กลับมาอีกครั้งกับแฟรนไชส์เกมยิงสุดเดือด และภาคนี้ถือว่าเป็นภาคที่หลายคนรอคอย เพราะคือการสานต่อชื่อจาก Call of Duty ภาคที่โด่งดังที่สุดภาคหนึ่งอย่าง Modern Warfare II อีกครั้ง ซึ่งก็ทำให้เกมต้องแบกรับความคาดหวังจากแฟนซีรีส์อย่างมาก แต่การกลับมาคราวนี้จะเป็นยังไง ยอดเยี่ยมสมการรอคอยมากน้อยแค่ไหน ต้องลองมาอ่านรีวิวของเรากัน
เนื้อเรื่องที่สานต่อจากภาค Modern Warfare 2019
เนื่องจากภาคนี้เป็นภาคต่อจากภาค Reboot เมื่อปี 2019 เนื้อหาจึงดำเนินเรื่องราวต่อกัน ในภาคนี้เราจะได้รับบทเป็นสมาชิกทีม Task Force 141 แต่จะได้เล่นเป็นคใร ตัวละครไหน ก็แล้วแต่ฉากและภารกิจนั้น ๆ เนื้อเรื่องในภาคนี้จะว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มก่อการร้าย Quds ที่นำโดย Hassan Zyani ที่อยู่ดี ๆ เขาก็มีอาวุธขีปนาวุธร้ายแรงของอเมริกาอยู่ภายในมือ ทำให้สมาชิกทีม Task Force 141 ถูกเรียกออกปฏิบัติการเพื่อสืบหาที่มาที่ไปว่า เหตุใดอาวุธของอเมริกาจึงตกไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย และยังต้องร่วมมือกับหน่วยรบมากฝีมือจากเม็กซิโก
สำหรับเนื้อเรื่องของภาคนี้ เสียงวิจารณ์นั้นค่อนข้างแตกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน คนที่ชอบก็ชอบ คนที่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบไปเลย แต่สำหรับผู้เขียนมองว่า ภาคนี้ตั้งใจนำเสนอแนวทางที่ต่างจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด ในภาคที่แล้ว เราจะได้ทำภารกิจแบบบู๊ระห่ำ เดินหน้าลุย ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ในขณะที่ภาคนี้ เกมเน้นความเป็นกลยุทธ์ ความ Tactical ในภารกิจต่าง ๆ มากกว่า ทำให้รสชาติและอารมณ์ในการเล่นนั้น แตกต่างกันอย่างชัดเจน จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนอาจจะไม่ชอบ เพราะจากที่ได้บู๊มัน ๆ ก็ต้องมานั่งเล่นกันแบบกลยุทธ์ ไม่ได้วิ่งยิงเหมือนภาคแรก
และตัวเกมยังเหมือนถูกออกแบบมาเพื่อประการนี้ ผู้เล่นจะรู้เลยว่าการถูกยิงแต่ละครั้งทำให้ตัวละครที่เราเล่น ดูขาดความเป็นมืออาชีพกันแบบสุด ๆ เพราะการนำเสนอที่เปลี่ยนไปของเนื้อหาในเกมภาคนี้ จึงไม่แปลกที่หลายคนจะไม่ชอบ นอกจากนั้นเกมเพลย์บางส่วนยังฉีกแนวไปจากเดิม ซึ่งคาดว่าเป็นการตั้งใจนำเสนอเพื่อให้ผู้เล่นคุ้นชินกับระบบต่าง ๆ ที่จะมาใน Warzone 2.0
ด้วยเหตุนี้ทำให้โหมดเนื้อเรื่องของเกม ดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจขายเนื้อเรื่องจริง ๆ แต่ไปเน้นเกมเพลย์ที่ตั้งใจนำเสนอโหมดอื่น บวกกับเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงการนำเสนอ จึงไม่แปลกใจที่แฟน ๆ หลายคนจะเสียงแตกกันขนาดนี้ แต่อย่างน้อยมันก็ปูทางไปสู่ภาคต่อ (หรือ DLC) ได้อย่างน่าติดตามเหมือนเดิม และถือเป็น Call of Duty อีกภาคที่ประสบความสำเร็จในด้านการทำแคมเปญเนื้อเรื่อง
เกมราคาแพง แต่อัดแน่นไปด้วยคอนเทนต์ที่คุ้มค่าเกินราคา
ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีเท่าไรในยุคนี้ เชื่อเหลือเกินว่าแฟนเกมบางคนต่อให้อยากเล่นแค่ไหน แต่เจอราคาขั้นต่ำ 2,300 บาทเข้าไป ก็ต้องมีคิดแล้วคิดอีกกันอยู่บ้าง แต่ใครที่เงินถึงแต่ยังลังเลว่ามันจะคุ้มค่าหรือไม่ เราก็ตอบให้ตรง ๆ ตรงนี้เลยว่ามันคุ้มค่ามาก ๆ
โหมดเนื้อเรื่องหรือแคมเปญหลักของเกมนั้น อาจจะมีความยาวอยู่ที่ 4-5 ชั่วโมง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น สำหรับแฟน ๆ Call of Duty ที่เเล่นมาหลายภาคจะรู้ดีอยู่แล้วว่า Call of Duty นั้น สนับสนุนเนื้อหาในโหมด Multiplayer ยาวกันเป็นปี ๆ ดังนั้นคำเตือนสำหรับคนที่คิดจะซื้อมาเล่นจริง ๆ ก็คือ คุณต้องแน่ใจว่าคุณจะเล่นโหมดออนไลน์ของเกมนี้จริง ๆ และเล่นในระยะยาวด้วย ไม่อย่างนั้นซื้อมาเล่นแค่เนื้อเรื่องมันจะไม่ค่อยคุ้มค่าสักเท่าไร
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเกม FPS Multiplayer สำหรับ Call of Duty นั้น แทบจะมีทุกโหมด เกมการเล่นแทบจะทุกแบบให้คุณแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโหมด Co-op ที่เอาไว้เล่นเก็บสะสมของรางวัลประจำสัปดาห์ และเนื้อหาบางช่วงจะต่อจากแคมเปญเนื้อเรื่องหลัก โหมด Multiplayer ที่อัดแน่นไปด้วยโหมดต่าง ๆ มากมายให้เราได้สนุกกัน หรือแม้แต่โหมดขนาดใหญ่อย่าง Invasion หรือ Ground War เรียกได้ว่าคอนเทนต์ Multiplayer ของเกมนี้ อัดแน่นไปด้วยรูปแบบเกมการเล่นที่ครบเครื่อง คือถ้าคุณซื้อมาแล้วเล่น ยังไงก็คุ้มค่าแน่นอน ยังไม่รวมถึงระบบต่าง ๆ นา ๆ ที่จะทำให้คุณเสียเวลาชีวิตไปเป็นร้อยชั่วโมงกับระบบของเกมนี้
เอาง่าย ๆ คือแม้จะมีราคาสูงถึง 2,000 บาทขึ้นไป แต่สำหรับแฟนเกมยิงออนไลน์แล้วล่ะก็ นี่คือเกมที่คอนเทนต์คุ้มค่าอย่างมาก เพราะมันมีอะไรต่อมิอะไรให้คุณได้ทำเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเลเวลตัวละคร เลเวลอาวุธ และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณเป็นแฟน Call of Duty และอยากลงหลักปักฐานกับเกมอะไรสักเกมที่มีอนาคตยาวไกลแล้วล่ะก็ Call of Duty: Modern Warfare II ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว
เกมเพลย์ที่รองรับคนทุกประเภท อยากเล่นอะไร COD มีให้หมด
นอกจากคอนเทนต์จะอัดแน่นแล้ว สิ่งที่ตามมากับคอนเทนต์ที่เยอะมาก ๆ คือเกมเพลย์ สำหรับเกมเพลย์ของ Call of Duty นั้น แต่ไหนแต่ไรก็เอาใจผู้เล่นทุกกลุ่ม ทุกประเภทกันอยู่แล้ว อยากเล่นโหมดไหน กี่คน เล่นยังไง มีหมด ไม่ว่าจะเป็นโหมดพื้นฐานทั่วไปอย่าง Team Deathmatch หรือ Domination หรือจะเป็นโหมดที่เน้นวิ่งลุย ยิงกันตลอดเวลาอย่าง Hardpoint หรือจะไปโหมดจริงจังก็มี Search & Destroy หรือโหมดวางระเบิด และกับโหมดใหม่อย่าง Prisoner Rescue ที่เป็นโหมดชิงตัวประกัน ที่เราสามารถยิงล้มและชุบกันได้ 1 ครั้ง / 1 รอบการเล่น เรียกได้ว่า Call of Duty จัดเต็ม ใส่ทุกอย่างเท่าที่เกมยิงจะมีได้เข้ามาแล้ว
ยังไม่รวมถึงโหมดเกมยิบย่อยอย่างเช่น Co-op ที่เป็นการป้องกันจุด ทำให้ได้อารมณ์เกมแนว Tower Defense หรือภารกิจปลดชนวนมิสไซล์ที่กลายเป็นเกม Co-op ตะลุยด่าน คือบอกได้เลยว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นเกมเมอร์สายอะไร เกมนี้มีทุกอย่างให้คุณเล่น
แต่สำหรับหัวใจหลักของโหมด Multiplayer ยังไงก็น่าจะหนีไม่พ้นโหมดเกมหลัก ๆ ที่มีให้เลือกเล่นกว่า 9 โมหด แต่ส่วนมากแล้วในโซนเอเชียของเรานี้ จะเจออยู่แค่โหมด Domination / Hardpoint / Kill Confirmed หรือ Team Deathmatch เพราะเล่นง่าย สนุก จบไว ได้สู้กันตลอด เกมเพลย์ของภาคนี้ก็ยังคงความดุเดือดเอาไว้เหมือนกับภาค 2019 แต่ความเร็วอาจจะถูกลดลงมาเล็กน้อย ใครที่ไม่เคยเล่น หรือไม่ได้สังเกตจริง ๆ อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำไป หรือใครที่อยากเล่นกับเพื่อนสนุก ๆ อยากยิงบอทก็สามารถไปเล่นโหมด Co-op ที่เล่นกัน 2 คนได้ เกมเพลย์การเล่นในโหมด Co-op นี้ก็ยังใส่ระบบอย่างกการป้องกัน หรือ Tower Defense ใส่เอาไว้ด้วย แถมในอนาคตยังมีโหมดฟรีอย่าง Warzone / DMZ ตามเข้ามาอีก ครบทุกอย่างที่แฟนเกมต้องการ
สิ่งสำคัญจริง ๆ ของภาคนี้คือระบบของอาวุธ หรือ Gunsmith 2.0 ที่ทางตัวเกมภูมิใจเสนอตั้งแต่เกมยังไม่ออก ระบบ Gunsmith ภาคนี้ จะส่งผลให้ผู้เล่นต้องเล่นปืนหลากหลายกระบอก เพื่อปลดล็อคของแต่งปืน อย่างเช่น คุณต้องการของแต่งปืนกระบอกแรก ก็อาจจะต้องไปเล่นปืนกระบอกที่ 2 แต่ปืนกระบอกที่ 2 เองก็ยังไม่ได้ปลด ต้องไปเล่นปืนกระบอกที่ 3 เป็นต้น ด้วยระบบนี้ แม้ว่ามันจะดูยุ่งยากซับซ้อนไปซะหน่อย แต่อีกมุมหนึ่ง มันทำให้ผู้เล่นไม่ยึดติดอยู่กับการเล่นปืนกระบอกเดียวมากเกินไป และตอนนี้ เอาแค่แพทช์ ณ ปัจจุบันก่อน Season 1 เกมก็มีปืนให้เลือกใช้มากมายอยู่แล้ว เพิ่มความหลากหลายและทำให้ผู้เล่นติดพันมากยิ่งขึ้นกว่าภาคก่อนหน้า
สำหรับเกมเพลย์ของการยิงก็ดูจะไม่ค่อยต่างจากภาคก่อนหน้านี้สักเท่าไร มีเพียงการ Mantling หรือการเกาะขอบต่าง ๆ ช่วยเพิ่มลูกเล่นในการเล่นให้มีสีสันมากขึ้น เพียงแต่การ Mantling นั้น จะทำให้เราใช้ได้แต่อาวุธรองเท่านั้น ระบบอื่น ๆ อย่าง Killstreak / Scorestreak เองก็ยังอยู่ครบ และสลับไปมาได้ เลือกได้ว่าจะฆ่าให้ได้เยอะ หรือเอาคะแนนแทน อย่างที่บอวก่าเกมเพลย์ของ Modern Warfare II นั้น รองรับผู้เล่นแทบจะทุกกลุ่ม ทุกไซส์ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังมีไม่ครบ แต่ในอนาคต ในการอัปเดต รับรองว่ามาอีกเพียบ เล่นกันได้หมด ทั้งคนเสียเงินซื้อหรือเล่นฟรี และเราคงต้องบอกกันอีกรอบว่า ใครกำลังมองหาเกมยิงเล่นระยะยาวชนิดที่ว่าเล่นได้เป็ฯปี ๆ โดยคุณไม่เบื่อก่อน ก็ต้อง Call of Duty: Modern Warfare II นี่แหละ
แม้จะสอบผ่านด้าน Performance แต่ปัญหาจุกจิกก็มีเพียบจนถึงปัจจุบัน
ข้อดีของ Modern Warfare II คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ระดับกลาง ๆ ก็ยังคงเล่นได้ อาจเพราะตัวเกมยังคงต้องลงให้กับเครื่องเจ็นเก่าอย่าง PlayStation 4 อยู่ด้วย และคอมพิวเตอร์ระดับกลาง หรือต่ำ ปรับ ๆ หลาย ๆ อย่างใน Setting Menu หน่อยก็พอจะเล่นได้บ้าง แต่กราฟิกจะออกมาประมาณไหนก็ต้องไปดูกันเอาเอง
แต่ Performance ของเกมที่มีปัญหาจริง ๆ อยู่ที่บั๊กต่าง ๆ ของเกมที่เปิดตัวมาด้วยปัญหาต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกมแครช เกมเด้ง หลุด ค้าง ที่โดนกันถ้วนหน้า หรือภาพกะพริบที่ชาว Nvidia ต้องอัปเดตไดรเวอร์การ์ดจอแก้กันอย่างสนุกสนาน โชคดีที่ปัญหาด้านเฟรมเรทตก หรือตัวเกมขณะเล่นนั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่จะมามีปัญหาตรงพวก Error ต่าง ๆ นี้เยอะไปซะหน่อย จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะแก้ไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังมีคนเจอปัญหานี้อยู่บ้าง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาแก้ไขกันต่อไป
Call of Duty: Modern Warfare II เป็นอีกหนึ่งเกมยิงแห่งปีที่หากคุณชื่นชอบเกมออนไลน์ เกมยิง ยังไงก็ต้องเกมนี้ แต่อาจจะต้องทนรับสภาพปัญหาบั๊กกันสักหน่อยในตอนนี้
เนื้อเรื่องที่สนุก เน้นความเป็น Tactical
คอนเทนต์อัดแน่นมาก ๆ มีแทบทุกอย่างที่เกม Live Services เกมนึงต้องมี
ระบบอนิเมชั่นปืน และตัวละคร ยังสมกับเป็นยอดทหารเหมือนภาคที่แล้ว
รองรับผู้เล่นแทบจะทุกกลุ่ม ทุกคน ชอบเกมแบบไหน โหมดไหน มีกี่คน ครบหมด
ระบบแต่งปืนที่สร้างความหลากหลายในการเล่น
เนื้อเรื่องเพลย์เซฟจนไม่ค่อยมีความน่าประทับใจ
บั๊กเยอะมาก
UX/UI บางส่วน ออกแบบมาได้ไม่เวิร์คเอาซะเลย
กลับมาอีกครั้งกับแฟรนไชส์เกมยิงสุดเดือด และภาคนี้ถือว่าเป็นภาคที่หลายคนรอคอย เพราะคือการสานต่อชื่อจาก Call of Duty ภาคที่โด่งดังที่สุดภาคหนึ่งอย่าง Modern Warfare II อีกครั้ง ซึ่งก็ทำให้เกมต้องแบกรับความคาดหวังจากแฟนซีรีส์อย่างมาก แต่การกลับมาคราวนี้จะเป็นยังไง ยอดเยี่ยมสมการรอคอยมากน้อยแค่ไหน ต้องลองมาอ่านรีวิวของเรากัน
เนื้อเรื่องที่สานต่อจากภาค Modern Warfare 2019
เนื่องจากภาคนี้เป็นภาคต่อจากภาค Reboot เมื่อปี 2019 เนื้อหาจึงดำเนินเรื่องราวต่อกัน ในภาคนี้เราจะได้รับบทเป็นสมาชิกทีม Task Force 141 แต่จะได้เล่นเป็นคใร ตัวละครไหน ก็แล้วแต่ฉากและภารกิจนั้น ๆ เนื้อเรื่องในภาคนี้จะว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มก่อการร้าย Quds ที่นำโดย Hassan Zyani ที่อยู่ดี ๆ เขาก็มีอาวุธขีปนาวุธร้ายแรงของอเมริกาอยู่ภายในมือ ทำให้สมาชิกทีม Task Force 141 ถูกเรียกออกปฏิบัติการเพื่อสืบหาที่มาที่ไปว่า เหตุใดอาวุธของอเมริกาจึงตกไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย และยังต้องร่วมมือกับหน่วยรบมากฝีมือจากเม็กซิโก
สำหรับเนื้อเรื่องของภาคนี้ เสียงวิจารณ์นั้นค่อนข้างแตกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน คนที่ชอบก็ชอบ คนที่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบไปเลย แต่สำหรับผู้เขียนมองว่า ภาคนี้ตั้งใจนำเสนอแนวทางที่ต่างจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด ในภาคที่แล้ว เราจะได้ทำภารกิจแบบบู๊ระห่ำ เดินหน้าลุย ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ในขณะที่ภาคนี้ เกมเน้นความเป็นกลยุทธ์ ความ Tactical ในภารกิจต่าง ๆ มากกว่า ทำให้รสชาติและอารมณ์ในการเล่นนั้น แตกต่างกันอย่างชัดเจน จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนอาจจะไม่ชอบ เพราะจากที่ได้บู๊มัน ๆ ก็ต้องมานั่งเล่นกันแบบกลยุทธ์ ไม่ได้วิ่งยิงเหมือนภาคแรก
และตัวเกมยังเหมือนถูกออกแบบมาเพื่อประการนี้ ผู้เล่นจะรู้เลยว่าการถูกยิงแต่ละครั้งทำให้ตัวละครที่เราเล่น ดูขาดความเป็นมืออาชีพกันแบบสุด ๆ เพราะการนำเสนอที่เปลี่ยนไปของเนื้อหาในเกมภาคนี้ จึงไม่แปลกที่หลายคนจะไม่ชอบ นอกจากนั้นเกมเพลย์บางส่วนยังฉีกแนวไปจากเดิม ซึ่งคาดว่าเป็นการตั้งใจนำเสนอเพื่อให้ผู้เล่นคุ้นชินกับระบบต่าง ๆ ที่จะมาใน Warzone 2.0
ด้วยเหตุนี้ทำให้โหมดเนื้อเรื่องของเกม ดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจขายเนื้อเรื่องจริง ๆ แต่ไปเน้นเกมเพลย์ที่ตั้งใจนำเสนอโหมดอื่น บวกกับเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงการนำเสนอ จึงไม่แปลกใจที่แฟน ๆ หลายคนจะเสียงแตกกันขนาดนี้ แต่อย่างน้อยมันก็ปูทางไปสู่ภาคต่อ (หรือ DLC) ได้อย่างน่าติดตามเหมือนเดิม และถือเป็น Call of Duty อีกภาคที่ประสบความสำเร็จในด้านการทำแคมเปญเนื้อเรื่อง
เกมราคาแพง แต่อัดแน่นไปด้วยคอนเทนต์ที่คุ้มค่าเกินราคา
ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีเท่าไรในยุคนี้ เชื่อเหลือเกินว่าแฟนเกมบางคนต่อให้อยากเล่นแค่ไหน แต่เจอราคาขั้นต่ำ 2,300 บาทเข้าไป ก็ต้องมีคิดแล้วคิดอีกกันอยู่บ้าง แต่ใครที่เงินถึงแต่ยังลังเลว่ามันจะคุ้มค่าหรือไม่ เราก็ตอบให้ตรง ๆ ตรงนี้เลยว่ามันคุ้มค่ามาก ๆ
โหมดเนื้อเรื่องหรือแคมเปญหลักของเกมนั้น อาจจะมีความยาวอยู่ที่ 4-5 ชั่วโมง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น สำหรับแฟน ๆ Call of Duty ที่เเล่นมาหลายภาคจะรู้ดีอยู่แล้วว่า Call of Duty นั้น สนับสนุนเนื้อหาในโหมด Multiplayer ยาวกันเป็นปี ๆ ดังนั้นคำเตือนสำหรับคนที่คิดจะซื้อมาเล่นจริง ๆ ก็คือ คุณต้องแน่ใจว่าคุณจะเล่นโหมดออนไลน์ของเกมนี้จริง ๆ และเล่นในระยะยาวด้วย ไม่อย่างนั้นซื้อมาเล่นแค่เนื้อเรื่องมันจะไม่ค่อยคุ้มค่าสักเท่าไร
แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเกม FPS Multiplayer สำหรับ Call of Duty นั้น แทบจะมีทุกโหมด เกมการเล่นแทบจะทุกแบบให้คุณแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโหมด Co-op ที่เอาไว้เล่นเก็บสะสมของรางวัลประจำสัปดาห์ และเนื้อหาบางช่วงจะต่อจากแคมเปญเนื้อเรื่องหลัก โหมด Multiplayer ที่อัดแน่นไปด้วยโหมดต่าง ๆ มากมายให้เราได้สนุกกัน หรือแม้แต่โหมดขนาดใหญ่อย่าง Invasion หรือ Ground War เรียกได้ว่าคอนเทนต์ Multiplayer ของเกมนี้ อัดแน่นไปด้วยรูปแบบเกมการเล่นที่ครบเครื่อง คือถ้าคุณซื้อมาแล้วเล่น ยังไงก็คุ้มค่าแน่นอน ยังไม่รวมถึงระบบต่าง ๆ นา ๆ ที่จะทำให้คุณเสียเวลาชีวิตไปเป็นร้อยชั่วโมงกับระบบของเกมนี้
เอาง่าย ๆ คือแม้จะมีราคาสูงถึง 2,000 บาทขึ้นไป แต่สำหรับแฟนเกมยิงออนไลน์แล้วล่ะก็ นี่คือเกมที่คอนเทนต์คุ้มค่าอย่างมาก เพราะมันมีอะไรต่อมิอะไรให้คุณได้ทำเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเลเวลตัวละคร เลเวลอาวุธ และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณเป็นแฟน Call of Duty และอยากลงหลักปักฐานกับเกมอะไรสักเกมที่มีอนาคตยาวไกลแล้วล่ะก็ Call of Duty: Modern Warfare II ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้ว
เกมเพลย์ที่รองรับคนทุกประเภท อยากเล่นอะไร COD มีให้หมด
นอกจากคอนเทนต์จะอัดแน่นแล้ว สิ่งที่ตามมากับคอนเทนต์ที่เยอะมาก ๆ คือเกมเพลย์ สำหรับเกมเพลย์ของ Call of Duty นั้น แต่ไหนแต่ไรก็เอาใจผู้เล่นทุกกลุ่ม ทุกประเภทกันอยู่แล้ว อยากเล่นโหมดไหน กี่คน เล่นยังไง มีหมด ไม่ว่าจะเป็นโหมดพื้นฐานทั่วไปอย่าง Team Deathmatch หรือ Domination หรือจะเป็นโหมดที่เน้นวิ่งลุย ยิงกันตลอดเวลาอย่าง Hardpoint หรือจะไปโหมดจริงจังก็มี Search & Destroy หรือโหมดวางระเบิด และกับโหมดใหม่อย่าง Prisoner Rescue ที่เป็นโหมดชิงตัวประกัน ที่เราสามารถยิงล้มและชุบกันได้ 1 ครั้ง / 1 รอบการเล่น เรียกได้ว่า Call of Duty จัดเต็ม ใส่ทุกอย่างเท่าที่เกมยิงจะมีได้เข้ามาแล้ว
ยังไม่รวมถึงโหมดเกมยิบย่อยอย่างเช่น Co-op ที่เป็นการป้องกันจุด ทำให้ได้อารมณ์เกมแนว Tower Defense หรือภารกิจปลดชนวนมิสไซล์ที่กลายเป็นเกม Co-op ตะลุยด่าน คือบอกได้เลยว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นเกมเมอร์สายอะไร เกมนี้มีทุกอย่างให้คุณเล่น
แต่สำหรับหัวใจหลักของโหมด Multiplayer ยังไงก็น่าจะหนีไม่พ้นโหมดเกมหลัก ๆ ที่มีให้เลือกเล่นกว่า 9 โมหด แต่ส่วนมากแล้วในโซนเอเชียของเรานี้ จะเจออยู่แค่โหมด Domination / Hardpoint / Kill Confirmed หรือ Team Deathmatch เพราะเล่นง่าย สนุก จบไว ได้สู้กันตลอด เกมเพลย์ของภาคนี้ก็ยังคงความดุเดือดเอาไว้เหมือนกับภาค 2019 แต่ความเร็วอาจจะถูกลดลงมาเล็กน้อย ใครที่ไม่เคยเล่น หรือไม่ได้สังเกตจริง ๆ อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำไป หรือใครที่อยากเล่นกับเพื่อนสนุก ๆ อยากยิงบอทก็สามารถไปเล่นโหมด Co-op ที่เล่นกัน 2 คนได้ เกมเพลย์การเล่นในโหมด Co-op นี้ก็ยังใส่ระบบอย่างกการป้องกัน หรือ Tower Defense ใส่เอาไว้ด้วย แถมในอนาคตยังมีโหมดฟรีอย่าง Warzone / DMZ ตามเข้ามาอีก ครบทุกอย่างที่แฟนเกมต้องการ
สิ่งสำคัญจริง ๆ ของภาคนี้คือระบบของอาวุธ หรือ Gunsmith 2.0 ที่ทางตัวเกมภูมิใจเสนอตั้งแต่เกมยังไม่ออก ระบบ Gunsmith ภาคนี้ จะส่งผลให้ผู้เล่นต้องเล่นปืนหลากหลายกระบอก เพื่อปลดล็อคของแต่งปืน อย่างเช่น คุณต้องการของแต่งปืนกระบอกแรก ก็อาจจะต้องไปเล่นปืนกระบอกที่ 2 แต่ปืนกระบอกที่ 2 เองก็ยังไม่ได้ปลด ต้องไปเล่นปืนกระบอกที่ 3 เป็นต้น ด้วยระบบนี้ แม้ว่ามันจะดูยุ่งยากซับซ้อนไปซะหน่อย แต่อีกมุมหนึ่ง มันทำให้ผู้เล่นไม่ยึดติดอยู่กับการเล่นปืนกระบอกเดียวมากเกินไป และตอนนี้ เอาแค่แพทช์ ณ ปัจจุบันก่อน Season 1 เกมก็มีปืนให้เลือกใช้มากมายอยู่แล้ว เพิ่มความหลากหลายและทำให้ผู้เล่นติดพันมากยิ่งขึ้นกว่าภาคก่อนหน้า
สำหรับเกมเพลย์ของการยิงก็ดูจะไม่ค่อยต่างจากภาคก่อนหน้านี้สักเท่าไร มีเพียงการ Mantling หรือการเกาะขอบต่าง ๆ ช่วยเพิ่มลูกเล่นในการเล่นให้มีสีสันมากขึ้น เพียงแต่การ Mantling นั้น จะทำให้เราใช้ได้แต่อาวุธรองเท่านั้น ระบบอื่น ๆ อย่าง Killstreak / Scorestreak เองก็ยังอยู่ครบ และสลับไปมาได้ เลือกได้ว่าจะฆ่าให้ได้เยอะ หรือเอาคะแนนแทน อย่างที่บอวก่าเกมเพลย์ของ Modern Warfare II นั้น รองรับผู้เล่นแทบจะทุกกลุ่ม ทุกไซส์ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังมีไม่ครบ แต่ในอนาคต ในการอัปเดต รับรองว่ามาอีกเพียบ เล่นกันได้หมด ทั้งคนเสียเงินซื้อหรือเล่นฟรี และเราคงต้องบอกกันอีกรอบว่า ใครกำลังมองหาเกมยิงเล่นระยะยาวชนิดที่ว่าเล่นได้เป็ฯปี ๆ โดยคุณไม่เบื่อก่อน ก็ต้อง Call of Duty: Modern Warfare II นี่แหละ
แม้จะสอบผ่านด้าน Performance แต่ปัญหาจุกจิกก็มีเพียบจนถึงปัจจุบัน
ข้อดีของ Modern Warfare II คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ระดับกลาง ๆ ก็ยังคงเล่นได้ อาจเพราะตัวเกมยังคงต้องลงให้กับเครื่องเจ็นเก่าอย่าง PlayStation 4 อยู่ด้วย และคอมพิวเตอร์ระดับกลาง หรือต่ำ ปรับ ๆ หลาย ๆ อย่างใน Setting Menu หน่อยก็พอจะเล่นได้บ้าง แต่กราฟิกจะออกมาประมาณไหนก็ต้องไปดูกันเอาเอง
แต่ Performance ของเกมที่มีปัญหาจริง ๆ อยู่ที่บั๊กต่าง ๆ ของเกมที่เปิดตัวมาด้วยปัญหาต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกมแครช เกมเด้ง หลุด ค้าง ที่โดนกันถ้วนหน้า หรือภาพกะพริบที่ชาว Nvidia ต้องอัปเดตไดรเวอร์การ์ดจอแก้กันอย่างสนุกสนาน โชคดีที่ปัญหาด้านเฟรมเรทตก หรือตัวเกมขณะเล่นนั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่จะมามีปัญหาตรงพวก Error ต่าง ๆ นี้เยอะไปซะหน่อย จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะแก้ไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังมีคนเจอปัญหานี้อยู่บ้าง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาแก้ไขกันต่อไป
Call of Duty: Modern Warfare II เป็นอีกหนึ่งเกมยิงแห่งปีที่หากคุณชื่นชอบเกมออนไลน์ เกมยิง ยังไงก็ต้องเกมนี้ แต่อาจจะต้องทนรับสภาพปัญหาบั๊กกันสักหน่อยในตอนนี้