GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
[Review] รีวิวเกม Resident Evil Village: Shadow of Rose บทสรุปครอบครัววินเทอร์กับความ Horror ที่เข้มข้นกว่าทุกครั้ง
ลงวันที่ 02/11/2022

ปล่อยให้แฟน ๆ ค้างคาใจกันมานานปีกว่า ๆ สำหรับตอนจบของ Resident Evil Village และในที่สุด DLC Shadow of Rose ก็มาถึงมือแฟน ๆ กันแล้ว แต่สำหรับเนื้อหาเสริมตัวนี้มันนจะยังมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมสู้เกมหลักได้หรือไม่ ก็ลองมาดูรีวิวของเรากัน แต่เราจะรีวิวเฉพาะในส่วนเนื้อเรื่อง Shadow of Rose เท่านั้น ไม่ได้มีในส่วนของ Mercenaries และมุมมอง 3rd Person ของเกมหลัก

ชิ้นส่วนที่หายไปของ Resident Evil Village


คนที่คิดจะซื้อ DLC ตัวนี้มาเล่น เชื่อว่ายังไงก็ต้องผ่านเกมหลักมาแล้วอย่างแน่นอน สำหรับ Shadow of Rose ต้องบอกว่ามันคือชิ้นส่วนที่หายไป และเป็นชิ้นที่สำคัญเสียด้วยสำหรับแฟน Resident Evil ต้องบอกก่อนว่ามันอาจจะไม่มีการเชื่อมต่อเรื่องราวไปยังภาคใหม่ หรือดึงตัวละครภาคเก่ากลับมา แต่มันคือ DLC ที่ทำให้ครอบครัววินเทอร์ และตัวเกมภาค 7 และ 8 สมบูรณ์ แม้จะมีคำถามคาใจเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ปมใหญ่ ๆ ก็ถือว่าคลี่คลายไปได้หมดแล้ว

เรื่องราวใน Shadow of Rose จะเล่าถึงชีวิตของโรสที่มีพลังพิเศษ ผลกระทบจากพลังนี้ทำให้เธอถูกสังคมมองว่าแปลกแยก และไม่เหมือนใคร เข้ากับใครก็ไม่ได้ และถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดเสมอ แต่วันหนึ่งเธอก็ได้รับการติดต่อจาก 'เค' เจ้าหน้าที่ภายใต้สังกัดของคริส เรดฟิลด์ ว่าค้นพบวิธีแก้และลบล้างพลังภายในตัวโรสแล้ว นั่นคือการใช้คริสตัลชำระล้าง ที่อาจจะใช้ทำลายพลังของเชื้อ Mold ลงได้ แต่ข้อมูลกลับไม่เพียงพอ จึงเป็นหน้าที่ของโรส ที่ต้องส่งจิตของตัวเองเข้าไปในโลกของเมกะไมซีต เพื่อตามหาข้อมูลของคริสตัลชำระล้างนี้


สิ่งสำคัญเลยก็อย่างที่บอกไป ว่าถ้าคุณเล่นภาค Village มา ภาคนี้คุณก็จำเป็นจะต้องเล่น เพราะมันคือชิ้นส่วนที่หายไปของเนื้อเรื่องจริง ๆ และสำหรับใครที่คิดว่าตอนจบของภาค Village ทำให้เรางง ๆ ทุกอย่างจะได้คำตอบในเนื้อหานี้ และมันมีการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างดี ไม่ช้า ไม่เร็วจนเกินไป และจบได้ในเวลาไม่นาน ส่วนของการดำเนินเรื่องนั้นต้องบอกเลยว่าคุ้มค่า สมราคาแน่นอน บอกได้แค่ว่าแฟน ๆ Resident Evil ไม่ควรพลาดจริง ๆ ถ้าจะมีข้อติก็คือ ยังมีปริศนาเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างถูกทิ้งไว้เป็นคำถามกับแฟน ๆ และน่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่เราจะไม่ได้เห็นเรื่องราวของครอบครัววินเทอร์ต่อจากนี้แล้ว

เหล้าใหม่ในขวดเก่า กับการพากลับมายังจุดเดิม แต่เปลี่ยนแนวเกมไปโดยปริยาย


แม้ว่าตรงนี้จะเป็นจุดที่น่าเสียดายสักหน่อย แต่สำหรับ Shadow of Rose นั้น เราจะไม่ได้ผจญภัยไปยังพื้นที่ใหม่ แต่เกมจะพาผู้เล่นกลับมายังสถานที่ที่เราคุ้นเดยกันดีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปราสาท DImitrescu หมู่บ้านที่พวกอีธานอาศัยอยู่ หรือแม้กระทั่งบ้านตุ๊กตาสุดหลอนอย่างบ้าน Beneviento เอง ฉากหลังภายใน DLC ทั้งหมด จะพาผู้เล่นกลับมาสู่จุดเดิม แต่เปลี่ยนรูปแบบการเล่าเรื่อง และเปลี่ยนบรรยากาศของมันไปเลย 


จากที่ผู้เขียนได้ลองเล่นจนจบ สัมผัสได้ว่าทีมสร้าง Resident Evil เอง ก็อยากกลับไปทำเกมแนวสยองขวัญ หรือ Survival Horror มาก ๆ แต่เหมือนว่าโลกของ Resident Evil มันไปไกลเกินไปแล้ว จึงทำออกมาไม่ค่อยได้ และนี่คือโอกาสอันดีที่พวกเขาจะได้ทำ ไม่ว่าจะฉากใดก็ตามของ DLC นี้ จังหวะไหนที่พวกเขาใส่ความสยองขวัญ ความน่ากลัวเข้ามาได้ พวกเขาจะเก็บหมดแทบจะทุกที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บ้านตุ๊กตา Beneviento เคยหัวใจจะวายกับมันในเกมหลักอย่างไร ใน DLC ก็ทำออกมาได้หลอนสุดอะไรสุดไม่แพ้กันเลยทีเดียว เรียกได้ว่า หากทีมงานชุดนี้ อยากจะทำเกมสยองขวัญขึ้นมาสักเกม ก็น่าจับตามองมาก ว่าพวกเขาจะใส่อะไรลงไปบ้าง เพราะทั้งงานศิลป์ การออกแบบฉาก ระบบการเล่นที่ใส่ความสยองเข้ามา เกมนี้สอบผ่านมากจริง ๆ


แม้ว่าจะน่าเสียดายที่มันไม่มีอะไรใหม่เลย ฉากภายในเกมมีฉากที่ดูเหมือนใหม่อยู่ไม่กี่ฉาก นอกนั้นคือการนำของเก่ามานำเสนอใหม่ แต่อย่างน้อยรสชาติใหม่ที่เกมนำเสนอให้ก็ถือว่าแปลกและแหวกแนวไปกว่า Resident Evil ภาคอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งภาค Village ด้วยกันเอง และชั่วโมงที่ใช้ในการเล่น หากคุณเป็นผู้เล่นที่ชื่นชอบความท้าทาย ไขปริศนาด้วยตัวเอง ก็อาจจะใช้เวลาอยู่ที่ราว ๆ 3-4 ชั่วโมง ก็ถือว่าไม่สั้นเท่าไรนัก สำหรับเกมขนาด DLC 


ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ตัว DLC นี้ ยังคงรองรับภาษาไทยด้วย และการแปลไทยของมันก็ยังคงทำออกมาได้ดีในระดับที่ชื่นชมได้ว่าแปลดี แต่ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เพราะในบางจุด เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าแปลผิดเต็ม ๆ ซึ่งการแปลผิดนั่น น่าจะมาจากการที่ทีมแปลไม่ได้เห็นฉากคัทซีนหรือการสนทนาภายในเกม ทำให้บางคำแปลผิดแบบเต็ม ๆ แต่โชคดีที่ในส่วนที่แปลผิดนั้น ไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่องที่มีใจความสำคัญแต่อย่างใด แม้จะพอมองข้ามได้ แต่อาจจะต้องฝากไว้ให้ทีมงานนำไปปรับปรุงกันต่อไป

ส่วนผสมของ Action / Survival และ Horror กับ Puzzle ที่หนักมือไปหน่อย


อย่างที่เราเกริ่นไว้ด้านบน ว่าดูเหมือนผู้สร้าง Resident Evil เอง เขาก็อยากจะทำเกมสยองขวัญหนัก ๆ กับเขาบ้าง แต่เมื่อจักรวาลมันมาไกลเกินไปแล้ว จึงทำได้ยาก DLC นี้ พวกเขาจึงนำส่วนผสมอย่าง Action / Survival และ Horror มาเทผสมกัน แต่ดูเหมือนถ้วยส่วนผสมของ Horror จะหนักมือไปหน่อย

ตลอดเกมการเล่น 3 ชั่วโมงของ Shadow of Rose ผู้เล่นจะมีทางเลือกเสมอว่าจะยิงหรือสู้ บางครั้งหากอยากหลีกเลี่ยงการต่อสู้ก็สามารถทำได้ แต่บางครั้งเกมก็มัดมือชกให้เราต้องสู้ล้วน ๆ โดยไม่มีทางเลือก แต่ที่มันเป็น Survival Horor แบบเพียว ๆ ไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หากคุณเล่นเกมนี้ด้วยความยากระดับปกติ เกมจะคอยเสิร์ฟไอเทมและกระสุนให้คุณอย่างพอเพียงตลอดไปจนจบเกม ดังนั้นปัญหาของคนเล่นทั่วไป ไม่ได้อยู๋ที่ว่ามันยาก (เว้นแต่คุณจะเล่นโหมดยาก) แต่อยู่ที่ใจกล้าพอจะเล่นไหม และไม่เบื่อไปกับการไขปริศนาภายในเกมซะก่อน


ส่วนของฉากบู๊หรือแอ็คชั่น ต้องบอกว่าไม่ได้มีเยอะมาก แถมบางส่วนวิ่งหนีข้ามไปเลยเพื่อประหยัดกระสุนและยาก็ทำได้ แต่การไขปริศนาหรือ Puzzle อาจจะทำให้เราต้องรำคาญกันนิดหน่อย เพราะมีตั้งแต่การหาวิธีเปิดทางไปต่อ การย้อนไปย้อนมา เพื่อหา Key Item และนำกลับไปเปิดเส้นทางไปต่อ แต่ส่วนที่ออกแบบมาได้ดีก็คงหนีไม่พ้น Puzzle ที่แม้จะมีคำใบ้แบบแปลไทย แต่ใครที่หัวไม่ไวพอ (เช่นผู้เขียน) ก็อาจจะต้องเสียเวลางมกันพอสมควรเลยทีเดียว

ในส่วนของความเป็น Survival นั้น น่าจะน้อยที่สุดแล้ว แต่ก็ใช่ว่าไม่มีเลย บางฉากเราเลือกได้ว่าจะหนีไปเลย เพื่อประหยัดกระสุนและยา แต่จะประหยัดไปทำไม ในเมื่อเกมคอยเสิร์ฟไอเทมให้เราแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้ว น่าเสียดายที่ดีไซน์เกมมาได้น่ากลัวหลายฉาก แต่เพราะเราสู้ได้ มันเลยไม่กดดันมากนัก ยกเว้นฉากบ้านตุ๊กตาสุดหลอนที่มันเล่นริบอาวุธเราไปทั้งหมด


ในส่วนของกลไกเกมการเล่นใหม่ ๆ ด้วยความที่ภาคนี้เราเล่นเป็นโรส ที่มีพลังของเชื้อ Mold พลังของโรสถูกนำเสนอออกมาทั้งในรูปแบบของเกมเพลย์ที่ต้องต่อสู้และไขปริศนา เราจะมีพลังในการทำลายแกน Sclerotia ที่เป็นอุปสรรคหลักภายในเกม และพลังของโรสนี่แหละที่เป็นทำหน้าที่เหมือนอาวุธสำรองอย่างมีด ในเกมนี้นอกจากปืนแล้ว พลังของโรสจะใช้ในการ Counter เหล่าศัตรูกรณีโดนเข้าถึงตัวได้ด้วย แต่หากให้เปรียบเทียบจริง ๆ มันก็ไม่ได้สร้างความสดใหม่ของเกมเพลย์ได้มากขนาดนั้น กลับกัน แฟน ๆ อาจจะรู้สึกแปลก ๆ ที่เกมเริ่มมีเรื่องราวของพลังพิเศษเพิ่มเข้ามา

และสำหรับผู้ที่เคยเล่น Resident Evil มาก่อนแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือเรื่องยากที่จะเข้าใจ ก็ถือว่าสมแล้วที่เป็น DLC แต่หากให้เทียบสัดส่วนของเกมเพลย์ในภาคนี้ เราจะเน้นหนักไปที่การไขปริศนาและการลอบเร้นมากกว่าที่จะเป็นการแอ็คชั่น ซึ่งอาจจะมอบอรรถรสใหม่ ๆ ให้กับแฟนเกมได้มากขึ้น หลังจากที่เกมหลักนั้นต้องประคับประคองกันพอสมควร หากอยากจะเล่าเรื่องแบบนี้

RE Engine ที่ยังทำงานได้เป็นอย่างดี 


ส่งท้ายกันด้วยเรื่องของ Performance ตัวเกม DLC นี้ ยังคงใช้ RE Engine จากเกมหลัก ทำให้ประสิทธิภาพของตัวเกมไม่ได้ทิ้งห่างจากภาคหลักมากนัก แถมฉากของเกมภาคนี้ยังเป็นพื้นที่ปิดซะเป็นส่วนมาก ทำให้คอมพิวเตอร์ใครที่เล่นภาคหลักไหว ภาคนี้ก็สบายเลย หรือใครที่เล่นภาคหลักแล้วเกิดอาการเฟรมตก แลคบ้างอย่างถูไถ ภาคนี้อาจจะเล่นง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องเรนเดอร์พื้นที่เปิดกว้างจนกินแรงเครื่อง ส่วนเรื่องบั๊กก็แทบจะปลอดภัยหายห่วง เพราะตลอดการเล่น 3 ชั่วโมงของผู้เขียน ต้องบอกว่า ไม่เจอเลยแม้แต่ตัวเดียว และคงต้องชื่นชม RE Engine ของ Capcom กันอีกรอบว่า เอนจิ้นของพวกเขา แทบจะอยู่ในระดับยอดเยี่ยมมาก ๆ

Resident Evil Village: Shadow of Rose คือส่วนเสริมที่แฟนเกมไม่ควรพลาด โดยเฉพาะคนที่ติดตามเกมนี้มาตั้งแต่ภาค 7 มันถือว่าเป็นบทสรุปของครอบครัววินเทอร์ที่งดงามและชวนซึ้งได้เป็ฯอย่างดีเลยทีเดียว

7
ข้อดี

เนื้อเรื่องที่สานต่อได้อย่างยอดเยี่ยม

ใครถามหาความหลอนแบบจัดเต็มใน Resident Evil "ห้ามพลาด"

Puzzle ค่อนข้างท้าทาย และถือว่าทำได้ดี

Optimize เกมได้ดี ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร

เป็นการ Reuse ฉากเดิม ๆ ที่สร้างสรรค์มาก

ข้อเสีย

ปมบางอย่างที่ไม่ใช่เรื่องสำคัญเหมือนถูกลืมไป

พาร์ทของความเป็นเกม Horror ค่อนข้างยาว ใครทนไม่ไหวอาจเล่นไม่จบ

9
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[Review] รีวิวเกม Resident Evil Village: Shadow of Rose บทสรุปครอบครัววินเทอร์กับความ Horror ที่เข้มข้นกว่าทุกครั้ง
02/11/2022

ปล่อยให้แฟน ๆ ค้างคาใจกันมานานปีกว่า ๆ สำหรับตอนจบของ Resident Evil Village และในที่สุด DLC Shadow of Rose ก็มาถึงมือแฟน ๆ กันแล้ว แต่สำหรับเนื้อหาเสริมตัวนี้มันนจะยังมีคุณภาพที่ยอดเยี่ยมสู้เกมหลักได้หรือไม่ ก็ลองมาดูรีวิวของเรากัน แต่เราจะรีวิวเฉพาะในส่วนเนื้อเรื่อง Shadow of Rose เท่านั้น ไม่ได้มีในส่วนของ Mercenaries และมุมมอง 3rd Person ของเกมหลัก

ชิ้นส่วนที่หายไปของ Resident Evil Village


คนที่คิดจะซื้อ DLC ตัวนี้มาเล่น เชื่อว่ายังไงก็ต้องผ่านเกมหลักมาแล้วอย่างแน่นอน สำหรับ Shadow of Rose ต้องบอกว่ามันคือชิ้นส่วนที่หายไป และเป็นชิ้นที่สำคัญเสียด้วยสำหรับแฟน Resident Evil ต้องบอกก่อนว่ามันอาจจะไม่มีการเชื่อมต่อเรื่องราวไปยังภาคใหม่ หรือดึงตัวละครภาคเก่ากลับมา แต่มันคือ DLC ที่ทำให้ครอบครัววินเทอร์ และตัวเกมภาค 7 และ 8 สมบูรณ์ แม้จะมีคำถามคาใจเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ปมใหญ่ ๆ ก็ถือว่าคลี่คลายไปได้หมดแล้ว

เรื่องราวใน Shadow of Rose จะเล่าถึงชีวิตของโรสที่มีพลังพิเศษ ผลกระทบจากพลังนี้ทำให้เธอถูกสังคมมองว่าแปลกแยก และไม่เหมือนใคร เข้ากับใครก็ไม่ได้ และถูกมองว่าเป็นตัวประหลาดเสมอ แต่วันหนึ่งเธอก็ได้รับการติดต่อจาก 'เค' เจ้าหน้าที่ภายใต้สังกัดของคริส เรดฟิลด์ ว่าค้นพบวิธีแก้และลบล้างพลังภายในตัวโรสแล้ว นั่นคือการใช้คริสตัลชำระล้าง ที่อาจจะใช้ทำลายพลังของเชื้อ Mold ลงได้ แต่ข้อมูลกลับไม่เพียงพอ จึงเป็นหน้าที่ของโรส ที่ต้องส่งจิตของตัวเองเข้าไปในโลกของเมกะไมซีต เพื่อตามหาข้อมูลของคริสตัลชำระล้างนี้


สิ่งสำคัญเลยก็อย่างที่บอกไป ว่าถ้าคุณเล่นภาค Village มา ภาคนี้คุณก็จำเป็นจะต้องเล่น เพราะมันคือชิ้นส่วนที่หายไปของเนื้อเรื่องจริง ๆ และสำหรับใครที่คิดว่าตอนจบของภาค Village ทำให้เรางง ๆ ทุกอย่างจะได้คำตอบในเนื้อหานี้ และมันมีการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างดี ไม่ช้า ไม่เร็วจนเกินไป และจบได้ในเวลาไม่นาน ส่วนของการดำเนินเรื่องนั้นต้องบอกเลยว่าคุ้มค่า สมราคาแน่นอน บอกได้แค่ว่าแฟน ๆ Resident Evil ไม่ควรพลาดจริง ๆ ถ้าจะมีข้อติก็คือ ยังมีปริศนาเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างถูกทิ้งไว้เป็นคำถามกับแฟน ๆ และน่าเสียดายอยู่เหมือนกันที่เราจะไม่ได้เห็นเรื่องราวของครอบครัววินเทอร์ต่อจากนี้แล้ว

เหล้าใหม่ในขวดเก่า กับการพากลับมายังจุดเดิม แต่เปลี่ยนแนวเกมไปโดยปริยาย


แม้ว่าตรงนี้จะเป็นจุดที่น่าเสียดายสักหน่อย แต่สำหรับ Shadow of Rose นั้น เราจะไม่ได้ผจญภัยไปยังพื้นที่ใหม่ แต่เกมจะพาผู้เล่นกลับมายังสถานที่ที่เราคุ้นเดยกันดีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นปราสาท DImitrescu หมู่บ้านที่พวกอีธานอาศัยอยู่ หรือแม้กระทั่งบ้านตุ๊กตาสุดหลอนอย่างบ้าน Beneviento เอง ฉากหลังภายใน DLC ทั้งหมด จะพาผู้เล่นกลับมาสู่จุดเดิม แต่เปลี่ยนรูปแบบการเล่าเรื่อง และเปลี่ยนบรรยากาศของมันไปเลย 


จากที่ผู้เขียนได้ลองเล่นจนจบ สัมผัสได้ว่าทีมสร้าง Resident Evil เอง ก็อยากกลับไปทำเกมแนวสยองขวัญ หรือ Survival Horror มาก ๆ แต่เหมือนว่าโลกของ Resident Evil มันไปไกลเกินไปแล้ว จึงทำออกมาไม่ค่อยได้ และนี่คือโอกาสอันดีที่พวกเขาจะได้ทำ ไม่ว่าจะฉากใดก็ตามของ DLC นี้ จังหวะไหนที่พวกเขาใส่ความสยองขวัญ ความน่ากลัวเข้ามาได้ พวกเขาจะเก็บหมดแทบจะทุกที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บ้านตุ๊กตา Beneviento เคยหัวใจจะวายกับมันในเกมหลักอย่างไร ใน DLC ก็ทำออกมาได้หลอนสุดอะไรสุดไม่แพ้กันเลยทีเดียว เรียกได้ว่า หากทีมงานชุดนี้ อยากจะทำเกมสยองขวัญขึ้นมาสักเกม ก็น่าจับตามองมาก ว่าพวกเขาจะใส่อะไรลงไปบ้าง เพราะทั้งงานศิลป์ การออกแบบฉาก ระบบการเล่นที่ใส่ความสยองเข้ามา เกมนี้สอบผ่านมากจริง ๆ


แม้ว่าจะน่าเสียดายที่มันไม่มีอะไรใหม่เลย ฉากภายในเกมมีฉากที่ดูเหมือนใหม่อยู่ไม่กี่ฉาก นอกนั้นคือการนำของเก่ามานำเสนอใหม่ แต่อย่างน้อยรสชาติใหม่ที่เกมนำเสนอให้ก็ถือว่าแปลกและแหวกแนวไปกว่า Resident Evil ภาคอื่น ๆ หรือแม้กระทั่งภาค Village ด้วยกันเอง และชั่วโมงที่ใช้ในการเล่น หากคุณเป็นผู้เล่นที่ชื่นชอบความท้าทาย ไขปริศนาด้วยตัวเอง ก็อาจจะใช้เวลาอยู่ที่ราว ๆ 3-4 ชั่วโมง ก็ถือว่าไม่สั้นเท่าไรนัก สำหรับเกมขนาด DLC 


ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ ตัว DLC นี้ ยังคงรองรับภาษาไทยด้วย และการแปลไทยของมันก็ยังคงทำออกมาได้ดีในระดับที่ชื่นชมได้ว่าแปลดี แต่ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เพราะในบางจุด เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าแปลผิดเต็ม ๆ ซึ่งการแปลผิดนั่น น่าจะมาจากการที่ทีมแปลไม่ได้เห็นฉากคัทซีนหรือการสนทนาภายในเกม ทำให้บางคำแปลผิดแบบเต็ม ๆ แต่โชคดีที่ในส่วนที่แปลผิดนั้น ไม่ได้อยู่ในเนื้อเรื่องที่มีใจความสำคัญแต่อย่างใด แม้จะพอมองข้ามได้ แต่อาจจะต้องฝากไว้ให้ทีมงานนำไปปรับปรุงกันต่อไป

ส่วนผสมของ Action / Survival และ Horror กับ Puzzle ที่หนักมือไปหน่อย


อย่างที่เราเกริ่นไว้ด้านบน ว่าดูเหมือนผู้สร้าง Resident Evil เอง เขาก็อยากจะทำเกมสยองขวัญหนัก ๆ กับเขาบ้าง แต่เมื่อจักรวาลมันมาไกลเกินไปแล้ว จึงทำได้ยาก DLC นี้ พวกเขาจึงนำส่วนผสมอย่าง Action / Survival และ Horror มาเทผสมกัน แต่ดูเหมือนถ้วยส่วนผสมของ Horror จะหนักมือไปหน่อย

ตลอดเกมการเล่น 3 ชั่วโมงของ Shadow of Rose ผู้เล่นจะมีทางเลือกเสมอว่าจะยิงหรือสู้ บางครั้งหากอยากหลีกเลี่ยงการต่อสู้ก็สามารถทำได้ แต่บางครั้งเกมก็มัดมือชกให้เราต้องสู้ล้วน ๆ โดยไม่มีทางเลือก แต่ที่มันเป็น Survival Horor แบบเพียว ๆ ไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม หากคุณเล่นเกมนี้ด้วยความยากระดับปกติ เกมจะคอยเสิร์ฟไอเทมและกระสุนให้คุณอย่างพอเพียงตลอดไปจนจบเกม ดังนั้นปัญหาของคนเล่นทั่วไป ไม่ได้อยู๋ที่ว่ามันยาก (เว้นแต่คุณจะเล่นโหมดยาก) แต่อยู่ที่ใจกล้าพอจะเล่นไหม และไม่เบื่อไปกับการไขปริศนาภายในเกมซะก่อน


ส่วนของฉากบู๊หรือแอ็คชั่น ต้องบอกว่าไม่ได้มีเยอะมาก แถมบางส่วนวิ่งหนีข้ามไปเลยเพื่อประหยัดกระสุนและยาก็ทำได้ แต่การไขปริศนาหรือ Puzzle อาจจะทำให้เราต้องรำคาญกันนิดหน่อย เพราะมีตั้งแต่การหาวิธีเปิดทางไปต่อ การย้อนไปย้อนมา เพื่อหา Key Item และนำกลับไปเปิดเส้นทางไปต่อ แต่ส่วนที่ออกแบบมาได้ดีก็คงหนีไม่พ้น Puzzle ที่แม้จะมีคำใบ้แบบแปลไทย แต่ใครที่หัวไม่ไวพอ (เช่นผู้เขียน) ก็อาจจะต้องเสียเวลางมกันพอสมควรเลยทีเดียว

ในส่วนของความเป็น Survival นั้น น่าจะน้อยที่สุดแล้ว แต่ก็ใช่ว่าไม่มีเลย บางฉากเราเลือกได้ว่าจะหนีไปเลย เพื่อประหยัดกระสุนและยา แต่จะประหยัดไปทำไม ในเมื่อเกมคอยเสิร์ฟไอเทมให้เราแทบจะตลอดเวลาอยู่แล้ว น่าเสียดายที่ดีไซน์เกมมาได้น่ากลัวหลายฉาก แต่เพราะเราสู้ได้ มันเลยไม่กดดันมากนัก ยกเว้นฉากบ้านตุ๊กตาสุดหลอนที่มันเล่นริบอาวุธเราไปทั้งหมด


ในส่วนของกลไกเกมการเล่นใหม่ ๆ ด้วยความที่ภาคนี้เราเล่นเป็นโรส ที่มีพลังของเชื้อ Mold พลังของโรสถูกนำเสนอออกมาทั้งในรูปแบบของเกมเพลย์ที่ต้องต่อสู้และไขปริศนา เราจะมีพลังในการทำลายแกน Sclerotia ที่เป็นอุปสรรคหลักภายในเกม และพลังของโรสนี่แหละที่เป็นทำหน้าที่เหมือนอาวุธสำรองอย่างมีด ในเกมนี้นอกจากปืนแล้ว พลังของโรสจะใช้ในการ Counter เหล่าศัตรูกรณีโดนเข้าถึงตัวได้ด้วย แต่หากให้เปรียบเทียบจริง ๆ มันก็ไม่ได้สร้างความสดใหม่ของเกมเพลย์ได้มากขนาดนั้น กลับกัน แฟน ๆ อาจจะรู้สึกแปลก ๆ ที่เกมเริ่มมีเรื่องราวของพลังพิเศษเพิ่มเข้ามา

และสำหรับผู้ที่เคยเล่น Resident Evil มาก่อนแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ หรือเรื่องยากที่จะเข้าใจ ก็ถือว่าสมแล้วที่เป็น DLC แต่หากให้เทียบสัดส่วนของเกมเพลย์ในภาคนี้ เราจะเน้นหนักไปที่การไขปริศนาและการลอบเร้นมากกว่าที่จะเป็นการแอ็คชั่น ซึ่งอาจจะมอบอรรถรสใหม่ ๆ ให้กับแฟนเกมได้มากขึ้น หลังจากที่เกมหลักนั้นต้องประคับประคองกันพอสมควร หากอยากจะเล่าเรื่องแบบนี้

RE Engine ที่ยังทำงานได้เป็นอย่างดี 


ส่งท้ายกันด้วยเรื่องของ Performance ตัวเกม DLC นี้ ยังคงใช้ RE Engine จากเกมหลัก ทำให้ประสิทธิภาพของตัวเกมไม่ได้ทิ้งห่างจากภาคหลักมากนัก แถมฉากของเกมภาคนี้ยังเป็นพื้นที่ปิดซะเป็นส่วนมาก ทำให้คอมพิวเตอร์ใครที่เล่นภาคหลักไหว ภาคนี้ก็สบายเลย หรือใครที่เล่นภาคหลักแล้วเกิดอาการเฟรมตก แลคบ้างอย่างถูไถ ภาคนี้อาจจะเล่นง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องเรนเดอร์พื้นที่เปิดกว้างจนกินแรงเครื่อง ส่วนเรื่องบั๊กก็แทบจะปลอดภัยหายห่วง เพราะตลอดการเล่น 3 ชั่วโมงของผู้เขียน ต้องบอกว่า ไม่เจอเลยแม้แต่ตัวเดียว และคงต้องชื่นชม RE Engine ของ Capcom กันอีกรอบว่า เอนจิ้นของพวกเขา แทบจะอยู่ในระดับยอดเยี่ยมมาก ๆ

Resident Evil Village: Shadow of Rose คือส่วนเสริมที่แฟนเกมไม่ควรพลาด โดยเฉพาะคนที่ติดตามเกมนี้มาตั้งแต่ภาค 7 มันถือว่าเป็นบทสรุปของครอบครัววินเทอร์ที่งดงามและชวนซึ้งได้เป็ฯอย่างดีเลยทีเดียว


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header