และแล้วเวลาที่สาวกชาวแฟนโปเกม่อนที่ตั้งตาคอยรอภาคใหม่ที่จ่อลง Nintendo Switch กับ Pokémon ภาค Scarlet & Violet ก็มาถึง ในตัวอย่างที่สองที่ทาง Pokemon Official Page เพิ่งปล่อยตัวออกมาวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมานี้ ก็เรียกได้ว่าทำเอาให้ผู้เล่นได้ใจเต้นกันหอมปากหอมคอ
แต่ เอ๋? ระหว่างดูตัวอย่างเพลิน ๆ เนี่ย เราอาจจะพลาดจุดสำคัญที่สปอยส่วนสำคัญของเกมไปก็ได้! ดังนั้น บทความนี้เราจะมาวิเคราะห์ & สรุป 10 สิ่งที่ปรากฏในตัวอย่างทั้งสองของเกม Pokémon Scarlet & Violet นี้กัน! เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า~
จริง ๆ แล้วอาจจะเป็นที่ได้ยินกันมานานแล้วว่า Nintendo นั้น พยายามหาวิธีการเปลี่ยนรูปแบบการเล่นโปเกม่อนให้กลายเป็นแบบ Open-World หรือระบบโลกเปิดที่ผู้เล่นจะอยู่ในแผนที่เดียว ไม่มีการโหลดเชื่อมต่อแผนที่ ซึ่งถ้าสังเกตกันดี ๆ ปู่นินของเราทดลองกับผู้เล่นมาแล้วด้วย Pokémon Legend: Arceus ที่เป็น 'กึ่ง' ระบบโลกเปิด แต่ก็สร้างเสียงตอบรับแฟน ๆ ได้อย่างดิบดี โดยในภาคนี้ นอกจากจะเป็นระบบโลกเปิดแท้แล้ว 'ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องเล่นตามไดอะล็อกเนื้อเรื่องอีกต่อไป' หมายความว่าถ้าคุณจะอินดี้อยากไปสู้กับยิมที่ไกลบ้านคุณมากที่สุดก็ทำได้ตั้งแต่เกมเริ่ม ทำให้เรามีอิสระที่จะไล่ตามจับโปเกม่อนและออกสำรวจได้มากขึ้น
หลายคนอาจจะคุ้นชินกับการเข้าโปเกม่อนเซนเตอร์ หรือโปเกม่อนทาวเวอร์เพื่อเชื่อมต่อกับเพื่อนและผู้เล่นอื่น ๆ ก่อนจะใช้โปเกม่อนที่มีต่อสู้กัน หรือแลกเปลี่ยนไปมา แต่น่าเสียดายมันดันมีแค่นั้นในภาคก่อน ๆ แต่ไม่ใช่กับภาคนี้ ที่ผู้เล่นสามารถเข้าร่วมเล่นจริง ๆ ในเกมกับเพื่อนได้ เดินทางในโลกเดียวกันไปพร้อมกัน หรือแยกกันก่อนจะมารวม (หยุมหัว) กันทีหลัง สูงสุดสี่ผู้เล่น ซึ่งจากตัวอย่างเราอาจอนุมานได้ว่าผู้เล่นสามารถเลือก Starter Pokémon เป็นปิกาจูได้หากต้องการ
โปเกม่อนเริ่มต้นที่ผู้เล่นจะได้รับในช่วงเกมเริ่ม โดยมีสามตัว (และอาจรวมปิกาจูจากข้างต้น) ได้แก่
Sprigatito [ธาตุพืช] - โปเกม่อนแมวหญ้า ที่จะคอยคลอเคลียเป็นพิเศษหากเจ้าของมันสนใจโปเกม่อนอื่นมากกว่าตัวมันเอง
Fuecoco [ธาตุไฟ] - โปเกม่อนจระเข้ไฟ นิสัยใจลอยชอบนั่งเหม่อ รักการกิน หากเห็นอาหารจะวิ่งดิ่งไปทันที
Quaxly [ธาตุน้ำ] - โปเกม่อนเป็ด มารยาทงามคอยตามเจ้าของ ด้วยเนื้อตัวสะอาด และมันไม่ชอบเลยที่จะให้หัวสกปรก
Koraidon - โปเกม่อนในตำนานประจำภาค Scarlet ที่มีแนวคิดมาจาก 'อดีต' ตามลักษณะตัวละครที่มีความเป็นชนเผ่ามายัน-สุเมเรียน รวมถึงชื่อของมันที่ดัดมาจากภาษาญี่ปุ่นอย่าง Korai (古来) ที่แปลว่าโบราณและอดีตกาล ซึ่งผู้เล่นต่างคาดเดาว่าจะมีธาตุเป็น มังกร/ต่อสู้
Mairaidon - โปเกม่อนในตำนานประจำภาค Violet ที่มีแนวคิดมาจาก 'อนาคต' ด้วยรูปลักษณ์ที่คล้ายหุ่นยนต์ มีแผงอก RGB และลูกตาพิกเซล รวมถึงขาเป็นไอพ่นด้วย พร้อมกับชื่อจากภาษาญี่ปุ่น Mirai (未来) ที่แปลว่าอนาคต และอาจมีธาตุของตัวละครเป็น มังกร/ไฟฟ้า
ทั้งนี้ Legendary ทั้งสองตัวมีหน้าตาคล้าย 'รถจักรยานยนต์' ซึ่งหมายความว่าผู้เล่นอาจใช้โปเกม่อนในตำนานทั้งสองตัวนี้ขับขี่ไปทั่วภูมิภาคได้แบบเทวดาตัวน้อย
Pawmi [ธาตุไฟฟ้า] - โปเกม่อนหนู มีความสามารถกักเก็บไฟฟ้าไว้ที่อุ้งมือ เป็นหนึ่งในโปเกม่อนของคู่แข่งเรา
Lechonk [ปกติ] - โปเกม่อนหมู ที่ทั้งขี้อายและขี้ขลาด...แต่ก็แข็งแกร่ง และ Lechonk ในภาษาฟิลิปปินส์แปลว่าหมูย่าง (แผล็บ)
Smoliv [ธาตุพืช-ปกติ] - โปเกม่อนมะกอก ที่น้ำมันของมันขมจนกินไม่ได้ มันจะใช้เพื่อถ่วงเวลาและวิ่งหนี
ถือว่าปฏิวัติวงการเมื่อโปเกม่อนภาคใหม่นี้เล่นมุกดึงผู้เล่นด้วย Legendary กลับเพิ่มไปอีกขั้นด้วยการดึงจากศาสตราจารย์สุดสวยและสุด chad โดยทั้งคู่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษและสเปนสำหรับเวอร์ชันญี่ปุ่น ได้แก่
ศาสตราจารย์ Sada (Olim ในภาษาสเปน) -ศาสตราจารย์หญิงประจำภาค Scarlet แต่งกายในชุดชนเผ่าโบราณ ชื่อ Sada ของเธอย่อมาจากภาษาสเปน Pasada ที่แปลว่า 'อดีต' (Olim มาจากภาษาละติน แปลว่า กาลครั้งหนึ่ง)
ศาสตราจารย์ Turo (Futu ในภาษาสเปน) -ศาสตราจารย์ชายประจำภาค Violet แต่งกายด้วยลุคไฮเทค ชื่อ Turo ของเขาย่อมาจากภาษาสเปน Futuro ที่แปลว่า 'อนาคต' (Futurum มาจากภาษาละติน แปลว่า อนาคตเช่นกัน)
เริ่มเห็นกันแล้วใช่ไหมว่าภาคล่าสุดของโปเกม่อนนี้จะเน้นความหมายไปในทาง 'อดีตและอนาคต' (และเป็นภาคแรกที่ชื่อศาสตราจารย์ไม่ได้มาจากพืชพรรณ) เท่านั้นยังไม่พอในทวิตเตอร์ของผู้ใช้รายหนึ่งได้ทำการเล่นมุกล้อเรื่องที่ว่า 'ถ้าแต่ละภาคมีศาสตราจารย์เป็นของตัวเอง แล้วศาสตราจารย์อีกคนจะทำอาชีพอะไร? ปล. คำตอบที่ผิดเท่านั้น' และไม่ทันใดทวิตเตอร์ทางการของ Pokémon ก็เข้ามาตอบ แต่เขาดันตอบว่า 'เอ่อ... ศาสตราจารย์ไง' ซึ่งมันเหมือนเกือบยืนยันได้แล้วว่าหากเราเลือกภาคใด อีกภาคนึงจะเป็น 'ตัวร้าย' ประจำภาค
และที่ขาดไม่ได้เลยคือ คู่แข่ง ประจำภาคของเราโดยเธอมีชื่อว่า Nemona ที่ส่วนมากจะมาขวางทางและท้าสู้เมื่อเกมเริ่มเพื่อสอนระบบต่อสู้เสมอ โดยเธอจะคอยชี้แนะและสอนเราเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในช่วงเริ่มต้นเกม ทั้งนี้เธอก็เป็นโปเกม่อนเทรนเนอร์ที่มีความสามารถมาก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะปาบอลไม่เก่งสักเท่าไหร่ แต่จากคำพูดของเธอในตัวอย่างที่ถามว่า "เธอเป็นเจ้าของโปม่อนสามตัวนี้งั้นหรอ?" ซึ่งอาจแปลได้ว่าในภาคนี้เราอาจได้รับโปเกม่อนเริ่มต้นทั้งสามตัวตั้งแต่เริ่ม คล้าย ๆ ในกรณีของ Pokémon Legend: Arceus ที่แจกเพิ่มให้ครบทั้งสามตัวในภายหลัง
โดยปกติแล้ว โปเกม่อนนั้นจะสามารถเทรดข้ามภาคได้เฉพาะเกมภาคคู่ขนานของตนเองบนเครื่องเล่นที่เหมือนกันในสมัยก่อน เช่น GBA, NDS, 3DS แต่ในปัจจุบันบน Nintendo Switch เรามีสิ่งที่เป็นแอปพลิเคชันอย่าง 'Pokémon Home' ที่สามารถย้าย/โอน โปเกม่อนจากภาคอื่น ๆ เสมือนเป็นธนาคาร รวมถึงการอัปเดตล่าสุดของตัวแอปก็สามารถย้ายโปเกม่อนจากภูมิภาคฮิซุย หรือ Pokémon Legend: Arceus ได้แล้ว
ดังนั้น ผู้เล่นสามารถเทรดโปเกม่อนได้จากทุกภาคและทุกตัวจาก 'Pokémon Home' เข้า Pokémon Scarlet & Violet ได้อย่างอิสระ
จากด้านบนเราจะเห็นได้ว่าธีมหลักของภาคจะเป็น 'อดีต และ อนาคต' และประเทศต้นฉบับนั้นจะอิงมาจาก 'โปรตุเกส และ สเปน' โดยเราสามารถอ้างอิงได้จากสัญลักษณ์เมืองผลส้มและองุ่น ที่เป็นผลไม้ประจำชาติทั้งสอง รวมถึงลักษณะภูมิประเทศและการแต่งกายของ NPC เองอีกด้วย
ในส่วนกราฟิกนั้น ถึงแม้ในตัวอย่างจะเห็นได้ว่าเทคเจอร์ จะดูไม่ค่อยต่างจาก Pokémon Legend: Arceus สักเท่าไหร่ เนื่องจากยังไม่ใช่ภาพฟุตเทจจากตัวเกมจริง ๆ แต่หากเรานำโปเกม่อนมาเทียบกันในแต่ละภาคจะสามารถสังเกตเห็นรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นมาก เช่น เกล็ดของฮาบูเน็ค เงาเหล็กสะท้อนของคอยล์ ขนของลูคาริโอ
น่าเสียดายที่ดู ๆ แล้ว บางระบบนั้นจะไม่ได้รับการพัฒนาหรือต่อยอดจาก Pokémon Legend: Arceus ที่เป็นเหมือนใบเปิดทางสุดแปลกใหม่เลยก็ว่าได้ เช่น ระบบจับโปเกม่อนแบบไม่ต้องเข้าต่อสู้สามารถปาโปเกบอลจับได้เลย, ระบบหลบหลีก, ระบบรับส่งเควส และอื่น ๆ โดยสามารถสังเกตได้จากการที่เรายังคงต้องเอาหน้าเข้าไปจุ่มกับโปเกม่อนเพื่อทำการเข้าต่อสู้ และหน้าปัด UI ยังคงคล้ายแบบเก่า
ในส่วนของระบบสภาพอากาศ การสุ่มเกิดโปเกม่อนตามพื้นที่ต่าง ๆ ก็จะยังคงเดิมเช่นกัน
ก็ในเมื่อตัว Legendary มาเป็นรถให้แว๊นซ์ขนาดนี้ โปเกม่อนเลยเปิดบริการเป็นรูปแบบ Walk-In ปั๊มน้ำมันซะเลย ซึ่งบางคนก็คิดว่ามันได้หรอ? จะไม่หนาวตายก่อนรึไง?
หรือจะเป็น โปเกม่อนลีคที่ดูแล้วจะได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Sagrada Familia สถาปัตยกรรมประจำเมืองบาร์เซโลนา
รวมไปถึงพื้นที่ยิม ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะคล้ายคลึงกับ Pokémon Sword & Shield ที่ผู้เล่นต้องแก้พัซเซิลก่อนจะต่อสู้กับผู้นำยิมได้ จากภาพเป็นไปได้ว่ายิมในภาคนี้จะมียิมพืช ไฟ และดิน ที่ไม่ได้มีมานานแล้วตั้งแต่เจน 5 ภูมิภาค Unova
ไม่แปลกที่เวลามีเกม ย่อมมีการสปอยและ Leaker แม้เราจะคงต้องฟังหูไว้หู แต่รู้ไว้ให้ใจเต้นก่อนก็ดีกว่ารออย่างเบื่อหน่าย จริงไหม?
โดยมีข่าวลือหลาย ๆ อย่างหลุดออกมาเช่น Pokémon Scarlet & Violet ที่มีต้นแบบมาจากสเปน จะใช้ชื่อภูมิภาคเป็น Vamos หรือที่แปลว่า Go ในภาษาอังกฤษ
องค์กรตัวร้ายประจำภาค ที่อาจมีแผนการ 'ไล่ล่าจับโปเกม่อนในอดีตและอนาคต' คล้าย ๆ กับองค์กร Aether ภาค Sun & Moon ที่ตามล่าโปเกม่อนต่างมิติ ตามที่สัญลักษณ์แอบสปอยออกมาในตัวอย่างแรก
ระบบใหม่ ที่เราอาจจะได้ใช้กันอย่างระบบเปลี่ยนฟอร์มร่าง อดีต/อนาคต ผ่านนาฬิกา/สายรัดข้อมือพิเศษ อิงตามสัญลักษณ์พิเศษ ที่ภาคหลัง ๆ มาจะปรากฏในตัวเกม หรือแม้กระทั่งโลโก้หลักของภาษาญี่ปุ่น อย่างการ Mega Evolution, Z-Move และ Giganta Max
การสปอยภาคใหม่รีเมค ของเจน 2 อย่าง Crystal กับภาพที่พ่วงท้ายมาในตัวอย่างด้านหลังสุด หรืออาจจะเป็นโปเกม่อน Legendary ประจำภาคตัวที่สาม เนื่องจาก นับตั้งแต่ เจน 3 มา ทุกภาคจะมีโปเกม่อน Legendary สามตัวขึ้นไปทั้งนั้น และถ้าเราอิงตามสเกลค่าสี RGB โปเกม่อนในตำนานตัวนี้อาจจะมาใน 'สีเขียว'
ทั้งนี้ที่กล่าวมาก็เป็นการคาดคะเนในความเป็นไปได้ทั้งหมดที่เราค้นพบมา ดังนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้เช่นกัน และเมื่อถึงเวลานั้นเราก็คงพร้อมกันแล้วที่จะออกไปผจญภัยในโลกโปเกม่อนอันคุ้นเคยอีกครั้ง
Pokémon Scarlet & Violet จะวางขายในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ โดยท่านสามารถพรีออเดอร์แบบดิจิตัลผ่านร้านค้า Eshop ของทาง Nintendo Switch ได้ทันทีตั้งแต่ตอนนี้ในราคา 60$
สำหรับใครที่ชอบบทความนี้ก็กราบขอบพระทัยยิ่งนัก สำหรับครั้งนี้ผมขอตัวลาไปก่อนไว้เจอกันอีกในบทความหน้า Adios~
และแล้วเวลาที่สาวกชาวแฟนโปเกม่อนที่ตั้งตาคอยรอภาคใหม่ที่จ่อลง Nintendo Switch กับ Pokémon ภาค Scarlet & Violet ก็มาถึง ในตัวอย่างที่สองที่ทาง Pokemon Official Page เพิ่งปล่อยตัวออกมาวันที่ 1 มิถุนายน ที่ผ่านมานี้ ก็เรียกได้ว่าทำเอาให้ผู้เล่นได้ใจเต้นกันหอมปากหอมคอ
แต่ เอ๋? ระหว่างดูตัวอย่างเพลิน ๆ เนี่ย เราอาจจะพลาดจุดสำคัญที่สปอยส่วนสำคัญของเกมไปก็ได้! ดังนั้น บทความนี้เราจะมาวิเคราะห์ & สรุป 10 สิ่งที่ปรากฏในตัวอย่างทั้งสองของเกม Pokémon Scarlet & Violet นี้กัน! เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า~
จริง ๆ แล้วอาจจะเป็นที่ได้ยินกันมานานแล้วว่า Nintendo นั้น พยายามหาวิธีการเปลี่ยนรูปแบบการเล่นโปเกม่อนให้กลายเป็นแบบ Open-World หรือระบบโลกเปิดที่ผู้เล่นจะอยู่ในแผนที่เดียว ไม่มีการโหลดเชื่อมต่อแผนที่ ซึ่งถ้าสังเกตกันดี ๆ ปู่นินของเราทดลองกับผู้เล่นมาแล้วด้วย Pokémon Legend: Arceus ที่เป็น 'กึ่ง' ระบบโลกเปิด แต่ก็สร้างเสียงตอบรับแฟน ๆ ได้อย่างดิบดี โดยในภาคนี้ นอกจากจะเป็นระบบโลกเปิดแท้แล้ว 'ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องเล่นตามไดอะล็อกเนื้อเรื่องอีกต่อไป' หมายความว่าถ้าคุณจะอินดี้อยากไปสู้กับยิมที่ไกลบ้านคุณมากที่สุดก็ทำได้ตั้งแต่เกมเริ่ม ทำให้เรามีอิสระที่จะไล่ตามจับโปเกม่อนและออกสำรวจได้มากขึ้น
หลายคนอาจจะคุ้นชินกับการเข้าโปเกม่อนเซนเตอร์ หรือโปเกม่อนทาวเวอร์เพื่อเชื่อมต่อกับเพื่อนและผู้เล่นอื่น ๆ ก่อนจะใช้โปเกม่อนที่มีต่อสู้กัน หรือแลกเปลี่ยนไปมา แต่น่าเสียดายมันดันมีแค่นั้นในภาคก่อน ๆ แต่ไม่ใช่กับภาคนี้ ที่ผู้เล่นสามารถเข้าร่วมเล่นจริง ๆ ในเกมกับเพื่อนได้ เดินทางในโลกเดียวกันไปพร้อมกัน หรือแยกกันก่อนจะมารวม (หยุมหัว) กันทีหลัง สูงสุดสี่ผู้เล่น ซึ่งจากตัวอย่างเราอาจอนุมานได้ว่าผู้เล่นสามารถเลือก Starter Pokémon เป็นปิกาจูได้หากต้องการ
โปเกม่อนเริ่มต้นที่ผู้เล่นจะได้รับในช่วงเกมเริ่ม โดยมีสามตัว (และอาจรวมปิกาจูจากข้างต้น) ได้แก่
Sprigatito [ธาตุพืช] - โปเกม่อนแมวหญ้า ที่จะคอยคลอเคลียเป็นพิเศษหากเจ้าของมันสนใจโปเกม่อนอื่นมากกว่าตัวมันเอง
Fuecoco [ธาตุไฟ] - โปเกม่อนจระเข้ไฟ นิสัยใจลอยชอบนั่งเหม่อ รักการกิน หากเห็นอาหารจะวิ่งดิ่งไปทันที
Quaxly [ธาตุน้ำ] - โปเกม่อนเป็ด มารยาทงามคอยตามเจ้าของ ด้วยเนื้อตัวสะอาด และมันไม่ชอบเลยที่จะให้หัวสกปรก
Koraidon - โปเกม่อนในตำนานประจำภาค Scarlet ที่มีแนวคิดมาจาก 'อดีต' ตามลักษณะตัวละครที่มีความเป็นชนเผ่ามายัน-สุเมเรียน รวมถึงชื่อของมันที่ดัดมาจากภาษาญี่ปุ่นอย่าง Korai (古来) ที่แปลว่าโบราณและอดีตกาล ซึ่งผู้เล่นต่างคาดเดาว่าจะมีธาตุเป็น มังกร/ต่อสู้
Mairaidon - โปเกม่อนในตำนานประจำภาค Violet ที่มีแนวคิดมาจาก 'อนาคต' ด้วยรูปลักษณ์ที่คล้ายหุ่นยนต์ มีแผงอก RGB และลูกตาพิกเซล รวมถึงขาเป็นไอพ่นด้วย พร้อมกับชื่อจากภาษาญี่ปุ่น Mirai (未来) ที่แปลว่าอนาคต และอาจมีธาตุของตัวละครเป็น มังกร/ไฟฟ้า
ทั้งนี้ Legendary ทั้งสองตัวมีหน้าตาคล้าย 'รถจักรยานยนต์' ซึ่งหมายความว่าผู้เล่นอาจใช้โปเกม่อนในตำนานทั้งสองตัวนี้ขับขี่ไปทั่วภูมิภาคได้แบบเทวดาตัวน้อย
Pawmi [ธาตุไฟฟ้า] - โปเกม่อนหนู มีความสามารถกักเก็บไฟฟ้าไว้ที่อุ้งมือ เป็นหนึ่งในโปเกม่อนของคู่แข่งเรา
Lechonk [ปกติ] - โปเกม่อนหมู ที่ทั้งขี้อายและขี้ขลาด...แต่ก็แข็งแกร่ง และ Lechonk ในภาษาฟิลิปปินส์แปลว่าหมูย่าง (แผล็บ)
Smoliv [ธาตุพืช-ปกติ] - โปเกม่อนมะกอก ที่น้ำมันของมันขมจนกินไม่ได้ มันจะใช้เพื่อถ่วงเวลาและวิ่งหนี
ถือว่าปฏิวัติวงการเมื่อโปเกม่อนภาคใหม่นี้เล่นมุกดึงผู้เล่นด้วย Legendary กลับเพิ่มไปอีกขั้นด้วยการดึงจากศาสตราจารย์สุดสวยและสุด chad โดยทั้งคู่มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษและสเปนสำหรับเวอร์ชันญี่ปุ่น ได้แก่
ศาสตราจารย์ Sada (Olim ในภาษาสเปน) -ศาสตราจารย์หญิงประจำภาค Scarlet แต่งกายในชุดชนเผ่าโบราณ ชื่อ Sada ของเธอย่อมาจากภาษาสเปน Pasada ที่แปลว่า 'อดีต' (Olim มาจากภาษาละติน แปลว่า กาลครั้งหนึ่ง)
ศาสตราจารย์ Turo (Futu ในภาษาสเปน) -ศาสตราจารย์ชายประจำภาค Violet แต่งกายด้วยลุคไฮเทค ชื่อ Turo ของเขาย่อมาจากภาษาสเปน Futuro ที่แปลว่า 'อนาคต' (Futurum มาจากภาษาละติน แปลว่า อนาคตเช่นกัน)
เริ่มเห็นกันแล้วใช่ไหมว่าภาคล่าสุดของโปเกม่อนนี้จะเน้นความหมายไปในทาง 'อดีตและอนาคต' (และเป็นภาคแรกที่ชื่อศาสตราจารย์ไม่ได้มาจากพืชพรรณ) เท่านั้นยังไม่พอในทวิตเตอร์ของผู้ใช้รายหนึ่งได้ทำการเล่นมุกล้อเรื่องที่ว่า 'ถ้าแต่ละภาคมีศาสตราจารย์เป็นของตัวเอง แล้วศาสตราจารย์อีกคนจะทำอาชีพอะไร? ปล. คำตอบที่ผิดเท่านั้น' และไม่ทันใดทวิตเตอร์ทางการของ Pokémon ก็เข้ามาตอบ แต่เขาดันตอบว่า 'เอ่อ... ศาสตราจารย์ไง' ซึ่งมันเหมือนเกือบยืนยันได้แล้วว่าหากเราเลือกภาคใด อีกภาคนึงจะเป็น 'ตัวร้าย' ประจำภาค
และที่ขาดไม่ได้เลยคือ คู่แข่ง ประจำภาคของเราโดยเธอมีชื่อว่า Nemona ที่ส่วนมากจะมาขวางทางและท้าสู้เมื่อเกมเริ่มเพื่อสอนระบบต่อสู้เสมอ โดยเธอจะคอยชี้แนะและสอนเราเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ ในช่วงเริ่มต้นเกม ทั้งนี้เธอก็เป็นโปเกม่อนเทรนเนอร์ที่มีความสามารถมาก แต่ดูเหมือนว่าเธอจะปาบอลไม่เก่งสักเท่าไหร่ แต่จากคำพูดของเธอในตัวอย่างที่ถามว่า "เธอเป็นเจ้าของโปม่อนสามตัวนี้งั้นหรอ?" ซึ่งอาจแปลได้ว่าในภาคนี้เราอาจได้รับโปเกม่อนเริ่มต้นทั้งสามตัวตั้งแต่เริ่ม คล้าย ๆ ในกรณีของ Pokémon Legend: Arceus ที่แจกเพิ่มให้ครบทั้งสามตัวในภายหลัง
โดยปกติแล้ว โปเกม่อนนั้นจะสามารถเทรดข้ามภาคได้เฉพาะเกมภาคคู่ขนานของตนเองบนเครื่องเล่นที่เหมือนกันในสมัยก่อน เช่น GBA, NDS, 3DS แต่ในปัจจุบันบน Nintendo Switch เรามีสิ่งที่เป็นแอปพลิเคชันอย่าง 'Pokémon Home' ที่สามารถย้าย/โอน โปเกม่อนจากภาคอื่น ๆ เสมือนเป็นธนาคาร รวมถึงการอัปเดตล่าสุดของตัวแอปก็สามารถย้ายโปเกม่อนจากภูมิภาคฮิซุย หรือ Pokémon Legend: Arceus ได้แล้ว
ดังนั้น ผู้เล่นสามารถเทรดโปเกม่อนได้จากทุกภาคและทุกตัวจาก 'Pokémon Home' เข้า Pokémon Scarlet & Violet ได้อย่างอิสระ
จากด้านบนเราจะเห็นได้ว่าธีมหลักของภาคจะเป็น 'อดีต และ อนาคต' และประเทศต้นฉบับนั้นจะอิงมาจาก 'โปรตุเกส และ สเปน' โดยเราสามารถอ้างอิงได้จากสัญลักษณ์เมืองผลส้มและองุ่น ที่เป็นผลไม้ประจำชาติทั้งสอง รวมถึงลักษณะภูมิประเทศและการแต่งกายของ NPC เองอีกด้วย
ในส่วนกราฟิกนั้น ถึงแม้ในตัวอย่างจะเห็นได้ว่าเทคเจอร์ จะดูไม่ค่อยต่างจาก Pokémon Legend: Arceus สักเท่าไหร่ เนื่องจากยังไม่ใช่ภาพฟุตเทจจากตัวเกมจริง ๆ แต่หากเรานำโปเกม่อนมาเทียบกันในแต่ละภาคจะสามารถสังเกตเห็นรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นมาก เช่น เกล็ดของฮาบูเน็ค เงาเหล็กสะท้อนของคอยล์ ขนของลูคาริโอ
น่าเสียดายที่ดู ๆ แล้ว บางระบบนั้นจะไม่ได้รับการพัฒนาหรือต่อยอดจาก Pokémon Legend: Arceus ที่เป็นเหมือนใบเปิดทางสุดแปลกใหม่เลยก็ว่าได้ เช่น ระบบจับโปเกม่อนแบบไม่ต้องเข้าต่อสู้สามารถปาโปเกบอลจับได้เลย, ระบบหลบหลีก, ระบบรับส่งเควส และอื่น ๆ โดยสามารถสังเกตได้จากการที่เรายังคงต้องเอาหน้าเข้าไปจุ่มกับโปเกม่อนเพื่อทำการเข้าต่อสู้ และหน้าปัด UI ยังคงคล้ายแบบเก่า
ในส่วนของระบบสภาพอากาศ การสุ่มเกิดโปเกม่อนตามพื้นที่ต่าง ๆ ก็จะยังคงเดิมเช่นกัน
ก็ในเมื่อตัว Legendary มาเป็นรถให้แว๊นซ์ขนาดนี้ โปเกม่อนเลยเปิดบริการเป็นรูปแบบ Walk-In ปั๊มน้ำมันซะเลย ซึ่งบางคนก็คิดว่ามันได้หรอ? จะไม่หนาวตายก่อนรึไง?
หรือจะเป็น โปเกม่อนลีคที่ดูแล้วจะได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Sagrada Familia สถาปัตยกรรมประจำเมืองบาร์เซโลนา
รวมไปถึงพื้นที่ยิม ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะคล้ายคลึงกับ Pokémon Sword & Shield ที่ผู้เล่นต้องแก้พัซเซิลก่อนจะต่อสู้กับผู้นำยิมได้ จากภาพเป็นไปได้ว่ายิมในภาคนี้จะมียิมพืช ไฟ และดิน ที่ไม่ได้มีมานานแล้วตั้งแต่เจน 5 ภูมิภาค Unova
ไม่แปลกที่เวลามีเกม ย่อมมีการสปอยและ Leaker แม้เราจะคงต้องฟังหูไว้หู แต่รู้ไว้ให้ใจเต้นก่อนก็ดีกว่ารออย่างเบื่อหน่าย จริงไหม?
โดยมีข่าวลือหลาย ๆ อย่างหลุดออกมาเช่น Pokémon Scarlet & Violet ที่มีต้นแบบมาจากสเปน จะใช้ชื่อภูมิภาคเป็น Vamos หรือที่แปลว่า Go ในภาษาอังกฤษ
องค์กรตัวร้ายประจำภาค ที่อาจมีแผนการ 'ไล่ล่าจับโปเกม่อนในอดีตและอนาคต' คล้าย ๆ กับองค์กร Aether ภาค Sun & Moon ที่ตามล่าโปเกม่อนต่างมิติ ตามที่สัญลักษณ์แอบสปอยออกมาในตัวอย่างแรก
ระบบใหม่ ที่เราอาจจะได้ใช้กันอย่างระบบเปลี่ยนฟอร์มร่าง อดีต/อนาคต ผ่านนาฬิกา/สายรัดข้อมือพิเศษ อิงตามสัญลักษณ์พิเศษ ที่ภาคหลัง ๆ มาจะปรากฏในตัวเกม หรือแม้กระทั่งโลโก้หลักของภาษาญี่ปุ่น อย่างการ Mega Evolution, Z-Move และ Giganta Max
การสปอยภาคใหม่รีเมค ของเจน 2 อย่าง Crystal กับภาพที่พ่วงท้ายมาในตัวอย่างด้านหลังสุด หรืออาจจะเป็นโปเกม่อน Legendary ประจำภาคตัวที่สาม เนื่องจาก นับตั้งแต่ เจน 3 มา ทุกภาคจะมีโปเกม่อน Legendary สามตัวขึ้นไปทั้งนั้น และถ้าเราอิงตามสเกลค่าสี RGB โปเกม่อนในตำนานตัวนี้อาจจะมาใน 'สีเขียว'
ทั้งนี้ที่กล่าวมาก็เป็นการคาดคะเนในความเป็นไปได้ทั้งหมดที่เราค้นพบมา ดังนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้เช่นกัน และเมื่อถึงเวลานั้นเราก็คงพร้อมกันแล้วที่จะออกไปผจญภัยในโลกโปเกม่อนอันคุ้นเคยอีกครั้ง
Pokémon Scarlet & Violet จะวางขายในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ โดยท่านสามารถพรีออเดอร์แบบดิจิตัลผ่านร้านค้า Eshop ของทาง Nintendo Switch ได้ทันทีตั้งแต่ตอนนี้ในราคา 60$
สำหรับใครที่ชอบบทความนี้ก็กราบขอบพระทัยยิ่งนัก สำหรับครั้งนี้ผมขอตัวลาไปก่อนไว้เจอกันอีกในบทความหน้า Adios~