Samsung Foundry โรงงานผลิตชิปได้ประกาศจะขึ้นราคาแผ่นเวเฟอร์เซมิคอนดักเตอร์ในการประมูลหลังจากนี้ เพื่อสร้างกำไรให้มากขึ้น และรองรับการขยายตัวของโรงงาน Samsung Foundry ต้องการแน่ใจว่าจะสามารถผลิตชิปได้มากขึ้นโดยใช้โหนดขั้นสูงต่อไปในอนาคต ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเร่งหาเงิน สำหรับลงทุนเครื่องจักรการผลิตชิปรุ่นต่อๆ ไปในอนาคต
ผลกระทบที่ตามมาจากการปรับราคาผลิตชิปครั้งนี้ของ Samsung อาจทำให้ราคาของ GPUs กับ SoCs มีราคาที่สูงขึ้นในตลาดเนื่องจาก ผู้จัดจำหน่ายต้องใช้ต้นทุนที่สูงขึ้นในการผลิตการ์ดแต่ละใบ และเนื่องจาก Nvidia เองเป็นบริษัทที่ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง รวมถึงยังเป็นหนึ่งในลูกค้าคนสำคัญของ Samsung Foundry มันจึงมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่ราคาการ์ดจอของ Nvidia อาจแพงขึ้นหลังจากนี้ต่อไป
S5 Line ของ Samsung Foundry ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตชิปที่ทันสมัยที่สุดของบริษัท มันถูกออกแบบมาเพื่อ แปรรูปเวเฟอร์เซมิคอนดักเตอร์โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต 5LPP (5 นาโนเมตร) , 4LPE (4 นาโนเมตร) เทคโนโลยีการผลิตที่บางลง เนื่องจาก Fab ใช้ภาพพิมพ์หินอัลตราไวโอเลต (EUV) ทำให้การลงทุนเครื่องจักรจำเป็นต้องใช้เงินถึง 120 - 150 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้การประกาศขึ้นราคาในครั้งนี้เป็นอะไรที่สมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตามยังคงไม่ทราบว่าการขึ้นราคาของโรงงาน Samsung นี้จะส่งผลต่อตลาดชิปมากน้อยขนาดไหน เบื้องต้นคิดว่าการปรับราคาจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที โดยทางผู้จัดจำหน่ายจะค่อยๆ ปรับราคาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในสินค้าแต่ละชุดที่จะตามมาหลังจากนี้ เพื่อให้ผู้อุปโภคสามารถปรับตัวได้ทัน
Credit : Tom's Hardware
Samsung Foundry โรงงานผลิตชิปได้ประกาศจะขึ้นราคาแผ่นเวเฟอร์เซมิคอนดักเตอร์ในการประมูลหลังจากนี้ เพื่อสร้างกำไรให้มากขึ้น และรองรับการขยายตัวของโรงงาน Samsung Foundry ต้องการแน่ใจว่าจะสามารถผลิตชิปได้มากขึ้นโดยใช้โหนดขั้นสูงต่อไปในอนาคต ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเร่งหาเงิน สำหรับลงทุนเครื่องจักรการผลิตชิปรุ่นต่อๆ ไปในอนาคต
ผลกระทบที่ตามมาจากการปรับราคาผลิตชิปครั้งนี้ของ Samsung อาจทำให้ราคาของ GPUs กับ SoCs มีราคาที่สูงขึ้นในตลาดเนื่องจาก ผู้จัดจำหน่ายต้องใช้ต้นทุนที่สูงขึ้นในการผลิตการ์ดแต่ละใบ และเนื่องจาก Nvidia เองเป็นบริษัทที่ไม่มีโรงงานเป็นของตัวเอง รวมถึงยังเป็นหนึ่งในลูกค้าคนสำคัญของ Samsung Foundry มันจึงมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่ราคาการ์ดจอของ Nvidia อาจแพงขึ้นหลังจากนี้ต่อไป
S5 Line ของ Samsung Foundry ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตชิปที่ทันสมัยที่สุดของบริษัท มันถูกออกแบบมาเพื่อ แปรรูปเวเฟอร์เซมิคอนดักเตอร์โดยใช้เทคโนโลยีการผลิต 5LPP (5 นาโนเมตร) , 4LPE (4 นาโนเมตร) เทคโนโลยีการผลิตที่บางลง เนื่องจาก Fab ใช้ภาพพิมพ์หินอัลตราไวโอเลต (EUV) ทำให้การลงทุนเครื่องจักรจำเป็นต้องใช้เงินถึง 120 - 150 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้การประกาศขึ้นราคาในครั้งนี้เป็นอะไรที่สมเหตุสมผล
อย่างไรก็ตามยังคงไม่ทราบว่าการขึ้นราคาของโรงงาน Samsung นี้จะส่งผลต่อตลาดชิปมากน้อยขนาดไหน เบื้องต้นคิดว่าการปรับราคาจะยังไม่เกิดขึ้นในทันที โดยทางผู้จัดจำหน่ายจะค่อยๆ ปรับราคาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในสินค้าแต่ละชุดที่จะตามมาหลังจากนี้ เพื่อให้ผู้อุปโภคสามารถปรับตัวได้ทัน
Credit : Tom's Hardware