ณ จุดนี้ เชื่อว่าเกมเมอร์น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับ "Elden Ring" หนึ่งในเกมแอคชั่น RPG ตระกูล Soulsborne ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้ โดยนอกจากความยากมหาหินอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้พัฒนา FromSoftware นัั้น จุดเด่นสำคัญอย่างหนึ่งของเกม Elden Ring คือการสร้าง "บิ๊ลด์" (Build) หรือ "สาย" ของตัวละครในเกม ที่ให้คุณสามารถใช้อาวุธและสกิลต่าง ๆ มาผสมผสานกันอย่างหลากหลายไม่สิ้นสุด เพื่อปราบศัตรูอันร้ายกาจนับไม่ถ้วนที่รออยู่บนหนทางสู่บัลลังค์ Elden Lord ของคุณ
เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้มัวหมองหน้าใหม่หลาย ๆ คนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่แคนมัฌชิมาเป็นครั้งแรก (หรือผู้มัวหมองหน้าเก่าที่อยากหาอะไรใหม่ ๆ เล่น) วันนี้พวกเรา GameFever TH จึงขอมาแนะนำไกด์สอนบิ๊ลด์สาย: Bleed หรือ "เลือดออก" ซึ่งเป็นสายการเล่นที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในเกม จากความสามารถในการสร้างความเสียหายมหาศาลจากสถานะ Blood Loss แถมยังมีตัวเลือกให้พลิกแพลงผสมผสานกันได้อีกมากเมื่อเทียบกับสายอื่น ๆ บางสาย ทำให้นอกจากจะมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมแล้ว ยังเปิดทางเลือกให้ผู้เล่นได้ทดลองของใหม่ ๆ แก้เบื่อได้อีกด้วย!
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น การเล่นตัวละครสาย Bleed จะเน้นไปที่การทำให้ศัตรูติดสถานะ Blood Loss ให้บ่อยและรวดเร็วที่สุด โดยสถานะดังกล่าวจะส่งผลให้ศัตรูเสียพลังชีวิตเทียบเท่ากับ 15% ของพลังชีวิตทั้งหมดทันที หมายความว่าไม่ว่าศัตรูตัวนั้นจะมีพลังชีวิตมากขนาดไหน ถ้าหากโดน Bleed ครบ 7 ครั้งก็จะตายทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไขเลยทีเดียว
เช่นเดียวกันสถานะผิดปกติอื่น ๆ ในเกม Elden Ring อย่าง Poison (ติดพิษ) หรือ Frostbite (แช่แข็ง) สถานะ Bleed หรือ Blood Loss นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อเราใช้อาวุธที่มีค่าสถานะนั้นโจมตีศัตรูไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่ง ซึ่งก็หมายความว่าการต่อสู้กับศัตรูหรือบอสซักตัวอาจจะต้องติดสถานะเพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น เพราะยังมีความเสียหายจากการโจมตีปกติปนอยู่เสมอ
หากจะมีจุดอ่อน คงเป็นการที่มีศัตรูและบอสบางตัวในเกมที่ไม่สามารถติดสถานะ Blood Loss ได้ ซึ่งเมื่อเจอศัตรูเหล่านี้ก็อาจจะทำให้ตึงมือขึ้นมามากขึ้นบ้าง แต่เอาเข้าจริงลก็ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น โดยบิ๊ลด์ Bleed สามารถใช้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบเกมเลยทีเดียว
Stats ที่คุณควรอัพ
ในส่วนของค่า Stat นั้น น่าจะเป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงเมื่อเริ่มเลือกอาชีพตัวละครช่วงต้นเกม โดยแม้ว่าจะสามารถหาไอเทมมารีเซ็ต Stat ได้ในภายหลัง แต่การเริ่มต้นให้ถูกทางย่อมทำให้การเล่นเกมสะดวกสบายมากขึ้น โดยนอกจากค่า Vigor (ที่เพิ่มขนาดหลอดเลือด) และค่า Endurance (เพิ่มหลอดสตามิน่า) ที่ควรค่อย ๆ อัพตลอดการเล่นอยู่แล้ว ค่า Stat ที่สายนี้ควรเน้นประกอบไปด้วย:
ตัวอย่างของการอัพ Stat ช่วงท้ายเกมสำหรับตัวละครสาย Bleed ที่ใช้อาวุธสาย DEXTERITY:
Stats | Value |
---|---|
Vigor | 60 |
Mind | 15 |
Endurance | 30 |
Strength | 17 |
Dexterity | 45 |
Intelligence | 9 |
Faith | 8 |
Arcane | 45 |
เนื่องจากการคำนวนค่าสถานะต่าง ๆ มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่โจมตี ทำให้อาวุธสาย Bleed ส่วนใหญ่มักจะเป็นอาวุธที่สามารถโจมตีศัตรูได้หลายครั้งในระยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าจะจากท่วงท่าการโจมตีของอาวุธประเภทนั้นทั้งหมด หรือเป็นสกิลที่ทำให้สามารถโจมตีหลายครั้งในการกดใช้ครั้งเดียวเป็นต้น
Uchigatana
เอาเข้าจริง ๆ แล้วสาย Bleed จะสามารถใช้อาวุธอะไรก็ได้ที่มีค่า Blood Loss Buildup ติดอยู่ โดยสำหรับช่วงเริ่มต้นนั้นอาวุธดาบคาตะนะ Uchigatana ถือเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมาพร้อมกับค่า Blood Loss Buildup ตั้งต้นถึง 45 แถมท่าโจมตีของอาวุธประเภทดาบคาตานะยังมีความรวดเร็วและคล่องตัวประมาณหนึ่ง ซึ่งก็มีประโยชน์สำหรับการเล่นสาย Bleed อย่างแน่นอน และถ้าเลือกอาชีพซามูไรตั้งแต่ต้นเกมก็จะสามารถเริ่มเกมพร้อมกับดาบนี้ได้เลยอีกด้วย
ทั้งนี้ ตัวเลือกช่วงต้นเกมที่น่าสนใจก็ยังมีดาบ Curved Swords ของอาชีพ Warrior และดอบสองด้าน Twin Blade ซึ่งก็สามารถหาเก็บได้ตั้งแต่ช่วงต้นเกมเช่นเดียวกัน โดยผู้เล่นที่ไม่ได้เลือกเริ่มเล่นเป็นอาชีพซามูไรจะสามารถหาดาบนี้ได้จากดันเจี้ยน Deathtouched Catacombs ในเขต Stormhill ของภูมิภาค Limgrave
Rivers Of Blood
นอกจากท่าโจมตีของอาวุธดาบคาตานะที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ดาบ Rivers of Blood ยังมีจุดเด่นตรงสกิลประจำตัว Corpse Piler ที่จะฟาดฟันดาบออกไปเป็นคอมโบหลายครั้งอย่างรวดเร็ว โดยการโจมตีแต่ละครั้งยังจะมีคลื่นดาบกระจายออกไปเพื่อเพิ่มระยะของการโจมตี แถมยังเพิ่มสถานะ Blood Loss ได้รวดเร็วกว่าการโจมตีปกติอีกด้วย แต่ความเสียหายของสกิลก็สูงมากพอที่หลายครั้งอาจฆ่าศัตรูตายก่อนจะติดสถานะ Blood Loss ได้ด้วยซ้ำ!
สามารหาดาบเล่มนี้ได้จากการเอาชนะ NPC ที่ชื่อว่า Bloody Finger Okina ได้แถวโบสถ์ Church of Repose ในเขต Mountaintop of the Giants
Eleonora's Poleblade
หากคุณไม่ชอบใช้ดาบคาตานะ อาวุธดาบสองด้านอย่าง Eleonora's Poleblade ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยท่าโจมตีของอาวุธที่สามารถสร้างความเสียหายได้หลายครั้งในการกดโจมตีเพียงครั้งเดียว ทำให้สามารถติดสถานะ Blood Loss ได้รวดเร็วกว่าอาวุธคาตานะอีกในหลาย ๆ กรณี โดยอาวุธชิ้นนี้ยังมาพร้อมความสามารถติดตัว Bloodblade Dance ที่จะควงอาวุธรอบ ๆ ตัวเพื่อโจมตีศัตรูหลายครั้งติดกัน อาจเรียกอาวุธนี้ได้ว่าเป็นดาบ Rivers of Blood เวอร์ชั่นดาบสองด้านก็ได้
อาวุธชิ้นนี้จะได้รับเมื่อเอาชนะ NPC ชื่อ Eleonora, Violet Bloody Finger ที่โบสถ์ Second Church of Marika ในเขต Altus Plateau
Godskin Peeler (หรืออาวุธใด ๆ ก็แล้วแต่ที่แปะเถ้าสงครามเองได้)
อาวุธหน้าตาประหลาดนี้จัดอยู่ในประเภทเดียวกับ Eleonora's Poleblade ซึ่งก็ทำให้มีความสามารถในการโจมตีหลายครั้งติด ๆ กันอย่างรวดเร็ว โดยข้อดีอย่างหนึ่งของอาวุธนี้คือการที่มันไม่ใช่อาวุธพิเศษ ผู้เล่นจึงสามารถเลือกสวมใส่สกิลที่ต้องการได้ผ่านระบบเถ้าสงครามนั่นเอง ซึ่งสกิลที่นิยมใช้กันบ่อย ๆ ก็คือสกิล Seppuku ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นแทงตัวเองหนึ่งครั้ง สร้างความเสียหายเท่ากับสถานะ Blood Loss (หรือ 15% ของพลังชีวิต) เพื่อทำให้อาวุธได้ค่า Buildup เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จนช่วงท้ายเกมแทบจะติดสถานะในการโจมตีครั้งเดียวได้เลย
ทั้งนี้ จุดสำคัญจริง ๆ อาจไม่ใช่ตัวอาวุธ แต่คือความสามารถในการแปะเถ้าสงคราม Seppuku ต่างหาก ฉะนั้นหากคุณมีอาวุธที่ชื่นชอบนอกจาก Godskin Peeler ที่สามารถแปะเถ้าสงครามได้ ก็สามารถใช้ได้ทั้งหมด ขอเพียงแค่ให้อาวุธนั้นมีค่า Buildup ติดตัวมาอยู่แล้ว และสามารถโจมตีได้รวดเร็ว โดยอาวุธ Godskin Peeler สามารถเก็บได้จากบอส Godskin Apostle ในหมู่บ้าน Windmill Village เขต Altus Plateau
ว่ากันจริง ๆ แล้ว เวทย์มนต์ที่มีความสามารถสาย Bleed ในเกม Elden Ring นั้นมีอยู่เพียง 4 ตัวเลือกเท่านั้น โดยทั้งหมดเป็นเวทย์สาย Incantation ที่ต้องใช้อาวุธ Seal ในการร่าย ซึ่งแน่นอนว่า Seal ที่เหมาะกับสายนี้ต้องเป็น Dragon Communion's Seal ที่ได้รับพลังโจมตีเพิ่มจากค่า Arcane ของเราด้วย
ในส่วนของคาถาที่นิยมใช้กันบ่อย ๆ ประกอบไปด้วย:
สำหรับคาถานี้จะทำการเสกฝูงแมลงวันออกมา ซึ่งจะไล่ตามไปกัดศัตรูเป้าหมายเพื่อติดสถานะ Blood Loss อย่างรวดเร็ว โดยแม้ว่าเวทย์นี้จะไม่ได้ทำความเสียหายด้วยตัวเองมากนัก แต่ก็สามารถร่ายได้อย่างรวดเร็วและใช้ FP ไม่มาก เหมาะสำหรับการใช้โจมตีบอสที่โจมตีเราอย่างรวดเร็วจนหาช่องสวนกลับยาก
เสกเพลิงโลหิตมาปกคลุมอาวุธ โดยนอกจากจะเพิ่มความเสียหายธาตุไฟให้กับอาวุธแล้ว เวทย์นี้ยังจะบัฟค่า Buildup ของอาวุธเพิ่มขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญคือสถานะ Bloodflame นั้นจะส่งผลคล้ายให้ศัตรูโดน "เผา" ด้วยเพลิงโลหิตเพิ่มทุกครั้งที่โจมตี ซึ่งนอกจากจะสร้างความเสียหายแล้ว ยังทำให้ศัตรูยังคงได้รับค่า Buildup สถานะ Blood Loss เพิ่มต่อไปอีกครู่หนึ่งหลังจากที่โดนโจมตี ทำให้ยิ่งติดสถานะ Blood Loss ง่ายขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ เวทย์นี้จะใช้ได้กับอาวุธที่ไม่ได้มีความเสียหายพิเศษติดมาอยู่แล้ว (เช่นอาวุธบางอันอาจสร้างความเสียหายกายภาพ + ไฟเป็นต้น) ซึ่งก็จำกัดตัวเลือกลงมาประมาณหนึ่ง ใครอยากใช้เวทย์นี้ก็ลองดูดี ๆ ก่อนนะจ๊ะว่าอาวุธที่เราชอบมันสามารถติดบัฟได้หรือเปล่า
ในส่วนของ Talisman นั้น แต่ละคนก็อาจมีตัวเลือกที่ชอบต่างกันไป แต่ Talisman ที่เราแนะนำว่าเหมาะสมกับสาย Bleed เป็นอย่างมากก็มีอยู่สองชิ้นคือ:
สำหรับ Talisman ตัวนี้จะเพิ่มความเสียหายทั้งหมดที่เราทำ 20% ทุกครั้งที่มีศัตรูติดสถานะ Blood Loss ในรัศมี ซึ่งสำหรับสายนี้เท่ากับว่าแทบจะได้บัฟนี้ตลอดเวลาเลยทีเดียว
Talisman ตัวนี้จะเพิ่มพลังโจมตีขึ้นเมื่อเราสามารถโจมตีศัตรูอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาวุธสาย Bleed ส่วนใหญ่ต้องการจะทำความเสียหายหลายครั้งในระยะเวลาสั้น ๆ อยู่แล้ว จึงเหมาะกับ Talisman ตัวนี้พอดี
หากจะให้ว่ากันตามตรง เกราะในเกม Elden Ring นั้นส่งผลต่อการเล่นโดยรวมไม่มากนัก โดยคำแนะนำกลาง ๆ ก็คือให้สวมเกราะที่ให้พลังป้องกันมากที่สุดโดยที่ไม่ทำให้น้ำหนักตัวของเราสูงเกินไปจนกลิ้งไม่ได้ จะมีก็เพียงช่องหมวกเท่านั้นที่อยากแนะนำให้ใส่:
เกราะเพียงชิ้นเดียวที่สำคัญคือ White Mask ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเสียหายทุกครั้งที่มีการติด Blood Loss ใกล้ผู้เล่น คล้ายกับไอเทม Lord Of Blood's Exultation ที่กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ โดยส่วนที่ดีที่สุดของ White Mask คือมันสามารถมีผลซ้อนทับกับ Talisman ดังกล่าวได้ ทำให้เราได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นแทบจะตลอดเวลาที่ต่อสู้เลยทีเดียว
Credit: THEGAMER , Elden Ring Wiki
ณ จุดนี้ เชื่อว่าเกมเมอร์น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกับ "Elden Ring" หนึ่งในเกมแอคชั่น RPG ตระกูล Soulsborne ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตอนนี้ โดยนอกจากความยากมหาหินอันเป็นเอกลักษณ์ของผู้พัฒนา FromSoftware นัั้น จุดเด่นสำคัญอย่างหนึ่งของเกม Elden Ring คือการสร้าง "บิ๊ลด์" (Build) หรือ "สาย" ของตัวละครในเกม ที่ให้คุณสามารถใช้อาวุธและสกิลต่าง ๆ มาผสมผสานกันอย่างหลากหลายไม่สิ้นสุด เพื่อปราบศัตรูอันร้ายกาจนับไม่ถ้วนที่รออยู่บนหนทางสู่บัลลังค์ Elden Lord ของคุณ
เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้มัวหมองหน้าใหม่หลาย ๆ คนที่กำลังจะก้าวเข้าสู่แคนมัฌชิมาเป็นครั้งแรก (หรือผู้มัวหมองหน้าเก่าที่อยากหาอะไรใหม่ ๆ เล่น) วันนี้พวกเรา GameFever TH จึงขอมาแนะนำไกด์สอนบิ๊ลด์สาย: Bleed หรือ "เลือดออก" ซึ่งเป็นสายการเล่นที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ ในเกม จากความสามารถในการสร้างความเสียหายมหาศาลจากสถานะ Blood Loss แถมยังมีตัวเลือกให้พลิกแพลงผสมผสานกันได้อีกมากเมื่อเทียบกับสายอื่น ๆ บางสาย ทำให้นอกจากจะมีประสิทธิภาพยอดเยี่ยมแล้ว ยังเปิดทางเลือกให้ผู้เล่นได้ทดลองของใหม่ ๆ แก้เบื่อได้อีกด้วย!
อย่างที่กล่าวไปข้างต้น การเล่นตัวละครสาย Bleed จะเน้นไปที่การทำให้ศัตรูติดสถานะ Blood Loss ให้บ่อยและรวดเร็วที่สุด โดยสถานะดังกล่าวจะส่งผลให้ศัตรูเสียพลังชีวิตเทียบเท่ากับ 15% ของพลังชีวิตทั้งหมดทันที หมายความว่าไม่ว่าศัตรูตัวนั้นจะมีพลังชีวิตมากขนาดไหน ถ้าหากโดน Bleed ครบ 7 ครั้งก็จะตายทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไขเลยทีเดียว
เช่นเดียวกันสถานะผิดปกติอื่น ๆ ในเกม Elden Ring อย่าง Poison (ติดพิษ) หรือ Frostbite (แช่แข็ง) สถานะ Bleed หรือ Blood Loss นั้นจะเกิดขึ้นเมื่อเราใช้อาวุธที่มีค่าสถานะนั้นโจมตีศัตรูไปเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่ง ซึ่งก็หมายความว่าการต่อสู้กับศัตรูหรือบอสซักตัวอาจจะต้องติดสถานะเพียง 2-3 ครั้งเท่านั้น เพราะยังมีความเสียหายจากการโจมตีปกติปนอยู่เสมอ
หากจะมีจุดอ่อน คงเป็นการที่มีศัตรูและบอสบางตัวในเกมที่ไม่สามารถติดสถานะ Blood Loss ได้ ซึ่งเมื่อเจอศัตรูเหล่านี้ก็อาจจะทำให้ตึงมือขึ้นมามากขึ้นบ้าง แต่เอาเข้าจริงลก็ไม่ได้มีเยอะขนาดนั้น โดยบิ๊ลด์ Bleed สามารถใช้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบเกมเลยทีเดียว
Stats ที่คุณควรอัพ
ในส่วนของค่า Stat นั้น น่าจะเป็นสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงเมื่อเริ่มเลือกอาชีพตัวละครช่วงต้นเกม โดยแม้ว่าจะสามารถหาไอเทมมารีเซ็ต Stat ได้ในภายหลัง แต่การเริ่มต้นให้ถูกทางย่อมทำให้การเล่นเกมสะดวกสบายมากขึ้น โดยนอกจากค่า Vigor (ที่เพิ่มขนาดหลอดเลือด) และค่า Endurance (เพิ่มหลอดสตามิน่า) ที่ควรค่อย ๆ อัพตลอดการเล่นอยู่แล้ว ค่า Stat ที่สายนี้ควรเน้นประกอบไปด้วย:
ตัวอย่างของการอัพ Stat ช่วงท้ายเกมสำหรับตัวละครสาย Bleed ที่ใช้อาวุธสาย DEXTERITY:
Stats | Value |
---|---|
Vigor | 60 |
Mind | 15 |
Endurance | 30 |
Strength | 17 |
Dexterity | 45 |
Intelligence | 9 |
Faith | 8 |
Arcane | 45 |
เนื่องจากการคำนวนค่าสถานะต่าง ๆ มักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่โจมตี ทำให้อาวุธสาย Bleed ส่วนใหญ่มักจะเป็นอาวุธที่สามารถโจมตีศัตรูได้หลายครั้งในระยะเวลาอันสั้น ไม่ว่าจะจากท่วงท่าการโจมตีของอาวุธประเภทนั้นทั้งหมด หรือเป็นสกิลที่ทำให้สามารถโจมตีหลายครั้งในการกดใช้ครั้งเดียวเป็นต้น
Uchigatana
เอาเข้าจริง ๆ แล้วสาย Bleed จะสามารถใช้อาวุธอะไรก็ได้ที่มีค่า Blood Loss Buildup ติดอยู่ โดยสำหรับช่วงเริ่มต้นนั้นอาวุธดาบคาตะนะ Uchigatana ถือเป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมาพร้อมกับค่า Blood Loss Buildup ตั้งต้นถึง 45 แถมท่าโจมตีของอาวุธประเภทดาบคาตานะยังมีความรวดเร็วและคล่องตัวประมาณหนึ่ง ซึ่งก็มีประโยชน์สำหรับการเล่นสาย Bleed อย่างแน่นอน และถ้าเลือกอาชีพซามูไรตั้งแต่ต้นเกมก็จะสามารถเริ่มเกมพร้อมกับดาบนี้ได้เลยอีกด้วย
ทั้งนี้ ตัวเลือกช่วงต้นเกมที่น่าสนใจก็ยังมีดาบ Curved Swords ของอาชีพ Warrior และดอบสองด้าน Twin Blade ซึ่งก็สามารถหาเก็บได้ตั้งแต่ช่วงต้นเกมเช่นเดียวกัน โดยผู้เล่นที่ไม่ได้เลือกเริ่มเล่นเป็นอาชีพซามูไรจะสามารถหาดาบนี้ได้จากดันเจี้ยน Deathtouched Catacombs ในเขต Stormhill ของภูมิภาค Limgrave
Rivers Of Blood
นอกจากท่าโจมตีของอาวุธดาบคาตานะที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ดาบ Rivers of Blood ยังมีจุดเด่นตรงสกิลประจำตัว Corpse Piler ที่จะฟาดฟันดาบออกไปเป็นคอมโบหลายครั้งอย่างรวดเร็ว โดยการโจมตีแต่ละครั้งยังจะมีคลื่นดาบกระจายออกไปเพื่อเพิ่มระยะของการโจมตี แถมยังเพิ่มสถานะ Blood Loss ได้รวดเร็วกว่าการโจมตีปกติอีกด้วย แต่ความเสียหายของสกิลก็สูงมากพอที่หลายครั้งอาจฆ่าศัตรูตายก่อนจะติดสถานะ Blood Loss ได้ด้วยซ้ำ!
สามารหาดาบเล่มนี้ได้จากการเอาชนะ NPC ที่ชื่อว่า Bloody Finger Okina ได้แถวโบสถ์ Church of Repose ในเขต Mountaintop of the Giants
Eleonora's Poleblade
หากคุณไม่ชอบใช้ดาบคาตานะ อาวุธดาบสองด้านอย่าง Eleonora's Poleblade ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ด้วยท่าโจมตีของอาวุธที่สามารถสร้างความเสียหายได้หลายครั้งในการกดโจมตีเพียงครั้งเดียว ทำให้สามารถติดสถานะ Blood Loss ได้รวดเร็วกว่าอาวุธคาตานะอีกในหลาย ๆ กรณี โดยอาวุธชิ้นนี้ยังมาพร้อมความสามารถติดตัว Bloodblade Dance ที่จะควงอาวุธรอบ ๆ ตัวเพื่อโจมตีศัตรูหลายครั้งติดกัน อาจเรียกอาวุธนี้ได้ว่าเป็นดาบ Rivers of Blood เวอร์ชั่นดาบสองด้านก็ได้
อาวุธชิ้นนี้จะได้รับเมื่อเอาชนะ NPC ชื่อ Eleonora, Violet Bloody Finger ที่โบสถ์ Second Church of Marika ในเขต Altus Plateau
Godskin Peeler (หรืออาวุธใด ๆ ก็แล้วแต่ที่แปะเถ้าสงครามเองได้)
อาวุธหน้าตาประหลาดนี้จัดอยู่ในประเภทเดียวกับ Eleonora's Poleblade ซึ่งก็ทำให้มีความสามารถในการโจมตีหลายครั้งติด ๆ กันอย่างรวดเร็ว โดยข้อดีอย่างหนึ่งของอาวุธนี้คือการที่มันไม่ใช่อาวุธพิเศษ ผู้เล่นจึงสามารถเลือกสวมใส่สกิลที่ต้องการได้ผ่านระบบเถ้าสงครามนั่นเอง ซึ่งสกิลที่นิยมใช้กันบ่อย ๆ ก็คือสกิล Seppuku ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นแทงตัวเองหนึ่งครั้ง สร้างความเสียหายเท่ากับสถานะ Blood Loss (หรือ 15% ของพลังชีวิต) เพื่อทำให้อาวุธได้ค่า Buildup เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จนช่วงท้ายเกมแทบจะติดสถานะในการโจมตีครั้งเดียวได้เลย
ทั้งนี้ จุดสำคัญจริง ๆ อาจไม่ใช่ตัวอาวุธ แต่คือความสามารถในการแปะเถ้าสงคราม Seppuku ต่างหาก ฉะนั้นหากคุณมีอาวุธที่ชื่นชอบนอกจาก Godskin Peeler ที่สามารถแปะเถ้าสงครามได้ ก็สามารถใช้ได้ทั้งหมด ขอเพียงแค่ให้อาวุธนั้นมีค่า Buildup ติดตัวมาอยู่แล้ว และสามารถโจมตีได้รวดเร็ว โดยอาวุธ Godskin Peeler สามารถเก็บได้จากบอส Godskin Apostle ในหมู่บ้าน Windmill Village เขต Altus Plateau
ว่ากันจริง ๆ แล้ว เวทย์มนต์ที่มีความสามารถสาย Bleed ในเกม Elden Ring นั้นมีอยู่เพียง 4 ตัวเลือกเท่านั้น โดยทั้งหมดเป็นเวทย์สาย Incantation ที่ต้องใช้อาวุธ Seal ในการร่าย ซึ่งแน่นอนว่า Seal ที่เหมาะกับสายนี้ต้องเป็น Dragon Communion's Seal ที่ได้รับพลังโจมตีเพิ่มจากค่า Arcane ของเราด้วย
ในส่วนของคาถาที่นิยมใช้กันบ่อย ๆ ประกอบไปด้วย:
สำหรับคาถานี้จะทำการเสกฝูงแมลงวันออกมา ซึ่งจะไล่ตามไปกัดศัตรูเป้าหมายเพื่อติดสถานะ Blood Loss อย่างรวดเร็ว โดยแม้ว่าเวทย์นี้จะไม่ได้ทำความเสียหายด้วยตัวเองมากนัก แต่ก็สามารถร่ายได้อย่างรวดเร็วและใช้ FP ไม่มาก เหมาะสำหรับการใช้โจมตีบอสที่โจมตีเราอย่างรวดเร็วจนหาช่องสวนกลับยาก
เสกเพลิงโลหิตมาปกคลุมอาวุธ โดยนอกจากจะเพิ่มความเสียหายธาตุไฟให้กับอาวุธแล้ว เวทย์นี้ยังจะบัฟค่า Buildup ของอาวุธเพิ่มขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญคือสถานะ Bloodflame นั้นจะส่งผลคล้ายให้ศัตรูโดน "เผา" ด้วยเพลิงโลหิตเพิ่มทุกครั้งที่โจมตี ซึ่งนอกจากจะสร้างความเสียหายแล้ว ยังทำให้ศัตรูยังคงได้รับค่า Buildup สถานะ Blood Loss เพิ่มต่อไปอีกครู่หนึ่งหลังจากที่โดนโจมตี ทำให้ยิ่งติดสถานะ Blood Loss ง่ายขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ เวทย์นี้จะใช้ได้กับอาวุธที่ไม่ได้มีความเสียหายพิเศษติดมาอยู่แล้ว (เช่นอาวุธบางอันอาจสร้างความเสียหายกายภาพ + ไฟเป็นต้น) ซึ่งก็จำกัดตัวเลือกลงมาประมาณหนึ่ง ใครอยากใช้เวทย์นี้ก็ลองดูดี ๆ ก่อนนะจ๊ะว่าอาวุธที่เราชอบมันสามารถติดบัฟได้หรือเปล่า
ในส่วนของ Talisman นั้น แต่ละคนก็อาจมีตัวเลือกที่ชอบต่างกันไป แต่ Talisman ที่เราแนะนำว่าเหมาะสมกับสาย Bleed เป็นอย่างมากก็มีอยู่สองชิ้นคือ:
สำหรับ Talisman ตัวนี้จะเพิ่มความเสียหายทั้งหมดที่เราทำ 20% ทุกครั้งที่มีศัตรูติดสถานะ Blood Loss ในรัศมี ซึ่งสำหรับสายนี้เท่ากับว่าแทบจะได้บัฟนี้ตลอดเวลาเลยทีเดียว
Talisman ตัวนี้จะเพิ่มพลังโจมตีขึ้นเมื่อเราสามารถโจมตีศัตรูอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาวุธสาย Bleed ส่วนใหญ่ต้องการจะทำความเสียหายหลายครั้งในระยะเวลาสั้น ๆ อยู่แล้ว จึงเหมาะกับ Talisman ตัวนี้พอดี
หากจะให้ว่ากันตามตรง เกราะในเกม Elden Ring นั้นส่งผลต่อการเล่นโดยรวมไม่มากนัก โดยคำแนะนำกลาง ๆ ก็คือให้สวมเกราะที่ให้พลังป้องกันมากที่สุดโดยที่ไม่ทำให้น้ำหนักตัวของเราสูงเกินไปจนกลิ้งไม่ได้ จะมีก็เพียงช่องหมวกเท่านั้นที่อยากแนะนำให้ใส่:
เกราะเพียงชิ้นเดียวที่สำคัญคือ White Mask ซึ่งจะช่วยเพิ่มความเสียหายทุกครั้งที่มีการติด Blood Loss ใกล้ผู้เล่น คล้ายกับไอเทม Lord Of Blood's Exultation ที่กล่าวถึงไปก่อนหน้านี้ โดยส่วนที่ดีที่สุดของ White Mask คือมันสามารถมีผลซ้อนทับกับ Talisman ดังกล่าวได้ ทำให้เราได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นแทบจะตลอดเวลาที่ต่อสู้เลยทีเดียว
Credit: THEGAMER , Elden Ring Wiki