GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "DFEH"
พนักงาน Activision Blizzard นับ 1,000 คนลงนามในจดหมายประณามบริษัทเนื่องจากข้อกล่าวหาที่ผ่านมา
จากข้อกล่าวหาในเรื่องฉาวโฉ่ของ Activision Blizzard ทำให้ตอนนี้มีพนักงานนับร้อยคนของบริษัทส่งจดหมายประณามฝ่ายบริหารและจัดการของบริษัทซึ่งประเด็นส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องการคุกคามทางเพศและการเลือกปฎิบัติ“จากการประกาศของ Activision Blizzard และข้อมูลภายในที่มาจาก Frances Townsend ทำให้พนักงานนับ 800 คนจากบริษัท Activision Blizzard ทั่วโลกต้องออกมาเคลื่อนไหว” ตัวแทนของกลุ่มบอกให้กับทาง Kotaku “จากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเราได้รวบรวมจดหมายพร้อมลายเซ็นจากทุกที่ไปให้หัวหน้าของพวกเราและเรากำลังจะมุ่งหน้าทำตามขั้นตอนที่เราวางเอาไว้ต่อไป”จดหมายฉบับนี้คือจดหมายที่ส่งให้กับฝ่ายบริหารและจัดการในวันนี้ ซึ่งทาง Kotaku เองก็ได้จดหมายฉบับเดียวกันมาเหมือนกัน โดยเนื้อหามีดังนี้:ถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Activision Blizzardพวกเราได้ทำการเซ็นสัญญาในข้อตกลงจากการประกาศของทาง Activision Blizzard และคู่กรณี DFEH ที่เป็นผู้ยื่นฟ้อง รวมไปถึงคำกล่าวของ Frances Townsend ที่มีในบริษัทนั้นทำให้พวกเรารู้สึกรับไม่ได้และเป็นเหมือนการเหยียบย่ำสิ่งที่เราเชื่อมามาตลอด หรือถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือพวกเราพนักงานนั้นไม่เห็นด้วยกับคำพูดคำจาและการกระทำของพวกคุณที่เป็นผู้นำของบริษัทพวกเราเชื่อว่าคำกล่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ภาพลักษณ์ในความเท่าเทียมของพวกเราเสียหาย รวมไปถึงการอ้างว่าข้อมูลนั้นถูกบิดเบือน ทำให้เกิดบรรยากาศที่น่าอึดอัดในบริษัท รวมไปถึงทำให้ตัวบริษัทดูไม่น่าไว้ใจเพราะการกระทำที่คอยเกื้อหนุนผู้กระทำความผิด เห็นได้ชัดว่าผู้นำในบริษัทของเราไม่ได้เห็นคุณค่าของเราเลย ฉะนั้นเราต้องจัดการเรื่องนี้โดยด่วนหัวหน้าระดับสูงได้กล่าวว่าจะทำการปกป้องพวกเรา แต่เอาจริงๆ ก็คือ พวกเราไม่สามารถไว้ใจให้พวกหัวหน้ามาดูแลความปลอดภัยของพนักงานโดยไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวได้ การจะบอกว่า “การยื่นฟ้องที่ไม่มีผลประโยชน์และไร้ความรับผิดชอบ” โดยขณะเดียวกันก็มีอดีตพนักงาน รวมไปถึงพนักงานในปัจจุบันก็ได้ออกมาเล่าเรื่องที่โดนคุกคาม ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้พวกเราได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเราจริงจังกับข้อกล่าวหานี้และพวกเราเห็นใจเหยื่อที่โดนคุกคาม พวกเราได้เรียก Frances Townsend ออกมาเพื่อยืนยันคำพูดที่ทำให้ภาพลักษณ์ต้องเสียหาย พวกเราอยากจะให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงออกมาช่วยยืนยันว่าพนักงานจะมีพื้นที่ปลอดภัยในการออกความเห็นพวกเราจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างเพื่อน เพื่อนร่วมงาน รวมไปถึงสมาชิกทุกท่านที่โดนคุกคาม พวกเราจะไม่ยอมอยู่เฉย พวกเราจะไม่หันห้าหนี พวกเราจะไม่ยอมแพ้ จนกว่าที่ทำงานของพวกเราเคยภูมิใจจะกลับมาในวันที่ 20 กรกฎาคม กรมการจัดหางานและเคหสถานแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (DFEH) ได้ยื่นฟ้อง Activision Blizzard ในเรื่องของ "วัฒนธรรมที่กดขี่พนักงาน" จากการตรวจสอบมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนทาง Activision ก็กล่าวว่า DFEH ในเรื่องที่ "บิดเบือนและกล่าวหาเรื่องต่างๆ ของบริษัทในอดีต" และเรียกการกระทำแบบนี้ว่า "การทำงานของภาครัฐที่ไม่มีการรับผิดชอบที่ควรจะมีซึ่งในเวลาต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทก็ได้ออกมาเสนอความคิดเห็นของตัวเอง ซึ่งบางคนก็บอกว่าการกล่าวหาครั้งนี้นั้น "น่ากังวล" นอกจากนี้ก็มีคนอื่นอย่าง Frances Townsend ผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายดูแลกฎหมายของ Activision Blizzard ก็ได้ออกมาบอกว่าการยื่นฟ้องครั้งนี้นั้น "ไม่มีผลประโยชน์" ก่อนที่จะตำหนิพนักงานของ Activision ทำให้พนักงานจำนวนมากเริ่มออกมาตีตัวออกห่างเพื่อปฎิเสธทางบริษัทและหัวหน้าระดับสูงทำในการจัดการปัญหาครั้งนี้จากรายงานที่ทาง UppercutCrit มีในวันนี้กล่าวว่า Joshua Taub หัวหน้าพนักงาน Activision ได้จัดงานประชุมที่มีพนักงานร่วมกัน 500 คนได้ออกมาปรึกษาพูดคุยกันถึงเรื่องในครั้งนี้และยังสนับสนุนให้จัดการเรื่องนี้ให้เป็นความลับภายในเท่านั้น โดย Taub ได้กล่าวเสริมอีกว่า “วิธีป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการไปติดต่อกับหัวหน้าของคุณ หาสายตรงหรือเตรียมลู่ทางอื่นเอาไว้”ในขณะนี้ Activision Blizzard ยังไม่มีการตอบคำร้องอะไรทั้งสิ้น“พวกเราขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนในการทำงานของพวกเรา อดีตพนักงาน และ ตอมมูนิตี้ของพวกเราในช่วงเวลานี้” ตัวแทนของกลุ่มพนักงานที่ส่งจดหมายลาออกในวันนี้กล่าว “ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะพวกเราต้องการความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้และทำให้บริษัทและหัวหน้าต้องรับผิดชอบ พวกเราทราบดีถึงความเสี่ยงที่ตามมา”Credit: Kotaku
27 Jul 2021
Activision Blizzard โดนยื่นฟ้องฐานคุกคามทางเพศและการเลือกปฏิบัติ
    กรมการจัดหางานและเคหะแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (Department of Fair Employment and Housing: DFEH) ได้ทำการยื่นฟ้อง Activision Blizzard ในเรื่องของพนักงานที่โดนคุกคามทางเพศไม่ว่าจะเป็นทางด้านวาจาหรือการกระทำ และ วัฒนธรรมในการทำงานที่คอยกดขี่พนักงานอยู่เสมอ     การฟ้องในครั้งนี้มาจากการตรวจสอบและเก็บหลักฐานเป็นเวลากว่า 2 ปี นอกจากนี้ผู้หญิงที่ทำงานในบริษัทยังได้รับค่าจ้างและการเลื่อนขั้นน้อยกว่าผู้ชายในตำแหน่งเดียวกันด้วย ถึงแม้ว่าตอนนี้ทาง Activision Blizzard จะปฏิเสธการกล่าวหาในครั้งนี้ไปแล้วก็ตาม    ใน เอกสารยื่นฟ้อง ได้กล่าวเอาไว้ว่า "ผู้หญิงถูกวาจาแทะโลมอยู่หลายครั้ง รวมไปถึงการแตะเนื้อต้องตัวและการคุกคามอื่นๆ อีกมากมาย" ในสตูดิโอนั้น นอกจากนี้ก็มีเรื่องของ "พนักงานหญิงที่ทำงานให้กับทีมเกม World of Warcraft นั้นถูกพนักงานชายรวมถึงหัวหน้าเข้ามาจีบและข่มขู่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการข่มขืนหรือการแสดงพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อผู้หญิง" จากคำร้องเรียนที่ผ่านมา อดีตหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีเองก็เคยถูกกล่าวหาเรื่อง "แตะเนื้อต้องตัวพนักงานหญิงในงานของบริษัทต่างๆ และรับพักงานหญิงเข้าทำงานจากหน้าตา"นอกจากนี้ก็มีอีกหลายเรื่องที่เกิดขึ้น รวมไปถึงเหตุการณ์ที่พนักงานฆ่าตัวตายเนื่องมาจากการคุกคามอีกด้วย    คำร้องเรียนที่เคยส่งไปยังแผนก HR ของ Activision Blizzard รวมไปถึง J. Allen Brack ผู้เป็นประธานของ Blizzard ก็ถูกปฏิเสธไปเพราะ "คำร้องถูกเมินเฉยและนับว่าไม่เหมาะสม แถมไม่ได้เก็บเป็นความลับอีกด้วย" ซึ่งทำให้พนักงานที่ส่งคำร้องเรียนไปโดน 'รังแกสารพัดอย่างไม่ว่าจะเป็น การจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึงงานโปรเจกต์, โดนสั่งย้ายแผนกอย่างไม่เต็มใจ และ ถูกสั่ง Layoff'   ในหมายศาลได้กล่าวอีกว่าโดยเฉพาะหญิงสาวผิวสีใน Activision Blizzard นั้น 'ตกเป็นเหยื่อ' ของการรังแกเช่นกันอย่าง พนักงานชาวแอฟริกัน อเมริกันที่เคยทำงานให้กับแผนก IT ก็เคยถูกหัวหน้าสั่งให้ทำ 'หนึ่งหน้าสรุป' เรื่องช่วงเวลาพักทำอะไรบ้าง ซึ่งในแผนกก็ไม่เคยมีใครได้ทำอะไรแบบนี้มาก่อนส่วนผู้หญิงคนอื่นก็โดนจับไปอยู่ในตำแหน่งระดับต่ำ, ได้ค่าจ้างน้อยกว่า และ ไม่สามารถเลื่อนขั้นได้ เมื่อเทียบกับพนักงานชายที่มีประสบการณ์และความสามารถที่เท่ากันแต่ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมแล้ว'"หัวหน้าที่พึ่งได้เลื่อนขั้นมาเคยผลักงานให้กับลูกน้องที่เป็นพนักงานหญิงไปทำแทนเพื่อที่ตัวเองจะได้ไปนั่งเล่น Call of Duty" หนึ่งในคำร้องเรียนได้กล่าวเอาไว้    ก่อนหน้าที่จะมีการฟ้องร้องครั้งนี้ก็เคยมีวิธีแก้ไขปัญหานี้มาก่อน แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวเพราะ 'กลุ่มที่เกี่ยวข้องไม่สามารถแก้ปัญหาคำร้องจากฝ่ายผู้บริหารได้' เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ร้องทุกข์ ทาง DFEH ได้เสนอขอค่าเสียหาย, เงินค่าจ้างที่ค้างจ่าย และจ่ายค่าชดใช้ที่ทางศาลตัดสินมาผู้พูดแทน Activision Blizzard ได้ออกมาตอบโต้กับการกล่าวหาครั้งนี้โดยการส่งการพูดกับ PC Gamer ว่าการกล่าวหาครั้งนี้ 'มีการดัดแปลงและใส่ความมากมายให้กับ Blizzard' และยังกล่าวอีกว่าทาง DFEH ที่มี "กฏหมายกำหนดให้สอบสวนมากพอและพูดคุยปรับความเข้าใจให้ดีขึ้นและแกไข้ข้อเรียกร้องหรือข้อกังวลใดๆ ก่อนที่จะดำเนินคดี แต่กลับยื่นส่งคำร้องที่ไม่ถูกต้องให้กับทางศาล โดยเราจะแสดงให้เห็นในวันขึ้นศาลเอง"Activision เองก็ได้พูดเจาะจงเรื่องที่พนักงานฆ่าตัวตายอีกว่า "เราเบื่อที่จะเห็น DFEH ดึงโศกนาฏกรรมดังกล่าวที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีความในครั้งนี้มาใช้งาน โดยไม่เห็นแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเลย"นอกจากนั้นก็มีการขยายความอีกว่าการยื่นฟ้องในครั้งนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของ Activision Blizzard นั้นแย่ลงกว่าที่เคยเป็นมา "พวกเราได้มีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมในองค์กรหรือวิศัยทัศน์ที่หัวหน้าทีมต่างๆ มีให้กับการทำงาน หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นจนทำให้เกิดการสอบสวนเมื่อหลายปีก่อนแล้ว" ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป ขอความกรุณาใช้วิจารณญาณและคิดวิเคราะห์ในการอ่านข่าวครั้งนี้ด้วยครับCredit: PC Gamer
22 Jul 2021
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "DFEH"
พนักงาน Activision Blizzard นับ 1,000 คนลงนามในจดหมายประณามบริษัทเนื่องจากข้อกล่าวหาที่ผ่านมา
จากข้อกล่าวหาในเรื่องฉาวโฉ่ของ Activision Blizzard ทำให้ตอนนี้มีพนักงานนับร้อยคนของบริษัทส่งจดหมายประณามฝ่ายบริหารและจัดการของบริษัทซึ่งประเด็นส่วนใหญ่เกี่ยวกับเรื่องการคุกคามทางเพศและการเลือกปฎิบัติ“จากการประกาศของ Activision Blizzard และข้อมูลภายในที่มาจาก Frances Townsend ทำให้พนักงานนับ 800 คนจากบริษัท Activision Blizzard ทั่วโลกต้องออกมาเคลื่อนไหว” ตัวแทนของกลุ่มบอกให้กับทาง Kotaku “จากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเราได้รวบรวมจดหมายพร้อมลายเซ็นจากทุกที่ไปให้หัวหน้าของพวกเราและเรากำลังจะมุ่งหน้าทำตามขั้นตอนที่เราวางเอาไว้ต่อไป”จดหมายฉบับนี้คือจดหมายที่ส่งให้กับฝ่ายบริหารและจัดการในวันนี้ ซึ่งทาง Kotaku เองก็ได้จดหมายฉบับเดียวกันมาเหมือนกัน โดยเนื้อหามีดังนี้:ถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ Activision Blizzardพวกเราได้ทำการเซ็นสัญญาในข้อตกลงจากการประกาศของทาง Activision Blizzard และคู่กรณี DFEH ที่เป็นผู้ยื่นฟ้อง รวมไปถึงคำกล่าวของ Frances Townsend ที่มีในบริษัทนั้นทำให้พวกเรารู้สึกรับไม่ได้และเป็นเหมือนการเหยียบย่ำสิ่งที่เราเชื่อมามาตลอด หรือถ้าจะให้พูดตรงๆ ก็คือพวกเราพนักงานนั้นไม่เห็นด้วยกับคำพูดคำจาและการกระทำของพวกคุณที่เป็นผู้นำของบริษัทพวกเราเชื่อว่าคำกล่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นทำให้ภาพลักษณ์ในความเท่าเทียมของพวกเราเสียหาย รวมไปถึงการอ้างว่าข้อมูลนั้นถูกบิดเบือน ทำให้เกิดบรรยากาศที่น่าอึดอัดในบริษัท รวมไปถึงทำให้ตัวบริษัทดูไม่น่าไว้ใจเพราะการกระทำที่คอยเกื้อหนุนผู้กระทำความผิด เห็นได้ชัดว่าผู้นำในบริษัทของเราไม่ได้เห็นคุณค่าของเราเลย ฉะนั้นเราต้องจัดการเรื่องนี้โดยด่วนหัวหน้าระดับสูงได้กล่าวว่าจะทำการปกป้องพวกเรา แต่เอาจริงๆ ก็คือ พวกเราไม่สามารถไว้ใจให้พวกหัวหน้ามาดูแลความปลอดภัยของพนักงานโดยไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวได้ การจะบอกว่า “การยื่นฟ้องที่ไม่มีผลประโยชน์และไร้ความรับผิดชอบ” โดยขณะเดียวกันก็มีอดีตพนักงาน รวมไปถึงพนักงานในปัจจุบันก็ได้ออกมาเล่าเรื่องที่โดนคุกคาม ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่รับไม่ได้พวกเราได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าเราจริงจังกับข้อกล่าวหานี้และพวกเราเห็นใจเหยื่อที่โดนคุกคาม พวกเราได้เรียก Frances Townsend ออกมาเพื่อยืนยันคำพูดที่ทำให้ภาพลักษณ์ต้องเสียหาย พวกเราอยากจะให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงออกมาช่วยยืนยันว่าพนักงานจะมีพื้นที่ปลอดภัยในการออกความเห็นพวกเราจะยืนหยัดอยู่เคียงข้างเพื่อน เพื่อนร่วมงาน รวมไปถึงสมาชิกทุกท่านที่โดนคุกคาม พวกเราจะไม่ยอมอยู่เฉย พวกเราจะไม่หันห้าหนี พวกเราจะไม่ยอมแพ้ จนกว่าที่ทำงานของพวกเราเคยภูมิใจจะกลับมาในวันที่ 20 กรกฎาคม กรมการจัดหางานและเคหสถานแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (DFEH) ได้ยื่นฟ้อง Activision Blizzard ในเรื่องของ "วัฒนธรรมที่กดขี่พนักงาน" จากการตรวจสอบมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ส่วนทาง Activision ก็กล่าวว่า DFEH ในเรื่องที่ "บิดเบือนและกล่าวหาเรื่องต่างๆ ของบริษัทในอดีต" และเรียกการกระทำแบบนี้ว่า "การทำงานของภาครัฐที่ไม่มีการรับผิดชอบที่ควรจะมีซึ่งในเวลาต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทก็ได้ออกมาเสนอความคิดเห็นของตัวเอง ซึ่งบางคนก็บอกว่าการกล่าวหาครั้งนี้นั้น "น่ากังวล" นอกจากนี้ก็มีคนอื่นอย่าง Frances Townsend ผู้เป็นหัวหน้าฝ่ายดูแลกฎหมายของ Activision Blizzard ก็ได้ออกมาบอกว่าการยื่นฟ้องครั้งนี้นั้น "ไม่มีผลประโยชน์" ก่อนที่จะตำหนิพนักงานของ Activision ทำให้พนักงานจำนวนมากเริ่มออกมาตีตัวออกห่างเพื่อปฎิเสธทางบริษัทและหัวหน้าระดับสูงทำในการจัดการปัญหาครั้งนี้จากรายงานที่ทาง UppercutCrit มีในวันนี้กล่าวว่า Joshua Taub หัวหน้าพนักงาน Activision ได้จัดงานประชุมที่มีพนักงานร่วมกัน 500 คนได้ออกมาปรึกษาพูดคุยกันถึงเรื่องในครั้งนี้และยังสนับสนุนให้จัดการเรื่องนี้ให้เป็นความลับภายในเท่านั้น โดย Taub ได้กล่าวเสริมอีกว่า “วิธีป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการไปติดต่อกับหัวหน้าของคุณ หาสายตรงหรือเตรียมลู่ทางอื่นเอาไว้”ในขณะนี้ Activision Blizzard ยังไม่มีการตอบคำร้องอะไรทั้งสิ้น“พวกเราขอขอบคุณสำหรับการสนับสนุนในการทำงานของพวกเรา อดีตพนักงาน และ ตอมมูนิตี้ของพวกเราในช่วงเวลานี้” ตัวแทนของกลุ่มพนักงานที่ส่งจดหมายลาออกในวันนี้กล่าว “ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะพวกเราต้องการความเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้และทำให้บริษัทและหัวหน้าต้องรับผิดชอบ พวกเราทราบดีถึงความเสี่ยงที่ตามมา”Credit: Kotaku
27 Jul 2021
Activision Blizzard โดนยื่นฟ้องฐานคุกคามทางเพศและการเลือกปฏิบัติ
    กรมการจัดหางานและเคหะแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย (Department of Fair Employment and Housing: DFEH) ได้ทำการยื่นฟ้อง Activision Blizzard ในเรื่องของพนักงานที่โดนคุกคามทางเพศไม่ว่าจะเป็นทางด้านวาจาหรือการกระทำ และ วัฒนธรรมในการทำงานที่คอยกดขี่พนักงานอยู่เสมอ     การฟ้องในครั้งนี้มาจากการตรวจสอบและเก็บหลักฐานเป็นเวลากว่า 2 ปี นอกจากนี้ผู้หญิงที่ทำงานในบริษัทยังได้รับค่าจ้างและการเลื่อนขั้นน้อยกว่าผู้ชายในตำแหน่งเดียวกันด้วย ถึงแม้ว่าตอนนี้ทาง Activision Blizzard จะปฏิเสธการกล่าวหาในครั้งนี้ไปแล้วก็ตาม    ใน เอกสารยื่นฟ้อง ได้กล่าวเอาไว้ว่า "ผู้หญิงถูกวาจาแทะโลมอยู่หลายครั้ง รวมไปถึงการแตะเนื้อต้องตัวและการคุกคามอื่นๆ อีกมากมาย" ในสตูดิโอนั้น นอกจากนี้ก็มีเรื่องของ "พนักงานหญิงที่ทำงานให้กับทีมเกม World of Warcraft นั้นถูกพนักงานชายรวมถึงหัวหน้าเข้ามาจีบและข่มขู่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการข่มขืนหรือการแสดงพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อผู้หญิง" จากคำร้องเรียนที่ผ่านมา อดีตหัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีเองก็เคยถูกกล่าวหาเรื่อง "แตะเนื้อต้องตัวพนักงานหญิงในงานของบริษัทต่างๆ และรับพักงานหญิงเข้าทำงานจากหน้าตา"นอกจากนี้ก็มีอีกหลายเรื่องที่เกิดขึ้น รวมไปถึงเหตุการณ์ที่พนักงานฆ่าตัวตายเนื่องมาจากการคุกคามอีกด้วย    คำร้องเรียนที่เคยส่งไปยังแผนก HR ของ Activision Blizzard รวมไปถึง J. Allen Brack ผู้เป็นประธานของ Blizzard ก็ถูกปฏิเสธไปเพราะ "คำร้องถูกเมินเฉยและนับว่าไม่เหมาะสม แถมไม่ได้เก็บเป็นความลับอีกด้วย" ซึ่งทำให้พนักงานที่ส่งคำร้องเรียนไปโดน 'รังแกสารพัดอย่างไม่ว่าจะเป็น การจำกัดสิทธิ์ในการเข้าถึงงานโปรเจกต์, โดนสั่งย้ายแผนกอย่างไม่เต็มใจ และ ถูกสั่ง Layoff'   ในหมายศาลได้กล่าวอีกว่าโดยเฉพาะหญิงสาวผิวสีใน Activision Blizzard นั้น 'ตกเป็นเหยื่อ' ของการรังแกเช่นกันอย่าง พนักงานชาวแอฟริกัน อเมริกันที่เคยทำงานให้กับแผนก IT ก็เคยถูกหัวหน้าสั่งให้ทำ 'หนึ่งหน้าสรุป' เรื่องช่วงเวลาพักทำอะไรบ้าง ซึ่งในแผนกก็ไม่เคยมีใครได้ทำอะไรแบบนี้มาก่อนส่วนผู้หญิงคนอื่นก็โดนจับไปอยู่ในตำแหน่งระดับต่ำ, ได้ค่าจ้างน้อยกว่า และ ไม่สามารถเลื่อนขั้นได้ เมื่อเทียบกับพนักงานชายที่มีประสบการณ์และความสามารถที่เท่ากันแต่ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าทีมแล้ว'"หัวหน้าที่พึ่งได้เลื่อนขั้นมาเคยผลักงานให้กับลูกน้องที่เป็นพนักงานหญิงไปทำแทนเพื่อที่ตัวเองจะได้ไปนั่งเล่น Call of Duty" หนึ่งในคำร้องเรียนได้กล่าวเอาไว้    ก่อนหน้าที่จะมีการฟ้องร้องครั้งนี้ก็เคยมีวิธีแก้ไขปัญหานี้มาก่อน แต่สุดท้ายก็ล้มเหลวเพราะ 'กลุ่มที่เกี่ยวข้องไม่สามารถแก้ปัญหาคำร้องจากฝ่ายผู้บริหารได้' เพื่อความเป็นธรรมแก่ผู้ร้องทุกข์ ทาง DFEH ได้เสนอขอค่าเสียหาย, เงินค่าจ้างที่ค้างจ่าย และจ่ายค่าชดใช้ที่ทางศาลตัดสินมาผู้พูดแทน Activision Blizzard ได้ออกมาตอบโต้กับการกล่าวหาครั้งนี้โดยการส่งการพูดกับ PC Gamer ว่าการกล่าวหาครั้งนี้ 'มีการดัดแปลงและใส่ความมากมายให้กับ Blizzard' และยังกล่าวอีกว่าทาง DFEH ที่มี "กฏหมายกำหนดให้สอบสวนมากพอและพูดคุยปรับความเข้าใจให้ดีขึ้นและแกไข้ข้อเรียกร้องหรือข้อกังวลใดๆ ก่อนที่จะดำเนินคดี แต่กลับยื่นส่งคำร้องที่ไม่ถูกต้องให้กับทางศาล โดยเราจะแสดงให้เห็นในวันขึ้นศาลเอง"Activision เองก็ได้พูดเจาะจงเรื่องที่พนักงานฆ่าตัวตายอีกว่า "เราเบื่อที่จะเห็น DFEH ดึงโศกนาฏกรรมดังกล่าวที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีความในครั้งนี้มาใช้งาน โดยไม่เห็นแก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิตเลย"นอกจากนั้นก็มีการขยายความอีกว่าการยื่นฟ้องในครั้งนี้ทำให้ภาพลักษณ์ของ Activision Blizzard นั้นแย่ลงกว่าที่เคยเป็นมา "พวกเราได้มีการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมในองค์กรหรือวิศัยทัศน์ที่หัวหน้าทีมต่างๆ มีให้กับการทำงาน หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นจนทำให้เกิดการสอบสวนเมื่อหลายปีก่อนแล้ว" ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป ขอความกรุณาใช้วิจารณญาณและคิดวิเคราะห์ในการอ่านข่าวครั้งนี้ด้วยครับCredit: PC Gamer
22 Jul 2021