบบ AMD FSR2 ที่ช่วยลดขนาดจอภาพของเกมเพื่อให้เล่นลื่นขึ้น แต่ภาพตอนเล่นก็ยังสวยเหมือนปกติ โดยใช้ได้ทั้งชาวการ์ดจอ Nvidia หรือ AMD หรือ Intel

สรุป


Starfield เป็นเกมที่อยู่ในระดับดี แต่มันก็อาจไม่ได้ดีระดับยอดเยี่ยมเป็นถึงขั้นเกมแห่งปี เนื่องด้วยที่เกมนั้นทำเนื้อเรื่องมาได้ไม่น่าติดตามช่วงต้นถึงกลางเกม และระบบที่ใส่มาเพียบไปหมด แต่ดันทำได้ไม่สุดหลายส่วนจนทำให้คุณรู้สึกว่ามันเป็นเกมตะลุยอวกาศที่ไม่ได้มีความเจ๋งพิเศษ แต่ก็ด้วยความที่ในปัจจุบันมีเพียงเกม Starfield ที่ทำออกมาเป็นแนว Open World Action RPG ธีมยุคอวกาศ จึงส่งผลให้มันก็ยังถือเป็นเกมที่คุณไม่ควรพลาด หากเป็นคนชอบเล่นเกมแนว RPG หรือเกมที่ให้คุณได้เอาเวลาจำนวนมากไปใช้ชีวิตอยู่ในอีกโลกใบหนึ่ง รวมทั้งถ้าทนเล่นไปได้จนถึงช่วง New Game Plus คุณก็จะได้พบความเจ๋งที่ยังไม่เคยมีเกมไหนทำได้ขนาดนี้มาก่อน แต่กว่าจะถึงตอนนั้นก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 ชั่วโมงนั่นเอง

*ขอขอบคุณทาง Edelman Thailand ด้วยนะครับที่ส่งเกม Starfield มาให้พวกเราได้รีวิว*

7
ข้อดี

NG+ ทำให้เกมยอดเยี่ยมขึ้น และพาเล่นเกิน 100 ชั่วโมงง่ายๆ

กิจกรรมเพียบ มีเควสเสริม และเควสสุ่มเจ๋งๆ เยอะไปหมด

เมืองสวยอลังการ ตอนได้ไปเดินแล้วฟินสุดๆ

เล่นลื่น ไม่มีบั๊ก Crash หรือเล่นแล้วค้างบ่อย

ข้อเสีย

เนื้อเรื่องจืด ต้องทนเล่นไปถึงท้ายเกมหรือ NG+

การผจญภัยทำได้ไม่ดี โดยเฉพาะตอนขับยาน

ใส่ระบบมาเยอะ แต่ทำได้ไม่สุดหลายระบบ

กินสเปคเอาเรื่อง ต้องสเปคอันดับต้นๆ ถึงเล่นได้เกิน 60fps

9
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[Review] รีวิว Starfield เกม RPG ตะลุยอวกาศจาก Bethesda ที่สุดเจ๋งมากๆ แต่ต้องทนเล่นให้จบ 1 รอบก่อน!
05/09/2023


หลังเปิดตัวนับตั้งแต่ปี 2018 ในที่สุดเกมใหม่แนว Open World RPG จากค่าย Bethesda อย่าง Starfield ก็ได้วางขายแล้วเสียที!!! โดยเกมนี้วางขายห่างจากเกมก่อนหน้าของค่ายอย่าง Fallout 4 นานมากถึง 8 ปีเลยทีเดียว ทำให้หลายๆ คนก็น่าจะคาดหวังความพัฒนา และสนุกขึ้นกว่า Fallout 4 จากเกมนี้กันเยอะมาก แต่มันจะเป็นแบบนั้นหรือแย่ลง ... วันนี้ทาง GameFever ก็จะขอรีวิวเกม Starfield มาให้ชมกัน!!! ดูกันได้ตามด้านล่างเลย

คลิปตัวอย่างเกมโหมโรง


Starfield คือเกมอะไร?


Starfield เป็นเกมเน้นประสบการณ์ Open World RPG ในยุคที่มนุษย์มียานอวกาศให้ขับเดินทางไปดาวต่างๆ ได้แล้ว เกมจะเน้นให้ผู้เล่นมาเจอเควสสุดน่าติดตาม และให้มาใช้ชีวิตในโลกอีกใบหนึ่ง โดยหลักๆ ก็คือการต้องมาเก็บเลเวลปลดล็อกสกิล หรือสร้างบ้านออกมาให้สวยๆ พร้อมอัปเกรดหรือไปฟาร์มอาวุธ, ชุดเกราะ หรือยานอวกาศเทพๆ มาขับกัน ซึ่ง Bethesda ถือเป็นค่ายที่ทำเกมแนวนี้ออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก และมักยังมีความเจ๋งด้าน Sandbox หรือให้ผู้เล่นได้ Roleplay รูปแบบการเล่นต่างๆ ได้หลากหลายสาย ทำให้มีแฟนหลายคนรอเล่นเกมนี้กันเยอะ

Story


เนื้อเรื่องเปิดมาแบบแสนง่ายมาก เพราะเริ่มเกมมาคุณนั้นคือ "นักขุดแร่ทีมงาน Argos Extractos" ที่กำลังมาทำงานขุดแร่บนดาวแห่งหนึ่ง แต่ชีวิตก็เล่นตลกอย่างรวดเร็ว เพราะอยู่ดีๆ คุณก็ได้ขุดไปเจอ "เศษวัตถุลึกลับ" ที่เมื่อจับก็ทำให้ตัวเองสลบ และเห็นภาพหลอนอะไรบางอย่าง ก่อนที่จะมีคนจากองค์กรแห่งการไขปริศนาอวกาศ Constellation เดินทางมาซื้อเศษวัตถุลึกลับ และหลังเขาได้ทราบว่าคุณจับแล้วเห็นภาพหลอน ก็จึงทำให้เขาได้ส่งคุณมาร่วมองค์กรเพื่อไขปริศนาวัตถุลึกลับนี้ คุณจึงได้เปลี่ยนอาชีพกลายมาเป็นนักไขปริศนาแห่ง Constellation มีหน้าที่ผจญภัยเพื่อ "ตามหาเศษวัตถุลึกลับทุกชิ้นนำมาร่วมร่างกัน และไขปริศนาว่ามันคืออะไรกันแน่" โดยเป้าหมายนี้จะเป็นเควสหลักของคุณไปตลอดทั้งเกม แต่ระหว่างทางก็จะได้เจอสิ่งปริศนาที่มีทั้งน่าสนใจ และเป็นภัยร้ายสุดๆ... พร้อมกับจะได้พบเจอ NPC สุดพิสดารหลายคน หรือได้สร้างมิตรภาพร่วมกับ NPC บางคนจากองค์กร Constellation ที่เราสามารถให้เขาเป็นคู่หูเดินทางไปร่วมกับเราได้

  • NPC คู่หูแต่ละคนจะมีความสามารถ และเนื้อเรื่องที่ต่างกันไป แถมเราสามารถจีบจนแต่งงานได้เลยทีเดียว!


Starfield จะยังคงเป็นเกม RPG ที่ให้ผู้เล่นผจญภัยตามเนื้อเรื่องหลัก และระหว่างทางเราก็จะได้พบเนื้อเรื่องจากเควสเสริมในโลก Open World ที่มีเยอะไปหมดเช่นเคย แถมยังมีเนื้อหาแปลกใหม่น่าสนใจไม่เหมือนกันเยอะมาก และเกมนี้ก็จะยังให้ตัวเอก "มีเนื้อเรื่องก่อนเริ่มเกม" มากขึ้นด้วย เพราะเราสามารถเลือกได้ว่าตัวเอกนั้นมี Background กับ Traits แบบไหน โดย Background คือการให้เลือกว่าตัวเอกเคยทำงานอะไรมาก่อน ถ้าเลือก "นักล่าค่าหัว" ก็จะทำให้เรามีสกิลขับยานล่าศัตรูเก่งมาก และเวลาเจอเควสที่เกี่ยวกับนักล่าค่าหัว เกมก็จะมีบทสนทนาพิเศษมาให้เลือกตอบ NPC และทำให้เราได้ข้อดีกว่าการตอบแบบทั่วไป ส่วน Traits คือชีวิตเราเคยผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง ยกตัวอย่างถ้าเลือก "ยังมีครอบครัว" ก็ทำให้เรายังสามารถไปเจอหน้าพ่อแม่ได้ แต่ทุกอาทิตย์ในเกมเราจะต้องส่งเงินให้เขาใช้ด้วย ส่งผลให้เห็นได้ชัดว่าสิ่งพวกนี้ไม่ได้แค่ทำให้ตัวเอกมีมิติมากขึ้น แต่ยังทำให้เนื้อเรื่องในเกมมีความแตกต่างน่าสนใจต่อการเล่นแต่ละรอบไปอีก

  • Background กับ Traits ก็มีให้เลือกเยอะสุดๆ แต่หลายคนน่าจะชอบ Traits "ฮีโร่" เพราะมันจะทำให้เรานั้นเป็นคนดัง และจะมีแฟนๆ คอยมาให้ของขวัญหรือขอผจญภัยไปกับเราได้


อย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่องหลักภายในเกมนี้ก็กลับ "เบาบาง & ไม่น่าติดตาม" โดยเป็นเพราะเควสหลักช่วงแรกจนถึงกลางเกม ผู้พัฒนานั้นต้องการจะนำเสนอให้ผู้เล่นรู้สึก "อยากติดตามว่าไอ้วัตถุลึกลับนี้มันคืออะไร ทำให้ใช้วิธีการเล่าก็จะเแบบไร้ความชัดเจน ให้ผู้เล่นอยากรู้อยากเห็นแบบขั้นสุด" แต่ผู้เขียนนั้นกลับรู้สึกว่า "มันจืดชืดอ่ะ ไม่มีความอยากเล่นให้จบเพื่อรู้เลย แถมหลายเควสก็ไม่ได้มอบรางวัลดีๆ หรือทำให้รู้สึกคุ้มที่จบเควสนั้น" แม้ช่วงที่เราจะต้องไปตามหาวัตถุลึกลับแต่ละชิ้น เราจะได้พบกับ NPC ที่น่าสนใจ และการผจญภัยไปหลายๆ ดาวแล้วก็ตาม เหมือนกลับว่าผู้พัฒนา "ประสบความล้มเหลวที่จะเล่นมุขเนื้อเรื่องแบบนี้" แต่ยังดีที่ช่วงท้ายเกมมีการ "เปลี่ยนวิธีเล่าเรื่องให้ชัดเจนขึ้น" ทำให้ผู้เล่นอยากเล่นจนจบเกมมากขึ้น แต่ท้ายที่สุดทุกเควสมันก็ "ไม่ได้ยอดเยี่ยมเหมือนของเกม RPG ก่อนๆ จาก Bethesda" เพราะงั้นถ้าใครจะเล่นเกมนี้แค่เฉพาะเนื้อเรื่องหลัก ผู้เขียนขอแนะนำว่ามันอาจจะเป็ความคิดที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่ถ้าเล่นเอาเนื้อหาเควสเสริม หรือมีเวลาเล่น New Game Plus อันนี้ก็ถือว่าดีขึ้นมาหน่อย เพราะเนื้อหาช่วงเควสเสริมทำออกมาน่าติดตามกว่ามาก

Presentation


Starfield เป็นเกมที่จะให้ผู้เล่นได้ผจญภัยทั้งบนภาคพื้นดิน และใช้ยานอวกาศขับเพื่อไปดาวต่างๆ ที่มีมากกว่า 1 พันดวง โดยการเล่นหลักๆ ก็ยังคงให้ผู้เล่นไปรับเควส และก็ออกผจญภัยเพื่อทำเควสให้สำเร็จ พร้อมกับตอนเข้าสถานที่ทำเควส (ดันเจี้ยน) เราก็ต้องจับอาวุธสู้กับศัตรูแบบสุดมันส์ หรือตอนขับยานอยู่ก็อาจมีโจรสลัดมาให้เราบินยานสู้กัน ซึ่งหลังสู้เสร็จเราก็จะได้เก็บของจากศัตรูเพื่อนำมาใช้ให้ตัวเองเก่งขึ้น หรือจะนำไปขายเพื่อได้เงินไปทำอย่างอื่น แถมแน่นอนว่านี่คือเกมที่คุณไปเหยียบดวงดาวได้ถึง 1 พันดวง เกมก็จะมีให้เราได้สำรวจบนดาวต่างๆ ว่ามีสถานลึกลับอะไร และเก็บทรัพยากรต่างๆ มาหา "สร้างที่พักอาศัยสักแห่งบนดาวดวงหนึ่ง" ที่คุณยังสร้างโต๊ะเพื่อปรับแต่งปืนหรือชุดเกราะหรืออื่นๆ ได้หลายรูปแบบ แถมถ้าคุณมีเงินเยอะๆ ก็เอาไปซื้อยานลำใหม่ที่มีความเก่งต่างกันได้หลายชนิด หรือจะไปหาปล้นจากชาวบ้านเขาเอาก็ได้ รวมทั้งยานก็ยังมีระบบปรับแต่งรูปลักษณ์ได้อิสระ หรืออัปเกรดให้แข็งแกร่งขึ้นไปได้อีก

  • การปรับแต่งรูปลักษณ์ยานจะให้เอา Part ส่วนต่างๆ มาประกอบรวมร่างกันได้ตามใจชอบเลย ทำให้เรายังสร้างยานแบบใน Star Wars ก็ได้ด้วย


  • อย่าลืมว่าเกมมีให้เก็บเลเวลด้วย และหลังเลเวลอัปจะได้แต้มมาเลือก 1 สกิล โดยเกมนี้ก็มีสกิลน่าสนใจให้เลือกอัปไปหมด ไม่ว่าจะสกิลสายต่อสู้, สายคราฟ, สายขับยาน, สายลอบเร้น หรือสายอื่นๆ อีกเพียบ


ในด้าน Presentation สิ่งที่ผู้เขียนรู้สึกว้าวมากๆ เกี่ยวกับเกมนี้เลยคือระบบ "New Game Plus" โดยของเกมนี้จะไม่เหมือนของเกมทั่วไป ซึ่งถ้าผู้เขียนบอกว่ามันเป็นยังไงก็อาจทำให้ "สปอย" แต่เอาเป็นว่า New Game Plus สามารถทำให้คุณเล่นเกมนี้ได้เพลินๆ จนจบไปได้อีกไม่ต่ำกว่า "10 รอบ" แล้วผู้เขียนก็มองว่า New Game Plus คือจุดที่ทำให้เกมนี้ยอดเยี่ยม และเป็นเอกลักษณ์ปฎิวัติวงการเกมสุดๆ แถมมันช่วยให้ทุกส่วนในเกม Starfield น่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิมอย่างมาก อีกส่วนที่ดีคือเกมนั้น "มีภารกิจสุ่มหรือกิจกรรมที่ให้ตัวเอก Roleplay ได้เป็นอย่างดี" ยกตัวอย่างในเมืองจะมีให้ผู้เล่นรับภารกิจสุ่มไปล่าค่าหัวอยู่ตลอด แถมการสุ่มภารกิจก็ทำออกมาได้ดีระดับหนึ่ง ส่งผลให้ใครเพิ่งได้ดูซีรี่ส์ Mandalorian พอมาเล่นเกมนี้ต่อก็จะอินมาก

  • ถ้าคุณอยาก Roleplay เป็นทหารรับจ้าง, นักส่งของข้ามกาแล็กซี่, นักขุดแร่ขาย หรือนักค้าของเถื่อนแบบ Hans Solo เกมนี้ก็มีระบบ หรือภารกิจให้ทำแบบนั้นได้แน่นอน โดยอาจทำออกมาได้ไม่เจ๋งขนาดนั้น แต่ก็ช่วยตอบโจทย์ได้ดีเลย

  • เกมนี้ยังจะเหมือนกับเกมก่อนอย่าง Skyrim ที่จะมีหลายๆ ฝ่ายให้ผู้เล่นไปเข้าร่วม และจะได้เจอภารกิจเนื้อเรื่องที่ต่างกันไปอีก ทำให้เรื่องเนื้อหาเกมนี้ไม่ต้องกลัวว่าจะน้อยเท่าเกมหลัก Fallout 4 เยอะเท่าของ Skyrim แน่นอน


แต่ถึงแม้ New Game Plus จะช่วยยกระดับให้เกมน่าสนใจมากขึ้น สิ่งที่ต้องแลกมาก็คือ "ในช่วงที่คุณเล่นเกมนี้ตอนรอบ 1 มันจะรู้สึกจืดสุดๆ" เพราะแม้เกมจะใส่ระบบเจ๋งๆ มาเยอะแยะไปหมด แต่ปัญหาก็คือระบบต่างๆ นั้นทำออกมาได้ไม่สุดหลายส่วนเลย ยกตัวอย่างระบบแต่งปืนของเกมนี้มันก็มีไว้ "ให้อัปเกรดความแข็งแกร่ง & ให้ดูเท่ขึ้นเฉยๆ" ขณะที่ถ้าของเกมก่อนอย่าง Fallout 4 มันยังสามารถทำสุดได้ระดับ "เปลี่ยนปืนพกเป็นปืนไรเฟิลได้" แล้วถ้าพูดถึงส่วนๆ อื่นจะรู้สึกได้เลยว่าทุกอย่างภายในเกมดูธรรมดาไปหมด ซึ่งผู้เขียนก็ถึงขั้นมองว่า "มันเหมือนเป็นเกม RPG ทั่วไปที่ผสมร่วมร่างกับเกม No Man's Sky ก็แค่นั้น" ส่งผลให้จุดนี้เป็นเรื่องที่ต้องเป็นบทเรียนให้ผู้พัฒนาเกมมากๆ เพราะเกมก่อนหน้าทั้งหมดมักจะต้องมีสักระบบที่ทำได้ดีสุด แต่ถ้าคุณสามารถทนเล่นได้ไปจนถึง New Game Plus ทุกส่วนในเกมก็จะเจ๋งขึ้นเอาเรื่องจริงๆ ขอแนะนำรีบโฟกัสเล่นเนื้อเรื่องหลักให้จบไวๆ เพื่อไป New Game Plus ไว้ก่อน แต่รวมๆ เกมนี้ก็อยู่ในขั้นที่ดีนะ ไม่ใช่เกมอยู่ในขั้นแย่ แต่ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมประณีตแบบเกมก่อนๆ แล้ว

  • เควสหลักมีทั้งหมด 20 เควส ใช้เวลาประมาณไม่เกิน 30 ชั่วโมง และช่วงหลังเควส 13 จะเล่นเพลินขึ้น เพราะภารกิจเริ่มมีเนื้อหาที่แปลกใหม่ตลอด แต่ก็ยังรู้สึกว่าทุกเควสมันจืดๆ ไม่ได้มีเนื้อหาน่าจดจำอยู่ดี


Gameplay


Starfield จะเป็นเกมที่ให้ผู้เล่นได้ใช้เวลาเดินพื้นบนดวงดาวต่างๆ มากกว่าใช้เวลาขับยานอวกาศ เนื่องจากเกมนั้นต้องการเน้นให้ผู้เล่นได้สำรวจภาคพื้นดิน และพูดคุยกับ NPC โดยการสำรวจดาวต่างๆ ก็จะทำให้ผู้เล่นเจอสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมือนกัน และแต่ละดาวก็จะมีพืช, ทรัพยากร, เอเลี่ยน และสถานที่ลึกลับต่างกันไป ส่วน NPC หลายๆ คนก็จะมีให้ผู้เล่นเลือกตอบบทสนทนาได้หลายรูปแบบ แถมเกมนี้ยังมีระบบ Persuasion ให้ผู้เล่น "คุยโน้มน้าว NPC" แบบสุดเจ๋งกว่าเกมก่อนแบบสุดๆ เพราะก่อนจะโน้มน้าวผู้เล่นจะต้อง "สังเกตุนิสัย & ดูว่า NPC เป็นคนยังไงให้ดีๆ" แล้วเราต้องมาเลือกบทสนทนาที่มีโอกาสโน้มน้าว NPC ได้สำเร็จให้ได้แต้มครบตามที่กำหนด ถ้าผู้เล่นตอบผิดก็อาจทำให้โน้มน้าวไม่สำเร็จ หรือถ้าผู้เล่นดวงดีก็อาจโน้มน้าวเขาสำเร็จในคำตอบเดียว ซึ่งมันช่วยทำให้การ Persuasion สนุกขึ้นจากเกม Fallout 4 มากๆ เลย

  • ถ้าผู้เล่นไปหาเบาะแสจุดอ่อนของ NPC คนนั้นมาก่อนหน้า ตอนใช้ระบบ Persuasion ก็จะทำให้โอกาสสำเร็จง่ายขึ้นด้วย ส่งผลให้ผู้เล่นสายเจรจาจะฟินมาก


ส่วนเรื่องระบบ "ต่อสู้" เกมนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเหมือนของเกม Fallout 4 ไม่ว่าจะตอนสู้ด้วยปืนหรือตอนขับยาน โดยตอนขับยานผู้เล่นนั้นยังจะต้อง "บริหารพลังงานว่าจะไปเน้นที่ระบบไหนไปด้วย" สมมุติเราสามารถลดพลังงานความเร็วของยานให้บินช้าลง แล้วเอาพลังไปเพิ่มให้ปืนของยานโจมตีแรงขึ้นได้ หรือเราจะถอดพลังงานทุกระบบออก และใส่พลังงานความเร็วเพียงแค่ระดับ 1 เพื่อทำให้ยาน "ลอบเร้นไม่ให้ศัตรูตรวจพบเจอ" ก็ทำได้เช่นกัน แต่ที่น่าสนใจอีกอย่างมากๆ คือ "เกมมีระบบให้ผู้เล่นต้องรับมือหลายอย่างมาก" ยกตัวอย่างถ้าเราไปเดินบนดาวที่ไม่มีอ็อกซิเจน เราก็สามารถค่อยๆ พลังชีวิตลดแล้วตายได้ ถ้าหากไม่ใส่หมวกให้อ็อกซิเจน หรือเราสามารถป่วยแล้วมีอาการ "ไอ" ทำให้ Stealth แตกง่าย และต้องไปหายามารักษา (พวกอาการป่วยในเกมนี้มีหลากหลายแบบมาก) โดยจุดนี้อาจไม่ทำให้เกมเพลย์ท้าทายขึ้นขนาดนั้น แต่มันช่วยให้ผู้เล่นได้อรรถรสมนุษย์ยุคอวกาศเอาเรื่องเลย

  • ในเกมนี้มีอาวุธประชิต และอาวุธปืนให้เลือกใช้เยอะมาก รวมทั้งอย่าลืมว่าสามารถปรับแต่งได้ แถมปืนยุคมนุษย์ยังอยู่แค่บนโลกก็มีให้ใช้นะ


  • ระบบชุดเกราะในเกมนี้จะมีทั้งแบบ "ชุดธรรมดา" กับ "ชุดเกราะสามารถป้องกันพิษอันตรายต่อร่างกาย" เราสามารถตั้งให้เวลาที่ตัวเอกอยู่บนดาวไม่อันตรายจะไม่ต้องใส่ชุดป้องกัน แล้วตอนไปอยู่บนดาวมีพิษก็ให้ใส่อัตโนมัติก็ได้ ซึ่งมันช่วยเพิ่มอรรถรสมาก


แม้เกมเพลย์ของ Starfield จะฟังดูดีไปหมด แต่ในส่วนนี้ก็มีข้อเสียที่ร้ายแรงเหมือนกัน อย่างแรกคือ "การผจญภัยในเกมนี้ทำได้ไม่ดี" โดยหลักๆ เป็นเพราะระบบขับยานในเกมนี้ส่วนใหญ่จะให้ผู้เล่น "Fast Travel เพื่อลงจอดพื้นดาวหรือบินขึ้นอวกาศ รวมถึงตอนจะไปดาวดวงใหม่ๆ ก็ใช้วิธี Fast Travel" ซึ่งฟังเหมือนดูดีที่ทำให้ผู้เล่นได้ประหยัดเวลา แต่ผู้เล่นก็จะไม่รู้สึกได้ผจญภัยด้วยยานอวกาศเลย แถมยังทำให้ผู้เล่นต้องมาพบเจอหน้าคัทซีท & หน้าโหลดเยอะจนไม่ฟิน รวมทั้งแม้ผู้เขียนจะบอกว่าระบบต่อสู้ทำได้ดี แต่มันก็มีการ Downgrade จากเกม Fallout 4 ที่ทำให้ช่วงท้ายๆ เกมก็รู้สึกระบบต่อสู้น่าเบื่อได้เช่นกัน เพราะระบบต่อสู้นั้นจะมีแค่ให้ผู้เล่นยิงๆ ศัตรูจนพลังชีวิตหมดหลอดแบบไม่ค่อยมีลูกเล่นให้ใช้ลูกเล่นพิเศษอะไรมาช่วย แถมก็ยิงแขนขาศัตรูขาดตอนตายแบบเกม Fallout 4 ไม่ได้แล้ว

  • เวลาจะ Fast Travel ไปลงจอดบนดาวต่างๆ ยังต้องเข้าเมนูของเกมที่ไม่ลื่นไหลด้วย เรียกว่านอกจากไม่ทำให้อินก็ยังทำให้เสียอารมณ์อีก

  • ส่วนการผจญภัยภาคพื้นดินบนดาวต่างๆ แม้เราจะได้ไปเจอสภาพแวดล้อม, พืช, ธาตุ และเอเลี่ยนต่างกัน แต่มันก็งั้นๆ มาก แถมถ้าผู้เล่นจะสำรวจหาดันเจี้ยนหรือจุดลึกลับ ก็ต้องเดินไปแบบน่าเบื่อหลายร้อยเมตร แทบไม่เจอเซอร์ไพร์สอะไรตลอดทาง ส่งผลให้การผจญภัยเกมนี้ไม่ดีเท่าเกมก่อนๆ เช่นกัน


Performance & Graphic


Starfield ถือเป็นหนึ่งในเกมที่ก่อนวางขาย มีหลายคนนั้นกลัวมากๆ ว่า "เกมจะบั๊กเยอะ & เล่นไม่ลื่น" ตามสไตล์เกมก่อนๆ ของค่าย Bethesda แต่ทว่าเกมนี้ก็ถือว่าสร้างเซอร์ไพร์สมากๆ เพราะผู้เขียนนั้นแทบจะไม่พบเจอบั๊กในเกมเลย!!! ตั้งแต่เล่นมาเจอบั๊กที่ทำให้เล่นเควสต่อไม่ได้แค่ 1 ครั้งเท่านั้น ขณะที่พวกอาการ Crash หรือค้างบ่อยก็ไม่มีเลย สามารถเล่นได้ลื่นๆ อย่างมีความสุข

  • บั๊กที่ผู้เขียนเจอคือกำลังจะไปคุยกับ NPC รับเควสหลัก แต่ NPC ดันบินขึ้นฟ้าหนีไปซะงั้น แต่แก้ไขได้ด้วยการโหลดก่อนมาเจอ NPC คนนี้


นอกจากเกมจะลื่นๆ ปัญหาน้อย สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนถูกใจในเกมนี้มากๆ คือ "เกมมีการทำฉากได้สวยงานอลังจัดเต็ม" ไม่ว่าจะตอนที่ผู้เล่นไปลุยดันเจี้ยนต่างๆ หรือตอนเข้าไปในเมืองต่างๆ ตามหลายดาวของเกม ซึ่งในเมืองแรกนี่ก็จะเป็นเมืองใหญ่อลังมาก แต่ผู้เล่นยังเข้าไปสำรวจในพื้นที่ต่างๆ ได้เยอะด้วย แถมเกมยังมีการใส่ใจทำสถานที่ต่างๆ ออกมาให้ได้อรรถรส & พาผู้เล่นฟินสุดๆ ส่วนด้านกราฟิกเกมนี้ก็อาจไม่ได้สวยอันดับต้นๆ ของเกมยุคนี้ แต่พวก Texture นั้นก็ดูดี และเรื่องแสงภายในเกมก็ทำให้ภาพดูได้อลังเอาเรื่อง ส่งผลให้ด้าน Graphic นี่ถือว่าน่าประทับใจอยู่เช่นกัน

  • เมืองแรกสุดของเกม เชื่อว่าหลายคนต้องร้องว้าวแน่นอน แต่เกมก็ยังมีเมืองสวยอื่นๆ ให้เจออีกเพียบ


แต่ในด้าน Performance นั้นก็มีอย่างนึงคือเกมนั้น "กินสเปคการ์ดจอกับ CPU เอาเรื่องเลย" โดยผู้เขียนได้ใช้ซีพียู i5-12400f กับการ์ดจอ RTX 3070Ti สิ่งที่พบคือถ้าผู้เขียนจะเล่นลื่นๆ ที่ 40-60fps ก็ต้องปรับภาพกราฟิกอยู่ระดับ Medium ขณะที่ถ้าปรับ High หรือ Ultra ก็มีตกลงมาที่ 30fps เลยทีเดียว ซึ่งนี่ก็น่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมบน XBOX Series X l S ถึงล็อกที่ 30fps ด้วยนั่นเอง

  • เกมนี้ไม่มีระบบ Ray Tracing และมีระบบ AMD FSR2 ที่ช่วยลดขนาดจอภาพของเกมเพื่อให้เล่นลื่นขึ้น แต่ภาพตอนเล่นก็ยังสวยเหมือนปกติ โดยใช้ได้ทั้งชาวการ์ดจอ Nvidia หรือ AMD หรือ Intel

สรุป


Starfield เป็นเกมที่อยู่ในระดับดี แต่มันก็อาจไม่ได้ดีระดับยอดเยี่ยมเป็นถึงขั้นเกมแห่งปี เนื่องด้วยที่เกมนั้นทำเนื้อเรื่องมาได้ไม่น่าติดตามช่วงต้นถึงกลางเกม และระบบที่ใส่มาเพียบไปหมด แต่ดันทำได้ไม่สุดหลายส่วนจนทำให้คุณรู้สึกว่ามันเป็นเกมตะลุยอวกาศที่ไม่ได้มีความเจ๋งพิเศษ แต่ก็ด้วยความที่ในปัจจุบันมีเพียงเกม Starfield ที่ทำออกมาเป็นแนว Open World Action RPG ธีมยุคอวกาศ จึงส่งผลให้มันก็ยังถือเป็นเกมที่คุณไม่ควรพลาด หากเป็นคนชอบเล่นเกมแนว RPG หรือเกมที่ให้คุณได้เอาเวลาจำนวนมากไปใช้ชีวิตอยู่ในอีกโลกใบหนึ่ง รวมทั้งถ้าทนเล่นไปได้จนถึงช่วง New Game Plus คุณก็จะได้พบความเจ๋งที่ยังไม่เคยมีเกมไหนทำได้ขนาดนี้มาก่อน แต่กว่าจะถึงตอนนั้นก็ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 20 ชั่วโมงนั่นเอง

*ขอขอบคุณทาง Edelman Thailand ด้วยนะครับที่ส่งเกม Starfield มาให้พวกเราได้รีวิว*


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header