กลายเป็นดราม่าใหญ่โตระหว่างผู้เล่นด้วยกันเองภายในเวลาแค่ 1 คืน สำหรับ แฮชแท็ก BoycottGenshin ใน Twitter ต่างประเทศ โดยประเด็นดราม่าที่ถูกหยิบขึ้นมาพูดมีอยู่มากมายหลายอย่าง แต่สามารถแบ่งออกเป็นหลักๆ ได้ 4 เรื่อง คือ ขาดการตรวจสอบความปลอดภัยบัญชีผู้เล่น, แฝงความเหยียดชาวพื้นเมืองอเมริกัน, แฝงการเหยียดคนผิวสี และแฝงการสนับสนุนการทำอนาจารเด็ก
ประเด็นแรกเกิดจากความไม่พอใจของกลุ่มผู้เล่นที่ถูกแฮ็ก ID ไป และไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก MiHoYo ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือเรื่องของผู้ใช้งาน Reddit คนหนึ่งที่โพสต์วิดีโอขอความช่วยเหลือจากบริษัท แต่กลับได้รับคำตอบว่า 'เราไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้' ซึ่งร้อนแรงขึ้นไปอีกเมื่อมีการหยิบเหตุการณ์ข้อมูลหลุดของแพตช์ 1.5 ที่บริษัทขอให้แฟนๆ อย่าแชร์ข้อมูลดังกล่าวออกไป ส่งผลให้หลายคนตั้งคำถามว่า 'ที่ความปลอดภัยข้อมูล ID ของพวกเขายังไม่ได้รับการดูแลเลย ทำไมพวกเขาต้องสนใจความปลอดภัยข้อมูลของ MiHoYo ด้วย?'
ประเด็นที่สองเกิดจากการที่มีคนสังเกตว่าถ้าเต้นของ Hilichurls ศัตรูประเภทหนึ่งภายในเกมดันไปเหมือนกับ ท่าเต้นของชาวพื้นเมืองอเมริกันกลุ่มหนึ่ง และด้วยความที่คำอธิบายของเผ่า Hilichurls ถูกเขียนว่า 'ไร้ภูมิปัญญา และยากที่จะทำความเข้าใจ' จึงทำให้หลายคนคิดว่า MiHoYo แฝงความเหยียดชาวพื้นเมืองอเมริกันไว้ในเกมครับ
ประเด็นที่สามเกิดจากคำอธิบายตัวละคร Xinyan กับ Kaeya ที่เป็นตัวละครผิวสีสองตัวที่เล่นได้ตอนนี้ มีการเขียนคำอธิบายโดยใช้คำว่า Exotic (แปลก), Fierce (ดุร้าย), Scary (น่ากลัว) ทำให้เกิดคำถามว่า 'ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงออกถึงความเหยียดคนผิวสีรึเปล่า?' ครับ
ประเด็นสุดท้ายเกิดจากการสังเกตคำพูดของ NPC สองตัว Ulfr กับ Albert ที่แสดงความสนใจในตัวละคร Flora กับ Barbara ที่เป็นตัวละครหญิงอายุน้อยภายในเกม นำไปสู่การกล่าวหา MiHoYo ว่าสนับสนุนการทำอนาจารเด็ก
มาถึงจุดนี้มันคงเป็นเรื่องยากแล้วที่จะตามหาว่าใครคือจุดเริ่มต้นของ #BoycottGenshin ผู้ใช้งาน Twitter หลายคนเชื่อว่า MiHoYo เองนั่นแหละคือเบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ เนื่องจากต่อให้ดีหรือร้าย กระแสเกี่ยวกับเกม ก็ยังถือเป็นสิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของเกมโด่งดังมากขึ้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้จะจบยังไง คงต้องติดตามกันต่อไปครับ
Credit: https://www.inverse.com/gaming/boycott-genshin-impact-explained-mihoyo
กลายเป็นดราม่าใหญ่โตระหว่างผู้เล่นด้วยกันเองภายในเวลาแค่ 1 คืน สำหรับ แฮชแท็ก BoycottGenshin ใน Twitter ต่างประเทศ โดยประเด็นดราม่าที่ถูกหยิบขึ้นมาพูดมีอยู่มากมายหลายอย่าง แต่สามารถแบ่งออกเป็นหลักๆ ได้ 4 เรื่อง คือ ขาดการตรวจสอบความปลอดภัยบัญชีผู้เล่น, แฝงความเหยียดชาวพื้นเมืองอเมริกัน, แฝงการเหยียดคนผิวสี และแฝงการสนับสนุนการทำอนาจารเด็ก
ประเด็นแรกเกิดจากความไม่พอใจของกลุ่มผู้เล่นที่ถูกแฮ็ก ID ไป และไม่ได้รับความช่วยเหลือจาก MiHoYo ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดคือเรื่องของผู้ใช้งาน Reddit คนหนึ่งที่โพสต์วิดีโอขอความช่วยเหลือจากบริษัท แต่กลับได้รับคำตอบว่า 'เราไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้' ซึ่งร้อนแรงขึ้นไปอีกเมื่อมีการหยิบเหตุการณ์ข้อมูลหลุดของแพตช์ 1.5 ที่บริษัทขอให้แฟนๆ อย่าแชร์ข้อมูลดังกล่าวออกไป ส่งผลให้หลายคนตั้งคำถามว่า 'ที่ความปลอดภัยข้อมูล ID ของพวกเขายังไม่ได้รับการดูแลเลย ทำไมพวกเขาต้องสนใจความปลอดภัยข้อมูลของ MiHoYo ด้วย?'
ประเด็นที่สองเกิดจากการที่มีคนสังเกตว่าถ้าเต้นของ Hilichurls ศัตรูประเภทหนึ่งภายในเกมดันไปเหมือนกับ ท่าเต้นของชาวพื้นเมืองอเมริกันกลุ่มหนึ่ง และด้วยความที่คำอธิบายของเผ่า Hilichurls ถูกเขียนว่า 'ไร้ภูมิปัญญา และยากที่จะทำความเข้าใจ' จึงทำให้หลายคนคิดว่า MiHoYo แฝงความเหยียดชาวพื้นเมืองอเมริกันไว้ในเกมครับ
ประเด็นที่สามเกิดจากคำอธิบายตัวละคร Xinyan กับ Kaeya ที่เป็นตัวละครผิวสีสองตัวที่เล่นได้ตอนนี้ มีการเขียนคำอธิบายโดยใช้คำว่า Exotic (แปลก), Fierce (ดุร้าย), Scary (น่ากลัว) ทำให้เกิดคำถามว่า 'ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงออกถึงความเหยียดคนผิวสีรึเปล่า?' ครับ
ประเด็นสุดท้ายเกิดจากการสังเกตคำพูดของ NPC สองตัว Ulfr กับ Albert ที่แสดงความสนใจในตัวละคร Flora กับ Barbara ที่เป็นตัวละครหญิงอายุน้อยภายในเกม นำไปสู่การกล่าวหา MiHoYo ว่าสนับสนุนการทำอนาจารเด็ก
มาถึงจุดนี้มันคงเป็นเรื่องยากแล้วที่จะตามหาว่าใครคือจุดเริ่มต้นของ #BoycottGenshin ผู้ใช้งาน Twitter หลายคนเชื่อว่า MiHoYo เองนั่นแหละคือเบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ เนื่องจากต่อให้ดีหรือร้าย กระแสเกี่ยวกับเกม ก็ยังถือเป็นสิ่งที่ทำให้ชื่อเสียงของเกมโด่งดังมากขึ้น ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้จะจบยังไง คงต้องติดตามกันต่อไปครับ
Credit: https://www.inverse.com/gaming/boycott-genshin-impact-explained-mihoyo