ในปัจจุบันนี้เกมแนว Open-World โลกเปิดที่ให้ผู้เล่นสามารถสำรวจพื้นที่ต่างๆ ภายในเกมได้อย่างอิสระกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมันเป็นเหมือนโลกอีกใบที่รอให้ผู้เล่นเข้าไปผจญภัยและสนุกไปกับมัน แต่ว่าถ้าเราสังเกตดีๆ จะพบกว่าเกมแนว Open-World นั้น ส่วนใหญ่ล้วนจะมีความเป็น Action ต่อสู้บู๊กันสนั่นจอ แล้วหากมีผู้เล่นบางกลุ่ม หรือตัวคุณเองอย่างเล่นเกมแนว Open-World โลกเปิด แต่อยากสำรวจผจญภัยเฉยๆ ไม่อยากต่อสู้ล่ะ? เกมแบบนั้นมันจะมีหรือไม่? คำตอบคือมี ซึ่งในนั้นนี้พวกเรา GameFever TH ได้รวบรวม 8 เกม Open-World โลกเปิดที่ไม่มีการต่อสู้ก็สนุกได้! มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันเลย!
สำหรับเกม Assassin's Creed นี้ตัวแฟรนไชส์ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2007 แล้ว ทำให้หลายๆ คนน่าจะติดตากับการที่เกมนำเสนอความเป็น Open-World พร้อมกับใส่อารมณ์เกมแนวลอบเร้นกึ่งแอ็คชั่นเข้าไปในตัวเกม ซึ่งตัวเกมยังคงเป็นแบบนี้เรื่อยมา จนกระทั่งการมาถึงของ Assassin's Creed Origins ตัวเกมเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง นั่นคือ ทีมงาน Ubisoft ได้ลองเปลี่ยนทิศทางเกมไปสู่เกมแนว Action-RPG แทน ( หลังจากเรียนรู้ข้อผิดพลาดในภาค Unity ทีมงานก็นำข้อผิดพลาดเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาจนดีขึ้น ) ซึ่งแน่นอนว่าเรายังได้เห็นองค์ประกอบต่างๆ นั่นคือการต่อสู่ ภารกิจมากมาย ไปจนถึงศัตรู
แต่...Assassin's Creed Origins มีอะไรมากกว่านั้น เพราะทีมงานได้นำเสนอโหมด Discovery Tour Mode ซึ่งจะเป็นโหมดที่ให้ผู้เล่นสามารถเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ในเกม เพื่อทำการสำรวจวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ต่างๆ ของอียิปต์ในมุมมองที่เกี่ยวกับการศึกษา เพราะในโหมดนี้ระบบต่างๆ จะถูกตัดออกไปนั่นคือ การต่อสู้ ภารกิจ และศัตรู นั่นหมายความว่าหากเราเลือกเล่นโหมดนี้ จะไม่มีการต่อสู้ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่สิ่งที่มาแทนที่ก็คือ ไกด์ที่จะคอยแนะนำข้อมูลด้านประวัติศาสตร์หรือสถานที่ต่างๆ ผ่านเสียงในแต่ละที่อย่างละเอียดเลย!
ถึงแม้ว่าเกม Minecraft จะถูกวางจำหน่ายมานานกว่า 10 ปีแล้ว ( ตั้งแต่ปี 2011 ) แต่เราจะเห็นได้ว่าตัวเกมก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักเกม Minecraft ขอแนะนำตัวเกมคร่าวๆ ว่าเกมนี้จะเป็นแนว Open-World โลกสี่เหลี่ยมที่ผู้เล่นจะสามารถเลือกโหมดการเล่นได้ว่าเราจะเล่นโหมดเอาชีวิตรอดที่มีค่าชีวิต ค่าความหิว และต้องฟาร์มสิ่งต่างๆ เพื่อนำมาคราฟของต่างๆ
ส่วนอีกโหมดนั่นคือ โหมดสร้างสรรค์หรือโหมด Creative ที่จะให้ผู้เล่นมีอิสระในการสร้างสิงต่างๆ บนโลก Open-World โดยไม่ต้องกังวลกับค่าพลังชีวิต หรือค่าความหิวใดๆ เลย ดังนั้นใครที่มีความคิดสร้างสรรค์ ก็สามารถออกแบบหรือสร้างสิ่งต่างๆ โดยใช้ไอเดียของตนออกมาได้มากมาย ซึ่งหากทำเสร็จแล้ว ตัวเจ้าของผลงานหรือตัวผู้เล่นเองก็ยังสามารถนำ Map แผนที่นั้นๆ มาเผยแพร่ให้กับผู้เล่นคนอื่นๆ ผ่านการส่งไฟล์ให้เพื่อน หรือทำเป็น Mod เอาไปโพสต์ลงกระทู้สังคมเกม Minecraft ให้คนอื่นๆ นำไปใช้และต่อยอดได้อีกด้วย!
เกม Yonder: The Cloud Catcher Chronicles ตัวเกมอาจจะดูเหมือนเกมอินดี้ๆ แนวใช้ชีวิต สร้างบ้านทำฟาร์ม แต่จริงๆ แล้วทีมพัฒนาอย่าง Prideful Sloth พวกเขาต้องการนำเสนอความเป็นเกมแนว Open-World ที่จะให้ผู้เล่นเน้นออกสำรวจไปยังส่วนต่างๆ รอบๆ เกาะ โดยเซ็ตเนื้อเรื่องง่ายๆ ไว้ถึงตัวเอกที่เจอเหตุการณ์เรือล่ม แล้วต้องมาติดอยู่บนเกาะเวทย์มนตร์ที่เรียกว่า Gemea ซึ่งเกาะแห่งนี้ถูกปกคลุมได้ด้วยหมอกลึกลับที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายทำลายสิ่งแวดล้อมต่างๆ บนเกาะ ทำให้ชาวบ้านต่างพอกันเรียกหมอกนั่นว่า Murk
ดังนั้นผู้เล่นจะได้รับหน้าที่ให้ออกเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของเกาะซึ่งถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่ ที่มีสภาพแวดล้อมแตกต่างกันไปมากถึง 8 แบบ เช่น ชายหาดโซนร้อน โซนภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เป็นต้น โดยเราจะต้องเดินทางไปทำเควสหลักด้วยการไปยังโซนต่างๆ เพื่อรวบรวมของศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อว่า Sprite เพื่อนำกลับมาทำลายหมอกปริศนาดังกล่าว แน่นอนว่าในระหว่างทางผู้เล่นจะได้พบเจอกับสัตว์ ธรรมชาติ และความน่าสนใจต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลินสนุกสนานโดยไม่จำเป็นต้องต่อสู้เลยแม้แต่ครั้งเดียว! นอกจากนี้ยังมีเควสเสริมที่มากมาย เช่น การทำฟาร์ม ช่วยเหลือชาวบ้าน เป็นต้น บอกเลยว่านี่เป็นอีกหนึ่งเกม Open-World ที่คุณไม่ควรพลาด!
ถอดสมองออก อย่าไปสนเนื้อเรื่อง เพราะนี่คือเกม Shape of the World เกมแนวเดินสำรวจไปตามที่ต่างๆ บนเกาะผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และงานศิลปะกราฟฟิกในเกมก็เป็นเอกลักษณ์มากๆ นอกจากนี้เพลงประกอบระหว่างการเล่นเกมก็พร้อมจะพาให้ผู้เล่นรู้สึกผ่อนคลายตลอดการเล่นเลย
และในส่วนของเกมเพลย์นั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย ตัวเกมเพียงให้ผู้เล่นเดินสำรวจไปเรื่อยๆ และในระหว่างทางก็จะมีพวกต้นไม้ พุ่มหญ้างอกเงยออกมาเรื่อยๆ รวมถึงเราจะได้เห็นสัตว์แปลกมากมายๆ ที่พร้อมจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นด้วยโดยบางตัวอาจจะวิ่งหนี หรือบางตัวก็จะวิ่งชนผู้เล่นอีกด้วย ดังนั้นหากใครที่กำลังเคลียดอยู่อยากเล่นเกมเบาสมอง เน้นชิลๆ ก็ขอแนะนำเกมนี้เลยรับรองว่าทั้งสนุก และคลายเคลียดได้แน่นอน
พูดถึงเกม Open-World ที่เล่าผ่านมุมมองตัวบุคคลกันมาพักหนึ่งแล้ว เรามาคั่นด้วยเกมแนวโลกเปิดที่ให้สำรวจเกาะอังกฤษทางตอนเหนือผ่านมุมมอง ผ่านธีมการขับรถกันดีกว่า นโดยเกมที่ว่านั่นก็คือ Forza Horizon 4 ....หลายๆ คนที่เคยเห็นปกเกม หรือมองผ่านๆ อาจจะคิดว่าเกมนี้มันคือเกมขับรถธรรมดาๆ ทั่วไป แต่อย่าเพิ่งคิดอย่างนั้น เพราะทีมพัฒนาเกมนี้อย่าง Playground Games พวกเขาใส่ใจในการพัฒนาเกมนี้มากๆ
สำหรับ Forza Horizon 4 นี้บอกเลยว่าเพียงผู้เล่นขับรถสำรวจสถานที่ต่างๆ ในเกมได้โดยยังไม่ทำภารกิจหลัก หรือแข่งรถก่อน เท่านี้ก็สามารถสนุกเพลิดเพลินไปกับตัวเกมแล้ว เพราะทีมพัฒนาใส่ใจในทุกรายละเอียดทั้งศิลปะทั้งวัฒนธรรมของสถานที่ต่างๆ บนโซนทางเหนือของเกาะอังกฤษ-สก็อตแลนด์ ทุกรายละเอียดนั้นใกล้เคียงกับของจริงมากจนราวกับว่าถอดแบบมาเลย นอกจากนี้พวกรถที่ขับโดย AI ก็เป็นรถที่นิยมใช้บนเกาะอังกฤษอีกด้วย รวมถึงยังมีเรื่องการใส่สำเนียงอังกฤษและอื่นๆ อีกมากมายที่จะทำให้บรรดาผู้เล่นหลงใหลไม่มีเบื่อกับการขับรถเที่ยวสำรวจไปยังที่ต่างๆ ในเกม แม้ตัวเกมจะไม่มีฉากต่อสู้บู๊ล้างผลาญก็ตาม!
หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า The Sims 3 มันเป็นเกมเก่าแล้ว ทั้งยังเป็นเกมแนวจำลองการใช้ชีวิต และเน้นการตกแต่งบ้านไม่ใช่หรือ คำตอบคือใช่ แต่สำหรับภาค 3 เป็นต้นไปนี้ ทาง EA ได้เปลี่ยนทิศทางของเกมครั้งใหญ่ด้วยการทำให้ตัวเกมมีความ Open-Wolrd มากขึ้นด้วย โดยเราจะเห็นว่าในภาคนี้ผู้เล่นสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน สนามเด็กเล่น เป็นต้น อีกทั้งเรายังสามารถเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของเมืองเพื่อทำความรู้จักกับ NPC คนอื่นๆ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีทั้งลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันทำให้ตัวเกมน่าสนใจเข้าไปอีกเท่าตัวอีกด้วย!
นี่คือเกมอินดี้ Open-World ที่ได้รางวัลเกม Seumas McNally Grand Prize ในปี 2020 ( เป็นเหมือนรางวัลที่สูงสุดสำหรับเกมอินดี้ ) ที่ผ่านมาเพราะกวาดคำชมมากมายทั้งจากนักวิจารณ์และผู้เล่น โดยขอบอกเลยว่าเกมนี้ทำโดยนักพัฒนาชาวแคนนาดาอย่าง Adam Robinson-Yu ซึ่งทั้งหมดของการพัฒนาเกมนี้ทั้งหมดแทบจะทำโดยเขาเพียงคนเดียว!
หลายๆ คนอาจจะเห็นว่าระยะเวลาการจบเกมทำไมมันสั้นมากเพียงชั่วโมงกว่าๆ ก็เล่นจบแล้ว ต้องบอกก่อนว่านั่นคือความต้องการของผู้พัฒนา เพราะเขาต้องการทำเกมที่คลายเคลียด มุ่งเน้นให้คนที่มาเล่นได้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายหลังเล่นเกมจบ ซึ่งตัวเกมจะมีภารกิจหรือเนื้อเรื่องหลักนั่นคือผู้เล่นจะต้องออกไปตามหาขนนกสีทองวิเศษทั้ง 7 ที่มีไว้เพื่อใช้ในการตีนผาไต่เขาไปสู่จุดสูงสุดของเกม ซึ่งรูปแบบการเล่นนั้นก็ไม่ยากอะไรเลย เราเพียงสำรวจไปตามพื้นที่ต่างๆ เสพบรรยากาศรอบๆ ตัว รวมถึงยังมีสัตว์มากมายในเกมอีกด้วย และนอกจากนี้ยังมีมินิเกมมากมายให้ทำได้อย่างไม่มีเบื่อเลย อย่างเช่น การตกหา หาของที่หายไป และกีฬาภายในเกม ดังนั้นบอกเลยว่าใครที่กำลังหาเกมคลายเคลียดอยู่เกม A Short Hike ช่วยได้แน่นอน!
ปิดท้ายด้วยเกม Open-World อีกหนึ่งเกมที่ต้องบอกเลยว่าภาพในเกมสวยมากๆ รวมถึงความสมจริงของงานภาพ และเสียงที่จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกอิน และผ่อนคลายไปในตัว เช่น หากไปยืนบริเวณริมหาด จะมีเสียงคลื่นซัดฝั่งซึ่งเป็นเสียงที่สมจริง รวมถึงผ่อนคลายไปด้วย และเราจะมาเล่าถึงเนื้อเรื่องย่อกับระบบการเล่นเล็กๆ น้อยๆ กันดังนี้
สำหรับเกม Eastshade นี้ถูกสร้างโดยทีมพัฒนาที่มีชื่อเดียวกันกับตัวเกมเลย เนื้อเรื่องนั้นเล่าจะถึงจิตกรคนหนึ่ง ซึ่งก็คือผู้เล่นที่ได้ออกเดินทางมาสำรวจยังเกาะ Eastshade เกาะที่เต็มไปด้วยมนุษย์ครึ่งสัตว์มากมาย โดย NPC เหล่านี้ผู้เล่นสามารถเข้าไปโต้ตอบพูดคุยได้ โดยการเลือกตอบบทสนทนาจะมีผลต่อการเล่นในอนาคตอีกด้วย รวมถึงยังมีการให้ผู้เล่นออกสำรวจเพื่อค้นหาวัตถุดิบ ไอเทม และความลับต่างๆ บนเกาะ และอีกเรื่องที่ทำให้เกมนี้ให้อารมณ์จิตรกรศิลปินจริงๆ ก็คือ หากผู้เล่นเดินทางไปตามส่วนต่างๆ ของเกาะแล้วเจอมุมหรือวิวสวยๆ เราสามารถทำการนำฉากตรงนั้นมาใส่บนกระดาษให้อารมณ์เหมือนศิลปินผู้สุนทรีย์ไปกับความงามตรงหน้ากันเลยทีเดียว!
Credit : GAMERANT
ในปัจจุบันนี้เกมแนว Open-World โลกเปิดที่ให้ผู้เล่นสามารถสำรวจพื้นที่ต่างๆ ภายในเกมได้อย่างอิสระกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะมันเป็นเหมือนโลกอีกใบที่รอให้ผู้เล่นเข้าไปผจญภัยและสนุกไปกับมัน แต่ว่าถ้าเราสังเกตดีๆ จะพบกว่าเกมแนว Open-World นั้น ส่วนใหญ่ล้วนจะมีความเป็น Action ต่อสู้บู๊กันสนั่นจอ แล้วหากมีผู้เล่นบางกลุ่ม หรือตัวคุณเองอย่างเล่นเกมแนว Open-World โลกเปิด แต่อยากสำรวจผจญภัยเฉยๆ ไม่อยากต่อสู้ล่ะ? เกมแบบนั้นมันจะมีหรือไม่? คำตอบคือมี ซึ่งในนั้นนี้พวกเรา GameFever TH ได้รวบรวม 8 เกม Open-World โลกเปิดที่ไม่มีการต่อสู้ก็สนุกได้! มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันถ้าพร้อมแล้วเรามาดูกันเลย!
สำหรับเกม Assassin's Creed นี้ตัวแฟรนไชส์ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 2007 แล้ว ทำให้หลายๆ คนน่าจะติดตากับการที่เกมนำเสนอความเป็น Open-World พร้อมกับใส่อารมณ์เกมแนวลอบเร้นกึ่งแอ็คชั่นเข้าไปในตัวเกม ซึ่งตัวเกมยังคงเป็นแบบนี้เรื่อยมา จนกระทั่งการมาถึงของ Assassin's Creed Origins ตัวเกมเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง นั่นคือ ทีมงาน Ubisoft ได้ลองเปลี่ยนทิศทางเกมไปสู่เกมแนว Action-RPG แทน ( หลังจากเรียนรู้ข้อผิดพลาดในภาค Unity ทีมงานก็นำข้อผิดพลาดเหล่านั้นมาปรับปรุงแก้ไขและพัฒนาจนดีขึ้น ) ซึ่งแน่นอนว่าเรายังได้เห็นองค์ประกอบต่างๆ นั่นคือการต่อสู่ ภารกิจมากมาย ไปจนถึงศัตรู
แต่...Assassin's Creed Origins มีอะไรมากกว่านั้น เพราะทีมงานได้นำเสนอโหมด Discovery Tour Mode ซึ่งจะเป็นโหมดที่ให้ผู้เล่นสามารถเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ในเกม เพื่อทำการสำรวจวัฒนธรรมประวัติศาสตร์ต่างๆ ของอียิปต์ในมุมมองที่เกี่ยวกับการศึกษา เพราะในโหมดนี้ระบบต่างๆ จะถูกตัดออกไปนั่นคือ การต่อสู้ ภารกิจ และศัตรู นั่นหมายความว่าหากเราเลือกเล่นโหมดนี้ จะไม่มีการต่อสู้ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่สิ่งที่มาแทนที่ก็คือ ไกด์ที่จะคอยแนะนำข้อมูลด้านประวัติศาสตร์หรือสถานที่ต่างๆ ผ่านเสียงในแต่ละที่อย่างละเอียดเลย!
ถึงแม้ว่าเกม Minecraft จะถูกวางจำหน่ายมานานกว่า 10 ปีแล้ว ( ตั้งแต่ปี 2011 ) แต่เราจะเห็นได้ว่าตัวเกมก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักเกม Minecraft ขอแนะนำตัวเกมคร่าวๆ ว่าเกมนี้จะเป็นแนว Open-World โลกสี่เหลี่ยมที่ผู้เล่นจะสามารถเลือกโหมดการเล่นได้ว่าเราจะเล่นโหมดเอาชีวิตรอดที่มีค่าชีวิต ค่าความหิว และต้องฟาร์มสิ่งต่างๆ เพื่อนำมาคราฟของต่างๆ
ส่วนอีกโหมดนั่นคือ โหมดสร้างสรรค์หรือโหมด Creative ที่จะให้ผู้เล่นมีอิสระในการสร้างสิงต่างๆ บนโลก Open-World โดยไม่ต้องกังวลกับค่าพลังชีวิต หรือค่าความหิวใดๆ เลย ดังนั้นใครที่มีความคิดสร้างสรรค์ ก็สามารถออกแบบหรือสร้างสิ่งต่างๆ โดยใช้ไอเดียของตนออกมาได้มากมาย ซึ่งหากทำเสร็จแล้ว ตัวเจ้าของผลงานหรือตัวผู้เล่นเองก็ยังสามารถนำ Map แผนที่นั้นๆ มาเผยแพร่ให้กับผู้เล่นคนอื่นๆ ผ่านการส่งไฟล์ให้เพื่อน หรือทำเป็น Mod เอาไปโพสต์ลงกระทู้สังคมเกม Minecraft ให้คนอื่นๆ นำไปใช้และต่อยอดได้อีกด้วย!
เกม Yonder: The Cloud Catcher Chronicles ตัวเกมอาจจะดูเหมือนเกมอินดี้ๆ แนวใช้ชีวิต สร้างบ้านทำฟาร์ม แต่จริงๆ แล้วทีมพัฒนาอย่าง Prideful Sloth พวกเขาต้องการนำเสนอความเป็นเกมแนว Open-World ที่จะให้ผู้เล่นเน้นออกสำรวจไปยังส่วนต่างๆ รอบๆ เกาะ โดยเซ็ตเนื้อเรื่องง่ายๆ ไว้ถึงตัวเอกที่เจอเหตุการณ์เรือล่ม แล้วต้องมาติดอยู่บนเกาะเวทย์มนตร์ที่เรียกว่า Gemea ซึ่งเกาะแห่งนี้ถูกปกคลุมได้ด้วยหมอกลึกลับที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายทำลายสิ่งแวดล้อมต่างๆ บนเกาะ ทำให้ชาวบ้านต่างพอกันเรียกหมอกนั่นว่า Murk
ดังนั้นผู้เล่นจะได้รับหน้าที่ให้ออกเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของเกาะซึ่งถูกแบ่งออกเป็นพื้นที่ ที่มีสภาพแวดล้อมแตกต่างกันไปมากถึง 8 แบบ เช่น ชายหาดโซนร้อน โซนภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะ เป็นต้น โดยเราจะต้องเดินทางไปทำเควสหลักด้วยการไปยังโซนต่างๆ เพื่อรวบรวมของศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อว่า Sprite เพื่อนำกลับมาทำลายหมอกปริศนาดังกล่าว แน่นอนว่าในระหว่างทางผู้เล่นจะได้พบเจอกับสัตว์ ธรรมชาติ และความน่าสนใจต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลินสนุกสนานโดยไม่จำเป็นต้องต่อสู้เลยแม้แต่ครั้งเดียว! นอกจากนี้ยังมีเควสเสริมที่มากมาย เช่น การทำฟาร์ม ช่วยเหลือชาวบ้าน เป็นต้น บอกเลยว่านี่เป็นอีกหนึ่งเกม Open-World ที่คุณไม่ควรพลาด!
ถอดสมองออก อย่าไปสนเนื้อเรื่อง เพราะนี่คือเกม Shape of the World เกมแนวเดินสำรวจไปตามที่ต่างๆ บนเกาะผ่านมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และงานศิลปะกราฟฟิกในเกมก็เป็นเอกลักษณ์มากๆ นอกจากนี้เพลงประกอบระหว่างการเล่นเกมก็พร้อมจะพาให้ผู้เล่นรู้สึกผ่อนคลายตลอดการเล่นเลย
และในส่วนของเกมเพลย์นั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย ตัวเกมเพียงให้ผู้เล่นเดินสำรวจไปเรื่อยๆ และในระหว่างทางก็จะมีพวกต้นไม้ พุ่มหญ้างอกเงยออกมาเรื่อยๆ รวมถึงเราจะได้เห็นสัตว์แปลกมากมายๆ ที่พร้อมจะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เล่นด้วยโดยบางตัวอาจจะวิ่งหนี หรือบางตัวก็จะวิ่งชนผู้เล่นอีกด้วย ดังนั้นหากใครที่กำลังเคลียดอยู่อยากเล่นเกมเบาสมอง เน้นชิลๆ ก็ขอแนะนำเกมนี้เลยรับรองว่าทั้งสนุก และคลายเคลียดได้แน่นอน
พูดถึงเกม Open-World ที่เล่าผ่านมุมมองตัวบุคคลกันมาพักหนึ่งแล้ว เรามาคั่นด้วยเกมแนวโลกเปิดที่ให้สำรวจเกาะอังกฤษทางตอนเหนือผ่านมุมมอง ผ่านธีมการขับรถกันดีกว่า นโดยเกมที่ว่านั่นก็คือ Forza Horizon 4 ....หลายๆ คนที่เคยเห็นปกเกม หรือมองผ่านๆ อาจจะคิดว่าเกมนี้มันคือเกมขับรถธรรมดาๆ ทั่วไป แต่อย่าเพิ่งคิดอย่างนั้น เพราะทีมพัฒนาเกมนี้อย่าง Playground Games พวกเขาใส่ใจในการพัฒนาเกมนี้มากๆ
สำหรับ Forza Horizon 4 นี้บอกเลยว่าเพียงผู้เล่นขับรถสำรวจสถานที่ต่างๆ ในเกมได้โดยยังไม่ทำภารกิจหลัก หรือแข่งรถก่อน เท่านี้ก็สามารถสนุกเพลิดเพลินไปกับตัวเกมแล้ว เพราะทีมพัฒนาใส่ใจในทุกรายละเอียดทั้งศิลปะทั้งวัฒนธรรมของสถานที่ต่างๆ บนโซนทางเหนือของเกาะอังกฤษ-สก็อตแลนด์ ทุกรายละเอียดนั้นใกล้เคียงกับของจริงมากจนราวกับว่าถอดแบบมาเลย นอกจากนี้พวกรถที่ขับโดย AI ก็เป็นรถที่นิยมใช้บนเกาะอังกฤษอีกด้วย รวมถึงยังมีเรื่องการใส่สำเนียงอังกฤษและอื่นๆ อีกมากมายที่จะทำให้บรรดาผู้เล่นหลงใหลไม่มีเบื่อกับการขับรถเที่ยวสำรวจไปยังที่ต่างๆ ในเกม แม้ตัวเกมจะไม่มีฉากต่อสู้บู๊ล้างผลาญก็ตาม!
หลายๆ คนอาจจะสงสัยว่า The Sims 3 มันเป็นเกมเก่าแล้ว ทั้งยังเป็นเกมแนวจำลองการใช้ชีวิต และเน้นการตกแต่งบ้านไม่ใช่หรือ คำตอบคือใช่ แต่สำหรับภาค 3 เป็นต้นไปนี้ ทาง EA ได้เปลี่ยนทิศทางของเกมครั้งใหญ่ด้วยการทำให้ตัวเกมมีความ Open-Wolrd มากขึ้นด้วย โดยเราจะเห็นว่าในภาคนี้ผู้เล่นสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน สนามเด็กเล่น เป็นต้น อีกทั้งเรายังสามารถเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของเมืองเพื่อทำความรู้จักกับ NPC คนอื่นๆ ซึ่งแต่ละคนก็จะมีทั้งลักษณะนิสัยที่แตกต่างกันทำให้ตัวเกมน่าสนใจเข้าไปอีกเท่าตัวอีกด้วย!
นี่คือเกมอินดี้ Open-World ที่ได้รางวัลเกม Seumas McNally Grand Prize ในปี 2020 ( เป็นเหมือนรางวัลที่สูงสุดสำหรับเกมอินดี้ ) ที่ผ่านมาเพราะกวาดคำชมมากมายทั้งจากนักวิจารณ์และผู้เล่น โดยขอบอกเลยว่าเกมนี้ทำโดยนักพัฒนาชาวแคนนาดาอย่าง Adam Robinson-Yu ซึ่งทั้งหมดของการพัฒนาเกมนี้ทั้งหมดแทบจะทำโดยเขาเพียงคนเดียว!
หลายๆ คนอาจจะเห็นว่าระยะเวลาการจบเกมทำไมมันสั้นมากเพียงชั่วโมงกว่าๆ ก็เล่นจบแล้ว ต้องบอกก่อนว่านั่นคือความต้องการของผู้พัฒนา เพราะเขาต้องการทำเกมที่คลายเคลียด มุ่งเน้นให้คนที่มาเล่นได้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายหลังเล่นเกมจบ ซึ่งตัวเกมจะมีภารกิจหรือเนื้อเรื่องหลักนั่นคือผู้เล่นจะต้องออกไปตามหาขนนกสีทองวิเศษทั้ง 7 ที่มีไว้เพื่อใช้ในการตีนผาไต่เขาไปสู่จุดสูงสุดของเกม ซึ่งรูปแบบการเล่นนั้นก็ไม่ยากอะไรเลย เราเพียงสำรวจไปตามพื้นที่ต่างๆ เสพบรรยากาศรอบๆ ตัว รวมถึงยังมีสัตว์มากมายในเกมอีกด้วย และนอกจากนี้ยังมีมินิเกมมากมายให้ทำได้อย่างไม่มีเบื่อเลย อย่างเช่น การตกหา หาของที่หายไป และกีฬาภายในเกม ดังนั้นบอกเลยว่าใครที่กำลังหาเกมคลายเคลียดอยู่เกม A Short Hike ช่วยได้แน่นอน!
ปิดท้ายด้วยเกม Open-World อีกหนึ่งเกมที่ต้องบอกเลยว่าภาพในเกมสวยมากๆ รวมถึงความสมจริงของงานภาพ และเสียงที่จะทำให้ผู้เล่นรู้สึกอิน และผ่อนคลายไปในตัว เช่น หากไปยืนบริเวณริมหาด จะมีเสียงคลื่นซัดฝั่งซึ่งเป็นเสียงที่สมจริง รวมถึงผ่อนคลายไปด้วย และเราจะมาเล่าถึงเนื้อเรื่องย่อกับระบบการเล่นเล็กๆ น้อยๆ กันดังนี้
สำหรับเกม Eastshade นี้ถูกสร้างโดยทีมพัฒนาที่มีชื่อเดียวกันกับตัวเกมเลย เนื้อเรื่องนั้นเล่าจะถึงจิตกรคนหนึ่ง ซึ่งก็คือผู้เล่นที่ได้ออกเดินทางมาสำรวจยังเกาะ Eastshade เกาะที่เต็มไปด้วยมนุษย์ครึ่งสัตว์มากมาย โดย NPC เหล่านี้ผู้เล่นสามารถเข้าไปโต้ตอบพูดคุยได้ โดยการเลือกตอบบทสนทนาจะมีผลต่อการเล่นในอนาคตอีกด้วย รวมถึงยังมีการให้ผู้เล่นออกสำรวจเพื่อค้นหาวัตถุดิบ ไอเทม และความลับต่างๆ บนเกาะ และอีกเรื่องที่ทำให้เกมนี้ให้อารมณ์จิตรกรศิลปินจริงๆ ก็คือ หากผู้เล่นเดินทางไปตามส่วนต่างๆ ของเกาะแล้วเจอมุมหรือวิวสวยๆ เราสามารถทำการนำฉากตรงนั้นมาใส่บนกระดาษให้อารมณ์เหมือนศิลปินผู้สุนทรีย์ไปกับความงามตรงหน้ากันเลยทีเดียว!
Credit : GAMERANT