ในช่วงนี้หากใครได้ติดตามข่าวสารบนโลกอินเทอร์เน็ต หรือข่าวสารเกี่ยวกับการเมืองในช่วงนี้ น่าจะเคยได้ยินคำว่า ‘Soft Power’ กันมาบ้าง ซึ่งเจ้า Soft Power นี้เป็นแนวคิดที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยศาสตราจารย์ Joseph Nye แห่งมหาวิทยาฮาวาร์ด โดยเป็นแนวคิดที่ว่าแต่ละประเทศจะมีจุดเด่นด้านวัฒนธรรม ดนตรี ศิลปะ หรือสื่อชนิดต่าง ๆ ซึ่งสามารถใช้ชักจูงให้ผู้คนสนใจหรือคล้อยตามค่านิยมได้โดยไม่ต้องใช้กำลังบีบบังคับ (ตรงข้ามกับ Hard Power หรือการใช้กำลังทางทหารเป็นต้น)
แน่นอนว่าในฐานะสื่อบันเทิงชนิดหนึ่ง "วิดีโอเกม" เองก็เป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถใช้ในการนำเสนอ Soft Power ได้เช่นกัน โดยวันนี้ทางทีมงาน GameFever จึงอยากลองยกตัวอย่างเกมเด่นเกมดังที่ถือได้ว่าเป็น 'Soft Power' ของประเทศต้นทาง ไปดูกันเลย!
1. Home Sweet Home
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อีกหนึ่งจุดเด่นของวัฒนธรรมแบบไทย ๆ ที่เป็นที่ยอมรับในเวทีนานาชาติมาช้านานก็คือความสยองขวัญ
ความเชื่อในเรื่องวิญญาณไปจนถึงเรื่องทางไสยศาสตร์ต่าง ๆ ในสยามประเทศ ทั้งภาพยนตร์อย่าง Shutter กดติดวิญญาณ ที่ได้สร้างความอกสั่นขวัญแขวนในระดับนานาชาติ จนถึงขั้นมีการซื้อลิขสิทธิ์ไปดัดแปลงกันใหม่โดยฝีมือสร้างจาก Hollywood หรืออย่างเร็ว ๆ นี้ก็มีภาพยนตร์เรื่อง "ร่างทรง" (The Medium) ที่ได้รับรางวัล "ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม" (Best of Bucheon) จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติแห่งพูช็อน ครั้งที่ 25 เป็นต้น
ในฝั่งของวิดีโอเกม แม้ว่าในภาพรวมแล้วจะยังมีเกมที่นำเสนอภาพวัฒนธรรมไทยอยู่ค่อนข้างน้อยในระดับนานาชาติ (เกมที่เป็นที่รู้จักยิ่งน้อยลงไปใหญ่) แต่ก็ยังมีเกมสยองขวัญบางเกมที่ประสบความสำเร็จบ้าง เช่นเกม ARAYA เกม VR ที่ให้ผู้เล่นเข้าไปสำรวจโรงพยาบาลผีสิง หรืออย่าง Home Sweet Home ที่ได้รับความนิยมทั้งในไทยและเทศ จนถึงกับมีการสร้างภาคต่อออกมา และยังได้ต่อยอดไปเป็นเกม Spin-off อย่าง Home Sweet Home: Survive อีกด้วย
แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างกลายเป็นเกมระดับโลก แต่ทั้งสองเกมก็ยังถือเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมผีไทยที่เป็นที่รู้จักโดยชาวต่างชาติ ซึ่งอาจจะปูทางไปสู่ความสนใจในด้านอื่น ๆ ของประเทศไทยได้ในอนาคต
เอาเข้าจริง ๆ แล้วประเทศญี่ปุ่นนั้นมีตัวอย่างของเกม (และสื่อบันเทิงอื่น ๆ) ที่นับเป็น Soft Power อันแข็งแกร่งให้เลือกพูดถึงเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเกมอย่าง Dragon Quest หรือ Final Fantasy ที่บุกเบิกแนวเกมย่อยของตัวเอง หรือเกมที่นำเสนอวัฒนธรรมมัธยมปลายอันโด่งดังของประเทศ ไปจนถึงเกมอย่างซีรีส์ Yakuza ที่อิงมาจากสถานที่จริงในเมืองโตเกี่ยว ซึ่งล้วนทำให้ประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นที่รู้จักในเวทีนานาชาติมาช้านาน
ทั้งนี้ เกมซีรีส์ Persona อาจจะถือได้ว่าเป็นการนำเสนอ Soft Power ทั้งหมดที่กล่าวไปของญี่ปุ่นในเกมเดียว ด้วยแนวเกม JRPG อันเป็นเอกลักษณ์ของผู้พัฒนาในประเทศ ไปจนถึงสถานที่ตั้งที่อ้างอิงจากสถานที่จริงทั้งหมด และกลุ่มตัวเอกที่เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย ที่สำคัญคือระบบการใช้ชีวิตประจำวันของเกมยังทำให้ผู้เล่นต่างชาติสามารถเห็นภาพวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งก็ทำให้ Persona เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในการนำเสนอ Soft Power ของญี่ปุ่น
แน่นอนว่ายังมีแง่มุมอื่น ๆ ของประเทศญี่ปุ่นที่ถูกนำเสนอผ่านเกมอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่ได้ถูกนำเสนอในเกม Persona เท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นเกมเกี่ยวกับนินจา-ซามูไรทั้งหลายเป็นต้น
3. The Witcher
อย่างที่แฟนเกมหลายคนอาจจะทราบนั้น เกมซีรีส์ The Witcher ได้ถูกดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันของผู้เขียน Andrzej Sapkowski ซึ่งตัวนิยายนั้นก็ได้สอดแทรกสอดแทรกวัฒนธรรมต่าง ๆ ของโปแลนด์เข้าไปในโลกของ Witcher อยู่เนือง ๆ บวกกับการพัฒนาเกมของ CD Projekt RED ซึ่งเป็นสตูดิโอสัญชาติโปแลนด์เข้าไปอีก ยิ่งทำให้ตัวเกมนำเสนอความเป็นประเทศโปแลนด์ออกมาให้คนเล่นกันแบบไม่รู้ตัวอยู่บ่อยครั้ง
เราจะเห็นไปตั้งแต่รูปแบบของบ้านภายในเกม ที่มักจะใช้ฟางมุงหลังคา พร้อมกับตกแต่งให้ตัวบ้านมีสีขาวด้วยชอลก์ ไปจนถึงการห้อยของตกแต่งภายในบ้านเรือนที่มีชื่อเรียกว่า Pająki ซึ่งของตกแต่งนี้ ก็เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของชาวโปแลนด์เช่นกัน
นอกจากนี้พวกมอนสเตอร์ต่าง ๆ ภายในเกม ส่วนใหญ่ก็มีต้นแบบมาจากของสลาฟ สแกนดิเนเวีย ไปจนถึงแองโกล และแซกซอน โดยหนึ่งในปีศาจที่เด่น ๆ ในเกมนี้ คงหนีไม่พ้น Leshen หรือที่ตามตำนานจะเรียกว่า Leshy ที่ถอดแบบในเรื่องของปูมหลังกันมาอย่างกับแกะ ทั้งที่เป็นสัตว์ประหลาดที่คอยพิทักษ์ผืนป่าหรือหนองน้ำ และรูปร่างภายนอกที่สูงใหญ่คล้ายมนุษย์ผู้ชาย
นี่ยังไม่รวมตำนานปรัมปราต่าง ๆ อีกมากมาย ที่ผู้เขียนเลือกหยิบยกมาใช้ในนิยายมหากาพย์ของตัวเอง ซึ่งตรงจุดนี้ก็ต้องขอมชมทาง CD Projekt RED ที่ถ่ายทอดเรื่องราว บรรยากาศ และวัฒนธรรมของโปแลนด์ออกมาได้จนถึงกับเป็นผลงานระดับครูอย่างที่เห็นกัน
4. Assassin’s Creed Unity
เกม Assassin's Creed โดยเฉพาะในภาคหลัง ๆ มานี้ น่าจะช่วงส่งเสริม Soft Power ของประเทศที่ตั้งของเกมได้ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะจากแผนที่อันใหญ่โตมโหฬารของเกมแต่ละภาคซึ่งออกแบบตามสถานที่จริงอย่างใกล้ชิด ไปจนถึงระบบ Discovery Tour ของเกมที่เน้นการสำรวจและให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่โดยเฉพาะ
สำหรับเกม Assassin's Creed: Unity นั้น อาจถือได้ว่าเป็น "จุดเริ่มต้น" ของแนวทางที่ซีรีส์ Assassin's Creed เดินไปในปัจจุบัน ด้วยแผนที่เกมที่ออกแบบมาจากเมืองปารีสประเทศฝรั่งเศษแบบแทบจะ 1-ต่อ-1 ซึ่งก็เปิดโอกาสให้ Ubisoft ได้มีโอกาสอวดโฉมเมืองหลวงของประเทศบ้านเกิดของค่ายอย่างใกล้ชิด โดยหนึ่งในจุดเด่นที่ผู้พัฒนามักยกขึ้นมาพูดถึงคือการออกแบบมหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส (Notre-Dame) ในรูปแบบโมเดล 3D ซึ่งละเอียดขนาดที่ถูกนำไปใช้เป็นแบบสำหรับการบูรณาวิหารหลังเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี 2019 เลยทีเดียว
ด้วยความละเอียดของเกม รวมไปถึงการอ้างอิงสถานที่จริง ทำให้เมืองปารีส (และสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในเมือง) กลายเป็นที่รู้จักในหมู่เกมเมอร์ได้ แม้ว่าหลายคนอาจจะไม่เคยไปเยือนด้วยตัวเองด้วยซ้ำ
5. Naraka: Bladepoint
ประเทศจีนเป็นหนึ่งในแหล่งอุตสาหกรรมหลักที่ยิ่งใหญ่ของโลก ตั้งแต่การรับจ้างผลิตสินค้าจากประเทศต่าง ๆ ไปจนถึงการลงมือลงแรงเอง ซึ่งคนทั่วโลกมักจะได้สัมผัสวัฒนธรรมจีนกันอยู่เป็นนิจ ทั้งจากภาพยนตร์ ซีรีส์ โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ที่ทุนจีนเข้ามาครองอุตสาหกรรมบันเทิงโลก และแน่นอนว่าอีกสื่อที่ได้รับความนิยมในยุคสมัยนี้อย่างวิดีโอเกม ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ เป็นอันรู้กันว่าเกมที่ผลิตจากผู้พัฒนาจีนส่วนใหญ่ ๆ มักจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายจีนซักเรื่อง พร้อมนำเสนอวัฒนธรรมจอมยุทธ์กำลังภายในกันถ้วนหน้าราวกับนัดกันมา โดยแม้ว่าในยุคหลังมานี้เราจะเริ่มเห็นผลงานที่แปลกใหม่จากผู้พัฒนาแดนมังกรกันบ่อยขึ้น แต่ก็ยังมีหลายค่ายที่เลือกจะใช้ตัวตนแบบเดิม ๆ ในการสร้างเกมออกมาอยู่เรื่อย ๆ
เกม Naraka: Bladepoint ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากสตูดิโอสัญชาติจีน 24 Entertainment ถือเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการนำเสนอ Soft Power ของจีน ไม่ว่าจะเป็นกำลังภายใน จอมยุทธ์ การใช้กระบี่กระบอง ศิลปะการต่อสู้กังฟู และสัตว์ในตำนาน สัญลักษณ์ประจำประเทศอย่างมังกร ก็ล้วนมีบทบาทภายในตัวเกมนี้กันทั้งสิ้น
หากใครที่ชื่นชอบในเรื่องราว หรือเอกลักษณ์ของงานศิลป์แบบจีน นี่คืออีกหนึ่งเกมที่คุณไม่ควรพลาดในการซึมซับวัฒนธรรมจากแผ่นดินใหญ่เลย
-----------------------------
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับเกมทั้ง 5 ที่แอบแฝงไปด้วยวัฒนธรรมต่าง ๆ กันอย่างเข้มจนข้นคลั่ก เชื่อว่าบรรดาเกมเมอร์ทั้งหลายน่าจะเคยได้ลองสัมผัสเกมในรายชื่อนี้มาบ้าง เพราะแต่ละเกมนั้น ไม่ได้มีดีแค่การนำเสนอ Soft Power ของประเทศตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่มันยังนำเสนอระบบการเล่น และความสนุกที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอีกด้วย ใครที่เคยเล่นเกมไหนนอกเหนือจากรายชื่อนี้ ก็มาคอมเมนต์บอกกันได้นะครับ
https://urbancreature.co/soft-power/
ในช่วงนี้หากใครได้ติดตามข่าวสารบนโลกอินเทอร์เน็ต หรือข่าวสารเกี่ยวกับการเมืองในช่วงนี้ น่าจะเคยได้ยินคำว่า ‘Soft Power’ กันมาบ้าง ซึ่งเจ้า Soft Power นี้เป็นแนวคิดที่ถูกคิดค้นขึ้นโดยศาสตราจารย์ Joseph Nye แห่งมหาวิทยาฮาวาร์ด โดยเป็นแนวคิดที่ว่าแต่ละประเทศจะมีจุดเด่นด้านวัฒนธรรม ดนตรี ศิลปะ หรือสื่อชนิดต่าง ๆ ซึ่งสามารถใช้ชักจูงให้ผู้คนสนใจหรือคล้อยตามค่านิยมได้โดยไม่ต้องใช้กำลังบีบบังคับ (ตรงข้ามกับ Hard Power หรือการใช้กำลังทางทหารเป็นต้น)
แน่นอนว่าในฐานะสื่อบันเทิงชนิดหนึ่ง "วิดีโอเกม" เองก็เป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถใช้ในการนำเสนอ Soft Power ได้เช่นกัน โดยวันนี้ทางทีมงาน GameFever จึงอยากลองยกตัวอย่างเกมเด่นเกมดังที่ถือได้ว่าเป็น 'Soft Power' ของประเทศต้นทาง ไปดูกันเลย!
1. Home Sweet Home
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อีกหนึ่งจุดเด่นของวัฒนธรรมแบบไทย ๆ ที่เป็นที่ยอมรับในเวทีนานาชาติมาช้านานก็คือความสยองขวัญ
ความเชื่อในเรื่องวิญญาณไปจนถึงเรื่องทางไสยศาสตร์ต่าง ๆ ในสยามประเทศ ทั้งภาพยนตร์อย่าง Shutter กดติดวิญญาณ ที่ได้สร้างความอกสั่นขวัญแขวนในระดับนานาชาติ จนถึงขั้นมีการซื้อลิขสิทธิ์ไปดัดแปลงกันใหม่โดยฝีมือสร้างจาก Hollywood หรืออย่างเร็ว ๆ นี้ก็มีภาพยนตร์เรื่อง "ร่างทรง" (The Medium) ที่ได้รับรางวัล "ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม" (Best of Bucheon) จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติแห่งพูช็อน ครั้งที่ 25 เป็นต้น
ในฝั่งของวิดีโอเกม แม้ว่าในภาพรวมแล้วจะยังมีเกมที่นำเสนอภาพวัฒนธรรมไทยอยู่ค่อนข้างน้อยในระดับนานาชาติ (เกมที่เป็นที่รู้จักยิ่งน้อยลงไปใหญ่) แต่ก็ยังมีเกมสยองขวัญบางเกมที่ประสบความสำเร็จบ้าง เช่นเกม ARAYA เกม VR ที่ให้ผู้เล่นเข้าไปสำรวจโรงพยาบาลผีสิง หรืออย่าง Home Sweet Home ที่ได้รับความนิยมทั้งในไทยและเทศ จนถึงกับมีการสร้างภาคต่อออกมา และยังได้ต่อยอดไปเป็นเกม Spin-off อย่าง Home Sweet Home: Survive อีกด้วย
แม้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้ดังเปรี้ยงปร้างกลายเป็นเกมระดับโลก แต่ทั้งสองเกมก็ยังถือเป็นตัวแทนของวัฒนธรรมผีไทยที่เป็นที่รู้จักโดยชาวต่างชาติ ซึ่งอาจจะปูทางไปสู่ความสนใจในด้านอื่น ๆ ของประเทศไทยได้ในอนาคต
เอาเข้าจริง ๆ แล้วประเทศญี่ปุ่นนั้นมีตัวอย่างของเกม (และสื่อบันเทิงอื่น ๆ) ที่นับเป็น Soft Power อันแข็งแกร่งให้เลือกพูดถึงเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเกมอย่าง Dragon Quest หรือ Final Fantasy ที่บุกเบิกแนวเกมย่อยของตัวเอง หรือเกมที่นำเสนอวัฒนธรรมมัธยมปลายอันโด่งดังของประเทศ ไปจนถึงเกมอย่างซีรีส์ Yakuza ที่อิงมาจากสถานที่จริงในเมืองโตเกี่ยว ซึ่งล้วนทำให้ประเทศญี่ปุ่นกลายเป็นที่รู้จักในเวทีนานาชาติมาช้านาน
ทั้งนี้ เกมซีรีส์ Persona อาจจะถือได้ว่าเป็นการนำเสนอ Soft Power ทั้งหมดที่กล่าวไปของญี่ปุ่นในเกมเดียว ด้วยแนวเกม JRPG อันเป็นเอกลักษณ์ของผู้พัฒนาในประเทศ ไปจนถึงสถานที่ตั้งที่อ้างอิงจากสถานที่จริงทั้งหมด และกลุ่มตัวเอกที่เป็นเด็กนักเรียนมัธยมปลาย ที่สำคัญคือระบบการใช้ชีวิตประจำวันของเกมยังทำให้ผู้เล่นต่างชาติสามารถเห็นภาพวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นได้ไม่มากก็น้อย ซึ่งก็ทำให้ Persona เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดในการนำเสนอ Soft Power ของญี่ปุ่น
แน่นอนว่ายังมีแง่มุมอื่น ๆ ของประเทศญี่ปุ่นที่ถูกนำเสนอผ่านเกมอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งไม่ได้ถูกนำเสนอในเกม Persona เท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นเกมเกี่ยวกับนินจา-ซามูไรทั้งหลายเป็นต้น
3. The Witcher
อย่างที่แฟนเกมหลายคนอาจจะทราบนั้น เกมซีรีส์ The Witcher ได้ถูกดัดแปลงมาจากนวนิยายชื่อเดียวกันของผู้เขียน Andrzej Sapkowski ซึ่งตัวนิยายนั้นก็ได้สอดแทรกสอดแทรกวัฒนธรรมต่าง ๆ ของโปแลนด์เข้าไปในโลกของ Witcher อยู่เนือง ๆ บวกกับการพัฒนาเกมของ CD Projekt RED ซึ่งเป็นสตูดิโอสัญชาติโปแลนด์เข้าไปอีก ยิ่งทำให้ตัวเกมนำเสนอความเป็นประเทศโปแลนด์ออกมาให้คนเล่นกันแบบไม่รู้ตัวอยู่บ่อยครั้ง
เราจะเห็นไปตั้งแต่รูปแบบของบ้านภายในเกม ที่มักจะใช้ฟางมุงหลังคา พร้อมกับตกแต่งให้ตัวบ้านมีสีขาวด้วยชอลก์ ไปจนถึงการห้อยของตกแต่งภายในบ้านเรือนที่มีชื่อเรียกว่า Pająki ซึ่งของตกแต่งนี้ ก็เป็นหนึ่งในวัฒนธรรมของชาวโปแลนด์เช่นกัน
นอกจากนี้พวกมอนสเตอร์ต่าง ๆ ภายในเกม ส่วนใหญ่ก็มีต้นแบบมาจากของสลาฟ สแกนดิเนเวีย ไปจนถึงแองโกล และแซกซอน โดยหนึ่งในปีศาจที่เด่น ๆ ในเกมนี้ คงหนีไม่พ้น Leshen หรือที่ตามตำนานจะเรียกว่า Leshy ที่ถอดแบบในเรื่องของปูมหลังกันมาอย่างกับแกะ ทั้งที่เป็นสัตว์ประหลาดที่คอยพิทักษ์ผืนป่าหรือหนองน้ำ และรูปร่างภายนอกที่สูงใหญ่คล้ายมนุษย์ผู้ชาย
นี่ยังไม่รวมตำนานปรัมปราต่าง ๆ อีกมากมาย ที่ผู้เขียนเลือกหยิบยกมาใช้ในนิยายมหากาพย์ของตัวเอง ซึ่งตรงจุดนี้ก็ต้องขอมชมทาง CD Projekt RED ที่ถ่ายทอดเรื่องราว บรรยากาศ และวัฒนธรรมของโปแลนด์ออกมาได้จนถึงกับเป็นผลงานระดับครูอย่างที่เห็นกัน
4. Assassin’s Creed Unity
เกม Assassin's Creed โดยเฉพาะในภาคหลัง ๆ มานี้ น่าจะช่วงส่งเสริม Soft Power ของประเทศที่ตั้งของเกมได้ไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะจากแผนที่อันใหญ่โตมโหฬารของเกมแต่ละภาคซึ่งออกแบบตามสถานที่จริงอย่างใกล้ชิด ไปจนถึงระบบ Discovery Tour ของเกมที่เน้นการสำรวจและให้ความรู้เกี่ยวกับสถานที่โดยเฉพาะ
สำหรับเกม Assassin's Creed: Unity นั้น อาจถือได้ว่าเป็น "จุดเริ่มต้น" ของแนวทางที่ซีรีส์ Assassin's Creed เดินไปในปัจจุบัน ด้วยแผนที่เกมที่ออกแบบมาจากเมืองปารีสประเทศฝรั่งเศษแบบแทบจะ 1-ต่อ-1 ซึ่งก็เปิดโอกาสให้ Ubisoft ได้มีโอกาสอวดโฉมเมืองหลวงของประเทศบ้านเกิดของค่ายอย่างใกล้ชิด โดยหนึ่งในจุดเด่นที่ผู้พัฒนามักยกขึ้นมาพูดถึงคือการออกแบบมหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส (Notre-Dame) ในรูปแบบโมเดล 3D ซึ่งละเอียดขนาดที่ถูกนำไปใช้เป็นแบบสำหรับการบูรณาวิหารหลังเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ในปี 2019 เลยทีเดียว
ด้วยความละเอียดของเกม รวมไปถึงการอ้างอิงสถานที่จริง ทำให้เมืองปารีส (และสถานที่สำคัญต่าง ๆ ในเมือง) กลายเป็นที่รู้จักในหมู่เกมเมอร์ได้ แม้ว่าหลายคนอาจจะไม่เคยไปเยือนด้วยตัวเองด้วยซ้ำ
5. Naraka: Bladepoint
ประเทศจีนเป็นหนึ่งในแหล่งอุตสาหกรรมหลักที่ยิ่งใหญ่ของโลก ตั้งแต่การรับจ้างผลิตสินค้าจากประเทศต่าง ๆ ไปจนถึงการลงมือลงแรงเอง ซึ่งคนทั่วโลกมักจะได้สัมผัสวัฒนธรรมจีนกันอยู่เป็นนิจ ทั้งจากภาพยนตร์ ซีรีส์ โดยเฉพาะในปัจจุบันนี้ที่ทุนจีนเข้ามาครองอุตสาหกรรมบันเทิงโลก และแน่นอนว่าอีกสื่อที่ได้รับความนิยมในยุคสมัยนี้อย่างวิดีโอเกม ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ เป็นอันรู้กันว่าเกมที่ผลิตจากผู้พัฒนาจีนส่วนใหญ่ ๆ มักจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากนวนิยายจีนซักเรื่อง พร้อมนำเสนอวัฒนธรรมจอมยุทธ์กำลังภายในกันถ้วนหน้าราวกับนัดกันมา โดยแม้ว่าในยุคหลังมานี้เราจะเริ่มเห็นผลงานที่แปลกใหม่จากผู้พัฒนาแดนมังกรกันบ่อยขึ้น แต่ก็ยังมีหลายค่ายที่เลือกจะใช้ตัวตนแบบเดิม ๆ ในการสร้างเกมออกมาอยู่เรื่อย ๆ
เกม Naraka: Bladepoint ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาจากสตูดิโอสัญชาติจีน 24 Entertainment ถือเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการนำเสนอ Soft Power ของจีน ไม่ว่าจะเป็นกำลังภายใน จอมยุทธ์ การใช้กระบี่กระบอง ศิลปะการต่อสู้กังฟู และสัตว์ในตำนาน สัญลักษณ์ประจำประเทศอย่างมังกร ก็ล้วนมีบทบาทภายในตัวเกมนี้กันทั้งสิ้น
หากใครที่ชื่นชอบในเรื่องราว หรือเอกลักษณ์ของงานศิลป์แบบจีน นี่คืออีกหนึ่งเกมที่คุณไม่ควรพลาดในการซึมซับวัฒนธรรมจากแผ่นดินใหญ่เลย
-----------------------------
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับเกมทั้ง 5 ที่แอบแฝงไปด้วยวัฒนธรรมต่าง ๆ กันอย่างเข้มจนข้นคลั่ก เชื่อว่าบรรดาเกมเมอร์ทั้งหลายน่าจะเคยได้ลองสัมผัสเกมในรายชื่อนี้มาบ้าง เพราะแต่ละเกมนั้น ไม่ได้มีดีแค่การนำเสนอ Soft Power ของประเทศตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่มันยังนำเสนอระบบการเล่น และความสนุกที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองอีกด้วย ใครที่เคยเล่นเกมไหนนอกเหนือจากรายชื่อนี้ ก็มาคอมเมนต์บอกกันได้นะครับ
https://urbancreature.co/soft-power/