GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "Nostalgia"
Nostalgia Effect: ความคะนึงหา และคุณค่าของเวลาที่ผ่านเลย
ถึง ตัวฉันเมื่อ 18 ปีที่แล้ว… นายเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า? เรารู้ว่ามันเป็นคำถามพื้นๆ แสนสามัญ ที่ตัวเราก็พอจะทราบดี ว่านายในวัย 17 ปี กำลังต่อสู้กับอะไรบ้าง เราอยากบอกว่านายไม่ต้องเป็นห่วง เพราะไม่ว่าจะด้วยความสับสนในหนทาง ความไม่เข้าใจ ความไม่แน่ใจ ทั้งหลายเหล่านี้ เชื่อเถอะว่ามันเป็นเพียงด่านที่หนึ่งในเกมชีวิตที่นายมีความสามารถที่จะฝ่าฟันมันไปได้ แต่นี่แน่ะ เราเขียนถึงนาย ไม่ใช่ว่าจะมาบ่นอะไร แต่อยากจะชวนคุยกันในเรื่องที่นายก็มีความสุขกัน ใช่แล้ว เรื่องของวิดีโอเกมยังไงล่ะ เชื่อว่าตอนนี้นายน่าจะสนุกกับเกมวางแผนอย่าง Warcraft 3: Reign of Chaos และภาคเสริม The Frozen Throne ของค่าย Blizzard Entertainment ที่สร้างกระแสความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับแนวเกม ที่ผสมผสานปัจจัยของเกม RPG เข้ากับการวางแผนแบบ Real-Time ที่ถือได้ว่าเป็นสิ่งใหม่มากๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นายรู้มั้ย เวลาผ่านไป 18 ปี ค่าย Blizzard นำผลงานอันทรงคุณค่านี้กลับมาปัดฝุ่น ปรับโฉมใหม่ ภายใต้ชื่อ ‘Reforged’ และออกวางขายให้แฟนๆ ที่ชื่นชอบได้ซื้อมาเล่นกันอีกครั้ง (อ้อ แล้วถ้านายสงสัย Starcraft 2 ก็วางจำหน่ายไปแล้วได้หลายปี ปิดตำนานแห่งสงครามอวกากศในแบบที่ไม่มีอะไรให้ค้างคาใจ พร้อม Diablo ที่ภาค 4 กำลังจะตามมาในอีกไม่ช้า) แต่สำหรับกรณีนี้ เรามีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย นายอยากจะฟังข่าวไหนก่อน? เราขอเริ่มที่ข่าวร้าย เพราะการ ‘Reforged’ ที่ควรจะเป็นการปัดฝุ่น พัฒนา และต่อยอดตามยุคสมัย กลับกลายเป็นชิ้นงานอันสุดแสนอัปยศที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์เวลากว่าสามทศวรรษของบริษัท Blizzard อย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ นายคงจะรู้สึกตกใจระคนประหลาดใจ ว่าเรื่องแบบนี้มันจะเป็นไปได้จริงๆ หรือ แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าวันเวลาสามารถเปลี่ยนคนได้ฉันใด สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไปอยู่ใต้ปีกของ Activision ผู้จัดจำหน่ายหน้าเลือดก็สามารถเปลี่ยนได้ฉันนั้น (นี่คงเป็นอีกข้อที่น่าสงสัย เพราะยุคสมัยของนาย ชื่อของ Activision นั้นดีงามไม่เคยมีรอยด่างพร้อยใดๆ ให้เห็น แต่นั่นก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่นายจะได้รับรู้ในไม่ช้า…) ความพังพินาศของ Warcraft 3: Reforged นั้น ร้ายแรงจนเกินจะเยียวยา ทั้งปัญหาทางเทคนิค ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ ปัญหาด้านกราฟิก ปัญหาการโฆษณาเกินจริง และเมื่อ CEO หัวเรือใหญ่ออกมาปัดความรับผิดชอบ ไม่รู้ ไม่เห็น และไม่สนใจ ช่วยซ้ำรอยบาดแผลนี้ให้ลึกเกินกว่าจะสมาน อย่างน้อยยังดี ที่ทางบริษัทยังใจดี ให้ผู้ที่ไม่พอใจสามารถทำการ Refund เงินคืนได้เต็มจำนวนโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ (นี่ก็เป็นอีกหนึ่งศัพท์ใหม่ที่นายจะได้คุ้นเคยกับมันในเวลาข้างหน้า และเชื่อเถอะว่า มันจะทำให้ชีวิตการเล่นเกมของนายนั้นสะดวกสบายขึ้นอีกโขเลย…) กล่าวมาถึงตรงนี้ นายอาจจะรู้สึกว่านี่เป็นอนาคตที่ไม่น่าพิสมัย ไม่น่าเข้าใกล้ และไม่น่าเดินทางมาถึง (ใช่ มันเป็นห้วงเวลาอันโหดร้าย และนี่ยังไม่ได้นับถึงปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ที่จะเกี่ยวพันกับชีวิตของนายในไม่ช้านี้อีกนะ) แต่ถ้าจะมีข่าวดีอะไรที่เราอยากจะบอกนาย เราก็คงกล่าวอย่างสั้นๆ ง่ายๆ ว่า …. ‘ขอบคุณ’ ขอบคุณในเรื่องอะไร? นายคงจะสงสัยอยู่ภายในใจ แต่เราก็ยังบอกอย่างง่ายๆ อีกครั้งว่าขอบคุณ ขอบคุณที่ยังรักที่จะเล่นวิดีโอเกม ขอบคุณที่ยังเชื่อมั่นในวงการ ขอบคุณที่ยังหลงใหลในชิ้นงาน ที่นำมาซึ่งเรื่องที่ดีในเวลาอีกสิบแปดปีข้างหน้า ในเวลานี้ วงการเกมขยายตัวใหญ่โตกว้างขวาง ผสมผสานงานศิลป์เข้ากับงานฝีมือได้อย่างเต็มศักยภาพ และแน่นอนว่า เมื่อเทคโนโลยีเดินทางมาถึง บวกรวมกับความคิดคำนึงถึงชิ้นงานเก่าๆ ให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง เราจึงยังเห็นผลงานสุดคลาสสิคที่กลับมาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบ High-Definition Edition, Remaster ไปจนถึงที่สำคัญที่สุดคือ การ Remake กลับมาสร้างใหม่ ภายใต้ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงผ่านไปอย่างก้าวกระโดด (ขอโทษอีกครั้ง ที่จดหมายฉบับนี้อาจจะมีศัพท์แสงที่ยากต่อการเข้าใจ แต่ยังย้ำว่ามันจะกลายเป็นสิ่งที่นายได้คุ้นเคยแน่ๆ ในอนาคตภายภาคหน้า) ผลงานเกมคลาสสิคที่กลับมาใหม่นั้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะด้วยซีรีส์ซอมบี้สยอง Resident Evil ที่ Remake ไปแล้วถึงสามภาค, เกมวางแผนสุดคลาสสิค Command and Conquer ที่จะ Remastered ให้ภาพสดสวยความละเอียดคมชัดลึกถึงอณู หรือแม้แต่เกมที่เราและนายรัก อย่าง Final Fantasy VII ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการ Remake ให้กับระบบ Playstation 4 และจะวางจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้ที่กำลังจะมาถึง (ใช่แล้วล่ะ Playstation ยังคงยืดหยัดท้ากาลเวลามาได้ถึงสี่รุ่นเชียวนะ!!) ทุกสิ่งที่กล่าวไปนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ความคิดคะนึงหา หรือที่เราขออนุญาตเรียกว่า ‘Nostalgia Effect’ ของเหล่าแฟนๆ ที่ยังคงมุ่งหวังจะได้เห็นผลงานเกมที่ตนรัก ได้กลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ กลับมามอบความสนุก และกลับมาถูกบอกเล่าด้วยน้ำเสียงสำเนียงที่แตกต่างออกไปตามยุคสมัยและวันเวลา มันเป็นสิ่งที่ทรงพลังมากๆ ที่สามารถขับเคลื่อนได้แม้แต่บริษัทใหญ่ๆ ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ถึงเสียงแห่งความต้องการดังกล่าว ปีนี้ … ค.ศ.2020 น่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีของวงการเกม เรามีผลงานชั้นยอดมากมายที่พร้อมจะวางจำหน่ายในตลอดปี เรามีผลงานที่ชวนให้คิดถึงวันวานอันแสนหวานสมัยกระโปรงบานขาสั้น และเรามีวงการที่เติบโตอย่างเข้มแข็งในแต่ละวันที่ผันผ่าน และถ้านั่นไม่เรียกว่าข่าวดี แล้วเราจะเรียกว่าอะไรได้? อีกครั้ง เราขอบคุณนาย จากใจจริง รวมถึงทุกคนที่ยังเชื่อมั่น และส่งพลังแห่งการคะนึงหาให้สิ่งที่ดีๆ ได้กลับมาอีกครั้ง และแม้จะมีความผิดพลาดที่เกิดจาก Warcraft 3: Reforged แต่มันก็เป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับสิ่งที่กำลังจะตามมา ดังนั้น เก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ดี มันจะมีคุณค่าสำหรับนายอย่างแน่นอน ด้วยรักและยังคะนึงถึง ตัวนายในอีก 18 ปีข้างหน้า ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
24 Feb 2020
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "Nostalgia"
Nostalgia Effect: ความคะนึงหา และคุณค่าของเวลาที่ผ่านเลย
ถึง ตัวฉันเมื่อ 18 ปีที่แล้ว… นายเป็นอย่างไรบ้าง สบายดีหรือเปล่า? เรารู้ว่ามันเป็นคำถามพื้นๆ แสนสามัญ ที่ตัวเราก็พอจะทราบดี ว่านายในวัย 17 ปี กำลังต่อสู้กับอะไรบ้าง เราอยากบอกว่านายไม่ต้องเป็นห่วง เพราะไม่ว่าจะด้วยความสับสนในหนทาง ความไม่เข้าใจ ความไม่แน่ใจ ทั้งหลายเหล่านี้ เชื่อเถอะว่ามันเป็นเพียงด่านที่หนึ่งในเกมชีวิตที่นายมีความสามารถที่จะฝ่าฟันมันไปได้ แต่นี่แน่ะ เราเขียนถึงนาย ไม่ใช่ว่าจะมาบ่นอะไร แต่อยากจะชวนคุยกันในเรื่องที่นายก็มีความสุขกัน ใช่แล้ว เรื่องของวิดีโอเกมยังไงล่ะ เชื่อว่าตอนนี้นายน่าจะสนุกกับเกมวางแผนอย่าง Warcraft 3: Reign of Chaos และภาคเสริม The Frozen Throne ของค่าย Blizzard Entertainment ที่สร้างกระแสความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับแนวเกม ที่ผสมผสานปัจจัยของเกม RPG เข้ากับการวางแผนแบบ Real-Time ที่ถือได้ว่าเป็นสิ่งใหม่มากๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นายรู้มั้ย เวลาผ่านไป 18 ปี ค่าย Blizzard นำผลงานอันทรงคุณค่านี้กลับมาปัดฝุ่น ปรับโฉมใหม่ ภายใต้ชื่อ ‘Reforged’ และออกวางขายให้แฟนๆ ที่ชื่นชอบได้ซื้อมาเล่นกันอีกครั้ง (อ้อ แล้วถ้านายสงสัย Starcraft 2 ก็วางจำหน่ายไปแล้วได้หลายปี ปิดตำนานแห่งสงครามอวกากศในแบบที่ไม่มีอะไรให้ค้างคาใจ พร้อม Diablo ที่ภาค 4 กำลังจะตามมาในอีกไม่ช้า) แต่สำหรับกรณีนี้ เรามีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย นายอยากจะฟังข่าวไหนก่อน? เราขอเริ่มที่ข่าวร้าย เพราะการ ‘Reforged’ ที่ควรจะเป็นการปัดฝุ่น พัฒนา และต่อยอดตามยุคสมัย กลับกลายเป็นชิ้นงานอันสุดแสนอัปยศที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์เวลากว่าสามทศวรรษของบริษัท Blizzard อย่างที่ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ นายคงจะรู้สึกตกใจระคนประหลาดใจ ว่าเรื่องแบบนี้มันจะเป็นไปได้จริงๆ หรือ แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าวันเวลาสามารถเปลี่ยนคนได้ฉันใด สำหรับบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ไปอยู่ใต้ปีกของ Activision ผู้จัดจำหน่ายหน้าเลือดก็สามารถเปลี่ยนได้ฉันนั้น (นี่คงเป็นอีกข้อที่น่าสงสัย เพราะยุคสมัยของนาย ชื่อของ Activision นั้นดีงามไม่เคยมีรอยด่างพร้อยใดๆ ให้เห็น แต่นั่นก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่นายจะได้รับรู้ในไม่ช้า…) ความพังพินาศของ Warcraft 3: Reforged นั้น ร้ายแรงจนเกินจะเยียวยา ทั้งปัญหาทางเทคนิค ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ ปัญหาด้านกราฟิก ปัญหาการโฆษณาเกินจริง และเมื่อ CEO หัวเรือใหญ่ออกมาปัดความรับผิดชอบ ไม่รู้ ไม่เห็น และไม่สนใจ ช่วยซ้ำรอยบาดแผลนี้ให้ลึกเกินกว่าจะสมาน อย่างน้อยยังดี ที่ทางบริษัทยังใจดี ให้ผู้ที่ไม่พอใจสามารถทำการ Refund เงินคืนได้เต็มจำนวนโดยไม่มีเงื่อนไขใดๆ (นี่ก็เป็นอีกหนึ่งศัพท์ใหม่ที่นายจะได้คุ้นเคยกับมันในเวลาข้างหน้า และเชื่อเถอะว่า มันจะทำให้ชีวิตการเล่นเกมของนายนั้นสะดวกสบายขึ้นอีกโขเลย…) กล่าวมาถึงตรงนี้ นายอาจจะรู้สึกว่านี่เป็นอนาคตที่ไม่น่าพิสมัย ไม่น่าเข้าใกล้ และไม่น่าเดินทางมาถึง (ใช่ มันเป็นห้วงเวลาอันโหดร้าย และนี่ยังไม่ได้นับถึงปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ที่จะเกี่ยวพันกับชีวิตของนายในไม่ช้านี้อีกนะ) แต่ถ้าจะมีข่าวดีอะไรที่เราอยากจะบอกนาย เราก็คงกล่าวอย่างสั้นๆ ง่ายๆ ว่า …. ‘ขอบคุณ’ ขอบคุณในเรื่องอะไร? นายคงจะสงสัยอยู่ภายในใจ แต่เราก็ยังบอกอย่างง่ายๆ อีกครั้งว่าขอบคุณ ขอบคุณที่ยังรักที่จะเล่นวิดีโอเกม ขอบคุณที่ยังเชื่อมั่นในวงการ ขอบคุณที่ยังหลงใหลในชิ้นงาน ที่นำมาซึ่งเรื่องที่ดีในเวลาอีกสิบแปดปีข้างหน้า ในเวลานี้ วงการเกมขยายตัวใหญ่โตกว้างขวาง ผสมผสานงานศิลป์เข้ากับงานฝีมือได้อย่างเต็มศักยภาพ และแน่นอนว่า เมื่อเทคโนโลยีเดินทางมาถึง บวกรวมกับความคิดคำนึงถึงชิ้นงานเก่าๆ ให้กลับมาโลดแล่นอีกครั้ง เราจึงยังเห็นผลงานสุดคลาสสิคที่กลับมาในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบ High-Definition Edition, Remaster ไปจนถึงที่สำคัญที่สุดคือ การ Remake กลับมาสร้างใหม่ ภายใต้ยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงผ่านไปอย่างก้าวกระโดด (ขอโทษอีกครั้ง ที่จดหมายฉบับนี้อาจจะมีศัพท์แสงที่ยากต่อการเข้าใจ แต่ยังย้ำว่ามันจะกลายเป็นสิ่งที่นายได้คุ้นเคยแน่ๆ ในอนาคตภายภาคหน้า) ผลงานเกมคลาสสิคที่กลับมาใหม่นั้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะด้วยซีรีส์ซอมบี้สยอง Resident Evil ที่ Remake ไปแล้วถึงสามภาค, เกมวางแผนสุดคลาสสิค Command and Conquer ที่จะ Remastered ให้ภาพสดสวยความละเอียดคมชัดลึกถึงอณู หรือแม้แต่เกมที่เราและนายรัก อย่าง Final Fantasy VII ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการ Remake ให้กับระบบ Playstation 4 และจะวางจำหน่ายในเดือนเมษายนนี้ที่กำลังจะมาถึง (ใช่แล้วล่ะ Playstation ยังคงยืดหยัดท้ากาลเวลามาได้ถึงสี่รุ่นเชียวนะ!!) ทุกสิ่งที่กล่าวไปนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้ความคิดคะนึงหา หรือที่เราขออนุญาตเรียกว่า ‘Nostalgia Effect’ ของเหล่าแฟนๆ ที่ยังคงมุ่งหวังจะได้เห็นผลงานเกมที่ตนรัก ได้กลับมาสร้างความยิ่งใหญ่ กลับมามอบความสนุก และกลับมาถูกบอกเล่าด้วยน้ำเสียงสำเนียงที่แตกต่างออกไปตามยุคสมัยและวันเวลา มันเป็นสิ่งที่ทรงพลังมากๆ ที่สามารถขับเคลื่อนได้แม้แต่บริษัทใหญ่ๆ ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ถึงเสียงแห่งความต้องการดังกล่าว ปีนี้ … ค.ศ.2020 น่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่ดีของวงการเกม เรามีผลงานชั้นยอดมากมายที่พร้อมจะวางจำหน่ายในตลอดปี เรามีผลงานที่ชวนให้คิดถึงวันวานอันแสนหวานสมัยกระโปรงบานขาสั้น และเรามีวงการที่เติบโตอย่างเข้มแข็งในแต่ละวันที่ผันผ่าน และถ้านั่นไม่เรียกว่าข่าวดี แล้วเราจะเรียกว่าอะไรได้? อีกครั้ง เราขอบคุณนาย จากใจจริง รวมถึงทุกคนที่ยังเชื่อมั่น และส่งพลังแห่งการคะนึงหาให้สิ่งที่ดีๆ ได้กลับมาอีกครั้ง และแม้จะมีความผิดพลาดที่เกิดจาก Warcraft 3: Reforged แต่มันก็เป็นเรื่องที่เล็กน้อยมากๆ เมื่อเทียบกับสิ่งที่กำลังจะตามมา ดังนั้น เก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ดี มันจะมีคุณค่าสำหรับนายอย่างแน่นอน ด้วยรักและยังคะนึงถึง ตัวนายในอีก 18 ปีข้างหน้า ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
24 Feb 2020