GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ข่าวเกม
[บทความ] Starfield รวมรายละเอียดข้อมูลที่น่าสนใจ ทั้งหมดของเกม
ลงวันที่ 21/06/2022


    

‘สิ่งที่น่าอัศจรรย์มิใช่ความกว้างใหญ่ไพศาลของทะเลดาว แต่คือการที่มนุษย์สามารถวัดขนาดของมันได้’ โดย Anatole France กวีชาวฝรั่งเศส


นี่คือบทกวีที่ถูกนำมาใช้ในตัวอย่างของ Starfield เกม IP ใหม่โดยทีมงาน Bethesda (เจ้าของผลงานสุดอมตะอย่างซีรีส์ The Elder Scrolls และ Fallout) โดยกระแสเกมนี้ช่วงแรกยังไม่ได้มีมากเท่าไหร่นัก จากการที่ผู้พัฒนาได้ปิดปาดเงียบมาโดยตลอดตั้งแต่ที่เปิดตัวเกมไปเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่หลังจากที่มีการปล่อยตัวอย่างล่าสุดในงาน Xbox & Bethesda Games Showcase 2022 ที่ผ่านมา ก็สามารถสร้างเสียงฮือฮาในหมู่เกมเมอร์ได้พอสมควร ด้วยระบบเกมเพลย์การสำรวจอวกาศอันลึกล้ำ รวมไปถึงจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ที่มีดาวเคราะห์รอให้ผู้เล่นสำรวจอยู่ "นับ 1000 ดวง"


เพื่อสรุปรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับ Starfield ที่ถูกเปิดเผยออกมา วันนี้พวกเรา GameFever TH ได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อต่างประเทศ และการวิเคราะห์ตัวอย่าง เพื่อจะนำเสนอรายละเอียดข้อมูลที่ในสนใจจากเกม Starfield

แล้วมาดูกันซิว่าฉายา "Skyrim in Space" (Skyrim ในอวกาศ) ของเกมนั้นเหมาะสมแล้วหรือไม่?!

ตัวอย่างเกมเพลย์


เป็นเกมแนว Action-RPG ในธีมอวกาศ


ดังที่กล่าวไปข้างต้น เกม Starfield ถือเป็น IP เกมใหม่ที่ถูกพัฒนาโดย Bethesda Game Studios ผู้รังสรรค์ผลงานเกมแนว RPG โลกเปิดชื่อดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแฟรนไชส์ Fallout หรือ The Elder Scrolls ซึ่งในครั้งนี้ตัวเกม Starfield ก็จะมาในรูปแบบเกมแนว RPG Open-World เช่นเดิม แต่จะนำเสนอในรูปแบบของธีมอวกาศ ที่จะให้ผู้เล่นได้ออกสำรวจดวงดาว ฟาร์มของ ล่าสัตว์ และติดตามภารกิจเนื้อเรื่อง ซึ่งผู้พัฒนาบอกว่าใช้เวลาเล่นได้ไม่ต่ำกว่า 100 ชั่วโมงเลยทีเดียว


แน่นอนว่ามันมีข้อแม้ใหญ่อยู่ว่า "ถ้าเกมทำได้ตามที่นักพัฒนาพูดไว้" ก็จะดี เพราะกรณีศึกษาที่เราเคยเห็นมาแล้วว่าเกมของ Bethesda มักวางจำหน่ายพร้อมบั๊กน้อยใหญ่จำนวนมหาศาล จนต้องรอให้ผู้พัฒนาตามแพทช์เกมอีกหลายเดือนกว่าจะเข้าร่องเข้ารอย หรือจะเกมที่เคยเกือบแย่อย่าง No Man’s Sky ที่ทีมพัฒนาก็ประกาศโปรโมทเกมไว้เกินจริง (แถมแนวเกมยังคล้าย Starfield มากอีกต่างหาก) จนถูกกระแสดราม่า แต่พวกเราก็สามารถปรับปรุงเกม แก้ไข และทำให้เกมกลับมากลายเป็นอีกหนึ่งเกมแนวอวกาศที่ไม่ควรพลาดในที่สุด




เนื้อเรื่องย่อ


เนื้อเรื่องของ Starfield ได้ถูกทีมงานนิยามว่าเป็นแนว ‘นาซ่า พังค์’ (NASA Punk ซึ่งมักจะหมายถึงโลกไซไฟอนาคตที่อ้างอิงจากเทคโนโลยีอวกาศที่ใช้อยู่จริงในปัจจุบันโดยองค์กร NASA) ที่จะเล่าถึงฉากหลังอยู่ในช่วงอนาคตประมาณ 300 ปีในยุคของการล่าอาณานิคมอวกาศ ทำให้ทางมนุษย์ต้องทำการออกสำรวจดวงดาว และได้เดินทางมานอกเขตระบบสุริยะประมาณ 50 ปีแสง โดยในเกมจะเรียกว่า The Settled Systems (ระบบดาวที่มนุษย์ตั้งรกราก) ที่อยู่ภายใต้อำนาจการดูแลของสองกลุ่มมหาอำนาจใหญ่ที่สุดในเกมอย่าง United Colonies และ Freestar Collective ที่เคยมีความขัดแย้งกันจนก่อให้เกิดสงครามอาณานิคมเมื่อ 20 ปีก่อน และแม้ในปัจจุบันจะสงบศึกกันแล้ว แต่ก็ยังมีความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันอยู่ ดังนั้นหากมีแม้แต่ความขัดแย้งเล็ก ๆ อะไรก็ตามมาสร้างความบาดหมางอีก สิ่งนั้นก็อาจจะทำให้เกิดสงครามนองเลือดขึ้นได้อีกครั้ง!

สำหรับผู้เล่นนั้น จะได้รับบทเป็นตัวละครที่ปรับแต่งได้ ทั้งยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Constellation องค์กรของนักสำรวจอวกาศที่ตั้งใจและอุทิศตนเพื่อการช่วยเหลือมนุษยชาติมากกว่าผลประโยชน์ และต้องคอยค้นหา ความลับต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในจักรวาล นอกจากนี้ผู้เล่นจะยังต้องมีส่วนร่วมว่าจะเป็นผู้เฝ้ามอง ผู้สงบศึก หรือผู้จุดประกายสงครามของความขัดแย้งระหว่างสองมหาอำนาจดังกล่าวก็เป็นได้! 




ตัวเอกจะไม่มีเสียงพูด...แต่มีบทสนทนามากกว่า Skyrim ถึง 2 เท่า?!


่เช่นเดียวกับเกม RPG ส่วนใหญ่ของค่าย Bethesda ตัวเอกของเกมจะไม่มีเสียงพูด โดยทุกครั้งที่เข้าถึงการสนทนาตัวเกมจะพาผู้เล่นเข้าสู่มุมมองบุคคลที่หนึ่ง พร้อมกับมีบทสนทนาโต้ตอบมากมายให้เราเลือกตอบ ตามสไตล์ของ Bethesda ซึ่งผู้พัฒนามีการเคลมว่าจะมีบทสนทนามากกว่า 150,000 ประโยค ซึ่งมากกว่าบทสนทนาจาก Skyrim ที่มีบทสนทนา 60,000 ประโยคมากกว่า 2 เท่าได้เลย! (รองลงมาคือ Fallout 4 ที่มีบทสนทนามากถึง 111,000 ประโยค) ดังนั้นอย่างที่บอกไปว่าเราให้คำตอบชัดเจนไม่ได้เรื่องที่ตัวเอกของผู้เล่นจะมีบทบาทอย่างไรในเนื้อเรื่องหลักครั้งนี้ เพราะเราอาจจะเดินเส้นทางสู้การเป็นฝ่ายกลางไม่ร่วมสงคราม หรือเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือว่าแม้แต่เป็นศัตรูกับทั้งสองฝ่าย ความเป็นไปได้เหล่านี้ ก็อาจจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเรา ไม่สามารถคาดเดาใด ๆ ได้ บอกเลยว่าใครที่ชอบเกมสไลต์ของ Bethesda ที่มีตัวเลือก มีเส้นทางตัดสินใจให้เลือกมากมายนั้น Starfield นี่แหละจะเป็นอีกหนึ่งซีรี่ย์เกมใหม่ที่พร้อมสานฝันคุณได้ให้กลิ่นอายของ Fallout หรือ The Elder Scrolls แน่นอน!




เราสามารถเล่นได้ทั้งมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และมุมมองบุคคลที่สาม


เอะใจไหมว่าทำไหผมถึงพูดว่าเมื่อเราเข้าสู่บทสนทนาตัวเกมจะตัดเข้าสู่มุมมองบุคคลที่หนึ่ง นั่นก็เพราะเราสามารถเลือกมุมมองการเล่นได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ใครที่ไม่สามารถเล่นมุมมอง FPS ได้ ก็สามารถเข้ามาท่องโลก Starfield ผ่านมุมมองบุคคลที่สามได้เช่นกัน อีกทั้งการสลับมุมมองได้แบบนี้จะช่วยให้การเล่นมีความหลากหลายขึ้น อย่างในตัวอย่างเมื่อเข้าสู่โซนที่แคบ ในสิ่งปลูกสร้างเราอาจจะเล่นเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง แต่เมื่อต้องเล่นในที่เปิดกว้างก็สามารถเปลี่ยนมาเล่นมุมมองบุคคลที่สามได้





ระบบปรับแต่งตัวละครที่หลากหลาย และมีผลกับการเล่นด้วย


ขึ้นชื่อว่าเกม RPG แน่นอนว่าผู้เล่นจะสามารถปรับแต่งตัวละครได้อย่างอิสระ แต่การปรับแต่งพื้นฐานอย่างหน้าตา สีผม รูปร่าง เพียงเท่านี้มันอาจจะดูธรรมดาไปสำหรับผู้นำเกม RPG อย่าง Bethesda พวกเขาจึงได้นำเสนอฟีเจอร์ปรับแต่งอื่น ๆ ที่จะสร้างมิติให้กับการปรับแต่งตัวละครมากขึ้น โดย 2 จุดเด่นหลักที่น่าสนใจนั่นคือ:


1. ระบบ ฺBackground หรือภูมิหลัง จะเป็นเหมือนระบบสกิล แต่…จะเพิ่มความโรลเพลย์เข้ามาตรงที่ผู้เล่นจะต้องเลือกคาแรคเตอร์ บทบาท หรืออาชีพของตัวละครที่เราสร้าง ซึ่งแต่ละภูมิหลังจะมีเนื้อเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เข้ามาสร้างความอินให้กับผู้เล่น แต่จุดที่น่าสนใจนั่นคือ แต่ละ Background นั้นจะมีค่าสกิลเริ่มต้นในการเล่นมาให้ 3 อย่างแตกต่างออกไป เช่น บางสกิลเพิ่มดาเมจปืนพก เพิ่มความสามารถด้านการแฮ็ก การเก็บของ หรือความสามารถด้านการต่อรองเป็นต้น ซึ่งบอกเลยว่าในตัวอย่างล่าสุดนั้นเห็นได้ว่ามีให้ผู้เล่นเลือกเยอะมาก!


2. ระบบ Traits หรือลักษณะนิสัย - ตัวเกมยังนำเสนอระบบ Traits ที่จะบอกถึงบุคลิก 3 อย่างของตัวละครผู้เล่น โดยแต่ละนิสัยจะมอบค่าสถานะ มอบสิ่งอำนวยสะดวกให้แก่ผู้เล่นต่างกันไป แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะมีเงื่อนไขที่ต้องแลก เช่น บาง Trait ก็จะมอบบ้านหลังเล็ก ๆ บนดวงจันทร์ให้ฟรี แต่จะต้องเป็นหนี้ธนาคาร 50,000 เครดิต หรือเรามีพ่อแม่ที่อยู่สุขสบายดี ผู้เล่นสามารถไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านได้ แต่จะถูกหักเงิน 10% จากรายได้ทั้งหมดมอบให้แก่พวกเขา (ในบ้านอาจจะมีสิ่งอำนวยพิเศษ หรืออาจจะเป็นแค่การโรลเพลย์เท่านั้น) บอกเลยว่าได้เล่น RPG แบบถึงพริกถึงขิงแน่นอน!




ระบบปรับแต่งยาวอวกาศที่จะมีบทบาทสำคัญกับการเล่น


มาต่อด้วยอีกหนึ่งระบบที่ชูโรงมาก ๆ ของ Starfield นั่นคือผู้เล่นจะมียานอวกาศที่สามารถขับได้ ปรับแต่งส่วนต่าง ๆ ทั้งภายนอกและระบบภายในได้แบบไม่ซ้ำใคร โดยสามารถใช้สำหรับท่องดาวต่างๆ หรือทะยานสู่อวกาศได้ แต่การขับยานอวกาศใน Starfield นั้นบางครั้งผู้เล่นจะเจออันตรายระหว่างขับขี่ด้วย เช่น เศษอุกกาบาต หรือกระทั่งยานอวกาศของศัตรู ที่สำคัญการทำลายสิ่งกีดขวาด หรือจัดการพวกศัตรูผู้เล่นก็จะได้รับ XP ที่สามารถนำมาอัพเกรดยานได้อีกด้วย




นอกจากนี้กลับมาที่เรื่องของการปรับแต่งยาน ผู้เล่นจะสามารถปรับแต่งได้ละเอียดมาก ๆ ตั้งแต่เครื่องยนต์ เชื้อเพลง ปีกยาน อาวุธ รวมถึงแต่งรูปทรงยาน หรือสีได้ทั้งหมด นอกจากนี้เรายังสามารถเกณฑ์คน หาเพื่อนร่วมยาน หรือลูกเรือมาร่วมสำรวจอวกาศใน Starfield ได้อีกด้วย และผู้พัฒนาเคลมว่า ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องปรับแต่งยานแค่แบบเดียว เพราะจะมีระบบการตั้งค่าล่วงหน้า ที่จะช่วยให้เรามียานอวกาศที่หลากหลายเหมาะกับสถานการณ์ต่าง ๆ เพิ่มมิติการเล่นมากขึ้น ซึ่งระบบนี้จะเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะกระตุ้นให้ผู้เล่นออกฟาร์ม ออกสำรวจเพื่อหาทรัพยากรมาสร้างส่วนประกอบของยาน ซึ่งมั่นใจได้ว่าน่าจะมีอะไรให้เล่นกันจนหนำใจแน่นอน



มีระบบสุริยะกว่า 100 ระบบ มีดาวเป็น 1,000 ดวงให้ผู้เล่นได้สำรวจเต็มที่


เมื่อมียานอวกาศในฝันแล้ว สิ่งที่จะทำให้เราอินไปกับตัวยานมากขึ้นก็คือ ‘พื้นที่ผจญภัย’ ทำให้ทาง Bethesda ได้สร้างแผนที่ของเกมไว้ใหญ่มาก ๆ ผู้เล่นจะได้ออกสำรวจระบบสุริยะกว่า 100 ระบบ และมีดาวมากกว่า 1,000 ดวงที่สามารถลงไปสำรวจได้ โดยผู้พัฒนาบอกว่าส่วนใหญ่อาจจะเป็นดาวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีภารกิจอะไรเป็นพิเศษ อาจเป็นเพียงแหล่งเก็บทรัพยากรณ์เท่านั้น (เช่นเดียวกับการสำรวจอวกาศจริง ๆ ที่คงไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวทุกดวง) แต่ก็จะมีบางส่วนที่มีทั้งเนื้อเรื่อง ผู้คน และภารกิจของตัวเองให้ค้นพบเช่นกัน โดยเมื่อผู้เล่นเข้าใกล้ดาวเคราะห์แต่ละดวง จะมีการบอกค่าสถานะว่าดาวดวงดังกล่าวมีอะไรให้เราสำรวจบ้างในเบื้องต้น และจะมีค่าเปอร์เซ็นต์ความคืบหน้าการสำรวจของแต่ละดาวบอกให้อย่างละเอียดด้วย  เรียกได้ว่านี่แหละคืออีกหนึ่งสเน่ห์ของเกมจากค่าย Bethesda!




มีฝ่ายต่างๆ ภายใน Starfield


แทบจะทุกเกม RPG ของ Bethesda มักจะมีระบบพรรค ระบบฝ่าย มีการแบ่งเขต มีการดำเนินชีวิตของ NPC ที่ต่างกัน จนนำพาไปสู่เรื่องราวอันหลากหลาย เช่น แต่ละฝ่ายตีกันเองบ้าง ผู้เล่นอาจถูกหมายหัวจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบ้าง ซึ่งก็เป็นสเน่ห์ของผลงาน Bethesda ที่ถูกนำมาใส่ให้กับ Starfield เช่นกัน โดยข้อมูลฝ่ายยังไม่มีมีรายละเอียดออกมามากนัก แต่ก็สรุปได้สั้นๆ ดังนี้


  • United Colonies: 'สาธารณรัฐอวกาศในอนาคตในอุดมคติ'

  • Freestar Collective: 'อวกาศแฟนตาซีตะวันตก ผู้คนที่ชายแดน'

  • Ryujin Industries: กลุ่มบริษัทริวจิน เป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ผู้เล่นจะพบภายในเกม

  • Crimson Fleet: กลุ่มสลัดอวกาศที่ผู้เล่นสามารถเข้าร่วม หรือหักหลังพวกเขาได้

  • House Va'Ruun: กลุ่มพวกคลั่งลัทธิ ศาสนา


ทั้งหมดนี้ก็จะนำไปสู่เรื่องราวและเหตุการณ์ที่ผู้เล่นอาจจะเจอไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าเข้าข้างฝ่ายไหน หรือเป็นศัตรูกับฝ่ายไหนบ้าง กลายเป็นเรื่องเล่าสนุก ๆ ไว้แลกเปลี่ยนกันในหมู่ผู้เล่น และทำให้สามารถเล่นเกมซ้ำได้หลายครั้งอีกด้วย



ระบบคู่หู


อีกหนึ่งเรื่องที่เราเห็นกันในตัวอย่างนั่นคือหุ่นยนต์สำรวจที่ชื่อว่า Vasco ที่คาดว่าจะกลายมาเป็นหนึ่งในคู่หูตั้งแต่ช่วงแรก ของผู้เล่นใน Starfield โดยผู้พัฒนาได้เคยเปิดเผยออกมาแล้วว่าเกมจะมีระบบคู่หูร่วมเดินทางกับผู้เล่นเช่นเดียวกับเกมอย่าง Fallout 4 นั่นเอง ซึ่งเจ้า Vasco ถือเป็นคู่หูตัวแรกที่เราได้เห็นหน้าตาในขณะนี้


ในส่วนของภูมิหลังนั้น หุ่น Vasco แท้จริงแล้วเป็นหุ่นรบที่ถูกดัดแปลงเพื่อใช้ในภารกิจการสำรวจดาวของกลุ่ม Constellation โดยอาวุธและเกราะหนักของเขาได้ถูกถอดออก และทดแทนด้วยเครื่องมือที่ช่วยในการสำรวจ เช่นมือจักรกลเอาไว้หยิบจับตัวอย่างสิ่งของจากดวงดาว หรือตะขอติดหลังเอาไว้ลากสัมภาระเป็นต้น




ระบบสร้างฐานที่มั่น Outpost


อีกหนึ่งเรื่องที่ยังไม่ได้มีการอธิบายมากมายเท่าไหร่นัก แต่เราจะเห็นในตัวอย่างครู่หนึ่ง นั่นคือการเห็นระบบสร้างฐาน ที่เรียกว่า Outpost ซึ่งเป็นการเปิดแผนที่ รวมไปถึงการเปิดฟีเจอร์สิ่งอำนวยสะดวกต่าง ๆ เช่น ระบบคราฟ เป็นต้น เป็นการปรับปรุงขึ้นของระบบสร้างเมืองใน Fallout 4 นั่นเอง ผู้เล่นจะสามารถสร้างและปรับแต่งฐานทัพได้อย่างอิสระพอสมควร คงต้องจับตากันต่อไปว่าระบบ Outpost นี้จะมีความสำคัญต่อเกมแค่ไหนอย่างไรบ้าง



ระบบคราฟหลากหลายเต็มรูปแบบ


ก่อนหน้านี้ทางเราได้เกริ่นถึงระบบคราฟไป ซึ่งในตัวอย่างจะพบได้ว่าภายในฐานที่มั่นของผู้เล่นนั้น จะมีระบบคราฟหลัก ๆ อยู่ 5 หมวดนั่นคือ


  • หมวดปรุงยา ปรุงเคมี หรือแปลตรงตัวคือ เภสัชวิทยา

  • หมวดอาหาร และเครื่องดื่ม

  • หมวดการพัฒนา Outpost

  • หมวดอุปกรณ์สวมใส่

  • และ หมวดอาวุธ





















ซึ่งในตัวอย่างเรายังไม่ได้เห็นระบบการสร้างของทุกหมวดว่ามีอะไรบ้าง แต่ที่แน่ ๆ คือผู้เล่นจะสามารถตกแต่งอาวุธ ใส่ม็อดรวมถึงอาจจะปรับแต่งสีได้อย่างอิสระ ให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละสถานการณ์ได้มากขึ้น 



หน้าต่างแสดงผล HUD ดูเข้าใจง่าย


จากในตัวอย่างเราจะพอเห็นได้ว่าตัวเกมมีหน้าต่างแสดงผล หรือ HUD ต่างๆ ที่นำเสนอได้ในรูปแบบที่ดีในระดับหนึ่งเลย เพราะสีสันไม่ฉูดฉาด หน้าต่างไม่รกสายตา และเข้าใจง่ายด้วย โดยจะขอสรุปเท่าที่เราสามารถหาข้อมูลได้ก่อนดังนี้


ระบบอาวุธก็จะขึ้นมาเป็นรูปบวก เมื่อกดเรียกใช้งาน โดยแต่ละข้างก็จะมีช่องอาวุธ 3 สล็อตให้เลือก



การแสดงผลทั่วไป ด้านขวาล่างจะเป็นการแสดงแถบเลือก อาวุธล่าสุด และจำนวนกระสุน ส่วนซ้ายมือจะเป็นเหมือนค่าพลังงานสเตมิน่า และเข็มทิศ-มินิแมพไปในตัว โดยหากมีศัตรูอยู่ในบริเวณใกล้เคียง หรือพวกมันโจมตีมาก็จะขึ้นจุดสีแดงแสดงให้เราเห็นตำแหน่งอีกด้วย



หน้า HUD การสะเดาะกุญแจ โดยในตัวเกมจะนำเสนอผ่านมินิ-เกมเล็กน้อย ที่ถือว่าทำได้แตกต่างจากหลายเกมในยุค

นี้ และจะใช้ Lockpick ที่ในเกมนี้จะเรียกว่า ‘Digipick’ ในการสะเดาะกลอน 



และยังมีหน้า HUD อื่น ๆ เช่น หน้าสแกนที่ดูไม่ซับซ้อนอะไรเข้าถึงง่าย และหากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามี Photo Mode ให้เราถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้หรือนำไปแชร์ในคอมมูได้อีกด้วย



มีศัตรูอยู่แทบทุกที่ และมีความแข็งแกร่งโดยอ้างอิงผ่าน Level

อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่ชอบนัก นั่นคือ Starfield เป็นแนว Action-RPG ดังนั้น ตัวเกมก็จะนำเสนอระบบ Level หมายความว่า ศัตรูต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพวก NPC มนุษย์ สัตว์ / เอเลี่ยน ก็จะมี Level เป็นของตัวเอง ดังนั้นหากอาวุธชุดเกราะหรือสกิลของเรามีเลเวลไม่สูงพอก็อาจจะสู้ยากหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลย เพราะหากผู้เล่นมีทริกดี ๆ มีความอดทนสูงก็สามารถใช้เวลาในการจัดการกับศัตรูที่เวลสูงกว่าได้ แต่จะไปว่าอะไรก็ไม่ได้ เพราะนี้คือระบบฟาร์มสไตล์ของพี่ Bethesda เขา ที่ทำมาอย่างยาวนานและประสบความสำเร็จเสียด้วย!






เอนจิ้นที่ใช้พัฒนา แพลตฟอร์มและวันวางจำหน่าย


สำหรับตัวเกมก็ยังคงใช้ Creation Engine เอนจิ้นของทาง Bethesda เอง แต่ได้มีการพัฒนามาเป็น Creation Engine 2 ที่จะยกระดับสิ่งต่าง ๆ ให้มีความสมจริง และน่าสนใจยิ่งขึ้นแบบที่เราเห็นในตัวอย่าง อีกทั้ง Starfield ยังเป็นเกมแรกที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเอนจิ้นใหม่ตัวนี้ของ Bethesda อีกด้วย


ทีมงานได้มีการกำหนดวันวางจำหน่ายไว้แรกเริ่มคือวันที่ 11 พฤศจิกายนปีนี้ แต่ทีมงานมีการเปิดเผยถึงการที่พวกเขายอมรับว่าที่คือ IP เกมใหม่ที่มีความทะเยอทะยานที่สุด ณ ขนาดนี้ของสตูดิโอ พวกเขาจึงขอทำการเลื่อนไปวางจำหน่ายในช่วงปี 2023 ปีหน้านี้แทนเพื่อที่จะพัฒนาตัวเกมออกมาให้ดีที่สุด และจะปล่อยให้กับ 2 แพลตฟอร์มหลัก ๆ นั่นคือ PC และ Xbox Series X/S 



ทั้งหมดนี้คือข้อมูลต่างๆ ที่เราสามารถรวบรวมมาได้ ณ ขนาดนี้ แล้วติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Starfield ได้ทาง GameFever แน่นอน!


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[บทความ] Starfield รวมรายละเอียดข้อมูลที่น่าสนใจ ทั้งหมดของเกม
21/06/2022


    

‘สิ่งที่น่าอัศจรรย์มิใช่ความกว้างใหญ่ไพศาลของทะเลดาว แต่คือการที่มนุษย์สามารถวัดขนาดของมันได้’ โดย Anatole France กวีชาวฝรั่งเศส


นี่คือบทกวีที่ถูกนำมาใช้ในตัวอย่างของ Starfield เกม IP ใหม่โดยทีมงาน Bethesda (เจ้าของผลงานสุดอมตะอย่างซีรีส์ The Elder Scrolls และ Fallout) โดยกระแสเกมนี้ช่วงแรกยังไม่ได้มีมากเท่าไหร่นัก จากการที่ผู้พัฒนาได้ปิดปาดเงียบมาโดยตลอดตั้งแต่ที่เปิดตัวเกมไปเมื่อหลายปีมาแล้ว แต่หลังจากที่มีการปล่อยตัวอย่างล่าสุดในงาน Xbox & Bethesda Games Showcase 2022 ที่ผ่านมา ก็สามารถสร้างเสียงฮือฮาในหมู่เกมเมอร์ได้พอสมควร ด้วยระบบเกมเพลย์การสำรวจอวกาศอันลึกล้ำ รวมไปถึงจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ที่มีดาวเคราะห์รอให้ผู้เล่นสำรวจอยู่ "นับ 1000 ดวง"


เพื่อสรุปรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับ Starfield ที่ถูกเปิดเผยออกมา วันนี้พวกเรา GameFever TH ได้รวบรวมข้อมูลต่าง ๆ จากสื่อต่างประเทศ และการวิเคราะห์ตัวอย่าง เพื่อจะนำเสนอรายละเอียดข้อมูลที่ในสนใจจากเกม Starfield

แล้วมาดูกันซิว่าฉายา "Skyrim in Space" (Skyrim ในอวกาศ) ของเกมนั้นเหมาะสมแล้วหรือไม่?!

ตัวอย่างเกมเพลย์


เป็นเกมแนว Action-RPG ในธีมอวกาศ


ดังที่กล่าวไปข้างต้น เกม Starfield ถือเป็น IP เกมใหม่ที่ถูกพัฒนาโดย Bethesda Game Studios ผู้รังสรรค์ผลงานเกมแนว RPG โลกเปิดชื่อดังมาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแฟรนไชส์ Fallout หรือ The Elder Scrolls ซึ่งในครั้งนี้ตัวเกม Starfield ก็จะมาในรูปแบบเกมแนว RPG Open-World เช่นเดิม แต่จะนำเสนอในรูปแบบของธีมอวกาศ ที่จะให้ผู้เล่นได้ออกสำรวจดวงดาว ฟาร์มของ ล่าสัตว์ และติดตามภารกิจเนื้อเรื่อง ซึ่งผู้พัฒนาบอกว่าใช้เวลาเล่นได้ไม่ต่ำกว่า 100 ชั่วโมงเลยทีเดียว


แน่นอนว่ามันมีข้อแม้ใหญ่อยู่ว่า "ถ้าเกมทำได้ตามที่นักพัฒนาพูดไว้" ก็จะดี เพราะกรณีศึกษาที่เราเคยเห็นมาแล้วว่าเกมของ Bethesda มักวางจำหน่ายพร้อมบั๊กน้อยใหญ่จำนวนมหาศาล จนต้องรอให้ผู้พัฒนาตามแพทช์เกมอีกหลายเดือนกว่าจะเข้าร่องเข้ารอย หรือจะเกมที่เคยเกือบแย่อย่าง No Man’s Sky ที่ทีมพัฒนาก็ประกาศโปรโมทเกมไว้เกินจริง (แถมแนวเกมยังคล้าย Starfield มากอีกต่างหาก) จนถูกกระแสดราม่า แต่พวกเราก็สามารถปรับปรุงเกม แก้ไข และทำให้เกมกลับมากลายเป็นอีกหนึ่งเกมแนวอวกาศที่ไม่ควรพลาดในที่สุด




เนื้อเรื่องย่อ


เนื้อเรื่องของ Starfield ได้ถูกทีมงานนิยามว่าเป็นแนว ‘นาซ่า พังค์’ (NASA Punk ซึ่งมักจะหมายถึงโลกไซไฟอนาคตที่อ้างอิงจากเทคโนโลยีอวกาศที่ใช้อยู่จริงในปัจจุบันโดยองค์กร NASA) ที่จะเล่าถึงฉากหลังอยู่ในช่วงอนาคตประมาณ 300 ปีในยุคของการล่าอาณานิคมอวกาศ ทำให้ทางมนุษย์ต้องทำการออกสำรวจดวงดาว และได้เดินทางมานอกเขตระบบสุริยะประมาณ 50 ปีแสง โดยในเกมจะเรียกว่า The Settled Systems (ระบบดาวที่มนุษย์ตั้งรกราก) ที่อยู่ภายใต้อำนาจการดูแลของสองกลุ่มมหาอำนาจใหญ่ที่สุดในเกมอย่าง United Colonies และ Freestar Collective ที่เคยมีความขัดแย้งกันจนก่อให้เกิดสงครามอาณานิคมเมื่อ 20 ปีก่อน และแม้ในปัจจุบันจะสงบศึกกันแล้ว แต่ก็ยังมีความไม่ไว้ใจซึ่งกันและกันอยู่ ดังนั้นหากมีแม้แต่ความขัดแย้งเล็ก ๆ อะไรก็ตามมาสร้างความบาดหมางอีก สิ่งนั้นก็อาจจะทำให้เกิดสงครามนองเลือดขึ้นได้อีกครั้ง!

สำหรับผู้เล่นนั้น จะได้รับบทเป็นตัวละครที่ปรับแต่งได้ ทั้งยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของ Constellation องค์กรของนักสำรวจอวกาศที่ตั้งใจและอุทิศตนเพื่อการช่วยเหลือมนุษยชาติมากกว่าผลประโยชน์ และต้องคอยค้นหา ความลับต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในจักรวาล นอกจากนี้ผู้เล่นจะยังต้องมีส่วนร่วมว่าจะเป็นผู้เฝ้ามอง ผู้สงบศึก หรือผู้จุดประกายสงครามของความขัดแย้งระหว่างสองมหาอำนาจดังกล่าวก็เป็นได้! 




ตัวเอกจะไม่มีเสียงพูด...แต่มีบทสนทนามากกว่า Skyrim ถึง 2 เท่า?!


่เช่นเดียวกับเกม RPG ส่วนใหญ่ของค่าย Bethesda ตัวเอกของเกมจะไม่มีเสียงพูด โดยทุกครั้งที่เข้าถึงการสนทนาตัวเกมจะพาผู้เล่นเข้าสู่มุมมองบุคคลที่หนึ่ง พร้อมกับมีบทสนทนาโต้ตอบมากมายให้เราเลือกตอบ ตามสไตล์ของ Bethesda ซึ่งผู้พัฒนามีการเคลมว่าจะมีบทสนทนามากกว่า 150,000 ประโยค ซึ่งมากกว่าบทสนทนาจาก Skyrim ที่มีบทสนทนา 60,000 ประโยคมากกว่า 2 เท่าได้เลย! (รองลงมาคือ Fallout 4 ที่มีบทสนทนามากถึง 111,000 ประโยค) ดังนั้นอย่างที่บอกไปว่าเราให้คำตอบชัดเจนไม่ได้เรื่องที่ตัวเอกของผู้เล่นจะมีบทบาทอย่างไรในเนื้อเรื่องหลักครั้งนี้ เพราะเราอาจจะเดินเส้นทางสู้การเป็นฝ่ายกลางไม่ร่วมสงคราม หรือเข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือว่าแม้แต่เป็นศัตรูกับทั้งสองฝ่าย ความเป็นไปได้เหล่านี้ ก็อาจจะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเรา ไม่สามารถคาดเดาใด ๆ ได้ บอกเลยว่าใครที่ชอบเกมสไลต์ของ Bethesda ที่มีตัวเลือก มีเส้นทางตัดสินใจให้เลือกมากมายนั้น Starfield นี่แหละจะเป็นอีกหนึ่งซีรี่ย์เกมใหม่ที่พร้อมสานฝันคุณได้ให้กลิ่นอายของ Fallout หรือ The Elder Scrolls แน่นอน!




เราสามารถเล่นได้ทั้งมุมมองบุคคลที่หนึ่ง และมุมมองบุคคลที่สาม


เอะใจไหมว่าทำไหผมถึงพูดว่าเมื่อเราเข้าสู่บทสนทนาตัวเกมจะตัดเข้าสู่มุมมองบุคคลที่หนึ่ง นั่นก็เพราะเราสามารถเลือกมุมมองการเล่นได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ใครที่ไม่สามารถเล่นมุมมอง FPS ได้ ก็สามารถเข้ามาท่องโลก Starfield ผ่านมุมมองบุคคลที่สามได้เช่นกัน อีกทั้งการสลับมุมมองได้แบบนี้จะช่วยให้การเล่นมีความหลากหลายขึ้น อย่างในตัวอย่างเมื่อเข้าสู่โซนที่แคบ ในสิ่งปลูกสร้างเราอาจจะเล่นเป็นมุมมองบุคคลที่หนึ่ง แต่เมื่อต้องเล่นในที่เปิดกว้างก็สามารถเปลี่ยนมาเล่นมุมมองบุคคลที่สามได้





ระบบปรับแต่งตัวละครที่หลากหลาย และมีผลกับการเล่นด้วย


ขึ้นชื่อว่าเกม RPG แน่นอนว่าผู้เล่นจะสามารถปรับแต่งตัวละครได้อย่างอิสระ แต่การปรับแต่งพื้นฐานอย่างหน้าตา สีผม รูปร่าง เพียงเท่านี้มันอาจจะดูธรรมดาไปสำหรับผู้นำเกม RPG อย่าง Bethesda พวกเขาจึงได้นำเสนอฟีเจอร์ปรับแต่งอื่น ๆ ที่จะสร้างมิติให้กับการปรับแต่งตัวละครมากขึ้น โดย 2 จุดเด่นหลักที่น่าสนใจนั่นคือ:


1. ระบบ ฺBackground หรือภูมิหลัง จะเป็นเหมือนระบบสกิล แต่…จะเพิ่มความโรลเพลย์เข้ามาตรงที่ผู้เล่นจะต้องเลือกคาแรคเตอร์ บทบาท หรืออาชีพของตัวละครที่เราสร้าง ซึ่งแต่ละภูมิหลังจะมีเนื้อเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เข้ามาสร้างความอินให้กับผู้เล่น แต่จุดที่น่าสนใจนั่นคือ แต่ละ Background นั้นจะมีค่าสกิลเริ่มต้นในการเล่นมาให้ 3 อย่างแตกต่างออกไป เช่น บางสกิลเพิ่มดาเมจปืนพก เพิ่มความสามารถด้านการแฮ็ก การเก็บของ หรือความสามารถด้านการต่อรองเป็นต้น ซึ่งบอกเลยว่าในตัวอย่างล่าสุดนั้นเห็นได้ว่ามีให้ผู้เล่นเลือกเยอะมาก!


2. ระบบ Traits หรือลักษณะนิสัย - ตัวเกมยังนำเสนอระบบ Traits ที่จะบอกถึงบุคลิก 3 อย่างของตัวละครผู้เล่น โดยแต่ละนิสัยจะมอบค่าสถานะ มอบสิ่งอำนวยสะดวกให้แก่ผู้เล่นต่างกันไป แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะมีเงื่อนไขที่ต้องแลก เช่น บาง Trait ก็จะมอบบ้านหลังเล็ก ๆ บนดวงจันทร์ให้ฟรี แต่จะต้องเป็นหนี้ธนาคาร 50,000 เครดิต หรือเรามีพ่อแม่ที่อยู่สุขสบายดี ผู้เล่นสามารถไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านได้ แต่จะถูกหักเงิน 10% จากรายได้ทั้งหมดมอบให้แก่พวกเขา (ในบ้านอาจจะมีสิ่งอำนวยพิเศษ หรืออาจจะเป็นแค่การโรลเพลย์เท่านั้น) บอกเลยว่าได้เล่น RPG แบบถึงพริกถึงขิงแน่นอน!




ระบบปรับแต่งยาวอวกาศที่จะมีบทบาทสำคัญกับการเล่น


มาต่อด้วยอีกหนึ่งระบบที่ชูโรงมาก ๆ ของ Starfield นั่นคือผู้เล่นจะมียานอวกาศที่สามารถขับได้ ปรับแต่งส่วนต่าง ๆ ทั้งภายนอกและระบบภายในได้แบบไม่ซ้ำใคร โดยสามารถใช้สำหรับท่องดาวต่างๆ หรือทะยานสู่อวกาศได้ แต่การขับยานอวกาศใน Starfield นั้นบางครั้งผู้เล่นจะเจออันตรายระหว่างขับขี่ด้วย เช่น เศษอุกกาบาต หรือกระทั่งยานอวกาศของศัตรู ที่สำคัญการทำลายสิ่งกีดขวาด หรือจัดการพวกศัตรูผู้เล่นก็จะได้รับ XP ที่สามารถนำมาอัพเกรดยานได้อีกด้วย




นอกจากนี้กลับมาที่เรื่องของการปรับแต่งยาน ผู้เล่นจะสามารถปรับแต่งได้ละเอียดมาก ๆ ตั้งแต่เครื่องยนต์ เชื้อเพลง ปีกยาน อาวุธ รวมถึงแต่งรูปทรงยาน หรือสีได้ทั้งหมด นอกจากนี้เรายังสามารถเกณฑ์คน หาเพื่อนร่วมยาน หรือลูกเรือมาร่วมสำรวจอวกาศใน Starfield ได้อีกด้วย และผู้พัฒนาเคลมว่า ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องปรับแต่งยานแค่แบบเดียว เพราะจะมีระบบการตั้งค่าล่วงหน้า ที่จะช่วยให้เรามียานอวกาศที่หลากหลายเหมาะกับสถานการณ์ต่าง ๆ เพิ่มมิติการเล่นมากขึ้น ซึ่งระบบนี้จะเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะกระตุ้นให้ผู้เล่นออกฟาร์ม ออกสำรวจเพื่อหาทรัพยากรมาสร้างส่วนประกอบของยาน ซึ่งมั่นใจได้ว่าน่าจะมีอะไรให้เล่นกันจนหนำใจแน่นอน



มีระบบสุริยะกว่า 100 ระบบ มีดาวเป็น 1,000 ดวงให้ผู้เล่นได้สำรวจเต็มที่


เมื่อมียานอวกาศในฝันแล้ว สิ่งที่จะทำให้เราอินไปกับตัวยานมากขึ้นก็คือ ‘พื้นที่ผจญภัย’ ทำให้ทาง Bethesda ได้สร้างแผนที่ของเกมไว้ใหญ่มาก ๆ ผู้เล่นจะได้ออกสำรวจระบบสุริยะกว่า 100 ระบบ และมีดาวมากกว่า 1,000 ดวงที่สามารถลงไปสำรวจได้ โดยผู้พัฒนาบอกว่าส่วนใหญ่อาจจะเป็นดาวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีภารกิจอะไรเป็นพิเศษ อาจเป็นเพียงแหล่งเก็บทรัพยากรณ์เท่านั้น (เช่นเดียวกับการสำรวจอวกาศจริง ๆ ที่คงไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่บนดาวทุกดวง) แต่ก็จะมีบางส่วนที่มีทั้งเนื้อเรื่อง ผู้คน และภารกิจของตัวเองให้ค้นพบเช่นกัน โดยเมื่อผู้เล่นเข้าใกล้ดาวเคราะห์แต่ละดวง จะมีการบอกค่าสถานะว่าดาวดวงดังกล่าวมีอะไรให้เราสำรวจบ้างในเบื้องต้น และจะมีค่าเปอร์เซ็นต์ความคืบหน้าการสำรวจของแต่ละดาวบอกให้อย่างละเอียดด้วย  เรียกได้ว่านี่แหละคืออีกหนึ่งสเน่ห์ของเกมจากค่าย Bethesda!




มีฝ่ายต่างๆ ภายใน Starfield


แทบจะทุกเกม RPG ของ Bethesda มักจะมีระบบพรรค ระบบฝ่าย มีการแบ่งเขต มีการดำเนินชีวิตของ NPC ที่ต่างกัน จนนำพาไปสู่เรื่องราวอันหลากหลาย เช่น แต่ละฝ่ายตีกันเองบ้าง ผู้เล่นอาจถูกหมายหัวจากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบ้าง ซึ่งก็เป็นสเน่ห์ของผลงาน Bethesda ที่ถูกนำมาใส่ให้กับ Starfield เช่นกัน โดยข้อมูลฝ่ายยังไม่มีมีรายละเอียดออกมามากนัก แต่ก็สรุปได้สั้นๆ ดังนี้


  • United Colonies: 'สาธารณรัฐอวกาศในอนาคตในอุดมคติ'

  • Freestar Collective: 'อวกาศแฟนตาซีตะวันตก ผู้คนที่ชายแดน'

  • Ryujin Industries: กลุ่มบริษัทริวจิน เป็นกลุ่มแรก ๆ ที่ผู้เล่นจะพบภายในเกม

  • Crimson Fleet: กลุ่มสลัดอวกาศที่ผู้เล่นสามารถเข้าร่วม หรือหักหลังพวกเขาได้

  • House Va'Ruun: กลุ่มพวกคลั่งลัทธิ ศาสนา


ทั้งหมดนี้ก็จะนำไปสู่เรื่องราวและเหตุการณ์ที่ผู้เล่นอาจจะเจอไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าเข้าข้างฝ่ายไหน หรือเป็นศัตรูกับฝ่ายไหนบ้าง กลายเป็นเรื่องเล่าสนุก ๆ ไว้แลกเปลี่ยนกันในหมู่ผู้เล่น และทำให้สามารถเล่นเกมซ้ำได้หลายครั้งอีกด้วย



ระบบคู่หู


อีกหนึ่งเรื่องที่เราเห็นกันในตัวอย่างนั่นคือหุ่นยนต์สำรวจที่ชื่อว่า Vasco ที่คาดว่าจะกลายมาเป็นหนึ่งในคู่หูตั้งแต่ช่วงแรก ของผู้เล่นใน Starfield โดยผู้พัฒนาได้เคยเปิดเผยออกมาแล้วว่าเกมจะมีระบบคู่หูร่วมเดินทางกับผู้เล่นเช่นเดียวกับเกมอย่าง Fallout 4 นั่นเอง ซึ่งเจ้า Vasco ถือเป็นคู่หูตัวแรกที่เราได้เห็นหน้าตาในขณะนี้


ในส่วนของภูมิหลังนั้น หุ่น Vasco แท้จริงแล้วเป็นหุ่นรบที่ถูกดัดแปลงเพื่อใช้ในภารกิจการสำรวจดาวของกลุ่ม Constellation โดยอาวุธและเกราะหนักของเขาได้ถูกถอดออก และทดแทนด้วยเครื่องมือที่ช่วยในการสำรวจ เช่นมือจักรกลเอาไว้หยิบจับตัวอย่างสิ่งของจากดวงดาว หรือตะขอติดหลังเอาไว้ลากสัมภาระเป็นต้น




ระบบสร้างฐานที่มั่น Outpost


อีกหนึ่งเรื่องที่ยังไม่ได้มีการอธิบายมากมายเท่าไหร่นัก แต่เราจะเห็นในตัวอย่างครู่หนึ่ง นั่นคือการเห็นระบบสร้างฐาน ที่เรียกว่า Outpost ซึ่งเป็นการเปิดแผนที่ รวมไปถึงการเปิดฟีเจอร์สิ่งอำนวยสะดวกต่าง ๆ เช่น ระบบคราฟ เป็นต้น เป็นการปรับปรุงขึ้นของระบบสร้างเมืองใน Fallout 4 นั่นเอง ผู้เล่นจะสามารถสร้างและปรับแต่งฐานทัพได้อย่างอิสระพอสมควร คงต้องจับตากันต่อไปว่าระบบ Outpost นี้จะมีความสำคัญต่อเกมแค่ไหนอย่างไรบ้าง



ระบบคราฟหลากหลายเต็มรูปแบบ


ก่อนหน้านี้ทางเราได้เกริ่นถึงระบบคราฟไป ซึ่งในตัวอย่างจะพบได้ว่าภายในฐานที่มั่นของผู้เล่นนั้น จะมีระบบคราฟหลัก ๆ อยู่ 5 หมวดนั่นคือ


  • หมวดปรุงยา ปรุงเคมี หรือแปลตรงตัวคือ เภสัชวิทยา

  • หมวดอาหาร และเครื่องดื่ม

  • หมวดการพัฒนา Outpost

  • หมวดอุปกรณ์สวมใส่

  • และ หมวดอาวุธ





















ซึ่งในตัวอย่างเรายังไม่ได้เห็นระบบการสร้างของทุกหมวดว่ามีอะไรบ้าง แต่ที่แน่ ๆ คือผู้เล่นจะสามารถตกแต่งอาวุธ ใส่ม็อดรวมถึงอาจจะปรับแต่งสีได้อย่างอิสระ ให้เหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละสถานการณ์ได้มากขึ้น 



หน้าต่างแสดงผล HUD ดูเข้าใจง่าย


จากในตัวอย่างเราจะพอเห็นได้ว่าตัวเกมมีหน้าต่างแสดงผล หรือ HUD ต่างๆ ที่นำเสนอได้ในรูปแบบที่ดีในระดับหนึ่งเลย เพราะสีสันไม่ฉูดฉาด หน้าต่างไม่รกสายตา และเข้าใจง่ายด้วย โดยจะขอสรุปเท่าที่เราสามารถหาข้อมูลได้ก่อนดังนี้


ระบบอาวุธก็จะขึ้นมาเป็นรูปบวก เมื่อกดเรียกใช้งาน โดยแต่ละข้างก็จะมีช่องอาวุธ 3 สล็อตให้เลือก



การแสดงผลทั่วไป ด้านขวาล่างจะเป็นการแสดงแถบเลือก อาวุธล่าสุด และจำนวนกระสุน ส่วนซ้ายมือจะเป็นเหมือนค่าพลังงานสเตมิน่า และเข็มทิศ-มินิแมพไปในตัว โดยหากมีศัตรูอยู่ในบริเวณใกล้เคียง หรือพวกมันโจมตีมาก็จะขึ้นจุดสีแดงแสดงให้เราเห็นตำแหน่งอีกด้วย



หน้า HUD การสะเดาะกุญแจ โดยในตัวเกมจะนำเสนอผ่านมินิ-เกมเล็กน้อย ที่ถือว่าทำได้แตกต่างจากหลายเกมในยุค

นี้ และจะใช้ Lockpick ที่ในเกมนี้จะเรียกว่า ‘Digipick’ ในการสะเดาะกลอน 



และยังมีหน้า HUD อื่น ๆ เช่น หน้าสแกนที่ดูไม่ซับซ้อนอะไรเข้าถึงง่าย และหากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามี Photo Mode ให้เราถ่ายรูปเพื่อเก็บไว้หรือนำไปแชร์ในคอมมูได้อีกด้วย



มีศัตรูอยู่แทบทุกที่ และมีความแข็งแกร่งโดยอ้างอิงผ่าน Level

อีกเรื่องหนึ่งที่หลายคนอาจจะไม่ชอบนัก นั่นคือ Starfield เป็นแนว Action-RPG ดังนั้น ตัวเกมก็จะนำเสนอระบบ Level หมายความว่า ศัตรูต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นพวก NPC มนุษย์ สัตว์ / เอเลี่ยน ก็จะมี Level เป็นของตัวเอง ดังนั้นหากอาวุธชุดเกราะหรือสกิลของเรามีเลเวลไม่สูงพอก็อาจจะสู้ยากหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลย เพราะหากผู้เล่นมีทริกดี ๆ มีความอดทนสูงก็สามารถใช้เวลาในการจัดการกับศัตรูที่เวลสูงกว่าได้ แต่จะไปว่าอะไรก็ไม่ได้ เพราะนี้คือระบบฟาร์มสไตล์ของพี่ Bethesda เขา ที่ทำมาอย่างยาวนานและประสบความสำเร็จเสียด้วย!






เอนจิ้นที่ใช้พัฒนา แพลตฟอร์มและวันวางจำหน่าย


สำหรับตัวเกมก็ยังคงใช้ Creation Engine เอนจิ้นของทาง Bethesda เอง แต่ได้มีการพัฒนามาเป็น Creation Engine 2 ที่จะยกระดับสิ่งต่าง ๆ ให้มีความสมจริง และน่าสนใจยิ่งขึ้นแบบที่เราเห็นในตัวอย่าง อีกทั้ง Starfield ยังเป็นเกมแรกที่ถูกสร้างขึ้นด้วยเอนจิ้นใหม่ตัวนี้ของ Bethesda อีกด้วย


ทีมงานได้มีการกำหนดวันวางจำหน่ายไว้แรกเริ่มคือวันที่ 11 พฤศจิกายนปีนี้ แต่ทีมงานมีการเปิดเผยถึงการที่พวกเขายอมรับว่าที่คือ IP เกมใหม่ที่มีความทะเยอทะยานที่สุด ณ ขนาดนี้ของสตูดิโอ พวกเขาจึงขอทำการเลื่อนไปวางจำหน่ายในช่วงปี 2023 ปีหน้านี้แทนเพื่อที่จะพัฒนาตัวเกมออกมาให้ดีที่สุด และจะปล่อยให้กับ 2 แพลตฟอร์มหลัก ๆ นั่นคือ PC และ Xbox Series X/S 



ทั้งหมดนี้คือข้อมูลต่างๆ ที่เราสามารถรวบรวมมาได้ ณ ขนาดนี้ แล้วติดตามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Starfield ได้ทาง GameFever แน่นอน!


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header