ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ระบบกาชาปองเป็นหนึ่งในระบบที่ยอดนิยมของเกมในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเกม FPS, MMORPG หรือ MOBA ระบบสุ่มไอเทมนี้ก็แฝงตัวเข้าไปได้อย่างแนบเนียน ช่วยเพิ่มทั้งความตื่นเต้นในการสุ่มให้กับผู้เล่น และผู้เม็ดเงินที่ไหลเวียนเข้าสู่ผู้พัฒนาเกมได้เป็นอย่างดี
แต่ก็ใช่ว่ากาชาปองจะมีแต่ข้อดีเสมอไป ข้อเสียข้อใหญ่ของระบบนี้ก็คือ ความไม่แน่นอน ผู้เล่นไม่มีทางรู้เลยว่า ตัวเองจะได้ไอเทมอะไรจากการสุ่มครั้งนี้ แม้บางเกมจะมีการการันตี (Pity rate) เข้ามาช่วย แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดความเจ็บปวดของผู้เล่นดวงกุดได้เลยแม้แต่น้อย จนกลายเป็นเสียงโอดครวญตามกลุ่มเฟซบุ๊คของเกมกาชาแทบทุกเกมถึงความ "เกลือ" อันน่าคับแค้นใจ
ทว่าแม้จะมีเสียงบ่นมากมายเกี่ยวกับระบบนี้ จนเกิดเป็นแนวคิดในหมู่ผู้เล่นจำนวนไม่น้อยว่า “กาชาคือรูปแบบทางธุรกิจที่ชั่วร้าย” แต่จำนวนเงินที่เข้ากระเป๋าผู้พัฒนา กับจำนวนตัวเลขคนสุ่มกลับไม่ลดลงเลยในการเสี่ยงดวงประเภทนี้ ราวกับว่าทุกคนเสพติดมันไปแล้ว
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คนยังคงติดอยู่ในวังวนการหมุนกาชา แม้ว่าเราจะบ่น “เกลือ” อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เราจะมาไขข้อสงสัยถึงประเด็นนี้กัน
ต้นกำเนิดความเค็ม
อันดับแรก การหมุนกาชาปองนั้นมีพื้นฐานคล้ายกับการพนัน เพราะทั้งคู่ต่างเป็นการจ่ายเงินไปก่อน และลุ้นว่าจะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการหรือไม่ ซึ่งตรงจุดนี้จะมีสารเคมีในสมองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เจ้าสารเคมีตัวนี้มีชื่อว่า โดพามีน (Dopamine)
โดพามีนนั้นเป็นสารเคมีที่จะหลั่งออกมาในตอนที่มนุษย์กำลังมีความสุขหรือกำลังรู้สึกตื่นเต้น ซึ่งทางโรเบิร์ต ซาโปลสกี (Robert Sapolsky) นักประสาทวิทยาชาวอเมริกัน ได้เคยทำการทดลองกับสมองของลิงเกี่ยวกับเงื่อนไข และช่วงเวลาของการหลั่งสารโดพามีน โดยการทดลองมีรายละเอียดดังนี้
โรเบิร์ตได้ฝึกสอนลิงให้รับรู้ว่า เมื่อพวกมันกดปุ่ม 10 ครั้งในตอนที่มีสัญญาณไฟขึ้น พวกมันจะได้กล้วยตอบแทนเป็นรางวัล
สำหรับกราฟด้านบนเป็นการแสดงระดับของสารโดพามีนในสมองของลิง โดนลูกศรแรก (ซ้ายสุด) คือระดับเมื่อลิงเห็นสัญญาณไฟ จะเห็นได้ว่าโดพามีนหลั่งมากสุดในระหว่างทางที่กำลังกด (กราฟระหว่างลูกศรจุดแรกและจุดสอง) ไม่ใช่หลังจากที่ได้รางวัลไปแล้ว (ลูกศรจุดสุดท้าย) สรุปได้ว่าสารโดพามีนเป็นตัวขับเคลื่อนให้ลิงกดปุ่มต่อไปถึงสิบครั้ง เพื่อของรางวัลที่มันรอคอย
นอกจากนี้โรเบิร์ตยังทำการทดลองเพิ่มเติม โดยเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปจากเดิมที่จะได้รางวัล 100% เมื่อกดปุ่มครบจำนวน กลายเป็น มีโอกาสได้รางวัล 75% 50% และ 25% ตามลำดับ
ประกายสีทองที่ทุกคนถวิลหา
นอกจากนี้ ยังมีอาการที่เรียกในภาษาจิตวิทยาว่า Sunk Cost Effect หมายถึง การที่เราลงทุนกับบางสิ่งไปเยอะแล้ว แต่ยังไม่ได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา ทำให้ต้องเดินหน้าลงทุนต่อ หวังถอนทุนคืนให้ได้เท่านั้น สภาวะนี้ก็มีผลกับระบบกาชาปองเช่นกัน คุณอาจจะลงทุนเติมเงินไปเยอะ แต่ยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการเสียที คุณอยากหยุดเติมแล้ว แต่สมองของคุณก็บอกว่า ที่เติมไปก่อนหน้านี้จะเสียเปล่า นั่นจึงบีบให้คุณต้องเติมเงินเพิ่มอย่างช่วยไม่ได้
ปรากฏการณ์อีกอย่างที่ทำให้การกดกาชาปองมีความน่าดึงดูดคือการที่คนในสังคมเกมต่างออกมาบอกกันปากต่อปากว่า ‘กาชาตู้นี้ดี กาชาตู้นี้เยี่ยม’ ก็เป็น Social Proof หรือการที่ปัจจัยภายนอกในสังคม (เช่นการพูดกันในกลุ่ม หรือการฟังจากปากอินฟลูเอนเซอร์) มีผลที่ช่วยส่งเสริมให้คุณมีอาการ “ของมันต้องมี” ทำให้เผลอตัวกดกาชาปองเพิ่มอีกเช่นกัน
อีกทั้งมนุษย์ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ชอบการสูญเสีย ดังนั้นหากเจอคำโฆษณาที่ชวนล่อซื้ออย่าง “จำกัดเวลา” หรือ “ห้ามพลาด” ก็จะช่วยกระตุ้นให้คุณอยากถลุงเงินไปกับการเสี่ยงดวงขึ้นไปอีก และในเกมบางเกมจะมีระบบ Daily Mission ที่ให้ของรางวัลตอบแทนบางอย่าง โดย Daily Misson นี้ หากมองจากมุมมองคนเล่น มันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันช่วยให้รางวัลฟรีแก่เรา แต่หากมองในมุมกลับแล้ว นี่จะเข้ากับทฤษฎี 21 วันของด็อกเตอร์แม็กซ์เวลล์ มอลต์ (Dr.Maxwell Maltz) ผู้เขียนหนังสือ Psycho-Cybernetics ที่ว่าด้วยการ “สร้างนิสัย” กล่าวคือหากคนเราทำสิ่งเดิมๆ เป็นเวลา 21 วัน จะทำให้คนเราเสพติดสิ่งนั้น หรือเคยชินกับสิ่งนั้นไปโดยปริยาย กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “กิจวัตรประจำวัน” หรือ “Daily Routine” ที่พอไม่ทำก็อาจจะรู้สึกไม่สบายใจ อยู่ไม่สุข คล้ายกับการลืมทำงานบ้านนั่นเอง
60/160 = 0.375
300/160 = 1.875
980/160 = 6.125
1980/160 = 12.375
3280/160 = 20.5
6480/160 = 40.5
ซึ่งนี่ก็เป็นหลักการที่ทำให้มนุษย์อยากจะเติมเงินเพื่อเข้าไปเพื่อเพิ่มจำนวนครั้งที่หมุนได้เช่นกัน เราอาจจะเติมเงินเข้าไปครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้ของที่ต้องการ ทีนี้พอเรามามองเศษที่เหลืออยู่ เราจะคิดว่าขาดอีกนิดเดียวก็จะหมุนกาชาปองได้อีกครั้งแล้ว เติมอีกนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป ครั้งนี้เราอาจจะได้ของที่ต้องการก็ได้นะ ด้วยวิธีเล่นกับตัวเลข และการหลอกล่อจิตใจของคน จึงไม่แปลกเลยหากคุณจะเผลอกดรหัสบัตรเครดิต และเติมเงินเข้าสู่เกมอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่สนุกกับการลุ้นกาชาปอง หรือเป็นคนที่เสียดายเกินกว่าจะหยุดได้ ทั้งสองแบบนั้นจะนำคุณไปสู่ปลายทางเดียวกัน นั่นคือการหมุนกาชาปองต่อไปนั่นเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้น บทความนี้ไม่ได้ต้องการจะตัดสินว่าระบบกาชาปองในเกมต่างๆ นั้นเป็นสิ่งที่ "ถูกหรือผิด" หากแต่เป็นการให้ข้อมูลเพื่อให้ทุกคนสามารถ "รู้เท่าทัน" กลยุทธ์ต่างๆ ที่ผู้พัฒนาเกมใช้ในการโน้มน้าวจิตใจของเรา ซึ่งน่าจะช่วยให้หลายๆ คนมีภูมิต้านทานต่อการถูกชักจูงมากขึ้น และอาจจะช่วยให้เราสามารถหลีกเลี่ยงการเสียเงินเกินจำเป็นไปกับก้อนเกลือในอนาคต
อ้างอิง:
https://www.psychologytoday.com/us/blog/brain-wise/201510/shopping-dopamine-and-anticipation
https://www.youtube.com/watch?v=clp3-KCLq_A&ab_channel=CLOUDSPHERE
https://www.cbc.ca/radio/undertheinfluence/the-real-reason-most-prices-end-in-99-cents-1.4731238
https://www.reddit.com/r/Genshin_Impact/comments/qj0fvc/psa_whale_hunting_a_guide_to_predatory_game/?utm_term=1604053848&utm_medium=post_embed&utm_source=embed&utm_name=&utm_content=header
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ระบบกาชาปองเป็นหนึ่งในระบบที่ยอดนิยมของเกมในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเกม FPS, MMORPG หรือ MOBA ระบบสุ่มไอเทมนี้ก็แฝงตัวเข้าไปได้อย่างแนบเนียน ช่วยเพิ่มทั้งความตื่นเต้นในการสุ่มให้กับผู้เล่น และผู้เม็ดเงินที่ไหลเวียนเข้าสู่ผู้พัฒนาเกมได้เป็นอย่างดี
แต่ก็ใช่ว่ากาชาปองจะมีแต่ข้อดีเสมอไป ข้อเสียข้อใหญ่ของระบบนี้ก็คือ ความไม่แน่นอน ผู้เล่นไม่มีทางรู้เลยว่า ตัวเองจะได้ไอเทมอะไรจากการสุ่มครั้งนี้ แม้บางเกมจะมีการการันตี (Pity rate) เข้ามาช่วย แต่นั่นก็ไม่สามารถหยุดความเจ็บปวดของผู้เล่นดวงกุดได้เลยแม้แต่น้อย จนกลายเป็นเสียงโอดครวญตามกลุ่มเฟซบุ๊คของเกมกาชาแทบทุกเกมถึงความ "เกลือ" อันน่าคับแค้นใจ
ทว่าแม้จะมีเสียงบ่นมากมายเกี่ยวกับระบบนี้ จนเกิดเป็นแนวคิดในหมู่ผู้เล่นจำนวนไม่น้อยว่า “กาชาคือรูปแบบทางธุรกิจที่ชั่วร้าย” แต่จำนวนเงินที่เข้ากระเป๋าผู้พัฒนา กับจำนวนตัวเลขคนสุ่มกลับไม่ลดลงเลยในการเสี่ยงดวงประเภทนี้ ราวกับว่าทุกคนเสพติดมันไปแล้ว
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้คนยังคงติดอยู่ในวังวนการหมุนกาชา แม้ว่าเราจะบ่น “เกลือ” อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เราจะมาไขข้อสงสัยถึงประเด็นนี้กัน
ต้นกำเนิดความเค็ม
อันดับแรก การหมุนกาชาปองนั้นมีพื้นฐานคล้ายกับการพนัน เพราะทั้งคู่ต่างเป็นการจ่ายเงินไปก่อน และลุ้นว่าจะได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการหรือไม่ ซึ่งตรงจุดนี้จะมีสารเคมีในสมองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เจ้าสารเคมีตัวนี้มีชื่อว่า โดพามีน (Dopamine)
โดพามีนนั้นเป็นสารเคมีที่จะหลั่งออกมาในตอนที่มนุษย์กำลังมีความสุขหรือกำลังรู้สึกตื่นเต้น ซึ่งทางโรเบิร์ต ซาโปลสกี (Robert Sapolsky) นักประสาทวิทยาชาวอเมริกัน ได้เคยทำการทดลองกับสมองของลิงเกี่ยวกับเงื่อนไข และช่วงเวลาของการหลั่งสารโดพามีน โดยการทดลองมีรายละเอียดดังนี้
โรเบิร์ตได้ฝึกสอนลิงให้รับรู้ว่า เมื่อพวกมันกดปุ่ม 10 ครั้งในตอนที่มีสัญญาณไฟขึ้น พวกมันจะได้กล้วยตอบแทนเป็นรางวัล
สำหรับกราฟด้านบนเป็นการแสดงระดับของสารโดพามีนในสมองของลิง โดนลูกศรแรก (ซ้ายสุด) คือระดับเมื่อลิงเห็นสัญญาณไฟ จะเห็นได้ว่าโดพามีนหลั่งมากสุดในระหว่างทางที่กำลังกด (กราฟระหว่างลูกศรจุดแรกและจุดสอง) ไม่ใช่หลังจากที่ได้รางวัลไปแล้ว (ลูกศรจุดสุดท้าย) สรุปได้ว่าสารโดพามีนเป็นตัวขับเคลื่อนให้ลิงกดปุ่มต่อไปถึงสิบครั้ง เพื่อของรางวัลที่มันรอคอย
นอกจากนี้โรเบิร์ตยังทำการทดลองเพิ่มเติม โดยเพิ่มเงื่อนไขเข้าไปจากเดิมที่จะได้รางวัล 100% เมื่อกดปุ่มครบจำนวน กลายเป็น มีโอกาสได้รางวัล 75% 50% และ 25% ตามลำดับ
ประกายสีทองที่ทุกคนถวิลหา
นอกจากนี้ ยังมีอาการที่เรียกในภาษาจิตวิทยาว่า Sunk Cost Effect หมายถึง การที่เราลงทุนกับบางสิ่งไปเยอะแล้ว แต่ยังไม่ได้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา ทำให้ต้องเดินหน้าลงทุนต่อ หวังถอนทุนคืนให้ได้เท่านั้น สภาวะนี้ก็มีผลกับระบบกาชาปองเช่นกัน คุณอาจจะลงทุนเติมเงินไปเยอะ แต่ยังไม่ได้สิ่งที่ต้องการเสียที คุณอยากหยุดเติมแล้ว แต่สมองของคุณก็บอกว่า ที่เติมไปก่อนหน้านี้จะเสียเปล่า นั่นจึงบีบให้คุณต้องเติมเงินเพิ่มอย่างช่วยไม่ได้
ปรากฏการณ์อีกอย่างที่ทำให้การกดกาชาปองมีความน่าดึงดูดคือการที่คนในสังคมเกมต่างออกมาบอกกันปากต่อปากว่า ‘กาชาตู้นี้ดี กาชาตู้นี้เยี่ยม’ ก็เป็น Social Proof หรือการที่ปัจจัยภายนอกในสังคม (เช่นการพูดกันในกลุ่ม หรือการฟังจากปากอินฟลูเอนเซอร์) มีผลที่ช่วยส่งเสริมให้คุณมีอาการ “ของมันต้องมี” ทำให้เผลอตัวกดกาชาปองเพิ่มอีกเช่นกัน
อีกทั้งมนุษย์ยังเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ชอบการสูญเสีย ดังนั้นหากเจอคำโฆษณาที่ชวนล่อซื้ออย่าง “จำกัดเวลา” หรือ “ห้ามพลาด” ก็จะช่วยกระตุ้นให้คุณอยากถลุงเงินไปกับการเสี่ยงดวงขึ้นไปอีก และในเกมบางเกมจะมีระบบ Daily Mission ที่ให้ของรางวัลตอบแทนบางอย่าง โดย Daily Misson นี้ หากมองจากมุมมองคนเล่น มันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะมันช่วยให้รางวัลฟรีแก่เรา แต่หากมองในมุมกลับแล้ว นี่จะเข้ากับทฤษฎี 21 วันของด็อกเตอร์แม็กซ์เวลล์ มอลต์ (Dr.Maxwell Maltz) ผู้เขียนหนังสือ Psycho-Cybernetics ที่ว่าด้วยการ “สร้างนิสัย” กล่าวคือหากคนเราทำสิ่งเดิมๆ เป็นเวลา 21 วัน จะทำให้คนเราเสพติดสิ่งนั้น หรือเคยชินกับสิ่งนั้นไปโดยปริยาย กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “กิจวัตรประจำวัน” หรือ “Daily Routine” ที่พอไม่ทำก็อาจจะรู้สึกไม่สบายใจ อยู่ไม่สุข คล้ายกับการลืมทำงานบ้านนั่นเอง
60/160 = 0.375
300/160 = 1.875
980/160 = 6.125
1980/160 = 12.375
3280/160 = 20.5
6480/160 = 40.5
ซึ่งนี่ก็เป็นหลักการที่ทำให้มนุษย์อยากจะเติมเงินเพื่อเข้าไปเพื่อเพิ่มจำนวนครั้งที่หมุนได้เช่นกัน เราอาจจะเติมเงินเข้าไปครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้ของที่ต้องการ ทีนี้พอเรามามองเศษที่เหลืออยู่ เราจะคิดว่าขาดอีกนิดเดียวก็จะหมุนกาชาปองได้อีกครั้งแล้ว เติมอีกนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป ครั้งนี้เราอาจจะได้ของที่ต้องการก็ได้นะ ด้วยวิธีเล่นกับตัวเลข และการหลอกล่อจิตใจของคน จึงไม่แปลกเลยหากคุณจะเผลอกดรหัสบัตรเครดิต และเติมเงินเข้าสู่เกมอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่สนุกกับการลุ้นกาชาปอง หรือเป็นคนที่เสียดายเกินกว่าจะหยุดได้ ทั้งสองแบบนั้นจะนำคุณไปสู่ปลายทางเดียวกัน นั่นคือการหมุนกาชาปองต่อไปนั่นเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้น บทความนี้ไม่ได้ต้องการจะตัดสินว่าระบบกาชาปองในเกมต่างๆ นั้นเป็นสิ่งที่ "ถูกหรือผิด" หากแต่เป็นการให้ข้อมูลเพื่อให้ทุกคนสามารถ "รู้เท่าทัน" กลยุทธ์ต่างๆ ที่ผู้พัฒนาเกมใช้ในการโน้มน้าวจิตใจของเรา ซึ่งน่าจะช่วยให้หลายๆ คนมีภูมิต้านทานต่อการถูกชักจูงมากขึ้น และอาจจะช่วยให้เราสามารถหลีกเลี่ยงการเสียเงินเกินจำเป็นไปกับก้อนเกลือในอนาคต
อ้างอิง:
https://www.psychologytoday.com/us/blog/brain-wise/201510/shopping-dopamine-and-anticipation
https://www.youtube.com/watch?v=clp3-KCLq_A&ab_channel=CLOUDSPHERE
https://www.cbc.ca/radio/undertheinfluence/the-real-reason-most-prices-end-in-99-cents-1.4731238
https://www.reddit.com/r/Genshin_Impact/comments/qj0fvc/psa_whale_hunting_a_guide_to_predatory_game/?utm_term=1604053848&utm_medium=post_embed&utm_source=embed&utm_name=&utm_content=header