การดองเกม ถือเป็นคำที่พูดเบา ๆ ก็เจ็บสำหรับเหล่าเกมเมอร์ หากหนอนหนังสือใช้เงินซื้อหนังสือมากกว่าการอ่าน เกมเมอร์ก็เป็นจำพวกเดียวกัน แค่เปลี่ยนจากเอาเงินมาซื้อหนังสือมาซื้อเกมเท่านั้น จริงอยู่ว่าการสะสมหรือดองเกมก็ไม่ผิดอะไรหรอก ตราบใดที่คุณไม่ได้ใช้จ่ายเกินตัวเพื่อซื้อเกม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเห็นรายชื่อเกมในคลังมากมายที่เราเก็บเอาไว้โดยไม่เคยเล่น (บางเกมอาจไม่เคยกดโหลดด้วยซ้ำ) ก็อาจทำให้บางคนรู้สึกผิดหรือไม่สบายใจขึ้นมาบ้างไม่มากก็น้อย

หากคุณอยากขจัดปัญหาการดองเกม อยากเล่นเกมให้จบเป็นหลักเป็นแหล่งไป วันนี้เราก็มีวิธีมาแนะนำกัน

1. แยกหมวดหมู่เกมออกจากกัน ว่าเกมไหนเล่นหรือไม่เล่นอย่างแน่นอน

ขั้นตอนแรกของการจัดการคือการจัดระเบียบเกมในคลัง บางทีเราเลื่อนผ่านคลังเกมของตัวเองก็จะเหมือนกับเดินไปตามร้านเสื้อผ้า หรือเปิดแอป Netflix ดู เราจะรู้สึกว่าอะไรก็ไม่รู้ เยอะแยะเต็มไปหมด และสุดท้าย ด้วยความเบื่อหน่าย เราก็เลือกที่จะไม่เล่นเลย ย้ายไปทำอย่างอื่นแทน ดังนั้นขั้นตอนแรก เราต้องจัดคลังเกมของเราให้เป็นระเบียบเสียก่อน ถ้าถามว่ามันช่วยอะไร อย่างแรกเราสามารถแยกแนวของเกมออกมาได้เลย ว่าเรามีเกมแนวอะไรบ้าง Single Player / Multiplayer / Co-op และอื่น ๆ เพื่อให้เราสามารถจำกัดตัวเลือกมากมายให้แคบลง และทำให้เราสามารถเลือกหยิบเอาเกมที่เหมาะกับความต้องการของเราในแต่ละโอก่าสได้โดยง่าย

นอกจากนั้นเชื่อว่าทุกคนที่ซื้อเกมมา ย่อมต้องเคยกดเกมแบบ Bundle (แพคเหมารวม) เพราะได้ราคาที่ถูกกว่า แต่จะได้เกมที่ไม่เล่นแน่ ๆ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ พยายามคัดเกมหมวดนี้แยกไว้ในลิสต์ที่ไม่เล่นแน่ ๆ แค่มีประดับคลังไว้ หรือได้มาฟรีออกไป เมื่อคลังเกมเรามีระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น นอกจากเราจะได้จัดระเบียบมันแล้ว เรายังจะได้เห็นด้วยว่า เรามีเกมที่ตกหล่นไปมากน้อยแค่ไหน บางเกมอาจได้มาโดยไม่ได้เล่นเลย หรือซื้อมาตอนไหนก็ไม่รู้ เราจะได้เห็นภาพรวมของคลังเกมเราในขั้นตอนนี้นี่แหละ

2. แบ่งเวลาการเล่นเกม Multiplayer / Co-op ออกจากเกม Single Player

ข้อนี้อาจเป็นปัญหาของเกมเมอร์มากยิ่งกว่าปัญหาใด ๆ การจัดระเบียบคลังเกมอาจทำให้เรามองเห็นเกมต่าง ๆ ที่เราเป็นเจ้าของได้มากขึ้น แต่หัวใจสำคัญของการไม่ดองเกม คือพยายามแบ่งเวลาการเล่นเกม Multiplayer หรือ Co-op กับ Single Player ออกจากกัน ทางที่ดีคือ ถามตัวเองเลยว่าเราเป็นเกมเมอร์สายใด ชอบเสพเนื้อเรื่อง หรือชอบเล่นออนไลน์สนุก ๆ กับเพื่อนฝูงกันแน่ และทุกวันนี้ เกม Free to Play ทั้งหลายก็มีคุณภาพมากขึ้น เราอาจจะติดอยู่กับเกมเล่นฟรีเพราะมีเพื่อนเล่นด้วยได้ทั้งวัน จนเกมที่เราซื้อมาเริ่มโดนดองเค็มกันไป

เราอาจจะแบ่งเวลาให้เหมาะสมว่าเกมนี้เล่นวันนี้ หรือมีบางวันที่อาจจะพักเบรคจากเกมออนไลน์ที่ต้องแข่งขันกันตลอดเวลา มาเล่นเกมเนื้อเรื่องสนุก ๆ คนเดียวบ้าง เพื่อที่จะดำเนินเกมนั้นคืบหน้าไปเรื่อย ๆ จนเล่นจบเข้าสักวันหนึ่ง สำหรับข้อนี้ถือเป็นปัญหาหลักของผู้เขียนเลยก็ว่าได้ คือซื้อเกมมาเพียบ แต่นั่งเล่นแต่เกมฟรี ออนไลน์กับเพื่อน จนทำให้เกมดอง สุมเต็มคลังไปหมด ดังนั้นพยายามหาหรือจัดสรรเวลาให้เหมาะสมกับมัน

3. อย่าซื้อเกมแนวเดียวกันมาทับซ้อนกันมากจนเกินไป

หากเราพิจารณาให้ดี จะเห็นว่าวิดีโอเกมที่ออกมาใหม่ ๆ นั้น จะมีแนวเกมที่ค่อนข้างทับซ้อนกันซะเยอะ บ้างก็ Open World บ้างก็ FPS บ้างก็เน้นเนื้อเรื่อง หรือปลูกผักทำฟาร์ม ดังนั้นก่อนจะซื้อเกมอะไรมา พยายามดูว่า เกมเก่า ๆ ที่เรายังเล่นไม่จบนั้น มีแนวนั้นอยู่แล้วหรือไม่ ถ้ามีแล้วก็พยายามยับยั้งชั่งใจอย่าเพิ่งซื้อ กลับไปเล่นของเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้วให้จบก่อนก็ได้ เพราะการมีเกมแนวเดียวกันทับซ้อนกันมากเกินไป จะเริ่มส่งผลกระทบกลับไปที่ข้อ 1 คือเราจะมีตัวเลือกในการเล่นเยอะเกิน สุดท้ายก็จะขี้เกียจเล่น และดีไม่ดี เกมเก่า เกมใหม่ก็จะผสมปนเปอยู่ในคลัง กอดคอกันดองเกมไปด้วยกันยาว ๆ 

4. จัดสรรเวลาที่คุณมีอยู่ มาเล่นวันละนิดวันละหน่อยก็เพียงพอ

เมื่อเราโตขึ้น ภาระหน้าที่ความรับผิดชอบย่อมเยอะขึ้นตาม เวลาในการเล่นเกมก็อาจจะน้อยลง แต่น้อยลง ใช่ว่าคุณจะไม่สามารถจัดสรรช่วงเวลาแห่งความสุขให้ตัวเองได้ ต่อให้คุณมีเวลาเล่นเกมเพียงวันละ 30-60 นาที (หรือมากน้อยกว่านี้ ตามภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ) คุณก็สามารถหาช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเลือกเล่นเกมต่าง ๆ ให้จบได้

สำหรับข้อนี้ เราอาจแนะนำไม่ได้ชัดเจนนัก เพราะตารางเวลาและกิจวัตรประจำวันของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน แต่หากคุณอยากจะจัดการเกมดอง และมีเวลาสำหรับพักผ่อนเหลืออยู่ ก็สามารถกำหนดได้ ว่าวันนี้จะเล่นกี่นาที กี่ชั่วโมง อาจจะเล่นวันละ 1 Checkpoint หรือวันละ 1 Chapter ก็เพียงพอ ขอเพียงคุณทำมันอย่างสม่ำเสมอ ยังไงก็จบเกมได้แน่ ๆ 

5. เกมไหนเล่นแล้วไม่สนุก ก็อย่าฝืนเล่นต่อ เปลืองเวลาและไม่มีความสุข

วิดีโอเกมมีมากมายหลากหลายแนว และเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ เกม เราอาจจะสนุกกับเกมบางเกมได้แบบไม่เต็ม 100% เราอาจเลือกเล่่นเกมตามกระแส เกมที่คนทั้งโลกบอกว่าสนุก แต่พอเราเล่นเอง กลับรู้สึกว่ามันไม่ใช่เลย หากโชคดีสามารถขอคืนเงินได้ก็โชคดีไป แต่บางเกม ไม่สนุกยังไงก็ทำได้แค่เก็บไว้เป็นของสะสมเท่านั้น แต่สิ่งที่ต้องโฟกัสคือเราไม่จำเป็นจะต้องสนุกไปกับทุกเกม ไม่ต้องสนุกไปกับเกมที่ทั้งโลกบอกว่าสนุก ถ้าเกมไหนเราเล่นแล้วไม่เอ็นจอย ไม่แฮปปี้ ก็อย่าไปฝืน มูฟไปหาเกมใหม่ ๆ ที่เราชอบและใช่จริง ๆ จะดีกว่า

6. เล่นเกมโหมดง่ายสุด

มีหลายคนไม่น้อยเลยทีเดียวที่ต้องใช้ความพยายามในการเล่นเกม แม้ว่าจะเป็น Normal Mode เพราะบางเกม ต่อให้เล่นโหมดปกติทั่วไป ก็ยังต้องใช้เวลาในการเรียนรู้ จัดการศัตรูหรือบอส หรือว่าอุปสรรคต่าง ๆ ภายในเกม จะใช้มากใช้น้อยก็ขึ้นอยู่กับเกมที่เราเลือกเล่น แต่หากคุณไม่ได้มีเป้าหมายอะไรนอกเหนือไปจากการเคลียร์เกมแล้วล่ะก็ อย่าได้อายที่จะได้กดโหมดง่ายสุดหรือโหมด Easy หรือบางเกมมีถึงขั้น Story Mode ที่ให้เราเล่นเพื่อเน้นเนื้อเรื่องเท่านั้น สำหรับคนที่ไม่ได้อยากไปแข่งขันกับใคร อยากเล่นเกมแค่เสพเนื้อเรื่องเท่านั้น เพื่อทำให้เกมจบโดยเร็ว ก็เลือกโหมดนี้ไปเลยก็ได้ จะเล่นยากเล่นง่าย มันก็คือการเล่นเกม และสุดท้ายความเพลิดเพลินของเราเองนั่นแหละคือสิ่งที่สำคัญที่สุด หากคุณอยากจะรีบ ๆ ผ่านเกมเพลย์เพื่อเสพเนื้อเรื่องเป็นหลักก็ทำไปเลย อย่าไปสนความเห็นคนอื่น!

7. ไม่ต้องรีบจ่ายเงินซื้อเกม จำไว้ว่าเกม นับวันยิ่งถูกลง ไม่มีแพงขึ้น

กฎเหล็กสำหรับเกมเมอร์ที่ต้องจำเอาไว้เลยก็คือ วิดีโอเกมไม่เคยแพงขึ้น หลังจากมันวางจำหน่ายแล้ว ก็มีแต่จะถูกลงเรื่อย ๆ เท่านั้น ดังนั้น หากคุณยังมีเกมดองอยู่ล้นคลัง ก็ไม่จำเป็นจะต้องรีบซื้อ เพราะมีทั้งไม่มีเวลาเล่น หรือเล่นได้ไม่เต็มที่ หรือติดเคลียร์เกมเก่าอยู่ และอื่น ๆ อีกมากมาย จะเป็นการดีกว่า หากเราไม่ต้องเร่งรีบนัก รอก่อนก็ได้ เดี๋ยวนี้เกมใหม่ ๆ วางจำหน่ายไม่นานก็ลด 10-20% แล้ว หากถึงตอนนั้นแล้วเรายังอยากเล่น และมีเวลาเล่นแล้ว ค่อยซื้อก็ยังไม่สาย คำว่า "รอลดดีกว่า" ใช้ได้เลย ไม่ต้องเขินอาย หากเรายังมีเกมดองอยู่เต็มคลัง เพราะนับวันยิ่งเวลาผ่านไป ราคาเกมก็ยิ่งถูกลงเรื่อย ๆ นั่นเอง

ยิ่งทุกวันนี่มีบริการรายเดือนที่ให้เราโหลดเกมเล่นได้แบบบุฟเฟ่ต์มากมายไปหมด ซึ่งส่วนใหญ่มีราคาต่อเดือนถูกในระดับที่โหลดเกมมาเล่นแค่เดือนละเกมก็คุ้มแล้วอีกต่างหาก ถ้าคุณรู้ตัวว่าตัวเองไม่ได้มีเวลาเล่นเกมมากมาย และสามารถรอเล่นเกมออกใหม่ได้ ก็อาจเป็นทางเลือกที่น่าพิจารณามากเช่นกัน

8. ลืม 7 ข้อข้างบนไปเลยก็ได้ แล้วเล่นเกมให้มีความสุข

เรียบง่ายแต่ใช้ได้จริง ความเป็นเกมเมอร์ที่อยู่ในตัวทุกคน อาจจะขมวดคิ้วแล้วตอบว่า ฉันก็แค่อยากสะสมเกม อยากเล่นเกม ชอบมีเกมประดับคลังไว้ แน่นอนว่ามันไม่ผิด และเมื่อคุณคิดได้แบบนี้ จะกดเกมมาดองไว้กี่ร้อยกี่พันเกมก็ได้ ลืม 7 ข้อข้างบนที่กล่าวมาทั้งหมดไปได้เลย เพราะสุดท้ายเราก็แค่ชอบเล่นเกมเท่านั้น ชอบมีเกมไว้ในคลัง ไม่จำเป็นต้องมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่สำหรับใครที่อยากจัดการปัญหาการดอง เกมล้นคลัง ก็สามารถทำตาม 7 ข้อด้านบนได้เลย และที่สำคัญคือ การดองเกมของคุณ อย่าให้มันไปกระทบกับการเงินหรือการใช้ชีวิตประจำวันเข้าล่ะ!