ถือเป็นปีที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับค่ายพัฒนารุ่นเก๋าอย่าง Capcom ที่ประสบความสำเร็จจากยอดขายอันยอดเยี่ยมของเกมซีรี่ส์หลักเก่าแก่ของค่ายถึงสองเกมอย่าง Resident Evil 2: Remake และ Devil May Cry 5 ที่วางจำหน่ายท่ามกลางเสียงชื่นชมกึกก้องจากสื่อทุกสำนักทั่วโลกว่าเป็นการคืนชีพทั้งสองซีรี่ส์ในสายตาของผู้เล่น และทำให้ค่าย Capcom กลายเป็นค่ายที่หลายคนเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดอีกครั้งในรอบหลายปีเลยทีเดียว
จากความสำเร็จดังกล่าว คงไม่น่าแปลกใจถ้า Capcom จะอยากสร้างเกมใหม่ๆ ขึ้นมาบนพื้นฐานของเกมทั้งสองที่กล่าวไป และเกม Project Resistance ก็คือผลงานชิ้นแรกที่เพิ่งเปิดตัวไปเพียงไม่กี่วันนี้ ที่สร้างจากพื้นฐานของ Resident Evil 2: Remake โดยใช้พื้นฐานเกมเพลย์เดียวกัน แต่เปลี่ยนจากเกม Survival เล่นคนเดียวมาเป็นเกมมัลติเพลย์เยอร์เต็มรูปแบบที่ให้ผู้เล่น 4 คน (ที่เกมเรียกว่า Survivor) พยายามเอาตัวรอดจากศูนย์วิจัยของ Umbrella Corporation ที่ถูกควบคุมโดยชายปริศนาที่ชื่อว่า Mastermind ผู้คอยควบคุมทุกอย่างในศูนย์วิจัย ตั้งแต่กับดักต่างๆ ไปจนถึงเหล่าซอมบี้น้อยใหญ่ที่จะคอยขัดขวางไม่ให้เหล่าผู้เล่นสามารถหนีออกไปได้ โดยลูกเล่นที่น่าสนใจที่สุดของเกมคือ Mastermind เองจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ศัตรู A.I. เหมือนเกม Resident Evil ที่ผ่านมา แต่จะถูกควบคุมโดยผู้เล่นตัวเป็นๆ อีกคนนั่นเอง!
การตัดสินใจสร้างเกมแนวมัลติเพลย์เยอร์แบบไม่สมมาตร (Asymmetrical Multiplayer หมายถึงเกมที่ทีมสองทีมมีจำนวนคนไม่เท่ากัน) ถือเป็นความกล้าหาญมากของค่าย Capcom เพราะการทำเกมแนวนี้ให้มีความสมดุลระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นสิ่งที่ท้าทายมากๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้พัฒนาอย่าง Capcom ที่ไม่ค่อยได้ทำเกมมัลติเพลย์เยอร์แบบสองฝ่าย เกมส่วนใหญ่ของค่ายที่มีมัลติเพลย์เยอร์ (ที่ไม่ใช่เกมไฟท์ติ้ง) ก็มักจะเป็นแบบ Co-op หรือให้ผู้เล่นร่วมมือกันมากกว่า การจะโดดมาสร้างเกมมัลติเพลย์เยอร์แบบไม่สมมาตรทันทีจึงถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย
ผู้เขียนได้มีโอกาสลองเล่นเกม Project Resistance ในงาน Tokyo Game Show 2019 ที่ผ่านมา (ขอบคุณบริษัท SICOM Amusement และ Capcom ที่จัดช่องเวลาไว้ให้ครับ) และแม้ว่าสุดท้ายแล้วผู้เขียนจะรู้สึกว่าเกม Project Resistance เป็นเกมที่สนุกและน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเกมยังขาดความสมดุลอยู่มากจากที่ผู้เขียนได้เล่นมา แต่ถ้า Capcom สามารถกลบจุดอ่อนตรงนี้ไปได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง Project Resistance จะต้องกลายเป็นเกมมัลติเพลย์เยอร์ที่ยอดเยี่ยมและแปลกใหม่ได้แน่นอน
ก่อนจะพูดถึงความรู้เห็นของผู้เขียนที่มีต่อเกม เรามาพูดถึงวิธีการเล่นเบื้องต้นของทั้งฝั่ง Survivor และ Mastermind กันก่อนดีกว่า
ถือเป็นปีที่น่าพอใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับค่ายพัฒนารุ่นเก๋าอย่าง Capcom ที่ประสบความสำเร็จจากยอดขายอันยอดเยี่ยมของเกมซีรี่ส์หลักเก่าแก่ของค่ายถึงสองเกมอย่าง Resident Evil 2: Remake และ Devil May Cry 5 ที่วางจำหน่ายท่ามกลางเสียงชื่นชมกึกก้องจากสื่อทุกสำนักทั่วโลกว่าเป็นการคืนชีพทั้งสองซีรี่ส์ในสายตาของผู้เล่น และทำให้ค่าย Capcom กลายเป็นค่ายที่หลายคนเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดอีกครั้งในรอบหลายปีเลยทีเดียว
จากความสำเร็จดังกล่าว คงไม่น่าแปลกใจถ้า Capcom จะอยากสร้างเกมใหม่ๆ ขึ้นมาบนพื้นฐานของเกมทั้งสองที่กล่าวไป และเกม Project Resistance ก็คือผลงานชิ้นแรกที่เพิ่งเปิดตัวไปเพียงไม่กี่วันนี้ ที่สร้างจากพื้นฐานของ Resident Evil 2: Remake โดยใช้พื้นฐานเกมเพลย์เดียวกัน แต่เปลี่ยนจากเกม Survival เล่นคนเดียวมาเป็นเกมมัลติเพลย์เยอร์เต็มรูปแบบที่ให้ผู้เล่น 4 คน (ที่เกมเรียกว่า Survivor) พยายามเอาตัวรอดจากศูนย์วิจัยของ Umbrella Corporation ที่ถูกควบคุมโดยชายปริศนาที่ชื่อว่า Mastermind ผู้คอยควบคุมทุกอย่างในศูนย์วิจัย ตั้งแต่กับดักต่างๆ ไปจนถึงเหล่าซอมบี้น้อยใหญ่ที่จะคอยขัดขวางไม่ให้เหล่าผู้เล่นสามารถหนีออกไปได้ โดยลูกเล่นที่น่าสนใจที่สุดของเกมคือ Mastermind เองจะไม่ได้เป็นเพียงแค่ศัตรู A.I. เหมือนเกม Resident Evil ที่ผ่านมา แต่จะถูกควบคุมโดยผู้เล่นตัวเป็นๆ อีกคนนั่นเอง!
การตัดสินใจสร้างเกมแนวมัลติเพลย์เยอร์แบบไม่สมมาตร (Asymmetrical Multiplayer หมายถึงเกมที่ทีมสองทีมมีจำนวนคนไม่เท่ากัน) ถือเป็นความกล้าหาญมากของค่าย Capcom เพราะการทำเกมแนวนี้ให้มีความสมดุลระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นสิ่งที่ท้าทายมากๆ โดยเฉพาะสำหรับผู้พัฒนาอย่าง Capcom ที่ไม่ค่อยได้ทำเกมมัลติเพลย์เยอร์แบบสองฝ่าย เกมส่วนใหญ่ของค่ายที่มีมัลติเพลย์เยอร์ (ที่ไม่ใช่เกมไฟท์ติ้ง) ก็มักจะเป็นแบบ Co-op หรือให้ผู้เล่นร่วมมือกันมากกว่า การจะโดดมาสร้างเกมมัลติเพลย์เยอร์แบบไม่สมมาตรทันทีจึงถือเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย
ผู้เขียนได้มีโอกาสลองเล่นเกม Project Resistance ในงาน Tokyo Game Show 2019 ที่ผ่านมา (ขอบคุณบริษัท SICOM Amusement และ Capcom ที่จัดช่องเวลาไว้ให้ครับ) และแม้ว่าสุดท้ายแล้วผู้เขียนจะรู้สึกว่าเกม Project Resistance เป็นเกมที่สนุกและน่าสนใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าเกมยังขาดความสมดุลอยู่มากจากที่ผู้เขียนได้เล่นมา แต่ถ้า Capcom สามารถกลบจุดอ่อนตรงนี้ไปได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง Project Resistance จะต้องกลายเป็นเกมมัลติเพลย์เยอร์ที่ยอดเยี่ยมและแปลกใหม่ได้แน่นอน
ก่อนจะพูดถึงความรู้เห็นของผู้เขียนที่มีต่อเกม เรามาพูดถึงวิธีการเล่นเบื้องต้นของทั้งฝั่ง Survivor และ Mastermind กันก่อนดีกว่า