สวัสดีค๊า! กลับมาพบกับเกวลินกันอีกแล้วนะคะ ช่วงนี้ก็นั่งเก็บข้อมูลมาให้เพื่อน ๆ ได้เสพย์ในเซิร์ฟเวอร์ไต้หวัน [TW] กันอยู่ โดยตัวเกม “Ragnarok X: Next Generation” ก็ใกล้เปิดให้บริการเข้าไปทุกที่ หลายคนก็คงเตรียมตัวกันอยู่ใช่ไหมคะ วันนี้อาเจ๊นัทจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักสายอาชีพสนับสนุนที่มีประโยชน์กับทีมเวลาจะลงดันเจี๊ยน, ล่าบอส หรือ กิลด์วอ นั้นก็อาชีพ ‘Priest’ นั่นเองค่ะ ปัจจุบันคลาส Class 2-2 ยังไม่เข้ามานะคะ ทำให้ตอนนี้มีเพียงแค่ตลาสนี้คลาสเดียวเท่านั้นค่ะ
ถ้าเป็นเกม Ragnarok Online ในเวอร์ชั่นอื่น ๆ ผู้เล่นจะต้องเลือกสายว่าจะอัปสกิลไปในทิศทางไหน แต่สำหรับ “Ragnarok X: Next Generation” รูปแบบการเล่นจะแตกต่างจากเวอร์ชั่นอื่น ๆ เป็นอย่างมาก ซึ่งบอกเลยว่าเป็น Class ที่สามารถก้าวกระโดดในการเก็บเลเวลมากกว่าสายอื่น ๆ เพราะหลังจากเปลี่ยนอาชีพจาก Acolyte มาเป็น Priest ตอน Job 50 วันนี้เกวลินก็เลยจะมาแนะนำการอัปสกิลของสายอาชีพ ‘Priest’ เพราะตัวเกมเวอร์ชั่นนี้สามารถแบ่งสายการอัปได้ตามใจชอบเลย แต่หลัก ๆ สามารถสลับได้ 2 สายค่ะ เอาละไปดูสายที่จะแนะนำกันเลยค่ะ
ระบบ เพิ่มสายการเล่น คืออะไร!?
“เพิ่มสายการเล่น” เป็นระบบที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตัวเกม “Ragnarok X: Next Generation” โดยเฉพาะค่ะ มันจะถูกปลดล็อคได้ต่อเมื่อผู้เล่นทำการเปลี่ยนสายเป็น Class 2 เรียบร้อยแล้ว โดยตัวเกมจะมีไอคอนตัวเลขอยู่ด้านมุมขวาล่างสุดกดแล้วเลือกหัวข้อที่เขียนว่า “ดูรายละเอียด” จากนั้นเราจะเข้าสู่หน้าในส่วนที่เรียกว่า ‘Preset การต่อสู้’ ซึ่งในตอนแรกจะมีแค่ Preset การต่อสู้ 1 เท่านั้น ซึ่งเราสามารถปลดล็อค Preset ใหม่ได้ด้วยการกดปุ่มด้านล่าง โดย Preset การต่อสู้ 2 จะไม่เสียค่าใด ๆ ในการปลดล็อค แต่ถ้าต้องการจะปลดล็อคช่องเพิ่มเติมจะต้องใช้ค่าเงิน ‘Crystal’ ในการปลดล็อคค่ะ
หลังจากที่ผู้เล่นปลดล็อค ‘Preset การต่อสู้ 2’ ระบบจะทำการ Reset สเตตัสตัวละคร, Reset สกิล และ ปลดของที่สวมใส่ออกทั้งหมด ซึ่งผู้เล่นสามารถจัดสายที่ต้องการอยากจะเล่นใหม่ได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นทั้งสเตตัส, สกิล หรือ ของสวมใส่ ด้วยความที่ตัวเกมในภาคนี้อาวุธและอุปกรณ์สวมใส่จะมีค่าสเตตัสที่แบ่งออกไปชัดเจนว่ามี 2 สายทำให้ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าต้องการที่จะเล่นสายไหนบ้าง แน่นอนว่าถ้าในอนาคตมีการอัปเดตระบบ Class ขั้นสูงเข้ามามันก็จะส่งผลทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงการเล่นอีกแน่นอน จึงไม่แปลกที่ “เพิ่มสายการเล่น” เราสามารถปลดล็อค Preset ช่องใหม่ได้ด้วย
‘Priest สาย Int ล้วน! ที่สามารถบู๊เพื่อเก็บเลเวลข้ามเลเวลได้!’
อันนี้เป็นสาวที่ตัวเกวลินเองเล่นตั้งแต่ตอนเป็น Acolyte เลยค่ะ เพราะเกมนี้การอัปสกิลมากเท่าไหร่มันจะเพิ่มระยะเวลาคูลดาวน์นานมากยิ่งขึ้น ดังนั้นผู้เล่นที่อยากจะเก็บเลเวลชิว ๆ คนเดียวสบาย ๆ โดยเฉพาะสายเวทมนตร์ไม่ใช่แค่อาชีพนี้อย่างเดียวนะคะ “การอัปสกิลเพื่อให้ระยะการร่ายและระยะคูลดาวน์น้อย” มันคือเทคนิคในการเก็บเลเวลชั้นดีเลย ที่สำคัญ! มันไม่ต้อง Reset สกิลตอนเปลี่ยนเป็น Priest สามารถนำไปใช้ต่อได้เลยค่ะ โอเคมาดูสกิลที่อัพตอนเป็น Acolyte ของเกวลินกันก่อนค่ะ
- Heal - ในช่วงแรกให้อัปเอาไว้ที่ 2 - 3 เพียงพอในการฟื้นฟูพลังชีวิตของตัวเองและสมาชิกในทีมอยู่แล้ว
- Signum Crucis - ให้อัปสัก 2 - 3 เพื่อให้ระยะคูลดาวน์ของสกิลน้อยที่สุดทำให้สามารถใช้ต่อเนื่องได้
- Holy Light - ให้อัปในตอนแรกสัก 2 - 3 เช่นเดียวกันค่ะ เพื่อให้ระยะคูลดาวน์ของสกิลน้อยที่สุดทำให้เราใช้สกิลได้ต่อเนื่องนั่นเอง
- Angel’s Blessing - พยายามอัปสกิลนี้ให้เต็ม 10 ไปเลยค่ะ เพราะมันช่วยเพิ่มค่าสเตตัส Str, Dex และ Int ให้กับทุกคนในทีม
- Increase Agility - สกิลนี้ยังไงก็ต้องอัปเต็มค่ะ เพราะมันจะเพิ่มค่าสเตตัส Agi กับผู้ร่ายและสมาชิกในทีม
- Heal - กลับมาอัปให้ขึ้นเป็นเลเวล 5 เพื่อที่เราจะได้อัปสกิลต่อไป
- Soulmender - อัปสกิลนี้ให้เต็มเลยค่ะ เพราะมันจะเพิ่มประสิทธิภาพของสกิล Heal สูงสุด 30% เลยค่ะ
- Signum Crucis - ในช่วงนี้อาจจะยังไม่ต้องอัปเพิ่ม เพราะถ้าอัปเป็นเลเวล 5 ระยะคูลดาวน์ของสกิลอาจจะเพิ่มขึ้นทำให้การเก็บเลเวลช้าลงเหมือน
- Holy Light - เช่นเดียวกับสกิล Signum Crucis ยังคงไม่ต้องอัปสกิลเพิ่มเติมเพราะแค่นี้ก็ทำให้เราสามารถโจมตีมอนสเตอร์และเก็บจ๊อบได้เรื่อย ๆ จนถึง Job 50 จนสามารถเปลี่ยนอาชีพได้แล้วนั่นเองค่ะ
เมื่อเปลี่ยน Class เป็น Priest ให้อัปสกิลดังต่อไปนี้ค่ะ
- Heal - อัปให้เต็มไปเลยค่ะ เพราะถึงเวลาที่เราจะต้องใช้ความแรงในการเก็บเลเวลแล้วละ
- Sanctuary - สกิลหากินของ Priest สายนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ จริงอยู่ที่ยิ่งอัปความแรงจะเพิ่มขึ้น แต่อย่างที่บอกไปว่าถ้าเลเวลสูงมากเกินไประยะการร่ายและระยะคูลดาวน์จะสูงตามไปด้วย จากที่เล่นเอาแค่ 3 เพียงพอแล้วค่ะ เพราะมันสามารถทำให้เราร่ายได้ถึง 2 รอบในเวลาไล่เลี่ยกัน
- Signum Crucis - อัปเดตให้สัก 5 ก็พอแล้วค่ะ เพราะจากที่ลองมันเพียงพอแล้วจริง ๆ มากกว่านี้ระยะคูลดาวน์ของสกิลกำลังดีสามารถใช้ต่อเนื่องได้
- Holy Light - ในช่วงแรกอาจจะอัปเอาไว้สัก 5 กำลังดีในช่วงแรกค่ะ
- Resurrection - อัปเอาไว้แค่ 1 ก็พอแล้วค่ะ เอาไว้ใช้ตอนลงดันเจี๊ยนเพื่อชุบชีวิตเพื่อน แต่อย่าตั้งค่าเอาไว้ใช้เก็บเลเวลนะคะ เพราะว่ามันจะร่ายใส่พวกศัตรูธาตุ Demon หรือ Undead ทุกครั้งที่เห็น ดังนั้นเปลี่ยนเป็นสกิลอื่นแทน
- Magnificat - สกิลนี้ช่วงแรกอาจจะอัปสัก 5 แต่ถ้าแต้มเหลือ ๆ อัปให้เต็มไปเลยค่ะ เพราะว่ามันจะเพิ่ม Bonus Magical Damage ให้กับ Class ที่ใช้เวทมนตร์อีกด้วยค่ะ
- Aspersio - ตอนแรกอัปแค่ 1 ก็ได้ค่ะ เพราะผลของสกิลมันให้กับผู้เล่นในปาร์ตี้ทุกคนที่อยู่ในระยะการร่าย
- Ruwach - เป็นสกิลโจมตีธาตุ Holy รอบ ๆ ตัวที่แรงใช้ได้ แต่ว่าจะต้องระยะ 3 เมตร อัปเอาไว้สัก 1 ก็กำลังดีค่ะ
- Holy Booster - ถ้าอัปสกิล Holy Light เป็นเลเวล 5 แล้ว แนะนำให้อัปสกิลจนเต็มเลย เพราะมันเพิ่มความแรงของสกิล Holy Light สูงสุด 30% และมีโอกาส 30% ที่จะโจมตีติด Crit และ Stun ด้วยนะ
- Holy Light - เมื่อแต้มเหลือ ๆ อัปให้เต็มเลยค่ะ เพราะมันจะช่วยให้เราเก็บเลเวลได้หลากยาวมาก ๆ
- Resurrection - จะอัปให้เต็มก็ได้นะคะ เพราะว่ามันจะทำให้เพื่อน ๆ ของเราหลังจากที่ชุบลุยหรือบู๊ต่อได้เลย ก็อย่าลืมนะคะ อย่าตั้งค่าเอาไว้ใช้เก็บเลเวลนะคะ เพราะว่ามันจะร่ายใส่พวกศัตรูธาตุ Demon หรือ Undead ทุกครั้งที่เห็น ดังนั้นเปลี่ยนเป็นสกิลอื่นแทน
‘Priest สาย Int ล้วน! สายสนับสนุนทีมเอาไว้ลงดันเจี๊ยนยาก ๆ หรือ ล่า Boss’
- Heal - อัปให้เต็มไปเลยค่ะ
- Soulmender - เช่นเดียวกันค่ะ สกิลนี้อัปให้เต็ม เพราะมันจะเพิ่มประสิทธิภาพของสกิล Heal สูงสุด 30% เลยค่ะ
- Angel’s Blessing - อัปสกิลนี้ให้เต็ม 10 ไปเลยค่ะ เพราะมันช่วยเพิ่มค่าสเตตัส Str, Dex และ Int ให้กับทุกคนในทีม
- Increase Agility - สกิลนี้ยังไงก็ต้องอัปเต็มค่ะ เพราะมันจะเพิ่มค่าสเตตัส Agi กับผู้ร่ายและสมาชิกในทีม
- Sanctuary - สกิลนี้เกวลินมองว่าอัปสัก 3 - 5 กำลังดีค่ะ แต่ไม่แนะนำอัปจนเลเวล 10 นะคะ
- Resurrection - ช่วงแรกอัปเอาไว้แค่เลเวล 1 พอค่ะ เอาไว้ใช้ตอนลงดันเจี๊ยนเพื่อชุบชีวิตเพื่อน แต่อย่าตั้งค่าเอาไว้ใช้เก็บเลเวลนะคะ เพราะว่ามันจะร่ายใส่พวกศัตรูธาตุ Demon หรือ Undead ทุกครั้งที่เห็น ดังนั้นเปลี่ยนเป็นสกิลอื่นแทน
- Magnificat - สกิลนี้ช่วงแรกอาจจะอัปสัก 5 แต่ถ้าแต้มเหลือ ๆ อัปให้เต็มไปเลยค่ะ เพราะว่ามันจะเพิ่ม Bonus Magical Damage ให้กับ Class ที่ใช้เวทมนตร์ทำให้เวลาใช้เวทต่าง ๆ แรงมากขึ้น
- Impositio Manus - สกิลนี้ยังไงก็ต้องอัปเต็มค่ะ เพราะมันจะเพิ่มดาเมจทางกายภาพให้กับสมาชิกในทีม
- Gloria - ในช่วงแรกอัปเอาไว้สักเลเวล 5 ก่อนค่ะ เพราะมันจะเพิ่มค่า Luk อยู่ที่ 25 แต้มและเพิ่มค่า Crit 25% อีกด้วยค่ะ
- Aspersio - ตอนแรกอัปแค่ 1 ก็ได้ค่ะ เพราะผลของสกิลมันให้กับผู้เล่นในปาร์ตี้ทุกคนที่อยู่ในระยะการร่าย
- Angelus - ถ้าแต้มสกิลเราเหลืออัปไปสักเลเวล 5 เพราะมันจะช่วยเพิ่มค่าป้องกันกายภาพ P.Def อยู่ที่ 50%
- Assumptio - เป็นสกิลเสริมของ Angelus อัปไปสักเลเวล 5 เพราะมันจะช่วยเพิ่มค่าป้องกันเวทมนตร์ M.Def อยู่ที่ 50%
เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับไกด์ “แนะนำการเล่น Acolyte กับ Priest สาย Int ล้วน” ของเกม Ragnarok X: Next Generation ซึ่งความน่าสนใจของเกมนี้ก็อยู่ตรงที่เราสามารถเก็บแต้ม Job จาก Class แรกมาอัปใน Class สองได้จึงทำให้เราสามารถเลือกอัปสกิลในสายที่เราต้องการได้ เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นที่น่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียวค่ะ ยังไงก็เตรียมตัวกันให้พร้อมนะคะ เพราะเซิร์ฟเวอร์ SEA ที่มีกำหนดการณ์เปิดให้บริการในวันที่ 18 มิถุนายนที่จะถึงนี้ ส่วนใครที่อยากจะไปลองเล่น ลองเทสก็สามารถไปลองในเซิร์ฟเวอร์ไต้หวัน [TW] กันก่อนก็ได้นะคะ เพราะก็มีเพื่อน ๆ คนไทยไปลองเทสกันเพียบเลย
สุดท้ายนี้ตัวเกม Ragnarok X: Next Generation ได้เปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าแล้วทั้ง 2 แพลตฟอร์มไม่ว่าจะเป็นทั้ง iOS และ Android หรือจะไปลงทะเบียนแล้วร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านหน้าเว็บไซต์หลักของเกมนี้ก็ได้เหมือนกัน โดยตัวเกมจะรองรับหลากหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย และสิงค์โปร์ ถ้าคุณเป็นแฟนเกมออนไลน์ระดับตำนานอย่าง Ragnarok Online ภาคนี้คือหนึ่งในภาคที่ดีและยอดเยี่ยมเลยค่ะ! แล้วพบกันใหม่กับไกด์ของเกมนี้ครั้งหน้า สวัสดีค่ะ!
• ดาวน์โหลดตัวเกมและติดตามข่าวสารต่าง ๆ ของเกมนี้ได้ตามลิงค์ด้านล่างนี้
.