GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "ไกด์"
ระบบความสัมพันธ์พิเศษของคุ้กกี้ใน Cookie Run: Kingdom
ระบบความสัมพันธ์พิเศษใน Cookie Run: Kingdom เป็นอีกหนึ่งระบบที่ช่วยให้เราจัดทีมฟาร์มและต่อสู้ได้ง่ายขึ้น เพราะระบบความสัมพันธ์พิเศษนี้จะให้บัฟเพิ่มพลังชีวิต เพิ่มพลังป้องกัน และเพิ่มพลังโจมตีตามเลเวล วันนี้เราจะมาดูกันว่าแต่ละความสัมพันธ์ของคุ้กกี้มีอะไรบ้าง ให้บัฟเท่าไร พร้อมกับวิธีปลดล็อกดาวเพื่อเพิ่มบัฟ เพื่อให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลือกตัวมาจัดทีมได้ง่ายขึ้นจ้า 1. ของขวัญวันเกิดชิ้นเยี่ยม     ประกอบด้วยคุกกี้ 5 ตัว คือ คุกกี้กล้าหาญ คุกกี้รสสตอเบอร์รี่ คุกกี้พ่อมด คุกกี้คัสตาร์ดรุ่นที่ 3 และคุกกี้รสซอสพริก   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 2. เรื่องวุ่นวายของคุกกี้คัสตาร์ด     ประกอบด้วยคุกกี้ 3 ตัว คือ คุกกี้เจ้าหญิง คุกกี้คัสตาร์ดรุ่นที่ 3 และคุกกี้อัศวิน   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 3. การพบกันในป่า     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้เจ้าหญิง และคุกกี้สาวเจ้าป่า   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 4. มากไปก็ไม่ดี     ประกอบด้วยคุกกี้ 3 ตัว คือ คุกกี้กล้าหาญ คุกกี้นินจา และคุกกี้นักกล้าม   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 5. ต้นกล้าแคร์รอต     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสแคร์รอตและคุกกี้รสบีตรูต   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 6. เรื่องที่เกิดในคฤหาสน์     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสแบล็คเบอร์รี่และคุกกี้นักสำรวจ   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 7. วิญญาณบนหอคอยเก่า   ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสแบล็คเบอร์รี่และคุกกี้หัวหอม ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 8. น้องพี่ที่รัก     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้นักแปรธาตุและคุกกี้แวมไพร์   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 9. ศึกประชันศักดิ์ศรี     ประกอบด้วยคุกกี้ 3 ตัว คือ คุกกี้น้ำตาลหิมะ คุกกี้นักแปรธาตุ และคุกกี้พ่อมด   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 10. คำสัญญาในภูเขาหิมะ     ประกอบด้วยคุกกี้ 3 ตัว คือ คุกกี้รสมันม่วง คุกกี้รสนม และคุกกี้ดาร์กช็อกโก้   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 11. แขกที่ไม่ได้รับเชิญในยามอัสดง     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสข้าวไรย์และคุกกี้รสซอสพริก   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 12. ค่ำคืนของวายร้าย     ประกอบด้วยคุกกี้ 3 ตัว คือ คุกกี้รสแพนเค้ก คุกกี้รสหมากฝรั่ง และคุกกี้รสเชอร์รี่   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50   13. ครูขาหนูอยากบิน   ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสแพนเค้กและคุกกี้นางฟ้า   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 14. รุ่งอรุณเขียวขจี     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสสมุนไพรและคุกกี้โคลเวอร์   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 15. เมื่อได้รับพรจากนางฟ้า     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสมาดแลนและคุกกี้นางฟ้า   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 16. เหล่าลูกค้าโรงตีเหล็ก     ประกอบด้วยคุกกี้ 3 ตัว คือ คุกกี้รสมาดแลน คุกกี้รสอะโวคาโด และคุกกี้อัศวิน   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30
16 Feb 2021
แนะนำระบบเบบี้ใน FAIRY TAIL: Forces Unite! เป็นโสดก็เลี้ยงได้นะ
ระบบเบบี้เป็นระบบใหม่ที่พึ่งถูกเพิ่มเข้ามาใน FAIRY TAIL: Forces Unite! ซึ่งไม่ใช่แค่การรับเลี้ยงเด็กธรรมดา ๆ เพราะเบบี้สามารถช่วยเราต่อสู้ได้ด้วย นับว่าเป็นระบบที่มีประโยชน์มากเลยทีเดียว แล้วเราจะทำยังไงถึงจะได้เบบี้มาในครอบครองวันนี้เราจะมาบอกกัน! วิธีอุปการะเบบี้ การอุปการะเบบี้นั้นเราจำเป็นต้องปลดล็อกระบบบ้านซะก่อนเพราะไม่มีบ้านก็เลี้ยงเด็กไม่ได้นะ หลังจากที่เราปลดล็อกระบบบ้านแล้ว หากในเกมคุณโสดให้คุยกับ "คุณริซึ" แต่ถ้าไม่โสดให้คุยกับ "วาเลนติน" ทั้งสองจะยืนอยู่หน้าโบสถ์ในเมืองแมกโนเลีย หลังจากนั้นทั้ง 2 จะให้เราทำเควสไปเรื่อย ๆ เพื่อปลดล็อก "เปลแห่งความหวัง" ไว้รับอุปการะเบบี้นั่นเอง เบบี้จะมีเพศให้เราเลือกทั้งชายและหญิงเลือกได้ตามใจชอบเลยจ้า การพัฒนา   เบบี้จะเริ่มจากแรกเกิดและสามารถพัฒนาไปเป็นเด็กไร้เดียงสาได้โดยการใช้ไอเทม "ไดอารี่พัฒนาการ" และจะเข้าร่วมต่อสู้ได้เมื่อผ่านไป 15 วัน แต่เราสามารถเร่งการเจริญเติบโตได้ด้วยไอเทม "ขวดนม" แนะนำการเลือกคลาสเบบี้   เมื่อโตเป็นเด็กไร้เดียงสาแล้วเบบี้ของเราจะสามารถเลือกคลาสให้เหมาะกับคลาสตัวละครของเราได้ ซึ่งเราแนะนำให้เลือกเป็นคนละคลาสกับตัวละครเราจะดีกว่า   ผู้ใช้เวทยาและเวทฟื้นฟู ควรเลือกเบบี้สายดาเมจ ได้แก่ เวทเสริมพลัง เวทปืน เวทหิมะ เวทคลื่นเสียง ผู้ใช้เวทเสริมพลัง เวทหิมะ และเวทคลื่นเสียง ควรเลือกเบบี้สายฟื้นฟูหรือป้องกัน ได้แก่ เวทยา เวทฟื้นฟู เวทพิทักษ์ ผู้ใช้เวทลม ควรเลือกเบบี้สายฟื้นฟูหรือป้องกัน ได้แก่ เวทยา เวทฟื้นฟู ผู้ใช้เวทอักขระ ควรเลือกเบบี้สายดาเมจหรือฟื้นฟู ได้แก่ เวทเสริมพลัง เวทปืน เวทหิมะ เวทคลื่นเสียง เวทยา เวทฟื้นฟู ผู้ใช้เวทเสริมพลัง ควรเลือกเบบี้สายดาเมจหรือฟื้นฟู ได้แก่ เวทเสริมพลัง เวทปืน เวทหิมะ เวทคลื่นเสียง เวทยา เวทฟื้นฟู  
16 Feb 2021
แนะนำการจัดทีมสำหรับผู้เล่นใหม่ใน Cookie Run: Kingdom
พึ่งเปิดให้เล่นได้ไม่นานแต่ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากแฟนเกม Cookie Run ทั้งหลาย ซึ่งการปล่อยเกมใหม่ของพวกเขาในครั้งนี้มาในรูปแบบเกมแนวเทิร์นเบสผสมกับเกมวิ่งเหมือนภาคก่อน และกลับมาพร้อมกับเหล่าคุกกี้ที่เราคุ้นเคย พวกเขากลับมาวิ่งหนีแม่มดออกจากเตาอบอีกครั้ง แต่ศัตรูไม่ได้มีเพียงหนึ่งแล้วน่ะสิ วันนี้เราเลยจะมาแนะนำวิธีการจัดทีมไปสู้กับเหล่าวายร้ายทั้งในสำรวจโลกและอารีน่าสำหรับมือใหม่กัน! คุกกี้มีหลายสายนะ   ก่อนที่จะเข้าสู่การจัดทีมเราต้องทราบก่อนว่าคุกกี้ถูกแบ่งออกเป็นสายทั้งหมด 8 สาย ประกอบด้วย สายป้องกัน: สายนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวแทงค์คอยอยู่แนวหน้าเพื่อป้องกันและรับความเสียหายแทนคุกกี้ตัวอื่น สายจู่โจม: สายนี้อาจจะไม่ถึกเท่ากับป้องกันแต่ก็แทนมาด้วยพลังโจมตีที่แรงกว่า เหมาะกับทีมที่เน้นพลังโจมตีหรือสายบุก สายซุ่มโจมตี: สายนี้คือตัวที่จะทำดาเมจแบบกายภาพให้กับทีม เป็นตัวที่เหมาะกับการยืนกองกลางเพื่อเอาไว้เก็บแนวหลังของอีกฝ่าย สายเวทมนต์: สายโจมตีอีกตัวที่คอยจะมีในทีมส่วนมากจะเป็นคุกกี้ที่มีสกิลแบบ AOE ไว้คอยหยุดหรือโจมตีอีกฝ่ายอย่างรุนแรง สายระเบิด: สายที่คอยสร้างดาเมจแบบ AOE ด้วยการปาระเบิดออกไปพร้อมกับดีบัฟใส่ศัตรู เช่น ติดพิษหรือลดความเร็วในการโจมตีของศัตรู สายซัพพอร์ต: สายที่มีหน้าที่ล้างดีบัฟต่าง ๆ พร้อมกับช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตแต่จะน้อยกว่าสายซัพพอร์ตให้กับคุกกี้ในทีม สายรักษา: สายที่มีหน้าที่คอยฟื้นฟูพลังชีวิตเป็นหลักและคอยใส่บัฟให้คุกกี้ในทีม การจัดทีมแนวหน้า การเลือกคุกกี้มายืนแนวหน้านั้นควรจะเลือกเป็นสายป้องกันและสายโจมตีจะใส่อย่างละตัวหรือเลือกสายใดสายหนึ่งทั้งสองตัวเลยก็ได้ แนวหน้าจะเป็นตัวที่คอยรับดาเมจแทนคุกกี้ในทีมก่อนควรเลือกเป็นคุกกี้ที่มีบัฟได้รับความเสียหายน้อยลงหรือมีสกิลหยุด ผลัก เพื่อเป็นการยื้อให้คุกกี้ทีมเราสามารถทำดาเมจได้มากขึ้น คุกกี้แนะนำ ระดับ Epic     คุกกี้รสนม จุดเด่น: มีสกิลที่ช่วยลดความเสียหายที่ได้รับ     คุกกี้รสมาดแลน จุดเด่น: มีสกิลช่วยโจมตีระยะไกลและต้านทางดีบัฟ       คุกกี้ดาร์กช็อกโก จุดเด่น: โจมตีแรงพร้อมลดพลังป้องกันของศัตรู       คุกกี้รสมันม่วง จุดเด่น: โจมตีแรงและกระจาย     ระดับ Rare     คุกกี้อัศวิน จุดเด่น: มีเอฟเฟกต์ยั่วยุศัตรู       คุกกี้เจ้าหญิง จุดเด่น: ลดพลังป้องกันของศัตรู   ระดับ Common     คุกกี้นักกล้าม จุดเด่น: มีสกิลผลัก     คุกกี้รสสตอเบอร์รี่ จุดเด่น: สร้างความเสียเป็นวงกว้าง       การจัดทีมกองกลาง   กองกลางเหมาะสำหรับสายเวทมนต์ สายซุ่มโจมตี หรือสายซัพพอร์ต ซึ่งก็แล้วแต่สไตล์ความชอบของแต่ละคนจะจับสายเวท + สายซุ่ม หรือสายซุ่ม + สายซัพก็ได้ ถ้าอยากได้ทีมดาเมจจ๋า ๆ ก็ สายเวท + สายซุ่ม หรือจะเป็นสายเวท 2 สายซุ่ม 2 ก็ได้เช่นกัน คุกกี้แนะนำ ระดับ Epic   คุกกี้รสเอสเปรสโซ จุดเด่น: มีสกิลดูดศัตรูให้มารวมอยู่กลางวง       คุกกี้รสชะเอม จุดเด่น: มีสกิลซัมมอนลูกกะจ๊อกพร้อมกับเพิ่มพลังป้องกันคุกกี้ในทีม       คุกกี้น้ำตาลหิมะ จุดเด่น: ทำให้ศัตรูกลายเป็นน้ำแข็งและลดความเร็วในการโจมตี       คุกกี้รสซอสพริก จุดเด่น: คริติคอลแรงและเป็นคุกกี้ที่ได้มาฟรี     ระดับ Rare     คุกกี้รสหัวหอม จุดเด่น: สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ระยะไกลมาก และลดพลังโจมตีของศัตรู       คุกกี้นักสำรวจ จุดเด่น: จับศัตรูได้ 1 ตัว       คุกกี้นักแปรธาตุ จุดเด่น: ระเบิดทำให้ศัตรูติดพิษ       ระดับ Common     คุกกี้นินจา จุดเด่น: สร้างความเสียหายแบบกระจาย       คุกกี้พ่อมด จุดเด่น: สร้างความเสียหายต่อเนื่อง       การจัดทีมแนวหลัง     แนวหลังเหมาะกับคุกกี้สายซัพพอร์ตและสายรักษาเพราะเป็นตัวที่เปราะบางที่สุดในเกม แต่บางคนก็เอาไว้ใส่คุกกี้สายเวทหรือสายซุ่ม ซึ่งมันก็แล้วแต่สไตล์การเล่นอีกตามเคย แนะนำว่าให้เอาไว้ใส่สายซัพหรือสายรักษาจะดีกว่า เลือกตัวใดตัวหนึ่งแล้วเอาสายเวทหรือสายซุ่มไปใส่กองกลางจะคุ้มกว่า   คุกกี้แนะนำ ระดับ Epic     คุกกี้สปาร์คกลิง จุดเด่น: เพิ่มอัตราคริติคอลให้คุกกี้ในทีมทั้งหมด       คุกกี้รสทับทิม จุดเด่น: เพิ่มพลังโจมตีให้กับเพื่อนในทีมชั่วขณะ     คุกกี้มิ้นท์ช็อกโก้ จุดเด่น: เพิ่มความเร็วในการโจมตี         คุกกี้รสสมุนไพร จุดเด่น: ล้างดีบัฟและสร้างต้นกล้าเพิ่มพลังชีวิตรอบ ๆ     ระดับ Rare     คุกกี้รสคัสตาร์ดรุ่นที่ 3 จุดเด่น: สร้างเกราะป้องกัน       คุกกี้โคลเวอร์ จุดเด่น: ล้างดีบัฟและฟื้นฟูพลังชีวิตให้คุกกี้ในทีมทั้งหมด   ระดับ Common     คุกกี้นางฟ้า จุดเด่น: ฟื้นฟูพลังชีวิตให้คุกกี้ในทีมทั้งหมด   ทริคเล็กน้อยในการจัดทีม ในเกม Cookie Run: Kingdom จะมีระบบที่เรียกว่า "ความสัมพันธ์พิเศษ" ซึ่งจะให้บัฟหรือเอฟเฟกต์แก่ทีมที่ใส่คุกกี้ที่มีความสัมพันธ์กัน ระบบความสัมพันธ์พิเศษนี้สามารถอัปเกรดเพื่อเพิ่มคุณสมบัติเอฟเฟกต์ให้ดีขึ้นตามเลเวลได้อีกด้วย นับว่าเป็นประโยชน์มาก ๆ เลยทีเดียว
12 Feb 2021
วิธีการอัปเกรดคุกกี้ใน Cookie Run: Kingdom
เป็นอีกหนึ่งระบบที่จะทำให้เราสามารถฟาร์มและตบศัตรูในอารีน่าได้ง่ายขึ้นนั่นก็คือ "ระบบอัปเกรด" ใน Cookie Run: Kingdom นั่นเอง ซึ่งระบบอัปเกรดก็แบ่งออกเป็น 3 อย่างด้วยกัน คือ อัปเลเวลคุกกี้ อัปเลเวลสกิล และเลื่อนระดับคุกกี้ ทั้ง 3 อย่างต่างกันยังไงและวิธีอัปเกรดทำอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะพาไปดูกัน! วิธีการเข้าไปอัปเกรด จิ้มไปที่ไอคอน "คุกกี้ของฉัน" ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ แล้วเราจะเจอกันบรรดาคุกกี้ในคลังที่เรามีสามารถเลือกตัวที่เราต้องการอัปเกรดได้เลย วิธีอัปเลเวลคุกกี้ การอัปเลเวลคุกกี้จะเป็นการเพิ่มพลังต่อสู้ให้กับคุกกี้นั้น ๆ การอัปเลเวลคุกกี้ต้องใช้ "ดาวลูกกวาด" ในการอัป เลือกคุกกี้ที่ต้องการหลังจากนั้นให้จิ้มที่ปุ่ม "อัพเลเวลคุกกี้" กดที่เลือกอัตโนมัติเพื่อทำการใส่ดาวลูกกวาดสำหรับอัปเกรดเลเวลหรือใครอยากจะเลือกเองก็สามารถกดไปที่ดาวลูกกวาดที่ต้องการได้เลย หลังจากนั้นให้เรากดที่ MAX เพื่อใส่ดาวลูกกวาดให้เท่ากับเลเวลสูงสุดที่เราอัปได้ สุดท้ายกด "อัพเลเวล" ก็เป็นอันเสร็จสิ้น วิธีเลื่อนระดับคุกกี้ การเลื่อนระดับคุกกี้จะเป็นการเพิ่มพลังต่อสู้ พลังชีวิต พลังโจมตี และพลังป้องกันของคุกกี้นั้น ๆ การจะเลื่อนระดับคุกกี้จำเป็นต้องมี "หินวิญญาณ" ของคุกกี้ที่เราต้องการเลื่อนระดับด้วย ซึ่งจะใช้หินวิญญาณตามจำนวน 20 > 30 > 50 > 70 > 100 และใช้เหรียญในการเลื่อนระดับด้วย เลือกคุกกี้ที่ต้องการเลื่อนระดับและจิ้มไปที่ "เลื่อนระดับคุกกี้"   เมื่อจำนวนหินวิญญาณและเหรียญพอใก้ทำการกด "เลื่อนระดับ"     เมื่อขึ้นหน้าตาแบบนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น     วิธีอัปเลเวลสกิล การอัปเลเวลสกิลจะเป็นการเพิ่มความเสียหายหรือบัฟของสกิลนั้น ๆ การอัปแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้ผงสกิลของคุกกี้แต่ละสาย   จิ้มไปที่ "อัพเลเวลคุกกี้"     เมื่อมีผงสกิลตามจำนวนที่ต้องการอัปแล้วให้กด "อัพเลเวล"     เมื่อเสร็จจะขึ้นรายละเอียดของสกิลว่าเพิ่มอะไรเท่าไร     วิธีหาของอัปเกรด   "ดาวลูกกวาด" สามารถหาได้จาก เควส กิจกรรม เคลียร์ด่าน บ้านคุกกี้ น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง ออกสำรวจ "ผงสกิล" สามารถหาได้จาก เควส กิจกรรม ประกาศจับ เคลียร์ด่าน  
12 Feb 2021
เฉลยคำตอบ "แฟรี่ควิซ" ใน FAIRY TAIL: Forces Unite!
อีกหนึ่งกิจกรรมเก็บเวลง่าย ๆ สำหรับ "แฟรี่ควิซ" ใน FAIRY TAIL: Forces Unite! ที่มีให้เล่นกันทุกวันเสาร์และอาทิตย์ กิจกรรมนี้เป็นการตอบคำถามจากในอนิเมะแฟรี่เทล ถ้าใครที่เป็นแฟนอนิเมะก็คงจะไม่ยากในการตอบคำถามแล้วคนที่ไม่ได้ดูเมะล่ะจะตอบได้ไหม ปัญหานั้นจะหมดไปเพราะวันนี้เราได้รวมเฉลยคำตอบทั้งหมดของกิจกรรม "แฟรี่ควิซ" ไว้ที่นี่แล้ว วิธีเข้าร่วมกิจกรรม   กดไปที่ไอคอน "กิจกรรม" ที่อยู่มุมบนซ้ายของหน้าจอ     เลือกไปที่ "กิจกรรมทั้งหมด" เลื่อนหา "แฟรี่ควิซ" แล้วกดเข้าร่วม     หลังจากนั้นตัวละครเราจะเดินอัตโนมัติไปที่ NPC ลิซ ให้กด "เริ่มตอบคำถาม" เพื่อเริ่มทำกิจกรรม   เฉลยคำตอบแฟรี่ควิซ *สามารถกด Ctrl+F เพื่อค้นหาได้นะจ๊ะ คำถาม: ใครคือจอมเวทย์แฟรี่เทลที่ชอบถอดเสื้อผ้า คำตอบ: เกรย์ คำถาม: ใครคือผู้ใช้เวท "เรนโบว์ไฟร์" ในแฟนธ่อมลอร์ด คำตอบ: โทโทมารุ คำถาม: ใครคือดราก้อนสเลเยอร์รุ่นที่ 2 ในแฟรี่เทล คำตอบ: ลัคซัส คำถาม: ใครเป็นคนตัดสินใจทำสงครากับแฟนธ่อมลอร์ด คำตอบ: มาคาลอฟ คำถาม: ใครที่ใส่ตาเทียมข้างขวาในแฟรี่เทล คำตอบ: เอลซ่า คำถาม: ใครคือผู้ใช้เวทชาร์มใส่ลูซี่ในเหตุการณ์ "ซาลามันเดอร์ตัวปลอม" คำตอบ: โบร่า คำถาม: ใครคือ "เดอะ ไนท์" ในแฟรี่เทล คำตอบ: เอลซ่า คำถาม: ใครคือคนที่ชอบแอบเข้าบ้านลูซี่พร้อมกับแฮปปี้ คำตอบ: นัตสึ คำถาม: โบร่าแอบอ้างเป็นใครในเหตุการณ์ "ซาลามันเดอร์ตัวปลอม" คำตอบ: นัตสึ คำถาม: ใครคือคนที่กำลังตามหา "มังกรไฟ" คำตอบ: นัตสึ คำถาม: ใครคือผู้ที่เอาชนะเรซเซอร์ได้ตอนที่สู้กับโอราเชี่ยนเชส คำตอบ: เกรย์ คำถาม: ใครคือจอมเวทย์ผู้ใช้ "เวททลาย" ในแฟรี่เทล คำตอบ: กิลดาซ คำถาม: ใครคือหนึ่งในเอเลเมนท์โฟร์ที่เข้าร่วมแฟรี่เทลหลังจากแฟนธ่อมลอร์ดถูกยุบ คำตอบ: จูเบีย, กาซิล คำถาม: ใครคือหนึ่งในจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในแฟรี่เทล คำตอบ: มาคาลอฟ คำถาม: ใครคือคนที่จูเบียเจอตอนสอบเลื่อนขั้นจอมเวทระดับ S คำตอบ: เอลซ่า คำถาม: ใครคือเอ็กซีดสีฟ้าในแฟรี่เทล คำตอบ: แฮปปี้ คำถาม: ใครคือผู้ใช้เวท "มังกรเหล้กคำราม" คำตอบ: กาซิล คำถาม: ใครคือ "จอมเวท" ที่มาพร้อมกับสายฝน คำตอบ: จูเบีย
09 Feb 2021
*เอลซ่าเกราะแห่งภูต* ไททาเนียสุดแกร่งแห่ง FAIRY TAIL: Forces Unite!
ครั้งที่แล้วเราได้พูดถึง "มิสกัน SS" หรือ เจราลในเอโดราสไปแล้ว วันนี้ก็ถึงคิวของ "เอลซ่า" กันบ้าง แต่ไม่ใช่เอลซ่าธรรมดานะเพราะเธอมาในชุดเกราะแห่งภูตบอกเลยว่าโหด x2 แล้วเธอมีสกิลอะไรที่น่าสนใจ มีจุดเด่นจุดด้อยยังไง เหมาะกับทีมแบบไหน และเทคนิคในการเล่นควรเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยดีกว่า เอลซ่าเกราะแห่งภูต ก่อนจะเข้าเนื้อหาจริงจังเรามาทำความรู้จักกับเกราะแห่งภูตกันก่อนดีกว่า เกราะแห่งภูต (Armadura Fairy) ชุดเกราะที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของเอลซ่า เป็นเกราะที่แบกรับนามของแฟรี่เทลเอาไว้และเป็นเกราะที่แฟรี่เทลภาคภูมิใจ ใช้ต่อสู้ครั้งแรกกับเอลซ่า ไนท์วอคเกอร์ หรือเอลซ่าอีกคนที่เอโดราส เกราะนี้เป็นเกราะสุดท้ายที่เธอใช้ อาวุธที่ใช้คู่กันคือ ดาบแห่งภูต ได้รู้ยังงี้แล้วจอมเวทย์คงอยากจะสูญเสียเงินเพื่อให้ได้เกราะนี้มาใช้แล้วล่ะสิ เราไปดูสกิลของเกราะนี้กันดีกว่าว่าจะโหดจัดเหมือนในอนิเมะไหม สกิลของเอลซ่าเกราะแห่งภูต เอลซ่าเกราะแห่งภูตเป็นจอมเวทระดับ SS ที่เน้นสกิลโจมตีเดี่ยวและแรง ให้อัปลาครายม่าที่เน้นโจมตีและสกิลติดตัวจะเหมาะกับตัวเอลซ่าเกราะแห่งภูตมากกว่าอัปอย่างอื่นจะได้ไม่เปลืองลาครายม่า และเน้นอัปไปที่ P.ATK หรือ Crit Rate เพื่อสร้างดาเมจมากขึ้นกว่าเดิม สกิล เกราะภูต-แฟรี่เบิร์ส ใช้ MP 82 สร้างคลื่นระเบิดไปยังเป้าหมาย สร้างความเสียหายแก่ศัตรู 4 คน มีโอกาส 10% ที่จะลบล้างบัพ ความเสียหายพื้นฐานเท่ากับ 120% ของพลังโจมตี   เกราะภูต-ดาบแห่งชัยชนะ  ใช้ MP 82 พุ่งใส่ศัตรูและฟาดฟันสามครั้ง ความเสียหายพื้นฐานเท่ากับ 190% ของพลังโจมตีและเข้าสู่สถานะรีชาร์จ 1 เทิร์น   ไททาเนีย ใช้ MP 82 ฟาดฟันศัตรู 5 คน มีโอกาส 25% ที่จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติม 1.5 เท่า ของพลังโจมตี   เกราะที่แกร่งที่สุด เมื่อเกราะภูต-ดาบแห่งชัยชนะ ไม่สามารถสังหารศัตรูได้จะสร้างความเสียหายเพิ่ม 2 เท่าของพลังโจมตี หลังจากใช้สกิลจะฟื้นฟูพลังชีวิต 25%   ในนามของกิลด์ เพิ่มโอกาสคริติคอลของเพื่อนร่วมทีม 6%     หยิบยืมพลัง เมื่อจบเทิร์นจะมีโอกาส 20% ที่จะหักพลังชีวิตปัจจุบัน 20% เพื่อเพิ่มพลังโจมตี 12% นาน 2 เทิร์น     เล็งจุดอ่อน: กายภาพ หลังเข้าสู่การต่อสู้จะเพิ่มอัตราคริติคอลกายภาพ 3%     เพิ่มพลังโจมตี หลังเข้าสู่การต่อสู้จะเพิ่มพลังโจมตี 5%     สเตตัสเบื้องต้น   จุดเด่น เอลซ่าก็ยังคงเป็นหญิงแกร่งไม่ว่าจะอยู่ในอนิเมะหรือเกมนี้ก็ตาม สำหรับเอลซ่าเกราะแห่งภูตมีจุดเด่นตรงที่พลังโจมตีสูง รุนแรง โดยเฉพาะการโจมตีแบบเดี่ยว เกราะแห่งภูตขึ้นชื่อว่าเป็นเกราะที่เป็นความภาคภูมิใจของกิลด์แฟรี่เทลทำให้ในเกมนั้นมีความสามารถเพิ่มอัตราคริติคอลของคนในทีมทั้งหมดถึง 3% เลย นอกจากนี้ยังมีพลังฟื้นฟูอีกด้วยโหดจัดเลยทีเดียว ถ้าเทียบกับชุดปกติแล้วก็ถือว่าความสามารถเยอะกว่าแน่นอน ถ้าพูดถึงความถึกอาจจะไม่ค่อยเท่าไรแต่ก็ไม่ได้เสียหายเพราะทดแทนมาด้วยพลังการฟื้นฟูที่ค่อนข้างสูง เอลซ่าเกราะแห่งภูตนั้นสามารถเข้าได้ทั้งทีม PVP และ PVE ด้วยพลังโจมตีที่สูงจึงทำให้เคลียร์เป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว สรุป ต้องบอกเลยว่าเอลซ่าเกราะแห่งภูตสมกับระดับ SS ที่ห้อยอยู่ท้ายชื่อมาก ๆ พอเอาไปลงสนามจริงแล้วตบทีศัตรูเลือดกลบปาก ด้วยความที่มีบัฟเพิ่มคริติคอลให้กับทั้งทีมจึงหมดห่วงเรื่องการโจมตีของจอมเวทย์ไปเลย เธอเหมาะกับทีมโจมตีกายภาพมาก ๆ ถ้าหยิบไปคู่กับเกรย์หรือมิร่าเจนบอกเลยว่ามันส์ตบอีกฝ่ายทีสะใจสุด ๆ แม้เกราะนี้จะไม่ถึกเหมือนเกราะปกติแต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะได้พลังฟื้นฟูมาถึง 25% เลย ด้วยความสามารถที่ว่ามาทั้งหมดไม่มีเหตุผลไหนเลยที่เราจะไม่ยอมเสียเงินเพื่อเอาตัวเอลซ่าเกราะแห่งภูตมาอยู่ในทีม
04 Feb 2021
Valorant เจาะลึกข้อมูลแรง Recoil ของปืนพกทั้งหมดในเกม ยิงยังไงให้เทพ
หลังจากตัวเกมแนว FPS อย่าง Valorant เปิดตัวได้สักพัก ก็มีเสียงวิพากย์วิจารณ์มากมายทั้งในแง่บวกและแง่ลบ ซึ่งมันก็อาจจะเป็นปกติสำหรับทีมพัฒนาอย่าง Riot เพราะพวกเขามักมีสไตล์ที่ว่าการเปิดลงสนามจริงคือการหาข้อผิดพลาดที่ดีที่สุด เพื่อปรับปรุงและปรับสมดุลอาวุธต่างๆ ในเกมได้แบบตรงใจผู้เล่นมากที่สุด บทความนี้จะมาเจาะลึกข้อมูล Recoil ของปืนรวมถึง Pattern ของปืนพกแต่ละกระบอกของเกม Valorant ที่แม้แต่ปืนเริ่มต้น หากคุณยิงแม่นพอก็สามารถสังหารผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้ภายในไม่กี่นัด เรามาดูกันว่าปืนพกทั้งหมดเป็นอย่างไรกันบ้าง ไปดูกัน! ================================================== 1. Classic Pistol ปืนพก Classic เป็นปืนพกที่มีให้ใช้ระหว่างเริ่มเกม มีความแม่นยำที่ไว้ใจได้ในระยะใกล้และกลางเป็นหลัก ได้ฟรีตั้งแต่เริ่ม สามารถใช้สังหารกันได้ง่ายๆ ในช่วงต้นเกม ข้อมูลต่างๆ ของปืน: ประเภทของปืน: ปืนพก รูปแบบการยิง: กึ่งอัตโนมัติทีละนัด/เลือกโหมดการยิงได้ด้วยการคลิกขวา อัตราการลั่นกระสุน: 6.75 นัดต่อวินาที โหมดการยิงเสริม: การยิงแบบคลิกขวา: จะเป็นการยิงทีเดียวสามนัด แต่ความแม่นยำลดลงอย่างมาก อัตราการลั่นกระสุนจะลดลงเหลือ 2.22 นัดต่อวินาที พลังการทำลาย: เมื่อยิงจากระยะ 0 ถึง 30 เมตร - ช่วงล่าง: 22 / ลำตัว: 27 / ศรีษะ: 78 เมื่อยิงจากระยะ 31 ถึง 50 เมตร - ช่วงล่าง: 18 / ลำตัว: 22 / ศรีษะ: 66 อื่นๆ อำนาจการทะลุทะลวง: ต่ำ จำนวนกระสุนที่บรรจุ: 12 นัดต่อหนึ่งแม็กกาซีน จำนวนกระสุนสำรอง: 36 นัด ราคาของปืน: ได้ฟรีตั้งแต่เริ่มเกม เมื่อทำการทดสอบยิงด้วยการยิงคลิกซ้ายหนึ่งครั้งและคลิกขวาหนึ่งครั้งก็จะได้เห็นว่า การยิงคลิกซ้ายแบบยืนอยู่กับที่ มีความแม่นยำที่สูงเอาเรื่อง และเมื่อคลิกขวา จะเป็นการยิงทีเดียวสามนิด เมื่อทำการยิงคลิกซ้ายต่อเนื่องจำนวน 12 นัด ในระยะ สิบเมตรก็จะเห็นได้ว่ากลุ่มกระสุนปืนค่อนข้างแม่นยำในช่วงสองสามนัดแรก และหลังจากนั้นกลุ่มกระสุนจะเริ่มดีดขึ้นและกินซ้ายช่วงหนึ่ง ปืนไม่ดีดสูง แต่ก็ยังถือว่าแม่นยำใช้ได้ หากเรานั่งยิงก็จะช่วยลดแรงถีบได้พอสมควร ในระยะใกล้ไม่เกิน 10 เมตรอาจจะกระหน่ำยิงเลยก็ได้ แต่ไกลกว่านั้นก็ควรจะยิงหยอดหรือยิงเป็นชุดสองสามนัดเพื่อหวังผลให้ยิงเข้าศรีษะ ส่วนระยะ 20 เมตรขึ้นไป การยิงแบบทีละนัดเพื่อหวังผลส่วนศรีษะอาจจะไม่ได้แม่นยำขนาดนั้นเพราะกลุ่มกระสุนเริ่มกระจายออก ฉะนั้นควรเล็งส่วนลำตัวจะดีกว่า เมื่อทำการยิงด้วยคลิกขวาที่ออกทีเดียวสามนัด บอกเลยว่าเกาะกลุ่มในระยะต่ำกว่าสิบเมตรออกไปทางพอทนได้ ไกลกว่านี้คือยิงไม่โดนแน่ และอัตราการยิงคลิกขวาที่ต่ำมาก ยังดีที่ปืนมีแรงดีดไม่สูง จึงเหมาะไว้กับดักยิงระยะประชิดตามมุมต่างๆ เน้นสร้างความเสียหายแบบรุนแรงจะเวิร์คกว่าการยิงแบบหวังผล สรุปแล้ว ปืน Classic Pistol มีอำนาจการหยุดยั้งไม่ได้สูงมากมายนัก แต่เพียงพอที่จะใช้สังหารศัตรูในช่วงต้นเกม และยังเป็นปืนที่สามารถคลิกขวาเพื่อยิงสามนัดรวดเพิ่มอำนาจการหยุดยั้งในกรณีฉุกเฉิน ถือว่าเป็นปืนพกครอบคลุมรอบด้านทั้งในการป้องกันตัวและมีความแม่นยำที่จะยิงหัวได้ดี แต่ระยะเกิน 20 เมตรอาจจะไม่ได้หวังผลสูงขนาดนั้น เป็นปืนที่ครอบคลุมในแง่การใช้งานต้นเกมและเป็นปืนป้องกันตัวช่วงกลางเกมถึงท้ายเกมในฐานะปืนสำรองจริงๆ 2. Shorty Sawed-Off Shotgun ปืนลูกซองแฝดด้ามสั้นนี้ ถูกจัดให้เป็นประเภทปืนพกที่คนหยิบจับน้อยที่สุด แต่หารู้หรือไม่ว่ามันมีอานุภาพร้ายแรงซุกซ่อนอยู่ และสามารถใช้เป็นปืนหลักได้ทุกช่วงเกมแล้วแต่รูปแบบเกมจะอำนวย ข้อมูลต่างๆ ของปืน: ประเภทของปืน: ปืนลูกซองแฝด รูปแบบการยิง: การยิงแบบทีละนัดจากลำกล้องทั้งสอง/รีโหลดด้วยการหักลำ อัตราการลั่นกระสุน: 3.3 นัดต่อวินาที โหมดการยิงเสริม: ไม่มีโหมดการเสริมการยิง พลังการทำลาย: ( ลูกปรายจะออกจากปากลำกล้องทั้งหมด 15 นัด ) เมื่อยิงจากระยะ 0 ถึง 9 เมตร - ช่วงล่าง: 10 / ลำตัว: 12 / ศรีษะ: 36 ( ดาเมจต่อลูกปราย 1 นัดที่โดน ) เมื่อยิงจากระยะ 10 ถึง 15 เมตร - ช่วงล่าง: 6 / ลำตัว: 8 / ศรีษะ: 24 ( ดาเมจต่อลูกปราย 1 นัดที่โดน ) เมื่อยิงจากระยะ 16 เมตรขึ้นไป - ช่วงล่าง: 2 / ลำตัว: 3 / ศรีษะ: 9 ( ดาเมจต่อลูกปราย 1 นัดที่โดน ) อื่นๆ อำนาจการทะลุทะลวง: ต่ำ จำนวนกระสุนที่บรรจุ: 2 นัดต่อสองแฝดรังเพลิงในลำกล้อง จำนวนกระสุนสำรอง: 10 นัด ราคาของปืน: 200 เหรียญ เมื่อลองทดสอบด้วยการยิงปืน Shorty ในระยะ 10 เมตร ก็ได้เห็นชัดๆ เลยว่ากลุ่มกระสุนค่อนข้างกินกว้าง แต่หากในระยะนี้เล็งไปที่ลำตัวศัตรู ยังไงก็ตายภายในสองนัดแน่นอน ซึ่งปืนนี้สามารถยิงซ้ำได้ค่อนข้างไว แต่ด้วยที่ว่ามีกระสุนบรรจุพร้อมยิงสองนัด จึงต้องมั่นใจว่าจะต้องโดนเต็มๆ ทั้งสองนัด แต่หากระยะต่ำกว่า 5 เมตร ยังไงนัดเดียวก็ชะตาขาดแม้จะใส่เกราะหนักมาก็ตาม สรุปคือปืน Shorty เหมาะสามารถยิงแบบซึ่งๆ หน้าในระยะประชิดตัวได้ดีเยี่ยม หากผู้เล่นคิดว่าสามารถฆ่าศัตรูได้ภายในสองนัด แต่หากให้ดี คือการเน้นดักยิงตามมุมต่างๆ น่าจะเวิร์คกว่า เพราะหากต้องยิงจนกระสุนหมด มันใช้เวลารีโหลดค่อนข้างนานพอสมควร แต่ด้วยความรุนแรงอันมหาศาลในระยะประชิดก็ถือว่าทดแทนกันได้ 3. Frenzy Machine Pistol ปืนพกกล Frenzy จุดเด่นของมันที่เห็นได้ชัดเจนคือสามารถยิงแบบอัตโนมัติหรือ Full-Automatic ได้ และมันก็มีอำนาจมากพอที่จะใช้ในยามเสียเปรียบหรือเงินซื้อปืนจำกัดเพื่อพลิกสถานะการณ์ให้กลับมาได้เปรียบในระยะเวลาอันสั้นได้ ข้อมูลต่างๆ ของปืน: ประเภทของปืน: ปืนพก รูปแบบการยิง: การยิงแบบอัตโนมัติ ( Full-Automatic ) อัตราการลั่นกระสุน: 10 นัดต่อวินาที โหมดการยิงเสริม: ไม่มีโหมดการเสริมการยิง พลังการทำลาย: เมื่อยิงจากระยะ 0 ถึง 20 เมตร - ช่วงล่าง: 22 / ลำตัว: 26 / ศรีษะ: 78 เมื่อยิงจากระยะ 21 ถึง 50 เมตร - ช่วงล่าง: 17 / ลำตัว: 21 / ศรีษะ: 63 อื่นๆ อำนาจการทะลุทะลวง: ต่ำ จำนวนกระสุนที่บรรจุ: 13 จำนวนกระสุนสำรอง: 39 นัด ราคาของปืน: 400 เหรียญ เมื่อนำปืน Frenzy ทดสอบการยิงหากลุ่มกระสุนด้วยการยิงเป็นชุด ชุดละ 3 นัด ซึ่งก็สักเกตุได้เลยว่า ค่อนข้างแม่นยำสูง ยิงหวังผลได้ในระยะทั้ง 10 เมตรและ 20 เมตร แต่เมื่อห่างออกไปเป็นสามสิบเมตร การยิงเป็นชุดในนัดที่ 3 อาจจะหาความแม่นยำไม่ได้ การยิงเคาะทีละนัดหรือสองนัดจะดีที่สุด และเมื่อทำการกดเมาส์ค้างยิงรัวครบ 13 นัด ซึ่งจะสังเกตุได้ว่านัดที่สามหรือสี่ จะเริ่มดีดขึ้นตรงจนมาถึงนัดที่หกหรือเจ็ดเป็นต้นไป ปืนจะเริ่มส่ายซ้ายขวาอย่างเห็นได้ชัด หากยิงในระยะ 10 เมตรก็ยังพอกดรัวจนหมดแม็กกาซีนได้แค่คงไม่ได้หมดทุกนัด แต่ระยะไกลกว่านี้ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะโดนยิงศัตรูได้เช่นกันเพราะแรงถีบนั้นค่อนข้างสูง โดยรวมแล้วปืน Frenzy นั้นค่อนข้างเหมาะกับการใช้เพื่อ Rush บุกประชิดให้ไว้ที่สุดสำหรับช่วงเกมที่เสียเปรียบและมีวงเงินจำกัดในการต่อสู้แต่ละรอบ เพราะมันสามารถยิงรัวได้ แต่เรื่องความแม่นยำนั้น ยังไม่ถึงกับว่าไว้ใจได้ในระยะกลาง เพราะปืนพก Classic ยังยิงแรงกว่าและให้ความแม่นยำกว่า ฉะนั้นเทคนิคการใช้ปืนนี้เมื่อเจอในระยะหวังผลช่วง 10 เมตรคือ กดยิงรัวออกไปถึงนัดที่ 4 ให้ลองนั่งลงยิง เพราะการลดระดับตัวลงจะสัมพันธ์กับแรงถีบที่ดีดขึ้น อาจจะช่วยคาดหวังให้กระสุนโดนหัวศัตรูมากขึ้น 4. Ghost Suppresor Pistol ปืนพกติดท่อลดเสียง Ghost ซึ่งด้วยรูปร่างปืนสุดเท่พร้อมจะมอบความตายให้กับผู้โชคร้ายโดยยังไม่ทันได้ร้องออกมา ด้วยความเงียบของมันนี้เองจึงเป็นเสมือนภูติผีสมชื่อกับปืนพกกระบอกนี้ ข้อมูลต่างๆ ของปืน: ประเภทของปืน: ปืนพก รูปแบบการยิง: การยิงแบบกึ่งอัตโนมัติทีละนัด อัตราการลั่นกระสุน: 6.75 นัดต่อวินาที โหมดการยิงเสริม: ไม่มีโหมดการเสริมการยิง พลังการทำลาย: เมื่อยิงจากระยะ 0 ถึง 30 เมตร - ช่วงล่าง: 25 / ลำตัว: 30 / ศรีษะ: 105 เมื่อยิงจากระยะ 31 ถึง 50 เมตร - ช่วงล่าง: 21 / ลำตัว: 25 / ศรีษะ: 87 อื่นๆ อำนาจการทะลุทะลวง: ปานกลาง จำนวนกระสุนที่บรรจุ: 15 จำนวนกระสุนสำรอง: 45 นัด ราคาของปืน: 500 เหรียญ ปืนนี้นำปืนพก Ghost ทดสอบการยิงด้วยการยิงทีละนัดด้วยการเคาะเป็นจังหวะช้าๆ ( ไม่กดเคาะรัว ) บอกเลยว่าแม่นยำมากๆ ยิงเข้าร้อยรูทุกนัด แต่ก็มีร่องรอยกระสุนเริ่มเบี่ยงออกมาเล็กน้อย ทำให้ปืนนี้สามารถหวังผลความแม่นยำได้ทุกระยะ แต่อย่าลืมว่าปืนพกก็คือปืนพก อำนาจการหยุดยั้งก็ไม่ได้สูงกว่าปืนประเภทอื่น และเมื่อทำการยิงด้วยการกดคลิกรัวๆ ไปจำนวน 15 นัด ก็บอกเลยว่ายังถือว่าแม่นยำมากในช่วงสามนัดแรด พอนัดที่สี่จะดีดขึ้นเล็กน้อยไม่กลุ่มกระสุนจะกระจายออกนิดหน่อยแต่ยังถือว่ากระสุนเกาะกลุ่มได้ดีมากในระยะ 10 และ 20 เมตร หากไกลกว่านี้ก็แนะนำว่ายิงหยอดทีละนัดเพื่อความแม่นยำจะดีกว่า เมื่อนำกลุ่มกระสุนของปืน Classic และปืน Ghost ตอนยิงแบบคลิกรัวๆ มาเทียบกันแล้วพบว่า ปืน Ghost จะดีดน้อยกว่าและเกาะกลุ่มได้ดีกว่าด้วย โดยรวมแล้ว ปืน Ghost มันคือปืนพก Classic ที่อัพเกราะเข้ามาอีกที ซึ่งการติด Suppressor นี้จะทำให้เราฆ่าศัตรูและไม่ถูกโชว์บน Minimap ( แต่ยังแสดงทิศทางที่เพื่อนเราตายบนกลางจออยู่ดี ) นอกจากนี้ตัวปืนสามารถยิงทะลุ Softwall หรือพวกกำแพงบางๆ อย่างไม้หรือกำแพงบางจุดได้ด้วย ที่สำคัญ ปืนนี้สามารถสังหารศัตรูได้เพียงนัดเดียวเมื่อยิงหัวในระยะต่ำกว่า 30 เมตรกับศัตรูที่ไม่สวมเกราะอีก สำหรับเราแล้วเป็นปืนที่หวังผลได้หลายสถานะการณ์ทั้งใช้เป็นปืนหลักในการป้องกัน, ลอบเร้น และใช้ยิงดวลศัตรูจากระยะกลางได้หากแม่นยำพอ ด้วยราคา 500 เหรียญจึงถือว่าดีมากๆ 3. Sheriff Revolver ปืนลูกโม่ยอดนายอำเภอ Sheriff ถูกออกแบบมาให้มีโม่รองรับกระสุนขนาดใหญ่และลำกล้องที่ยาว เพื่อใช้ต่อกรกับศัตรูที่อึดถึกทน หวังโค่นล้มผู้ร้ายได้ภายในเพียงไม่กี่อึดใจ แต่มันจะแสดงประสิทธิภาพสูงเมื่ออยู่ในเมื่อผู้ชำนานพอที่จะใช้มัน ข้อมูลต่างๆ ของปืน: ประเภทของปืน: ปืนลูกโม่ รูปแบบการยิง: การยิงแบบกึ่งอัตโนมัติทีละนัด อัตราการลั่นกระสุน: 4 รอบช่องโม่ต่อวินาที ( รอบช่องโม่ ไม่ใช่รอบทั้งตัวโม่ปืน ) โหมดการยิงเสริม: ไม่มีโหมดการเสริมการยิง พลังการทำลาย: เมื่อยิงจากระยะ 0 ถึง 30 เมตร - ช่วงล่าง: 46 / ลำตัว: 55 / ศรีษะ: 159 เมื่อยิงจากระยะ 31 ถึง 50 เมตร - ช่วงล่าง: 42 / ลำตัว: 50 / ศรีษะ: 145 อื่นๆ อำนาจการทะลุทะลวง: สูง จำนวนกระสุนที่บรรจุ: 6 จำนวนกระสุนสำรอง: 24 นัด ราคาของปืน: 800 เหรียญ เมื่อทำการลองยิงแบบปราณีต ไม่กดเคาะเมาส์รัว ก็จะเห็นว่าปืนลูกโม่นี้มีความแม่นยำที่สูงมาก แต่ก็ไม่ถึงกับขั้นร้อยรูเรียบเนียนเหมือนกับปืน Ghost นั้นหมายความว่าปืน Sheriff มีความแม่นยำต่ำกว่า Ghost อยู่เล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถยิงเพื่อหวังผลจากระยะไกลได้เช่นเดียวกัน ทว่าการยิงแต่ละนัดนั้นแรงถีบสูงพอตัว การยิงแบบปราณีตรอเป้าหุบในแต่ลำนัดจึงไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่นัก และเมื่อทำการลองยิงแบบกดคลิกรัวๆ ไม่รอเป้าหุบต่อเนื่องจำนวน 6 นัด ทำซ้ำหลายๆ ครั้ง หลายๆ เป้า จนเห็นผลชัดเลยว่า กระสุนสองนัดแรกยังพอมีความแม่นยำบ้าง แต่นัดที่สามเป็นต้นไปหวังผลอะไรไม่ได้แล้ว เบี่ยงซ้ายขวาและดีดขึ้นสูงมากๆ หากยิงรัวหมดโม่ในช่วง 5 เมตรแรกยังพอหวังผลได้ แต่กับในระยะ 10 เมตรค่อนข้างหวังผลยากที่จะยิงให้โดนจนตาย แต่การนั่งยิงนั้นก็พอช่วยได้บ้างในแง่การลดแรงถีบเล็กน้อยและวิถีกระสุนที่ดีดขึ้นสัมพันธ์กับช่วงที่เรานั่งยิงรัวหมดโม่ แต่ก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มโอกาสในการยิงโดนศัตรูมากนัก สรุปแล้วปืนลูกโม่ Sheriff มีความแม่นยำสูง มีอำนาจทะลุทะลวงกำแพงหนาๆ ได้ สามารถสังหารศัตรูให้ตายภายในนัดเดียวแม้ใส่ชุดเกราะหนาเมื่อยิงเข้าหัว ยกเว้นระยะมากกว่า 30 เมตรอาจจะต้องใช้ถึงสองนัด แต่ด้วยความรุนแรงของมันก็แลกกับแรงถีบที่สูง และการยิงซ้ำศัตรูทำได้ค่อนข้างยากจากระยะกลาง จึงเหมาะกับผู้เล่นที่ยิงแม่นๆ เน้นยิงปราณีตต่อสู้ระยะกลางหรือไกล และใช้เป็นปืนหลักได้หากใจแน่พอกับกระสุนจำนวนหกนัดในโม่ ================================================== ก็จบกันไปแล้วกับไกด์เจาะลึกข้อมูลแรง Recoil ของปืนพก หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่เล่นเกม Valorant ไม่มากก็น้อย บทความต่อไปจะมาทำเจาะลึกข้อมูลแรง Recoil ของปืนกลมือและลูกซองกันว่า แต่ละปืนจะเหมาะกับการเล่นรูปแบบไหน อย่าลืมติดตามข่าวสารของพวกเราอย่างใกล้ชิดล่ะ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
18 Jun 2020
Resident Evil: Resistance แนวทางการเล่น Jill สาวแกร่งแห่งหน่วย S.T.A.R.S.
ต้องขอบอกเลยว่า เกม Resident Evil: Resistance เป็นเกมแนวเอาชีวิตรอดแบบ 4 รุมหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งของหมู่แฟนเกม Resident Evil ทั้งการอัพเดตปรับปรุงแก้ไขกันแทบจะตลอดเวลา รวมถึง Road-map เส้นทางการอัพเดตของเกมช่วงแรกๆ ก็ทำเอาผู้เล่นตื่นเต้นอย่างการอัพเดตตัวละครผู้รอดชีวิตคนใหม่อย่าง Jill Valentine และในเดือนพฤษภาคมนี้ก็จะอัพเดตตัวละคร Mastermind อย่าง Nicolai ที่กำลังจะอัพเดตในอีกไม่ช้าด้วย บทความนี้จะมาเจาะลึกข้อมูลต่างๆ ของ Jill Valentine กับเทคนิคการเล่นเอาตัวรอดบนการทดลองที่สุดแสนทารุณ ซึ่งบอกเลยว่าสไตล์การเล่นของเธอค่อนข้างเล่นยากและต้องใช้ฝีมือขั้นสูงเพื่อดึงความสามารถของเธอได้ถึงขีดสุด มีอะไรบ้างไปดูกัน ================================================== Jill Valentine กับฝันร้ายที่ต้องฝ่าออกไปไม่มีที่สิ้นสุด Jill Valentine นั้น เธอเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของหน่วย Special Tactics and Rescue Service หรือมีชื่อย่อว่าหน่วย S.T.A.R.S. ซึ่งเธอได้ทำการสืบสวนเกี่ยวกับคดีของ Umbrella บริษัทที่มีเวชภัณฑ์เป็นงานบังหน้าแต่เบื้องหลังนั้นคือการทดลองอาวุธชีวภาพสุดแสนน่ากลัวเพื่อหยุดสิ่งน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นในเมืองแรคคูน แต่ทุกครั้งที่เธอได้พักผ่อนและหลับตาลง "ฝันร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุด" ก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อในความฝันเธอพบว่า เธอได้ถูกจับในห้องทดลองร่วมกับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ที่กำลังหาทางเอาตัวรอดเช่นกัน แต่ไม่นานนักเธอก็ได้รับรู้ว่า "ฝันร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้" มันเริ่มชัดเจนและเริ่มเป็นจริงขึ้นมาทุกที... Skill ต่างๆ ของตัว Jill Valentine สกิล Fever ของ Jill: S.T.A.R.S. Armory สกิลท่าไม้ตายของ Jill เมื่อเกจ Fever ของเธอเต็ม จะเป็นการใช้งานอาวุธพิเศษของตัวเธอเองเพื่อสังหารศัตรูอย่างรวดเร็วและรุนแรงในเวลาจำกัด โดยสกิล Ultimate จะถูกแยกย่อยออกไปเป็นสองสกิลดังนี้ Samurai Edge: เมื่อใช้งานสกิล S.T.A.R.S. Armory ตัว Jill จะทำการหยิบปืนพก Beretta M92FS รุ่นปรับแต่งพิเศษภายใต้ชื่อว่า Samurai Edge ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายแก่เหล่า B.O.W ได้อย่างรุนแรง รวดเร็ว อำนาจการทะลุทะลวงที่สูงและทำให้พวกมันกระเด็นถอยหลังออกไปได้ โดยจะมีเวลาการใช้จำกัดและมีกระสุนพร้อมยิงให้ 7 นัด หลังจากสิ้นสุดการใช้สกิล จะมีระยะเวลา Cooldown: 240 วินาที Rocket Launcher: เมื่อใช้งานสกิล S.T.A.R.S. Armory ตัว Jill จะทำการหยิบเครื่องยิงจรวจ M202A1 Flash ซึ่งเป็นเครื่องยิงจรวจสี่ลำกล้องออกมา ถึงมันจะยิงช้าแต่ทุกนัดที่ยิงออกไป จะสร้างความเสียหายที่รุนแรงมากๆ และมีรัศมีระเบิดที่เป็นวงกว้าง เมื่อยิงออกไปแล้วก็จะมาพร้อมกับคำสบถของ Jill พูดออกมาด้วย ( เหมือนคุณเธอเองจะสะใจที่ได้ใช้มันมากเลยนะ ) หลังจากสิ้นสุดการใช้สกิล จะมีระยะเวลา Cooldown: 300 วินาที โดยสามารถใช้งานสกิลนี้ได้เมื่อตัวละครเลเวล 23 สกิลที่กดใช้เฉพาะของ Jill: Evade สกิลเฉพาะของ Jill นั้นเมื่อกดใช้แล้วจะเป็นการโยกหลบศัตรูอย่างรวดเร็ว สามารถโยกหลบได้อย่างอิสระหลายทิศทาง โดยจะมีสองความสามารถย่อยเสริมเข้ามาดังนี้ Rapid Cooldown: เมื่อ Jill โยกหลบ จะมีระยะเวลา Cooldown เพียงแค่ 5 วินาทีเท่านั้น Alpha Team: เมื่อ Jill โยกหลบศัตรูได้สำเร็จ จะเพิ่มอำนาจการยิงแบบคริติคอลให้กับเธอเป็นเวลาสั้นๆ ซึ่งมีประโยชน์มากเมื่อยิงไปที่หัวของ B.O.W มีระยะเวลา Cooldown 15 วินาที โดยสามารถใช้งานสกิลนี้ได้เมื่อตัวละครเลเวล 11 สกิล Passive ที่ 1: B&E Specialist อดีตของ Jill ก่อนที่จะมาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วย S.T.A.R.S. เธอเคยเป็นทหารหน่วย Delta Force มาก่อน ซึ่งทักษะทหารของเธอที่ได้มานั้น เสริมความสามารถของเธอให้แกร่งยิ่งขึ้น โดยจะมีสกิลย่อยสองสกิลดังนี้ Breakaway: เมื่อ Jill ถูก B.O.W จับจากข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นซอมบี้, หมาซอมบี้หรืออื่นๆ เธอจะใช้มีดสั้นแทงสวนพวกมันเพื่อให้หลุดจากการโดนจับได้ โดยจะสามารถใช้งาน Passive นี้ได้เมื่อเกจสกิล S.T.A.R.S. Armory เต็มเท่านั้น และทุกครั้งที่ใช้จะส่งผลต่อ Cooldown ของสกิล S.T.A.R.S. Armory ที่จะเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย Countersurveillance: Passive นี้จะทำให้เธอยิงกับดักและกล้องวงจรปิดของ Masterminds ได้รุนแรงมากขึ้น โดยมันจะส่งผลเมื่อเกจสกิล S.T.A.R.S. Armory เต็มเท่านั้น และตัวละครจะต้องมีเลเวล 5 ขึ้นไปถึงจะใช้ความสามารถนี้ได้ สกิล Passive ที่ 2: Delta Force Jill นั้นเป็นถึงอดีต Delta Force หญิงคนแรกของหน่วย แน่นอนว่าฝีมือการยิงปืนของเธอนั้นสูงมาก ทำให้มั่นใจได้เลยว่าเป้าที่เธอเล็งจะไม่มีวันพลาด โดยจะมี Passive ย่อยให้ใช้สองสกิลดังนี้ Precision: เมื่อ Jill ได้ทำการเล็งพร้อมกับเคลื่อนที่ เป้าจะไม่บานออก ส่งผลทำให้การยิงใส่ศัตรูมีความแม่นยำมากขึ้น Marksman: เมื่อ Jill ได้ทำการเล็งโดยเป้าเล็งหุบอยู่นั้น เธอจะสร้างความเสียหายได้มากขึ้นกว่าปกติ โดยจะสามารถใช้ความสามารถนี้ได้เมื่อตัวละครมีเลเวล 17 ตำแหน่งการเล่นของ Jill Valentine Jill Valentine เป็น Survivor สายทำ Damage ด้วยการใช้อาวุธปืนเป็นหลักเหมือนกับ January และ Becca แต่จะมีความแตกต่างอยู่ที่ Jill เน้นการเข้าบู้ในแนวหน้ามากกว่าการยิงสนับสนุน ทำให้เธอเหมาะกับการยืนอยู่ในแถวสองร่วมกับ Survivor สายแทงค์คนอื่นๆ คอยสนับสนุนการสร้างความเสียหายให้ได้มากที่สุด แต่หากผู้เล่นที่เล่น Jill จนชำนาญแล้ว เธอสามารถลุยเดี่ยว แยกกับทีมในการทำ Objective ได้อย่างสบายๆ เนื่องจากสกิลเอาตัวรอดอย่าง Evade เพื่อหลบหลีกพร้อมกับ Passive B&E Specialist ที่จะช่วยให้เอาตัวรอดได้เกือบทุกสถานะการณ์ แต่ต้องมั่นใจว่า การแยกไปช่วยทำ Objective อาจจะทำให้เกมจบไวขึ้น แต่บางครั้งทีมก็อาจจะขาดคนทำ Damage Dealer ด้วยเช่นกัน ฉะนั้นหากเป็นพวกฉายเดี่ยว ก็อย่าแยกจากทีมห่างเกินไป โดยเฉพาะ Stage สุดท้ายที่ต้องการ Damage ในการทำลายหลอดทดลองนั้นเอง อาวุธที่เหมาะสมกับ Jill Valentine อาวุธที่เหมาะสมกับเธอ แน่นอนว่าจะต้องเป็นอาวุธปืนอยู่แล้ว แต่หากแนะนำให้เน้นไปที่ปืนพกเป็นหลักจะดีที่สุดเพราะ Jill แม้จะเป็นตัวสร้างความเสียหายให้กับทีม แต่เธอก็ต้องการความคล่องตัวเช่นกัน ส่วนพวกปืนกลหรืออาวุธหนักต่างๆ ก็สามารถใช้งานได้ แต่อาจจะไม่ได้ดีเท่า Becca ที่มีสกิลและ Passive เอื้ออำนวยกว่า ฉะนั้นหากมีเงินเหลือเฟือจริงๆ หยิบใช้ปืน .44 Magnum จะเข้ามือที่สุด แต่กระสุนในตัวต้องเยอะหน่อยนะ ข้อควรระวังในการเล่น Jill Valentine เพราะตัว Jill นั้นมีความสามารถครบเครื่องจนแทบไม่ต้องพึ่งพาอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ก็อย่าลืมว่าเธอไม่ใช่ตัวชน ฉะนั้นหากโดนโจมตี พลังชีวิตก็แทบจะหายฮวบไปด้วย หากไม่ชำนาญในการเล่น Jill ก็แทบจะต้องพึ่งพายาเพิ่มเลือดหรือสกิลรักษาของ Valerie อีก ส่วนสกิล Evade แม้จะใช้โยกหลบได้ แต่หลังจากโยกตัวหลบ ตัว Jill จะชะงักเล็กน้อย ฉะนั้นหากโยกหลบผิดตำแหน่งหรือโยกหลบไม่ดูทิศทาง อาจจะโดนเล่นงานได้ง่ายเช่นกัน และสุดท้าย การใช้สกิล S.T.A.R.S. Amory ก็สำคัญเช่นกันเพราะแม้จะมีความรุนแรง มีอำนาจทะลุทะลวงและผลักศัตรูได้ แต่กระสุนที่ได้ก็น้อยนิดเช่นกัน ฉะนั้นทุกครั้งที่ลั่นออกไป ไม่ว่าจะเป็นตัว Samurai Edge หรือ Rocket Launcher ต้องใช้อย่างคุ้มค่าจริงๆ ไม่สามารถใช้พร่ำเพื่อได้ ที่สำคัญเมื่อใช้จนหมดแล้ว ระยะเวลา Cooldown ก็นานมากๆ และทำให้ Passive B&E Specialist ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราวจนกว่าเกจสกิล S.T.A.R.S. Amory จะเต็มอีกครั้ง ================================================== และทั้งหมดนี้ก็คือการเจาะลึกสกิลและเทคนิคในการเล่นของตัว Jill Valentine จากเกม Resident Evil: Resistance โดยส่วนตัวแล้วหากให้ความยากในการเล่น ถือว่าเป็นตัวละครที่เล่นค่อนข้างยาก เนื่องจากความครบเครื่องของเธอและพึ่งพาการยิงที่แม่นยำของตัวผู้เล่นเอง ทุกนัดที่เธอยิงจึงมีความคุ้มค่าและชีเป็นชีตายให้กับตัวเองรวมถึงเพื่อนร่วมทีมด้วย เพราะเกมนี้ต้องพึ่งพาทีมยังไงล่ะ! ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่    
07 May 2020
ไกด์ Resident Evil: Resistance ข้อมูลการเล่น Survivor ทั้ง 6 คน
หลังจากบทความแรกเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ ของเหล่า Masterminds ในเกม Resident Evil: Resistance กันไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงคิวของเหล่า Survivor ทั้ง 6 คนของเกมนี้กันบ้าง ซึ่งแต่ละคนมีประวัติและสกิลที่น่าสนใจอย่างมากเลยล่ะ ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่าเกมนี้เป็นเกมแนวเอาตัวรอดแบบ 4 ต่อ 1 ซึ่งหากเหล่าผู้รอดชีวิตใช้ทักษะต่างๆ ได้คล่อง ร่วมมือกับผู้เล่นคนอื่นๆ ก็จะสามารถผ่านได้อย่างไม่ยากเย็น บทความนี้ทาง GameFever TH จะมาพูดถึงความสามารถต่างๆ ของ Survivor และแนวทางการเล่นให้ได้อ่านกัน ================================================== จุดประสงค์การเล่นของเหล่า Survivor Survivor หรือกลุ่มผู้รอดชีวิต จะเป็นการบังคับผ่านมุมมองบุคคลที่สามหรือ Third Person Shooting เท่านั้น พวกเขาเหล่านี้หากไม่ถูกลักพาตัวมาด้วยเหตุผลที่รู้เรื่องด้านมืดของบริษัทอัมเบลล่าเยอะเกินไป ก็ถูกหลอกให้ร่วมโครงการแปลกๆ เพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว แต่ความหวังนั้นก็ยังคงมีอยู่เมื่อหนหางเดียวที่จะออกไปจากที่นี่ได้คือร่วมมือกับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ฝ่าอุปสรรค นรกบนดินแห่งนี้แล้วออกจากที่นี่ไปด้วยกัน ด้วย Skill ของเหล่า Survivor จะมีความสามารถและความถนัดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครเก่งเหนือกว่าใคร และหากขาดใครไปสักคนก็จะทำให้ผ่านได้ยากมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ฉะนั้นรู้หน้าที่ตัวเองแล้วอย่าไปซ่าหรือแยกออกไปคนเดียวหากไม่มีความจำเป็น เพราะถ้าเราตกอยู่ในอันตรายเมื่อไหร่ เวลาที่กำหนดชีวิตไว้ก็จะลดลงไปอย่างรวดเร็ว โดยอุปสรรคทั้งหมดที่จะต้องฝ่ามีอยู่ 3 Stage ด่านแรกต้องหาชิ้นส่วนปริศนาเพื่อเปิดประตู, ด่านที่สองจะต้องหากุญแจจากซอมบี้ที่ถือกุญแจอยู่ แล้วปลดล็อคอุปกรณ์นิรภัยสามจุด, และด่านสุดท้ายคือทำลายหลอดทดลองสามแห่งแบบสุ่มก่อนรอเปิดประตูทางออกเพื่อหนี ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ Survivor ควรรับรู้...ร่วมงานกับทีม ปกป้องกันและกัน และฝ่าออกไปจากที่นี่ให้ได้ แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น เราจะต้องรู้ก่อนว่า Skill ของ Survivor แต่ละคนมีอะไรกันบ้าง Valerie นักศึกษาไฟแรงจบเคมีแต่โดนอัมเบลล่าหลอกมา Valerie Harmon เป็นนักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเมืองแรคคูน สาขาเคมี ตัวเธอมีพรสวรรค์ในการคิดค้นเทคโนโลยีเคมีเพื่อการรักษา โดยคาดหวังว่าเรียนจบแล้วจะไปทำงานต่อที่บริษัทอัมเบลล่าที่ขึ้นชื่อในเรื่องเวชภัณฑ์อันดับหนึ่งของอเมริกา ซึ่งความคาดหวังของเธอก็เป็นจริงเมื่อทางบริษัทเสนอให้เธอมาฝึกงานที่ศูนย์วิจัยใต้ดิน NEST2 ของอัมเบลล่า ระหว่างที่เธอฝึกงานอยู่นั้นก็ได้สังเกตุว่าเพื่อนร่วมงานของเธอที่เป็น Roomate จำอะไรไม่ได้หลังเข้ารับการทดลองลับสุดยอด ซึ่งหารู้ไม่ว่ามันคือการป้องกันข้อมูลลับรั่วไหลเลยทำให้เพื่อนของเธอเสียความทรงจำส่วนไหนไป Valerie เลยตัดสินใจสืบสวนจนได้พบข้อมูลลับที่ว่า มันคือโปรเจค T-Virus ที่จะใช้เป็นอาวุธชีวภาพ แน่นอนว่าการกระทำของเธอถูกเบื้องบนจับตามอง จึงตัดสินใจลักพาตัวพร้อมจับมาทำการทดลองประสิทธิภาพของพวก B.O.W ร่วมกับผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นด้วย สกิล Ultimate ของ Valerie: Modified First Aid Spray เมื่อเกจ Ultimate ของเธอเต็ม จะเป็นการใช้สเปรย์รักษาแผลที่เธอดัดแปลงขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยจะตั้งไว้บนพื้นและทำการ Heal เพื่อนร่วมทีมรอบตัว อีกทั้งสามารถใช้ช่วยเพื่อนที่ล้มอยู่, รักษาอาการผิดปกติรวมถึงรักษาการติดไวรัสด้วย เวลา Cooldown: 150 วินาที สกิลที่กดใช้เฉพาะของ Valerie: Survival Instinct เมื่อกดใช้ จะเป็นการ Scan ค้นหาของรอบตัวของเธอ ทั้งกระสุน, ยา, Key Item หรือแม้กระทั่งเหล่า B.O.W ทำให้เรารู้ตำแหน่งที่แน่ชัดว่าอะไรอยู่ตรงไหนได้ เวลา Cooldown: 30 วินาที สกิล Passive ที่ 1: Biochem Expertise เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมยืนใกล้เธอ จะได้รับผล Effect พิเศษ โดยสามารถเลือกได้ว่าจะให้เป็นสกิลที่ใช้ไอเท็มฟื้นฟูเลือดได้เยอะขึ้นหรือทำให้เพื่อนร่วมทีมใช้อาวุธปืนยิงใส่ศัตรูทำให้สามารถลบล้าง Buff ในตัวของมันได้ สกิล Passive ที่ 2: Explosive Knowledge เป็นสกิลติดตัวที่สามารถเลือกได้สองอย่างคือ อย่างแรกเมื่อเธอฆ่าศัตรูจะมีโอกาสดรอประเบิดมือหรือระเบิดแสง อย่างที่สองคือเธอจะสามารถใช้ระเบิดที่มีใน Inventory ยัดปากศัตรูเพื่อไม่ให้โดนทำร้ายได้ January แฮคเกอร์ที่ต้องการความจริงจากอัมเบลล่า January Van Sant เป็นแฮคเกอร์มือฉกาจที่ได้รับการว่าจ้างจาก News Comet สำนักข่าวชื่อดังในเมืองแรคคูน ให้ค้นหาไฟล์เกี่ยวกับการซื้อขายของบริษัทอัมเบลล่าและกรมตำรวจแรคคูน แต่พลาดท่าถูกอัมเบลล่าดักฟังข้อมูลทำให้เธอถูกตำรวจที่รับสินบนจากอัมเบลล่าซ้อนแผนและลักพาตัวมาที่นี่ด้วยเช่นกัน เธอเป็นตัวขัดขวางการเดินหมากของ Masterminds ที่เกือบทุกเกมต้องมีคนหยิบเธอมาเล่น ไม่เช่นนั้นจะทำให้การผ่านด่านเป็นเรื่องลำบากขึ้นมาทันที สกิล Ultimate ของ January: EMP เมื่อเกจ Ultimate ของเธอเต็ม จะเป็นการใช้คลื่น EMP แรงสูง ส่งผลต่อ Masterminds โดยตรง ทำให้การ์ดของ Masterminds ที่อยู่บนมือต้องใช้ค่า SP อย่างมหาศาลในการเรียก B.O.W หรือการ์ดต่างๆ เป็นการที่ทำให้ Masterminds ปวดหัวหรือยอมเสียเวลาไม่ลงการ์ดเพิ่มเพื่อไม่ให้สูญเสีย SP โดยใช่เหตุ เวลา Cooldown: 180 วินาที สกิลที่กดใช้เฉพาะของ January: Overlord เมื่อกดใช้ไปที่กล้องวงจรปิด จะเป็นการทำให้กล้องวงจรปิดตัวนั้นสัญญาณขาดหายไปชั่วคราว Masterminds ไม่สามารถใช้กล้องวงจรปิดตัวนั้นได้ ต้องรอสักพักกว่าจะกลับมาใช้ได้ตามปกติ เวลา Cooldown: 60 วินาที สกิล Passive ที่ 1: Disruptor Round เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้ January สามารถยิงใส่กล้องวงจรปิดให้พังไวขึ้น โดยจะมีทางเลือกสองทางคือ สามารถเพิ่มความเสียหายต่อกล้องแบบมหาศาล 2 นัดกล้องพังหรือยิงใส่กล้องวงจรปิดที่ Masterminds ใช้งานอยู่ จะเป็นการหยุดการฟื้นฟูค่า SP เป็นเวลา 1 วินาทีแทน สกิล Passive ที่ 2: Cyber Monday เป็นสกิลติดตัวที่ลดราคาของต่างๆ ในกล่องขายของ โดยเลือกได้ว่า จะลดราคากระสุน สมุนไพรและอุปกรณ์ต่างๆ หรือสุ่มลดราคาอาวุธปืน Tyrone นักผจญเพลิงผู้อับโชคต้องติดอยู่ในขุมนรก Tyrone Henry นักผจญเพลิงผู้ผ่านประสบการณ์มามากมายของเมืองแรคคูน ครั้งหนึ่งเขาได้เคยไปดับเพลิงในห้องทดลองแห่งหนึ่งของอัมเบลล่า แต่หลังจากเหตุเพลิงไหม้สงบลง ก็ไม่มีใครเห็นเขากลับออกมาอีกเลย หลายคนคิดว่าเขาตายไปแล้ว แต่แท้จริงนั้นอัมเบลล่าไม่ต้องการให้คนภายนอกรับรู้เรื่องนี้จึงได้ทำการปิดปากเขาและจับมาใช้เป็นหนูทดลองแทน Tyrone นั้นเปรียบเสมือนตัวชนของทีม ทั้งความสามารถในการขัดขวางศัตรู และการเสริมความแข็งแกร่งเพื่อรับความเสียหายไว้ที่เขาได้ ทำให้หลายคนเลือกที่จะหยิบเขามาเล่นเป็นคนแรกๆ ไม่ค่อยเหมาะกับการใช้อาวุธปืนนัก สกิล Ultimate ของ Tyrone: Rally เมื่อเกจ Ultimate ของเขาเต็ม เวลากดใช้จะเป็นการตะโกนสุดเสียง ทำให้ตัวเองและเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ใกล้ๆ ได้รับสถานะการป้องกันที่สูงขึ้น และลดความเสียหายที่ได้รับจากทุกอย่างลงทั้งหมด เวลา Cooldown: 120 วินาที สกิลที่กดใช้เฉพาะของ Tyrone: Power Kick เมื่อกดใช้จะเป็นการถีบใส่ศัตรูอย่างรุนแรง หากเป็นซอมบี้หรือ B.O.W ทั่วไปจะทำให้ล้มลงไปนอน แต่หากเป็น Ultimate B.O.W จะเป็นการทำให้พวกมันชะงักและสามารถใช้ขัดขวางขณะที่เพื่อนกำลังถูกจับ One Hit Kill ได้อีกด้วย เวลา Cooldown: 9 วินาที สกิล Passive ที่ 1: Firefighter เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้ Tyrone โดนความเสียหายที่เป็นประเภทกับดักลดลงอย่างมาก หรือเลือกที่จะทำให้ตัวเขาเองช่วยแก้กับดักให้เพื่อนไวขึ้น สกิล Passive ที่ 2: Determination เป็นสกิลติดตัวที่ตัวเขาจะฟื้นฟูเลือดอัตโนมัติเมื่อเลือดเหลือน้อยหรือเลือกความสามารถที่เมื่อตัวเขาล้มลงไปหนึ่งครั้ง จะได้รับผลของ Yellow Herb และคูลดาวน์ของสกิล Ultimate จะลดลง Samuel ชายผู้ยอมทุกอย่างเพื่อรักษาอาการของตัวเอง Samuel Jordan เป็นนักมวยดาวรุ่งที่คว้าชัยมาอย่างมากมาย แต่ทว่ามีการขึ้นชกครั้งหนึ่งที่ทำให้เขาได้รับอาการบาดเจ็บที่ยากจะรักษา เขายอมให้อัมเบลล่าได้ทำการทดลองตัวเขา แม้อาการจะหายเป็นปลิดทิ้ง แต่เขาก็ถูกจับมาทดลองสุดโหดในครั้งนี้ต่อด้วย Samuel นั้นเสมือนเป็นตัว Fighter ให้กับทีม เน้นการโจมตีที่รุนแรงในระยะประชิด ทำให้แทบไม่ต้องพกอาวุธปืนอะไรเลย และเป็นตัวที่ทำลาย Object ที่ดีเยี่ยมอีกด้วย สกิล Ultimate ของ Samuel: Fist of Iron เมื่อเกจ Ultimate ของเขาเต็ม เวลากดใช้จะเป็นการใช้หมัดแทนอาวุธที่ถือ ออกหมัดต่อยด้วยความรวดเร็ว สร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องได้สูงมากๆ เวลา Cooldown: 120 วินาที สกิลที่กดใช้เฉพาะของ Samuel: Dash Punch เมื่อกดใช้จะเป็นการพุ่งเข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมต่อยเป็นชุดใส่ศัตรู และมีโอกาสเล็กน้อยที่จะติดคริติคอล เวลา Cooldown: 2 วินาที สกิล Passive ที่ 1: Firefighter เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้เขาต่อยศัตรูที่อยู่ใกล้ตัวเขาแรงขึ้น มีผลต่อหลอดทดลอง, กับดักและพวก B.O.W ทั้งหมด หรือจะเป็นการเพิ่มความเสียหายให้กับอาวุธระยะประชิดแต่แลกกับการที่อาวุธพวกนั้นจะพังไวขึ้น สกิล Passive ที่ 2: Adrenaline เป็นสกิลติดตัวเมื่อเขาฆ่าศัตรูได้จะลดคูลดาวน์สกิล Ultimate ลง 3 วินาที หรือเลือกที่หากเขาต่อยแบบติดคริติคอลได้ คูลดาวน์สกิล Ultimate จะลดลง 20 วินาทีแทน Martin ชายดวงซวยที่พบเจอทางลับอัมเบลล่าโดยบังเอิญ Martin Sandwich ช่างกลอัจฉริยะที่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรและกลไกต่างๆ มากมาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาได้ค้นพบกลไกที่พาไปศูนย์วิจัยลับของอัมเบลล่าจากโรงพยาบาลสเปนเซอร์ ทำให้เขาถูกทางคนของอัมเบลล่าจับตัวไปและถูกจับทดลองร่วมกับคนอื่นๆ Martin เป็นสายสนับสนุนที่เคยแก้กับดักให้กับเพื่อนร่วมทีมได้เดินทางสะดวกขึ้น และมีแฟลชกำลังสูงที่จะทำให้ศัตรูทุกตัวต้องชะงักลงได้ สกิล Ultimate ของ Martin: Flash Baton เมื่อเกจ Ultimate ของเขาเต็ม เวลากดใช้จะเป็นการหยิบกระบอกแฟลชออกมาใส่ศัตรูที่อยู่โดยรอบ ทำให้พวกมันแสบตาและชะงักไปชั่วครู่ เวลา Cooldown: 120 วินาที สกิลที่กดใช้เฉพาะของ Martin: Makeshift Mine เมื่อกดใช้จะเป็นการวางกับดักไฟฟ้า เมื่อศัตรูโดนเหยียบจะทำให้โดนไฟฟ้าช็อตและติดสถานะอัมพาตชั่วคราว เวลา Cooldown: 45 วินาที สกิล Passive ที่ 1: Life Hack เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้เขาเพิ่มโอกาสติดคริติคัลเมื่อโจมตี และสามารถซ่อมแซมอาวุธประชิดได้มากกว่าคนอื่นๆ หรือจะเลือกให้เขาสามารถทนทานต่อการติดเชื้อได้มากกว่าคนอื่นๆ ได้เช่นกัน สกิล Passive ที่ 2: Sapper เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้เขาสามารถแก้กับดักโดยที่ทำให้กับดักไม่ทำงาน เลือกที่จะทำให้ตัวเองแก้กับดักไวขึ้นหรือเป็นการสร้าง Makeshift Mine แทนกับดักของ Masterminds แทนก็ได้ Becca สาวเคราะห์ร้ายที่ตื่นมาไม่รู้ตัวว่าอยู่ที่ไหน Becca Woolett สาวชนบทที่มีครอบครัวเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืน เธอถูกฝึกการใช้ปืนจากลุงตั้งแต่เด็กๆ โตขึ้นมาจึงทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานในเมืองแรคคูน เมื่อเธอได้รับแจ้งเหตุร้ายในบริเวณแม่น้ำมาเบิล แต่กลับถูกหมาซอมบี้โจมตีจนสลบ หลังจากเธอฟื้นสติขึ้นมาก็อยู่ในห้องทดลองของอัมเบลล่าร่วมกับคนอื่นเสียแล้ว Becca เปรียบเสมือนเป็น Maskman ให้กับทีม สร้างความเสียหายจากระยะไกลด้วยอาวุธปืนของเธอเอง สกิล Ultimate ของ Becca: Bullet Storm เมื่อเกจ Ultimate ของเธอเต็ม เวลากดใช้จะทำให้อาวุธของเธอได้รับกระสุนไม่จำกัดช่วงระยะเวลาหนึ่ง และสามารถยิงได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้อง Reload เวลา Cooldown: 150 วินาที สกิลที่กดใช้เฉพาะของ Becca: Sentry Stance เมื่อกดใช้ ตัวเธอจะทำการนั่งยิง เพิ่มความแม่นยำ, ลดแรงถีบและเพิ่มความเสียหายให้กับอาวุธปืนของเธอเอง แต่เธอจะขยับไปไหนไม่ได้จนกว่าจะกดยกเลิกสกิลอีกครั้ง เวลา Cooldown: 10 วินาที สกิล Passive ที่ 1: Bullseye เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้เธอเพิ่มโอกาสการยิงติดคริติคอล สามารถเลือกได้ว่าจะเพิ่มการติดคริติคอลเมื่อเธอยิงตอนเป้าหุบเต็มที่ หรือตอนเป้ายังไม่หุบ สกิล Passive ที่ 2: Scavager เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้เธอเพิ่มโอกาสดรอปกระสุน โดยเลือกได้ว่า หากฆ่าศัตรูได้จะดรอปกระสุนเล็กน้อย หรือฆ่าได้ด้วยการยิงหัวจะดรอปกระสุนมากกว่าเดิม ================================================== นี่คือข้อมูลไกด์โดยรวมทั้งหมดของเหล่า Survivor ทั้งหกในเกม Resident Evil: Resistance หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เล่นเกมนี้ไม่มากก็น้อย บทความต่อไปจะเป็นการพูดถึง Survivor คนใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเข้ามาอย่าง Jill Valentine แบบเจาะลึกกัน รวมถึงเทคนิคการเล่นทั้ง Survivor และ Masterminds เตรียมรอรับชมกันได้เลย! ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่    
20 Apr 2020
ไกด์ Resident Evil: Resistance ข้อมูลการเล่น Mastermind ทั้ง 4 คน
หลังจากตัวเกม Resident Evil 3 Remake วางจำหน่ายได้ไปก็ใกล้จะครบหนึ่งเดือนแล้ว ก็ได้เสียงตอบรับในทางที่ค่อนข้างดีไม่แพ้ Resident Evil 2 Remake ที่ปล่อยวางจำหน่ายเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็มีเกมหนึ่งที่พ่วงแถมมากับภาคสามนี้ด้วยก็คือ Resident Evil: Resistance ซึ่งเป็นเกม Multiplayer แนวเอาชีวิตรอดแบบ 4 ต่อ 1 คือผู้รอดชีวิตที่ถูกจับมาทดลองสี่คน และมีอีกหนึ่งคนซึ่งจะเป็น Mastermind หรือผู้ควบคุมไม่ให้พวกเขามีชีวิตรอดออกไปได้ โดย Masterminds หรือผู้ควบคุมนั้น จะมองเหล่าผู้รอดชีวิตที่ถูกจับมาเสมือนหนูทดลอง การที่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก จึงได้ทำการสร้างเส้นทางที่ยากลำบากรอต้อนรับพวกผู้รอดชีวิต พร้อมกับการได้ทดสอบอาวุธชีวภาพของผู้ควบคุมว่ามีค่าพอที่จะกลายเป็นอาวุธสงครามชั้นยอดหรือไม่...และบทความนี้ทาง GameFever TH จะมาพูดถึงความสามารถต่างๆ ของ Masterminds และแนวทางการเล่นให้ได้อ่านกัน ================================================== จุดประสงค์การเล่นของเหล่า Masterminds Masterminds หรือผู้ควบคุมนั้น จะมีมุมมองการเล่นแบบ RTS Strategy ผ่านมุมกล้องวงจรปิด ซึ่งจะได้รับการ์ดเหล่า B.O.W ในรูปแบบต่างๆ กันออกไป รวมถึงกับดักและการติดตั้งอาวุธปืนให้กับกล้องวงจรปิด โดยการ์ดพวกนี้จะใช้ค่า SP จำนวนหนึ่ง ซึ่งค่า SP สามารถฟื้นฟูได้อัตโนมัติอย่างช้าๆ ด้วยการวางการ์ดต่างๆ จะมีค่า SP ที่ต้องใช้ต่างกันไปขึ้นอยู่กับความสามารถของการ์ดเช่นการใช้การ์ดซอมบี้ทั่วไป จะเสีย SP น้อย แต่หากเป็นซอมบี้สวมเกราะ ก็จะใช้ SP ที่สูงขึ้น ฉะนั้น การวางเหล่า B.O.W ในตำแหน่งที่เหมาะสม หรือจังหวะที่เหมาะกับการใช้งานพวกมัน จะทำให้เหล่าผู้รอดชีวิตเสียเวลาและปวดหัวไปตามๆ กัน และเมื่อถึงเวลาที่สมควร ก็สามารถเรียกไพ่ตายหรือ Ultimate B.O.W เพื่อปิดงานและสร้างความกดดันให้กับเหล่าผู้รอดชีวิตได้อย่างมาก แต่การใช้ Ultimate B.O.W เราจะเป็นคนบังคับควบคุมด้วยตัวเอง จะไม่สามารถใช้งานการ์ดต่างๆ หรือกลับเข้าหน้ากล้องวงจรปิดได้ชั่วคราว ระวังจุดนี้เอาไว้ด้วย ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือสิ่งที่ Masterminds ต้องทำ...ขัดขวางด้วยทุกอย่างที่มีจนกว่าเวลาจะหมด ถือว่าสิ้นสุดงานของ Masterminds แล้ว เอาล่ะ! มาดูกันว่า Masterminds ในเกมที่มีให้เล่นทั้งสี่คนมีความสามารถอะไรบ้าง Annette Birkin นักวิทยาศาสตร์หนึ่งในผู้คิดคน G-Virus Annette Birkin เป็น Masterminds สายที่เน้นจำนวนของเหล่า B.O.W และเสริมการลง B.O.W ได้ไวขึ้น โดยชื่อของเธอนี้หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีในเกม Resident Evil 2 ทั้งภาคออริจินัลและภาครีเมค เธอเป็นตัวละครสำคัญในเกมภาคสองเพราะเป็นถึงภรรยาของ William Birkin และเป็นแม่ของ Sherry Birkin อีกด้วย ที่สำคัญ เธอเป็น Masterminds ที่เหมาะกับมือใหม่หัดเล่นได้ลองกันเพราะใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อนไม่ยุ่งยากนั้นเอง สกิลการ์ด Ultimate: G-Birkin เมื่อเกจ Ultimate ของ Annette เต็ม ก็จะสามารถเรียก William Birkin หรือ G-Birkin ร่างแรกออกมาต่อสู้ โดยมีการโจมตีที่ค่อนข้างเชื่องช้าแต่หนักหน่วงรุนแรง มีจุดอ่อนอยู่ที่ดวงตาขนาดใหญ่ที่แขน และเมื่อกดใช้ปุ่ม R ให้ William บ้าคลั่ง เขาจะวิ่งได้ไวแบบสุดๆ เพื่อตามล่าเป้าหมายจนกว่าจะตาย พร้อมทั้งสกิลการจับหัวเป้าหมายแบบ One hit kill ค่อนข้างทำได้ช้า ผู้รอดชีวิตคนอื่นมีเวลาขัดขวางกันได้ แต่ระหว่างที่จับหัวผู้รอดชีวิตนั้นจะค่อนข้างทนมือทนเท้าเป็นพิเศษและถูกขัดขวางจากระเบิดได้ยากอาจจะต้องมากกว่าหนึ่งลูก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถูกขัดขวางได้ง่ายโดยสกิลถีบของ Tyrone อยู่ดี ส่วน Passive ของตัว William นั้นเมื่อเรากดออกจากการควบคุม William ก่อนหมดเวลา จะทำให้คูลดาวน์ของสกิลการ์ด Ultimate ถูกเรียกไวขึ้น เรียกได้ว่าเป็นตัวที่เหมาะกับมือใหม่หัดควบคุม สกิล Passive 1: Genetic Mutantion สกิลติดตัวนี้จะใช้ควบคู่กับการ์ด Enhancher Round หรือการ์ดหลอดฉีดยาสีแดงที่เพิ่มความเกรี้ยวกราดให้กับเหล่า B.O.W โดยจะทำการเพิ่มเลือดให้มันจนเต็ม ทำให้ฆ่าได้ยากขึ้น สกิล Passive 2: Zomebie Apocalypse สกิลติดตัวนี้จะทำให้การ์ด B.O.W ระดับล่างๆ จำพวกซอมบี้ทั่วไปและหมาซอมบี้จะใช้ค่า SP ลดลง 1 หน่วย การ์ดพิเศษเฉพาะ Annette ใบแรก: Zombie Dogs X3 การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 2 โดยจะเป็นการเรียกหมาซอมบี้พร้อมกันทีเดียวสามตัว เพิ่มความยุ่งยากและความวุ่นวายให้แก่เหล่าผู้รอดชีวิตสามเท่าตัว การ์ดพิเศษเฉพาะ Annette ใบที่สอง: Detonator X2 การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 3 โดยจะเป็นการเรียกซอมบี้อ้วนที่มีความสามารถในการระเบิดตัวเองพร้อมกันทีเดียวสองตัว ใช้ในการขัดขวางเหล่าผู้รอดชีวิตไม่ให้ทำภารกิจได้โดยง่ายหรือใช้แยกกลุ่มผู้รอดชีวิตออกจากกันพร้อมมันทำให้กระเด็นแล้วก็ยังสร้างความเสียหายได้อย่างรุนแรง สรุปความสามารถโดยรวมของ Annette จุดเด่น: เป็น Masterminds ที่เน้นสาย Buffs เน้นให้เหล่า B.O.W ตายยากๆ ลงได้เยอะและใช้ค่า SP ต่ำเพราะเธอมีความสามารถในการลดการใช้ SP นั้นเอง และใช้งานง่ายสำหรับ Masterminds มือใหม่ จุดด้อย: Annette เป็น Masterminds ที่ไม่มี B.O.W ที่เน้นการโจมตีแบบรุนแรงมากนัก เว้นแต่ได้การ์ดตัว B.O.W อื่นๆ มาสับเปลี่ยนอีกทีซึ่งอาจจะไม่เข้ากับรูปแบบการใช้งานของเธอเสียเท่าไหร่ Daniel Farbon เจ้าหน้าข่าวกรองสุดโหดของอัมเบลล่า Daniel Farbon เป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของอัมเบลล่าที่มีหน้าที่ดูแลข่าวและปิดกั้นข่าวต่างๆ ไม่ให้รั่วไหลไปสู่คนภายนอก รวมถึงกำจัดภัยคุกคามที่เป็นอันตรายต่อบริษัทอยู่เบื้องหลัง อีกทั้งเขายังเป็น Masterminds สายจำนวนคล้ายๆ กับ Annette แต่อาจจะไม่ได้มีความสามารถในการเรียก B.O.W ที่รวดเร็ว แต่ทดแทนด้วยเหล่า B.O.W พิเศษและสกิลการ์ดที่เสริมพลังการโจมตีกับความว่องไวชนิดที่เรียกว่าโหดร้ายสุดๆ ไปเลย จึงเน้นไปทางดักตีหัวหรือควบคุมสถานะการณ์ด้วย B.O.W ที่ว่องไวและสุดโหดผ่านการควบคุมของเราโดยตรง มากกว่าการใช้จำนวนแบบ Annette สกิลการ์ด Ultimate: Tyrant สกิล Ultimate ของ Daniel นั้นจะเป็น Tyrant หรือที่เรารู้จักกันในนาม Mr. X มีพลังการโจมตีที่ไม่ได้สูงนัก แต่สามารถโจมตีได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ตัว Tyrant นั้นมีจุดอ่อนอยู่ที่หัว แต่ก็สามารถยกมือขึ้นมาป้องกันจุดอ่อนได้ ตามมาด้วยสกิล R ที่จะเป็นการระบุตำแหน่งศัตรูพร้อมเดินไล่ตามอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นคือ การทำ One hit kill จะใช้เวลาไวมากๆ แต่ Tyrant ก็จะถูกขัดขวางได้ง่ายด้วยระเบิดต่างๆ, การถูกกระหน่ำยิงหัวต่อเนื่องหรือสกิลถูกเตะของ Tyrone โดยรวมแล้ว Tyrant  แต่โดยรวมใช้งานง่ายกว่า William เยอะ โดย Passive ของ Tyrant คือเมื่อหมัดได้เข้าต่อยหน้าผู้รอดชีวิตด้วย Hook Punch แล้ว มันจะทำให้ Hook Punch หมัดต่อไป ต่อยเร็วสะใจแถมหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิมอีก สกิล Passive 1: Bloodlust สกิลติดตัวนี้จะใช้ได้เมื่อเรามาควบคุมเหล่า B.O.W หรือการเปลี่ยนมุมมองจากกล้องวงจรปิดมาสิงร่างซอมบี้โดยตรง เมื่อเราโจมตีหรือกัดเป้าหมายได้ จะเป็นการฟื้นฟูเลือดให้กับ B.O.W ตัวนั้น สกิล Passive 2: Puppeteer สกิลติดตัวนี้จะใช้ได้เมื่อเรามาควบคุมเหล่า B.O.W หรือการเปลี่ยนมุมมองจากกล้องวงจรปิดมาสิงร่างซอมบี้โดยตรง จะเพิ่มพลังโจมตีให้ระดับหนึ่งเพิ่มความเกรี้ยวกราดและดุดันมากกว่าเดิม การ์ดพิเศษเฉพาะ Daniel ใบแรก: Dealer - Regen การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 2 โดยจะเป็นการเรียกซอมบี้ที่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตตัวเองได้ อีกทั้งยังมีความว่องไวและมีปุ่มในการพุ่งไปตะครุบกัดเป้าหมายได้อย่างรุนแรงด้วย การ์ดพิเศษเฉพาะ Daniel ใบที่สอง: Armored Zombie การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 3 โดยจะเป็นการเรียกซอมบี้สวมเกราะออกมา สามารถป้องกันการโจมตีของปืนขนาดเล็กได้เกือบทุกกระบอก และยังมีความถึกทนเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับการเอาไปยื้อและขัดขวาง รับมือรับตีนกับกลุ่มผู้รอดชีวิตแนวหน้า สรุปความสามารถโดยรวมของ Daniel จุดเด่น: เป็น Masterminds ที่เน้นสาย Buffs เน้นให้เหล่า B.O.W เสริมดาเมจ เพิ่มความเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิมเมื่อเราควบคุมโดยตรง ทำให้สามารถทำความเสียหายแก่เหล่าผู้รอดชีวิตได้มาก และ Ultimate B.O.W อย่าง Tyrant ใช้งานง่าย หวังผลให้เป้าหมายล้มได้ไม่ยาก จุดด้อย: Daniel ไม่สามารถลง B.O.W ได้รวดเร็วหรือถี่เหมือน Annette หากวางไม่ดี ค่า SP ไม่มีเหลือในตอนนั้น จะกลายเป็นช่องว่างให้กลุ่มผู้รอดชีวิตเอาตัวรอดกันได้ง่ายๆ Alex Wesker หนึ่งในเด็กโปรเจค Wesker สุดฉาวโฉด Alex Wesker เป็นหนึ่งในเด็กทดลองของโปรเจค Wesker จึงมีสถานะเหมือนเป็นพี่น้องฝาแฝดของ Albert Wesker และถูกเลี้ยงดูโดย Oswell E. Spencer จนได้รับความไว้วางใจ กลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอัลเบลล่า มีบทบาทสำคัญในเกมภาค Revolution 2 อีกทั้งเธอยังเป็น Masterminds สายขัดขวางหรือ Debuff ด้วยการใช้ B.O.W ที่สามารถแพร่เชื้อไวรัสเข้าโจมตีใส่เป้าหมาย ซึ่งทำให้เป้าหมายนั้นเกิดสถานะติดเชื้อ ทำให้ไอและเดินช้าลงชั่วขณะ แถมลดพลังชีวิตอีก นั้นหมายถึงเวลาในการทำภารกิจของพวกผู้รอดชีวิตก็จะลดลงอย่างรวดเร็วด้วย ดูเหมือนจะเป็น Masterminds ที่เล่นยาก แต่หากฝึกฝนการใช้การแพร่ไวรัสให้เป็นประโยชน์ทั้งจากกับดักและซอมบี้ติดเชื้อ จะเป็นอีกหนึ่งคนที่เหล่าผู้รอดชีวิตไม่อยากเจอที่สุดแล้ว สกิลการ์ด Ultimate: Yateveo เมื่อเกจ Ultimate ของ Alex เต็มพร้อมเรียกใช้ จะเป็นการเรียกพืชกลายพันธุ์ขนาดยักษ์ที่เรียกว่า Yateveo ซึ่งจะเป็น Ultimate B.O.W ที่อยู่กับ ไม่สามารถเคลื่อนไปไหนได้  สามารถย้ายมุมมองไปมุมมองกล้องวงจรปิดเพื่อวาง B.O.W หรือกับดับเสริมระหว่างนี้ได้ ตรึงเป้าหมายได้และเป็นตัวที่ทำ One hit kill ได้ง่ายที่สุดด้วยการใช้ระยางจับเป้าหมายแล้วกินเข้าไปเลย ไม่มีอะไรที่ใช้ขัดขวางได้ทั้งนั้น แต่มีวิธีเดียวที่หยุดมันได้คือต้องฆ่าให้ตายด้วยอาวุธทุกอย่างที่มี โดยเฉพาะการใช้คบเพลิงหรือเครื่องพ่นไฟ จะเป็นการฆ่าที่รวดเร็วที่สุด แตกต่างจาก Ultimate B.O.W ตัวอื่นๆ ที่โดนยิงไม่ตาย แค่อาจจะชะงักลงเท่านั้น แต่หากรู้ว่าใกล้จะตาย ก็ให้กดปุ่ม R ค้างเพื่อระเบิดตัวเองสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงได้ โดย Passive ของ Yateveo นั้นไม่มีอะไรมาก แค่ตัวมันจะมีเลือดที่เยอะกกว่าปกติ และสกิลตรึงนั้นหลุดออกยากกว่าเดิม สกิล Passive 1: Biohazard สกิลติดตัวนี้จะทำให้กลุ่มผู้รอดชีวิตที่ถูกเหล่าซอมบี้ที่มีสถานะติดเชื้อกัด หรือโดนกับดักแพร่เชื้อ จะเร่งเกจความรุนแรงของการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดยระดับการติดเชื้อสูงสุดอยู่ที่ระดับสาม สกิล Passive 2: Residence of Evil สกิลติดตัวนี้จะทำให้การ์ดกับดักทั้งหมด ใช้ค่า SP น้อยลงหนึ่งหน่วย การ์ดพิเศษเฉพาะ Alex ใบแรก: Virus Mine การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 2 โดยจะเป็นการวางกับดักที่สามารถแพร่ไวรัสได้อย่างทันท่วงทีเมื่อถึงระยะหวังผล การ์ดพิเศษเฉพาะ Alex ใบที่สอง: Efficiancy Mod - Infection การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 3 โดยเมื่อการ์ดใบนี้ถูกสุดขึ้นมาบนมือ จะทำให้การ์ดที่มีรูปแบบไวรัส ไม่ว่าจะซอมบี้ติดไวรัส, กับดักไวรัสหรือปืนฉีดไวรัส จะใช้ค่า SP ลดลงหนึ่งหน่วย สรุปความสามารถโดยรวมของ Alex จุดเด่น: เป็น Masterminds ที่เน้นสาย Debuff เพื่อทำให้ผู้รอดชีวิตติดไวรัส หวังผลการลดเวลาอย่างรวดเร็วเป็นหลัก และ Ultimate B.O.W ไม่มีจุดอ่อน ต้องฆ่าลูกเดียวซึ่งมันอึดมากๆ จุดด้อย: Alex เป็น Masterminds ที่เล่นยากที่สุดในขณะนี้ เพราะอากาศติดเชื้อสามารถรักษาได้ด้วยสมุนไพรสีฟ้าซึ่งสามารถซื้อได้ระหว่างเกม, เก็บตามฉากหรือสกิล Ultimate ของ Valerie ที่รักษาได้ทุกอาการพร้อมฟื้นฟูพลังชีวิตอย่างรวดเร็ว Spencer ผู้ให้กำเนิดอัมเบลล่าและความวุ่นวายทั้งโลก Oswell E. Spencer ผู้ให้กำเนิดบริษัทอัมเบลล่า และหนึ่งในกลุ่มคณะผู้บุกเบิกที่คิดค้นไวรัสเพื่อการใช้เป็นอาวุธชีวภาพทางทหาร โดยเปิดบริษัทเวชภัณอย่างอัมเบลล่าเป็นฉากบังหน้า เขามักจะถูกกล่าวถึงในเกม Resident Evil ในหลายๆ ภาค และปรากฎให้เห็นชัดๆ ก็เป็นภาค 5 ที่เขาถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของ Albert Wesker โดยเขาเป็น Masterminds ที่เกิดมาเพื่อถ่วงเวลาโดยแท้จริง ไม่เน้น B.O.W แต่จะเน้นการใช้ Gadget ต่างๆ เช่นอาวุธปืนจากกล้องวงจรปิดและกับดัก รวมถึงระบบป้องกันกล้องวงจรปิดที่ทำให้ไม่มีอะไรทำลายได้ในระยะเวลาหนึ่งอีกด้วย สกิลการ์ด Ultimate: Disintegration Field เมื่อเกจ Ultimate ของ Spencer เต็มนั้นจะเป็นการใช้งานกรงขังเลเซอร์ความร้อนสูงที่เรียกว่า Disintegration Field เพื่อล้อมเป้าหมายและบีบเข้ามาเล็กน้อย โดยมันจะคงอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หากกลุ่มผู้รอดชีวิตได้สัมผัสกับมัน จะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงทันที และเป็น Ultimate ที่เรียกได้ค่อนข้างรวดเร็วอีกด้วย โดยมี Passive คือเมื่อหลังจากใช้การ์ด Ultimate แล้ว การใช้การ์ดทุกใบจะเป็นการลด Cooldown ของ Disintegration Field ทำให้กลับมาใช้งานมันได้ไวขึ้นไปอีก สกิล Passive 1: Umbrella Tech สกิลติดตัวนี้จะใช้งานแตกต่างกันออกไปทั้ง 3 Stage โดย Stage ที่ 1 จะมีการเพิ่มชิ้นส่วนปริศนาหลอกขึ้นมาหนึ่งชิ้นเพิ่มความสับสนให้กับกลุ่มผู้รอดชีวิต, Stage ที่ 2 จะทำให้ใช้เวลาในการปลดอุปกรณ์ความปลอดภัยแต่ละจุดนานขึ้น, Stage ที่ 3 ตัวหลอดทดลองที่กลุ่มผู้รอดชีวิตจะต้องไปทำลาย จะทำลายได้ยากกขึ้น สกิล Passive 2: Bioactivation สกิลติดตัวนี้จะทำให้เมื่อเราใช้ E.I.S. (Environment Interaction System) หรือการปิดไฟ, ล็อคประตู, เลื่อนลิฟต์เอง หรือทำปฏิสัมพันธ์กับพื้นที่ต่างๆ เพื่อขัดขวางกลุ่มผู้รอดชีวิต จะทำให้ค่า SP ฟื้นฟูได้ไวขึ้นช่วงระยะเวลาหนึ่ง การ์ดพิเศษเฉพาะ Spencer ใบแรก: Advance OS Mod การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 2 เมื่อเราถือการ์ดใบนี้จะทำให้การใช้ E.I.S. คูลดาวน์ลดลงอย่างมาก อย่างเช่นเมื่อเราล็อตประตูไปแล้ว จะทำให้คูลดาวน์กลับมาล็อคประตูได้ไวขึ้นอีกครั้ง การ์ดพิเศษเฉพาะ Spencer ใบที่สอง: Efficiancy Mod - Infection การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 3 โดยเมื่อการ์ดใบนี้ถูกใช้บนกล้องวงจรปิดตัวไหน กล้องวงจรปิดตัวนั้นจะทำให้การ์ดที่เราใช้ จะส่งผลต่อการดีย์เลย์ที่จะใช้สกิลการ์ดขึ้นลดลง สรุปความสามารถโดยรวมของ Spencer จุดเด่น: เป็น Masterminds ที่เน้นสาย ขัดขวางและถ่วงเวลาโดยสมบูรณ์แบบ ด้วยอุปกรณ์เสริมต่างๆ และกับดักมากมาย ที่จะกระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง และมีการ์ดที่ไว้ต่อกรกับสกิล EMP ของ January อีกด้วย จุดด้อย: Spencer เป็น Masterminds ที่แทบจะไม่เน้น B.O.W ลงไปในเกมเสียเท่าไหร่ ลงมาก็เพื่อใช้ถ่วงเวลา ไม่เน้นสร้างความเสียหายนัก แถมต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริมมากมาย การจะทำให้เราใช้งานไม่ทันค่า SP ก็เป็นได้ ================================================== นี่คือข้อมูลไกด์โดยรวมทั้งหมดของเหล่า Masterminds ทั้งสี่คนในเกม Resident Evil: Resistance หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เล่นเกมนี้ไม่มากก็น้อย แน่นอนว่าจะมีข้อมูลของเหล่า Survivor ให้ติดตามกัน ยังไงก็โปรดติดตามอ่านได้เลย! ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่    
20 Apr 2020
Arknights รีวิว FEater เจ้าของหมัดกังฟูแพนด้า พร้อมอัดหน้าใส่ศัตรู
นานมาแล้ว เธอได้มีชีวิตที่ดี มีความสุขบนโลกหนังแสดงหนังแอคชั่นสุดเท่ เป็นซุปเปอร์สตาร์และเป็นฮีโร่ให้กับเด็กหลายๆ คน แต่วันหนึ่งพบว่าตัวเองติดเชื้อ Oripathy จนดาวดังต้องดับลง ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้รับชีวิตที่สองใน Rhodes Island โดยใช้หมัดแห่งคุณธรรมอันใหญ่ยักษ์ต่อยหน้าศัตรูให้ร่วงเรียงตัว ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งของ Operator คนหนึ่งจากเกม Arknights ที่ถือว่าเธอผ่านศึก ผ่านการต่อสู้มายาวนาน และเธอก็ทำให้ผู้คนยิ้มได้ด้วยความไฮเปอร์และไม่ย้อท้อนั้นเอง...ทำให้คนเขียน "ยกให้เธอคนนี้เป็น Waifu อันดับหนึ่งของเกม Arknights" เลยล่ะ...และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทาง GameFever TH  จะได้ทำให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกับ Operator นี้กันมากขึ้น นั้นก็คือ FEater นั้นเอง! ================================================== รู้จักกับ FEater อดีตนักแสดงบู๊ผู้โด่งดังในประเทศ Yen FEater ( อ่านว่า เอฟ-อีเตอร์ หรือจะอ่านว่า ฟีเตอร์ ก็ได้ตามความถนัดของบุคคล ) เธอเป็น Operator สาย Specialist ระดับ 5 ดาวอีกตัวที่อาจจะมีความสามารถไม่ได้แตกต่างไปจากน้อง Shaw ฉายา Rap-god แห่ง Rhodes Island ทั้งสกิลและการใช้งาน แต่สิ่งที่แตกต่างและเหนือกว่า Shaw ก็คือด้าน Status โดยรวมที่สูงกว่าพอสมควร ทำให้เธอสามารถยืนชนได้ดีกว่า หรือจะเอาไปยืนบน Ranged Grid เพื่อหวังผลการใช้สกิลก็สามารถทำได้เช่นกัน FEater ให้เสียงพากย์โดยคุณ Sonoaki Mie ผู้ที่มีผลงานพากย์บนสื่อบันเทิงต่างๆ มานานเกือบสามสิบปี ( งานพากย์ที่รู้จักได้แก่, Gertrud Barkhorn จากเรื่อง Strike Witches, Shimura Nana จากเรื่อง My Hero Academia, Crimson Viper จากวีดีโอเกม Street Fighter V ) ภาพวาดดีไซน์โดยนามปากกา RAN ส่วนข้อมูลส่วนตัวมีดังนี้ ข้อมูลทั่วไป Code Name: FEater เพศ: หญิง เวลาที่เข้ามาประจำการ: 11 ปี สถานที่เกิด: Yen วันเกิด: 10 สิงหาคม ส่วนสูง: 160 เซ็นติเมตร เผ่าพันธุ์: Ursus สถานะ: ยืนยันจากทางการแพทย์แล้วว่าเธอติดเชื้อ Oripathy ผลการทดสอบร่างกาย พละกำลังทางร่างกาย : มีพละกำลังที่ยอดเยี่ยมมาก สามารถยกหมัดเหล็กอันหนักอึ้งของเธอได้สบายๆ การเคลื่อนที่: ความคล่องตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ ความทนทานของร่างกาย : ความทนทานร่างกายจัดอยู่ในระดับปกติ การวางแผนยุทธวิธี : สามารถทำได้อย่างปกติ ไม่บกพร่อง ความสามารถด้านการต่อสู้ : มีทักษะการต่อสู้ในระดับผ่านศึกมาอย่างมากมาย การันตีความยอดเยี่ยม การซึมซับพลัง Originium Art : เธอสามารถดูดซับ Originium และแปลเปลี่ยนเป็นพลังได้ปกติ ประวัติส่วนตัว ประวัติของเธอโดยทั่วไปก็อาจจะดูธรรมดาๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่สำหรับในวงการภาพยนตร์หนังแนวแอคชั่นแล้ว FEater เธอคือซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าจากประเทศ Yen ( เทียบกับโลกของเราก็คือประเทศจีน ) ฉะนั้นหากพูดถึงภาพยนต์แนวแอคชั่นแล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักเธอคนนี้ แต่ทว่าหลังจากเธอได้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ Oripathy ก็ถูกทางต้นสังกัดบีบบังคงให้เธอลาออกจากการเป็นนักแสดงอย่างโหดร้าย แต่ไม่นานเธอก็ได้ชีวิตที่สองกลับมาจากการชักชวนให้เข้ามายังฐานทัพเคลื่อนที่อย่าง Rhodes Island ทำให้เธอได้รับงานใหม่ที่สามารถได้ใช้ความสามารถกังฟูของเธอที่ร่ำเรียนมานับสิบปีได้อย่างเต็มที่ แถมมีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้กับโรค Oripathy นี้ต่อไป ความคิดเห็นของแพทย์ ผลการทดสอบทางการแพทย์ระบุว่ากในสแกนเช็คส่วนอวัยวะภายในของ FEater พบจุดดำข้างในร่างกายตามส่วนต่างๆ ซึ่งมันคืออนุภาค Originium อยู่ในร่างกาย และระบบไหลเวียนโลหิตก็มีอนุภาค Originium ปะปนอยู่ในเลือดที่สูงมาก ทำให้ยืนยันได้ว่าเธอติดเชื้อ Oripathy อย่างไม่ต้องสงสัย [ความเข้ากันของเซลล์และ อนุภาค Originium ในร่างกาย: 7.2%] จากการตรวจสภาพทางร่างกายพบบาดแผลที่เกิดจาก Oripathy ที่บริเวณขาขวา แต่ยังไม่เกิดสภาวะตกผลึก [ความหนาแน่นของผลึกในเลือด: 0.21u/L] แม้ว่า FEater จะเป็นผู้ติดเชื้อและมีอนุภาค Originium ในร่างกายที่ค่อนข้างสูง แต่ก็ยังคงอยู่ในระยะแรกเท่านั้นและยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเธอมากนัก อื่นๆ เมื่อเรานำ FEater ตั้งเป็นเลขาส่วนตัว ก็คงจะพูดได้เต็มปากว่า ดูเหมือนเธอจะปกติดีมีสุขกับการใช้ชีวิตที่แห่งนี้ บางครั้งออกจะดูน่ารำคาญด้วยซ้ำ แต่นั้นแหละ ยิ่งทำให้เธอเชื่อใจเธอก็ยิ่งพยายามเข้าหาผู้เล่นมากๆ เธออยากมีส่วนร่วม อยากมีตัวตนเหมือนที่เธอเคยแสดงหนัง เธอรักในการแสดงและอาหารอร่อยๆ โดยเฉพาะอาหารจากเมือง Yen ( อาหารจีน ) บางครั้งก็ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจบ้าง แต่นั้นแหละ เบื้องหลังของเธอควจะน่าเศร้ามากๆ หากไม่ได้ Rhodes Island เข้ามาช่วยเหลือ และเธอสำคัญที่สุดเลย....FEater ซ่อนรูปและหุ่นดีมากๆ เลยล่ะ ขอบอก ค่า Status และ Skill ของ FEater FEater เป็น Operator สาย Specialist, Shift/Slow ที่มีความสามารถในการผลักศัตรูออกไป โดยสามารถปรับเปลี่ยนการวางตำแหน่งให้อยู่ใกล้เหวเพื่อหวังผลในการต่อยศัตรูให้กระเด็นตกลงไปข้างล่างแบบ One-Hit-Kill ได้ หากทำจังหวะดีๆ จะกลายเป็นอีกหนึ่งตัวที่ใช้สามารถ Bully Boss เหมือนน้อง Shaw เลยล่ะ ค่า Status Max Level: Level 50 ในระดับ Non – Elite/ Level 70  ในระดับ Elite 1/ Level 80 ในระดับ Elite 2 Health point: 852 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 1136 เมื่อ Lv.50/ 1439 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 1845 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Attack  : 279 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 388 เมื่อ Lv.50/ 518 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 640 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Defend : 158หน่วยเมื่อ Lv.1/ 240 เมื่อ Lv.50/ 317 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 382 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Resistant : 0 หน่วยทุกเลเวล Redeploy : ใช้ค่า Deploy Point 70 หน่วยทุกเลเวล Cost : 18 หน่วยในระดับ Non-Elite / 20 หน่วยในระดับ Elite 1-2 Block : สามารถบล็อคศัตรูได้ 2 คน Attack Speed : 1.2 หน่วยทุกเลเวล ระยะโจมตี : สองช่องข้างหน้าแบบ Melee ตามทิศทางการหันของ FEater ค่า Potential ระดับ 1 Deployment Cost -1 ระดับ 2 Redeployment Cooldown -4 ระดับ 3 Attack Speed +8 ระดับ 4 Talent Effect Up ระดับ 5 Deployment Cost -1 Trust extra status ค่าโบนัสจากความเชื่อใจ เพิ่มค่า Health + 75 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +150 เมื่อถึง 50%/ +225 เมื่อถึง 75%/ +300 เมื่อถึง 100% เพิ่มค่า Attack + 11.25 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +22.50 เมื่อถึง 50%/ +33.75 เมื่อถึง 75%/ +45 เมื่อถึง 100% Traits FEater สามารถ Deploy บนตำแหน่ง Ranged Grid หรือตำแหน่ง Operator ตีไกลได้ แต่ก็แลกกับการที่ไม่สามรถบล็อคศัตรูได้ หรือจะวางบน Melee Grid ตามปกติก็ทำได้เช่นกัน Talent: Kung Fu ( แพนด้า! ) เพิ่มอัตราการหลบหลีกศัตรู 20% เมื่อสกิลทาเลนท์เลเวล 1 แต่หากเป็น Elite 2 เลเวลเต็มแล้ว จะเพิ่มอัตราการหลบหลีกได้สูงสุดถึง 43% ทิศทางการโจมตี, การใช้ Skill และการวางตำแหน่งที่ดีที่สุดของ FEater Skill Skill ที่ 1: Raging Iron Fist ประเภท: Auto Trigger ลักษณะ SP Charge: Per Seconcd SP Cost: 6 หน่วยสกิลเลเวล 1/ 5 หน่วยเมื่อสกิลเลเวลเต็ม ระยะเวลาบัฟ: 0 วินาที ( เป็นสกิลต่อยแบบทำงานทันที ) Skill Effect: เมื่อเกจ SP เต็มจะเป็นการใช้สกิลอัตโนมัติ และในการโจมตีครั้งต่อไป เมื่อศัตรูเดินผ่านในระยะการโจมตีของ FEater จะเป็นการต่อยด้วยหมัดเหล็กอย่างพร้อมผลักศัตรูให้กระเด็นถอยหลังออกไป 3 ช่องพร้อมลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของศัตรู 15% เป็นเวลา 3 วินาที แต่ยังไม่สามารถผลักศัตรูที่มีขนาดกลางขึ้นไปได้ ( จะทำได้แค่ชะงักเท่านั้น ) / หากอัพสกิลจนเต็ม จะสามารถต่อยเผื่อผลักศัตรูที่มีขนาดใหญ่ได้ พร้อมลดความเร็วศัตรู 30% เป็นเวลา 5 วินาที อีกทั้งยังสามารถผลักศัตรูได้มากถึง 2 ตัวในการต่อยเพียงครั้งเดียว   Skill ที่ 2 : Destructive Fist ประเภท : Manual Trigger ลักษณะ SP Charge : Per Seconcd SP Cost : 20 หน่วยสกิลเลเวล 1/ 15 หน่วยเมื่อสกิลเลเวลเต็ม ระยะเวลาบัฟ : 0 วินาที ( เป็นสกิลต่อยแบบทำงานทันที ) Skill Effect : เมื่อกดใช้งานหลังเกจ SP เต็มและศัตรูเข้าอยู่ในระยะการโจมตี FEater จะทำการต่อยด้วยหมัดเหล็กอย่างรุนแรงทันที สร้างความเสียหายกายภาพเพิ่มเติม 160% พร้อมผลักศัตรูให้กระเด็นถอยหลัง 3 ช่องและลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของศัตรู 15% เป็นเวลา 3 วินาที / หากอัพสกิลจนเต็ม จะสามารถสร้างความเสียหายกายภาพเพิ่มเติมได้มากถึง 250% พร้อมผลักศัตรูที่มีขนาดใหญ่ได้และลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของศัตรู 30% เป็นเวลา 5 วินาที อีกทั้งยังสามารถผลักศัตรูได้มากถึง 3 ตัวในการต่อยเพียงครั้งเดียว รูปแบบการใช้งานของ FEater FEater เป็น Operator สาย Specialist ที่มีรูปแบบการใช้งานเหมือนกับ Shaw เลยก็คือ ใช้เป็นตัวผลักศัตรูที่มีความหนาหรือยากจะรับมือด้วยการโจมตีปกติได้หรือจะใช้ผผลักเพื่อซื้อเวลาให้ Operator คนอื่นได้ทำการโจมตีหรือสนับสนุนก่อนศัตรูจะกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยจะต้องมีด่านที่เอื้ออำนวยในการใช้พวกเธอด้วย ทำให้การใช้งานค่อนข้างยุ่งยากนิดหนึ่ง แต่ก็เป็นควรมีติดตัวไว้เพราะมีประโยชน์อย่างมาก และด้วยเป็น Operator 5 ดาว แน่นอนว่าด้าน กลับมาค่า Cost ที่พอๆ กับ Shaw แต่ Status จะเหนือกว่าดังนั้นจึงสามารถลงมารับมือรับเท้าศัตรูได้ดีระดับหนึ่งได้ แต่แนะนำก็ควรมีตัวฮีลช่วยฟื้นฟูเลือดอยู่ดี และช่วงเวลาที่การเรียกยัยแพนด้าคนนี้มาใช้งาน ก็ขึ้นอยู่กับสถานะการณ์ว่าศัตรูที่ควรผลักตกลงเหวหรือใช้ยื้อเวลาควรวางช่วงไหน โดยต้องคำนวน Deploy Point ไว้ล่วงหน้าแล้ว เพราะบางด่านก็ควรรีบวางต้นเกม บางด่านก็วางช่วงกลางเกมได้ และจังหวะการใช้สกิลที่เหมาะสม ให้ดูเป็นด่านๆ ไป หากด่านไหนมีศัตรูที่ต้องกำจัดในหมัดเดียว ผลักให้ตกเหวแต่ไม่ใช่ศัตรูตัวใหญ่ อย่างเช่นหุ่นยนต์แมงมุมที่เกราะหนา โจมตีไม่เข้า ก็ให้ FEater ใช้สกิล Raging Iron Fist ปล่อยโจมตี Auto แล้วให้ Support ช่วยฮีลไปด้วยก็พอ แต่หากเจอศัตรูตัวใหญ่มาก และต้องการจังหวะในการต่อยที่แม่นยำหรือต้องการ Manage ค่า SP ให้เป๊ะๆ ก็แนะนำให้ใช้สกิล Destructive Fist เพราะจะเป็นการเสริมดาเมจตอนใช้นั้นเอง ================================================== สรุปแล้ว FEater เป็น Operator ระดับ 5 ดาวที่ดี แต่การใช้งานกลับเฉยๆ เพราะเธอเป็น Operator ที่ต้องเปิดกาชาหรือเก็บตั๋วแดงแลกตัวเธอมาใช้งาน ซึ่งเงื่อนไขการได้เธอยุ่งยาก คนส่วนใหญ่ก็นิยมใช้ Shaw มากกว่าเพราะสกิลมีความสามารถเหมือนกัน และได้มาฟรีทันทีในเนื้อเรื่อง แต่สำหรับคนเขียนบทความนี้ FEater ถือว่าแรงอวยล้วนๆ และยกอันดับให้เป็น Waifu ประจำเกม Arknights ไปเรียบร้อย ทั้งนิสัยน่ารัก ขี้เล่นตามสไตล์แพนด้า ( แต่ไม่ขี้เกียจแบบแพนด้า ) จึงไม่แปลกที่ยอมยกหัวใจให้เธอไปเรียบร้อยแล้วล่ะ Source Ark Work By: ヱシカ/ショーゴ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
06 Mar 2020
Arknights: รีวิว Liskarm Operator สาย Defender ที่ไม่ได้มีดีแค่การป้องกัน
เพิ่งจบอิเวนท์แรกของ Arknights เซิร์ฟเวอร์ NA ไปหมาดๆ ก็ถึงช่วงเวลาพักของเหล่า "ด๊กต๋า" เอ้ย! ด็อคเตอร์หลายๆ ท่าน เพียงแค่อิเวนท์แรกยังค่อนข้างหินเอาเรื่อง หากอิเวนท์ต่อๆ ไปมันจะขนาดไหนกัน ฉะนั้นอย่าพักจนละเลยจนลืมการฝึกฝน ปั้นฝีมือเหล่า Operator ล่ะ บทความนี้ทาง GameFever TH จะมาแนะนำ Operater สาย Defender อีกหนึ่งตัวที่ไม่ได้มีดีแค่เกราะหนาหรือป้องกัน เพราะว่าเธอคนนี้สามารถโจมตีระยะไกลได้แถมสามารถตอบโต้ศัตรูจากทางอากาศได้อีกด้วย ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกไปเสียจาก Liskarm สาวผู้เปี่ยมไปด้วยหัวใจแห่งการปกป้องนั้นเอง! ================================================== รู้จักกับ Liskarm เธอนั้นแข็งแกร่งทั้งกายและจิตใจ Liskarm จัดได้ว่าเป็น Operator สาย Defender ระดับ 5 ดาว ที่เมื่อปั้นเธอจนถึงระดับ Elite 2 และเลเวลเต็มแล้ว เธอจะมีค่า Defend ที่จัดอยู่ในอันดับ Top เป็นรอง Hoshiguma ที่เป็น Operator สาย Defender ระดับ 6 เพียงนิดหน่อยเท่านั้น แต่ Liskarm ก็มีจุดเด่นที่ไม่ใช่แค่ความถึก นั้นก็คือเธอสามารถโจมตีระยะไกลด้วยปืนพกของเธอ และสามารถยิงศัตรูจำพวกโดรนที่อยู่บนฟ้าได้อีกด้วย Operator Liskarm ให้เสียงพากย์โดยคุณ Ishikawa Yui นักพากย์เสียงญี่ปุ่นชื่อดังที่น้อยคนที่จะไม่รู้จักเธอคนนี้ ( งานพากย์ที่รู้จักกันได้แก่ Mikasa Ackerman จากซีรี่ส์ Attack on Titan, Yutika จากเรื่อง Lupin III: Princess of the Breeze - Hidden City in the Sky, USS Enterprise จากเกมและอนิเมะเรื่อง Azur Lane ) ดีไซน์ถูกออกแบบโดยนามปากกา TOKI โดยข้อมูลส่วนตัวของเธอมีดังนี้ ข้อมูลทั่วไป Code Name: Liskarm เพศ: หญิง เวลาที่เข้ามาประจำการ: 3 ปี สถานที่เกิด: Voulvre วันเกิด: 18 พฤษภาคม ส่วนสูง: 156 เซ็นติเมตร เผ่าพันธุ์: Voulvre สถานะ: ยืนยันจากทางการแพทย์แล้วว่า ไม่พบการติดเชื้อ ผลการทดสอบร่างกาย พละกำลังทางร่างกาย : มีพละกำลังที่ดี ปกติทั่วไป การเคลื่อนที่: ความคล่องตั ความทนทานของร่างกาย : ความทนทานร่างกายจัดอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม การวางแผนยุทธวิธี : สามารถทำได้อย่างปกติ ไม่บกพร่อง ความสามารถด้านการต่อสู้ : มีทักษะการต่อสู้ในระดับผ่านศึกมาอย่างมากมาย การันตีความยอดเยี่ยม การซึมซับพลัง Originium Art : เธอสามารถดูดซับ Originium และแปลเปลี่ยนเป็นพลังได้อย่างดีเยี่ยม ประวัติส่วนตัว Liskarm เธอเป็นผู้ว่าจ้างมาจากบริษัท Blacksteel ซึ่งบริษัทนี้เป็นบริษัทบริการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับบุคลากรและองค์กรต่างๆ มากมาย หรือพูดง่ายๆ ก็คือเธอเป็น Surcerity Guard ที่ได้รับงานดูแลรักษาความปลอดภัยมาหลายๆ ที่ มีประสบการณ์ในการปกป้องหรือทำงานตามผู้ว่าจ้างในสถานะการณ์ที่อันตรายมาเยอะพอสมควร ปัจจุบันก็ได้รับงานปกป้อง ดูแลรักษาความปลอดภัยทั้งใน Rhodes Island และนอกสถานที่อีกด้วย ความคิดเห็นของแพทย์ ผลการทดสอบทางการแพทย์ระบุว่า ทั้งสภาพร่างกายและอวัยวะส่วนต่าง ไม่มีการติดเชื้อ Oripathy ระบบโลหิตไม่พบภาวะทางสุขภาพและอาการต่างๆ ก็ไม่มีบ่งบอกสัญญาณอันตราย จึงสรุปได้ว่า Liskarm ไม่มีภาวะการติดเชื้อ [ความเข้ากันของเซลล์และ อนุภาค Originium ในร่างกาย: 0%] Liskarm ยังไม่มีอากาหรือสัญญารอะไรใดๆ กับ Originium [ความหนาแน่นของผลึกในเลือด: 0.10u/L] ผลการตรวจเลือดพบว่า ผลึกในร่างกายของ Liskarm กลับมาอยู่ในร่างกายแต่ยังไม่พบสัญญาณอันตรายใดๆ ต้องขอบคุณการป้องกันกับโรค Oripathy อย่างเหมาะสมของเธอในตอนนี้ อื่นๆ หลังจากที่ได้ฟังบทพูดของ Liskarm รวมถึงวิเคราะห์นิสัยแล้ว เธอจะเป็นคนที่ค่อนข้างขรึมนิดๆ จริงจังในทุกสถานะการณ์ และแม้ว่าภายนอกจะไม่ค่อยถูกกับ Franka ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานมากนัก แต่เมื่อทั้งสองเมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว ถือว่าเป็นคู่หูคู่ลุยที่ผ่านอะไรมาเยอะมาก ฉะนั้นอุ่นใจได้เลยเมื่อมีเธอเป็นแนวหน้า ค่า Status และ Skill ของ Liskarm Liskarm เป็น Operator ระดับ 5 ดาวสาย Defender, Melee ที่นอกจากจะหนาเป็นอันดับต้นๆ แล้วก็ยังสามารถใช้ปืนพกของเธอยิงศัตรูบนอากาศได้ ค่า Status Max Level: Level 50 ในระดับ Non – Elite/ Level 70  ในระดับ Elite 1/ Level 80 ในระดับ Elite 2 Health point: 1926 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 1729 เมื่อ Lv.45/ 2306 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 3214 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Attack  : 215 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 269 เมื่อ Lv.45/ 337 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 397 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Defend : 242 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 373 เมื่อ Lv.45/ 512 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 732 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Resistant : 0 ทุกเลเวล Redeploy : ใช้ค่า Deploy Point 70 หน่วยทุกเลเวล Cost : 19 หน่วยในระดับ Non-Elite / 21 หน่วยในระดับ Elite 1 / 23 หน่วยในระดับ Elite 2 Block : สามารถ Block ศัตรูได้ 3 คน Attack Speed : 1.2 หน่วยทุกเลเวล ระยะโจมตี : 3 ช่องข้างหน้าทุกระดับ ทุกเลเวล ค่า Potential ระดับ 1 Deployment Cost -1 ระดับ 2 Redeployment Cooldown -4 ระดับ 3 Defend +27 ระดับ 4 Talent Effect Up ระดับ 5 Deployment Cost -1 Trust extra status ค่าโบนัสจากความเชื่อใจ เพิ่มค่า Attack + 10 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +20 เมื่อถึง 50%/ +30เมื่อถึง 75%/ +40 เมื่อถึง 100% เพิ่มค่า Defend + 17.5 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +35 เมื่อถึง 50%/ +52.5 เมื่อถึง 75%/ +70 เมื่อถึง 100% Traits Liskarm สามารถ Block ศัตรูไม่ให้ผ่านทางได้มากสุด 3 คน Talent: Tactical Defend: ฟืนฟู 1 Skill Point ให้กับตัวเองและพันธมิตรในระยะการโจมตีของเธอแบบสุ่มด้วย เมื่อเธอหรือพวกเขาถูกโจมตี Thunder Resistance: บวกค่าป้องกัน Art 10 หน่วยแบบทันที และสูงสุด 13 หน่วยเมื่ออัพ Talent จนเต็ม ทิศทางการช่องการโจมตีและ Skill ของ Liskarm Skill Skill ที่ 1: Charge Defense ประเภท: Auto Trigger, Getting Hit ลักษณะ SP Charge: Attack Taken Recovery SP Cost: 24 หน่วยสกิลเลเวล 1/ 18 หน่วยเมื่อสกิลเลเวลเต็ม ระยะเวลาบัฟ: 8 วินาที Skill Effect: เมื่อเกจ SP เต็มจะเป็นการใช้สกิลอัตโนมัติ และในการโจมตีครั้งต่อไป เมื่อศัตรูทำการโจมตีในแบบ Source Damage ( ความเสียหายทุกอย่างที่ไม่ใช้จากการโจมตีปกติ ) ความเสียหายที่ได้รับจะลดลง 40% ที่สกิลเลเวล 1 และรับความเสียหายได้มากที่สุด 100% เมื่ออัพเลเวลสกิลเต็ม โดยจะรับการโจมตีรูปแบบ Source Damage ได้ 1 ครั้ง   Skill ที่ 2 : Counter Arc ประเภท : Manual Trigger, Getting Hit ลักษณะ SP Charge : Attack Taken Recovery SP Cost : 44 หน่วยสกิลเลเวล 1/ 34 หน่วยเมื่อสกิลเลเวลเต็ม ระยะเวลาบัฟ : 20 วินาที Skill Effect : เมื่อกดใช้งานหลังเกจ SP เต็ม เธอจะทำการปล่อย Arc ในรูปแบบสายฟาและแสงแฟลชจากโล่ของเธอ เพิ่มพลังโจมตีขึ้น 85% โจมตีใส่ศัตรู 3 ตัวหน้าสุดแบบ Arc Damage และมีโอกาส 10% ที่จะ Stun เป้าหมายหนึ่งเป้าหมาย ระยะเวลา 1 วินาที / หากอัพสกิลจนเต็ม พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นถึง 200% โจมตีใส่ศัตรูด้วย Arc Damge 4 เป้าหมาย และมีโอกาส 25% ที่จะ Stun ศัตรูหนึ่งตัว ระยะเวลา 1 วินาที ( แต่หลังจากผลของสกิลจบลง Liskarm จะอยู่ในสถานะถูก Stun เป็นเวลา 5 วินาที พูดง่ายๆ ว่าจะใช้งานเธอไม่ได้ชั่วคราว ) รูปแบบการใช้งานของ Liskarm Liskarm เป็น Operator ที่มีค่า Cost ที่สูงเอาเรื่อง ฉะนั้นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการใช้งานเธอก็คือ ช่วงกลางเกมหรือรอให้ Reployment Point ถึงค่า Cost ที่กำหนดก็ทำได้เช่นกันแต่ก็จะทำให้รูปแบบการป้องกันช้าลง แนะนำเลยก็คือหา Vannguard สักคนยืนป้องกันไปก่อน แล้วค่อยเรียกใช้ Liskarm เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม จากนั้นค่อยถอน Vanguard ออกจากพื้นที่ตามสถานะการณ์ นอกจากนี้ยังสามารถยิงศัตรูประเภทโดรนได้ จึงหมดห่วงจุดนี้ได้เลย เหมาะสำหรับวางในแนวหน้า หรือวางแถวสองยืนร่วมกับ Defender คนอื่นก็ได้เพราะเธอมีระยะการโจมตีถึง 3 ช่อง และในด้านการใช้สกิล หากเป็นสกิล Charge Defense ก็คงไม่ต้องคิดอะไรมาก มันเป็นการเสริมความถึกให้กับเธอไว้รับมือกับการโจมตีแบบ Source Damage หรือดาเมจเวทอาจจะเหมาะกับบางด่าน แต่อีกสกิลอย่าง Counter Arc เสมือนเป็นดาบสองคม เพราะแม้จะใช้กำราบศัตรูจำพวกศัตรูขนาดใหญ่ พวกหนาๆ ได้ แต่หลังจากหมดผลสกิล มันก็ทำให้เธอติด Stun นาน 5 วินาทีด้วยเช่นกัน แนะนำหากจะใช้ก็ใช้ตอนช่วงท้ายเกม ตอนที่ปะทะกับศัตรูตัวใหญ่หรือกับบอสเพื่อปิดฉากให้จบไวที่สุดจะเป็นการดีที่สุด ================================================== สรุปแล้ว Liskarm เป็น Operator ที่มีประโยชน์มากๆ ในฐานะ Defender ตัวหนึ่ง ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันได้ทั้งทางภาคพื้นที่ดีเยี่ยมและทางอากาศได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะค่อนข้างครบครันแต่ตัว Liskarm ก็ไม่ได้มี Damage ที่สูงพอที่จะสังหารศัตรูอย่างรวดเร็ว จำต้องมีพันธมิตรช่วยเสริมกันด้วย หากมีตัวเธออยู่ในคลัง แนะนำให้รีบปั้นเพื่อใช้งานเป็นอันดับแรกๆ ให้ได้เลย Source Ark Work By: MKL06 สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
24 Feb 2020
Arknights รีวิว Operator สาวกระต่าย Rope พร้อมที่จะขโมยใจคุณ
หลังจากเกม Arknights ได้เข้า Store ไทยบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย ผลตอบรับก็ดังเกินคาด ดังเป็นพลุแตก ผู้เล่นจำนานมากหลั่งไหลเข้ามาเล่นไม่ขาดสาย พิสูจน์ได้ว่าแนวเกม Defend Tower ที่รูปแบบการเล่นไม่ซับซ้อนยังคงตีตลาดเกมมือถือได้อยู่อีกนาน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทาง GameFever TH ก็ได้มีโอกาสมารีวิว Operator อีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจ แต่เทคนิคการใช้ค่อนข้างซับซ้อนจนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเอามาใช้ นั้นก็คือน้อง Rope สาวกระต่ายผมม่วงกับทักษะที่พร้อมขโมยหัวใจเหล่าผู้เล่นนั้นเอง! ================================================== รู้จักกับ Rope สักนิด อดีตของเธอนั้นไม่ธรรมดา Rope จัดได้ว่าเธอเป็น Operator สาย Specialist มีทักษะที่น่าสนใจ พร้อมกับประวัติที่ค่อนข้างเลวร้ายสักนิด แต่สำหรับเธอแล้วเธอมองว่ามันคือการเาอตัวรอด แม้ว่าค่าสถานะจะไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่นักแต่สกิลที่สามารถดึงศัตรูเข้าหาตัวจากระยะไกลได้ หรือดึงให้ตกเหวได้ เหมาะสำหรับเป็นตัว Bully Boss อีกตัวที่หากมีแล้วควรปั้นใช้งาน Operator Rope ให้เสียงพากย์โดยคุณ Fujimura Ayumi ผู้ที่มีผลงานพากย์ตัวละครทั้งเกมและอนิเมะมาอย่างมากมาย ( งานพากย์ที่รู้จักกันได้แก่ Chiharu Harukaze จากเรื่อง Hayate Combat Butler, Pipirika จากเรื่อง Magi: Adventure of Sinbad, Mineva Lao Zabi จากภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Mobile Suit Gundam Narrative ) ดีไซน์ถูกออกแบบโดยนามปากกา m9nokuro โดยข้อมูลส่วนตัวของเธอมีดังนี้ ข้อมูลทั่วไป Code Name : Rope เพศ: หญิง เวลาที่เข้ามาประจำการ: 2 ปี สถานที่เกิด: Rim Billiton วันเกิด: 4 เมษายน ส่วนสูง: 155 เซ็นติเมตร เผ่าพันธุ์: Cautus สถานะ: ยืนยันว่าเธอมีการติดเชื้อ Oripathy ยืนยันโดยการทดสอบทางการแพทย์ ผลการทดสอบร่างกาย พละกำลังทางร่างกาย : มีพละกำลังที่ดี ปกติทั่วไป การเคลื่อนที่: มีความว่องไวที่ยอดเยี่ยม ความทนทานของร่างกาย : ความทนทานร่างกายอยู่ในระดับปกติ การวางแผนยุทธวิธี : สามารถทำได้อย่างปกติ ไม่บกพร่อง ความสามารถด้านการต่อสู้ : มีทักษะการต่อสู้ในระดับทั่วไป การซึมซับพลัง Originium Art : เธอสามารถดูดซับ Originium และแปลเปลี่ยนเป็นพลังในระดับปกติ ประวัติส่วนตัว อดีตของ Rope นั้นตั้งแต่ในช่วงวัยเด็กจนโต เธอก็ใช้ชีวิตในสลัมในเขตหลงเหมิน เป็นแมวขโมยย่องเบา ขโมยของไปทั่วเพื่อประทังชีวิตเอาตัวเองให้รอดไปวันๆ แต่ก็ถูกทางการหลงเหมินจับได้ขณะหลบหนี แต่โชคดีที่มีการแลกส่งตัวหัวขโมยคนนี้ให้กับทางเกาะโรห์ด เพราะเธอติดเชื้อ Oripathy โดย Chem เป็นคนแนะนำให้ทางเกาะโรห์ดฝากฝังเด็กคนนี้ด้วย แน่นอนว่าเธอมีความสามารถในการใช้ใช้ตะขอและเชือกเป็นอาวุธสูงมาก จึงเหมาะกับการเป็น Specialist อย่างแท้จริง อื่นๆ หลังจากที่ได้ฟังบทพูดของ Rope รวมถึงวิเคราะห์นิสัยแล้ว แม้ว่านิสัยติดการขี้ขโมยจะยังอยู่ หน้าเงินนิดๆ แต่นั้นก็ไม่ใช่การขโมยจริงๆ จังๆ แต่เป็นการแกล้ง Doctor ( ผู้เล่น ) เสียมากกว่า กลายเป็นว่าอาจจะถูกใจสำหรับสายสาวขี้แกล้งก็ได้ ที่สำคัญเลยคือ เธอมีความฝันที่ว่าสักวันหนึ่งจะใช้ชีวิตอยู่ดีมีสุข....แต่ก็อด (แกล้ง) ขโมยของตัว Doctor อยู่ดีนั้นแหละ ค่า Status และ Skill ของ Rope Rope เป็น Operator ระดับ 4 ดาวสาย Specialist, Melee Shift ที่มีทักษะในการดึงหรือกระชากศัตรูเข้าหาตัวได้ แถมมีการโจมตีที่ค่อนข้างรวดเร็ว และค่าสถานะก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่ แต่เมื่อเราเลื่อนขั้นเธอให้เป็นระดับ Elite เพื่อปลดล็อคสกิล Double Hook แล้ว จะทำให้เธอมีประโยชน์อย่างมากในการดึงศัตรูเข้าหาตัวหรือดึงให้ตกเหวได้แม่นยำและได้จำนวนมากขึ้น ค่า Status Max Level: Level 45 ในระดับ Non – Elite/ Level 60  ในระดับ Elite 1/ Level 40 ในระดับ Elite 2 Health point: 744 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 1006 เมื่อ Lv.45/ 1307 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 1720 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Attack  : 313 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 448 เมื่อ Lv.45/ 582 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 728 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Defend : 142หน่วยเมื่อ Lv.1/ 209 เมื่อ Lv.45/ 249 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 325 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Resistant : 0 ทุกเลเวล Redeploy : ใช้ค่า Deploy Point 70 หน่วยทุกเลเวล Cost : 10 หน่วยในระดับ Non-Elite / 12 หน่วยในระดับ Elite 1-2 Block : สามารถ Block ศัตรูได้ 2 คน Attack Speed : 1.8 หน่วยทุกเลเวล ระยะโจมตี : 3 ช่องข้างหน้าในระดับ Non-Elite / 4 ช่องข้างหน้าในระดับ Elite 1-2 ค่า Potential ระดับ 1 Deployment Cost -1 ระดับ 2 Redeployment Cooldown -4 ระดับ 3 Defend +22 ระดับ 4 Talent Effect Up ระดับ 5 Deployment Cost -1 Trust extra status ค่าโบนัสจากความเชื่อใจ เพิ่มค่า Attack + 15 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +30 เมื่อถึง 50%/ +45 เมื่อถึง 75%/ +60 เมื่อถึง 100% เพิ่มค่า Defend + 5 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +10 เมื่อถึง 50%/ +15 เมื่อถึง 75%/ +20 เมื่อถึง 100% Traits Rope สามารถดึงเข้าหาศัตรูได้ และสามารถยืนอยู่บนตำแหน่งที่สูงหรือ Range Grid ได้ Talent: Auditory Training เพิ่มโอกาสการหลบหลีกจากการโจมตีของศัตรูได้ 15% และหากอัพ Talent จนเต็ม จะเพิ่มโอกาสการหลบหลีกได้มากถึง 34% ทิศทางการช่องการโจมตีและ Skill วางดีๆ จะกลายเป็นตัว Bully Boss Skill Skill ที่ 1: Hook Shot ประเภท: Auto Trigger, Auto Recovery ลักษณะ SP Charge: Per Seccond SP Cost: 7 วินาทีเมื่อสกิลเลเวล 1/ 5 วินาทีเมื่อสกิลเลเวลเต็ม ระยะเวลาบัฟ: 0 Skill Effect: เมื่อเกจ SP เต็มจะเป็นการใช้สกิลอัตโนมัติ เพิ่มพลังโจมตีในการโจมตีครั้งถัดไป 100% และมีโอกาสลากศัตรูเข้าหาตัวได้ขนาดเล็กถึงปานกลางได้ แต่เมื่ออัพสกิลจนเต็ม จะเป็นการเพิ่มพลังโจมตีถึง 190% และลากศัตรูขนาดใหญ่ได้   Skill ที่ 2 : Double Hook ประเภท : Manual Trigger, Auto Recovery ลักษณะ SP Charge : Per Secound SP Cost : 25 วินาทีเมื่อสกิลเลเวล 1/ 15 วินาทีเมื่อสกิลเลเวลเต็ม ระยะเวลาบัฟ : 0 Skill Effect : เมื่อกดใช้งาน เธอจะโจมตีครั้งถัดไปแรงขึ้น 120% และทำการดึงศัตรูขนาดเล็กได้มากถึง 2 ตัว หรือศัตรูขนาดกลาง 1 ตัว แต่หากอัพเลเวลสกิลจนเต็ม การโจมตีครั้งถัดไปจะแรงขึ้น 225% และสามารถดึงศัตรูขนาดใหญ่เข้าหาตัวพร้อมกันได้ 2 ตัว รูปแบบการใช้งานของ Rope น้องกระต่ายขี้ขโมย Rope จะมีการวางตำแหน่งที่ต้องคิดเผื่อไว้สักนิดเพราะเธอไม่ได้มีพลังโจมตีที่รุนแรงเท่าไหร่ แต่แลกด้วยระยะการโจมตีที่ตีไกลได้สูงสุดถึง 4 ช่องด้วยกัน มันทำให้เธอสามารถตีข้ามช่องกันได้ ช่วยทำดาเมจลดภาระ Operator คนอื่นๆ ได้ดี ที่สำคัญคือสามารถวางบน Range Grid หรือวางในตำแหน่งที่สูงได้ด้วยตามแบบฉบับ Operator สาย Specialist และหากเอาไปคอมโบร่วมกับ Operator สาย Defender ทั้งหลายในด่านที่มีร่อง มีเหว ให้ Defender ยื้อเวลาศัตรูหรือบอสเข้ามายังแนวดึงของ Rope รอจนสกิลพร้อมทำงานแล้วล่ะก็ จะกลายเป็นการ Bully Boss ให้สามารถดึงตกเหวไปได้โดยแทบไม่เสียเลือดเสียเนื้อมากมาย แต่ Rope นั้นไม่ได้มีพลังการโจมตีที่สูงมากมายนัก การคาดหวังการสร้างความเสียหายจึงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แถมตัว Rope นั้นก็บอบบางพอสมควร หากวางตำแหน่งไม่ดีเจอศัตรูเข้าโจมตีก็ร่วงอย่างง่ายดาย ที่สำคัญ สกิล Double Hook มี Cooldown ที่นานมากๆ และลากศัตรูตัวใหญ่ไม่ค่อยไป แนะนำให้อัพสกิลให้เต็มเพื่อดึงประโยชน์สูงสุด ================================================== สรุปแล้ว Rope เป็น Operator ที่มีประโยชน์มากๆ ในการตัดกำลังศัตรูในด่านที่มีเหว ลากได้ตั้งแต่ศัตรูตัวเล็กๆ ยัน Boss ตัวใหญ่ๆ หากอัพสกิลเต็ม แต่ความทนทานก็ไม่ได้หนาขนาดนั้น Skill ที่สองมี Cooldown ที่นาน ต้องเอาไปอัพสกิลก่อนถึงจะดี และสุดท้ายนี้ แม้ Rope จะขี้แกล้งเราแต่ก็อย่าถือสาเลย เพราะลึกๆ แล้วเธอรักและเคารพ Doctor มากๆ เลยล่ะ Source Ark Work By 宇宙帝王地鐵 สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
21 Feb 2020
Arknights รีวิว Operator ที่โลกลืม น้องแมงป่องสุดจืดจาง Manticore
ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น Arknights ทางฝั่ง South East Asia หรือแถวบ้านเราด้วย หลังจากวันที่ 5 เป็นต้นไปก็สามารถโหลดผ่าน Play Store และ App Store ได้โดยตรงโดยที่ไม่ต้องมุดแต่อย่างใด อีกทั้งมีการแจกเม็ดแดง Orundum ให้ฟรีๆ กันอีก เรียกได้ว่าเอาใจพวกเราไปได้เลยสำหรับเกมนี้ หลังจากที่เคยพูดกันไปแล้วว่า Operator ทุกตัวมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นประเภทอะไรหรือระดับต่ำหรือสูง พวกเขาสามารถช่วยให้เราเอาชนะศัตรูได้ตามสถานะการณ์ แต่ก็มี Operator อีกหนึ่งตัวที่นับว่าเป็น Operator ที่โลกลืมอีกตัวนั้นก็คือน้องแมงป่อง Manticore นั้นเอง! โดยทางเรา GameFever TH ก็จะมารีวิวความจืดจางของน้องแบบหมดไส้หมดพุงว่าทำไมน้องจืดจางไม่พอ แถมยังน่าสงสารอีก แต่ Skill กลับมีประโยชน์อย่างที่คาดไม่ถึงเลยเชียว ================================================== รู้จักกับ Manticore แล้วคุณจะรู้ว่าเธอน่าสงสาร Manticore เป็นรหัสเรียกขานของเธอ ไม่มีใครรู้ว่าชื่อจริง ๆ ของเธอเป็นอย่างไร แต่นับว่าเป็น Operator ที่ผ่านศึกมาหนึ่งปีก็นับว่ามีประสบการณ์พอตัว เห็นโหดแบบนี้แต่เธอค่อนข้างขี้อาย เข้าหาคนไม่เป็น และมีหางแมงป่องที่ใหญ่ ค่อนข้างน่ากลัว ทำให้เธอเป็นพวกไร้เพื่อน เพื่อนไม่คบจนกระทั่งผู้เล่นได้เข้ามาในชีวิตเธอ Operator Manticore ให้เสียงพากย์โดยคุณ Suwa Ayaka แม้จะไม่ได้ค่อยพากย์เสียงตัวละครหลักบ่อยนัก แต่ก็มีผลงานการพากย์มาอย่างมากมายเกือบสิบปี ( งานพากย์ที่รู้จักกันได้แก่ Augus Mikazaki ในวัยเด็กจากเรื่อง Mobile Suit Gundam: Iron-Blooded Orphans, Chris และ Eris จากเรื่อง KonoSuba, YoRHa Type A No.2 จากเกม Nier: Automata ) ดีไซน์ถูกออกแบบโดยนามปากกา 竜崎いち ( ริวซากิอิชิ ) โดยข้อมูลส่วนตัวของเธอมีดังนี้ ข้อมูลทั่วไป Code Name : Manticore เพศ: หญิง เวลาที่เข้ามาประจำการ: 1 ปี สถานที่เกิด: Sargon วันเกิด: ไม่ทราบ ส่วนสูง: 155 เซ็นติเมตร ความยาวหางของเธอ: 140 เซ็นติเมตร สถานะ : ยืนยันว่าเธอมีการติดเชื้อ Oripathy, มีการเฝ้าสังเกตุการณ์ในช่วงการทดสอบเพื่อการรักษา ผลการทดสอบร่างกาย พละกำลังทางร่างกาย : มีพละกำลังที่สุดยอดด้วยหางอันใหญ่ยักษ์ของเธอ การเคลื่อนที่: มีความว่องไวที่ยอดเยี่ยม ความทนทานของร่างกาย : ความทนทานร่างกายอยู่ในระดับปกติ การวางแผนยุทธวิธี : สามารถทำได้อย่างปกติ ไม่บกพร่อง ความสามารถด้านการต่อสู้ : มีทักษะการต่อสู้ที่โด่ดเด่นและยอดเยี่ยมอย่างมาก การซึมซับพลัง Originium Art : เธอสามารถดูดซับ Originium และแปรเปลี่ยนเป็นพลัง Art ได้อย่างยอดเยี่ยม ประวัติส่วนตัว ไม่มีใครทราบชื่อที่แท้จริงของเธอ และอดีตของเธอเป็นใครมาจากไหนกันแน่ รู้เพียงแค่ว่าเธอมีรหัสเรียกขานที่รู้จักกันทั่วไปว่า Manticore ( เป็นสัตว์ตามตำนานของชาวเปอร์เซียที่เรียกกันในภาษาท้องถิ่นว่า Martikhora โดยจะเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ มีหัวเป็นมนุษย์ ลำตัวเป็นสิงโต หูจะยาวใหญ่กว่ามนุษย์และมีหางเป็นแมงป่อง ) และก่อนที่เธอจะมาประจำการในเกาะโรห์ด เธอก็เคยทำงานให้กับที่อื่นมาก่อนแต่ก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้เหมือนกันว่าเคยทำงานให้ที่ไหนมากันแน่ ในปัจจุบันเธอเป็นถึงเจ้าหน้าที่พิเศษที่ยังคงทำงานให้กับเกาะโรห์ดต่อไป ความคิดเห็นของแพทย์ ผลการทดสอบทางการแพทย์ระบุว่า Manticore เธอมีอวัยวะบางอย่างภายนอกที่มีส่งผลต่อเงาสะท้อนของตัวเธอ ( และนี่คือเหตุผลว่าทำไม เธอถึงจืดจางมีความสามารถในการพรางตัว และจืดจางในเวลาเดียวกัน ) และมีอนุภาค Originium ไหวเวียนอยู่ในทั่วร่างกาย เธอจึงถูกระบุยืนยันแล้วว่าเธอมีภาวะติดเชื้อ Oripathy [ความเข้ากันของเซลล์และ อนุภาค Originium ในร่างกาย: 12%] จากการตรวจสภาพทางร่างกายก็ยังไม่พบแผลที่เกิดจาก Oripathy อย่างไรก็ตามการตรวจสภาพร่างกายภายในก็พบว่ามีการก่อตัวของผลึกเป็นผลมาจาก Oripathy จากภายใน จึงต้องมีการสังเกตุการณ์ต่อไป [ความหนาแน่นของผลึกในเลือด: 0.32u/L] ผลการตรวจเลือดพบว่า ผลึกในร่างกายของ Manticore มีความเข้มข้นสูง และเป็นไปได้ว่าจะมีความเข้มข้นของผลึกฝังตามอวัยวะภายในร่างกายสูงตามไปด้วย อื่นๆ เมื่อเรานำ Maticore ตั้งเป็นเลขาส่วนตัว จะได้รู้ว่าทั้งคำพูดของเธอที่จะสื่อถึงผู้เล่นนั้นมันช่างน่าสงสาร เธอไม่เคยมีเพื่อนเพราะผลจากรูปลักษณ์ที่น่ากลัวโดยเฉพาะหางที่ใหญ่มากๆ และเธอเกลียดการถูกทอดทิ้งหรือการถูกเมินเพราะเธอมีอวัยวะที่ทำให้ตัวเองจืดจางได้ อีกทั้งนิสัยที่ขี้เกียจ พูดไม่เก่งแถมเข้าหาใครไม่เป็นอีก ซึ่งมีแต่ Doctor ( ผู้เล่น ) พยายามทำให้เธอมีเพื่อน มีตัวตนขึ้นมาบ้าง แน่นอนว่าสำหรับ Manticore นับว่าเป็นเพื่อนคนแรกๆ ที่เธอกล้าเข้าหา และพอได้รู้จักสักพักจะรู้เลยว่า เธอเป็นเด็กดีมากๆ เลยล่ะ แต่ก็มีอีกทฤษฎีส่วนตัวเลยก็คือ ก่อนที่เธอทำงานให้กับเกาะโรห์ด เธอเคยสูญเสียเพื่อนมากมายในการต่อสู้เพราะสังเกตุจากป้าย Dogtag ที่เธอห้อยคอไว้สามอัน นั้นหมายความว่าในอดีตเธออาจจะต้องพบเรื่องร้ายๆ จนจิตตก ไม่อยากเข้าหาใครจนผู้เล่นมาเปิดใจเธอนั้นเอง ( ซึ่งอันนี้เป็นแค่ทฤษฎีเท่านั้น ไม่มีถูก ไม่มีผิด ) ค่า Status และ Skill ของ Manticore Manticore เป็น Operator สาย Specialist, DPS Survival ที่ค่อนข้างโจมตีได้อย่างเชื่องช้า แต่การโจมตีแต่ละครั้ง จะเป็นการโจมตีแบบ Area of Effiect ( AoE ) และมีความรุนแรงค่อนข้างสูง แถมมี Talent ที่คิดเป็นทั้งแอบขำและแอบน่าสงสารในเวลาเดียวกัน เพราะเธอจะมีโอกาสน้อยมากที่จะถูกตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีพูดง่ายๆ ก็คือศัตรูจะเมินเธอไปเลย และ Talent ที่เมื่อเข้าสู่สถานะล่องหนจะเพิ่มพลังการโจมตีครั้งแรกให้มากขึ้น ทำให้กลายเป็นตัวที่ปล่อยให้ทำดาเมจ, ตัวซื้อเวลา, ตัวบั่นทอน HP ศัตรูก่อนเข้าปะทะกับ Operator หลักของเราได้ ค่า Status Max Level: Level 50 ในระดับ Non – Elite/ Level 70  ในระดับ Elite 1/ Level 80 ในระดับ Elite 2 Health point: 777 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 1080 เมื่อ Lv.50/ 1385 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 1630 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Attack  : 378 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 511 เมื่อ Lv.50/ 656 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 811 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Defend : 141หน่วยเมื่อ Lv.1/ 218 เมื่อ Lv.50/ 284 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 343 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Resistant : 10หน่วยเมื่อ Lv.1/ 10 เมื่อ Lv.50/ 20 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 30 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Redeploy : ใช้ค่า Deploy Point 70 หน่วยทุกเลเวล Cost : 16 หน่วยในระดับ Non-Elite / 18 หน่วยในระดับ Elite 1-2 Block : ไม่สามารถป้องกันศัตรูได้ ( น้องโดนเมิน ) แต่ก็แลกกับที่จะไม่ตกเป็นเป้าหมายหรือตกเป็นเป้าหมายต่ำเช่นกัน Attack Speed : 1.00 หน่วยทุกเลเวล ระยะโจมตี : 2 ช่องรอบตัวแบบ AoE โดยข้างหน้าสุดของตัว Manticore จะโจมตีได้ ไกลพิเศษเป็น 3 ช่อง ค่า Potential ระดับ 1 Deployment Cost -1 ระดับ 2 Redeployment Cooldown -4 ระดับ 3 Attack Power +30 ระดับ 4 Talent Effect Up ระดับ 5 Deployment Cost -1 Trust extra status ค่าโบนัสจากความเชื่อใจ เพิ่มค่า Attack + 25 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +50 เมื่อถึง 50%/ +75 เมื่อถึง 75%/ +100 เมื่อถึง 100% Traits Manticore สามารถโจมตีแบบ AoE รอบตัว 2 ช่องได้ โดยข้างหน้าของเธอจะเป็นการโจมตี 3 ช่อง, มีโอกาส 50% ที่เธอสามารถหลบการโจมตีของศัตรูทั้งประเภทกายภาพและแบบ Art Attack ได้, เธอจะไม่สามารถ Block ศัตรูได้และจะถูกศัตรูเมินทันที แต่มีโอกาสเล็กน้อยมากๆ ที่จะถูกโจมตีใส่ ( ซึ่งส่วนมากจะเป็นศัตรูประเภท Art ) Talent: Hidden Killer เมื่อยังไม่ได้อยู่ในสถานะการต่อสู้ Manticore จะเข้าสู่โหมดพรางตัวและเมื่อศัตรูย่างกรายมา การโจมตีครั้งแรกจะเพิ่มพลังโจมตี 25% ทันที และจะกลับเข้าสู่โหมดพรางตัวได้อีกครั้งเมื่อเธอยังไม่มีการโจมตีเป็นเวล 6 วินาที แต่หากเป็น Elite 2 เลเวลเต็มแล้ว ความสามารถนี้จะเพิ่มพลังโจมตีสูงถึง 54% เลยทีเดียว และลดเวลาการพรางตัวเป็น 5 วินาที ทิศทางการช่องการโจมตี, Talent และ Skill ที่สำคัญ น้องโดนเมินจากศัตรูเกือบทั้งหมด ; _ ; Skill Skill ที่ 1: Scorpion Venon ประเภท: Passive ลักษณะ SP Charge: ไม่มีการชาร์จ SP SP Cost: 0 ระยะเวลาบัฟ: 0 Skill Effect: ทุกครั้งที่ Manticore โจมตี ศัตรูจะโดนลดความเร็วในการเคลื่อนที่ 20% เป็นเวลา 3.5 วินาที เมื่ออัพเกรดสกิลจนสูงสุด จะเป็นการลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของศัตรูได้มากถึง 50% เป็นเวลา 5 วินาที   Skill ที่ 2 : Toxic Overlord ประเภท : Manual Trigger, Auto Recovery ลักษณะ SP Charge : Per Secound SP Cost : 20 ระยะเวลาบัฟ : 31 วินาทีเมื่อสกิลเลเวล 1/ 40 วินาทีเมื่อสกิลเลเวลเต็ม Skill Effect : เมื่อกดใช้งาน เธอจะโจมตีแรงขึ้น 30% และทำการหยุดเป้าหมายหรือ Stunt เป็นเวลา 0.5 วินาที เมื่ออัพเกรดสกิลจนสูงสุด จะสามารถเพิ่มพลังโจมตีให้ตัวเองได้มากถึง 90% และ Stunt เป้าหมายได้ 1 วินาที แต่ว่าเมื่อกดใช้แล้ว จะทำให้ Manticore โจมตีช้าลงเล็กน้อย รูปแบบการใช้งานของ Manticore น้องแมงป่อง Manticore ถูกจะเป็น Operator Specialist ที่เหมือนจะแทบไม่ได้ช่วยอะไรในการยื้อทีม แต่จริงๆแล้วเธอเป็นตัวยื้อทีมและเป็นตัวบั่นทอนกำลังศัตรูที่ดีมากๆ เพราะนอกจากการโจมตีที่เป็นแบบ AoE แล้ว พลังการโจมตีก็สูงเป็นอันดับต้นๆ ของเกมเลยก็ว่าได้ แม้ว่าการโจมตีจะช้าไปเสียหน่อย แต่รับรองอร่อยแน่นอน ฉะนั้นการวางตำแหน่งของ Manticore ก็คือการวางดักหน้าทางหรือจุดที่ศัตรูรวมตัวกันเข้ามาเยอะๆ เช่นแบบในภาพ เมื่อศัตรูวิ่งจากหลายทางมารวมกัน เธอจะสามารถแสดงประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่มากๆ โจมตีทีเดียวลดเลือดศัตรูเป็นหมู่ และที่สำคัญคือไม่ต้องห่วงว่าเธอจะตกเป็นเป้าหมาย เพราะศัตรูเมินน้องได้อย่างหน้าตาเฉยเช่นกัน ทำให้หมดกังวลว่าเอาไปวางไกลๆ แล้วจะตายก่อน ลดภาระ Medic เราได้ไปในตัวด้วย แต่การที่น้อง Manticore โดนเมินก็นับเป็นข้อดีและก็ถือเป็นข้อเสียเช่นกัน เนื่องจากเธอไม่สามารถ Block ศัตรูได้ และการโจมตีแต่ละครั้งเชื่องช้า หากไม่อัพเลเวลหรือสกิลเพื่อเพิ่มพลังการโจมีและการหวังผลสกิลมากพอ มันจะกลายเป็นภาระของ Operator แนวหลังที่ทำหน้าที่ป้องกันแทน และเธอจะตกเป็นเป้าโจมตีของศัตรูสาย Art ด้วยเช่นกัน แม้ว่าเธอจะมีโอกาสหลบได้แต่เธอก็ไม่ได้หนานัก ================================================== สรุปแล้ว น้อง Manticore เธอเป็นเด็กดีมากๆ ขี้อาย เข้าหาใครไม่เป็น ในสนามน้องเลยโดนเมินบ่อยมาก แต่เพราะการโดนเมินในสนามรบทำให้เธอโจมตีได้ฟรีๆ เช่นกัน แต่ก็ต้องวางในตำแหน่งที่หวังผลการโจมตีศัตรูให้มากที่สุดเช่นกัน ไม่งั้นจะกลายเป็นภาระ Operator คนอื่นแทน แถมโจมตีค่อนข้างช้า ซึ่งหากคิดจะใช้งานเธอ แนะนำให้อัพเลเวลและสกิลให้สูงก่อน เพื่อดึงประสิทธิภาพการใช้งานได้มากที่สุด ทำให้ Manticore ไม่เหมาะเป็นตัวที่ใช้งานเริ่มต้น เหมาะกับตัวใช้งานระยะยาวและใช้บั่นทอนศัตรูที่มากันเป็นจำนวนมาก... Doctor เอ๋ย ทีหลังอย่าเมินน้องเลย น่าสงสารออก เธอไม่มีเพื่อนอยู่แล้วก็ช่วยอยู่เล่นกับน้องเยอะๆ เธอน่ารักมากๆ เลยล่ะ Source Ark Work By 友にゃん สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
06 Feb 2020
ไกด์ Arknights แนะนำ Operator ที่โลกลืม หุ่นยนต์สุดน่ารัก Lancet-2
หากพูดถึงเกมแนว Defend Tower อย่าง Arknights แล้ว ผู้เล่นหลายคนก็อาจจะมี Operator ที่ชอบและถูกใจอยู่หลายตัวไม่น้อย ยกตัวอย่าง SilverAsh หนุ่มผู้มาดนิ่ง น่ากลัวแต่กลับอบอุ่นและใจดี ( หุ่นดีจนสาวๆ หลายคนเห็นแล้วต้องชอบ ) หรืออาจจะเป็นตัวของ Amiya เองที่แม้จะเป็นตัวละครหลักแต่กลับไม่ได้ดูจืดจางด้วยอุปนิสัยที่น่ารัก ( และกลายเป็น meme เยอะมากๆ ) แต่หารู้ไหมว่ายังมี Operator อีกตัวที่ผู้เล่นหลายคนไม่นิยมหยิบใช้เพราะเห็นว่าเป็นแค่ Operator หุ่นยนต์ระดับหนึ่งดาวเหมือนจะไม่มีความสามารถอะไร หารู้ไหมว่าเธอคนนี้สามารถพลิกสถานะการณ์ได้หากใช้งานถูกจังหวะ ซึ่งทาง GameFever TH ก็ขอเสนอรายการไกด์เกมเจาะลึก Operator ภายใต้หัวข้อ "Operator ที่โลกลืม" บทความนี้เราจะประเดิมด้วยสาวหุ่นยนต์ที่ชื่อว่า Lancet-2 นั้นเอง! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูข้อมูลเชิงลึกของเธอกันเลยดีกว่า ================================================== มาทำความรู้จักกับ Lancet-2 สักนิด Lancet-2 เป็น Operator ระดับหนึ่งดาวเพียงตัวเดียวของเกม Arknights แม้จะเป็นหุ่นยนต์พยาบาลแต่ก็ถูกตั้งโปรแกรมเหมือนเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ให้เสียงภาษาญี่ปุ่นโดยคุณ ชิโมดะ อาซามิ ( ผู้ที่เคยผ่านงานพากย์ Huang Lingyin จากซีรี่ส์ Infinite Stratos, Nanaba จาก Attack on Titan, Bulin จาก Azur Lane ) ภาพอาตโดยนามปากกา TOKI โดยข้อมูลส่วนตัวของเธอมีดังนี้ ข้อมูลทั่วไป เพศ: หญิง ระยะเวลาที่ออกมาปฏิบัติการ: 2 ปี โรงงานที่ผลิต: Thor Industries ถิ่นที่ตั้งการผลิต: Columbia วันที่ถูกจัดจำหน่าย: 12 พฤษภาคม ส่วนสูง: 149 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Medic ประเภทการสนับสนุน: รักษาเพื่อนร่วมทีมในระยะหวังผลแบบครั้งละคน สถานะปัจจุบันของเธอ: โครงสร้างภายนอกของเธอมีการสึกหรอเล็กน้อยตามอายุการปฏิบัติการ, โครงสร้างยังดูดี, ความทนทานยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ และช่วงล่างยังสภาพดี ระบบปฏิบัติการ การพยาบาลและอุปกรณ์ได้รับการตรวจเช็คเติมให้เต็มอยู่ตลอดเวลา และแผงวงจรต่างๆ ภายในตัวเธอยังทำงานได้ดีเหมือนเคย สมรรถนะโดยรวม ความเร็วที่เธอสามารถวิ่งได้ ทำได้สูงสุด 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การวิ่งขึ้นที่ชันและวิ่งทางลาดลงทำได้ปกติ ระบบเบครยังปกติ ความคล่องตัวทำได้ดีตามปกติ มีความทนทานสูงมาก ความสมบูรณ์ของโครงสร้างยังปกติ ประวัติส่วนตัว Lancet-2 เธอเป็นหุ่นยนต์หกล้อที่ถูกดัดแปลงมาจากหุ่นยนต์ปฏิบัติการณ์โมเดล Thor-S62 การออกแบบโดยรวมของตัวเธอนั้น ทางโรงงานได้ออกแบบให้ดูน่ารัก (?) กลายเป็นว่ามันทำให้เธอกลายเป็นมาสคอตของ Rhodes Island ไปเสียแล้ว แม้ว่าตัวเธอจะเป็นหุ่นยนต์ที่ค่อนข้างแปลก มีนิสัยออกไปทางมองโลกในแง่ร้ายไปนิด ตัดเพ้อเรื่องของตัวเองบ้าง แต่เธอก็ยังเป็นที่รักของทุกคน หลังจากตัวเธอได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นหุ่นยนต์พยาบาลเรียบร้อย Lancet-2 ก็ได้ทำหน้าที่รักษาและเยียวยาผู้คนภายใน Rhodes Island และเธอก็ยังคงมุ่งมั่นที่ใช้เครื่องมือเครื่องใช้ที่ติดตั้งมาทำการรักษาโรคและแหล่งปนเปื้อนจาก Originium ต่อไปตราบใดที่เธอยังไม่พังไปเสียก่อน นิสัยโดยรวมของ Lancet-2 ต้องเข้าขั้นที่เรียกได้ว่า "ออร่าความเป็นศรีภรรยาสูงมาก" โดยจะเรียกผู้เล่นว่า ท่าน ขึ้นหน้าเสมอ แม้ภายนอกจากเป็นหุ่นยนต์หกล้อ แต่จิตใจก็ยังมีความต้องการ มีความรู้สึกไม่ต่างอะไรไปจากมนุษย์ โดยจากการพูดของเธอเมื่อเอาตัวเธอมาตั้งเป็นเลขาส่วนตัวหน้า Lobby เรื่องการถามผู้เล่นว่าชอบชาหรือกาแฟแล้วอยากจะชงให้ แต่ตัวเธอทำไม่ได้เพราะสิ่งที่เธอเป็นพร้อมกับน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าเหลือเกิน ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังจะดูแลและคอยเป็นห่วงเป็นใยผู้เล่นเสมอ ที่สำคัญ น้ำเสียงของเธออ่อนหวานมาก เชื่อเลยว่าผู้เล่นที่ได้รู้จัก Lancet-2 ต้องลองฟังน้ำเสียงของเธอดูบ้างล่ะ ค่า Status และ Skill ของ Lancet-2 แม้ว่า Lancet-2 จะเป็น Operator สาย Medic ระดับหนึ่งดาวที่ไม่ได้ Heal ได้สูงมากมายเหมือนกับ Operator ตัวอื่นๆ แต่ความน่าสนใจของเธอเลยคือเรื่องการใช้ Deploy Point ที่ต่ำมาก และเป็น Operator Medic ที่มีความสามารถฟื้นฟูแบบทันทีด้วย ส่วนข้อมูลโดยละเอียดมีดังนี้ ค่า Status Max Level: Level 30 แบบปกติและไม่มีระบบเลื่อนขั้นให้เธอคนนี้ Health point: 261 หน่วยเมื่อเลเวล 1 / 445 หน่วยเมื่อเลเวล 30 Attack: 42 หน่วยเมื่อเลเวล 1 / 74 หน่วยเมื่อเลเวล 30 ( สำหรับ Medic จะเป็นพลังในการ Heal แทน ) Defend: 16 หน่วยเมื่อเลเวล 1 / 27 หน่วยเมื่อเลเวล 30 Resistant: 0 หน่วย ทุกเลเวล Redeploy: ใช้ค่า Deploy Point 200 หน่วยทุกเลเวล Cost: 3 หน่วยทุกเลเวล Block: ป้องกันศัตรูได้ 1 คน Attack Speed: 100 หน่วยทุกเลเวล ( ฮีลหนึ่งรอบต่อหนึ่งวินาที ) ค่า Status หลังเลื่อนยศ Lancet-2 เป็น Operator ที่ไม่มีการเลื่อนขั้นให้เหมือนกับ Operator คนอื่นๆ ค่า Potential Lancet-2 เมื่อได้เปิดตัวซ้ำและใช้งาน Potential จะเป็นการเพิ่ม Talent Effect ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มได้สูงสุด 5 ครั้ง หรือพูดง่ายๆ คือเปิดหาตัวซ้ำแล้วเอามาเสริมแกร่งได้ 5 ครั้งด้วยกัน Traits Lancet-2 นอกจากสามารถฮีลรักษาเพื่อนได้เหมือน Operator Medic ทั่วไปแล้ว ตัวเธอสามารถลงมาได้แบบ Free Unit หรือกล่าวคือเมื่อเธอลงสนามตัวเกมจะไม่นับจำนวนที่ลงไปในด่านนั้นเอง Talent Lancet-2 มีทาเลนต์ที่ชื่อว่า Support Spray เมื่อตัวเธอลงเข้าสู่สนามจะทำการฮีลรักษา Operator เพื่อนร่วมทีมทุกตัวทันที 200 หน่วย เมื่อ Talent เลเวล 1 และจะฮีลได้สูงสุด 500 หน่วยเมื่อเรามี Talent เลเวล 6 Skill Lancet-2 ไม่มีสกิลเป็นของตัวเอง เธอจึงทำได้แค่ฮีลปกติกับการพึ่งพาการใช้ Talent ให้เป็นประโยชน์เท่านั้น รูปแบบการใช้งานของ Lancet-2 Lancet-2 ถือเป็น Operator ที่ทำหน้าที่พลิกสถานะการณ์ให้กับเพื่อนร่วมทีมที่เลือดเหลือน้อยหรือ Medic คนอื่นฮีลไม่ทัน ให้กลับมามีพลังมากพอที่จะยื้อเวลาการต่อสู้ออกไปได้อีกด้วย Talent ที่ลงไปแล้วจะฮีลให้เพื่อนเป็นหมู่คณะทันทีตามจำนวนเลเวลของ Talent รูปแบบการใช้งานของตัวเธอจะใช้งานได้ดีที่สุดเมื่อกรณี Medic เราถูกโจมตีจนตาย, Medic ฮีลเพื่อนไม่ทัน หรือ Medic ไม่สามารถฮีลได้ทั่วถึงเพราะอยู่นอกระยะหวังผล แล้วเอา Lancet-2 ลงสนามรบระหว่างทาง จากที่เราเสียเปรียบหรือต้านทานจำนวนศัตรูไม่ไหว HP ใกล้หมดก็ช่วยต่อลมหายใจยืดออกไปได้อีก บางครั้งก็สามารถพลิกสถานะการณ์ได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด ยกตัวอย่างเช่นตอน HP ของ Jessica ใกล้จะหมดแล้วต้องการเลือดอย่างเร่งด่วน พอ Lancet-2 ลงมา HP ของเธอก็เด้งขึ้นมาแบบทันทีทำให้ต่อสู้กับศัตรูได้ยาวนานขึ้น ส่วนข้อเสียของเธอนั้นคือ ไม่มีสกิลเป็นของตัวเอง และการฮีลแต่ละครั้งทำได้ช้าและฮีลได้ไม่แรงเท่าที่ควรอย่างในภาพ ฮีล Jessica ครั้งละ 74 หน่วยซึ่ง Operator สาย Medic ทั่วไปฮีลเฉลี่ยกันครั้งละ 150 หน่วยขึ้นไปด้วยซ้ำ และหาก Lancet-2 ถูกโจมตีจนตายหรือถอนเธอออกจากสนาม เธอจะใช้ค่า Deploy Point ในการเรียกรอบต่อไปใช้เวลานานมากๆ ฉะนั้นระวังจุดนี้ให้ดีๆ ================================================== สรุปโดยรวมก็คือ Lancet-2 เป็น Operator Medic ที่เกิดมาเพื่อกู้สถานะการณ์ที่ย่ำแย่ให้กลับมาดีขึ้นโดยเฉพาะด้วยพลังของ Talent แถมยังเป็นตัว Free Unit ไม่นับรวมอีกด้วย แต่พอลงไปแล้วหลังจากนี้ก็ช่วยเหลือทีมอะไรไมไ่ด้มากนัก ส่วนด้านอื่นๆ เลยก็คือ เธอเป็นหุ่นยนต์ที่น่ารัก นิสัยดี น้ำเสียงอ่อนหวาน ขนาดคนเขียนเองยังนั่งฟังเสียงเธอทุกวันในเกมเลย เหมือนรู้สึกว่าตัวเองเหน็ดเหนื่อยแล้วได้ฟังน้ำเสียงที่ทำให้เรารู้สึกจิตใจสงบได้ ขอบอกเลยว่า "เป็น Operator ที่โลกไม่ควรลืม" ดีต่อทีมและดีต่อใจแบบนี้ไม่รักได้อย่างไรกันล่ะ จริงไหม ? Source Ark Work By: レトリロ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
27 Jan 2020
ไกด์ Arknights กับ 5 Operator ระดับ 3 ดาวที่มือใหม่ก็ใช้ได้ คนเทพก็ใช้ดี
แม้ว่า Arknights จะเป็นเกมแนว Defend Tower มีรูปแบบการเล่นที่ง่าย แต่ความยากในการผ่านด่านก็ท้าทายผู้เล่นมากหน้าหลายตา และก็คงจะคิดว่า ตัวละครดาวต่ำๆ คงใช้งานได้ไม่ดี...แต่ขอให้หยุดคิดก่อน ใช่ว่ามันไม่ดี ตัวละครในเกมหรือ Operator ทุกตัวนั้นมีความสำคัญทุกตัวมาก โดยเฉพาะเรื่องค่า Deploy Point ต้องคิดให้ดีๆ เพราะบางทีการใช้ตัวละครดาวสูงๆ ก็จะมีค่า Cost เยอะ ทำให้ไม่สามารถลงได้ทันที การใช้ตัวละครที่มีค่า Cost น้อยในการลงก่อนบางด่านก็มีความจำเป็น ฉะนั้นทาง GameFever TH จึงได้ขอทำการแนะนำ Operator ระดับ 3 ดาวสักห้าตัวเพื่อเป็นไกด์แนะนำให้รู้ว่าพวกเขาเหล่านี้มีดัอย่างไร ================================================== 1. Fang เด็กสาวผู้ปราดเปรียวพร้อมเผชิญศัตรูที่ย่างกราย ข้อมูลส่วนตัว: เพศ: หญิง ถิ่นกำเนิด: Kazimirez วันเกิด: 2 ธันวาคม เผ่าพันธุ์: Kuranta ส่วนสูง: 158 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Vanguard ประเภทการโจมตี: ตีประชิดแบบกายภาพ Fang ถือเป็นตัวละครเริ่มต้น 3 ดาวที่เป็นอีกตัวที่มือใหม่ต้องมีไว้ใช้งาน อีกทั้งยังสามารถปั้นตัวละครนี้เอาไว้ใช้ในระยะยาวได้ แม้ว่า Fang จะไม่ได้มีค่าสเตตัสที่โดดเด่นเท่าไหร่นัก แต่ด้วยที่ว่าเป็น Operator ที่ใช้ค่า Deploy Point ที่ค่อนข้างต่ำมาก และหากเลื่อนขั้นเธอเป็น Elite 1 ก็จะทำให้ Talent: Lightweight ซึ่งจะเป็นการลดการใช้ Deploy Point ลงอีกหนึ่งหน่วย จึงเหมาะเป็นตัวที่เรียกออกมาเพื่อสกัดกั้นศัตรูในช่วงแรกๆ และเป็นการซื้อเวลาให้มีค่า Deploy Point ที่มากพอให้เรียก Operator ระดับสูงได้ ด้าน Triats ของเธอนั้นเป็น Operator ระดับ 3 ดาวสาย Vanguard ที่สามารถบล็อคศัตรูได้มากถึงสองตัวด้วยกัน ช่วยการซื้อเวลารอ Operator ระดับสูงมาช่วยเสริมการป้องกันได้เมื่อค่า Deploy Point ถึง ส่วนในด้านสกิล Charge Alpha  ของเธอนั้น เมื่อเกจเต็มแล้วสกิลจะทำงานอัตโนมัติ เพิ่มค่า Deploy Point ทันที 6 หน่วยด้วยกัน แม้ว่าจะไม่ได้เพิ่มเยอะแยะอะไรนักแต่สำหรับสามดาวตัวนี้ก็นับว่าคุ้มค่าที่จะงานระยะสั้นหรือปั้นเธอแล้วระยะยาวในบางโอกาสได้เช่นกัน 2. Plume สาวมาดขรึมพร้อมที่จะปกป้องทุกคน ข้อมูลส่วนตัว: เพศ: หญิง ถิ่นกำเนิด: Laterano วันเกิด: 28 ตุลาคม เผ่าพันธุ์: Liberi ส่วนสูง: 158 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Vanguard ประเภทการโจมตี: ตีประชิดแบบกายภาพ Plume เป็น Operator สาย Vanguard อีกตัวที่เน้นการใช้งานได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวถึงค่า HP จะดูค่อนข้างต่ำไปเสียหน่อยแม้ว่าเราจะปั้นจนเลื่อนขั้นเธอเป็น Elite แล้วก็ตาม แต่พลังการโจมตีก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร แถม Talent ของเธอก็เป็นการเพิ่มค่า Attack ขึ้นไปอีก 4 เปอร์เซ็นต์ จัดได้ว่าเป็น Operator ที่มีค่าพลังโจมตีโดดเด่นในระดับสามดาวด้วยกัน ส่วนของ Triats ของเธอนั้นน่าสนใจ เมื่อเธอได้สังหารศัตรูก็จะได้รับค่า Deploy Point ทันที 1 แต้มต่อ 1 ตัว นอกจากนี้หากถอนเธอออกจากพื้นที่ก็จะได้ค่า Deploy Point แบบเต็มจำนวนอีกด้วย เหมาะกับการใช้งานต้นเกมเอาไปตีศัตรูระดับล่างๆ เพื่อเร่งค่า Deploy Point และพอสามารถลง Operator ระดับสูงได้ก็ค่อยถอนเธอออกไป ในด้านสกิลของเธอจะเป็น Swift Strike Alpha จะเป็นสกิลที่ต้องกดใช้ เมื่อใช้แล้วจะเพิ่มค่า Attack สูงสุด 25% และค่าความเร็วในการโจมตี สูงสุด 25% ด้วยเช่นกัน ทำให้เธอมีพลังการโจมตีมากเอาเรื่อง พอที่จะฟันศัตรูระดับสูงได้แต่คงไม่ได้เอามาตั้งรับกันตรงๆ เพราะเธอตายง่าย HP ค่อนข้างน้อยนั้นเอง 3.  Kroos สาวอารมณ์ดีที่ดอคเตอร์เจอหน้าบ่อยที่สุด ข้อมูลส่วนตัว: เพศ: หญิง ถิ่นกำเนิด: Rim Billiton วันเกิด: 22 พฤศจิกายน เผ่าพันธุ์: Cautus ส่วนสูง: 154 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Sniper ประเภทการโจมตี: โจมตีระยะไกลแบบเลือกเป้าหมายบินได้ก่อน พอได้ยินชื่อว่า Kroos ดอคเตอร์อาจจะปวดหัวเพราะเธอโผล่ออกมาบ่อยเสียเหลือเกินทั้งจากกาชาและการรับสมัคร Operator ในเกม ( เกลือนั้นเอง ) แต่เอาจริงๆ เธอก็ไม่ได้โผล่ออกมาบ่อยแบบนั้นแถม Operator ตัวนี้ก็ไม่ได้จัดว่าแย่ สามารถเอาไปใช้งานได้ดีด้วย Talent ที่มีโอกาส 20 เปอร์เซ็นต์ที่จะยิงใส่ศัตรูอย่างรุนแรงเพิ่มเติมถึง 150 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นอะไรที่แจ่มมากในการช่วยระดมยิงศัตรุจากแนวหลัง ส่วน Traits นั้นจะเป็นการเลือกโจมตีศัตรูที่เป็นประเภทกาศยานอย่างโดรนก่อนซึ่งศัตรูประเภทนี้มักเป็นปัญหาสำคัญสำหรับใครหลายๆ คนเพราะตัวละครปกติหากไม่เล็งตัวพวกนี้ก่อนไม่ก็สามารถโจมตีได้ แถมได้รับบัพดาเมจอีกทำให้ Kroos ยิงสอยโดรนร่วงได้ไม่ยากเย็นนัก ด้านสกิล Double Tap ถือเป็นสกิลอัตโนมัติหากินของเธอ เมื่อสกิลนี้ทำงานจะเป็นการยิงสองครั้งติด ทำ Damage ใส่ศัตรูได้สูงสุด 140 เปอร์เซ็นต์ต่อนัด บอกเลยว่าใช้หากินกันได้ยาวๆ ไปเลยสำหรับตัวละครนี้ แต่ต้องวางตำแหน่งดีๆ ล่ะไม่งั้นใช้ได้ไม่นานตายไวจากศัตรูที่ยิงระยะไกลด้วยเช่นกัน 4. Catapult สาวยิงระเบิดทำลายให้ราบเป็นหน้ากลอง ข้อมูลส่วนตัว: เพศ: หญิง ถิ่นกำเนิด: Kazimierz วันเกิด: 8 สิงหาคม เผ่าพันธุ์: Kuranta ส่วนสูง: 163 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Sniper ประเภทการโจมตี: โจมตีระยะไกลแบบทำความเสียหายเป็นวงกว้าง Catapult ที่มาพร้อมกับเครื่องยิงลูกระเบิด M320 สุดเท่ แม้จะเป็น Operator 3 ดาวที่มีการยิงที่ค่อนข้างช้าก็จริง แต่ก็จัดว่าเป็นตัวที่ใช้ค่า Deploy Point ค่อนข้างน้อย ด้วย Talent ที่ลดค่า Deploy Point ลงไปอีกหนึ่งหน่วย จึงเหมาะกับกรณีเจอศัตรูต้นเกม และต้องการยิงเพื่อสร้างความเสียหายให้ได้มากที่สุดแล้วให้ Oeprator หลักของเราจัดการปิดฉากอีกที ด้าน Traits นั้นตามชื่อเลยคือ สามารถยิงสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้ หากศัตรูมาหลายๆ ตัวหรือรวมกระจุกในจุดเดียว บอกเลยว่าหวานหมูสำหรับ Catapult มาก ส่วนสกิล Blast Range Up Alpha นั้นจะเป็นสกิลกดใช้ เมื่อกดใช้แล้วจะเพิ่มรัศมีการทำลายล้างให้กับตัวเองมากสุดถึง 200 เปอร์เซ็นต์หรือพูดง่ายๆ ก็คือเพิ่มรัศมีการสร้างความเสียหายมากขึ้นอีก เรียกได้ว่ายิงทีมีเรียบเป็นหน้ากลองได้ภายในไม่กี่นัด แม้ว่าจะยิงได้จัดหนักจัดเต็มแต่ด้วยความเร็วการยิงที่เชื่องช้า จึงไม่เวิร์คที่จะให้เธอคนนี้รับภาระในการสร้างความเสียหายจากระยะไกลด้วยเพียงลำพัง แต่หากมีคนช่วยบล็อคศัตรู หรือมีคนช่วยยิงก็จะกลายเป็นตัวเสริมดาเมจที่ดีเลยล่ะ 5. Cardigan สาวน้อยสุดน่ารักกับโลสุดแข็งแกร่ง ข้อมูลส่วนตัว: เพศ: หญิง ถิ่นกำเนิด: Leithanien วันเกิด: 2 สิงหาคม เผ่าพันธุ์: Perro ส่วนสูง: 163 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Defender ประเภทการโจมตี: โจมตีระยะประชิดประเภทตั้งโล่ ตัวของ Cardigan ที่เป็น Operator สาย Defender ระดับ 3 ดาว จัดได้ว่ามีค่าป้องกันสูงเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับ Operator ระดับเดียวกัน จึงไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงได้ถูกเลือกให้เป็นตัวบล็อคศัตรูที่สามารถใช้ได้ยาวๆ ร่วมกับ Operator ระดับสูงได้ และเมื่อเลื่อนขั้นให้อยู่ในระดับ Elite ก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งตัวที่ยืนทน คนอึดตายยาก ศัตรูหน้าไหนก็ยากที่จะทำลายโล่ของเธอนี้ไปได้ เพราะ Talent ที่จะเพิ่ม Max HP แบบถาวร 6 เปอร์เซ็นต์นั้นเอง ส่วนของ Traits นั้นก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรนักกับการที่สามารถบล็อคศัตรูได้สามตัว ถือว่าเป็นสิ่งที่ Defender ควรจะมีเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ยังดีกว่า Defender บางตัวที่บล็อคศัตรูได้แค่สองตัวเท่านั้น ด้านสกิล Regeneration Alpha ซึ่งเป็นสกิลกดใช้ เมื่อใช้แล้วจะทำการฟื้นฟูค่า HP ตัวเองที่เสียไป จาก 40 เปอร์เซ็นต์ของ Max HP เรียกได้ว่าเป็นสายยืนทน ไม่พึ่งพา Medic เพราะสามารถฮีลตัวเองได้ เหมาะกับการเอาไปตั้งในแนวหน้าแล้วให้แนวหลังช่วยโจมตีเป็นหลัก ช่วยลดภาระของ Medic เพื่อให้โฟกัสในการฮีล Operator คนอื่นที่ต้องการในสนามได้ด้วย ================================================== แถม. Ansel สาว (?) ผู้อุทิศตัวเพื่อพวกพ้องในสนามรบ ข้อมูลส่วนตัว: เพศ: ชาย ถิ่นกำเนิด: Rim Billiton วันเกิด: 31 มกราคม เผ่าพันธุ์: Cautus ส่วนสูง: 163 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Medic ประเภทการโจมตี: สายสนับสนุนรักษาพันธมิตรแบบทีละคน Ansel จัดได้ว่าเขามีความสามารถที่ไม่ธรรมดา หากปั้นเขาแล้วเลื่อนขั้นไประดับ Elite แล้วล่ะก็ เขาจะสามารถฮีลให้กับพันธมิตรได้ครั้งละ 1,134 หน่วยเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ และมีระยะการรักษาที่ไกล ทำให้เขากลายเป็นที่รักของ Operator หลายๆ คนทั้งจากระดับเดียวกันและระดับสูง ส่วน Traits นั้นก็เป็นแค่การฮีลให้กับพันธมิตรได้ครั้งละหนึ่งคน โดยจะฮีลให้กับพันธมิตรที่มีพลังชีวิตเหลือน้อยที่สุดก่อน และด้วยการฮีลแต่ละครั้งค่อนข้างช้า แม้จะฮีลแรงแต่ก็อาจจะรักษา Operator คนอื่นไม่ทันนอนตายไปเสียก่อน จึงไม่เหมาะกับการใช้งานมาสนับสนุนด้วยตัวเพียงคนเดียว ด้านสกิล Healing Range Up นับว่าเป็นสกิลกดใช้ที่จัดได้ว่าของดีมากๆ เมื่อกดใช้แล้วจะทำการเพิ่มระยะการฮีลให้กับตัวเอง 2 ช่อง และให้ Buff ให้แก่ตัวเอง ทำให้ฮีลแรงขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ในระยะหวังผล เมื่อเอามาคอมโบกับ Operator ที่เน้นพลังการโจมตีที่สูง จัดได้ว่า Ansel ถึงจะเป็นผู้ชาย แต่เราก็รัก ( รักในฐานะ Medic ที่ดีนะ ) เพราะตัวทำความเสียหายหลักจะได้ยืนนานขึ้น ================================================== และนี่คือทั้งหมดของ 5 Operator ระดับสามดาวที่น่าใช้ในเกม Arknights แต่เอาจริงๆ มันก็มี Operator ระดับ 2-3 ที่น่าใช้อีกหลายๆ ตัว แต่มันอาจจะไม่ได้โด่ดเด่นมากมายนัก แต่หากใช้งานคอมโบกับ Operator ตัวอื่นๆ ก็อาจจจะส่งผลดีอย่างไม่คาดคิดก็ได้ เพราะหัวใจสำคัญของเกมนี้คือ การวางแผนวางตัวละครอย่างไรให้ป้องกันหนาแน่นที่สุด ดีที่สุดและใช้งานอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุดต่างหาก สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
26 Jan 2020
ไกด์ Arknights ทรัพยากร 5 อย่างที่ควรตุนไว้ อย่าใช้จนหมด
หลายท่านที่เล่นเกม Arknights อยู่แล้วประสบปัญหา "ทรัพยากรขาดแคลน" กันบ้างหรือเปล่า? ซึ่งคนเขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น บอกเลยว่าทรัพยากรในเกมนี้เป็นสิ่งจำเป็นเอามากๆ หากใช้จนหมด ไม่มีสำรองจะลำบากมากในการพัฒนาสิ่งต่างๆ ที่ควรจะทำ กลายเป็นว่าเจ้าสิ่งนี้ทำให้ใครหลายคนคิดหน้าคิดหลังเลยว่าควรใช้ทำอะไรก่อนดี แน่นอนว่าทางเรา GameFever TH จึงขอทำไกด์เรื่องทรัพยากรในเกมให้รับทราบและตระหนักถึงคุณค่าของมันว่า ควรใช้อย่างระวังให้มากที่สุด แม้บางอย่างจะหามาได้ง่ายๆ แต่ถ้าหมดก็ทำเราปวดหัวเช่นกัน เรามาดูกันว่าทรัพยากร 5 อย่างที่สำคัญควรตุนไว้อย่าให้ขาดมีอะไรกันบ้าง ================================================== 1. Lungmen Dollar ( LMD ) หลงเหมิน ดอลล่าห์ เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันในหมู่เกาะหลงเหมินในแถบไต้หวัน และเป็นสกุลเงินที่เริ่มมีการใช้แพร่หลายมากในช่วงยุคฟื้นฟูโลก ณ ตอนนี้ ซึ่งในเกม Arknights ถือเป็นเงินภายในเกมที่หาเก็บได้ง่าย แต่หากใช้จนหมดก็จะทำให้ผู้เล่นปวดหัวด้วยเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นการอัพเกรดตัวละคร, การคราฟของ, แลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆ หรือไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็จะต้องใช้เจ้าเงินหลงเหมินทั้งนั้น โดยวิธีการหาเงินหลงเหมิน ดอลล่าห์ก็มีได้หลากหลายวิธี เช่น การ Log in ประจำวัน, ทำภารกิจต่างๆ ทั้งรายวัน รายสัปดาห์และแบบเงื่อนไขที่กำหนด, การได้จากการแลกทองเป็นเงินใน Base ของเรา หรือการผ่านด่านต่างๆ แต่ที่ได้เงินไวที่สุดคือการวนด่านพิเศษที่เมื่อเราเคลียร์แล้วจะมอบเงินแบบมหาศาลโดยจะเปิดเฉพาะวันที่กำหนด หรือไม่ก็เปย์จาก Store โดยตรงก็ไม่ผิดกติกาอะไร 2. Carbon Brick เจ้าอิฐคาร์บอนนี้ มันมีความเบาและประกอบไปด้วยคาร์บอนบริสุทธิ์  ถูกใช้ในการก่อสร้างหรือเป็นส่วนผสมที่สำคัญในโรงงานภาคอุตสาหกรรมของเกาะโรดส์ เมื่อเอาไปเป็นส่วนผสมแล้วก็จะสามารถสร้างยุทโธปกรณ์ที่มีความทนทานและแข็งแรงสูงมาก จึงเป็นของล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินได้ หากในเกมเราไม่มีสิ่งนี้ มันจะส่งผลทำให้เราไม่สามารถอัพเกรด Base ของเราไปเป็นเลเวล 3 ได้เลย เพราะเราต้องใช้เจ้าสิ่งนี้เพื่อคราฟเป็นไอเท็มสำหรับอัพเกรด Base เลเวล 3 โดยเฉพาะ วิธีที่หามาได้มีอยู่วิธีเดียวคือเข้าไปเล่นในด่านพิเศษ โดยจะเปิดให้เข้าไปค้นหาก้อนอิฐคาร์บอนแบบเฉพาะวัน ซึ่งจะมีโอกาสได้ตั้งแต่ด่าน SK-3 ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งศัตรูจะอึดและยากมหาหินระดับหนึ่ง ฉะนั้นหากคิดจะอัพเกรด Base เป็นเลเวล 3 เมื่อไหร่ล่ะก็ เตรียมบุคลากรไว้ให้ดีๆ อัพเวลให้สูงพอที่จะจัดการศัตรูได้ หรืออาจจะหา Carbon Stick ที่ฟาร์มได้จากด่านทั่วไปหรือซื้อจาก Store เอามาแปรรูปเป็นก้อนอิฐคาร์บอนอีกที 3. Upgrade Chip มันคือแกนประมวลผลหน่วยความจำเพื่อใช้ในการเลื่อนขั้นให้กับเจ้าหน้าที่หรือตัวละครของผู้เล่นได้ หลังจากเหล่าเจ้าหน้าที่ที่ฝึกฝนตัวอย่างมาอย่างหนัก สิ่งที่พวกเขาคาดหวังก็คือการเลื่อนขั้นเพื่อเพิ่มศักยภาพและแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเก่งกาจมากแค่ไหน แต่หากเราไม่มีตุนไว้ ไม่ว่าจะเป็น Chip ประเภทใด มันก็จะหงุดหงิดที่ว่าเมื่อเราปั้นตัวละครจนเวลตันแล้ว อยากจะยกระดับตัวละครเพื่อขยายเพดานเลเวลออกไปแต่ก็ทำไม่ได้ แน่นอนว่ามันทำให้เรา Chip หายอย่างไม่ต้องสงสัยอะไรเลย ส่วนวิธีตามหาแกนประมวลผลเหล่านี้ สามารถหาได้จากด่านพิเศษที่หา Chip โดยเฉพาะโดยแต่ละวันจะเปิดให้หา Chip แต่ละประเภทแบบกำหนดวัน ยกตัวอย่างเช่น Chip ของตัวละครสาย Guard และ Specialist จะหาได้ทุกวันอังคาร, พุธ, เสาร์และอาทิตย์ ฉะนั้นอยากปั้นตัวละครสายไหน ดูวันที่ด่านเปิดให้หา Chip ประเภทนั้นดีๆ ล่ะ 4. Skill Summary หนังสือที่รวบรวมทักษะการต่อสู้และศาสตร์แขนงต่างๆ เพื่อให้บุคลากรได้ศึกษามัน แน่นอนว่าบุคลากรที่ดีย่อมต้องมีความรู้ ซึ่งในเกมหากไม่มีสิ่งนี้ก็จะไม่สามารถอัพ Skill ตัวละครได้เลย ซึ่ง Skill Summary เลเวล 1 นั้นหาได้ง่ายตามด่านปกติทั่วไปหรือได้จากภารกิจต่างๆ ทั้งรายวันหรือรายสัปดาห์ แต่พอเป็นเลเวล 2 ขึ้นไปจะหาได้ยากมากๆ แทบจะพลิกฝ่ามือเลยทีเดียว ซึ่งหากเราเล่นไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ศัตรูจะมีความโหดขึ้น Skill จะเริ่มมีบทบาทในระบบการเล่นมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเจ้า Skill Summary สามารถหาได้ในด่าน Supplies ซึ่งเป็นด่านเฉพาะพิเศษ และจะเปิดให้หาไอเท็มพวกนี้ได้ทุกวันอังคาร, พุธ, ศุกร์และวันอาทิตย์เท่านั้น และแน่นอน ศัตรูที่รอข้างในก็โหดหินไม่ใช้น้อย ฉะนั้นจึงต้องเตรียมตัวเหล่าบุคลากรของผู้เล่นให้มีเลเวลที่สูงระดับหนึ่งเลยล่ะ 5. Originite Prime มันคือแร่ชนิดหนึ่งที่มีอนุภาค Originium อยู่ ซึ่งถูกใช้ในทุกที่บนโลกใบนี้ แม้ว่ามันจะมีอันตรายและมีความเสี่ยงที่จะทำให้มนุษย์ติดเชื้อ Originium จากสิ่งนี้ แต่สำหรับเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์แล้ว มันคือพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนโลกของพวกเขาในปัจจุบัน ทั้งการให้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ, รวมไปถึงเป็นแหล่งพลังพิเศษที่ช่วยเพิ่มขีดการใช้พลัง Art ได้มากขึ้นอีกด้วย ส่วนในเกมนั้น Originite Prime สามารถแลกเป็น Orundum แร่สีแดงที่ใช้เปิดตู้กาชา หรือไปแลกเพื่อซื้อสิ่งของต่างๆ ใน Store หรือแลกเป็นค่า Sanity ให้กับตัวเองได้อีกด้วย แต่หากเราไม่มีตุนไว้บ้าง พอร้านขายของวนขายไอเท็มที่เราอยากได้แต่เราไม่มีสิ่งนี้ไปแลก มันก็ทำให้เราแทบดิ้นขาดใจ ส่วนการหาเจ้า Originite นั้นหาได้จากการเคลียร์ด่านต่างๆ ครั้งแรกแบบ 3 ดาว, จากกิจกรรมแจกของรางวัลต่างๆ หรือจะเปย์ซื้อมาจาก Store โดยตรงก็สามารถทำได้เช่นกัน ================================================== ทั้งหมดนี้คือทรัพยากร 5 อย่างที่ควรมีตุนไว้บ้าง เพราะหากเกิดถึงเวลาที่เราต้องใช้มัน ก็สามารถเอามาใช้ได้อย่างสบายใจ ไม่ติดขัดอะไร ทำให้การเล่นเกม Arknights เล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่หัวร้อน ไม่หงุดหงิดหัวเสียเพียงแค่ทรัพยากรบางอย่างหมดไป หลังจากนี้ก็บริหารทรัพยากรกันดีๆ ล่ะ อย่ารีบใช้จนหมดไปเสียก่อนถึงเวลาจำเป็นล่ะ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่        
22 Jan 2020
ไกด์ Girls Frontline กับ 5 เคล็ดลับในการรับมือ Event Singularity
ในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงสัปดาห์แรกของอิเวนท์สุดโหดอย่าง Singularity กันไปแล้วแต่มีหลายคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเล่นยากเอามากๆ ก็เอาทำให้ผู้บัญชาการหลายคนที่เล่น Girls Frontline ต่างก็หัวร้อนไปตามๆ กัน ฉะนั้นทางเรา GameFever TH จะมานำเสนอ 5 เคล็ดลับการรับมือ Event Singularity เพื่อให้เป็นแนวทางแก่ผู้บัญชาการให้สามารถผ่านอิเวนท์นี้ไปได้ โดยจะมีอะไรบ้างไปดูกัน ================================================== 1. M4A1 ต้องทำให้ถึง Mod III ถือว่าเป็นข้อแรกและข้อสำคัญสำหรับเหล่าผู้บัญชาการเลยก็ว่าได้ เพราะอิเวนท์ Singularity จะเป็นการดำเนินเนื้อเรื่องของตัวละครหลักอย่างน้อง M4A1 ที่จะต้องพัฒนาตัวเองเพื่อต่อสู้กับพี่สาวของเธออย่าง M16A1 ที่ถูก Sangvis Ferri จับตัวและทำการ รีโค้ดเพื่อปลดล็อคความสามารถโดยแลกกับการทำงานให้ฝั่งนั้นซึ่งไม่ต่างอะไรกับการหักหลังนัก พยายามสะสมทรัพยากรทั้ง Dummy Core และ Memory Fragment เพื่ออัพเกรด M4A1 ให้ได้ Mod 3 ซึ่งจะปลดล็อคสกิล Seal of the Avenger ที่สามารถล็อคเป้าหมายและยิงด้วยปืนใหญ่เพื่อละลายศัตรูเลือดเยอะโดยเฉพาะและ Equipment อย่าง Inherited Case ที่เพิ่มค่า Armor +15 หน่วยและ DMG +5 หน่วย หลังจากนี้หากมี Dummy Core และ Memory Fragment มากพอก็สามารถพาน้องดาว ST AR-15 ขึ้น Mod 3 ต่อไปเลยเพราะเราจะได้ปลดล็อคสกิล Crime and Punishment ซึ่งจะเป็นการระดมยิงด้วยปืนสองกระบอก เหมาะแก่การเป็นตัว DPS อย่างมากด้วย 2. สกิลต้องให้ถึงเลเวล 10 ขั้นต่อมาในช่วงที่เราทำได้เลยก็คือการอัพสกิลให้เหล่า T-Doll ที่จะใช้งานในอิเวนท์ แนะนำว่าหากอัพสกิลให้ถึงเลเวล 10 ได้เร็วก็ยิ่งดี โดยแต้ม Research หรือแต้มสกิลสามารถหาได้จากการลง Simulator ประจำวันอังคาร, พฤหัสบดีและวันอาทิตย์ โดยจะใช้ค่า Energy ในการลง Simulator 3. จัดทีมสาย DPS ใช้ AR/SMG เป็นหัวหอก การวางทีมนั้นหลายคนมักมองข้ามการจัดทีมแบบ AR/SMG เพราะยิงไม่ค่อยเข้าหรือหวังพึ่งพาสกิลมากเกินไป เลยมักจัดทีมเป็น RF/SMG หรือ MG/SG ซึ่งมัน Damage ที่สูง ยิงศัตรูที่สวมเกราะได้แต่ความต่อเนื่องนั้นต่ำมาก ส่งผลทำให้โดนศัตรูใน Node ที่เน้นจำนวนตบจนต้องถอยแน่ๆ การจัดทีมแบบ AR/SMG นั้นจริงอยู่ที่ Damage มันไม่ได้สูงแต่มีการยิงต่อเนื่องที่ดีกว่า T-Doll ประเภทอื่น และยังมีความคล่องตัวมากพอเพื่อหลบการโจมตีศัตรูได้ ยกตัวอย่างการจัดทีมแบบ AR/SMG โดยมีปืน HG อย่าง Five-seven เป็นตัวให้ Buff แล้วให้ G11 ที่มี DPS สูงมากๆ เป็นตัวทำดาเมจ โดยมี UMP45/9 เป็นตัวซื้อเวลาให้กับ G11 ทำ Damage ได้เต็มที่มากขึ้นและ 416 เป็น Nuker ใช้สกิลระเบิดเก็บศัตรูที่มาเป็นกลุ่มหรือยิงละลาย Boss ก็ได้ ส่วนทีมสาย RF/SMG หรือ MG/SG เหมาะสำหรับใช้เฉพาะทาง ไม่เหมาะกับการเอาไปตบ Boss ยกตัวอย่างเช่นเอาไว้ยิงพวกศัตรูสวมเกราะหรือเคลียร์ศัตรูที่มารวดเร็วแต่บอบบาง เป็นต้น 4. Fairy Drone ในอิเวนท์นี้สำคัญมากๆ Fairy Drone หรือโดรนผู้ช่วยนั้นได้ถูกอัพเดตตั้งแต่แพตช์ Deep Dive ซึ่งการมาช่วงแรกๆ อาจจะใช้งานได้ไม่เต็มที่นัก แต่สำหรับอิเวนท์ Singularity ผู้บัญชาการอาจจะได้พึ่งพาสิ่งนี้อย่างมาก ฉะนั้นหากมีเวลาก็ควรอัพเลเวลให้เต็ม ซึ่งจะมีประโยชน์และทำให้พลิกสถานะการณ์ในการต่อสู้่ได้ ไม่ใช่แค่เพิ่ม Status โดยรวมให้กับทีมอย่างเดียว ยกตัะวอย่างเช่น Sniper Fairy ที่มีความสามารถในการลดเลือดศัตรูที่เล็งเอาไว้จากศัตรูที่มีเลือดเยอะที่สุดได้มากถึง 2,500 หน่วย ซึ่งเหมาะมากในการยิงเปิดกับบอสก่อนเข้าทำการใช้งาน T-Doll บุกรุมบอสอีกทีหนึ่ง 5. ใบซ่อมต้องตุนไว้อย่าให้ขาด ใบซ่อมฉุกเฉินหรือหลายคนที่เรียกติดปากว่า "ใบซ่อม" "ใบเขียว" หรือ "ถังเขียวเวอร์ชั่นสาวปืน" ซึ่งในอิเวนท์ Singularity ต้องบอกตามตรงว่า ไม่มีใครที่ไม่บาดเจ็บหนักกลับมา แต่หากบาดเจ็บกลับมาต้องรอซ่อมเป็น 10 ชั่วโมงคงไม่ทันทำมาหากินแน่ๆ แน่นอนว่าเราต้องมีใบ Express Repair หรือใบเขียวตุนไว้ให้มากที่สุด การันตีได้เลยว่าอิเวนท์นี้ใช้ใบซ่อมไม่ต่ำกว่า 200 ใบอย่างแน่นอน แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับการซ่อมเหล่าสาวๆ แบบเร่งด่วนก่อนกลับไปลุยอิเวนท์ต่อได้อย่างต่อเนื่อง ================================================== ทั้งหมดนี้คือ 5 เคล็ดลับที่จะทำให้เหล่าผู้บัญชาการพร้อมกลับไปสู้ในอิเวนท์ Singularity อีกครั้ง โดยบทความต่อไปนี้จะเป็นไกด์วิธีการผ่านด่านแต่ละด่าน รวมถึงบทสรุปเนื้อเรื่องของอิเวนท์นี้ด้วย ฉะนั้นอย่าลืมติดตาม GameFever TH อย่างใกล้ชิดล่ะ แล้วเจอกัน ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
02 Dec 2019
ไกด์ Call of uty: Modern Warfare กับ 5 วิธีรับมือ Riot Shield
หลายท่านที่เล่นเกม Call of Duty: Modern Warfare ก็อาจจะได้ทราบข่าวดีที่ว่าในวันที่ 2 ธันวาคม 2019 ที่จะถึงนี้จะมีการอัพเดตใหญ่พร้อมเข้าสู่ช่วง Season 1 อย่างเต็มตัว ซึ่งจะมีกิจกรรม, ด่านใหม่ๆ และอาวุธใหม่ๆ เข้ามาอย่างมากมาย รับรองเลยว่าถูกใจใครหลายคนอย่างแน่นอน แต่ก่อนจะถึงวันนั้น หลายคนอาจจะหงุดหงิดหรืออาจจะเกลียดสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า Riot Shield หรือโล่ปราบจราจลที่สามารถกันกระสุนได้สารพัดหรือแม้กระทั่งกันกระสุน 30 มม. จากปากกระบอกปืน GAU-18 ของเครื่องบิน A-10 Thunderbolt ( Precision Air Strike ) ได้อย่างสบายๆ เกินหน้าเกินตาโล่ปราบจราจลแบบปกติ ทำให้รู้สึกว่ามันจะโกงเกินไป...แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะทางเรา GameFever TH จะมาบอก 5 วิธีรับมือเจ้า Riot Shield ที่กันได้เกือบสารพัดอาวุธมาฝากกัน รับรองเลยว่าเด็ดแน่นอน ================================================== 1. โล่ Riot Shield มันไม่ได้กันครบทุกส่วน ลักษณะการถือ Riot Shield แบบปกตินั้น มันจะปกป้องร่างกายช่วงลำตัวและหัวเกือบทั้งหมดยกเว้นช่วงขา แม้กระทั่งตอนเอาโล่ไปไว้ข้างหลัง ซึ่งมันจะกันส่วนหลังทั้งหมดเหลือไว้แต่ช่วงขาเช่นกัน ฉะนั้นหากเห็นศัตรูวิ่งถือโล่เข้ามา ไม่ต้องตื่นตกใจ ตั้งสติแล้วสาดกระสุนไปที่ขาซะ ซึ่งเกมนี้โดนยิง 3-4 นัดในระยะหวังผลครู่เดียวก็ตายแล้ว แต่หากกรณีศัตรูนั่งพร้อมกับถือ Riot Shield จะเป็นการปกปิดร่างกายทั้งหมดรวมถึงขาด้วย แต่ก็ต้องแลกกับการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าถึงที่สุด จึงควรวิ่งอ้อมไปยิงหรือใช้ช่วงทีเผลอหลบจากศัตรูที่ถือโล่ออกมาแล้วหามุมยิงจากด้านข้างเอาจะดีกว่า 2. ไฟในมือมันสั่นไปหมด หากเกิดกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูผู้ใช้โล่ปราบจราจลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ล่ะก็ แนะนำให้เปลี่ยนอาวุธประเภท Lethal ให้เป็นระเบิดขวด Molotov Cocktail แล้วปาอัดใส่โล่ไปเลยเพราะเมื่อเราปาระเบิดขวดกระทบกับศัตรูโดยตรง มันจะสร้าง Damage แบบ Direct Hit ทันทีโดยไม่สนว่าจะถือโล่กันเอาไว้หรือไม้ แถมไฟก็จะลุกท่วมพื้น กว่าศัตรูจะรู้ตัวว่าโดนเผา ก็นอนตัวไหม้ไปเรียบร้อยในทันที แต่ข้อควรระวังคือ ต้องปาให้โดนเป้าหมายที่ใช้โล่เท่านั้น หากปาไม่โดนก็อาจจะงานเข้าได้ นอกจากนี้ ระเบิดเจาะเหล็กอย่าง Thermite ก็ทำให้ศัตรูตายได้เช่นกันเพียงแต่ว่ามันเป็นระเบิดสำหรับทำลายยานเกราะ อาจจะสร้างความเสียหายไม่ตายในทันทีเหมือน Molotov 3. ระเบิด Semtex ก็น่ากลัวไม่แพ้กัน แน่นอนว่าหาก Molotov ปาหวังผลยากเกินไปเนื่องจากระยะการขว้างนั้นไม่ได้ไกลนัก ก็จะขอแนะนำระเบิด Semtex ที่ชนวนจะเริ่มทำงานหลังตัวระเบิดกระทบติดกับวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นพื้้น ผนัง เพดาน ตัวศัตรู หรือแม้กระทั่งติดบน Riot Shield ก็ตาม ซึ่งหากปาไปโดน Riot Shield เมื่อไหร่ ขอให้ชี้หน้าศัตรูแล้วพูดใส่เลยว่า "เจ้าน่ะตายไปแล้ว" ได้เลย แม้ว่า Semtex จะมีระยะการขว้างที่ไกลกว่า Molotov แต่หากจะใช้เพื่อฆ่าศัตรูถือโล่แล้วล่ะก็ จะต้องปาให้โดนบนตัวโล่เท่านั้น ต่างจาก Molotov หรือ Thermite ที่ยังพอปาใส่ข้างศัตรูเพื่อสร้างความเสียหายหรือพอปั่นป่วนได้ และหากศัตรูมี Perk E.O.D ก็อาจจะไม่ตายในลูกเดียวเช่นกัน 4. เครื่องยิงลูกระเบิด มีประโยชน์ก็คราวนี้ หลายคนคงไม่นิยมติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิดบนปืนตัวเองเพราะไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์จากมันมากนัก แถมยังทำให้การ Aim-down Sight หรือการยกปืนเล็งยิงช้าลง แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องยิงลูกระเบิดที่เป็นลูก Incendiary นั้นสามารถยิงอัดศัตรูที่ถือ Riot Shield ให้ตายได้ ซึ่งความรุนแรงนั้นไม่ต่างอะไรกับระเบิด Thermite แต่มันมีข้อดีคือ ความเร็วของตัวกระสุนเพลิงที่ออกจากเครื่องยิงลูกระเบิดนั้นยิงได้เร็วกว่าแบบขว้าง ทำให้สามารถหวังผลได้แม่นยำมากขึ้น นอกจากไว้ใช้ละลายยานเกราะแล้ว ก็ไว้ใช้ะละลายชีวิตศัตรูที่ถือโล่ด้วย ของดีจริงๆ 5. Proximity Mine ของดีที่บอกต่อ วิธีสุดท้ายที่ใช้ปราบศัตรูที่ถือ Riot Shield ได้แบบชะงักแบบ 100% เลยคือการวางกับดักระเบิด Proximity Mine ซึ่งสามารถใช้ป้องกันศัตรูจากอีกทาง, ใช้เป็นกับดักระเบิดยานเกราะ หรือแม้กระทั่งใช้ระเบิดอัดหน้าศัตรูที่ถือโล่แบบไม่กลัวตาย เพราะกับดักอันนี้จะซ่อนค่อนข้างแนบเนียนตามมุมต่างๆ รับรองเลยว่า เจอกับดักอันนี้หมดปัญหากวนใจที่เคยเจอมาไปได้เลยล่ะ ================================================== ทั้งหมดนี้คือ 5 วิธีที่จัดการพวกถือ Riot Shield ได้อยู่หมัดแบบไม่ต้องนั่งหัวร้อนว่าทำอะไรมันไม่ได้อีกต่อไป นอกจากนี้ยังมี Killstreak อันอื่นๆ ที่สามารถฆ่าศัตรูพวกนี้ได้อย่างเช่น Killstreak ที่เน้นการทิ้งระเบิดอย่าง Cluster Strike, Cruise Missile, หรือเล่นของโหดหน่อยก็ White Phosphorus ซึ่งสามารถเผาศัตรูได้เกือบทั้ง map สุดท้ายนี้เพื่อนๆ ก็ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะ Riot Shield มันไม่ได้โกง เพียงแค่เราต้องเลือกใช้อาวุธในการรับมือมันแล้วคุณจะมีความสุขกับการเล่นเกม Call of Duty: Modern Warfare ไปอีกนาน...บทความต่อไปจะนำทริคและไกด์มากฝากกัน รอติดตามได้เลยจ้า ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
02 Dec 2019
ไกด์ Call of Duty: Mobile ปืนกลเบา RPD กับความรัวที่ไม่ธรรมดา
หลังจากห่างหายไปนานกับการเจาะลึกวิเคราะห์ปืนต่างๆ ก็ได้เวลากลับมาแล้วตามสัญญา ต้องขอบอกเลยว่าบทความไกด์วิเคราะห์เจาะลึกปืนกระบอกต่อไปนี้ เป็นปืนที่ผู้เล่นต้องมีทักษะการใช้งานระดับหนึ่ง แต่หากคุ้นเคยกับมันแล้วถือว่าเป็นปืนที่แทบไม่มีอะไรจะหยุดได้เลย ซึ่งนั้นก็คือปืนกลเบา RPD นั้นเอง! และทางเรา GameFever TH จะมาเจาะลึกปืนกระบอกนี้กันว่าทำไมปืนกลเบานี้ดูท่าทางเล่นยากแต่มีความโหดซุกซ่อนอยู่ ================================================== ปืนกลเบา RPD ชื่อนี้มีที่มาตั้งเกือบ 80 ปี ปืนกลเบา Ruchnoy Pulemyot Degtyaryova ( รัสเซีย: ручной пулемёт Дегтярёва ) มีชื่อย่อว่า RPD หากแปลไทยก็คือปืนกลเบาแบบพกพาเดกเทียร์ยอฟ ใช้กระสุนขนาด 7.62 x 39มม. บรรจุกระสุนแบบสายกระสุนหรือกล่องกระสุนแบบกล่องกลมได้ เป็นปืนที่ถูกผลิตในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ 1944 ทีแรกมันถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้ทดแทนปืนกลแบบ DP-28 ที่ล้าสมัยและการต้องแบกแผ่นเก็บกระสุนที่ใหญ่เทอะทะ แต่ทว่าหลังจากได้ส่งปืน RPD ให้กับทหารในล็อตแรกสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้จบลงเสียก่อน ปืนนี้จึงไม่ได้ฉายแววในสงครามโลก แต่มันกลับได้ถูกใช้จริงๆ จังๆ ในช่วงสงครามเวียดนามแทน ปัจจุบันปืนนี้ยังถูกใช้ประจำการในรัสเซียในฐานะปืนกลประจำหมู่และอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก ส่วนปืน RPD ที่ได้ปรากฎในเกมซีรี่ส์ Call of Duty ครั้งแรกเลยคือ Call of Duty 4: Modern Warfare และปรากฎในซีรี่ส์ Modern Warfare ในภาคแรกและภาคสอง ตามมาด้วยซีรี่ส์ Black Ops ที่ปรากฎทั้งภาคแรกและภาคสองเช่นกัน รวมไปถึง Call of Duty: Online ด้วย ปัจจุบันก็ได้ถูกใส่เพิ่มมาใน Call of Duty: Mobile เช่นกัน Home ไกด์เกม ไกด์เกม Call of Duty: Mobile จัดหนักสาดกระสุนไม่ยั้งไปกับปืน M4LMG เกมมือถือไกด์เกม ไกด์เกม Call of Duty: Mobile จัดหนักสาดกระสุนไม่ยั้งไปกับปืน M4LMG by HK 416November 5, 20190 SHARE0 หลังจากได้มีบทความไกด์ปืนไปหลายตัวแล้วแต่ยังไม่เคยทำเกี่ยวกับปืนประเภทปืนกลเบาหรือ Light Machine Guns เลยซึ่งมีคนร้องขอเข้ามาว่าอยากให้ทำไกด์ปืนประเภทนี้ด้วย ซึ่งขอพูดกันตามตรงเลยว่าเงื่อนไขการปลดล็อคปืนกลเบานั้นส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะ จึงยังไม่ทำในทันที แต่ตอนนี้ก็ปลดล็อคปืนกลเบามาได้พร้อมทำไกด์ให้คุณผู้อ่านโดยเฉพาะ ทางเรา GameFever TH จะเริ่มต้นเจาะลึกปืนกระบอกแรกคือ M4LMG นั้นเอง! ================================================== M4LMG ปืนกลเบาที่ดาเมจไม่เบาตามชื่อ ปืนกลเบา M4LMG เป็นปืนสมมุติจากซีรี่ส์เกม Call of Duty ที่มีการดัดแปลงจากตัวปืน M4 ในเกมดั้งเดิมจากในเกมด้วยการเสริมลำกล้องให้ยาวขึ้น และเปลี่ยนซองกระสุนแบบ STANAG 30 นัด ให้เป็นแบบ Drum Magazine 75 นัด เพิ่มอำนาจในการหยุดยั้งศัตรูสูงขึ้นแต่ก้ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นและความคล่องตัวก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน โดยเจ้าปืน M4LMG กระบอกกนี้ปรากฎตัวครั้งแรกในซีรี่ส์เกม Call of Duty Online ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้จักนักเพราะภาคนี้สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของทาง Activision และ Raven Software จัดจำหน่ายโดย Tencent ในประเทศจีน จนกระทั่งได้ปรากฎตัวอีกครั้งใน Call of Duty: Mobile ค่า Status และขีดความสามารถของปืน RPD ปืนกลเบา RPD ผู้เล่นจะสามารถใช้ได้ด้วยเงื่อนไขต้องมีเลเวล 19 ขึ้นไปถึงปลดล็อคใช้งานได้ ซึ่งใช้เวลาในการปลดล็อคไม่นานมักและก็ยังมีกิจกรรมแจกปืน RPD Werewolf ซึ่งบอกเลยว่าลายสวยมากและไม่ควรพลาดโดยประการทั้งปวง ส่วนมีค่าสถานะต่างๆ ดังนี้ ดาเมจ: 65 หน่วย – สำหรับปืนกลเบากระบอกนี้จัดว่าค่อนข้างสูงเอาเรื่อง สามารถสังหารศัตรได้ภายใน 4 นัดหากโดนเต็มๆ หรือหากยิงเข้าหัวก็อาจจะตายภายใน 2 นัดสั้นๆ ความแม่นยำ: 40 หน่วย – ความแม่นยำจัดถือว่าค่อนข้างต่ำ แต่ก็ถือว่าเป็นธรรมดาสำหรับสายปืนกลเบา ระยะการยิง: 50 หน่วย – ในเรื่องระยะการยิงกลับอยู่ในระดับกลางๆ สามารถยิงสู้ในระยะกลางได้ดีโดยดาเมจไม่ดรอปลงไป อัตราการยิง: 65 หน่วย – ระดับอัตราการยิงขนาดนี้จัดว่าเร็วและต่อเนื่อง กดยิงค้างชุดเดียวกระสุนก็ออกไปมากกว่า 10 นัดแล้ว การเคลื่อนที่: 40 หน่วย –สำหรับปืนกลเบาแล้ว จัดว่าน้ำหนักเยอะ ทำให้การเคลื่อนที่ดูเชื่องช้า แนะนำให้ถือปืนพกหรือมืดหากจะต้องเคลื่อนที่ซึ่งจะดีกว่า กระสุน: 10 นัด/Drum Magazine – ด้วยดาเมจและจำนวนกระสุนที่เยอะขนาดนี้ หากโดนทุกนัดก็สามารถสังหารศัตรูได้ไม่ต่ำกว่า 15 - 20 ศพ แต่ก็ต้องแลกกับการรีโหลดที่ค่อนข้างเชื่องช้า และช้ากว่าปืนกลเบา M4LMG อยู่นิดหน่อยด้วยเนื่องจากการบรรจุกระสุนเป็นแบบสายกระสุนนั้นเอง เมื่อนำปืน RPD มาเทียบค่า Status ของปืน M4LMG ก็จะพบว่าเรื่องความแม่นยำนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่เรื่องดาเมจ, ระยะการยิงหรืออัตราการลั่นกระสุนกลับทำได้ดีกว่าเล็กน้อย แต่เห็นจะเล็กน้อยแบบนั้น ในเกมจริงๆ กลับส่งผลเป็นอย่างมากเลยล่ะ   เมื่อนำเจ้าปืน RPD ไปทดสอบการยิงแบบหา Recoil Pattern ก็จะพบว่า รูปแบบแรงถีบของกระสุนจะสวนทางกับ M4 LMG อย่างมาก หรือกล่าวคือเจ้าปืนนี้จะมีความแม่นยำและกระสุนเกาะกลุ่มกันแน่นมากในช่วงแรกๆ แต่หากยิงต่อเนื่องแล้ว ปืนจะเริ่มส่ายซ้ายขวาอย่างมาก กระสุนกระจายกว่า LMGM4 และค่อนข้างควบคุมลำบากเอาเรื่อง ที่สำคัญเลยก็คือปืนนี้มีแรงถีบสูงกว่า M4LMG ปืนดีดขึ้นไวด้วยทำให้่ปืนนี้ไม่เหมาะกับการยิงกดระยะไกลอย่างแน่นอน แต่ทว่าด้วยอัตราการลั่นกระสุนที่ลองใช้จริงๆ กลับรู้สึกว่าไวมากๆ จึงยังพอมีโอกาสยิงต่อสู้หรือยิงสนับสนุนจากระยะกลางได้บ้าง ฉะนั้นสไตล์การเล่นของปืน RPD กระบอกนี้จึงเน้นการต่อสู้ในระยะใกล้และกลางเป็นหลักโดยต้องเกาะกลุ่มกับเพื่อนในทีมไม่ควรฉายเดี่ยวหากไม่จำเป็น ในระยะใกล้ควรเล็งเผื่อไว้หากรู้สึกศัตรูกำลังจะเข้ามา และไม่ต้องกลัวว่าจะสู้ใครไมไ่ด้เพราะทั้งดาเมจและปืนที่ลั่นรัวมากๆ หากยิงโดนทุกนัดก็สามารถสังหารได้อย่างไม่ยากเย็น เทคนิคก็คือ เล็งที่ลำตัวแล้วกดค้า่งไปแล้ว ปืนจะดีดขึ้นหัวให้เอง แต่หากอยู่ในระยะกลางก็ให้เน้นยิงกดเป็นชุดๆ นับในใจไว้กดค้างแล้วนับสัก 1 - 2 วินาทีค่อยหยุดยิงให้ปืนคลาย Recoil ลงมาก่อนจะทำการยิงต่อ ซึ่งจะหวังผลได้ดีกว่าแถมการยิงแบบนี้ ปืน RPD ก็ยังคงความแม่นด้วย แม้ว่ากระสุนจะเยอะแต่ก็มีข้อควรระวังไว้ก็คือเรื่องกระสุน หากกระสุนหมดหรือต้องการเติมกระสุน ปืนนี้จะรีโหลดนานมากประมาณ 5 วินาที หากรู้ว่าถึงคราวต้องเปลี่ยนกระสุนให้หาที่ปลอดภัยก่อนจะดีกว่า Attachment แบบไหนที่ควรใส่กับปืน RPD ปืนกลเบา RPD มีข้อดีคือปืนลั่นไวและดาเมจรุนแรง แต่ก็มีแรงดีดที่สูงฉะนั้นเน้นเสริมการทำลายล้างและลดข้อด้อยของปืนไปในตัวด้วย จะเป็นการเสริมประสิทธิภาพของปืนนี้ให้มากยิ่งขึ้นโดย Attachment ที่แนะนำมีดังนี้ ในเรื่องกล้องเล็งก็จะขอแนะนำตัวแรกเลยคือ Holo Sight เพราะเนื่องจากเวลาเล็งมุมมองจะกว้างและไม่ต้องโฟกัสอะไรเยอะแยะขอให้ศัตรูตรงกับเป้าวงกลมก็เป็นอันใช้ได้ ส่วนตัวไม่แนะนำ Red dot เพราะมันควรจะคู่กับปืนที่มีความแม่นยำสูงจะทำให้ยิงได้ง่ายมากกว่า หรือหากใครเน้นสายยิงระยะกลางหรือสนับสนุนก็สามารถใช้ Tactical Scope ที่มีกำลังซูม x2 ก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรยิงกดค้างต่อเนื่องเพราะปืน RPD ไม่ค่อยแม่นยำนักนั้นเอง Attachment ตัวแรกที่เราแนะนำเลยก็คือ FMJ เพราะว่าปืนนี้ไม่ค่อยมีความแม่นยำนัก หากยิงต่อสู้ในระยะกลางศัตรูอาจจะไหวตัวทันแอบหลังกำแพง จึงต้องมีสิ่งนี้ยิงอัดกำแพงไม่ให้ศัตรูได้หลบหนี Attachment ตัวต่อมากที่แนะนำก็คือ Foregrip ด้วยเหตุผลที่ว่าปืนนี้มีแรงถีบสูง การมีด้ามจับก็จะช่วยลดข้อด้อยจุดนี้ลงไปได้เยอะเลยล่ะ ส่งผลทำให้เราโฟกัสเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น Attachment ตัวสุดท้ายทีท่แนะนำเลยก็คือ Fast Mag เพราะปืนนี้รีโหลดช้ามากแม้กระสุนจะเยอะก็ตาม การมีสิ่งนี้เข้่ามาช่วยก็ทำให้ลดเวลาการรีโหลดลง 1 วินาที ซึ่งถือว่าช่วยได้เยอะ Perks Set ที่เหมาะสมกับ RPD สำหรับในเรื่อง Perks Set ที่เหมาะกับ RPD นั้นออกจากเน้นบู้แนวหน้ามากกว่า M4LMG เนื่องจากระยะหวังผลการยิงระยะไกลที่ต่ำกว่า ฉะนั้นจำเป็นต้องมี Perk ป้องกันตัวเป็นหลักโดยเซ็ตที่แนะนำมีดังนี้ Perk ตัวแรกที่แนะนำเลยคือ Flak Jacket ซึ่งเป็น Perk ที่เหมาะกับการลุยแนวหน้าและเจาพวกระเบิดทั้งหลาย อย่างน้อยๆ กันตายให้เราในระดับหนึ่งเพราะมันลดดาเมจได้มากถึง 33% เลยทีเดียว Perk ตัวต่อมาที่แนะนำเลยคือ Ghost ซึ่งมันสามารถใช้หลบการมองเห็นของ UAV หรืออุปกรณ์ตรวจจับของศัตรูได้ เหมาะสำหรับทั้งใช้ในการยิงสนับสนุนหรือออกไปแนวหน้าร่วมกันเพื่อนๆ ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกลอบยิงได้ระดับหนึ่ง Perk ตัวสุดท้ายที่แนะนำเลยก็คือ Alert เพราะนอกจากจะทำให้เราได้ยินเสียงฝีเท้าชัดขึ้น มันก็จะยิงแสดงตำแหน่งทิศทางของศัตรูบน Minimap หากศัตรูอยู่ใกล้เรานั้นเอง ================================================== และนี่คือทั้งหมดการเจาะลึกปืน RPD ซึ่งหากพูดกันตรงๆ นั้น ปืนกลเบา M4LMG ค่อนข้างจะครบเครื่องและน่าใช้มากกว่า RPD พอสมควรทั้งแรงถีบและความแม่นยำ แต่สิ่งที่ M4LMG ทำไม่ได้คืออัตราการลั่นกระสุนที่ไวมากๆ และกลายเป็นว่าปืนกลเบา RPD สามารถต่อสู้ในระยะใกล้ได้เป็นอย่างดี และนั้นคือเหตุผลว่าปืนกระบอกนี้หากอยู่ในมือคนที่คุ้นเคย ก็กลายเป็นปืนที่ดีที่พาเราไปสู่ชัยชนะได้อย่างง่ายดาย แล้วพบกันใหม่ในบทความเจาะลึกปืนกระบอกต่อไปจ้า สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่    
19 Nov 2019
ไกด์เกม Call of Duty: Mobile จัดหนักสาดกระสุนไม่ยั้งไปกับปืน M4LMG
หลังจากได้มีบทความไกด์ปืนไปหลายตัวแล้วแต่ยังไม่เคยทำเกี่ยวกับปืนประเภทปืนกลเบาหรือ Light Machine Guns เลยซึ่งมีคนร้องขอเข้ามาว่าอยากให้ทำไกด์ปืนประเภทนี้ด้วย ซึ่งขอพูดกันตามตรงเลยว่าเงื่อนไขการปลดล็อคปืนกลเบานั้นส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะ จึงยังไม่ทำในทันที แต่ตอนนี้ก็ปลดล็อคปืนกลเบามาได้พร้อมทำไกด์ให้คุณผู้อ่านโดยเฉพาะ ทางเรา GameFever TH จะเริ่มต้นเจาะลึกปืนกระบอกแรกคือ M4LMG นั้นเอง! ================================================== M4LMG ปืนกลเบาที่ดาเมจไม่เบาตามชื่อ ปืนกลเบา M4LMG เป็นปืนสมมุติจากซีรี่ส์เกม Call of Duty ที่มีการดัดแปลงจากตัวปืน M4 ในเกมดั้งเดิมจากในเกมด้วยการเสริมลำกล้องให้ยาวขึ้น และเปลี่ยนซองกระสุนแบบ STANAG 30 นัด ให้เป็นแบบ Drum Magazine 75 นัด เพิ่มอำนาจในการหยุดยั้งศัตรูสูงขึ้นแต่ก้ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นและความคล่องตัวก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน โดยเจ้าปืน M4LMG กระบอกกนี้ปรากฎตัวครั้งแรกในซีรี่ส์เกม Call of Duty Online ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้จักนักเพราะภาคนี้สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของทาง Activision และ Raven Software จัดจำหน่ายโดย Tencent ในประเทศจีน จนกระทั่งได้ปรากฎตัวอีกครั้งใน Call of Duty: Mobile ค่า Status และขีดความสามารถของปืน M4LMG ปืน M4LMG ผู้เล่นจะสามารถมีไว้ในครอบครองได้เมื่อผู้เล่นมีเลเวลถึง 150 ซึ่งกว่าจะปลดล็อคได้ก็ใช้เวลานานมากๆ แต่หากใครที่ทันเล่นช่วงตัวเกมเปิดให้บริการใหม่ๆ ก็จะมีกิจกรรม Login ต่อเนื่อง 7 วันก็รับปืน M4LMG ลาย Red Triange ไปใช้ได้เลย หรือหากใครเพิ่งมาเล่นล่ะก็ สามารถทำกกิจกรรมของ Season Pass ปลดล็อคเลเวลกิจกรรมให้ถึง 30 ก็จะได้รับ M4LMG ลาย Ribbon Explosion ไปเช่นกัน ส่วนรายละเอียดค่า Status มีดังนี้ ดาเมจ: 60 หน่วย – สำหรับปืนกลเบากระบอกนี้จัดว่าค่อนข้างสูง ยิงเข้าเน้นๆ ยังไงก็ตายภายใน 3-4 นัด หากยิงโดนหัวก็อาจจะภายใน 2 นัดเช่นกัน ความแม่นยำ: 60 หน่วย – หากพูดถึงความแม่นยำของปืนกลเบาแล้วถือว่าสูงเอาเรื่อง สามารถยิงหวังผลได้หลากหลายระยะ ระยะการยิง: 45 หน่วย – แต่ทว่าดันมาเสียตรงที่ระยะการยิงที่ค่อนข้างต่ำไปเล็กน้อย แต่หากเน้นการยิงกด ยิงขย่มศัตรูหรือตั้งป้อมรอยิงเป็นหลักแล้วก็ถือว่าไม่ส่งผลอะไรมากนัก อัตราการยิง: 55 หน่วย – ระดับอัตราการยิงขนาดนี้ก็ถือว่าไม่เร็วและไม่ช้าเกินไปสำหรับปืนกลเบาที่ต้องการความรุนแรงและความต่อเนื่องเพื่อหยุดยั้งศัตรูหมู่มาก การเคลื่อนที่: 40 หน่วย – บอกเลยว่าการวิ่งพร้อมกับแบกปืนนี้ไป เป็นอะไรที่อืดอาดมากๆ เนื่องจากมันหนัก ทำให้เสียความคล่องตัวไป จึงไม่เหมาะกับการเคลื่อนที่ตลอดเวลานัก กระสุน: 75 นัด/Drum Magazine – จำนวนกระสุนขนาดนี้ถือว่าเยอะ สามารถสังหารศัตรุในระยะหวังผลได้มากกว่า 15 คนเป็นอย่างน้อยหากยิงโดนหมดทุกนัดนะ แต่ที่น่าประหลาดใจคือ การรีโหลดกกระสุนนั้นกลับใช้เวลาเพียง 5 วินาทีซึ่งสำหรับปืนกลเบาถือว่าไวมากๆ แต่สำหรับปืนลาย Ribbon Explosion จะใช้เวลาการรีโหลดกระสุนเพียง 4 วินาที เมื่อเอาปืนกลเบากระบอกนี้มาเทียบกับปืนต้นแบบอย่าง M4 ก็จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนว่า M4LMG มีดาเมจที่สูงกว่ามาก แต่ต้องแลกกับความแม่นยำและการเคลื่อนที่ไปพอสมควร รวมถึงอัตราการลั่นก็ช้ากว่าอยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ช้าจนน่าเกลียดแต่อย่างใด เมื่อเราทำการทดสอบหา Pattern Recoil ของปืนกระบอกนี้ก็พบว่าปืนนั้นจะเบี่ยงซ้ายขวาออกกไปมากและกลุ่มกระสุนจะไม่ค่อยเกาะกลุ่มนักในช่วงแรกและแรงถีบนั้นไม่ค่อยถีบมากนักแต่มันจะค่อยๆ ถีบขึ้นไปช้าๆ กว่าจะหยุดถีบก็ยิงไปได้ราวๆ 20 นัดได้ หลังจากนั้นกลุ่มกกระสุนจะเริ่มเกาะกลุ่มมากขึ้น ทำให้ยิงหวังผลได้ดีขึ้นอีกนิดหน่อย เราเลยจึงเอามาเทียบให้ดูว่าปืนนั้นถีบขึ้นไปขนาดไหนจากเป้ากลางปืนไปถึงรอยกระสุนบนสุดซึ่งดูแล้วเหมือนจะถีบมากแต่จริงๆ ปืนมันค่อยๆ ถีบขึ้นช้าๆ จึงหมดห่วงเรื่องการคุมปืน แต่ปืนก็ยังยิงเบี่ยงซ้ายทีขวาทีอยู่ดี ฉะนั้นการยิงแบบเป็นชุด 3-4 นัดอย่างปราณีตจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรทำยิ่งนัก ที่สำคัญคือปืนนี้ยกเล็งค่อนข้างช้า ฉะนั้นควรเน้นเล็งก่อนล่วงหน้าเพื่อเตรียมต่อสู้จะดีกว่า เมื่อเอาปืน M4LMG ไปลองยิงกับศัตรูในระยะใกล้ดู ก็จะเห็นได้ว่า 2-3 นัดตายแน่นอนเพราะดาเมจค่อนข้างสูงแต่การยิงเล็งยิงตอนเจอหน้ากับศัตรูแบบกระทันหันนั้นเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที ยิ่งเจอกับศัตรูที่ถือปืนกลมือหรือไรเฟิลจู่โจมบางกระบอกที่ยกเล็งได้ไว เราอาจจะลงไปนอนเป็นศพโดยยังไม่ทันลั่นไกเลยด้วยซ้ำเว้นแต่ว่าศัตรูยิงไม่แม่นพอล่ะนะอาจจะสู้ได้อยู่ เมื่อเอามายิงในระยะกลางถือว่าเป็นระยะที่ดีสำหรับปืนนี้ แม้เราจะเล็งช้าแต่ด้วยดาเมจและระยะห่างที่เราอยู่ห่างพอสมควร ทำให้ปืน M4LMG ได้ผงาดทันที ใครเจอรับรองมีร้อง แถมกระสุนที่เยอะจึงหมดห่วงพวกนี้ไปได้เลย แต่หากยิงในระยะไกลนั้นปืนอาจจะไม่ได้มีความแม่นยำอะไรมากมายนัก เพราะปืนจะเบี่ยงซ้ายขวาและกลุ่มกระสุนก็ไม่ได้เกาะกลุ่มแน่นขนาดนั้น แต่ด้วยที่ว่าเรามีกระสุนเยอะ ฉะนั้นการยิงหวังงผลระยะไกลคือการกดสาดกระสุนโดยไม่ต้องห่วงว่าเปลือย เดี๋ยวมันก็โดนเองแถมโดนยิงศัตรูมีหลบแน่นอน ซึ่งยังพอหวังผลในการยิงให้โดนได้อยู่บ้างล่ะ ฉะนั้นสไตล์การเล่นของปืนนี้ให้เน้นการยิงจากระยะกลางและไกลเป็นหลัก ให้เกาะกลุ่มเพื่อนยิงสนับสนุนจากแถวสองหรือตั้งป้อมตามมุม ตามตึกต่างๆ ยิงสนับสนุนในแนวหลังก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ไม่เหมาะกับการยิงปะทะตรงๆ ในระยะใกล้เพราะเล็งช้ามาก และอาจจะตายเหมือนไก่ก็ได้ Attachment ที่ดีที่สุดของ M4LMG สำหรับอุปกรณ์เสริมที่ควรติดให้กับเจ้า M4LMG ของเรานั้น เนื่องจากมันยิงเกาะกลุ่มไม่ค่อยดีนัก จึงต้องลดข้อด้อยของมัน ทำให้มันยิงเกาะกลุ่มดีขึ้นและเสริมการทำลายล้างเข้าไปทำให้ศัตรูหมดทางแอบหรือหลบหนีได้จากระยะกลางหรือไกล จึงขอแนะนำ Attachment ดังนี้ กล้องเล็งนั้นขอแนะนำให้เป็น Tactical Scope ที่สามารถซูมได้สองเท่าขณะเล็ง เพิ่มความแม่นยำและระยะยิงเล็กน้อย อีกทั้งยังสามารถโฟกัสศัตรูจากระยะกลางและไกลได้มากขึ้น Attachment ตัวแรกที่แนะนำและไม่ควรเปลี่ยนเป็นตัวอื่นอย่างเด็ดขขาดเลยก็คือ FMJ ซึ่งกระสุนนี้จะเพิ่มอำนาจการทะลุทะลวง ในกรณีที่ศัตรูโผล่แค่หัวหรือลำตัวจากที่กำบัง เราสามารถยิงอัดโดยกระสุนจะทะลุที่กำบังนั้นเท่ากับว่าเรายิงมันได้ทั้งตัวอย่างสบายใจและทำให้เรายิงหวังผลได้ง่ายขึ้นด้วย Attachment ตัวที่สองที่ต้องใส่และไม่ควรเปลี่ยนเลยคือ Foregrip ซึ่งจะช่วยลดแรงถีบปืนให้คุมง่ายขึ้นไปอีก รวมถึงทำให้กลุ่มกระสุนยิงออกไปเกาะกลุ่มกันแน่นขึ้นเล็กน้อย ซึ่งช่วยในเรื่องการยิงหวังผลได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ Attachment ในช่องสุดท้ายถือเป็นทางเลือก ซึ่งสามารถใส่อะไรก็ได้แต่ทางเราขอแนะนำ Extended Mag ที่เพิ่มความจุกระสุนจาก 75 นัด เป็น 95 นัด ซึ่งการเพิ่มมาถึง 20 นัดถือว่าเยอะมากและเพิ่มโอกาสในการฆ่ามากขึ้นและยิงได้นานขึ้นอีกด้วย หรือหากใครคิดว่า 75 นัดแค่นี้เหลือๆ แล้วก็ขอแนะนำ Suppressor ซึ่งทำให้เราพรางตำแหน่งเวลายิงสนับสนุนหรือยิงต่อสู้ได้ดี แต่แลกกับระยะการยิงที่ลดลง นั้นหมายความว่าการยิงจากระยะไกลดาเมจก็ตกลงมาพอสมควร หรือใครคิดว่ายกเล็งช้าเกินไป ก็หันมาใช้ Quickdraw เพื่อทำให้เล็งยิงได้ไวขึ้น แต่ก็ช่วยให้เล็งไวแค่เล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าจะมี Attachment ตัวนี้หากปะทะกับศัตรูระยะใกล้แบบไม่ทันตั้งตัวก็แทบสู้ไม่ได้อยู่ดี Perks ไหนที่ควรค่าแก่การใช้งานร่วมกับ M4LMG ในด้าน Perks Set ที่เหมาะกับปืนกลเบากระบอกนี้ ก็ขอแนะนำให้ใช้เป็นแบบที่ช่วยในด้านการนำ Scorestreak เรียกการสนับสนุนทางอากาศเพื่อช่วยทีมได้และไม่เน้นบวก ตายน้อยๆ ช่วยยิงเก็บ Kill ได้เมื่อมีโอกาส โดยเซ็ตที่แนะนำมีดังนี้ Perk ตัวแรกที่แนะนำเลยคือ Persistence ที่จะทำ Scorestreak ไม่ถูกรีเซ็ตเมื่อโดนฆ่าตาย แต่ต้องเก็บมากขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นกันซึ่งข้อดีคือมันจะเซฟ Scorestreak และเก็บได้เรื่อยๆ นั้นเอง หรือหากคิดว่าตัวเองเซฟมากพอ ก็สามารถเปลี่ยนจาก Persistence มาเป็น Fast Recover ได้เช่นกัน เพราะเวลาโดนยิงจนเสียเลือดจนต้องหลบไปฟื้นฟูเลือด เราต้องรีบฟื้นฟูให้ไวที่สุดเพื่อยิงต่อสู้ต่อเนื่องจากเวลาทุกวินาทีนั้นมีค่า แต่หากเราตาย Scorestreak ก็จะถูกรีเซ็ตไปด้วย Perk ตัวที่สองที่แนะนำเลยก็คือ Ghost เพราะนอกจากเราจะไม่โดน UAV ตรวจจับแล้ว เรายังสามารถพรางตัวจากตำแหน่งที่เราตั้งป้อมยิงได้ด้วย Perk ตัวสุดท้ายที่เราแนะนำเลยก็คือ Hardline ซึ่งช่วยเพิ่มคะแนน Scorestreak มากถึง 25% แน่นอนว่ามันช่วยเร่งการเรียกการสนับสนุนทางอากาศให้ไวขึ้นอีกเล็กน้อย ================================================== ทั้งหมดนี้คือเจาะลึกปืน M4LMG แบบละเอียดถี่ยิบเลยล่ะ ถ้าหากพูดกันตรงๆ แล้วเป็นปืนกลเบาที่มีความสมดุลทั้งอำนาจการยิง, การยิงหวังผลและจำนวนกระสุนที่เยอะ แถมใช้เวลาการบรรจุกระสุนก็น้อย ทำให้ยิงได้ไม่ขาดตอน แต่กลุ่มกระสุนจะไม่ค่อยเกาะกันมากนักหากยิงระยะไกล จนต้องใช้อุปกรณ์เสริมเข้าช่วยเพื่อยิงหวังผลได้ดีขึ้น ส่วนบทความไกด์ต่อไป จะเป็นปืนกลเบาอีกกระบอกที่เป็นคู่แข่ง M4LMG และเป็นปืนที่บอกเลยว่าดาเมจแรงมากๆ นั้นก็คือปืนกลเบา RPD นั้นเอง ฉะนั้นโปรดติดตาม GameFever TH อย่างใกล้ชิดล่ะ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
05 Nov 2019
ไกด์เกม Call of Duty: Mobile ลูกซอง Striker ปืนของคนกล้า วิ่งฆ่าไม่เลี้ยง
จากบทความก่อนหน้านั้นที่ได้เจาะลึกลูกซอง BY15 ไป ซึ่งถือเป็นลูกซองที่มีความรุนแรงสูง จัดทีนัดเดียวลงไปนอนแน่นิ่งได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ในบทความนี้ ทางเรา GameFever TH จะมาขอแนะนำลูกซองอีกกระบอกที่บอกเลยว่าโหดร้ายไม่แพ้กัน ซึ่งนั้นคือ ปืนลูกซองแบบกึ่งอัตโนมัติ Striker นั้นเอง มาดูกันว่าปืนนี้มีความดิบ เถื่อน เหมาะสำหรับปืนของคนกล้ามากแค่ไหนกัน ================================================== ปืน Striker นวัตกรรมลูกซองจากยุค 90s ปืนลูกซอง Striker เป็นปืนลูกซองแบบกึ่งอัตโนมัติสัญชาติแอฟริกาที่ถูกออกแบบครั้งแรกในปี 1981 ซึ่งการออกแบบครั้งแรกนั้นก็ไม่ค่อยน่าประทับใจนักจนมีการดีไซน์ใหม่ในปี 1989 ซึ่งกว่าจะลงตัวพร้อมเข้าสู่สายการผลิตก็ปาไปปี 1993 โดยจุดเด่นของปืนลูกซองกระบอกนี้นอกจากกระทัดรัด พกพาสะดวก แถมยิงแบบกึ่งอัตโนมัติได้แล้ว ตัวปืนนี้ระบบการป้อนกระสุนแบบโม่ ( หากนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงปืนลูกโม่แต่เปลี่ยนกระสุนเป็นกระสุนลูกซอง ) ซึ่งบรรจุได้ทีละนัดผ่านช่องใส่กระสุนทางด้านขวาของตัวโม่ปืน บรรจุได้มากถึง 12 นัด ในปัจจุบันก็มีบริษัทหลายเจ้าได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิตและต่อยอดปืนลูกซองนี้ให้มีความทันสมัยมากขึ้นตามกาลเวลา โดยถูกใช้ในหน่วยความมั่นคงของแอฟริกาและตำรวจอิสราเอล ส่วนปืน Striker ได้เข้ามาในซีรี่ส์เกม Call of Duty ครั้งแรกในภาค Modern Warfare 2 และ 3 นอกจากนี้ยังได้ไปปรากฎในภาค Call of Duty: Online และ Call of Duty: Black Ops Declassified ซึ่งเป็นภาคเสริมของเครื่องเกม PS Vita หลังจากนั้นก็ได้ปรากฎในภาค Modern Warfare Remaster ซึ่งจะได้ใช้กันในช่วงท้ายๆ ของภารกิจ ก่อนจะลงให้กับ Call of Duty: Mobile ตามลำดับ ค่า Status และขีดความสามารถของปืน Striker ปืนลูกซอง Striker จะสามารถใช้ได้ด้วยเงื่อไขผู้เล่นต้องมีเลเวลถึง 51 ถึงสามารถปลดล็อคปืนเพื่อใช้งานมัน ฉะนั้นต้องใช้เวลาการเล่นสักนิดหากอยากได้มัน โดยมีค่า Status ต่างๆ ดังนี้ ดาเมจ: 70 หน่วย – พลังการทำลายนับว่าสูงลิ่ว ในระยะต่ำกว่า 3 เมตรสามารถสังหารได้ภายใน 2 นัด แต่หากยิงเข้าหัวจังๆ ก็นัดเดียวลงไปนอนได้เลย ความแม่นยำ: 85 หน่วย – ค่าความแม่นยำขนาดนี้บอกเลยว่ากลุ่มกระสุนที่ยิงไประยะ 8 เมตรลงมาเกาะกลุ่มกันดีมากๆ สำหรับลูกซองด้วยกันแล้วถือว่าแม่นยำสูงเลยทีเดียว ระยะการยิง: 30 หน่วย – ถือเป็นปกติของปืนลูกซองที่ระยะการยิงสั้นมากๆ ซึ่งไม่แตกต่างอะไรกับ BY15 กล่าวคืออย่าคาดหวังดาเมจจากระยะกลางหรือไกล อัตราการยิง: 35 หน่วย – เห็นอัตราการยิงแค่นี้ แต่จริงๆ แล้วค่อนข้างต่อเนื่องมาก และซ้ำศัตรูได้รวดเร็ว เวลาเข้าจู่โจม ศัตรุแทบจะสวนกลับยากในระยะใกล้ การเคลื่อนที่: 75 หน่วย – บอกเลยว่าปืนนี้มีน้ำหนักเบา แบกวิ่งไปยิงก็พลิ้วพอๆ กับพวกปืนกลมือหรือ SMGs เลยล่ะ กระสุน: 12 นัด/โม่ปืน – จำนวนกระสุนนี้ถือว่าเยอะมาก แต่โดยเฉลี่ยส่วนใหญ่ศัตรูจะตายภายใน 2 นัด เท่ากับว่ากระสุนจำนวนนี้ สามารถฆ่าศัตรูได้ถึง 6 คนด้วยกัน แต่การรีโหลดนั้นถือว่าค่อนข้างช้าเพราะจะเป็นการบรรจุทีละนัดเข้าตัวโม่ปืน แต่เร็วกว่า BY15 นิดหน่อย เมื่อเอาปืน Striker มาเทียบกับปืน BY15 จะเห็นความต่างชัดเจนเลยคือ BY15 มีดาเมจที่สูงกว่า สามารถสังหารได้ภายในนัดเดียว แต่ไม่มีความต่อเนื่องมากเท่า Striker รวมถึงระยะการยิงที่กระสุนเกาะกลุ่มนั้น Striker เกาะกลุ่มได้ดีกว่าแม้จะยิงในระยะกลาง เมื่อนำเอาปืนนี้มาทดสอบการยิงในระยะ 3 เมตร ก็จะเห็นได้ว่ากลุ่มกระสุนของปืน Striker เกาะกันแน่นมาก แน่นกว่าปืนลูกซอง BY15 อยู่นิดหน่อย ทำให้สามารถยิงหวังผลโดนเน้นๆ ที่สำคัญ ปืนนี้ใน Call of Duty: Mobile สามารถยิงต่อเนื่องด้วยการกดปุ่มยิงค้างได้ด้วย บอกเลยว่าแรงถีบปืนไม่ดีดเท่าไหร่ ทำให้ยิงซ้ำต่อเนื่องได้หากศัตรูไม่ตาย เมื่อถอยหลังยิงใส่หากลุ่มกระสุนในระยะ 5 - 6 เมตร ก็พบว่ากลุ่มกระสุนยังคงค่อนข้างแคบและเกาะกลุ่มได้ดี ซึ่งในระยะ 8 เมตรนั้นยิงหวังผลให้โดนได้สบายๆ แต่อย่าลืมว่าระยะการยิงนั้นสั้น การยิงในระยะนั้น ดาเมจจะตกลงอย่างมาก จากนั้นก็ลองแบบเล็งยิงดู ซึ่งปรากฎว่ากลุ่มกระสุนเกาะกันแน่นดี ไม่มีความแตกต่างระหว่างการยิงแบบ Hip Fire และแบบการเล็งยิง ฉะนั้นการยิงแบบ Hip Fire จะให้ความคล่องตัวและสะดวกสะบายกว่ามาก เมื่อนำมาทดสอบยิงกับศัตรูก็จะเห็นว่า หากโดนลำตัวแบบเต็มๆ ในระยะหวังผล ศัตรูจะไม่ตายในนัดแรก เลือดจะเหลือต่ำกว่าครึ่งหลอดเสมอ แต่ด้วยปืนนี้สามารถยิงซ้ำได้รวดเร็ว มีความต่อเนื่องสูงด้วยการกดยิงค้าง ศัตรูจะตายภายในสองนัดอย่างแน่นอน แน่นอนว่าข้อดีอีกข้อของปืน Striker เลยคือหากเจอศัตรูวิ่งเบียดๆ กันแบบนี้ ให้กดยิงค้าง กระหน่ำเข้าไปตรงๆ ได้เลย เพราะจะทำให้ศัตรูที่อยู่ในวิถีการยิงจะโดนกระสุนเราเข้าไปเจ็บตัวไปตามๆ กัน เผลอๆ อาจจะฆ่าได้มากกว่าหนึ่งภายในการยิงเพียงไม่กี่นัดก็ได้ ซึ่งปืน BY15 นั้นไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้ แต่ข้อควรระวังของปืนนี้มีอยู่สองอย่างคือ อย่างแรกปืนนี้ดาเมจเบากว่า BY15 หากยิงในระยะไกลกว่า 5 เมตร ดาเมจจะเบามากจนเรียกได้ว่าเหมือนแค่สะกิดผิว อาจจะต้องยิงมากกว่า 5-6 นัดขึ้นไปเพื่อฆ่าศัตรูหนึ่งตัวก็ไม่ค่อยคุ้มค่านัก และอย่างที่สองคือ ปืนนี้รีโหลดบรรจุกระสุนแบบทีละนัดเข้าโม่ปืน และตัวปืนมี 12 นัด หากยิงจนหมดก็จะใช้เวลาในการรีโหลดนานมาก ฉะนั้นหาที่กำบังดีๆ เพื่อบรรจุกระสุนหรือจวนตัวกระสุนหมดระหว่างปะทะก็ให้ชักปืนพกออกมาต่อสู้จะไวกว่าโหลดกระสุนเสมอ Attachment ของ Striker ติดไว้มีชัยไปกว่าครึ่ง สำหรับอุปกรณ์เสริมของปืน Striker นั้น ต้องเน้นการยิงซ้ำให้โดน โดนง่ายจากการยิงแบบ Hip Fire เป็นหลักในระยะใกล้และลูกดก แตกต่างจากปืนลูกซอง BY15 ที่เน้นกลุ่มกระสุนให้แคบลงเพื่อหวังผลในการฆ่าเพียงนัดเดียว โดยรายละเอียดมีดังนี้ Attachment ตัวแรกที่จะแนะนำเลยคือ Laser Sight เพราะจะทำให้การยิงแบบ Hip Fire ยิงแม่นขึ้นและเป้าบานน้อยลงขณะวิ่งยิง ซึ่งมีประโยชน์มากในการเข้ายิงจู่โจมระยะใกล้ หรือโยกหลบยิงพลิ้วๆ โดยไม่เสียความแม่นยำไป Attachment ตัวต่อมาที่แนะนำเลยคือ Long Barrel เพราะจุดอ่อนปืนนี้คือระยะการยิงที่สั้นมากๆ การมีตัวนี้จะช่วยลดจุดอ่อน ทำให้ยิงจากระยะที่ไกลกว่า 5 เมตร จะไม่สูญเสียดาเมจมากนัก Attachment ตัวสุดท้ายที่แนะนำเลยคือ Extended Mag เพราะปืนนี้หากกระสุนหมดจะรีโหลดช้ามาก แม้จะมี Fast Mag ก็ตาม ฉะนั้นการเพิ่มความจุกระสุนจาก 12 เป็น 16 นัดดูท่าจะมีประโยชน์กว่า และสามารถเข้าปะทะฆ่าศัตรูได้มากขึ้น Perks ของ Striker ต้องเน้นลุยๆ สำหรับ Perks Set ที่เหมาะกับปืน Striker นั้นบอกเลยว่าเหมือนกับ BY15 ทุกประการ หรือกล่าวคือ ต้องเน้นความกล้าบ้าบิ่น บุกเข้าแนวปะทะให้ไวกว่าศัตรู เพื่อสร้างความได้เปรียบในต้นเกม หรือยึดจุดยุทธศาสตร์ไว้เพื่อทำเกมให้ทีม โดยชุด Perks Set ที่แนะนำมีดังนี้ Perk ตัวแรกก็คงไม่พ้น Lightweigt ที่จะเพิ่มความเร็วในการวิ่ง 10% และตกจากที่สูงก็ไม่เป็นไรสำหรับการไล่ล่าหรือหลบหนี Perk ตัวที่สองก็ต้องเป็น Ghost เพราะนอกจากจะรอดพ้นการตรวจจับจาก UAV แล้ว มันก็ช่วยเราพรางตำแหน่งในขณะที่เราซุ่มโจมตีตามอาคารและซอกมุมต่างๆ ได้ด้วย Perk ตัวสุดท้ายขอแนะนำเป็น Alert เพราะจะทำให้เราได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นแล้ว หากศัตรูอยู่ใกล้ตัวและเรามองไม่เห็นหรือแอบอยู่ จะมีการแจ้งเตือนบน Minimap ให้เราไล่ล่ามันหรือระวังตัวอีกทางหนึ่งด้วย ================================================== ทั้งหมดนี้เป็นไกด์ของปืน Striker แบบเจาะลึกถึงใจ ครบเครื่องทั้ง Pattern Recoil และอุปกรณ์ที่ควรติดตั้ง หากถามว่าปืนนี้กับ BY15 ปืนไหนใช้งานง่ายกว่ากัน ก็ต้องขอบอกเลยว่าต้องเป็นเจ้า Striker แน่นอน เพราะยิงได้ต่อเนื่อง ซ้ำเป้าหมายได้ง่าย แม้ดาเมจจะไม่ได้รุนแรงถึงขั้นยิงนัดเดียวที่ลำตัวตายทันทีก็ตาม ส่วนบทความต่อไป เรามาเปลี่ยนแนวเป็นปืนกลเบา LMG กันบ้าง เพราะเห็นหลายคนบอกว่าปืนพวกนี้ฆ่าศัตรูยาก แต่มันมีวิธีการใช้งานอยู่ โปรดอดใจรอในบทความต่อไปนะ แล้วพบกัน! สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
05 Nov 2019
ไกด์เกม Call of Duty: Mobile ลูกซอง BY15 เข้าใกล้เมื่อไหร่ เตรียมใบสั่งตาย
หลังจากตัวเกม Call of Duty: Mobile เปิดให้บริการมาราวๆ หนึ่งเดือนได้แล้ว ก็ได้มีการอัพเดตตัวเกมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่หลายคนรอคอยอย่าง Captain Price หรือจะเป็นกิจกรรม Halloween ที่ให้เราเล่นเพื่อแลกกับของตอบแทนมากมาย ซึ่งหากใครพลาดบอกเลยจะต้องเสียใจมากๆ อย่างแน่นอน ฉะนั้นก็แนะะนำเล่นกิจกรรมเก็บของกันให้ครบล่ะ สำหรับบทความนี้ ทาง GameFever TH จะขอแนะนำไกด์เจาะลึกลูกซองกัน ซึ่งบอกเลยว่าลูกซองตัวนี้มีประวัติยาวนาน แถมในเกม Call of Duty: Mobile จัดได้ว่าหากอยู่ในมือคนที่กล้า บ้าบิ่น ระดับหนึ่งถึงคู่ควรกับปืนลูกซองกระบอกนี้ ซึ่งมันมีชื่อว่า BY15 นั้นเอง ต้องขอบอกเลยว่าจัดว่าแจ่ม เรามาดูกันดีกว่าว่ามันจะดีแค่ไหนกัน ================================================== BY15 ปืนนี้มีความหลังที่ไม่ธรรมดา เจ้าปืนลูกซอง BY15 นี้เป็นปืนสมมุติ ซึ่งมีต้นแบบมาจากปืนลูกซอง Winchester Model 1200 ซึ่งเป็นลูกซองที่ทำงานโดยระบบแบบโยนลำหรือ Pump Action ยิงทีละนัดชักด้วยมือ ถูกออกแบบขึ้นในปี ค.ศ 1964 และได้เข้าสายการผลิตในปี ค.ศ 1965 โดยได้ไปเตะตาเข้ากับกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งได้สนใจและนำเข้าประจำการในปี ค.ศ 1968 มีปรับแต่งเพิ่มเติมให้สามารถติดดาบปลายปืนแบบ M1917 Bayonet เพื่อกองทัพบกโดยเฉพาะ และเจ้าปืนลูกซองนี้ก็ถูกใช้ครั้งแรกในช่วงปลายสงครามเวียดนาม และะสร้างชื่อเสียงเรื่องความน่าเชื่อถือและความทนทานของมันเป็นเลิศมากๆ โดยอะไรก็ไม่เป็นไรยิงได้สบายๆ ปัจจุบันแม้ว่าจะเลิกผลิตไปแล้ว แต่ก็ยังคงประจำการในกรมตำรวจต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการปราบปรามผู้ร้ายนั้นเอง ส่วนเจ้าปืนลูกซองนี้ได้มาโผล่ในซีรี่ส์เกม Call of Duty ครั้งแรกในภาค Modern Warfare ภาคแรกโดยใช้ชื่อว่า W1200 และก็ยังมีให้ใช้ในภาคสองแต่ภาคสามได้ถูกตัดออกไป จนกระทั่งได้โผล่ในภาค Remastered และสุดท้ายก็มีให้ใช้ใน Call of Duty: Mobile โดยมีการเปลี่ยนรูปทรงเล็กน้อยและใช้ชื่อว่า BY15 ค่า Status และขีดความสามารถของปืน BY15 เจ้าปืน BY15 กระบอกนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้เล่นมีเลเวลถึงเลเวล 15 ก็จะสามารถปลดล็อคใช้งานได้โดยไม่ต้องใช้เวลาเล่นนานในการปลดล็อค ส่วนรายละเอียดด้าน Status มีดังนี้ ดาเมจ: 85 หน่วย – พลังการทำลายนับว่าสูงลิ่ว ในระยะต่ำกว่า 3 เมตรหากโดนเข้าเต็มๆ สามารถสั่งตายได้ภายในนัดเดียวเลยล่ะ ความแม่นยำ: 80 หน่วย – ค่าความแม่นยำนี้บอกเลยว่าหวังผลได้ในระยะใกล้และกลุ่มกระสุนไม่ค่อยกระจาย จึงสามารถพอยิงตอบโต้จากระยะไม่เกิน 8 เมตรได้อยู่บ้าง ระยะการยิง: 30 หน่วย – ถือเป็นปกติของปืนลูกซองที่ระยะการยิงสั้นมากๆ ฉะนั้นอย่าไปคาดหวังกับการยิงระยะกลางหรือไกลเลย อัตราการยิง: 20 หน่วย – เนื่องด้วยปืนลูกซองนี้เป็นการยิงแบบโยนลำหรือ Pump Action ยิงทีละนัด ทำให้ความต่อเนื่องนั้นน้อยมาก แต่แลกกับความแรงแล้วก็ถือว่าสมเหตุสมผล การเคลื่อนที่: 75 หน่วย – บอกเลยว่าปืนนี้มีน้ำหนักเบา แบกวิ่งไปยิงก็พลิ้วพอๆ กับพวกปืนกลมือหรือ SMGs เลยล่ะ กระสุน: 8 นัด/หลอดบรรจุ – จำนวนกระสุนนี้ถือว่าเยอะและหากวิ่งยิงแจกนัดละศพได้ เท่ากับว่าได้สังหารศัตรูทีเดียว 8 คนในหลอดบรรจุ แต่การโหลดกระสุนนั้นทำได้ช้าเพราะต้องยัดกระสุนเข้าไปในหลอดบรรจุทีละนัดนั้นเอง เมื่อเราเอาปืน BY15 แบบเดิมๆ ไม่ได้แต่งอะไรเพิ่มไปหา Pattern Recoil ก็พบว่าการยิงแบบ Hip Fire ในระยะ 3 เมตรนั้น กลุ่มกระสุนเกาะกันแน่นมาก หากศัตรูอยู่ในระยะนั้นยังไงก็ลงไปนอนภายในนัดเดียวโดยไม่ต้องหันไปดูศพว่าจะลุกขึ้นมายิงสวนเราให้กังวลใจ และลองขยับตัวออกห่าง ยิงแบบ Hip Fire ในระยะ 5 เมตร ก็พบว่ากระสุนเริ่มกระจายออกแต่กลุ่มกระสุนยิงเกาะค่อนข้างดี ซึ่งสามารถยิงศัตรุให้ตายภายในนัดเดียวได้เช่นกัน แต่ต้องโดนกลุ่มกระสุนนี้เข้าเต็มๆ ทั้งหมดซึ่งโอกาสก็ 50/50 เพราะศัตรูคงไม่ได้ยืนให้เรายิงเป็นเป้าซ้อมแน่ๆ แต่หากโดนยิงไม่ตาย เลือดศัตรูก็เหลือก้นหลอดแน่ๆ ฉะนั้นจงซ้ำมันให้ตายเสีย เมื่อเราลองแบบเล็งยิง ก็พบว่า แทบไม่มีความแตกต่างกับแบบการยิง Hip Fire เพราะกลุ่มกระสุนก็เกาะพอๆ กัน แถมเวลาเล็งยิงก็จะเสียความคล่องตัวไปเยอะมาก ฉะนั้นปืนลูกซองเน้นการยิงแบบ Hip Fire ไม่ต้องเล็งจะดีที่สุด หรือหากจะเล็งยิง แนะนำให้แอบตามมุมตึก ตามตรอกซอกซอยแคบๆ เพื่อดักยิงในระยะประชิดก็ถือว่าดีเช่นกัน เมื่อเราปืนนี้มาทองลองยิงกับศัตรูก็จะเห็นกันได้ชัดๆ เลยว่า ระยะต่ำกว่า 3 เมตรยังไงก็ตายแน่ๆ แต่ 4-5 เมตรก็มีโอกาสตายภายในนัดเดียวเช่นกัน แต่ต้องโดนเต็มๆ ลากนิ้วให้มาตรงกลางเป้าหมายเท่านั้น แต่หากยิงจากศัตรูในระยะ 6-8 เมตร ก็เป็นการยากที่จะสังหารศัตรูในนัดเดียว แต่โดนทีก็เอาเลือดเหลือก้นหลอดอย่างที่เห็นในภาพ ซึ่งหากพลิ้วไหวพอระหว่างโยนลำลูกซองให้พร้อมยิงนัดต่อไปล่ะก็ สามารถใช้ปืนนี้ซ้ำศัตรูไปอีกรอบก็ได้ ยังไงก็ตายแน่นอน แต่หากยิงไกลกว่านั้น ดาเมจจะหายไปมาก และกลุ่มกระสุนก็กระจายแทบหวังผลอะไรไม่ได้ อันนี้คือกรณีที่เรายิงในระยะ 5 เมตร เป้าไม่โดนศัตรูเต็มๆ และมีที่กำบัง ก็ทำให้ดาเมจที่ได้ลดลงมา แต่สังเกตุว่า เลือดศัตรูก็เกือบหมดหลอดด้วยเช่นกัน ฉะนัน้นพยายามยิงให้โดนเต็มๆ ดีกว่าต้องซ้ำนัดที่สองเพราะความต่อเนื่องนั้นไม่ค่อยมีต้องชักยิงทีละนัดซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้เราโดนสวนได้ในจังหวะนั้น Attachment แจ่มๆ ของ BY15 ที่ต้องติดไว้ ในเรื่อง Attachment ของปืน BY15 นั้นขอให้จำขึ้นใจว่ามันคือปืนแบบโยนลำ ยิงชักทีละนัด ฉะนั้นจำเป็นต้องเน้นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยทำให้กระสุนแต่ละนัดสามารถสังหารศัตรูได้ทันทีโดยไม่ต้องซ้ำหรือพยายามลดการกระจายกระสุนเพื่อให้สังหารง่ายๆ ลดโอกาสที่เราต้องยิงซ้ำให้น้อยที่สุด ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ Attachment ตัวแรกที่จะแนะนำเลยคือ Laser Sight-SG เพราะจะทำให้เรายิงแบบ Hip Fire ได้แม่นยำขึ้นและเวลาวิ่งยิงเป้าจะบานน้อยลงอีกด้วย โฟกัสง่ายขึ้น ที่สำคัญ ทำให้กลุ่มกระสุนเกาะกันแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย Attachment ตัวต่อมาที่แนะนำคือ Long Barrel-SG เหตุผลที่แนะนำตัวนี้เพราะว่าปืนลูกซองมีระยะการยิงที่สั้นมากและเมื่อห่างออกไปเกิน 5 เมตร ดาเมจก็จะหายไปอย่างมาก ฉะนั้นการติดตั้งเจ้าตัวนี้ จะทำให้เพิ่มโอกาสหวังผลในการฆ่าศัตรูจากระยะ 5-8 เมตรได้มากยิ่งขึ้นเพราะดาเมจจะไม่ค่อยหายตามระยะทางนี้ Attachment ตัวสุดท้ายที่จะขอแนะนำคือ Fast Mag-SG เพราะเนื่องจากว่าการรีโหลดของปืนลูกซอง BY จะเป็นการบรรจุเข้าหลอดแบบทีละนัด ซึ่งมันช้ามาก การมีสิ่งนี้จะทำให้มือยัดเข้าหลอดบรรจุไวขึ้น อย่าลืมว่าเรากระสุนหมดเมื่อไหร่ คือช่วงอันตรายที่เราไร้ทางป้องกันตัว การรีโหลดไวขึ้นก็จะมาช่วยอุดจุดบอดตรงนี้ได้อย่างดี Perks แบบไหน เหมาะกับ BY15 ในเรื่อง Perks Set ที่เหมาะกับปืนลูกซองกระบอกนี้ ขอบอกเลยว่าผู้เล่นต้องมีความกล้า บ้าบิ่น วิ่งเข้าไปบวกแบบหัวหมู่ทะลวงฟัน เพราะลูกซองจะใช้งานได้ดีเมื่อเข้าใกล้ ฉะนั้น Perks Set ที่เหมาะสมที่สุดควรเป็น Perk ที่ทำให้ตัวเองเข้าถึงจุดยุทธศาสตร์สำคัญได้ไวกว่าคนอื่น และก็ต้องรู้ตำแหน่งศัตรูรอบตัวเราเพื่อจัดการใครก็ตามที่ผ่านทางปืน โดย Set ที่จัดไว้ให้แบบเวิร์คที่สุดมีดังนี้ Perk ตัวแรกที่จะแนะนำเลยก็คือ Lightweight ซึ่งทำให้เราเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น 10% และตกจากที่สูงก็ไม่บาดเจ็บ บอกเลยว่า Perk นี้สำคัญมากสำหรับปืนลูกซองที่ต้องการความเร็วและความพลิ้วในการเข้าถึงศัตรูหรือจุดสำคัญๆ ที่จะช่วยสร้างความได้เปรียบในช่วงต้นเกม Perk ตัวต่อมาก็สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ Ghost ที่จะทำให้เราไม่ถูกตรวจจับโดย UAV ช่วยทำให้เราอำพรางตำแหน่งศัตรูเวลาดักยิงตามมุมแบบเนียนๆ ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะหาเราเจอ Perk ตัวสุดท้ายที่แนะนำเลยคือ Alert และเหมาะมากสำหรับคนใส่หูฟังเล่นเกมนี้ เพราะจะทำให้เราได้ยินเสียงฝีเท้าศัตรูดังมากขึ้น ข้อมูลนั้นสำคัญในสนามรบสุดๆ มันทำให้เราตื่นตัวและรับรู้ว่าศัตรูจะมาทางไหนเพื่อใช้ปืนลูกซองนี้จัดการให้พวกมันเงียบและลงไปนอนกับพื้น ================================================== ทั้งหมดนี้คือไกด์เจาะลึกปืนลูกซอง BY15 ต้องขอบอกเลยว่าแม้จะยิงแล้วต้องชักทีละนัด แต่แลกด้วยความแรงแล้วก็นับว่าคุ้มค่า แต่ปืนนี้จัดว่าต้องมีทักษะในการเล่นและมีปฏิกิริยาตอบสนองไวระดับหนึ่งถึงสามารถใช้งานมันได้ดีที่สุด เนื่องจากข้อเสียร้ายแรงเลยก็คือความต่อเนื่องและระยะการยิง ถึงอย่างไรนั้นมันเป็นปืนสั่งตายเมื่อเข้าใกล้เป็นดั่งที่ว่าไว้จรืงๆ บทความต่อไปจะกล่าวถึงลูกซอง Striker กันบ้างแล้วจะเอามาเทียบกันว่า ปืนไหนจะเจ๋งกว่ากัน สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
01 Nov 2019
ไกด์ Call of Duty: Mobile ปืน M16 กับเจ้าของฉายา "3 นัดสั่งตาย"
หากจะพูดถึงปืนไรเฟิลจู่โจมที่มีดาเมจรุนแรงที่สุด ก็คงอาจจะนึกถึงปืน AK-47 ซึ่งมันน่ากลัวมากเมื่ออยู่ในระยะใกล้ แต่ก็ปืนไรเฟิลจู่โจมอีกกระบอกหนึ่งที่รุนแรงไม่แพ้กัน จนได้สมญานาม "3 นัดสั่งตาย" ซึ่งนั้นก็คือปืน M16 นั้นเอง! โดยเจ้าปืน M16 ในเกม Call of Duty: Mobile นี้จะมีความแปลกประหลาดในการใช้งานอยู่นิดหน่อย นั้นคือจะมีโหมดการยิงแบบ Burst หรือยิงเป็นชุดละ 3 นัดเท่านั้น และหากเรายิงโดนจุดสำคัญเต็มๆ ก็สามารถทำให้ศัตรูลงไปนอนด้วยการยิงแบบ Burst เพียงชุดเดียวอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ และทางเรา GameFever TH จะมาช่วยยืนยันว่าปืน M16 กระบอกนี้ยิงแรงและแม่นยำมากแค่ไหนกัน ================================================== เปิดตำนาน M16 คู่กัดตลอดกาลของ AK-47 ปืนไรเฟิลจู่โจม M16 เป็นปืนสัญชาติสหรัฐอเมริกา มีประวัติที่ยาวนานและโด่งดังไม่แพ้ปืน AK-47 โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากปืนไรเฟิล M14 ที่ทหารสหรัฐฯ ใช้ประจำการอยู่นั้นเริ่มมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก,แรงถีบและปัญหาการใช้งานต่างๆ ที่ไม่ค่อยคล่องตัวนัก จึงเกิดโครงการจัดหาปืนไรเฟิลจู่โจมรุ่นใหม่ที่ใช้หัวกระสุนขนาดเล็กกว่าโดยยังคงความแม่นยำและพลังการทำลายล้างสูง ที่สำคัญต้องมีน้ำหนักเบา และปืน AR-15 ของ Armalite ตัวต้นแบบก็ได้เข้าตากองทัพในปี ค.ศ 1959 จนนำมาสู่การพัฒนาโครงการปืน XM16 และต่อมาก็ได้ใช้ชื่อ M16 ในที่สุด โดยปืน M16 ถูกประจำการครั้งแรกในปี ค.ศ 1964 จนมีการปรับปรุง พัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ จนรุ่นล่าสุดได้ใช้ชื่อว่า M16A4 และยังคงใช้ในทหารนาวิกโยธินของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน สำหรับปืน M16 ได้ปรากฎตัวในเกม Call of Duty ภาคแรกเลยคือ Call of Duty 4: Modern Warfare โดยใช้รุ่น M16A4 ที่ยิงได้แบบ Burst 3 นัด และได้ปรากฎในภาค 2 และ 3 ด้วย ส่วนในภาค Call of Duty: Black Ops 1 และ 2 ก็ได้มีการใช้ปืนนี้เช่นกัน แต่จะเป็นรุ่น M16A1 ที่สามารถยิงแบบ Full Auto ได้ แต่พอมาเป็นภาค Black Ops 3 และ 4 ก็กลายเป็นรุ่น M16A2 ที่ยิงแบบ Burst 3 นัด ( แม้ทรงปืนจะเป็นแบบ A1 ก็ตาม ) ส่วนในเกม Call of Duty: Mobile นั้นปืน M16 ที่มีในเกมจะเป็นรุ่น M16A4 ซึ่งยิงได้แค่แบบ Burst 3 นัดเท่านั้น และเมื่อยิงครบ 3 นัดมันก็ไม่ได้ยิงต่อเนื่องแบบรวดเร็ว แต่หากยิงโดนเต็มๆ ขอเพียงแค่โดนยิงหัวจากหนึ่งในสามนัด ก็สามารถสังหารศัตรูได้ภายในการยิงชุดเดียว จึงไม่แปลกใจหากอยู่ในมือผู้เล่นเก่งๆ จะกลายเป็นปืนที่น่ากลัวอีกกระบอกหนึ่ง ค่า Status และขีดความสามารถของปืน M16 ตัวปืน M16 ผู้เล่นสามารถปลดล็อคได้เมื่อเลเวลถึงเลเวล 46 โดยจะได้เป็นลาย Evil Clown ที่มีความสามารถพิเศษเคลื่อนที่เร็วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเกิดใหม่เป็นเวลาสั้นๆ และบางคนก็อาจจะได้ลองใช้เจ้าปืนกระบอกนี้จากการได้รางวัลลงทะเบียนล่วงหน้าแบบจำกัดเวลา ซึ่งบอกเลยว่าเห็น Status แบบนี้แต่โหดใช้ได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้ ดาเมจ: 65 หน่วย – พลังการทำลายค่อนข้างสูง สามารถยิงศัตรูให้ตายได้แน่นอนภายในหนึ่งหรือสองชุดการยิง ความแม่นยำ: 60 หน่วย – สำหรับกระบอกนี้บอกเลยว่ามีความแม่นยำสูง เล็งตรงไหนเข้าตรงนั้นอย่างแน่นอน ระยะการยิง: 60 หน่วย – ทั้งดาเมจและระยะการยิงขนาดนี้ หมดกังวลเรื่องการยิงระยะไกลแล้วดาเมจตกไปได้เลย อัตราการยิง: 45 หน่วย – อัตราการยิงนั้นจัดอยู่ในระดับที่ต่ำ ยิงไม่ต่อเนื่อง แต่ตอนยิง Burst แต่ละชุด จะไวกว่านี้มาก การเคลื่อนที่: 60 หน่วย – ถือว่ามาตรฐานสำหรับปืนไรเฟิลจู่โจม แม้จะดูอืดอาดแต่ใช่ว่าจะไม่คล่องตัวเลย กระสุน: 30 นัด/แมกกาซีน – แน่นอนว่าปืนนี้ยิงแบบ Burst 3 นัด เท่ากับว่าหนึ่งแมกกาซีนเราสามารถยิงได้ 10 ครั้ง เมื่อเอาปืน M16 มาเปรียบเทียบกับปืนคู่กัดตลอดกาลอย่าง AK-47 ก็จะเห็นได้เลยว่าดาเมจ, ระยะการยิงและอัตราการลั่นกระสุนนั้นอาจจะเสียเปรียบนิดหน่อย แต่ความแม่นยำนั้น M16 กินขาดอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อเอามาเทียบกับปืนรุ่นน้องผู้แสนดีอย่าง M4 แล้ว แม้ค่าความแม่นยำของปืน M16 จะต่ำกว่าเล็กน้อย แต่พอเอามายิงจริงๆ M16 นั้นแม่นยำกว่ามากหากเทียบแบบนัดต่อนัด แต่ก็อย่าลืมว่าปืน M4 นั้นสามารถยิงแบบ Full Auto ได้อาจไว้ใจได้มากกว่าแม้ดาเมจจะเบากว่ามากก็ตาม เว้นเสียแต่ผู้เล่นที่ใช้ปืน M16 จะยิงได้คมและแม่นกว่า เมื่อเรานำเจ้าปืน M16 ไปทดสอบการยิงหา Pattern Recoil ก็จะเห็นว่ากลุ่มกระสุนจะเป็นการดีดขึ้นตรงๆ ไม่ค่อยมีการเบี่ยงซ้ายขวา ทำให้ปืนนี้มีความแม่นยำมาก ส่วนแรงดีดถือว่าไม่ค่อยดีดเท่าไหร่นัก สามารถกดลั่นหนึ่งชุดปล่อยให้ดีดเข้าหัวศัตรูก็สามารถทำได้หากเข้าวิถีปืนของเรา อย่าลืมว่าปืนนี้ยิงแบบ Burst เป็นชุดซึ่งอัตราการยิงต่อเนื่องทั้ง 3 นัดนั้นค่อนข้างเร็วมาก แต่เมื่อยิงออกไปหนึ่งชุดแล้วจะมีช่วงเวลาดีเลย์ประมาณครึ่งวินาทีก่อนทำการยิงชุดต่อไป ทำให้ปืนนี้มีจุดอ่อนชัดเจน จึงต้องอาศัยความแม่นยำของผู้เล่นระดับหนึ่ง หากใช้จนชำนาญแล้ว บอกเลยว่าสามารถยิงต่อสู้ได้ทั้งระยะใกล้ กลางและไกลได้ดีโดยเฉพาะระยะกลางบอกเลยว่าน่ากลัวสุดๆ กดปืนลงต่ำสักนิดเวลายิงรับรองโดนทุกนัด ส่วนเทคนิคการใช้ปืน M16 นั้นง่ายแต่ปฏิบัติจริงอาจจะยากสักนิด นั้นก็คือการใช้ความแม่นยำของผู้เล่นแล้วยิงหนึ่งชุดออกไป ให้กระสุนหนึ่งในสาม "ยิงโดนหัวศัตรู" ก็จะสามารถฆ่าศัตรูได้ด้วยเพียงการยิงชุดเดียว มันน่ากลัวที่ว่าในระยะใกล้หากเราสามารถทำได้ ศัตรูที่ใช้ปืน SMGs อาจจะยังผวา ฉะนั้นหากเจอศัตรูระยะใกล้ ให้เล็งปืนในระดับหนึ่งอกขึ้นไป รับรองยังไงก็ดีดเข้าหัวแน่ๆ เพราะปืนนี้มีความแม่นยำและวิถีกระสุนก็ดีดขึ้นแบบตรงๆ อยู่แล้ว ส่วนการยิงจากระยะกลางและไกล การยิงใส่ให้โดนหัวอาจจะทำได้ยาก ฉะนั้นพยายามใช้นิ้วกดแรงถีบปืนเสียเล็กน้อยหรือพยายามเล็งไปที่ช่วงกลางลำตัวก็ได้ ใช้ความแม่นยำให้เป็นประโยชน์ยิงสนับสนุนให้กับเพื่อนในแนวหน้า หากโดนที่ลำตัวเต็มๆ ก็สามารถสังหารได้ภายในการยิงเพียงสองชุดหรือหกนัดเท่านั้น แต่หากเราแม่นพอยิงโดนหัวก็อาจจะสามารถสังหารศัตรูในการยิงเพียงชุดเดียวด้วยเช่นกัน Attachment 2 สไตล์ที่ควรคู่กับ M16 เนื่องจากปืน M16 มีความยืดหยุ่นทั้งความแม่นยำ, ดาเมจและอัตราการยิงแบบ Burst 3 นัดที่สูง ทำให้สามารถเล่นได้ทั้งสไตล์ยิงสนับสนุนให้กับทีมหรือจะวิ่งลุยแนวหน้าโชว์โหดก็ทำได้ แต่เพียงแค่จะต้องมีความชำนาญระดับหนึ่งถึงดึงประสิทธิภาพของปืนนี้ได้ออกมามากที่สุด ฉะนั้นจึงขอทำ Attachment ไว้สองรูปแบบ โดยจะเน้นรูปแบบแรกคือสไตล์เน้นยิงสนับสนุนให้กับทีมเป็นหลักก่อน สไตล์การเน้นสนับสนุนทีมคือเราต้องเน้นฆ่าหรือสร้างความเสียหายให้กับศัตรูจากระยะกลางหรือไกล โดยเน้นซุ่มโจมตีตามมุม, ตามอาคารต่างๆ หรือตามที่สูง การเล่นจะคล้ายๆ กับการใช้ปืนซุ่มยิง แต่จะต่างกันทีเมื่อเพื่อบุกถึงเป้าหมายเช่น ยึดพื้นที่หรือเลือกที่วางระเบิดได้แล้ว ก็ต้องเคลื่อนที่ตาม หาตำแหน่งซุ่มยิงที่ใกล้ที่สุดเนื่องจากปืน M16 อาจจะไม่สามารถฆ่าให้ตายด้วยเพียงชุดเดียวในกรณีที่ยิงไม่โดนเต็มๆ สามนัดและระยะการยิงก็ไม่ได้สูงเท่าพวกปืนซุ่มยิงอยู่แล้ว ฉะนั้นจงเล่นแบบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ไม่ห่างเกินไปจะดีที่สุด เรื่องกล้องเล็งสำหรับสไตล์สนับสนุนแบบนี้ ก็ต้องเป็น Tactical Scope-AR อยู่แล้ว นอกจากให้กำลังการซูมแบบ X2 ก็ยังทำให้เราโฟกัสศัตรูจากระยะกลางและไกลได้ง่ายขึ้น เล็งเข้าหัวง่ายขึ้นด้วย Attachment ตัวแรกที่จะแนะนำให้ติดเลยคือ Quickdraw-AR เพราะจะช่วยทำให้เราเล็งยิงได้ไวขึ้นในกรณีที่ศัตรูเข้าประชิดตัวเราได้ หรือใช้กรณีศัตรูโถมเข้ามาแล้วจำเป็นต้องรีบยิงศัตรูตัวนั้นก่อน อย่างน้อยเราอาจจะยิงทันศัตรูและสังหารในเวลาคับขันได้ด้วยเช่นกัน แต่หากรู้สึกว่า Quickdraw ไม่จำเป็นเนื่องจากเราเน้นซุ่มยิงอยู่แล้ว ก็สามารถใช้ Suppressor-AR แทนได้ เพราะนอกจากจะทำให้เสียงปืนนั้นเบาลง เราก็จะไม่โชว์ใน Minimap เมื่อทำการยิง เป็นการอำพรางตำแหน่งของเราไปในตัวด้วย แต่ก็แลกกับระยะการยิงที่ลดลงไปถึง 10 หน่วยเช่นกกัน Attachment ตัวที่สองที่แนะนำเลยก็คือ FMJ-AR ทำให้เรายิงกดดันศัตรูที่แอบซ่อนหลังกำแพงได้เป็นอย่างดี เพราะการปะทะจากระยะกลางหรือไกล ศัตรูอาจจะยิงสู้เราไม่ได้แล้วแอบหลังกำแพงเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิต เราก็ใช้สิ่งนี้ยิงทะลุกำแพงไม่ให้ศัตรูมีชีวิตรอดต่อไปได้ และ Attachment อันสุดท้ายที่แนะนำเลยก็คือ Foregrip-AR เพราะเมื่อต้องทำการยิงจากระยะกลางหรือไกล ความแม่นยำคือสิ่งสำคัญที่สุด จะทำให้แรงดีดของปืนลดลง แน่นอนว่าเราก็สามารถควบคุมการยิงให้เข้าเป้าได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เผลอๆ ยิงหัวง่ายขึ้นด้วย ส่วนสไตล์ที่สองที่สามารถเล่นกับปืน M16 ได้คือสายวิ่งยิงแนวหน้า โชว์โหดสังหารศัตรูแบบหล่อๆ ซึ่งสไตล์นี้ต้องใช้ทักษะและความแม่นยำที่สูง รวมถึงปฏิกิริยาที่ไวแถมต้องมั่นใจพอว่าจะสามารถสังหารศัตรูจากระยะใกล้และกลางภายในหนึ่งหรือสองชุด ไม่เช่นนั้นเราจะกลายเป็นไก่เสียเอง โดยสไตล์นี้จะต้องเน้นความคล่องตัวและการตอบโต้ที่รวดเร็วเป็นหลัก ที่สำคัญคือต้องฝึกเล็งให้ยิงระดับเหนืออกขึ้นไปจนเคยชิน รับรองสั่งตายภายในชุดเดียวแน่นอน โดยกล้องเล็งที่แนะนำสำหรับสไตล์ขาลุยแบบนี้ ต้องเป็น Red Dot Sight เท่านั้นเพราะปืนนี้มีความแม่นยำมากอยู่แล้ว จึงเหมาะกับการใช้เป้าเล็งที่มีแค่จุดตรงกลางอย่างเดียว ช่วยทำให้เล็งใส่ศัตรูได้ง่ายขึ้นนั้นเอง สำหรับ Attachment ตัวแรกที่จะแนะนำเลยก็คือ Stock-AR เพราะจะช่วยเพิ่มความพริ้วไหวขณะเล็งยิงเมื่อเวลาต้องปะทะกับศัตรูซึ่งๆ หน้า และลดโอกาสถูกยิงแบบเต็มๆ อีกด้วย Attachment อันต่อมาที่แนะนำเลยคือ Quickdraw-AR ซึ่งมันจำเป็นมากเวลาเข้าปะทะกับศัตรู หากเราเล็งได้ไวกว่าแล้ว โอกาสที่จะฆ่าได้ก็มีสูง และหากเราแม่นยำพอแล้วล่ะก็ ต่อให้ศัตรูถือปืน SMGs โหดๆ ก็ยังสู้กกับปืน M16 ยากเลย Attachment อันที่สามที่จะแนะนำก็คือ Foregrip-AR แม้ว่าในระยะใกล้อาจจะไม่มีความจำเป็น แต่หากมองอีกแง่หนึ่ง การลดแรงดีดก็ทำให้เราสามารถเล็งและยิงไปในตำแหน่งที่ต้องการง่ายขึ้น ฉะนั้นการลดแรงดีดเท่ากับเราเล็งไปที่ตำแหน่งเหนืออกหรือหัวตรงๆ ได้เลยหากแม่นยำพอ เป็นการเสริมความน่ากลัวในระยะใกล้ด้วย Perks 2 แบบ 2 สไตล์ เลือกให้ตรงสาย สำหรับสไตล์แรก สายการยิงเพื่อสนับสนุนทีม จะต้องเน้น Perks Set ที่สามารถทำ Scorestreak ได้แบบไม่ขาดตอนเพื่อใช้การสนับสนุนทางอากาศช่วยเหลือทีมและซ่อนเร้นอำพรางจุดซุ่มยิงของเราไปในตัว โดยมีเซ็ตที่น่าสนใจดังนี้ Perk ตัวแรกที่จะแนะนำเลยก็คือ Persistence ที่จะทำให้ Scorestreak ไม่ถูกรีเซ็ตเมื่อตายแต่ก็ต้องแลกกับการเก็บแต้มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะเน้นไม่เน้นเอาตัวเองเข้าปะทะ โอกาสการตายก็ต่ำอยู่แล้ว เน้นสร้างความเสียหายหรือฆ่าศัตรู สะสมแต้มไปเรื่อยๆ ก็พอแล้ว Perk ตัวที่สองที่แนะนำเลยก็คือ Ghost ที่จะทำให้ UAV และอุปกรณ์การตรวจจับของศัตรู ไม่สามารถจับตำแหน่งเราบน Minimap ได้ ช่วยในการพรางตำแหน่งยิงของเราได้เป็นอย่างดี Perk ตัวที่สามที่แนะนำเลยคือ Hardline ที่จะเพิ่มแต้ม Scorestreak มากถึง 25% แม้ว่าจะเป็นการสังหารหรือช่วยเหลือต่างๆ ก็จะเป็นผลดีกับเราอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นการลดข้อเสียของ Perk Persistence อีกด้วย ส่วนสไตล์สายบู้แหลกในแนวหน้า จะต้องเน้น Perks Set ที่ทำให้เราปลอดภัยจากวัตถุระเบิดต่างๆ รวมถึงทำให้เราตอบโต้ศัตรูได้รวดเร็วขึ้น โดยมีเซ็ตที่แนะนำดังนี้ Perk ตัวแรกที่แนะนำก็ไม่พ้น Perk สามัญประจำบ้านอย่าง Agile ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเล็งยิงขณะวิ่งถึง 85% ลองนึกภาพดูว่าเราวิ่งถือปืน M16 แล้วใช้ Perk ตัวนี้ จะทำให้เรายิงได้ไวกว่าศัตรูโดยหมดกังวลว่ายิงชุดแรกจะไม่ตาย ก็ยังพอมีเวลายิงซ้ำในชุดที่สองได้ ยังไงซะเราก็ถือคติที่ว่าใส่ก่อนได้เปรียบอยู่แล้ว Perk ตัวที่สองที่จะแนะนำเลยก็คือ Hard Wired เพราะจะทำให้ตัวเราไม่โดนผลจาก Counter-UAV, EMP Grenade หรือแม้กระทั่งกับดักของศัตรูก็จะไม่ทำงานเมื่อเราวิ่งผ่าน ทำให้เราปลอดภัยจากกับดักทั้งหลายทั้งปวงได้โดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังให้เสียเวลา Perk ตัวที่สามที่อยากแนะนำเลยก็คือ Engineer แม้ว่าเราจะติด Perk Hard Wired แต่บางทีเพื่อนก็ไม่ได้ใช้เหมือนกับเรา การที่เราได้เห็นกับดักศัตรูหรืออุปกรณ์ของศัตรูนั้น ทำให้เราสามารถเตือนหรือบอกกับเพื่อนในทีมหรือแม้กระทั่งช่วยเคลียร์กับดักให้เพื่อนก็ดีไม่ใช่น้อย ================================================== และนี่คือการเจาะลึกทั้งหมดของปืน M16 ซึ่งข้อดีของมันก็เห็นได้ชัดเจนเลยคือ ยิงแม่นและแรงมาก ยิงต่อสู้ได้ทุกระยะ สามารถสังหารศัตรูภายในชุดเดียวเมื่อกระสุนหนึ่งในสามนัดยิงเข้าหัว แต่หากไม่โดนหัวก็ต้องสังหารศัตรูภายในสองชุดซึ่งชัวร์ที่สุด แต่ด้วยการยิงแบบเป็นชุด Burst 3 นัดนี้ ทำให้ความต่อเนื่องไม่มีและเป็นช่องว่างให้ศัตรูยิงสวนได้หากเรายิงไม่แม่นพอ กลายเป็นว่าปืน M16 ใช้งานค่อนข้างยากแต่หากใช้งานจนคล่อง บอกเลยว่านี่คือปีศาจสามนัดสั่งตายสมคำร่ำลือจริงๆ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
24 Oct 2019
ไกด์ Call of Duty: Mobile ปืน DL Q33 สไนเปอร์ฉายา หนึ่งนัด, หนึ่งศพ
One Shot, One Kill หรือแปลไทยก็คือ หนึ่งนัด, หนึ่งศพ เป็นวลีและคำพูดที่โผล่ไปอยู่ในหลายๆ เกมโดยเฉพาะเกมแนว Shooting ทั้งหลาย แต่สิ่งที่ทำให้คนรู้จักวลีนี้เป็นอย่างกว้างขวางนั้นก็มีจากซีรี่ส์เกม Call of Duty โดยเมื่อเราใช้ปืนไรเฟิลซุ่มยิงหรือ Sniper Rifle สังหารได้ก็จะขึ้น Icon เป็นรูปเป้าคนถูกยิงพร้อมประโยคสุดเท่ที่กล่าวไว้ข้างต้นและมันก็ได้กลายเป็นทำเนียมที่ถูกใช้ในแต่ละภาคเรื่อยมาในโหมด Multiplayer จนถึง Call of Duty: Mobile ในปัจจุบัน  ในวันนี้ทางเรา  GameFever TH จะมาเจาะลึกปืนเจ้าของฉายา หนึ่งนัด, หนึ่งศพอย่างปืน DL Q33 ซึ่งได้มาตั้งแต่ช่วงต้นเกม มาดูกันอย่างลึกซึ่งว่า ทั้งค่า Status, การปรับแต่ง Attachment, การเปรียบเทียบต่างๆ นั้นมันมีความพิเศษอย่างไรบ้าง ================================================== ความเป็นมาของเจ้ายมทูตสังหาร ยิงหัวบานในนัดเดียว ปืนไรเฟิลซุ่มยิง DL Q33 เป็นปืนสมมุติที่มีต้นแบบมาจากปืนไรเฟิลซุ่มยิง "CheyTac Intervention" ซึ่งไอ้ปืนกระบอกนี้ปรากฎในซีรี่ส์เกม Call of Duty ครั้งแรกเลยก็คือภาค Modern Warfare 2 ,ภาค Call of Duty Online และภาค Modern Warfare Remastered จากนั้นก็ไปปรากฎตัวอีกครั้งในภาค Infinite Warfare โดยใช้ชื่อใหม่ว่า TF141 และล่าสุดก็โผล่มาใน Call of Duty: Mobile โดยมีการดัดแปลงรูปทรงปืนจนเกือบจะเหมือนเป็นปืนใหม่ พร้อมตั้งชื่อปืนใหม่ให้ว่า DL Q33 ในอย่างที่เราเห็นในเกมนั้นแหละ ตัว CheyTac Intervention ของจริงนั้น ใช้กระสุนขนาด .357 Chey Tac และขนาด .408 Chey Tac บรรจุได้ทั้งแบบ 5 นัด และ 7 นัด เนื่องจากด้วยความเท่และความที่หน้าตาของมันแแปลกประหลาดแล้ว มันก็เป็นปืนซุ่มยิงที่ถูกจับเอามาทำ meme มากที่สุดในช่วงที่เกม Call of Duty: Modern Warfare 2 กำลังฮิตในช่วงนั้นเลยล่ะ...หากใครทัน meme 360 no scope อ่ะนะ ค่า Status และขีดความสามารถของปืน DL Q33 ตัวกระบอกปืนของ DL Q33 จะได้ใช้มันเมื่อเลเวลผู้เล่นตั้งแต่เลเวล 1 นั้นหมายความว่า ฝึก Training เสร็จก็ได้ใช้มันฟรีๆ ไปเลย และในด้าน Status จุดเด่นที่เห็นเลยคือ ระยะการยิที่สูงมากจนน่าตกใจ โดยรายละเอียดมีดังนี้ ดาเมจ: 90 หน่วย - พลังการทำลายล้างสูงมาก มากเสียจนสามารถสังหารได้ในนัดเดียวในระดับเหนืออกขึ้นไป ความแม่นยำ: 60 หน่วย - ความแม่นยำอยู่ในระดับค่อนข้างสูงมากเมื่อเล็งยิงอยู่กับที่ ระยะการยิง: 90 หน่วย - นี่เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้ปืนนี้สังหารศัตรูจากระยะไกลได้โดยดาเมจไม่ลด อัตราการยิง: 15 หน่วย - ในด้านนี้ไม่ต้องพูดเยอะ เพราะเป็นการยิงแบบ Bolt Action มันเลยช้ามาก การเคลื่อนที่: 45 หน่วย - ปืนนี้ค่อนข้างหนัก เคลื่อนที่ช้าเอาเรื่อย แต่ก็ไม่ค่อยเป็นปัญหามากนัก กระสุน: 6 นัด/แมกกาซีน - หากแม่นจริงยิงแจกศัตรู 6 ตัวก็เหลือแล้ว แม้จะรีโหลดช้าตั้ง 3 วินาทีก็ตาม ปืนนี้เมื่อทำการเล็งยิง เป็นอะไรที่ค่อนข้างช้ามาก ใช้เวลาเล็งขึ้นกล้องอยู่ราวๆ เกือบ 1 วินาที โดยกล้องเล็งเดิมๆ ของมันมีระยะการซูมอยู่ที่ X4 ซึ่งกำลังการขยายสูงมาก มันเป็นข้อดีที่ทำให้เราโฟกัสศัตรูได้ง่ายผสมกับข้อเสียที่หากศัตรุอยู่ใกล้เกินไปก็เล็งไม่ถูกเหมือนกัน และเมื่อเล็งค้า่งไว้ เป้าจะเกิดการสวิงไปมาเป็น Pattern คล้ายๆ รูปเลข 8 ในแนวนอน ฉะนั้นการที่เราจะรีความสามารถของปืน DL Q33 ได้ดีที่สุดคือ กะด้วยสายตาก่อนเล็ง เพ่งไปกึ่งกลางศัตรู ให้อยู่ในระหว่างเป้าจากนั้นก็เล็ง เมื่อเล็งแล้วขอให้เล็งในระดับเหนืออกขึ้นไป จากนั้นก็... "TAKE-GO-BOOM!" รับรองมีศพโดยไม่ได้ร้องสักแอะแน่นอน ยิงเพื่อทีมหรือยิงเพื่อเท่ อยู่ที่ Attachment แม้ว่าปืนไรเฟิลซุ่มยิง DL Q33 จะดูเหมือนว่าเล่นพลิกแพลงอะไรไม่ค่อยได้ แต่จริงๆ ปืนนี้แหละตัวดี สามารถเล่นได้สองสไตล์ สองรูปแบบเลยก็คือ สไตล์ "ยิงเพื่อทีม" เน้นยิงไกล ยิงชัวร์ เน้นเก็บ Scorestreak เพื่อทีมในที่กำบัง กับ "ยิงเพื่อเทพ" ยิงพร้อมกับเพื่อนในแนวหน้า โชว์ความแม่นแบบ Quick Scope วัดกับศัตรูแบบไม่เกรงกลัวความตาย แต่เราจะพูดถึงสไตล์การเล่นแบบยิงเพื่อทีมก่อนว่าควรติด Attachment อะไรบ้าง หรับสายยิงเพื่อทีม เหมาะสำหรับอยู่แนวหลังในที่กำบังอันแสนอบอุ่น โดยใช้กล้องแบบ X4 เดิมๆ ฉะนั้นเรื่องกล้องเล็งไม่ต้องติดตั้งอะไร ใช้แบบนี้จะดีที่สุดเพราะเราต้องอาศัยกำลังการซูมของกล้องในการโฟกัสตำแหน่งวิถีกระสุนที่ไปกระทบตัวศัตรูได้อย่างแม่นยำนั้นเอง แต่ต้องระวังเรื่องการถูกลอบเข้าโจมตีด้วยเพราะเราแทบจะป้องกันตัวไม่ได้นอกจากปืนพก ส่วน Attachment ต้องยกให้เจ้านี่เลยคือ FMJ-SR ไว้สำหรับยิงศัตรูที่แอบหลังกำแพงบางๆ ผนังไม้ หรือวัตถุที่ยิงทะลุได้ ทำให้พวกมันหวาดกลัวและรู้ตัวว่า แม้แต่กำแพงก็ไม่ใช่ที่หลบซ่อน Attachment ตัวที่สองที่ควรติดตั้งคือ Extended Mag-SR เพิ่มจำนวนกระสุนจาก 6 นัด เป็น 8 นัด เท่ากับว่าเราจะได้เก็บศพศัตรูเพิ่มอีก 2 ศพก่อนเปลี่ยนซองกระสุนใหม่ ช่วยทีมได้มากกว่าเดิม Attachment อย่างสุดท้ายที่ควรติดคือ Stock-SR แต่จริงๆ...มันเหลืออย่างสุดท้ายที่เหมาะสมกับการติดมากกว่า เพราะอยู่ระยะไกล เราแทบไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร แต่จะให้ติด Suppressor มันก็ลดระยะหวังผล ส่งผลต่อดาเมจระยะไกลเปล่าๆ และ Fast Mag กับ Extended ไม่สามารถติดตั้งร่วมกันได้ด้วย สำหรับผู้เล่นสไตล์สาย "ยิงเพื่อเท่" เป็นสายที่ต้องมีความชำนาญในการเล่นปืนกระบอกนี้อย่างมาก เพราะมันคือการแบกสไนเปอร์ไปแนวหน้าแล้วซัดกับศัตรูแบบซึ่งๆ หน้าเสี่ยงดวงกันอย่างลูกผู้ชาย หากยิงตายก็ล่าศัตรูคนต่อไป หากยิงพลาดเราก็กลายเป็นศพ ตัดสินเพียงหนึ่งนัดเท่านั้น แต่หากใครที่ได้เล่นสไตล์นี้แล้วอาจจะติดใจก็ได้ หากคิดเล่นสายนี้ แนะนำให้ติด Tactical Scope-SR เสียทันที แม้กำลังการซูมจะลดลงเหลือ X2 แต่มันคือข้อดีเพราะเราจะไปยิงสู้กับศัตรูในระยะกลางและใกล้แทน จึงไม่จำเป็นต้องโฟกัสศัตรูอะไรมากนัก และลดความสวิงของกล้องลงเมื่อเล็งเวลานานๆ แถมเพิ่มความแม่นยำอีกเล็กน้อยด้วย Attachment ตัวแรกที่ควรติดเลยคือ Stock-SR เนื่องจากความคล่องตัวของปืนนี้ต่ำอยู่แล้ว การมีสิ่งนี้ช่วยก็ทำให้เราโยกซ้ายขวาได้ไวยิ่งขึ้น Attachment ตัวต่อมาที่ควรติดคือ Fast Mag-SR เพราะเมื่อเราเล่นบทลงมายิงนอกที่กำบัง ความไวในการรีโหลดกระสุนจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก หากยิ่งช้า โอกาสตายยิ่งสูง Attachment ตัวสุดท้ายที่คิดว่าน่าติดมากๆ คือ Suppressor ซึ่งลดระยะการยิงลง แต่แลกกับการยิงแล้วไม่ถูกพบใน minimap ซึ่งมันก็ไม่ใช่ข้อเสียร้ายแรงเพราะเราไม่ได้ยิงระยะไกล เราเอาปืนนี้วิ่งไปบวกในระยะกลางและใกล้ จึงแทบไม่มีผลเสีย มีแต่ผลดีด้วยซ้ำไป Perks เทพๆ ที่ใช้แล้วเทพสำหรับ DL Q33 Perks Set นี้ จะเป็นของสไตล์ "ยิงเพื่อทีม" กันก่อน ซึ่งอยู่ในระยะไกล ยิงในที่กำบัง ฉะนั้น Score ทุกแต้มส่งผลต่อทีมมาก จึงต้องใช้ Perk ที่เน้นปั่น Scorestreak ให้ได้ เรียกการสนับสนุนทางอากาศเพื่อพลิกสถานะการณ์ โดย Set ต่างๆ มีดังนี้ Perk ตัวแรกที่จะแนะนำเลยก็คือ Persistence ซึ่งทำให้ Scorestreak จะไม่ถูกรีเซ็ตเมื่อตายแลกกับการใช้เวลาเก็บมากกว่าเดิมสองเท่า แต่เราไม่ได้ค่อยปะทะอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลจุดนี้เท่าไหร่ แค่อย่าประมาทคิดว่าไม่มีใครย่องมาตลบหลังเราก็พอ Perk ตัวต่อมาที่แนะนำคือ Tracker มันจะทำให้เรามองเห็นรอยเท้าศัตรูเป็นเวลา 4 วินาที ทำให้เราเลือกตำแหน่งซุ่มยิงที่ปลอดภัยที่สุดหรือแกะรอยเพื่อดักและสังหารได้ด้วย Perk ตัวสุดท้ายที่ควรติดตั้งคือ Hardline เพื่อเพิ่ม Score ที่เราได้มากขึ้น 25% ใช้เป็นตัวลดข้อเสียของ Perk ที่ชื่อว่า Persistence ได้อีกทางหนึ่งด้วย มาต่อกันกับ Perks Set ของสาย "ยิงเพื่อเท่" กันบาง สายนี้พูดตรงๆ อาจจะยิงสู้ในระยะใกล้ได้ลำบาก เว้นแต่ว่าเจ๋งจริง ยิงคมกว่าซึ่งมันก็มีอยู่น้อยคน เนื่องจากการปะทะมันวัดแบบว่า นัดนี้จะโดนหรือจะจอด จึงต้องอาศัยการใช้ Perk ที่เสริมการตอบสนองต่อการยิงของผู้เล่นให้มากขึ้นเพื่อเสริมแกร่งให้จุดนี้ Perk แรกที่ควรแนะนำให้ใส่ก็ไม่พ้น Perk สามัญประจำบ้านอย่าง Agile ที่เพิ่มความเร็วในการวิ่งแล้วเล็งยิง 85% เพิ่มโอกาสชนะในการปะทะแบบซึ่่งๆ หน้าด้วย Perk ที่สองที่แนะนำก็ยังคงเป็น Tracker เช่นเคย แต่ใช้สำหรับเพื่อตรวจหาตำแหน่งศัตรูว่าพวกมันไปทางไหนแล้วดักยิงหรือหลีกเลี่ยงการปะทะก็ทำได้เช่่นกัน Perk สุดท้ายที่แนะนำเลยก็คือ Dead Silence เป็น Perk สามัญประจำบ้าน เอาไว้หากินสำหรับพวกสายบวก สายบู๊ เพราะจะทำให้การเคลื่อนที่ของผู้เล่นนั้นเงียบลงและศัตรูจะฟังเสียงเท้าของเราได้ยากขึ้น ================================================== ทั้งหมดนี้คือเจาะลึกอาวุธปืนไรเฟิลซุ่มยิง DL Q33 ของเกม Call of Duty: Mobile ซึ่งจุดเด่นของมันเลยก็คือ หนึ่งนัด, หนึ่งศพ สมคำร่ำลือของมันเลยล่ะ แต่ต้องยิงระดับเหนืออกขึ้นไป ข้อเสียคือ หากยิงช่วงช่องท้อง, แขน, ขา อาจจะไม่ทำให้ตายภายในนัดเดียว ก็ต้องซ้ำด้วยปืนพกอีกที บทความต่อไปจะเป็นการเจาะลึกปืนไรเฟิลจู่โจมอีกหนึ่งกระบอกที่มีประวัติอยู่คู่กับประวัติศาสตร์บนโลกใบนี้มาอย่างยาวนาน นั้นคือ AK-47 กันบ้าง หากบทความดีๆ ก็อย่าลืมติดตามข่าวสารจากทาง GameFever TH อย่างใกล้ชิดล่ะ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
16 Oct 2019
ไกด์ Call of Duty: Mobile ปืน M4 มีดีที่สมดุลทุกด้าน ยิงสังหารทุกระยะ
หลังจากที่เหล่าทหารหน้าใหม่หลายท่านได้อ่านตำรา 5 Step ของเราไปแล้วซึ่งนั้นเป็นแค่พื้นฐานเท่านั้น บทความต่อจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นการเจาะลึกปืนทุกกระบอก ทั้งเกร็ดความรู้ ประวัติความเป็นมา, ขีดความสามารถ, Patern Recoil, Attachment และ Perk ที่ควรจะส่วมใส่ซึ่งทางเรา GameFever TH จะขอเริ่มกับปืนกระบอกแรกที่เป็นปืนพื้นฐานให้กับเหล่าทหารตั้งแต่เริ่มเกม จะเป็นกกระบอกไหนไม่ได้นอกเสียจากปืนไรเฟิลจู่โจม M4 นั้นเอง เรามาเจาะลึกกันดีกว่าว่ามีจุดเด่นจุดด้อยอะไรบ้าง ================================================== ประวัติของปืน M4 ที่สานต่อความสำเร็จจากรุ่นพี่ M16 ปืนไรเฟิลจู่โจม M4 มีประวัติที่เป็นการต่อยอดความสามารถเร็จจากรุ่นพี่ M16A2 ภายใต้ชื่อว่า XM4 ที่ได้ต้นแบบจากปืนไรเฟิลจู่โจม M16A2 ให้มีน้ำหนักเบาลง, ลำกล้องสั้นลง, พานท้ายยืดหดได้เหมือนกับเจ้า XM177E2 โดยเจ้า XM4 ผลิตตัวต้นแบบออกมาในปี ค.ศ 1984 และถูกใช้งานทดสอบในปี 1985 และได้มีการปรับปรุงรูปทรงและกลไกภายในมาตลอดจนกระทั่งปี 1991 ก็ได้เสร็จสมบูรณ์พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น M4  จากนั้นทางกองทัพสหรัฐฯ ก็ได้นำเจ้า M4 เข้าประจำการในปี 1994 จนปัจจุบัน ซึ่งตัวมันก็ได้ผ่านมาหลายสมรภูมิและความน่าเชื่อถือมีสูง จึงเป็นปืนไรเฟิลจู่โจมคู่บุญของกองทัพสหรัฐฯนับตั้งแต่นั้นมา แท้จริงแล้วปืน M4 ในเกม Call of Duty: Mobile มันคือปืน M4A1 เพราะของจริงนั้น ปืน M4 ไม่สามารถยิงแบบ Full Auto ได้ ขอให้เข้าใจว่าปืน M4 มันก็คือ M4A1 แต่เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและสับสนจึงขอเรียกชื่อตามเกมว่า M4 จ้า ค่า Status และขีดความสามารถของปืน M4 ตัวกระบอกปืนของ M4 เราจะได้ใช้มันเมื่อเลเวลผู้เล่นขึ้นเป็นเลเวล 2 และในด้าน Status นั้นจะออกค่อนข้างไปทางสมดุล เน้นความแม่นยำและแรงถีบที่ไม่สูงนักโดยข้อมูลต่างๆ มีดังนี้ ดาเมจ: 45 หน่วย - พลังการทำลายค่อนข้างไปทางต่ำ แต่หากโดนจังๆ ก็สามารถสังหารศัตรูได้ภายใน 4-6 นัด ความแม่นยำ: 70 หน่วย - เป็นปืนที่มีความแม่นยำสูง เลยไม่มีปัญหาเรื่องกการยิงสู้จากกระยะกลางและไกล ระยะการยิง: 45 หน่วย - แม้ปืนจะมีค่าแม่นยำสูงแต่ระยะการยิงก็ไม่ได้ไกลนัก ดาเมจระยะไกลก็จะค่อนข้างเบา อัตราการยิง: 60 หน่วย - อัตราการยิงถือว่าเร็วพอสมควรและถือว่ากำลังดีสำหรับปืนกระบอกนี้ การเคลื่อนที่: 60 หน่วย - ถือว่าปืน M4 กระบอกนี้ไม่ได้หนักเกินไปนัก วิ่งยิงก็ทำได้จนน่าพอใจ กระสุน: 30 นัด/แมกกาซีน - ไม่เยอะเกินไปและน้อยเกินไป หนึ่งแมกกาซีนสามารถสังหารคนได้อย่างน้อย 2-3 คน เมื่อเรานำมาทดสอบการยิงเพื่อดู Partern Recoil แบบไม่ติด Attachment นั้นขอบอกเลยว่าเป็นปืนที่ไม่ดีดจนเกินไปและกลุ่มกระสุนเกาะกลุ่มค่อนข้างดีมากๆ ศูนย์เล็งเดิมๆ หรือ iron sight นั้นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเกะกะสายตาแต่อย่างใด ทว่าก็มีข้อสังเกตุเลยก็คือ มันจะมีความแม่นยำภายใน 10 นัดแรกเมื่อเรายิง Full Auto พอนัดที่ 11 เป็นต้นไปปืนก็จะเริ่มส่ายเบี่ยงออกซ้ายขวามากขึ่น ความแม่นยำลดลงอย่างเห็นได้ชัด หากยิงต่อสู้ในระยะไกล แนะนำว่าให้ยิงแบบเป็นชุดๆ จะหวังผลได้ดีที่สุด ส่วนระยะกลางนั้นขอให้บังคับและเล็งไปยิงให้โดนศัตรูไปเลย รับรองเก็บ Kill ได้แน่นอน และระยะใกล้นั้นขอให้เล็งแล้วเน้นยิงไปที่ช่วงเหนืออกขึ้นไป เนื่องจากดาเมจค่อนข้างต่ำอาจจะสู้กับศัตรูที่ถือปืน SMG หรือปืนที่มีดาเมจแรงๆ ลำบาก ฉะนั้น ปืนไรเฟิลจู่โจม M4 จึงเหมาะเป็นปืนที่ยิงต่อสู้ในระยะกลางเป็นหลัก เพราะด้วยความแม่นยำและแรงถีบไม่สูงนัก แม้จะไม่ได้ติด Attachment อะไรเลยก็สามารถสังหารศัตรูได้อย่างไม่ยากเย็น แม้ว่าจะสามารถยิงสู้ได้ทุกระยะก็ตามแต่มันก็อาจจะดึงประสิทธิภาพได้ไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ Attachment ตัวไหน ใช้แล้วปืนจะเทพขึ้น เนื่องจากปืนไรเฟิลจู่โจม M4 นั้นมีขีดความสามารถค่อนข้างกลางๆ มีจุดเด่นคือยิงต่อสู้ได้ทุกระยะ จึงทำให้สามารถติดตั้ง Attachment ได้หลากหลายตามแต่สถานะการณ์ ซึ่งจะขอแบ่งรูปแบบการติดตั้ง Attachment ไว้สองแบบคือ เน้นจู่โจมกับเน้นยิงหวังผล โดยเราจะขอพูดถึงสไตล์การเน้นยิงจู่โจมก่อน ซึ่งข้อดีของมันคือ ตอบสนองการยิงสู้ได้รวดเร็ว แถมไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ปวดหัวนัก แต่ข้อเสียก็คือ ดาเมจอาจจะสู้กับปืนบางกระบอกไม่ได้ในระยะใกล้เกินไป จะต้องฝึงการยิงระดับเหนืออกให้ชำนาญ มาพูดถึงกล้องเล็งกันก่อน หากใครชื่นชอบบุกตลุยฝ่าดงกระสุน วิ่งไปบวกแบบะไม่เกร็งกลัวใครก็จะขอแนะนำให้ติดตั้งกล้อง Red Dot ซึ่งทำให้การเล็งผ่านจุดแดงได้ดี โฟกัสเป้าหมายได้ง่าย แต่่มุมมองการเล็งผ่าน Red Dot นี้อาจจะแคบไปเสียหน่อย หรือหากรู้สึกว่า Red Dot มุมมองการเล็งค่อนข้างแคบก็ขอแนะนำ Holo Sight ซึ่งทำให้มุมมองการเล็งกว้างขึ้น แต่โฟกัสเป้าหมายอาจจะลำบากเสียเล็กน้อยเพราะมีวงกลมซ้อนเป้ากึ่งกลางอยู่นั้นเอง ส่วนตัวชอบใช้ Holo Sight มากกว่าเพราะมุมมองกว้าง แม้จะโฟกัสให้เป้าเล็งเข้าตรงกลางลำบาก แต่เราไม่ได้ยิงสู้ระยะไกล จึงมองว่ามันไม่ใช่ข้อเสียสำหรับเรื่องนี้ ขอให้เป้าวงกลางเล็งไปทางศัตรูก็เป็นอันใช้ได้ ในด้าน Attachment ของสายจู่โจม อย่างแรกที่ควรติดเลยก็คือ Stock-AR ที่เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ขณะเล็งอยู่ ส่งผลให้เวลาต่อสู้เราจะพลิ้วไหวมากขึ้น Attachment อย่างที่สองที่ควรติดเลยก็คือ Quickdraw-AR ที่เพิ่มความเร็วในการเล็งยิงมากขึ้น แน่นอนว่าใครยิงใส่ได้ก่อนย่อมได้เปรียบ จึงเหมาะมากสำหรับสายจู่โจมแบบนี้ Attachment อย่างสุดท้ายที่แนะนำเลยคือ Fast Mag-AR ที่จะทำให้เรารีโหลดกระสุนไว้ขึ้น เพราะเมื่อเรากระสุนหมด จะเป็นช่วงที่อันตรายและยากจะป้องกันตัวเพราะปืนทุกกระบอกจะมีระยะเวลาการรีโหลดค่อนข้างนาน เมื่อเรามี Fast Mag-AR จะช่วยกลบข้อด้อยในส่วนนี้ได้อย่างดี ทีนี้ก็มาถึงสายเน้นยิงหวังผล ซึ่งข้อดีของสายนี้คือ มีความแม่นยำสูง ยิงหวังผลระยะกลางและไกลได้ค่อนข้างดี ไม่เน้นการปะทะซึ่งๆ หน้า แต่หากเจอกับศัตรูระยะใกล้ก็อาจจะเสียเปรียบพอสมควร เหมาะสำหรับสายสนับสนุนยิงจากแถวสองหรือแนวหลังหรือเน้นยิงจากที่มั่นดีๆ สักที่ มาดูกันว่า Attachment ที่ควรติดมีอะไรกันบ้าง กล้องเล็งสำหรับสายเน้นหวังผลก็คงไม่พ้น Tactical Scope-AR ที่มีกำลังซูม 2 เท่า ทำให้เรายิงต่อสู้ในระยะกลางและไกลได้ดียิ่งขึ้น โฟกัสตัวศัตรูได้ง่ายขึ้นด้วย Attachment อย่างแรกที่ควรติดไว้เลยก็คือ Full Metal Jacket-AR หรือ FMJ-AR ที่สามารถยิงทะลุที่กำบังได้เช่น กำแพง, ผนังไม้, ซากยานพาหนะต่างๆ ซึ่งเป็นอะไรที่น่ากลัวเอามากๆ Attachment อย่างที่สองเลยก็คือ Foregrip-AR ด้ามจับที่จะช่วยลด Recoil ในการยิงถือว่าควรติดไว้เพราะเมื่อเรายิงจากระยะกลางขึ้นไป จำเป็นต้องยิงหวังผลให้โดนศัตรูมากยิ่งขึ้น การคุม Recoil ได้ดีขึ้นก็ย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว Attachment อย่างสุดท้ายที่จะแนะนำสำหรับสายยิงหวังผลนี้คือ Laser Sight-AR ที่นอกจากเพิ่มความแม่นยำในการยิงแบบ Hip Fire แล้ว ยิงช่วยเพิ่มความแม่นยำตอนเล็งยิงอีกเล็กน้อยด้วย แม้ว่าจะเล็กน้อยแต่ก็ส่งผลต่อการใช้งานเช่นกัน Perks อะไรที่เข้ากับปืน M4 ได้ดีที่สุด Perks หรือสกิลติดตัวในเกมก็มีความสามารถแตกต่างกันออกกไป และบาง Perk ก็ส่งผลทำให้ปืนที่เราใช้นั้นดูโหดขึ้นอีกด้วย ฉะนั้น Perks ที่เหมาะกับปืน M4 นั้นจะขอแบ่งออกเป็นสองสไตล์เหมือนเดิมนั้นคือ สายจู่โจมและสายยิงหวังผล โดยจะเริ่มจากสไตล์เน้นจู่โจมก่อน Perk ตัวแรกสำหรับสายจู่โจมที่ควรใช้เลยคือ Agile ที่ทำให้เวลาเราวิ่งอยู่ จะเล็งยิงไวขึ้น 85% เพราะปกติเวลาวิ่งแล้วเจอศัตรู จะทำการเล็งยิงแบบทันทีค่อนข้างช้า เมื่อมี Perk ตัวนี้แล้ว หากเจอเจอกันในระยะใกล้หรือเจอกันในมุมต่างๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ จะทำเรายิงใส่ศัตรูได้ทันท่วงที Perk ที่สองที่แนะนำเลยคือ Vulture ซึ่งสามารถเก็บกระสุนจากศพศัตรูได้ทุกตัว หมดกังวลเรื่องกระสุนเอาไว้ยิงสู้ไม่เพียงพอ เพราะเราจะมีเหลือเฟือให้ยิงสู้จนตายกันไปข้างเลยล่ะ Perk สุดท้ายของสายจู่โจมที่ควรติดไว้เลย ขอแนะนำ Dead Silence ที่ทำให้เสียงฝีเท้าขณะเคลื่อนที่ของนั้นเงียบลง เหมาะสำหรับเข้าไปบุกทะลวงหรือลอบโจมตีแบบไม่ให้ศัตรูรู้ตัว ถือเป็นอีกหนึ่ง Perk คุณภาพที่ควรติดไว้และใช้ได้ดีกับปืนหลายๆ กระบอกที่เน้นการจู่โจมเป็นหลัก สำหรับสายเน้นยิงหวังผล ไม่เน้นวิ่งไปบวก ขอแนะนำ Perk แรกด้วย Presistence ซึ่งจะทำให้ Scorestreak ของเราจะไม่ถูกรีเซ็ตเมื่อเราตาย แต่ก็แลกกับการเก็บ Scorestreak มากขึ้่นนั้นเอง หากมองในแง่ดีแม้ว่าจะเก็บแต้มเรียกการสนับสนุนทางอากาศยากกไปเสียหน่อย แต่ดีกว่าตายแล้วต้องนั่งเก็บใหม่ Perk ที่สองสำหรับสายยิงหวังผลจะขอแนะนำ Ghost ที่จะทำให้เราไม่ถูกก UAV หรือสิ่งที่ทำให้เราถูกมองเห็นจากทางอากาศได้ ลดการถูกยิงสวนและศัตรูกก็จะหาตัวเรายากขึ้น Perk สุดท้ายสำหรับสายยิงหวังผลที่จะแนะนำคือ Hardline ที่นอกจากจะเพิ่ม Score ในการสังหารศัตรูมากขึ้น 25% ก็ยังช่วยกลบจุดด้อยของ Perk Presistence ที่ต้องใช้เวลาในการเก็บ Scorestreak อีกด้วย ================================================== ทั้งหมดนี้คือเจาะลึกอาวุธ M4 ของเกม Call of Duty: Mobile ซึ่งโดยสรุปแล้วปืนไรเฟิลจู่โจมกระบอกนี้มีดีที่ความแม่นยำสูง ยิงสู้ได้ทุกระยะ หวังผลระยะกลางได้ดีที่สุด ขอให้จับเป้าให้โดนยังไงก็มีศพ แต่ดาเมจค่อนข้างต่ำทำให้ยิงสู้ในระยะใกล้แล้วเจอกับศัตรูที่ใช้ปืนดาเมจสูงๆ หรืออัตราการลั่นสูงๆ ลำบาก และหากกดรัวหมดแม็กกาซีน วิถีกระสุนก็จะเริ่มเบี่ยงซ้ายขวา ความแม่นยำจะหายไปพอสมควร ยังไงก็ลองเอาไปปรับใช้ได้ตามใจชอบเลย บทความต่อไปจะเป็นการเจาะลึกปืน PDW 5.7 กันบ้าง อย่าลืมติดตามข่าวสารจากทาง GameFever TH อย่างใกล้ชิดล่ะ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
15 Oct 2019
ไกด์ Call of Duty: Mobile เจาะลึกปืน PDW57 ปืนกลมือพันธุ์ดุ ลูกดก ยกเล็งมีตาย
หลังจากบทความก่อนหน้าที่ได้เจาะลึกปืนไรเฟิลจู่โจมอย่าง M4 ที่เป็นปืนเริ่มต้นแต่คุณภาพคับตัวกันไปแล้ว บทความนี้ทาง GameFever TH จะมาเจาะลึกถึงปืนกลมืออีกกระบอกที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าดีที่สุดในขณะนี้อย่างปืนกลมือ PDW- 57 นั้นเอง  มาดูกันว่าทั้งประวัติความเป็นมา, ค่าสถานะ, ขีดความสามารถ, Attachment และ Perks ว่าตัวไหนจะเหมาะสมกับปืนนี้กัน ================================================== น้ำหนักเบาและอำนาจการทะลุทะลวง ผสมผสานเป็นหนึ่ง ที่จริงแล้วปืนกลมือกระบอกนี้เป็นปืนสมมุติที่ออกแบบมาจากพื้นฐานของปืน "FN P90" โดยเจ้าปืน PDW-57 ปรากฎตัวครั้งแรกในเกม Call of Duty: Black Ops 2 จัดอยู่ในหมวดปืนกลมือหรือ Sub-Machine Gun ซึ่งข้อดีของมันคือกระสุนบรรจุได้เยอะถึง 50 นัด, ดาเมจในระยะต่ำกว่า 5 เมตรถือว่าแรงพอตัว และอัตราการยิงค่อนข้างสูง แม้ว่าการคุมปืนจะลำบากสักนิดแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเมื่อเข้ายิงในระยะใกล้ จึงทำให้เป็นปืนที่ถูกยกย่องว่า OP สุดๆ และเมื่อการมาของ Call of Duty: Mobile ปืน PDW-57 ก็ได้ถูกบรรจุเข้ามาในเกมด้วยและยังคงความ OP เช่นเคย จนผู้คนในเกมส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากปะทะกับผู้ใช้ปืนนี้ในระยะใกล้มากนักเพราะมันแรงจนน่ากลัวยังไงล่ะ ค่า Status และขีดความสามารถของปืน PDW-57 ตัวกระบอกปืนของ PDW-57 จะได้ใช้มันเมื่อเลเวลผู้เล่นขึ้นเป็นเลเวล 80 ซึ่งกว่าจะปลดล็อคนี่เล่นกันเป็นเดือนๆ แต่โชคดีหน่อยสำหรับผู้ลงทะเบียนล่วงหน้าก็จะได้กระบอกนี้มาใช้ฟรีๆ ไปเลย และในด้าน Status นั้นเน้นดาเมจที่สูงมาก แต่ความแม่นยำต่ำและระยะหวังผลที่สั้น โดยมีข้อมูลดังนี้ ดาเมจ: 90 หน่วย - พลังการทำลายสูงมากๆ เมื่ออยู่ในระยะใกล้ต่ำกว่า 5 เมตร อาจจะมีศพได้ภายใน 3 นัดเลยทีเดียว ความแม่นยำ: 40 หน่วย - ปืนนี้ความแม่นยำค่อนข้างต่ำ การยิงจากระยะกลางขึ้นไปทำได้ไม่ค่อยดีนัก ระยะการยิง: 25 หน่วย - แม้ปืนจะมีดาเมจสูง แต่หากยิงต่อสู้ในระยะไกลกว่า 5 เมตร ดาเมจของปืนนี้จะลดลงมาก อัตราการยิง: 50 หน่วย - อัตราการยิงถือว่ากลางๆ ไม่เร็วและไม่ช้าจนเกินไป การเคลื่อนที่: 75 หน่วย - ถือว่าปืน PDW-57 มีน้ำหนักเบาเอาเรื่อง ถือไปวิ่งไปพริ้วแน่นอน เอาใจสายบู๊แนวหน้า กระสุน: 50 นัด/แมกกาซีน - นี่เป็นจุดเด่นของปืนนี้ที่มีกระสุนเยอะ หนึ่งแมกกาซีนสามารถฆ่าคนได้ราวๆ 3-4 คน ในด้าน Parturn Recoil ต้องขอบอกเลยว่าเป็นปืนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เหมือนกับผีเข้าผีออก เพราะนอกจากยังส่ายซ้ายขวาและแรงถีบที่ดีดพอตัวแล้ว กลุ่มกกระสุนจะออกเยื้องซ้ายบ้าง ขวาบ้าง แล้วแต่ดวงจะนำทางเราไป เพราะมันชอบสุ่มกลุ่มกระสุนให้เบี่ยงซ้ายบ้าง ขวาบ้างเนี่ยแหละเลยเป็นข้อเสียที่เราคาดเดารูปแบบวิถีกระสุนยาก ฉะนั้นการยิงหวังผลในระยะกลางหรือตั้งแต่ 10 เมตรเป็นตัวไปก็แทบจะยิงไม่ค่อยโดนแล้ว แต่เมื่อเราคาดเดามันไม่ได้ ก็ยิงอัดใส่ระยะใกล้ไปเลย โดยเฉพาะระยะต่ำกว่า 5 เมตร เมื่อเอาปืนนี้ไปทดลองยิงศัตรูในระยะใกล้ ต่ำกว่า 5 เมตรแบบชุดศูนย์เล็งเปิดและเริ่มยิงระดับเหนืออกเลยเข้าหัว ยังไงก็มีศพภายใน 3 นัด หากยิงช่วงช่องท้องก็อาจจะ 4 นัด หากยิงในระยะไกลกว่า 5 เมตรเมื่อไหร่ก็อาจจะต้องยิงมากถึง 6-7 นัดเพื่อฆ่าศัตรูหนึ่งคน ซึ่งยังไม่นับความพยศของมันและความแม่นยำที่ต่ำจนปวดใจ การยิงระยะใกล้แบบนี้การใช้ศูนย์เล็งเปิดก็ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ เว้นยิงไกลๆ จะเริ่มรู้สึกว่า ควรใช้กล้องเล็งเถอะ Attachment เซ็ตนี้ ต้องมีติดไว้ เนื่องจากว่าปืนกลมือ PDW-57 มีปัญหาเรื่องผีเข้าผีออกจากวิถีกลุ่มกระสุน ขอให้เราข้ามจุดนั้นไปเพราะปืนนี้ต้องเล่นสไตล์บู๊แหลก ฝ่าทะลวง เป็นตัวล้วงให้กับทีมด้วยกระสุนที่เยอะและดาเมจที่สูง ใช้ข้อได้เปรียบเหล่านี้เป็นหลักเพื่อจะได้มีชัยในทุกสมรภูมิ กล้องเล็งที่ทางเราจะแนะนำเลยก็คือ Red Dot Sight เพราะจะทำให้การโฟกัสไปที่ศัตรูจะตอบสนองได้รวดเร็วกว่า และไม่มีอะไรบดบังทัศนวิศัย ต้องเน้นการทำเกมไวถึงจะสามารถเข้าขากับปืนนี้ได้เป็นอย่างดี Attachment ตัวแรกที่ควรติดตั้งต้องยกให้ Quickdraw-SMG ทำให้เวลาเราเล็งยิงใส่ศัตรูทำได้รวดเร็วขึ้น แม้จะต่างกันเสี้ยววินาทีแต่ก็สามารถชี้เป็นชี้ตายได้เลยทีเดียว Attachment ตัวต่อมาที่ควรติดคือ Stock-SMG จะทำให้เวลาเคลื่อนที่รวดเร็วขึ้นขณะเล็งเพิ่มโอกาสโยกหลบกระสุนศัตรูได้ด้วยนะ และยังทำให้ศัตรูยิงเราลำบากกว่าเดิมด้วย Attachment ตัวสุดท้ายที่แนะนำให้ใส่เลยก็คือ Foregrip-SMG เนื่องจากปืนค่อนข้างดีดและเอาแน่เอานอนไม่ได้ จึงต้องติดตั้ง Foregrip เอาไว้เพื่อลดข้อเสียของปืนลง อย่างน้อยก็คุมปืนได้ง่ายขึ้นแม้จะไม่มากเท่าไหร่ก็ตาม Perks ที่เข้าขากับ PDW-57 ได้ดีที่สุด Perk แรกที่ทางเราแนะนำเลยมันคือ Perk สามัญประจำบ้านที่ควรติดตั้งไว้เพราะมันใช้ได้เกือบทุกกระบอกนั้นก็คือ Agile ที่เพิ่มความเร็วขณะวิ่งแล้วเล็งยิงมากถึง 85% เพราะปกติแล้วในตัวเองหากเรากำลังวิ่งแล้วเจอศัตรูแบบกระสุนทัน พอเราจะเล็งมันจะค่อนข้างช้า Perk นี้จะเป็นการกลบจุดด้อยนี้ออกไป หมดกังวลเรื่องยิงสู้ใครไม่ทัน Perk นี้เป็น Perk ที่สำคัญสำหรับสายบุกทะลวง นั้นก็คือ Toughness ซึ่งเวลาเราถูกยิงตัวเราจะชะงักและตกเป็นเป้าได้ การมี Perk นี้ติดตัวทำให้ลดอาการชะงักลงได้มากถึง 60% เพิ่มอัตราการเอาตัวรอดในสนามรบที่ไม่ควรมองข้าม อีกทั้งปืน PDW-57 นั้นมีกระสุนเยอะอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ Perk Vulture แต่อย่างใด Perk สุดท้ายที่เป็น Perk ทำมาหากินของใครหลายคนก็คือ Dead Silence ที่จะลดเสียงฝีเท้าขณะเคลื่อนไหว ทำให้ศัตรูระบุตำแหน่งของเรายากขึ้น เพิ่มโอกาสลอบสังหารนั้นเอง ================================================== ทั้งหมดนี้คือเจาะลึกอาวุธปืน PDW-57 ของเกม Call of Duty: Mobile ซึ่งจุดเด่นของมันเลยก็คือ ดาเมจที่รุนแรงในระยะใกล้, เคลื่อนที่ได้รวดเร็วเพราะปืนมีน้ำหนักเบาและกระสุนที่มีมากถึง 50 นัด แต่เพื่อยิงสู้ในระยะกลาง ดาเมจจะตกลงมาอย่างมาก ยังไงก็ลองปรับใช้กันดูนะ นี่เป็นเพียงแค่แนวทางการใช้อาวุธปืนนี้เท่านั้น บทความต่อไป เราจะมาเจาะลึกปืนซุ่มยิง DL Q33 เจ้าของฉายา หนึ่งนัด,หนึ่งศพ กันบ้าง อย่าลืมติดตามข่าวสารจากทาง GameFever TH อย่างใกล้ชิดล่ะ ไว้เจอกัน! สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
15 Oct 2019
ไกด์ Auto Chess | ดวงไม่ดีทำไง? แก้แค้นด้วยแผน Lose Streak
สิ่งสำคัญที่สุดในการเล่น Auto Chess อย่างหนึ่งคือการเก็บเงิน แต่ละคนก็จะมีวิธีการเก็บที่แตกต่างกันออกไป แต่วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มารู้จักกับแผนการ Lose Streak แกล้งแพ้ เพื่อพลิกชนะ   Lose Streak คืออะไร การได้รับเงินโบนัสจากการแพ้ หรือชนะต่อเนื่อง จะได้รับเงินในอีกรอบนึงของผลการแข่งขัน หากเราสามารถสร้างสถิติต่อเนื่องได้ ยกตัวอย่างเช่น ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 1 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 0 : ยังไม่ได้รับเงิน ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 2 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 1 : ยังไม่ได้รับเงิน ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 3 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 2 : ได้รับเงิน 1 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 4 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 3 : ได้รับเงิน 1 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 5 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 4 : ได้รับเงิน 2 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 6 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 5 : ได้รับเงิน 2 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 7 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 6 : ได้รับเงิน 3 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 8+ = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 7+ : จะได้รับเงิน 3 เหรียญทอง ไปตลอด หาก ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง = 0 : จะได้รับเงิน 0 เหรียญทอง ทันทีในรอบนั้น เพราะงั้นไม่ว่าจะแพ้ หรือชนะต่อเนื่อง โบนัสตรงนี้จะได้เหมือนกัน   ทำไมต้องใช้ Lose Streak การเก็บ Lose Streak ง่ายกว่า Win Streak เพราะว่าการจะทำให้กระดานของเราชนะตลอดเวลา จำเป็นต้องดวงดี ได้ตัว 2 ดาวหลายตัวตั้งแต่เริ่มเกม หรือ ใช้เงินในการ Reroll มาสู้กับคนอื่น แต่ถ้าดวงเราไม่ดี Reroll ไม่ขึ้นแล้วล่ะก็ การเล่นแบบ Lose Streak นี่แหละคือคำตอบ แม้ฟังแล้วอาจจะดูเหมือนมีแต่เสียกับเสีย เพราะถ้าแพ้เลือดก็ลด พอเลือดหมดเราก็ตาย แต่เอาเข้าจริงการปล่อยให้เสียเลือดบ้าง แล้วค่อยกลับมาพลิกชนะก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบางสถานการณ์ หากใครยังไม่เคยลองวิธีนี้ก็แนะนำว่าควรจะลองดูซักครั้ง อาจจะได้เทคนิคใหม่ๆ มาเล่นก็ได้     แล้วเราจะเริ่มเก็บ Lose Streak ได้อย่างไร? ควรเริ่มทำในเทิร์นที่ 6 หลังจากแพ้มา 2 ครั้งแล้ว ไม่ควรตั้งใจทำแต่เริ่ม เพราะการชนะเป็นสิ่งที่ดีกว่าอยู่แล้ว ควรทำต่อเมื่อเราตั้งต้นการเล่นได้ไม่ค่อยดี ทั้งนี้เราจะหยุดทำ Lose Streak ก็ต่อเมื่อ: เลือดน้อยกว่า 40-50 เงินมากกว่า 50 ชนะศัตรู เข้าสู่เทิร์นที่ 16 ถ้าเกิดว่าเข้าเงื่อนไข อย่างนี้ไม่ควรฝืนทำ Lose Streak ต่อ ควรจะเก็บเลือดที่มีเอาไว้ท้ายเกม   จะพลิกกลับมาชนะได้อย่างไร? แม้ว่าจะบอกให้เก็บเงิน แต่การจะพลิกกลับมาได้ เราก็ต้องมีตัวคอมโบที่สามารถพลิกเกมกลับมาได้เช่นกัน ในช่วงที่เราเก็บเงินนั้น ให้เราซื้อตัวละครที่เราจะเล่นเพื่อพลิกเกมเก็บไว้ด้วย โดยคอมโบที่ใช้พลิกเกมในเมต้านี้ จะขอแนะนำ 2 อันคือ 6 Mage และ 6 Knight เพราะค่อนข้างจะเก่งมาก และมีความมั่นคงเป็นอย่างมากในช่วง กลางไปจนถึงท้ายเกม ถ้าทำคอมโบติดแล้วมีตัว 2 ดาวหลายตัวน่าจะผ่านไปได้สบายๆ ที่สำคัญเลยคือ ต่อให้เราแพ้ แต่ก็ต้องพยายามกำจัดฮีโร่ฝ่ายศัตรูให้ได้มากที่สุดเพราะจะได้ไม่โดนดาเมจมาก   ข้อควรระวัง ระวังคนที่ทำ Lose Streak เหมือนกับเรา คอยสังเกตประวัติการต่อสู้ดีๆ ว่าเคยสู้กันมาแล้วหรือไม่ หากเราเผลอไปชนะ เราจะเสียประโยชน์อย่างมากเพราะจะเสีย Lose Streak ไม่ได้การันตีชนะเสมอไป การทำ Lose Streak ทำให้มีเลือดเหลือน้อย อาจจะไม่พอให้ชนะเกมได้ แย่สุดอาจจะแพ้เป็นคนแรกก็ได้ จึงมีความเสี่ยง ควรฝึกฝนให้ชำนาญ อย่าลืมอัพเลเวลเพราะเราจะเน้นที่ท้ายเกม การเก็บเงินได้ก่อนจะทำให้เรามีกระดานที่เลเวลนำคนอื่น การแพ้ชนะครีปไม่มีผลต่อ Lose Streak ของเรา ดังนั้นในช่วงที่เจอครีป เราควรชนะเพื่อไอเท็มและไม่เสียเลือดอีกด้วย
27 Jun 2019
ไกด์ DOTA Underlords | 5 ข้อที่มือใหม่ควรรู้ก่อนเล่น
เกม DOTA Underlords อาจดูเหมือนเป็นเกมที่เน้นการพึ่งฮีโร่เก่งๆ ดาเมจแรงๆ เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ ทว่าเอาเข้าจริงแล้วตัวเกมกลับต้องอาศัยการวางแผนพอสมควร เพราะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อรูปเกม ทั้งจำนวนยูนิต ฮีโร่ที่เลือกใช้ เอฟเฟกต์ของประเภทฮีโร่ หรือแม้แต่กระทั่งเรื่องเงิน ดังนั้น GameFever จะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับระบบของเกมและสิ่งที่ผู้เล่นมือใหม่ควรรู้ก่อนเริ่มลุยศึก 1.ทำความเข้าใจการคำนวณดาเมจของเกม DOTA Underlords เป็นเกมที่เราและผู้เล่นอีก 7 คน (รวมแล้วมีผู้เล่น 8 คน) แข่งขันกันด้วยการวางฮีโร่บนกระดานหมากรุก แล้วให้ฮีโร่ฟาดฟันกัน ใครกำจัดฮีโร่บนกระดานของอีกฝั่งหมดก่อน หรือเหลือฮีโร่จำนวนมากกว่าบนกระดาน จะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ โดยจะแข่งกันเป็นรอบๆ ไป ในแต่ละรอบ หากใครแพ้จะถูกลงโทษด้วยการหัก HP (เริ่มเกมมาผู้เล่นจะมีอยู่เท่ากัน ก็คือ 100 หน่วย) ใครเหลือ 0 ก่อนจะ Game Over ทันที วิธีการคำนวณดาเมจของเกม คือ เกมจะนับจำนวนดาวของฮีโร่ทีมที่เราแพ้ แล้วหักเป็นดาเมจ ยิงเข้า HP ของเรา ตัวอย่างเช่น ฮีโร่บนกระดานของเราถูกกำจัดไปจนหมด แล้วยังเหลือฮีโร่ของฝั่งตรงข้ามอยู่บนกระดานเรา ได้แก่ ทัสก์ (2 ดาว) และ แอนติเมจ (1 ดาว) เราจะโดนดาเมจยิงเข้า HP ทั้งหมด 2+1 = 3 แต้ม หมายความว่ายิ่งถ้าเราแพ้ขาดมากเท่าไหร่ เราก็จะโดนดาเมจเข้า HP มากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ในทุกๆ รอบเราจะโดนยิงดาเมจเพิ่มเป็นจำนวนดังนี้ รอบที่ 0 - 9 โดนยิงดาเมจเพิ่ม 0 รอบที่ 10 - 19 โดนยิงดาเมจเพิ่ม 1 รอบที่ 20 - 29 โดนยิงดาเมจเพิ่ม 2 รอบที่ 30 - 39 โดนยิงดาเมจเพิ่ม 3 ตัวอย่าง: แพ้และมีฮีโร่ศัตรูเหลือบนกระดานทั้งหมด 5 ตัว รวมแล้วได้ 9 ดาว เป็น ดาเมจ - 9 และลดเพิ่มอีก - 1 จากการที่แพ้ในรอบที่ 13 (ตามกฎด้านบน)   2.จัดทีมโดยคำนึงถึงพลังผสาน ฮีโร่ใน DOTA Underlords แต่ละตัวจะมีพลังผสานติดตัวอยู่ ซึ่งจะเป็นทั้งเผ่าและประเภทของฮีโร่ มีทั้งหมด 23 แบบ โดยพลังผสานแต่ละแบบจะมีเอฟเฟกต์ของออร่าแตกต่างกันไป หากเรามีจำนวนฮีโร่ที่มีพลังผสานนั้นๆ ครบตามที่กำหนด จะได้รับผลของออร่าหรือบัฟพิเศษซึ่งจะเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ทีมของเรา ในการจัดทีมฮีโร่ เราควรจัดโดยการคำนึงถึงเอฟเฟกต์ออร่าที่เราจะได้จากการมีฮีโร่ประเภทเดียวกัน หลายๆ ตัวในทีม ซึ่งเอฟเฟกต์ก็มีหลายรูปแบบ ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสไตล์การเล่นของเราและสถานการณ์มากที่สุด ตัวอย่างพลังผสาน:   3.อัพเกรดตัวละครเป็นเรื่องสำคัญ การอัพเกรดตัวละครให้ขึ้น 2 ดาวสำคัญมากในเกม โดยฮีโร่ที่มี 2 ดาว จะยิงแรงขึ้น สเตตัสสูงขึ้น อีกเท่าตัว และยังเป็นการช่วยประหยัดพื้นที่ลงยูนิตบนกระดาน ทำให้สามารถเลือกยูนิตตัวอื่นๆ ที่มีพลังผสานเหมือนกันมาลงได้มากขึ้นเพื่อรับออร่า นอกจากนี้การที่เรามีฮีโร่ที่มีดาวสูงๆ หลายตัว จะช่วยทำให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ที่แพ้ทีมของเรา โดนดาเมจเข้า HP ของผู้เล่นแรงขึ้น เนื่องจากพื้นฐานการคำนวณดาเมจจะคำนวณจาก จำนวนดาวของฮีโร่ที่เหลืออยู่บนกระดาน รวมกับดาเมจประจำรอบของเกม ทั้งนี้การอัพเกรดตัวละครทำได้โดยการที่เรามีฮีโร่ตัวเดียวกัน และระดับเดียวกันอยู่บนกระดาน 3 ตัว เช่น เรามีฮีโร่ที่ชื่อทัสก์ 1 ดาว อยู่บนกระดาน 3 ตัว เกมจะอัพเกรดทัสก์ของเรา ให้กลายเป็น ทักส์ (2 ดาว) ทัสก์ (1 ดาว) + ทัสก์ (1 ดาว) + ทัสก์ (1 ดาว) = ทัสก์ (2 ดาว) ทัสก์ (2 ดาว) + ทัสก์ (2 ดาว) + ทัสก์ (2 ดาว) = ทัสก์ (3 ดาว) โดยระดับสูงสุดของฮีโร่ในเกมนี้คือ 3 ดาว แต่ว่าการที่เราจะเก็บได้ฮีโร่ 3 ดาวก็ทำได้ค่อนข้างยากอยู่พอสมควร เพราะว่าฮีโร่ในเกมมีค่อนข้างเยอะ ต้องอาศัยจังหวะและการบริหารเงินที่จะกด Reroll (สุ่มตัวละครใหม่) ให้เจอฮีโร่ที่เราต้องการ   4.เงินคือคีย์หลัก ในเกมที่ต้องใช้การวางแผน เรื่องเงินเป็นเรื่องที่เราจะมองข้ามไม่ได้ ซึ่งระบบเงินในเกมนี้ค่อนข้างจะซับซ้อนและเอื้อประโยชน์ให้แก่คนที่เก็บเงินได้มากกว่า เพราะว่ามี "ดอกเบี้ย" คล้ายกับดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคาร ทำให้ยิ่งเราถือเงินไว้เยอะเท่าไหร่ ก็จะได้เงินเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น พอเอาดอกเบี้ยที่ว่าไปรวมกับเงินที่ได้ในแต่ละรอบแล้ว จะทำให้เรามีเงินเยอะกว่าชาวบ้านเขา เอาไว้อัพเลเวล และซื้อตัวละครช่วงท้ายกลางเกม-ท้ายเกมได้แบบไม่ลำบาก ตัวอย่างการบริหารเงิน:   5.ไอเทมกับการเดินเกม ไอเทม เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับฮีโร่ที่เป็นตัวคีย์หลักของทีมได้ ซึ่งไอเทมจะดรอปก็ต่อเมื่อเราสามารถเอาชนะครีปของเกมได้ (ครีปจะออกมาในรอบที่ 1,2,3 และ ทุกๆ รอบที่ 5 และ 10) โดยเมื่อจบรอบ เกมจะให้เราเลือกไอเทม 1 ชิ้นนั่นเอง เมื่อเราได้ไอเทมมาแล้ว เราสามารถเลือกใส่ไอเทมให้กับฮีโร่ตัวใดก็ได้ 1 ตัว ฮีโร่แต่ละตัวจะสามารถสวมใส่ไอเทมได้เพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น ซึ่งหากเราเปลี่ยนใจ อยากเปลี่ยนไอเทม หรืออยากเอาไอเทมนี้ไปใส่ให้ฮีโร่ที่เหมาะสมกว่าก็สามารถทำได้ นอกจากไอเทมที่เป็นชิ้นๆ แล้ว บัฟ ในเกมนี้ก็ถือว่าจัดอยู่ในประเภทไอเทมเช่นกัน หากเราไม่อยากใส่ไอเทม ตอนที่เลือกไอเทมหลังจบเทิร์นที่สู้กับครีปป่าก็สามารถเลือกบัฟมาแทนได้ โดยบัฟก็จะมีหลายหลายประเภท เช่น บัฟที่เพิ่มเงินให้ 1 โกลด์เมื่อแพ้ รวมไปถึงบัฟที่ให้เอฟเฟกต์พิเศษกับเผ่าใดเผ่าหนึ่งในเกม ข้อควรระวัง: เราควรดูว่าเหมาะกับฮีโร่ที่เรามีอยู่หรือไม่ เช่น ไม่ควรเลือกบัฟเผ่าที่เราไม่มี หรือไม่ได้เล่นมา และควรใส่ไอเทมให้เหมาะกับฮีโร่ เช่น ไม่ควรใส่ไอเทมเพิ่มมานาให้กับฮีโร่ที่ไม่มีมานา เป็นต้น ข้อแตกต่างระหว่าง DOTA Underlords และ Auto Chess  ไอเทมเกมนี้ได้ทุกรอบที่สู้กับครีป การันตีว่าจะได้ชัวร์ 100% (Auto Chess จะสุ่มเอาจากการเจอครีป) สามารถโยกย้ายไอเทมได้ ไม่ต้องขายฮีโร่ ฮีโร่ 1 ตัวสามารถใส่ไอเทมได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น (ใน Auto Chess ใส่ได้ 6 ชิ้นพร้อมกัน   แนะนำเพิ่มเติม - การแพ้ก็ไม่ได้แย่เสมอไป การแพ้ในเกมอาจฟังดูเหมือนเป็นเรื่องที่แย่ เพราะว่าจุดประสงค์หลักของการเล่นเกมก็เพื่อที่จะคว้าชัยชนะ แต่ว่าในเกมนี้ เราสามารถแพ้ได้ และการแพ้ก็เป็นเรื่องที่ดีในช่วงต้นเกม เพราะเป็นช่วงที่เราสามารถลองผิดลองถูกได้แบบไม่เสีย HP ในเกมมากนัก นอกจากนี้การแพ้ติดๆ กัน จะทำให้ได้เงินพิเศษที่เรียกว่า "แพ้ต่อเนื่อง" หรือ "ชนะต่อเนื่อง" เป็นโบนัสเพิ่มให้ จบไปแล้วกับไกด์เบื้องต้นของ DOTA Underlords เพื่อนๆ คิดเห็นยังไง อยากได้ไกด์ไหนเพิ่มเติมก็สามารถบอกเราได้ด้วยการพิมพ์คอมเมนต์ที่ด้านล่างเลย!
15 Jun 2019
ไกด์ Auto Chess Mobile | แนะนำวิธีคำนวณเงินจากการเล่นในแต่ละรอบ
Auto Chess ไม่ใช่เกมที่แค่เราจะเน้นวางยูนิตให้ได้มากที่สุด หรือเน้นอัดแต่ตัวละครระดับสูงเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีปัจจัยอยู่หลายอย่าง ซึ่งถ้าเราไม่ศึกษาให้ดีๆ จะทำให้เราพ่ายแพ้ต่อทีมผู้เล่นคนอื่นๆ วันนี้ GameFever ก็ได้หยิบหนึ่งในปัจจัยสำคัญของชัยชนะอย่าง “การคำนวณเงินในแต่ละรอบ” และเทคนิคเล็กๆ น้อย มาอธิบายให้เพื่อนๆ เข้าใจกัน กฎการเพิ่มเหรียญทอง (Gold) ทั้ง 5 ข้อของเกม Auto Chess ข้อ 1 : เงิน หรือ Gold จะเพิ่มให้เราทุกครั้งที่รอบการเล่นครั้งใหม่เริ่มขึ้น ข้อ 2 : เราจะได้รับเงินโบนัสเพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อยๆ จากการชนะ หรือแพ้อย่างต่อเนื่อง โดยเราจะได้เริ่มคำนวณนับเงินเพิ่มก็ต่อเมื่อได้รับชัยชนะ หรือพ่ายแพ้ตั้งแต่ครั้งที่ 2 ขึ้นไป และเมื่อใดที่ความต่อเนื่องหยุดลง ในรอบนั้นๆ เราจะไม่ได้รับเงินจากการแพ้ หรือชนะต่อเนื่อง ข้อ 3 : เราจะได้รับเงินโบนัสดอกเบี้ยเพิ่มเติม 10% จากเงินที่เรามี สูงสุด 5 เหรียญทองต่อรอบ เช่น หากผมมีเงินเหลือ 10 เหรียญทอง ในรอบต่อไป ผมจะได้รับเงินเพิ่มเติมมาอีก 1 เหรียญทอง เป็นต้น ข้อ 4 : หากเราชนะทีมคู่แข่งได้ เราจะได้รับโบนัสเงิน 1 เหรียญทองทันที โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นรอบใหม่ ข้อ 5 : เงินสามารถเพิ่มขึ้นได้จากการขายตัวยูนิต เกร็ดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎการเพิ่มเงินทั้ง 5 ข้อ จากข้อที่ 1 เราจะได้รับเงินทุกรอบการเล่นปกติ (Basic) ครั้งละ 5 เหรียญทอง โดยจะเริ่มได้รับตั้งแต่รอบที่ 5 เป็นต้นไป รอบที่ 1 : ได้รับ 1 เหรียญทอง รอบที่ 2 : ได้รับ 2 เหรียญทอง รอบที่ 3 : ได้รับ 3 เหรียญทอง รอบที่ 4 : ได้รับ 4 เหรียญทอง รอบที่ 5 : ได้รับ 5 เหรียญทอง จากข้อที่ 2 ในรอบที่เราต้องสู้กับครีป การชนะ หรือแพ้จะไม่ถูกคำนวณเพิ่มเติม เช่น หากเรามีชัยชนะต่อเนื่อง 5 รอบ ในการต่อสู้กับครีป แม้ว่าเราจะได้รับชัยชนะ ชัยชนะต่อเนื่องของเราก็จะมีเท่ากับ 5 เท่าเดิม ไม่เพิ่มขึ้น หรือกล่าวง่ายๆ ก็คือ ชัยชนะ หรือแพ้ต่อเนื่องจะนับจากผลการต่อสู้กับผู้เล่นด้วยกันเท่านั้น จากข้อที่ 2 แม้ว่าชัยชนะ หรือแพ้ต่อเนื่องจะไม่ถูกคำนวณในการต่อสู้กับครีป แค่เราก็ยังได้รับโบนัสเงินเพิ่มเติมจากการได้รับชัยชนะ หรือแพ้ต่อเนื่อง (Win streak หรือ Lose streak)ที่เรามีอยู่แล้วเช่นเดิม จากข้อที่ 2 การได้รับเงินโบนัสจากการแพ้ หรือชนะต่อเนื่อง จะได้รับสูงสุดแค่ 3 เหรียญทองเท่านั้น จากข้อที่ 2 การได้รับเงินโบนัสจากการแพ้ หรือชนะต่อเนื่อง จะได้รับเงินในอีกรอบนึงของผลการแข่งขัน หากเราสามารถสร้างสถิติต่อเนื่องได้ ยกตัวอย่างเช่น ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 1 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 0 : ยังไม่ได้รับเงิน ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 2 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 1 : ยังไม่ได้รับเงิน ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 3 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 2 : ได้รับเงิน 1 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 4 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 3 : ได้รับเงิน 1 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 5 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 4 : ได้รับเงิน 2 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 6 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 5 : ได้รับเงิน 2 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 7 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 6 : ได้รับเงิน 3 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 8+ = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 7+ : จะได้รับเงิน 3 เหรียญทอง ไปตลอด หาก ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง = 0 : จะได้รับเงิน 0 เหรียญทอง ทันทีในรอบนั้น จากข้อที่ 2 การเสมอ สามารถตัดความต่อเนื่องของชนะ/แพ้ ต่อเนื่องได้ จากข้อที่ 3 หากเรามีเงินน้อยกว่า 10 เหรียญทอง เงินโบนัสดอกเบี้ย (Interest) ที่เราได้รับในรอบต่อไปจะเท่ากับ 0 เหรียญทอง จากข้อที่ 3 หากเรามีเงินมากกว่า 50 เหรียญทอง เงินโบนัสดอกเบี้ย ที่เราได้รับในรอบต่อไปจะเท่ากับ 5 เหรียญทอง จากข้อที่ 3 หากคำนวณเงินดอกเบี้ย 10% แล้วเหลือเศษ เงินที่ได้รับจะถูกปัดออกทันที เช่น มีเงินอยู่ 15 เหรียญทอง เราจะได้รับดอกเบี้ย 10% หรือเท่ากับ 1 เหรียญทองเท่านั้น เศษ 5 ที่มีจะถูกตัดออกไป จากข้อที่ 4 โบนัสชนะ (Victory) จะไม่ได้รับในตอนที่สู้กับครีป แม้เราจะสู้ชนะก็ตาม จากข้อที่ 5 ยูนิตที่เราซื้อมา สามารถขายกลับไปได้ในราคาเท่าเดิม เช่น ซื้อยูนิตมา 1 เหรียญทอง ก็สามารถขายกลับไปได้ 1 เหรียญทองเท่าเดิม จากข้อที่ 5 ยูนิตที่เพิ่มดาว จะมีราคาเพิ่มขึ้น  2 เหรียญทอง และ 1 เหรียญทอง ดังนี้ ยูนิต 1 ดาว กลายเป็น 2 ดาว : หากยูนิต 1 ดาวมีราคา 1 เหรียญทอง ตอนเป็น 2 ดาวจะขายได้ 3 เหรียญทอง ยูนิต 2 ดาว กลายเป็น 3 ดาว : หากยูนิต 2 ดาวมีราคา 3 เหรียญทอง ตอนเป็น 3 ดาวจะขายได้ 4 เหรียญทอง จากข้อที่ 5 มียูนิตพิเศษ ที่มีความสามารถในการรวมร่างเพื่ออัพดาว ที่ใช้เพียง 2 ตัว ทำให้เวลาขาย ยูนิตประเภทนี้จะขายได้กำไรมากกว่าปกตินิดหน่อย (1 เหรียญทอง) เกร็ดความรู้พิเศษ ในเกมเราสามารถกดค้างที่สัญลักษณ์เงินในเกม เพื่อเช็คเงินที่เราจะได้รับในรอบที่จะเริ่มต่อไปได้ ทั้งกฎ 5 ข้อ และเกร็ดเพิ่มเติม เป็นรายละเอียดทั้งหมดของการคำนวณเงินในแต่ละรอบของเกม Auto Chess ซึ่งถ้าหากเราสามารถทำตามเงื่อนไข้ได้ทั้งหมด เราจะได้รับเงินต่อรอบมากถึง 14 เหรียญทอง !! ซึ่งมากพอกับการนำไปอัปเดตทีม เพิ่มเลเวล และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจำเป็นต้องทำเงิน หรือ Gold ให้ได้ 50 เหรียญทองก่อน และต้องชนะต่อเนื่องอย่างน้อย 7 ครั้งด้วยกัน ซึ่งขอบอกเลย ว่าทำ 50 เหรียญทองน่ะไม่ได้ยากอะไร แต่การชนะ 7 ครั้งมันไม่ง่าย ซึ่งเร็วๆ นี้เราจะมีทริคเพิ่มเงินอย่างรวดเร็วในเกม Auto Chess มาฝากเพื่อนๆ กัน รอติดตามได้เลย!   >>> ติดตามไกด์อื่นๆ ได้ที่นี่ <<< แนะนำวิธีคำนวณเงินจากการเล่นในแต่ละรอบ เผยความลับเรื่อง Mana ที่คุณอาจไม่รู้ สิ่งที่มือใหม่ควรรู้เพื่อคว้าชัยชนะมาง่ายๆ วิธีเปลี่ยนภาษาในเกมเป็นภาษาไทย เทคนิคการฟาร์มเงิน  
13 Jun 2019
GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
ผลการค้นหา : "ไกด์"
ระบบความสัมพันธ์พิเศษของคุ้กกี้ใน Cookie Run: Kingdom
ระบบความสัมพันธ์พิเศษใน Cookie Run: Kingdom เป็นอีกหนึ่งระบบที่ช่วยให้เราจัดทีมฟาร์มและต่อสู้ได้ง่ายขึ้น เพราะระบบความสัมพันธ์พิเศษนี้จะให้บัฟเพิ่มพลังชีวิต เพิ่มพลังป้องกัน และเพิ่มพลังโจมตีตามเลเวล วันนี้เราจะมาดูกันว่าแต่ละความสัมพันธ์ของคุ้กกี้มีอะไรบ้าง ให้บัฟเท่าไร พร้อมกับวิธีปลดล็อกดาวเพื่อเพิ่มบัฟ เพื่อให้เพื่อน ๆ ตัดสินใจเลือกตัวมาจัดทีมได้ง่ายขึ้นจ้า 1. ของขวัญวันเกิดชิ้นเยี่ยม     ประกอบด้วยคุกกี้ 5 ตัว คือ คุกกี้กล้าหาญ คุกกี้รสสตอเบอร์รี่ คุกกี้พ่อมด คุกกี้คัสตาร์ดรุ่นที่ 3 และคุกกี้รสซอสพริก   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 2. เรื่องวุ่นวายของคุกกี้คัสตาร์ด     ประกอบด้วยคุกกี้ 3 ตัว คือ คุกกี้เจ้าหญิง คุกกี้คัสตาร์ดรุ่นที่ 3 และคุกกี้อัศวิน   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 3. การพบกันในป่า     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้เจ้าหญิง และคุกกี้สาวเจ้าป่า   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 4. มากไปก็ไม่ดี     ประกอบด้วยคุกกี้ 3 ตัว คือ คุกกี้กล้าหาญ คุกกี้นินจา และคุกกี้นักกล้าม   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 5. ต้นกล้าแคร์รอต     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสแคร์รอตและคุกกี้รสบีตรูต   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 6. เรื่องที่เกิดในคฤหาสน์     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสแบล็คเบอร์รี่และคุกกี้นักสำรวจ   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 7. วิญญาณบนหอคอยเก่า   ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสแบล็คเบอร์รี่และคุกกี้หัวหอม ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 8. น้องพี่ที่รัก     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้นักแปรธาตุและคุกกี้แวมไพร์   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 9. ศึกประชันศักดิ์ศรี     ประกอบด้วยคุกกี้ 3 ตัว คือ คุกกี้น้ำตาลหิมะ คุกกี้นักแปรธาตุ และคุกกี้พ่อมด   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 10. คำสัญญาในภูเขาหิมะ     ประกอบด้วยคุกกี้ 3 ตัว คือ คุกกี้รสมันม่วง คุกกี้รสนม และคุกกี้ดาร์กช็อกโก้   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 11. แขกที่ไม่ได้รับเชิญในยามอัสดง     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสข้าวไรย์และคุกกี้รสซอสพริก   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 12. ค่ำคืนของวายร้าย     ประกอบด้วยคุกกี้ 3 ตัว คือ คุกกี้รสแพนเค้ก คุกกี้รสหมากฝรั่ง และคุกกี้รสเชอร์รี่   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50   13. ครูขาหนูอยากบิน   ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสแพนเค้กและคุกกี้นางฟ้า   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 14. รุ่งอรุณเขียวขจี     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสสมุนไพรและคุกกี้โคลเวอร์   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 15. เมื่อได้รับพรจากนางฟ้า     ประกอบด้วยคุกกี้ 2 ตัว คือ คุกกี้รสมาดแลนและคุกกี้นางฟ้า   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30 ปลดล็อก ★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 2 ★ พลังชีวิต +250, พลังป้องกัน +30 ปลดล็อก ★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 3 ★ พลังโจมตี +60, พลังป้องกัน +35 ปลดล็อก ★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 4 ★ พลังชีวิต +500, พลังโจมตี +90 ปลดล็อก ★★★★★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 5 ★ พลังโจมตี +120, พลังป้องกัน +50 16. เหล่าลูกค้าโรงตีเหล็ก     ประกอบด้วยคุกกี้ 3 ตัว คือ คุกกี้รสมาดแลน คุกกี้รสอะโวคาโด และคุกกี้อัศวิน   ปลดล็อก ★ ต้องมีคุกกี้ 5 ตัวของกลุ่มความสัมพันธ์นี้ ระดับ 1 ★ พลังชีวิต +250, พลังโจมตี +30
16 Feb 2021
แนะนำระบบเบบี้ใน FAIRY TAIL: Forces Unite! เป็นโสดก็เลี้ยงได้นะ
ระบบเบบี้เป็นระบบใหม่ที่พึ่งถูกเพิ่มเข้ามาใน FAIRY TAIL: Forces Unite! ซึ่งไม่ใช่แค่การรับเลี้ยงเด็กธรรมดา ๆ เพราะเบบี้สามารถช่วยเราต่อสู้ได้ด้วย นับว่าเป็นระบบที่มีประโยชน์มากเลยทีเดียว แล้วเราจะทำยังไงถึงจะได้เบบี้มาในครอบครองวันนี้เราจะมาบอกกัน! วิธีอุปการะเบบี้ การอุปการะเบบี้นั้นเราจำเป็นต้องปลดล็อกระบบบ้านซะก่อนเพราะไม่มีบ้านก็เลี้ยงเด็กไม่ได้นะ หลังจากที่เราปลดล็อกระบบบ้านแล้ว หากในเกมคุณโสดให้คุยกับ "คุณริซึ" แต่ถ้าไม่โสดให้คุยกับ "วาเลนติน" ทั้งสองจะยืนอยู่หน้าโบสถ์ในเมืองแมกโนเลีย หลังจากนั้นทั้ง 2 จะให้เราทำเควสไปเรื่อย ๆ เพื่อปลดล็อก "เปลแห่งความหวัง" ไว้รับอุปการะเบบี้นั่นเอง เบบี้จะมีเพศให้เราเลือกทั้งชายและหญิงเลือกได้ตามใจชอบเลยจ้า การพัฒนา   เบบี้จะเริ่มจากแรกเกิดและสามารถพัฒนาไปเป็นเด็กไร้เดียงสาได้โดยการใช้ไอเทม "ไดอารี่พัฒนาการ" และจะเข้าร่วมต่อสู้ได้เมื่อผ่านไป 15 วัน แต่เราสามารถเร่งการเจริญเติบโตได้ด้วยไอเทม "ขวดนม" แนะนำการเลือกคลาสเบบี้   เมื่อโตเป็นเด็กไร้เดียงสาแล้วเบบี้ของเราจะสามารถเลือกคลาสให้เหมาะกับคลาสตัวละครของเราได้ ซึ่งเราแนะนำให้เลือกเป็นคนละคลาสกับตัวละครเราจะดีกว่า   ผู้ใช้เวทยาและเวทฟื้นฟู ควรเลือกเบบี้สายดาเมจ ได้แก่ เวทเสริมพลัง เวทปืน เวทหิมะ เวทคลื่นเสียง ผู้ใช้เวทเสริมพลัง เวทหิมะ และเวทคลื่นเสียง ควรเลือกเบบี้สายฟื้นฟูหรือป้องกัน ได้แก่ เวทยา เวทฟื้นฟู เวทพิทักษ์ ผู้ใช้เวทลม ควรเลือกเบบี้สายฟื้นฟูหรือป้องกัน ได้แก่ เวทยา เวทฟื้นฟู ผู้ใช้เวทอักขระ ควรเลือกเบบี้สายดาเมจหรือฟื้นฟู ได้แก่ เวทเสริมพลัง เวทปืน เวทหิมะ เวทคลื่นเสียง เวทยา เวทฟื้นฟู ผู้ใช้เวทเสริมพลัง ควรเลือกเบบี้สายดาเมจหรือฟื้นฟู ได้แก่ เวทเสริมพลัง เวทปืน เวทหิมะ เวทคลื่นเสียง เวทยา เวทฟื้นฟู  
16 Feb 2021
แนะนำการจัดทีมสำหรับผู้เล่นใหม่ใน Cookie Run: Kingdom
พึ่งเปิดให้เล่นได้ไม่นานแต่ก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากแฟนเกม Cookie Run ทั้งหลาย ซึ่งการปล่อยเกมใหม่ของพวกเขาในครั้งนี้มาในรูปแบบเกมแนวเทิร์นเบสผสมกับเกมวิ่งเหมือนภาคก่อน และกลับมาพร้อมกับเหล่าคุกกี้ที่เราคุ้นเคย พวกเขากลับมาวิ่งหนีแม่มดออกจากเตาอบอีกครั้ง แต่ศัตรูไม่ได้มีเพียงหนึ่งแล้วน่ะสิ วันนี้เราเลยจะมาแนะนำวิธีการจัดทีมไปสู้กับเหล่าวายร้ายทั้งในสำรวจโลกและอารีน่าสำหรับมือใหม่กัน! คุกกี้มีหลายสายนะ   ก่อนที่จะเข้าสู่การจัดทีมเราต้องทราบก่อนว่าคุกกี้ถูกแบ่งออกเป็นสายทั้งหมด 8 สาย ประกอบด้วย สายป้องกัน: สายนี้จะทำหน้าที่เป็นตัวแทงค์คอยอยู่แนวหน้าเพื่อป้องกันและรับความเสียหายแทนคุกกี้ตัวอื่น สายจู่โจม: สายนี้อาจจะไม่ถึกเท่ากับป้องกันแต่ก็แทนมาด้วยพลังโจมตีที่แรงกว่า เหมาะกับทีมที่เน้นพลังโจมตีหรือสายบุก สายซุ่มโจมตี: สายนี้คือตัวที่จะทำดาเมจแบบกายภาพให้กับทีม เป็นตัวที่เหมาะกับการยืนกองกลางเพื่อเอาไว้เก็บแนวหลังของอีกฝ่าย สายเวทมนต์: สายโจมตีอีกตัวที่คอยจะมีในทีมส่วนมากจะเป็นคุกกี้ที่มีสกิลแบบ AOE ไว้คอยหยุดหรือโจมตีอีกฝ่ายอย่างรุนแรง สายระเบิด: สายที่คอยสร้างดาเมจแบบ AOE ด้วยการปาระเบิดออกไปพร้อมกับดีบัฟใส่ศัตรู เช่น ติดพิษหรือลดความเร็วในการโจมตีของศัตรู สายซัพพอร์ต: สายที่มีหน้าที่ล้างดีบัฟต่าง ๆ พร้อมกับช่วยฟื้นฟูพลังชีวิตแต่จะน้อยกว่าสายซัพพอร์ตให้กับคุกกี้ในทีม สายรักษา: สายที่มีหน้าที่คอยฟื้นฟูพลังชีวิตเป็นหลักและคอยใส่บัฟให้คุกกี้ในทีม การจัดทีมแนวหน้า การเลือกคุกกี้มายืนแนวหน้านั้นควรจะเลือกเป็นสายป้องกันและสายโจมตีจะใส่อย่างละตัวหรือเลือกสายใดสายหนึ่งทั้งสองตัวเลยก็ได้ แนวหน้าจะเป็นตัวที่คอยรับดาเมจแทนคุกกี้ในทีมก่อนควรเลือกเป็นคุกกี้ที่มีบัฟได้รับความเสียหายน้อยลงหรือมีสกิลหยุด ผลัก เพื่อเป็นการยื้อให้คุกกี้ทีมเราสามารถทำดาเมจได้มากขึ้น คุกกี้แนะนำ ระดับ Epic     คุกกี้รสนม จุดเด่น: มีสกิลที่ช่วยลดความเสียหายที่ได้รับ     คุกกี้รสมาดแลน จุดเด่น: มีสกิลช่วยโจมตีระยะไกลและต้านทางดีบัฟ       คุกกี้ดาร์กช็อกโก จุดเด่น: โจมตีแรงพร้อมลดพลังป้องกันของศัตรู       คุกกี้รสมันม่วง จุดเด่น: โจมตีแรงและกระจาย     ระดับ Rare     คุกกี้อัศวิน จุดเด่น: มีเอฟเฟกต์ยั่วยุศัตรู       คุกกี้เจ้าหญิง จุดเด่น: ลดพลังป้องกันของศัตรู   ระดับ Common     คุกกี้นักกล้าม จุดเด่น: มีสกิลผลัก     คุกกี้รสสตอเบอร์รี่ จุดเด่น: สร้างความเสียเป็นวงกว้าง       การจัดทีมกองกลาง   กองกลางเหมาะสำหรับสายเวทมนต์ สายซุ่มโจมตี หรือสายซัพพอร์ต ซึ่งก็แล้วแต่สไตล์ความชอบของแต่ละคนจะจับสายเวท + สายซุ่ม หรือสายซุ่ม + สายซัพก็ได้ ถ้าอยากได้ทีมดาเมจจ๋า ๆ ก็ สายเวท + สายซุ่ม หรือจะเป็นสายเวท 2 สายซุ่ม 2 ก็ได้เช่นกัน คุกกี้แนะนำ ระดับ Epic   คุกกี้รสเอสเปรสโซ จุดเด่น: มีสกิลดูดศัตรูให้มารวมอยู่กลางวง       คุกกี้รสชะเอม จุดเด่น: มีสกิลซัมมอนลูกกะจ๊อกพร้อมกับเพิ่มพลังป้องกันคุกกี้ในทีม       คุกกี้น้ำตาลหิมะ จุดเด่น: ทำให้ศัตรูกลายเป็นน้ำแข็งและลดความเร็วในการโจมตี       คุกกี้รสซอสพริก จุดเด่น: คริติคอลแรงและเป็นคุกกี้ที่ได้มาฟรี     ระดับ Rare     คุกกี้รสหัวหอม จุดเด่น: สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ระยะไกลมาก และลดพลังโจมตีของศัตรู       คุกกี้นักสำรวจ จุดเด่น: จับศัตรูได้ 1 ตัว       คุกกี้นักแปรธาตุ จุดเด่น: ระเบิดทำให้ศัตรูติดพิษ       ระดับ Common     คุกกี้นินจา จุดเด่น: สร้างความเสียหายแบบกระจาย       คุกกี้พ่อมด จุดเด่น: สร้างความเสียหายต่อเนื่อง       การจัดทีมแนวหลัง     แนวหลังเหมาะกับคุกกี้สายซัพพอร์ตและสายรักษาเพราะเป็นตัวที่เปราะบางที่สุดในเกม แต่บางคนก็เอาไว้ใส่คุกกี้สายเวทหรือสายซุ่ม ซึ่งมันก็แล้วแต่สไตล์การเล่นอีกตามเคย แนะนำว่าให้เอาไว้ใส่สายซัพหรือสายรักษาจะดีกว่า เลือกตัวใดตัวหนึ่งแล้วเอาสายเวทหรือสายซุ่มไปใส่กองกลางจะคุ้มกว่า   คุกกี้แนะนำ ระดับ Epic     คุกกี้สปาร์คกลิง จุดเด่น: เพิ่มอัตราคริติคอลให้คุกกี้ในทีมทั้งหมด       คุกกี้รสทับทิม จุดเด่น: เพิ่มพลังโจมตีให้กับเพื่อนในทีมชั่วขณะ     คุกกี้มิ้นท์ช็อกโก้ จุดเด่น: เพิ่มความเร็วในการโจมตี         คุกกี้รสสมุนไพร จุดเด่น: ล้างดีบัฟและสร้างต้นกล้าเพิ่มพลังชีวิตรอบ ๆ     ระดับ Rare     คุกกี้รสคัสตาร์ดรุ่นที่ 3 จุดเด่น: สร้างเกราะป้องกัน       คุกกี้โคลเวอร์ จุดเด่น: ล้างดีบัฟและฟื้นฟูพลังชีวิตให้คุกกี้ในทีมทั้งหมด   ระดับ Common     คุกกี้นางฟ้า จุดเด่น: ฟื้นฟูพลังชีวิตให้คุกกี้ในทีมทั้งหมด   ทริคเล็กน้อยในการจัดทีม ในเกม Cookie Run: Kingdom จะมีระบบที่เรียกว่า "ความสัมพันธ์พิเศษ" ซึ่งจะให้บัฟหรือเอฟเฟกต์แก่ทีมที่ใส่คุกกี้ที่มีความสัมพันธ์กัน ระบบความสัมพันธ์พิเศษนี้สามารถอัปเกรดเพื่อเพิ่มคุณสมบัติเอฟเฟกต์ให้ดีขึ้นตามเลเวลได้อีกด้วย นับว่าเป็นประโยชน์มาก ๆ เลยทีเดียว
12 Feb 2021
วิธีการอัปเกรดคุกกี้ใน Cookie Run: Kingdom
เป็นอีกหนึ่งระบบที่จะทำให้เราสามารถฟาร์มและตบศัตรูในอารีน่าได้ง่ายขึ้นนั่นก็คือ "ระบบอัปเกรด" ใน Cookie Run: Kingdom นั่นเอง ซึ่งระบบอัปเกรดก็แบ่งออกเป็น 3 อย่างด้วยกัน คือ อัปเลเวลคุกกี้ อัปเลเวลสกิล และเลื่อนระดับคุกกี้ ทั้ง 3 อย่างต่างกันยังไงและวิธีอัปเกรดทำอย่างไรบ้าง วันนี้เราจะพาไปดูกัน! วิธีการเข้าไปอัปเกรด จิ้มไปที่ไอคอน "คุกกี้ของฉัน" ที่มุมขวาล่างของหน้าจอ แล้วเราจะเจอกันบรรดาคุกกี้ในคลังที่เรามีสามารถเลือกตัวที่เราต้องการอัปเกรดได้เลย วิธีอัปเลเวลคุกกี้ การอัปเลเวลคุกกี้จะเป็นการเพิ่มพลังต่อสู้ให้กับคุกกี้นั้น ๆ การอัปเลเวลคุกกี้ต้องใช้ "ดาวลูกกวาด" ในการอัป เลือกคุกกี้ที่ต้องการหลังจากนั้นให้จิ้มที่ปุ่ม "อัพเลเวลคุกกี้" กดที่เลือกอัตโนมัติเพื่อทำการใส่ดาวลูกกวาดสำหรับอัปเกรดเลเวลหรือใครอยากจะเลือกเองก็สามารถกดไปที่ดาวลูกกวาดที่ต้องการได้เลย หลังจากนั้นให้เรากดที่ MAX เพื่อใส่ดาวลูกกวาดให้เท่ากับเลเวลสูงสุดที่เราอัปได้ สุดท้ายกด "อัพเลเวล" ก็เป็นอันเสร็จสิ้น วิธีเลื่อนระดับคุกกี้ การเลื่อนระดับคุกกี้จะเป็นการเพิ่มพลังต่อสู้ พลังชีวิต พลังโจมตี และพลังป้องกันของคุกกี้นั้น ๆ การจะเลื่อนระดับคุกกี้จำเป็นต้องมี "หินวิญญาณ" ของคุกกี้ที่เราต้องการเลื่อนระดับด้วย ซึ่งจะใช้หินวิญญาณตามจำนวน 20 > 30 > 50 > 70 > 100 และใช้เหรียญในการเลื่อนระดับด้วย เลือกคุกกี้ที่ต้องการเลื่อนระดับและจิ้มไปที่ "เลื่อนระดับคุกกี้"   เมื่อจำนวนหินวิญญาณและเหรียญพอใก้ทำการกด "เลื่อนระดับ"     เมื่อขึ้นหน้าตาแบบนี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้น     วิธีอัปเลเวลสกิล การอัปเลเวลสกิลจะเป็นการเพิ่มความเสียหายหรือบัฟของสกิลนั้น ๆ การอัปแต่ละครั้งจำเป็นต้องใช้ผงสกิลของคุกกี้แต่ละสาย   จิ้มไปที่ "อัพเลเวลคุกกี้"     เมื่อมีผงสกิลตามจำนวนที่ต้องการอัปแล้วให้กด "อัพเลเวล"     เมื่อเสร็จจะขึ้นรายละเอียดของสกิลว่าเพิ่มอะไรเท่าไร     วิธีหาของอัปเกรด   "ดาวลูกกวาด" สามารถหาได้จาก เควส กิจกรรม เคลียร์ด่าน บ้านคุกกี้ น้ำพุแห่งความมั่งคั่ง ออกสำรวจ "ผงสกิล" สามารถหาได้จาก เควส กิจกรรม ประกาศจับ เคลียร์ด่าน  
12 Feb 2021
เฉลยคำตอบ "แฟรี่ควิซ" ใน FAIRY TAIL: Forces Unite!
อีกหนึ่งกิจกรรมเก็บเวลง่าย ๆ สำหรับ "แฟรี่ควิซ" ใน FAIRY TAIL: Forces Unite! ที่มีให้เล่นกันทุกวันเสาร์และอาทิตย์ กิจกรรมนี้เป็นการตอบคำถามจากในอนิเมะแฟรี่เทล ถ้าใครที่เป็นแฟนอนิเมะก็คงจะไม่ยากในการตอบคำถามแล้วคนที่ไม่ได้ดูเมะล่ะจะตอบได้ไหม ปัญหานั้นจะหมดไปเพราะวันนี้เราได้รวมเฉลยคำตอบทั้งหมดของกิจกรรม "แฟรี่ควิซ" ไว้ที่นี่แล้ว วิธีเข้าร่วมกิจกรรม   กดไปที่ไอคอน "กิจกรรม" ที่อยู่มุมบนซ้ายของหน้าจอ     เลือกไปที่ "กิจกรรมทั้งหมด" เลื่อนหา "แฟรี่ควิซ" แล้วกดเข้าร่วม     หลังจากนั้นตัวละครเราจะเดินอัตโนมัติไปที่ NPC ลิซ ให้กด "เริ่มตอบคำถาม" เพื่อเริ่มทำกิจกรรม   เฉลยคำตอบแฟรี่ควิซ *สามารถกด Ctrl+F เพื่อค้นหาได้นะจ๊ะ คำถาม: ใครคือจอมเวทย์แฟรี่เทลที่ชอบถอดเสื้อผ้า คำตอบ: เกรย์ คำถาม: ใครคือผู้ใช้เวท "เรนโบว์ไฟร์" ในแฟนธ่อมลอร์ด คำตอบ: โทโทมารุ คำถาม: ใครคือดราก้อนสเลเยอร์รุ่นที่ 2 ในแฟรี่เทล คำตอบ: ลัคซัส คำถาม: ใครเป็นคนตัดสินใจทำสงครากับแฟนธ่อมลอร์ด คำตอบ: มาคาลอฟ คำถาม: ใครที่ใส่ตาเทียมข้างขวาในแฟรี่เทล คำตอบ: เอลซ่า คำถาม: ใครคือผู้ใช้เวทชาร์มใส่ลูซี่ในเหตุการณ์ "ซาลามันเดอร์ตัวปลอม" คำตอบ: โบร่า คำถาม: ใครคือ "เดอะ ไนท์" ในแฟรี่เทล คำตอบ: เอลซ่า คำถาม: ใครคือคนที่ชอบแอบเข้าบ้านลูซี่พร้อมกับแฮปปี้ คำตอบ: นัตสึ คำถาม: โบร่าแอบอ้างเป็นใครในเหตุการณ์ "ซาลามันเดอร์ตัวปลอม" คำตอบ: นัตสึ คำถาม: ใครคือคนที่กำลังตามหา "มังกรไฟ" คำตอบ: นัตสึ คำถาม: ใครคือผู้ที่เอาชนะเรซเซอร์ได้ตอนที่สู้กับโอราเชี่ยนเชส คำตอบ: เกรย์ คำถาม: ใครคือจอมเวทย์ผู้ใช้ "เวททลาย" ในแฟรี่เทล คำตอบ: กิลดาซ คำถาม: ใครคือหนึ่งในเอเลเมนท์โฟร์ที่เข้าร่วมแฟรี่เทลหลังจากแฟนธ่อมลอร์ดถูกยุบ คำตอบ: จูเบีย, กาซิล คำถาม: ใครคือหนึ่งในจอมเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในแฟรี่เทล คำตอบ: มาคาลอฟ คำถาม: ใครคือคนที่จูเบียเจอตอนสอบเลื่อนขั้นจอมเวทระดับ S คำตอบ: เอลซ่า คำถาม: ใครคือเอ็กซีดสีฟ้าในแฟรี่เทล คำตอบ: แฮปปี้ คำถาม: ใครคือผู้ใช้เวท "มังกรเหล้กคำราม" คำตอบ: กาซิล คำถาม: ใครคือ "จอมเวท" ที่มาพร้อมกับสายฝน คำตอบ: จูเบีย
09 Feb 2021
*เอลซ่าเกราะแห่งภูต* ไททาเนียสุดแกร่งแห่ง FAIRY TAIL: Forces Unite!
ครั้งที่แล้วเราได้พูดถึง "มิสกัน SS" หรือ เจราลในเอโดราสไปแล้ว วันนี้ก็ถึงคิวของ "เอลซ่า" กันบ้าง แต่ไม่ใช่เอลซ่าธรรมดานะเพราะเธอมาในชุดเกราะแห่งภูตบอกเลยว่าโหด x2 แล้วเธอมีสกิลอะไรที่น่าสนใจ มีจุดเด่นจุดด้อยยังไง เหมาะกับทีมแบบไหน และเทคนิคในการเล่นควรเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยดีกว่า เอลซ่าเกราะแห่งภูต ก่อนจะเข้าเนื้อหาจริงจังเรามาทำความรู้จักกับเกราะแห่งภูตกันก่อนดีกว่า เกราะแห่งภูต (Armadura Fairy) ชุดเกราะที่มีประสิทธิภาพสูงสุดของเอลซ่า เป็นเกราะที่แบกรับนามของแฟรี่เทลเอาไว้และเป็นเกราะที่แฟรี่เทลภาคภูมิใจ ใช้ต่อสู้ครั้งแรกกับเอลซ่า ไนท์วอคเกอร์ หรือเอลซ่าอีกคนที่เอโดราส เกราะนี้เป็นเกราะสุดท้ายที่เธอใช้ อาวุธที่ใช้คู่กันคือ ดาบแห่งภูต ได้รู้ยังงี้แล้วจอมเวทย์คงอยากจะสูญเสียเงินเพื่อให้ได้เกราะนี้มาใช้แล้วล่ะสิ เราไปดูสกิลของเกราะนี้กันดีกว่าว่าจะโหดจัดเหมือนในอนิเมะไหม สกิลของเอลซ่าเกราะแห่งภูต เอลซ่าเกราะแห่งภูตเป็นจอมเวทระดับ SS ที่เน้นสกิลโจมตีเดี่ยวและแรง ให้อัปลาครายม่าที่เน้นโจมตีและสกิลติดตัวจะเหมาะกับตัวเอลซ่าเกราะแห่งภูตมากกว่าอัปอย่างอื่นจะได้ไม่เปลืองลาครายม่า และเน้นอัปไปที่ P.ATK หรือ Crit Rate เพื่อสร้างดาเมจมากขึ้นกว่าเดิม สกิล เกราะภูต-แฟรี่เบิร์ส ใช้ MP 82 สร้างคลื่นระเบิดไปยังเป้าหมาย สร้างความเสียหายแก่ศัตรู 4 คน มีโอกาส 10% ที่จะลบล้างบัพ ความเสียหายพื้นฐานเท่ากับ 120% ของพลังโจมตี   เกราะภูต-ดาบแห่งชัยชนะ  ใช้ MP 82 พุ่งใส่ศัตรูและฟาดฟันสามครั้ง ความเสียหายพื้นฐานเท่ากับ 190% ของพลังโจมตีและเข้าสู่สถานะรีชาร์จ 1 เทิร์น   ไททาเนีย ใช้ MP 82 ฟาดฟันศัตรู 5 คน มีโอกาส 25% ที่จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติม 1.5 เท่า ของพลังโจมตี   เกราะที่แกร่งที่สุด เมื่อเกราะภูต-ดาบแห่งชัยชนะ ไม่สามารถสังหารศัตรูได้จะสร้างความเสียหายเพิ่ม 2 เท่าของพลังโจมตี หลังจากใช้สกิลจะฟื้นฟูพลังชีวิต 25%   ในนามของกิลด์ เพิ่มโอกาสคริติคอลของเพื่อนร่วมทีม 6%     หยิบยืมพลัง เมื่อจบเทิร์นจะมีโอกาส 20% ที่จะหักพลังชีวิตปัจจุบัน 20% เพื่อเพิ่มพลังโจมตี 12% นาน 2 เทิร์น     เล็งจุดอ่อน: กายภาพ หลังเข้าสู่การต่อสู้จะเพิ่มอัตราคริติคอลกายภาพ 3%     เพิ่มพลังโจมตี หลังเข้าสู่การต่อสู้จะเพิ่มพลังโจมตี 5%     สเตตัสเบื้องต้น   จุดเด่น เอลซ่าก็ยังคงเป็นหญิงแกร่งไม่ว่าจะอยู่ในอนิเมะหรือเกมนี้ก็ตาม สำหรับเอลซ่าเกราะแห่งภูตมีจุดเด่นตรงที่พลังโจมตีสูง รุนแรง โดยเฉพาะการโจมตีแบบเดี่ยว เกราะแห่งภูตขึ้นชื่อว่าเป็นเกราะที่เป็นความภาคภูมิใจของกิลด์แฟรี่เทลทำให้ในเกมนั้นมีความสามารถเพิ่มอัตราคริติคอลของคนในทีมทั้งหมดถึง 3% เลย นอกจากนี้ยังมีพลังฟื้นฟูอีกด้วยโหดจัดเลยทีเดียว ถ้าเทียบกับชุดปกติแล้วก็ถือว่าความสามารถเยอะกว่าแน่นอน ถ้าพูดถึงความถึกอาจจะไม่ค่อยเท่าไรแต่ก็ไม่ได้เสียหายเพราะทดแทนมาด้วยพลังการฟื้นฟูที่ค่อนข้างสูง เอลซ่าเกราะแห่งภูตนั้นสามารถเข้าได้ทั้งทีม PVP และ PVE ด้วยพลังโจมตีที่สูงจึงทำให้เคลียร์เป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว สรุป ต้องบอกเลยว่าเอลซ่าเกราะแห่งภูตสมกับระดับ SS ที่ห้อยอยู่ท้ายชื่อมาก ๆ พอเอาไปลงสนามจริงแล้วตบทีศัตรูเลือดกลบปาก ด้วยความที่มีบัฟเพิ่มคริติคอลให้กับทั้งทีมจึงหมดห่วงเรื่องการโจมตีของจอมเวทย์ไปเลย เธอเหมาะกับทีมโจมตีกายภาพมาก ๆ ถ้าหยิบไปคู่กับเกรย์หรือมิร่าเจนบอกเลยว่ามันส์ตบอีกฝ่ายทีสะใจสุด ๆ แม้เกราะนี้จะไม่ถึกเหมือนเกราะปกติแต่ก็ไม่มีปัญหาเพราะได้พลังฟื้นฟูมาถึง 25% เลย ด้วยความสามารถที่ว่ามาทั้งหมดไม่มีเหตุผลไหนเลยที่เราจะไม่ยอมเสียเงินเพื่อเอาตัวเอลซ่าเกราะแห่งภูตมาอยู่ในทีม
04 Feb 2021
Valorant เจาะลึกข้อมูลแรง Recoil ของปืนพกทั้งหมดในเกม ยิงยังไงให้เทพ
หลังจากตัวเกมแนว FPS อย่าง Valorant เปิดตัวได้สักพัก ก็มีเสียงวิพากย์วิจารณ์มากมายทั้งในแง่บวกและแง่ลบ ซึ่งมันก็อาจจะเป็นปกติสำหรับทีมพัฒนาอย่าง Riot เพราะพวกเขามักมีสไตล์ที่ว่าการเปิดลงสนามจริงคือการหาข้อผิดพลาดที่ดีที่สุด เพื่อปรับปรุงและปรับสมดุลอาวุธต่างๆ ในเกมได้แบบตรงใจผู้เล่นมากที่สุด บทความนี้จะมาเจาะลึกข้อมูล Recoil ของปืนรวมถึง Pattern ของปืนพกแต่ละกระบอกของเกม Valorant ที่แม้แต่ปืนเริ่มต้น หากคุณยิงแม่นพอก็สามารถสังหารผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามได้ภายในไม่กี่นัด เรามาดูกันว่าปืนพกทั้งหมดเป็นอย่างไรกันบ้าง ไปดูกัน! ================================================== 1. Classic Pistol ปืนพก Classic เป็นปืนพกที่มีให้ใช้ระหว่างเริ่มเกม มีความแม่นยำที่ไว้ใจได้ในระยะใกล้และกลางเป็นหลัก ได้ฟรีตั้งแต่เริ่ม สามารถใช้สังหารกันได้ง่ายๆ ในช่วงต้นเกม ข้อมูลต่างๆ ของปืน: ประเภทของปืน: ปืนพก รูปแบบการยิง: กึ่งอัตโนมัติทีละนัด/เลือกโหมดการยิงได้ด้วยการคลิกขวา อัตราการลั่นกระสุน: 6.75 นัดต่อวินาที โหมดการยิงเสริม: การยิงแบบคลิกขวา: จะเป็นการยิงทีเดียวสามนัด แต่ความแม่นยำลดลงอย่างมาก อัตราการลั่นกระสุนจะลดลงเหลือ 2.22 นัดต่อวินาที พลังการทำลาย: เมื่อยิงจากระยะ 0 ถึง 30 เมตร - ช่วงล่าง: 22 / ลำตัว: 27 / ศรีษะ: 78 เมื่อยิงจากระยะ 31 ถึง 50 เมตร - ช่วงล่าง: 18 / ลำตัว: 22 / ศรีษะ: 66 อื่นๆ อำนาจการทะลุทะลวง: ต่ำ จำนวนกระสุนที่บรรจุ: 12 นัดต่อหนึ่งแม็กกาซีน จำนวนกระสุนสำรอง: 36 นัด ราคาของปืน: ได้ฟรีตั้งแต่เริ่มเกม เมื่อทำการทดสอบยิงด้วยการยิงคลิกซ้ายหนึ่งครั้งและคลิกขวาหนึ่งครั้งก็จะได้เห็นว่า การยิงคลิกซ้ายแบบยืนอยู่กับที่ มีความแม่นยำที่สูงเอาเรื่อง และเมื่อคลิกขวา จะเป็นการยิงทีเดียวสามนิด เมื่อทำการยิงคลิกซ้ายต่อเนื่องจำนวน 12 นัด ในระยะ สิบเมตรก็จะเห็นได้ว่ากลุ่มกระสุนปืนค่อนข้างแม่นยำในช่วงสองสามนัดแรก และหลังจากนั้นกลุ่มกระสุนจะเริ่มดีดขึ้นและกินซ้ายช่วงหนึ่ง ปืนไม่ดีดสูง แต่ก็ยังถือว่าแม่นยำใช้ได้ หากเรานั่งยิงก็จะช่วยลดแรงถีบได้พอสมควร ในระยะใกล้ไม่เกิน 10 เมตรอาจจะกระหน่ำยิงเลยก็ได้ แต่ไกลกว่านั้นก็ควรจะยิงหยอดหรือยิงเป็นชุดสองสามนัดเพื่อหวังผลให้ยิงเข้าศรีษะ ส่วนระยะ 20 เมตรขึ้นไป การยิงแบบทีละนัดเพื่อหวังผลส่วนศรีษะอาจจะไม่ได้แม่นยำขนาดนั้นเพราะกลุ่มกระสุนเริ่มกระจายออก ฉะนั้นควรเล็งส่วนลำตัวจะดีกว่า เมื่อทำการยิงด้วยคลิกขวาที่ออกทีเดียวสามนัด บอกเลยว่าเกาะกลุ่มในระยะต่ำกว่าสิบเมตรออกไปทางพอทนได้ ไกลกว่านี้คือยิงไม่โดนแน่ และอัตราการยิงคลิกขวาที่ต่ำมาก ยังดีที่ปืนมีแรงดีดไม่สูง จึงเหมาะไว้กับดักยิงระยะประชิดตามมุมต่างๆ เน้นสร้างความเสียหายแบบรุนแรงจะเวิร์คกว่าการยิงแบบหวังผล สรุปแล้ว ปืน Classic Pistol มีอำนาจการหยุดยั้งไม่ได้สูงมากมายนัก แต่เพียงพอที่จะใช้สังหารศัตรูในช่วงต้นเกม และยังเป็นปืนที่สามารถคลิกขวาเพื่อยิงสามนัดรวดเพิ่มอำนาจการหยุดยั้งในกรณีฉุกเฉิน ถือว่าเป็นปืนพกครอบคลุมรอบด้านทั้งในการป้องกันตัวและมีความแม่นยำที่จะยิงหัวได้ดี แต่ระยะเกิน 20 เมตรอาจจะไม่ได้หวังผลสูงขนาดนั้น เป็นปืนที่ครอบคลุมในแง่การใช้งานต้นเกมและเป็นปืนป้องกันตัวช่วงกลางเกมถึงท้ายเกมในฐานะปืนสำรองจริงๆ 2. Shorty Sawed-Off Shotgun ปืนลูกซองแฝดด้ามสั้นนี้ ถูกจัดให้เป็นประเภทปืนพกที่คนหยิบจับน้อยที่สุด แต่หารู้หรือไม่ว่ามันมีอานุภาพร้ายแรงซุกซ่อนอยู่ และสามารถใช้เป็นปืนหลักได้ทุกช่วงเกมแล้วแต่รูปแบบเกมจะอำนวย ข้อมูลต่างๆ ของปืน: ประเภทของปืน: ปืนลูกซองแฝด รูปแบบการยิง: การยิงแบบทีละนัดจากลำกล้องทั้งสอง/รีโหลดด้วยการหักลำ อัตราการลั่นกระสุน: 3.3 นัดต่อวินาที โหมดการยิงเสริม: ไม่มีโหมดการเสริมการยิง พลังการทำลาย: ( ลูกปรายจะออกจากปากลำกล้องทั้งหมด 15 นัด ) เมื่อยิงจากระยะ 0 ถึง 9 เมตร - ช่วงล่าง: 10 / ลำตัว: 12 / ศรีษะ: 36 ( ดาเมจต่อลูกปราย 1 นัดที่โดน ) เมื่อยิงจากระยะ 10 ถึง 15 เมตร - ช่วงล่าง: 6 / ลำตัว: 8 / ศรีษะ: 24 ( ดาเมจต่อลูกปราย 1 นัดที่โดน ) เมื่อยิงจากระยะ 16 เมตรขึ้นไป - ช่วงล่าง: 2 / ลำตัว: 3 / ศรีษะ: 9 ( ดาเมจต่อลูกปราย 1 นัดที่โดน ) อื่นๆ อำนาจการทะลุทะลวง: ต่ำ จำนวนกระสุนที่บรรจุ: 2 นัดต่อสองแฝดรังเพลิงในลำกล้อง จำนวนกระสุนสำรอง: 10 นัด ราคาของปืน: 200 เหรียญ เมื่อลองทดสอบด้วยการยิงปืน Shorty ในระยะ 10 เมตร ก็ได้เห็นชัดๆ เลยว่ากลุ่มกระสุนค่อนข้างกินกว้าง แต่หากในระยะนี้เล็งไปที่ลำตัวศัตรู ยังไงก็ตายภายในสองนัดแน่นอน ซึ่งปืนนี้สามารถยิงซ้ำได้ค่อนข้างไว แต่ด้วยที่ว่ามีกระสุนบรรจุพร้อมยิงสองนัด จึงต้องมั่นใจว่าจะต้องโดนเต็มๆ ทั้งสองนัด แต่หากระยะต่ำกว่า 5 เมตร ยังไงนัดเดียวก็ชะตาขาดแม้จะใส่เกราะหนักมาก็ตาม สรุปคือปืน Shorty เหมาะสามารถยิงแบบซึ่งๆ หน้าในระยะประชิดตัวได้ดีเยี่ยม หากผู้เล่นคิดว่าสามารถฆ่าศัตรูได้ภายในสองนัด แต่หากให้ดี คือการเน้นดักยิงตามมุมต่างๆ น่าจะเวิร์คกว่า เพราะหากต้องยิงจนกระสุนหมด มันใช้เวลารีโหลดค่อนข้างนานพอสมควร แต่ด้วยความรุนแรงอันมหาศาลในระยะประชิดก็ถือว่าทดแทนกันได้ 3. Frenzy Machine Pistol ปืนพกกล Frenzy จุดเด่นของมันที่เห็นได้ชัดเจนคือสามารถยิงแบบอัตโนมัติหรือ Full-Automatic ได้ และมันก็มีอำนาจมากพอที่จะใช้ในยามเสียเปรียบหรือเงินซื้อปืนจำกัดเพื่อพลิกสถานะการณ์ให้กลับมาได้เปรียบในระยะเวลาอันสั้นได้ ข้อมูลต่างๆ ของปืน: ประเภทของปืน: ปืนพก รูปแบบการยิง: การยิงแบบอัตโนมัติ ( Full-Automatic ) อัตราการลั่นกระสุน: 10 นัดต่อวินาที โหมดการยิงเสริม: ไม่มีโหมดการเสริมการยิง พลังการทำลาย: เมื่อยิงจากระยะ 0 ถึง 20 เมตร - ช่วงล่าง: 22 / ลำตัว: 26 / ศรีษะ: 78 เมื่อยิงจากระยะ 21 ถึง 50 เมตร - ช่วงล่าง: 17 / ลำตัว: 21 / ศรีษะ: 63 อื่นๆ อำนาจการทะลุทะลวง: ต่ำ จำนวนกระสุนที่บรรจุ: 13 จำนวนกระสุนสำรอง: 39 นัด ราคาของปืน: 400 เหรียญ เมื่อนำปืน Frenzy ทดสอบการยิงหากลุ่มกระสุนด้วยการยิงเป็นชุด ชุดละ 3 นัด ซึ่งก็สักเกตุได้เลยว่า ค่อนข้างแม่นยำสูง ยิงหวังผลได้ในระยะทั้ง 10 เมตรและ 20 เมตร แต่เมื่อห่างออกไปเป็นสามสิบเมตร การยิงเป็นชุดในนัดที่ 3 อาจจะหาความแม่นยำไม่ได้ การยิงเคาะทีละนัดหรือสองนัดจะดีที่สุด และเมื่อทำการกดเมาส์ค้างยิงรัวครบ 13 นัด ซึ่งจะสังเกตุได้ว่านัดที่สามหรือสี่ จะเริ่มดีดขึ้นตรงจนมาถึงนัดที่หกหรือเจ็ดเป็นต้นไป ปืนจะเริ่มส่ายซ้ายขวาอย่างเห็นได้ชัด หากยิงในระยะ 10 เมตรก็ยังพอกดรัวจนหมดแม็กกาซีนได้แค่คงไม่ได้หมดทุกนัด แต่ระยะไกลกว่านี้ก็ไม่อาจคาดหวังว่าจะโดนยิงศัตรูได้เช่นกันเพราะแรงถีบนั้นค่อนข้างสูง โดยรวมแล้วปืน Frenzy นั้นค่อนข้างเหมาะกับการใช้เพื่อ Rush บุกประชิดให้ไว้ที่สุดสำหรับช่วงเกมที่เสียเปรียบและมีวงเงินจำกัดในการต่อสู้แต่ละรอบ เพราะมันสามารถยิงรัวได้ แต่เรื่องความแม่นยำนั้น ยังไม่ถึงกับว่าไว้ใจได้ในระยะกลาง เพราะปืนพก Classic ยังยิงแรงกว่าและให้ความแม่นยำกว่า ฉะนั้นเทคนิคการใช้ปืนนี้เมื่อเจอในระยะหวังผลช่วง 10 เมตรคือ กดยิงรัวออกไปถึงนัดที่ 4 ให้ลองนั่งลงยิง เพราะการลดระดับตัวลงจะสัมพันธ์กับแรงถีบที่ดีดขึ้น อาจจะช่วยคาดหวังให้กระสุนโดนหัวศัตรูมากขึ้น 4. Ghost Suppresor Pistol ปืนพกติดท่อลดเสียง Ghost ซึ่งด้วยรูปร่างปืนสุดเท่พร้อมจะมอบความตายให้กับผู้โชคร้ายโดยยังไม่ทันได้ร้องออกมา ด้วยความเงียบของมันนี้เองจึงเป็นเสมือนภูติผีสมชื่อกับปืนพกกระบอกนี้ ข้อมูลต่างๆ ของปืน: ประเภทของปืน: ปืนพก รูปแบบการยิง: การยิงแบบกึ่งอัตโนมัติทีละนัด อัตราการลั่นกระสุน: 6.75 นัดต่อวินาที โหมดการยิงเสริม: ไม่มีโหมดการเสริมการยิง พลังการทำลาย: เมื่อยิงจากระยะ 0 ถึง 30 เมตร - ช่วงล่าง: 25 / ลำตัว: 30 / ศรีษะ: 105 เมื่อยิงจากระยะ 31 ถึง 50 เมตร - ช่วงล่าง: 21 / ลำตัว: 25 / ศรีษะ: 87 อื่นๆ อำนาจการทะลุทะลวง: ปานกลาง จำนวนกระสุนที่บรรจุ: 15 จำนวนกระสุนสำรอง: 45 นัด ราคาของปืน: 500 เหรียญ ปืนนี้นำปืนพก Ghost ทดสอบการยิงด้วยการยิงทีละนัดด้วยการเคาะเป็นจังหวะช้าๆ ( ไม่กดเคาะรัว ) บอกเลยว่าแม่นยำมากๆ ยิงเข้าร้อยรูทุกนัด แต่ก็มีร่องรอยกระสุนเริ่มเบี่ยงออกมาเล็กน้อย ทำให้ปืนนี้สามารถหวังผลความแม่นยำได้ทุกระยะ แต่อย่าลืมว่าปืนพกก็คือปืนพก อำนาจการหยุดยั้งก็ไม่ได้สูงกว่าปืนประเภทอื่น และเมื่อทำการยิงด้วยการกดคลิกรัวๆ ไปจำนวน 15 นัด ก็บอกเลยว่ายังถือว่าแม่นยำมากในช่วงสามนัดแรด พอนัดที่สี่จะดีดขึ้นเล็กน้อยไม่กลุ่มกระสุนจะกระจายออกนิดหน่อยแต่ยังถือว่ากระสุนเกาะกลุ่มได้ดีมากในระยะ 10 และ 20 เมตร หากไกลกว่านี้ก็แนะนำว่ายิงหยอดทีละนัดเพื่อความแม่นยำจะดีกว่า เมื่อนำกลุ่มกระสุนของปืน Classic และปืน Ghost ตอนยิงแบบคลิกรัวๆ มาเทียบกันแล้วพบว่า ปืน Ghost จะดีดน้อยกว่าและเกาะกลุ่มได้ดีกว่าด้วย โดยรวมแล้ว ปืน Ghost มันคือปืนพก Classic ที่อัพเกราะเข้ามาอีกที ซึ่งการติด Suppressor นี้จะทำให้เราฆ่าศัตรูและไม่ถูกโชว์บน Minimap ( แต่ยังแสดงทิศทางที่เพื่อนเราตายบนกลางจออยู่ดี ) นอกจากนี้ตัวปืนสามารถยิงทะลุ Softwall หรือพวกกำแพงบางๆ อย่างไม้หรือกำแพงบางจุดได้ด้วย ที่สำคัญ ปืนนี้สามารถสังหารศัตรูได้เพียงนัดเดียวเมื่อยิงหัวในระยะต่ำกว่า 30 เมตรกับศัตรูที่ไม่สวมเกราะอีก สำหรับเราแล้วเป็นปืนที่หวังผลได้หลายสถานะการณ์ทั้งใช้เป็นปืนหลักในการป้องกัน, ลอบเร้น และใช้ยิงดวลศัตรูจากระยะกลางได้หากแม่นยำพอ ด้วยราคา 500 เหรียญจึงถือว่าดีมากๆ 3. Sheriff Revolver ปืนลูกโม่ยอดนายอำเภอ Sheriff ถูกออกแบบมาให้มีโม่รองรับกระสุนขนาดใหญ่และลำกล้องที่ยาว เพื่อใช้ต่อกรกับศัตรูที่อึดถึกทน หวังโค่นล้มผู้ร้ายได้ภายในเพียงไม่กี่อึดใจ แต่มันจะแสดงประสิทธิภาพสูงเมื่ออยู่ในเมื่อผู้ชำนานพอที่จะใช้มัน ข้อมูลต่างๆ ของปืน: ประเภทของปืน: ปืนลูกโม่ รูปแบบการยิง: การยิงแบบกึ่งอัตโนมัติทีละนัด อัตราการลั่นกระสุน: 4 รอบช่องโม่ต่อวินาที ( รอบช่องโม่ ไม่ใช่รอบทั้งตัวโม่ปืน ) โหมดการยิงเสริม: ไม่มีโหมดการเสริมการยิง พลังการทำลาย: เมื่อยิงจากระยะ 0 ถึง 30 เมตร - ช่วงล่าง: 46 / ลำตัว: 55 / ศรีษะ: 159 เมื่อยิงจากระยะ 31 ถึง 50 เมตร - ช่วงล่าง: 42 / ลำตัว: 50 / ศรีษะ: 145 อื่นๆ อำนาจการทะลุทะลวง: สูง จำนวนกระสุนที่บรรจุ: 6 จำนวนกระสุนสำรอง: 24 นัด ราคาของปืน: 800 เหรียญ เมื่อทำการลองยิงแบบปราณีต ไม่กดเคาะเมาส์รัว ก็จะเห็นว่าปืนลูกโม่นี้มีความแม่นยำที่สูงมาก แต่ก็ไม่ถึงกับขั้นร้อยรูเรียบเนียนเหมือนกับปืน Ghost นั้นหมายความว่าปืน Sheriff มีความแม่นยำต่ำกว่า Ghost อยู่เล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถยิงเพื่อหวังผลจากระยะไกลได้เช่นเดียวกัน ทว่าการยิงแต่ละนัดนั้นแรงถีบสูงพอตัว การยิงแบบปราณีตรอเป้าหุบในแต่ลำนัดจึงไม่ค่อยต่อเนื่องเท่าไหร่นัก และเมื่อทำการลองยิงแบบกดคลิกรัวๆ ไม่รอเป้าหุบต่อเนื่องจำนวน 6 นัด ทำซ้ำหลายๆ ครั้ง หลายๆ เป้า จนเห็นผลชัดเลยว่า กระสุนสองนัดแรกยังพอมีความแม่นยำบ้าง แต่นัดที่สามเป็นต้นไปหวังผลอะไรไม่ได้แล้ว เบี่ยงซ้ายขวาและดีดขึ้นสูงมากๆ หากยิงรัวหมดโม่ในช่วง 5 เมตรแรกยังพอหวังผลได้ แต่กับในระยะ 10 เมตรค่อนข้างหวังผลยากที่จะยิงให้โดนจนตาย แต่การนั่งยิงนั้นก็พอช่วยได้บ้างในแง่การลดแรงถีบเล็กน้อยและวิถีกระสุนที่ดีดขึ้นสัมพันธ์กับช่วงที่เรานั่งยิงรัวหมดโม่ แต่ก็ไม่ได้ช่วยเพิ่มโอกาสในการยิงโดนศัตรูมากนัก สรุปแล้วปืนลูกโม่ Sheriff มีความแม่นยำสูง มีอำนาจทะลุทะลวงกำแพงหนาๆ ได้ สามารถสังหารศัตรูให้ตายภายในนัดเดียวแม้ใส่ชุดเกราะหนาเมื่อยิงเข้าหัว ยกเว้นระยะมากกว่า 30 เมตรอาจจะต้องใช้ถึงสองนัด แต่ด้วยความรุนแรงของมันก็แลกกับแรงถีบที่สูง และการยิงซ้ำศัตรูทำได้ค่อนข้างยากจากระยะกลาง จึงเหมาะกับผู้เล่นที่ยิงแม่นๆ เน้นยิงปราณีตต่อสู้ระยะกลางหรือไกล และใช้เป็นปืนหลักได้หากใจแน่พอกับกระสุนจำนวนหกนัดในโม่ ================================================== ก็จบกันไปแล้วกับไกด์เจาะลึกข้อมูลแรง Recoil ของปืนพก หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับเพื่อนๆ ที่เล่นเกม Valorant ไม่มากก็น้อย บทความต่อไปจะมาทำเจาะลึกข้อมูลแรง Recoil ของปืนกลมือและลูกซองกันว่า แต่ละปืนจะเหมาะกับการเล่นรูปแบบไหน อย่าลืมติดตามข่าวสารของพวกเราอย่างใกล้ชิดล่ะ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
18 Jun 2020
Resident Evil: Resistance แนวทางการเล่น Jill สาวแกร่งแห่งหน่วย S.T.A.R.S.
ต้องขอบอกเลยว่า เกม Resident Evil: Resistance เป็นเกมแนวเอาชีวิตรอดแบบ 4 รุมหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งของหมู่แฟนเกม Resident Evil ทั้งการอัพเดตปรับปรุงแก้ไขกันแทบจะตลอดเวลา รวมถึง Road-map เส้นทางการอัพเดตของเกมช่วงแรกๆ ก็ทำเอาผู้เล่นตื่นเต้นอย่างการอัพเดตตัวละครผู้รอดชีวิตคนใหม่อย่าง Jill Valentine และในเดือนพฤษภาคมนี้ก็จะอัพเดตตัวละคร Mastermind อย่าง Nicolai ที่กำลังจะอัพเดตในอีกไม่ช้าด้วย บทความนี้จะมาเจาะลึกข้อมูลต่างๆ ของ Jill Valentine กับเทคนิคการเล่นเอาตัวรอดบนการทดลองที่สุดแสนทารุณ ซึ่งบอกเลยว่าสไตล์การเล่นของเธอค่อนข้างเล่นยากและต้องใช้ฝีมือขั้นสูงเพื่อดึงความสามารถของเธอได้ถึงขีดสุด มีอะไรบ้างไปดูกัน ================================================== Jill Valentine กับฝันร้ายที่ต้องฝ่าออกไปไม่มีที่สิ้นสุด Jill Valentine นั้น เธอเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงของหน่วย Special Tactics and Rescue Service หรือมีชื่อย่อว่าหน่วย S.T.A.R.S. ซึ่งเธอได้ทำการสืบสวนเกี่ยวกับคดีของ Umbrella บริษัทที่มีเวชภัณฑ์เป็นงานบังหน้าแต่เบื้องหลังนั้นคือการทดลองอาวุธชีวภาพสุดแสนน่ากลัวเพื่อหยุดสิ่งน่ากลัวที่จะเกิดขึ้นในเมืองแรคคูน แต่ทุกครั้งที่เธอได้พักผ่อนและหลับตาลง "ฝันร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุด" ก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อในความฝันเธอพบว่า เธอได้ถูกจับในห้องทดลองร่วมกับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ที่กำลังหาทางเอาตัวรอดเช่นกัน แต่ไม่นานนักเธอก็ได้รับรู้ว่า "ฝันร้ายที่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้" มันเริ่มชัดเจนและเริ่มเป็นจริงขึ้นมาทุกที... Skill ต่างๆ ของตัว Jill Valentine สกิล Fever ของ Jill: S.T.A.R.S. Armory สกิลท่าไม้ตายของ Jill เมื่อเกจ Fever ของเธอเต็ม จะเป็นการใช้งานอาวุธพิเศษของตัวเธอเองเพื่อสังหารศัตรูอย่างรวดเร็วและรุนแรงในเวลาจำกัด โดยสกิล Ultimate จะถูกแยกย่อยออกไปเป็นสองสกิลดังนี้ Samurai Edge: เมื่อใช้งานสกิล S.T.A.R.S. Armory ตัว Jill จะทำการหยิบปืนพก Beretta M92FS รุ่นปรับแต่งพิเศษภายใต้ชื่อว่า Samurai Edge ซึ่งสามารถสร้างความเสียหายแก่เหล่า B.O.W ได้อย่างรุนแรง รวดเร็ว อำนาจการทะลุทะลวงที่สูงและทำให้พวกมันกระเด็นถอยหลังออกไปได้ โดยจะมีเวลาการใช้จำกัดและมีกระสุนพร้อมยิงให้ 7 นัด หลังจากสิ้นสุดการใช้สกิล จะมีระยะเวลา Cooldown: 240 วินาที Rocket Launcher: เมื่อใช้งานสกิล S.T.A.R.S. Armory ตัว Jill จะทำการหยิบเครื่องยิงจรวจ M202A1 Flash ซึ่งเป็นเครื่องยิงจรวจสี่ลำกล้องออกมา ถึงมันจะยิงช้าแต่ทุกนัดที่ยิงออกไป จะสร้างความเสียหายที่รุนแรงมากๆ และมีรัศมีระเบิดที่เป็นวงกว้าง เมื่อยิงออกไปแล้วก็จะมาพร้อมกับคำสบถของ Jill พูดออกมาด้วย ( เหมือนคุณเธอเองจะสะใจที่ได้ใช้มันมากเลยนะ ) หลังจากสิ้นสุดการใช้สกิล จะมีระยะเวลา Cooldown: 300 วินาที โดยสามารถใช้งานสกิลนี้ได้เมื่อตัวละครเลเวล 23 สกิลที่กดใช้เฉพาะของ Jill: Evade สกิลเฉพาะของ Jill นั้นเมื่อกดใช้แล้วจะเป็นการโยกหลบศัตรูอย่างรวดเร็ว สามารถโยกหลบได้อย่างอิสระหลายทิศทาง โดยจะมีสองความสามารถย่อยเสริมเข้ามาดังนี้ Rapid Cooldown: เมื่อ Jill โยกหลบ จะมีระยะเวลา Cooldown เพียงแค่ 5 วินาทีเท่านั้น Alpha Team: เมื่อ Jill โยกหลบศัตรูได้สำเร็จ จะเพิ่มอำนาจการยิงแบบคริติคอลให้กับเธอเป็นเวลาสั้นๆ ซึ่งมีประโยชน์มากเมื่อยิงไปที่หัวของ B.O.W มีระยะเวลา Cooldown 15 วินาที โดยสามารถใช้งานสกิลนี้ได้เมื่อตัวละครเลเวล 11 สกิล Passive ที่ 1: B&E Specialist อดีตของ Jill ก่อนที่จะมาเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วย S.T.A.R.S. เธอเคยเป็นทหารหน่วย Delta Force มาก่อน ซึ่งทักษะทหารของเธอที่ได้มานั้น เสริมความสามารถของเธอให้แกร่งยิ่งขึ้น โดยจะมีสกิลย่อยสองสกิลดังนี้ Breakaway: เมื่อ Jill ถูก B.O.W จับจากข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นซอมบี้, หมาซอมบี้หรืออื่นๆ เธอจะใช้มีดสั้นแทงสวนพวกมันเพื่อให้หลุดจากการโดนจับได้ โดยจะสามารถใช้งาน Passive นี้ได้เมื่อเกจสกิล S.T.A.R.S. Armory เต็มเท่านั้น และทุกครั้งที่ใช้จะส่งผลต่อ Cooldown ของสกิล S.T.A.R.S. Armory ที่จะเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย Countersurveillance: Passive นี้จะทำให้เธอยิงกับดักและกล้องวงจรปิดของ Masterminds ได้รุนแรงมากขึ้น โดยมันจะส่งผลเมื่อเกจสกิล S.T.A.R.S. Armory เต็มเท่านั้น และตัวละครจะต้องมีเลเวล 5 ขึ้นไปถึงจะใช้ความสามารถนี้ได้ สกิล Passive ที่ 2: Delta Force Jill นั้นเป็นถึงอดีต Delta Force หญิงคนแรกของหน่วย แน่นอนว่าฝีมือการยิงปืนของเธอนั้นสูงมาก ทำให้มั่นใจได้เลยว่าเป้าที่เธอเล็งจะไม่มีวันพลาด โดยจะมี Passive ย่อยให้ใช้สองสกิลดังนี้ Precision: เมื่อ Jill ได้ทำการเล็งพร้อมกับเคลื่อนที่ เป้าจะไม่บานออก ส่งผลทำให้การยิงใส่ศัตรูมีความแม่นยำมากขึ้น Marksman: เมื่อ Jill ได้ทำการเล็งโดยเป้าเล็งหุบอยู่นั้น เธอจะสร้างความเสียหายได้มากขึ้นกว่าปกติ โดยจะสามารถใช้ความสามารถนี้ได้เมื่อตัวละครมีเลเวล 17 ตำแหน่งการเล่นของ Jill Valentine Jill Valentine เป็น Survivor สายทำ Damage ด้วยการใช้อาวุธปืนเป็นหลักเหมือนกับ January และ Becca แต่จะมีความแตกต่างอยู่ที่ Jill เน้นการเข้าบู้ในแนวหน้ามากกว่าการยิงสนับสนุน ทำให้เธอเหมาะกับการยืนอยู่ในแถวสองร่วมกับ Survivor สายแทงค์คนอื่นๆ คอยสนับสนุนการสร้างความเสียหายให้ได้มากที่สุด แต่หากผู้เล่นที่เล่น Jill จนชำนาญแล้ว เธอสามารถลุยเดี่ยว แยกกับทีมในการทำ Objective ได้อย่างสบายๆ เนื่องจากสกิลเอาตัวรอดอย่าง Evade เพื่อหลบหลีกพร้อมกับ Passive B&E Specialist ที่จะช่วยให้เอาตัวรอดได้เกือบทุกสถานะการณ์ แต่ต้องมั่นใจว่า การแยกไปช่วยทำ Objective อาจจะทำให้เกมจบไวขึ้น แต่บางครั้งทีมก็อาจจะขาดคนทำ Damage Dealer ด้วยเช่นกัน ฉะนั้นหากเป็นพวกฉายเดี่ยว ก็อย่าแยกจากทีมห่างเกินไป โดยเฉพาะ Stage สุดท้ายที่ต้องการ Damage ในการทำลายหลอดทดลองนั้นเอง อาวุธที่เหมาะสมกับ Jill Valentine อาวุธที่เหมาะสมกับเธอ แน่นอนว่าจะต้องเป็นอาวุธปืนอยู่แล้ว แต่หากแนะนำให้เน้นไปที่ปืนพกเป็นหลักจะดีที่สุดเพราะ Jill แม้จะเป็นตัวสร้างความเสียหายให้กับทีม แต่เธอก็ต้องการความคล่องตัวเช่นกัน ส่วนพวกปืนกลหรืออาวุธหนักต่างๆ ก็สามารถใช้งานได้ แต่อาจจะไม่ได้ดีเท่า Becca ที่มีสกิลและ Passive เอื้ออำนวยกว่า ฉะนั้นหากมีเงินเหลือเฟือจริงๆ หยิบใช้ปืน .44 Magnum จะเข้ามือที่สุด แต่กระสุนในตัวต้องเยอะหน่อยนะ ข้อควรระวังในการเล่น Jill Valentine เพราะตัว Jill นั้นมีความสามารถครบเครื่องจนแทบไม่ต้องพึ่งพาอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ก็อย่าลืมว่าเธอไม่ใช่ตัวชน ฉะนั้นหากโดนโจมตี พลังชีวิตก็แทบจะหายฮวบไปด้วย หากไม่ชำนาญในการเล่น Jill ก็แทบจะต้องพึ่งพายาเพิ่มเลือดหรือสกิลรักษาของ Valerie อีก ส่วนสกิล Evade แม้จะใช้โยกหลบได้ แต่หลังจากโยกตัวหลบ ตัว Jill จะชะงักเล็กน้อย ฉะนั้นหากโยกหลบผิดตำแหน่งหรือโยกหลบไม่ดูทิศทาง อาจจะโดนเล่นงานได้ง่ายเช่นกัน และสุดท้าย การใช้สกิล S.T.A.R.S. Amory ก็สำคัญเช่นกันเพราะแม้จะมีความรุนแรง มีอำนาจทะลุทะลวงและผลักศัตรูได้ แต่กระสุนที่ได้ก็น้อยนิดเช่นกัน ฉะนั้นทุกครั้งที่ลั่นออกไป ไม่ว่าจะเป็นตัว Samurai Edge หรือ Rocket Launcher ต้องใช้อย่างคุ้มค่าจริงๆ ไม่สามารถใช้พร่ำเพื่อได้ ที่สำคัญเมื่อใช้จนหมดแล้ว ระยะเวลา Cooldown ก็นานมากๆ และทำให้ Passive B&E Specialist ไม่สามารถใช้งานได้ชั่วคราวจนกว่าเกจสกิล S.T.A.R.S. Amory จะเต็มอีกครั้ง ================================================== และทั้งหมดนี้ก็คือการเจาะลึกสกิลและเทคนิคในการเล่นของตัว Jill Valentine จากเกม Resident Evil: Resistance โดยส่วนตัวแล้วหากให้ความยากในการเล่น ถือว่าเป็นตัวละครที่เล่นค่อนข้างยาก เนื่องจากความครบเครื่องของเธอและพึ่งพาการยิงที่แม่นยำของตัวผู้เล่นเอง ทุกนัดที่เธอยิงจึงมีความคุ้มค่าและชีเป็นชีตายให้กับตัวเองรวมถึงเพื่อนร่วมทีมด้วย เพราะเกมนี้ต้องพึ่งพาทีมยังไงล่ะ! ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่    
07 May 2020
ไกด์ Resident Evil: Resistance ข้อมูลการเล่น Survivor ทั้ง 6 คน
หลังจากบทความแรกเกี่ยวกับข้อมูลต่างๆ ของเหล่า Masterminds ในเกม Resident Evil: Resistance กันไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงคิวของเหล่า Survivor ทั้ง 6 คนของเกมนี้กันบ้าง ซึ่งแต่ละคนมีประวัติและสกิลที่น่าสนใจอย่างมากเลยล่ะ ซึ่งอย่างที่ทราบกันว่าเกมนี้เป็นเกมแนวเอาตัวรอดแบบ 4 ต่อ 1 ซึ่งหากเหล่าผู้รอดชีวิตใช้ทักษะต่างๆ ได้คล่อง ร่วมมือกับผู้เล่นคนอื่นๆ ก็จะสามารถผ่านได้อย่างไม่ยากเย็น บทความนี้ทาง GameFever TH จะมาพูดถึงความสามารถต่างๆ ของ Survivor และแนวทางการเล่นให้ได้อ่านกัน ================================================== จุดประสงค์การเล่นของเหล่า Survivor Survivor หรือกลุ่มผู้รอดชีวิต จะเป็นการบังคับผ่านมุมมองบุคคลที่สามหรือ Third Person Shooting เท่านั้น พวกเขาเหล่านี้หากไม่ถูกลักพาตัวมาด้วยเหตุผลที่รู้เรื่องด้านมืดของบริษัทอัมเบลล่าเยอะเกินไป ก็ถูกหลอกให้ร่วมโครงการแปลกๆ เพื่อแลกกับอะไรบางอย่าง กว่าจะรู้ตัวก็สายไปเสียแล้ว แต่ความหวังนั้นก็ยังคงมีอยู่เมื่อหนหางเดียวที่จะออกไปจากที่นี่ได้คือร่วมมือกับผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ ฝ่าอุปสรรค นรกบนดินแห่งนี้แล้วออกจากที่นี่ไปด้วยกัน ด้วย Skill ของเหล่า Survivor จะมีความสามารถและความถนัดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่มีใครเก่งเหนือกว่าใคร และหากขาดใครไปสักคนก็จะทำให้ผ่านได้ยากมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ฉะนั้นรู้หน้าที่ตัวเองแล้วอย่าไปซ่าหรือแยกออกไปคนเดียวหากไม่มีความจำเป็น เพราะถ้าเราตกอยู่ในอันตรายเมื่อไหร่ เวลาที่กำหนดชีวิตไว้ก็จะลดลงไปอย่างรวดเร็ว โดยอุปสรรคทั้งหมดที่จะต้องฝ่ามีอยู่ 3 Stage ด่านแรกต้องหาชิ้นส่วนปริศนาเพื่อเปิดประตู, ด่านที่สองจะต้องหากุญแจจากซอมบี้ที่ถือกุญแจอยู่ แล้วปลดล็อคอุปกรณ์นิรภัยสามจุด, และด่านสุดท้ายคือทำลายหลอดทดลองสามแห่งแบบสุ่มก่อนรอเปิดประตูทางออกเพื่อหนี ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ Survivor ควรรับรู้...ร่วมงานกับทีม ปกป้องกันและกัน และฝ่าออกไปจากที่นี่ให้ได้ แต่ก่อนจะถึงจุดนั้น เราจะต้องรู้ก่อนว่า Skill ของ Survivor แต่ละคนมีอะไรกันบ้าง Valerie นักศึกษาไฟแรงจบเคมีแต่โดนอัมเบลล่าหลอกมา Valerie Harmon เป็นนักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยเมืองแรคคูน สาขาเคมี ตัวเธอมีพรสวรรค์ในการคิดค้นเทคโนโลยีเคมีเพื่อการรักษา โดยคาดหวังว่าเรียนจบแล้วจะไปทำงานต่อที่บริษัทอัมเบลล่าที่ขึ้นชื่อในเรื่องเวชภัณฑ์อันดับหนึ่งของอเมริกา ซึ่งความคาดหวังของเธอก็เป็นจริงเมื่อทางบริษัทเสนอให้เธอมาฝึกงานที่ศูนย์วิจัยใต้ดิน NEST2 ของอัมเบลล่า ระหว่างที่เธอฝึกงานอยู่นั้นก็ได้สังเกตุว่าเพื่อนร่วมงานของเธอที่เป็น Roomate จำอะไรไม่ได้หลังเข้ารับการทดลองลับสุดยอด ซึ่งหารู้ไม่ว่ามันคือการป้องกันข้อมูลลับรั่วไหลเลยทำให้เพื่อนของเธอเสียความทรงจำส่วนไหนไป Valerie เลยตัดสินใจสืบสวนจนได้พบข้อมูลลับที่ว่า มันคือโปรเจค T-Virus ที่จะใช้เป็นอาวุธชีวภาพ แน่นอนว่าการกระทำของเธอถูกเบื้องบนจับตามอง จึงตัดสินใจลักพาตัวพร้อมจับมาทำการทดลองประสิทธิภาพของพวก B.O.W ร่วมกับผู้เคราะห์ร้ายคนอื่นด้วย สกิล Ultimate ของ Valerie: Modified First Aid Spray เมื่อเกจ Ultimate ของเธอเต็ม จะเป็นการใช้สเปรย์รักษาแผลที่เธอดัดแปลงขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยจะตั้งไว้บนพื้นและทำการ Heal เพื่อนร่วมทีมรอบตัว อีกทั้งสามารถใช้ช่วยเพื่อนที่ล้มอยู่, รักษาอาการผิดปกติรวมถึงรักษาการติดไวรัสด้วย เวลา Cooldown: 150 วินาที สกิลที่กดใช้เฉพาะของ Valerie: Survival Instinct เมื่อกดใช้ จะเป็นการ Scan ค้นหาของรอบตัวของเธอ ทั้งกระสุน, ยา, Key Item หรือแม้กระทั่งเหล่า B.O.W ทำให้เรารู้ตำแหน่งที่แน่ชัดว่าอะไรอยู่ตรงไหนได้ เวลา Cooldown: 30 วินาที สกิล Passive ที่ 1: Biochem Expertise เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมยืนใกล้เธอ จะได้รับผล Effect พิเศษ โดยสามารถเลือกได้ว่าจะให้เป็นสกิลที่ใช้ไอเท็มฟื้นฟูเลือดได้เยอะขึ้นหรือทำให้เพื่อนร่วมทีมใช้อาวุธปืนยิงใส่ศัตรูทำให้สามารถลบล้าง Buff ในตัวของมันได้ สกิล Passive ที่ 2: Explosive Knowledge เป็นสกิลติดตัวที่สามารถเลือกได้สองอย่างคือ อย่างแรกเมื่อเธอฆ่าศัตรูจะมีโอกาสดรอประเบิดมือหรือระเบิดแสง อย่างที่สองคือเธอจะสามารถใช้ระเบิดที่มีใน Inventory ยัดปากศัตรูเพื่อไม่ให้โดนทำร้ายได้ January แฮคเกอร์ที่ต้องการความจริงจากอัมเบลล่า January Van Sant เป็นแฮคเกอร์มือฉกาจที่ได้รับการว่าจ้างจาก News Comet สำนักข่าวชื่อดังในเมืองแรคคูน ให้ค้นหาไฟล์เกี่ยวกับการซื้อขายของบริษัทอัมเบลล่าและกรมตำรวจแรคคูน แต่พลาดท่าถูกอัมเบลล่าดักฟังข้อมูลทำให้เธอถูกตำรวจที่รับสินบนจากอัมเบลล่าซ้อนแผนและลักพาตัวมาที่นี่ด้วยเช่นกัน เธอเป็นตัวขัดขวางการเดินหมากของ Masterminds ที่เกือบทุกเกมต้องมีคนหยิบเธอมาเล่น ไม่เช่นนั้นจะทำให้การผ่านด่านเป็นเรื่องลำบากขึ้นมาทันที สกิล Ultimate ของ January: EMP เมื่อเกจ Ultimate ของเธอเต็ม จะเป็นการใช้คลื่น EMP แรงสูง ส่งผลต่อ Masterminds โดยตรง ทำให้การ์ดของ Masterminds ที่อยู่บนมือต้องใช้ค่า SP อย่างมหาศาลในการเรียก B.O.W หรือการ์ดต่างๆ เป็นการที่ทำให้ Masterminds ปวดหัวหรือยอมเสียเวลาไม่ลงการ์ดเพิ่มเพื่อไม่ให้สูญเสีย SP โดยใช่เหตุ เวลา Cooldown: 180 วินาที สกิลที่กดใช้เฉพาะของ January: Overlord เมื่อกดใช้ไปที่กล้องวงจรปิด จะเป็นการทำให้กล้องวงจรปิดตัวนั้นสัญญาณขาดหายไปชั่วคราว Masterminds ไม่สามารถใช้กล้องวงจรปิดตัวนั้นได้ ต้องรอสักพักกว่าจะกลับมาใช้ได้ตามปกติ เวลา Cooldown: 60 วินาที สกิล Passive ที่ 1: Disruptor Round เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้ January สามารถยิงใส่กล้องวงจรปิดให้พังไวขึ้น โดยจะมีทางเลือกสองทางคือ สามารถเพิ่มความเสียหายต่อกล้องแบบมหาศาล 2 นัดกล้องพังหรือยิงใส่กล้องวงจรปิดที่ Masterminds ใช้งานอยู่ จะเป็นการหยุดการฟื้นฟูค่า SP เป็นเวลา 1 วินาทีแทน สกิล Passive ที่ 2: Cyber Monday เป็นสกิลติดตัวที่ลดราคาของต่างๆ ในกล่องขายของ โดยเลือกได้ว่า จะลดราคากระสุน สมุนไพรและอุปกรณ์ต่างๆ หรือสุ่มลดราคาอาวุธปืน Tyrone นักผจญเพลิงผู้อับโชคต้องติดอยู่ในขุมนรก Tyrone Henry นักผจญเพลิงผู้ผ่านประสบการณ์มามากมายของเมืองแรคคูน ครั้งหนึ่งเขาได้เคยไปดับเพลิงในห้องทดลองแห่งหนึ่งของอัมเบลล่า แต่หลังจากเหตุเพลิงไหม้สงบลง ก็ไม่มีใครเห็นเขากลับออกมาอีกเลย หลายคนคิดว่าเขาตายไปแล้ว แต่แท้จริงนั้นอัมเบลล่าไม่ต้องการให้คนภายนอกรับรู้เรื่องนี้จึงได้ทำการปิดปากเขาและจับมาใช้เป็นหนูทดลองแทน Tyrone นั้นเปรียบเสมือนตัวชนของทีม ทั้งความสามารถในการขัดขวางศัตรู และการเสริมความแข็งแกร่งเพื่อรับความเสียหายไว้ที่เขาได้ ทำให้หลายคนเลือกที่จะหยิบเขามาเล่นเป็นคนแรกๆ ไม่ค่อยเหมาะกับการใช้อาวุธปืนนัก สกิล Ultimate ของ Tyrone: Rally เมื่อเกจ Ultimate ของเขาเต็ม เวลากดใช้จะเป็นการตะโกนสุดเสียง ทำให้ตัวเองและเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ใกล้ๆ ได้รับสถานะการป้องกันที่สูงขึ้น และลดความเสียหายที่ได้รับจากทุกอย่างลงทั้งหมด เวลา Cooldown: 120 วินาที สกิลที่กดใช้เฉพาะของ Tyrone: Power Kick เมื่อกดใช้จะเป็นการถีบใส่ศัตรูอย่างรุนแรง หากเป็นซอมบี้หรือ B.O.W ทั่วไปจะทำให้ล้มลงไปนอน แต่หากเป็น Ultimate B.O.W จะเป็นการทำให้พวกมันชะงักและสามารถใช้ขัดขวางขณะที่เพื่อนกำลังถูกจับ One Hit Kill ได้อีกด้วย เวลา Cooldown: 9 วินาที สกิล Passive ที่ 1: Firefighter เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้ Tyrone โดนความเสียหายที่เป็นประเภทกับดักลดลงอย่างมาก หรือเลือกที่จะทำให้ตัวเขาเองช่วยแก้กับดักให้เพื่อนไวขึ้น สกิล Passive ที่ 2: Determination เป็นสกิลติดตัวที่ตัวเขาจะฟื้นฟูเลือดอัตโนมัติเมื่อเลือดเหลือน้อยหรือเลือกความสามารถที่เมื่อตัวเขาล้มลงไปหนึ่งครั้ง จะได้รับผลของ Yellow Herb และคูลดาวน์ของสกิล Ultimate จะลดลง Samuel ชายผู้ยอมทุกอย่างเพื่อรักษาอาการของตัวเอง Samuel Jordan เป็นนักมวยดาวรุ่งที่คว้าชัยมาอย่างมากมาย แต่ทว่ามีการขึ้นชกครั้งหนึ่งที่ทำให้เขาได้รับอาการบาดเจ็บที่ยากจะรักษา เขายอมให้อัมเบลล่าได้ทำการทดลองตัวเขา แม้อาการจะหายเป็นปลิดทิ้ง แต่เขาก็ถูกจับมาทดลองสุดโหดในครั้งนี้ต่อด้วย Samuel นั้นเสมือนเป็นตัว Fighter ให้กับทีม เน้นการโจมตีที่รุนแรงในระยะประชิด ทำให้แทบไม่ต้องพกอาวุธปืนอะไรเลย และเป็นตัวที่ทำลาย Object ที่ดีเยี่ยมอีกด้วย สกิล Ultimate ของ Samuel: Fist of Iron เมื่อเกจ Ultimate ของเขาเต็ม เวลากดใช้จะเป็นการใช้หมัดแทนอาวุธที่ถือ ออกหมัดต่อยด้วยความรวดเร็ว สร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องได้สูงมากๆ เวลา Cooldown: 120 วินาที สกิลที่กดใช้เฉพาะของ Samuel: Dash Punch เมื่อกดใช้จะเป็นการพุ่งเข้าไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมต่อยเป็นชุดใส่ศัตรู และมีโอกาสเล็กน้อยที่จะติดคริติคอล เวลา Cooldown: 2 วินาที สกิล Passive ที่ 1: Firefighter เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้เขาต่อยศัตรูที่อยู่ใกล้ตัวเขาแรงขึ้น มีผลต่อหลอดทดลอง, กับดักและพวก B.O.W ทั้งหมด หรือจะเป็นการเพิ่มความเสียหายให้กับอาวุธระยะประชิดแต่แลกกับการที่อาวุธพวกนั้นจะพังไวขึ้น สกิล Passive ที่ 2: Adrenaline เป็นสกิลติดตัวเมื่อเขาฆ่าศัตรูได้จะลดคูลดาวน์สกิล Ultimate ลง 3 วินาที หรือเลือกที่หากเขาต่อยแบบติดคริติคอลได้ คูลดาวน์สกิล Ultimate จะลดลง 20 วินาทีแทน Martin ชายดวงซวยที่พบเจอทางลับอัมเบลล่าโดยบังเอิญ Martin Sandwich ช่างกลอัจฉริยะที่มีความรู้เกี่ยวกับเครื่องจักรและกลไกต่างๆ มากมาย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเขาได้ค้นพบกลไกที่พาไปศูนย์วิจัยลับของอัมเบลล่าจากโรงพยาบาลสเปนเซอร์ ทำให้เขาถูกทางคนของอัมเบลล่าจับตัวไปและถูกจับทดลองร่วมกับคนอื่นๆ Martin เป็นสายสนับสนุนที่เคยแก้กับดักให้กับเพื่อนร่วมทีมได้เดินทางสะดวกขึ้น และมีแฟลชกำลังสูงที่จะทำให้ศัตรูทุกตัวต้องชะงักลงได้ สกิล Ultimate ของ Martin: Flash Baton เมื่อเกจ Ultimate ของเขาเต็ม เวลากดใช้จะเป็นการหยิบกระบอกแฟลชออกมาใส่ศัตรูที่อยู่โดยรอบ ทำให้พวกมันแสบตาและชะงักไปชั่วครู่ เวลา Cooldown: 120 วินาที สกิลที่กดใช้เฉพาะของ Martin: Makeshift Mine เมื่อกดใช้จะเป็นการวางกับดักไฟฟ้า เมื่อศัตรูโดนเหยียบจะทำให้โดนไฟฟ้าช็อตและติดสถานะอัมพาตชั่วคราว เวลา Cooldown: 45 วินาที สกิล Passive ที่ 1: Life Hack เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้เขาเพิ่มโอกาสติดคริติคัลเมื่อโจมตี และสามารถซ่อมแซมอาวุธประชิดได้มากกว่าคนอื่นๆ หรือจะเลือกให้เขาสามารถทนทานต่อการติดเชื้อได้มากกว่าคนอื่นๆ ได้เช่นกัน สกิล Passive ที่ 2: Sapper เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้เขาสามารถแก้กับดักโดยที่ทำให้กับดักไม่ทำงาน เลือกที่จะทำให้ตัวเองแก้กับดักไวขึ้นหรือเป็นการสร้าง Makeshift Mine แทนกับดักของ Masterminds แทนก็ได้ Becca สาวเคราะห์ร้ายที่ตื่นมาไม่รู้ตัวว่าอยู่ที่ไหน Becca Woolett สาวชนบทที่มีครอบครัวเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้อาวุธปืน เธอถูกฝึกการใช้ปืนจากลุงตั้งแต่เด็กๆ โตขึ้นมาจึงทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานในเมืองแรคคูน เมื่อเธอได้รับแจ้งเหตุร้ายในบริเวณแม่น้ำมาเบิล แต่กลับถูกหมาซอมบี้โจมตีจนสลบ หลังจากเธอฟื้นสติขึ้นมาก็อยู่ในห้องทดลองของอัมเบลล่าร่วมกับคนอื่นเสียแล้ว Becca เปรียบเสมือนเป็น Maskman ให้กับทีม สร้างความเสียหายจากระยะไกลด้วยอาวุธปืนของเธอเอง สกิล Ultimate ของ Becca: Bullet Storm เมื่อเกจ Ultimate ของเธอเต็ม เวลากดใช้จะทำให้อาวุธของเธอได้รับกระสุนไม่จำกัดช่วงระยะเวลาหนึ่ง และสามารถยิงได้ต่อเนื่องโดยไม่ต้อง Reload เวลา Cooldown: 150 วินาที สกิลที่กดใช้เฉพาะของ Becca: Sentry Stance เมื่อกดใช้ ตัวเธอจะทำการนั่งยิง เพิ่มความแม่นยำ, ลดแรงถีบและเพิ่มความเสียหายให้กับอาวุธปืนของเธอเอง แต่เธอจะขยับไปไหนไม่ได้จนกว่าจะกดยกเลิกสกิลอีกครั้ง เวลา Cooldown: 10 วินาที สกิล Passive ที่ 1: Bullseye เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้เธอเพิ่มโอกาสการยิงติดคริติคอล สามารถเลือกได้ว่าจะเพิ่มการติดคริติคอลเมื่อเธอยิงตอนเป้าหุบเต็มที่ หรือตอนเป้ายังไม่หุบ สกิล Passive ที่ 2: Scavager เป็นสกิลติดตัวที่ทำให้เธอเพิ่มโอกาสดรอปกระสุน โดยเลือกได้ว่า หากฆ่าศัตรูได้จะดรอปกระสุนเล็กน้อย หรือฆ่าได้ด้วยการยิงหัวจะดรอปกระสุนมากกว่าเดิม ================================================== นี่คือข้อมูลไกด์โดยรวมทั้งหมดของเหล่า Survivor ทั้งหกในเกม Resident Evil: Resistance หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เล่นเกมนี้ไม่มากก็น้อย บทความต่อไปจะเป็นการพูดถึง Survivor คนใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเข้ามาอย่าง Jill Valentine แบบเจาะลึกกัน รวมถึงเทคนิคการเล่นทั้ง Survivor และ Masterminds เตรียมรอรับชมกันได้เลย! ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่    
20 Apr 2020
ไกด์ Resident Evil: Resistance ข้อมูลการเล่น Mastermind ทั้ง 4 คน
หลังจากตัวเกม Resident Evil 3 Remake วางจำหน่ายได้ไปก็ใกล้จะครบหนึ่งเดือนแล้ว ก็ได้เสียงตอบรับในทางที่ค่อนข้างดีไม่แพ้ Resident Evil 2 Remake ที่ปล่อยวางจำหน่ายเมื่อปีที่แล้ว แต่ก็มีเกมหนึ่งที่พ่วงแถมมากับภาคสามนี้ด้วยก็คือ Resident Evil: Resistance ซึ่งเป็นเกม Multiplayer แนวเอาชีวิตรอดแบบ 4 ต่อ 1 คือผู้รอดชีวิตที่ถูกจับมาทดลองสี่คน และมีอีกหนึ่งคนซึ่งจะเป็น Mastermind หรือผู้ควบคุมไม่ให้พวกเขามีชีวิตรอดออกไปได้ โดย Masterminds หรือผู้ควบคุมนั้น จะมองเหล่าผู้รอดชีวิตที่ถูกจับมาเสมือนหนูทดลอง การที่ปล่อยพวกเขาไปง่ายๆ ก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก จึงได้ทำการสร้างเส้นทางที่ยากลำบากรอต้อนรับพวกผู้รอดชีวิต พร้อมกับการได้ทดสอบอาวุธชีวภาพของผู้ควบคุมว่ามีค่าพอที่จะกลายเป็นอาวุธสงครามชั้นยอดหรือไม่...และบทความนี้ทาง GameFever TH จะมาพูดถึงความสามารถต่างๆ ของ Masterminds และแนวทางการเล่นให้ได้อ่านกัน ================================================== จุดประสงค์การเล่นของเหล่า Masterminds Masterminds หรือผู้ควบคุมนั้น จะมีมุมมองการเล่นแบบ RTS Strategy ผ่านมุมกล้องวงจรปิด ซึ่งจะได้รับการ์ดเหล่า B.O.W ในรูปแบบต่างๆ กันออกไป รวมถึงกับดักและการติดตั้งอาวุธปืนให้กับกล้องวงจรปิด โดยการ์ดพวกนี้จะใช้ค่า SP จำนวนหนึ่ง ซึ่งค่า SP สามารถฟื้นฟูได้อัตโนมัติอย่างช้าๆ ด้วยการวางการ์ดต่างๆ จะมีค่า SP ที่ต้องใช้ต่างกันไปขึ้นอยู่กับความสามารถของการ์ดเช่นการใช้การ์ดซอมบี้ทั่วไป จะเสีย SP น้อย แต่หากเป็นซอมบี้สวมเกราะ ก็จะใช้ SP ที่สูงขึ้น ฉะนั้น การวางเหล่า B.O.W ในตำแหน่งที่เหมาะสม หรือจังหวะที่เหมาะกับการใช้งานพวกมัน จะทำให้เหล่าผู้รอดชีวิตเสียเวลาและปวดหัวไปตามๆ กัน และเมื่อถึงเวลาที่สมควร ก็สามารถเรียกไพ่ตายหรือ Ultimate B.O.W เพื่อปิดงานและสร้างความกดดันให้กับเหล่าผู้รอดชีวิตได้อย่างมาก แต่การใช้ Ultimate B.O.W เราจะเป็นคนบังคับควบคุมด้วยตัวเอง จะไม่สามารถใช้งานการ์ดต่างๆ หรือกลับเข้าหน้ากล้องวงจรปิดได้ชั่วคราว ระวังจุดนี้เอาไว้ด้วย ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือสิ่งที่ Masterminds ต้องทำ...ขัดขวางด้วยทุกอย่างที่มีจนกว่าเวลาจะหมด ถือว่าสิ้นสุดงานของ Masterminds แล้ว เอาล่ะ! มาดูกันว่า Masterminds ในเกมที่มีให้เล่นทั้งสี่คนมีความสามารถอะไรบ้าง Annette Birkin นักวิทยาศาสตร์หนึ่งในผู้คิดคน G-Virus Annette Birkin เป็น Masterminds สายที่เน้นจำนวนของเหล่า B.O.W และเสริมการลง B.O.W ได้ไวขึ้น โดยชื่อของเธอนี้หลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีในเกม Resident Evil 2 ทั้งภาคออริจินัลและภาครีเมค เธอเป็นตัวละครสำคัญในเกมภาคสองเพราะเป็นถึงภรรยาของ William Birkin และเป็นแม่ของ Sherry Birkin อีกด้วย ที่สำคัญ เธอเป็น Masterminds ที่เหมาะกับมือใหม่หัดเล่นได้ลองกันเพราะใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อนไม่ยุ่งยากนั้นเอง สกิลการ์ด Ultimate: G-Birkin เมื่อเกจ Ultimate ของ Annette เต็ม ก็จะสามารถเรียก William Birkin หรือ G-Birkin ร่างแรกออกมาต่อสู้ โดยมีการโจมตีที่ค่อนข้างเชื่องช้าแต่หนักหน่วงรุนแรง มีจุดอ่อนอยู่ที่ดวงตาขนาดใหญ่ที่แขน และเมื่อกดใช้ปุ่ม R ให้ William บ้าคลั่ง เขาจะวิ่งได้ไวแบบสุดๆ เพื่อตามล่าเป้าหมายจนกว่าจะตาย พร้อมทั้งสกิลการจับหัวเป้าหมายแบบ One hit kill ค่อนข้างทำได้ช้า ผู้รอดชีวิตคนอื่นมีเวลาขัดขวางกันได้ แต่ระหว่างที่จับหัวผู้รอดชีวิตนั้นจะค่อนข้างทนมือทนเท้าเป็นพิเศษและถูกขัดขวางจากระเบิดได้ยากอาจจะต้องมากกว่าหนึ่งลูก แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังถูกขัดขวางได้ง่ายโดยสกิลถีบของ Tyrone อยู่ดี ส่วน Passive ของตัว William นั้นเมื่อเรากดออกจากการควบคุม William ก่อนหมดเวลา จะทำให้คูลดาวน์ของสกิลการ์ด Ultimate ถูกเรียกไวขึ้น เรียกได้ว่าเป็นตัวที่เหมาะกับมือใหม่หัดควบคุม สกิล Passive 1: Genetic Mutantion สกิลติดตัวนี้จะใช้ควบคู่กับการ์ด Enhancher Round หรือการ์ดหลอดฉีดยาสีแดงที่เพิ่มความเกรี้ยวกราดให้กับเหล่า B.O.W โดยจะทำการเพิ่มเลือดให้มันจนเต็ม ทำให้ฆ่าได้ยากขึ้น สกิล Passive 2: Zomebie Apocalypse สกิลติดตัวนี้จะทำให้การ์ด B.O.W ระดับล่างๆ จำพวกซอมบี้ทั่วไปและหมาซอมบี้จะใช้ค่า SP ลดลง 1 หน่วย การ์ดพิเศษเฉพาะ Annette ใบแรก: Zombie Dogs X3 การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 2 โดยจะเป็นการเรียกหมาซอมบี้พร้อมกันทีเดียวสามตัว เพิ่มความยุ่งยากและความวุ่นวายให้แก่เหล่าผู้รอดชีวิตสามเท่าตัว การ์ดพิเศษเฉพาะ Annette ใบที่สอง: Detonator X2 การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 3 โดยจะเป็นการเรียกซอมบี้อ้วนที่มีความสามารถในการระเบิดตัวเองพร้อมกันทีเดียวสองตัว ใช้ในการขัดขวางเหล่าผู้รอดชีวิตไม่ให้ทำภารกิจได้โดยง่ายหรือใช้แยกกลุ่มผู้รอดชีวิตออกจากกันพร้อมมันทำให้กระเด็นแล้วก็ยังสร้างความเสียหายได้อย่างรุนแรง สรุปความสามารถโดยรวมของ Annette จุดเด่น: เป็น Masterminds ที่เน้นสาย Buffs เน้นให้เหล่า B.O.W ตายยากๆ ลงได้เยอะและใช้ค่า SP ต่ำเพราะเธอมีความสามารถในการลดการใช้ SP นั้นเอง และใช้งานง่ายสำหรับ Masterminds มือใหม่ จุดด้อย: Annette เป็น Masterminds ที่ไม่มี B.O.W ที่เน้นการโจมตีแบบรุนแรงมากนัก เว้นแต่ได้การ์ดตัว B.O.W อื่นๆ มาสับเปลี่ยนอีกทีซึ่งอาจจะไม่เข้ากับรูปแบบการใช้งานของเธอเสียเท่าไหร่ Daniel Farbon เจ้าหน้าข่าวกรองสุดโหดของอัมเบลล่า Daniel Farbon เป็นเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของอัมเบลล่าที่มีหน้าที่ดูแลข่าวและปิดกั้นข่าวต่างๆ ไม่ให้รั่วไหลไปสู่คนภายนอก รวมถึงกำจัดภัยคุกคามที่เป็นอันตรายต่อบริษัทอยู่เบื้องหลัง อีกทั้งเขายังเป็น Masterminds สายจำนวนคล้ายๆ กับ Annette แต่อาจจะไม่ได้มีความสามารถในการเรียก B.O.W ที่รวดเร็ว แต่ทดแทนด้วยเหล่า B.O.W พิเศษและสกิลการ์ดที่เสริมพลังการโจมตีกับความว่องไวชนิดที่เรียกว่าโหดร้ายสุดๆ ไปเลย จึงเน้นไปทางดักตีหัวหรือควบคุมสถานะการณ์ด้วย B.O.W ที่ว่องไวและสุดโหดผ่านการควบคุมของเราโดยตรง มากกว่าการใช้จำนวนแบบ Annette สกิลการ์ด Ultimate: Tyrant สกิล Ultimate ของ Daniel นั้นจะเป็น Tyrant หรือที่เรารู้จักกันในนาม Mr. X มีพลังการโจมตีที่ไม่ได้สูงนัก แต่สามารถโจมตีได้อย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว ตัว Tyrant นั้นมีจุดอ่อนอยู่ที่หัว แต่ก็สามารถยกมือขึ้นมาป้องกันจุดอ่อนได้ ตามมาด้วยสกิล R ที่จะเป็นการระบุตำแหน่งศัตรูพร้อมเดินไล่ตามอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นคือ การทำ One hit kill จะใช้เวลาไวมากๆ แต่ Tyrant ก็จะถูกขัดขวางได้ง่ายด้วยระเบิดต่างๆ, การถูกกระหน่ำยิงหัวต่อเนื่องหรือสกิลถูกเตะของ Tyrone โดยรวมแล้ว Tyrant  แต่โดยรวมใช้งานง่ายกว่า William เยอะ โดย Passive ของ Tyrant คือเมื่อหมัดได้เข้าต่อยหน้าผู้รอดชีวิตด้วย Hook Punch แล้ว มันจะทำให้ Hook Punch หมัดต่อไป ต่อยเร็วสะใจแถมหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิมอีก สกิล Passive 1: Bloodlust สกิลติดตัวนี้จะใช้ได้เมื่อเรามาควบคุมเหล่า B.O.W หรือการเปลี่ยนมุมมองจากกล้องวงจรปิดมาสิงร่างซอมบี้โดยตรง เมื่อเราโจมตีหรือกัดเป้าหมายได้ จะเป็นการฟื้นฟูเลือดให้กับ B.O.W ตัวนั้น สกิล Passive 2: Puppeteer สกิลติดตัวนี้จะใช้ได้เมื่อเรามาควบคุมเหล่า B.O.W หรือการเปลี่ยนมุมมองจากกล้องวงจรปิดมาสิงร่างซอมบี้โดยตรง จะเพิ่มพลังโจมตีให้ระดับหนึ่งเพิ่มความเกรี้ยวกราดและดุดันมากกว่าเดิม การ์ดพิเศษเฉพาะ Daniel ใบแรก: Dealer - Regen การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 2 โดยจะเป็นการเรียกซอมบี้ที่สามารถฟื้นฟูพลังชีวิตตัวเองได้ อีกทั้งยังมีความว่องไวและมีปุ่มในการพุ่งไปตะครุบกัดเป้าหมายได้อย่างรุนแรงด้วย การ์ดพิเศษเฉพาะ Daniel ใบที่สอง: Armored Zombie การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 3 โดยจะเป็นการเรียกซอมบี้สวมเกราะออกมา สามารถป้องกันการโจมตีของปืนขนาดเล็กได้เกือบทุกกระบอก และยังมีความถึกทนเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับการเอาไปยื้อและขัดขวาง รับมือรับตีนกับกลุ่มผู้รอดชีวิตแนวหน้า สรุปความสามารถโดยรวมของ Daniel จุดเด่น: เป็น Masterminds ที่เน้นสาย Buffs เน้นให้เหล่า B.O.W เสริมดาเมจ เพิ่มความเกรี้ยวกราดมากกว่าเดิมเมื่อเราควบคุมโดยตรง ทำให้สามารถทำความเสียหายแก่เหล่าผู้รอดชีวิตได้มาก และ Ultimate B.O.W อย่าง Tyrant ใช้งานง่าย หวังผลให้เป้าหมายล้มได้ไม่ยาก จุดด้อย: Daniel ไม่สามารถลง B.O.W ได้รวดเร็วหรือถี่เหมือน Annette หากวางไม่ดี ค่า SP ไม่มีเหลือในตอนนั้น จะกลายเป็นช่องว่างให้กลุ่มผู้รอดชีวิตเอาตัวรอดกันได้ง่ายๆ Alex Wesker หนึ่งในเด็กโปรเจค Wesker สุดฉาวโฉด Alex Wesker เป็นหนึ่งในเด็กทดลองของโปรเจค Wesker จึงมีสถานะเหมือนเป็นพี่น้องฝาแฝดของ Albert Wesker และถูกเลี้ยงดูโดย Oswell E. Spencer จนได้รับความไว้วางใจ กลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของอัลเบลล่า มีบทบาทสำคัญในเกมภาค Revolution 2 อีกทั้งเธอยังเป็น Masterminds สายขัดขวางหรือ Debuff ด้วยการใช้ B.O.W ที่สามารถแพร่เชื้อไวรัสเข้าโจมตีใส่เป้าหมาย ซึ่งทำให้เป้าหมายนั้นเกิดสถานะติดเชื้อ ทำให้ไอและเดินช้าลงชั่วขณะ แถมลดพลังชีวิตอีก นั้นหมายถึงเวลาในการทำภารกิจของพวกผู้รอดชีวิตก็จะลดลงอย่างรวดเร็วด้วย ดูเหมือนจะเป็น Masterminds ที่เล่นยาก แต่หากฝึกฝนการใช้การแพร่ไวรัสให้เป็นประโยชน์ทั้งจากกับดักและซอมบี้ติดเชื้อ จะเป็นอีกหนึ่งคนที่เหล่าผู้รอดชีวิตไม่อยากเจอที่สุดแล้ว สกิลการ์ด Ultimate: Yateveo เมื่อเกจ Ultimate ของ Alex เต็มพร้อมเรียกใช้ จะเป็นการเรียกพืชกลายพันธุ์ขนาดยักษ์ที่เรียกว่า Yateveo ซึ่งจะเป็น Ultimate B.O.W ที่อยู่กับ ไม่สามารถเคลื่อนไปไหนได้  สามารถย้ายมุมมองไปมุมมองกล้องวงจรปิดเพื่อวาง B.O.W หรือกับดับเสริมระหว่างนี้ได้ ตรึงเป้าหมายได้และเป็นตัวที่ทำ One hit kill ได้ง่ายที่สุดด้วยการใช้ระยางจับเป้าหมายแล้วกินเข้าไปเลย ไม่มีอะไรที่ใช้ขัดขวางได้ทั้งนั้น แต่มีวิธีเดียวที่หยุดมันได้คือต้องฆ่าให้ตายด้วยอาวุธทุกอย่างที่มี โดยเฉพาะการใช้คบเพลิงหรือเครื่องพ่นไฟ จะเป็นการฆ่าที่รวดเร็วที่สุด แตกต่างจาก Ultimate B.O.W ตัวอื่นๆ ที่โดนยิงไม่ตาย แค่อาจจะชะงักลงเท่านั้น แต่หากรู้ว่าใกล้จะตาย ก็ให้กดปุ่ม R ค้างเพื่อระเบิดตัวเองสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงได้ โดย Passive ของ Yateveo นั้นไม่มีอะไรมาก แค่ตัวมันจะมีเลือดที่เยอะกกว่าปกติ และสกิลตรึงนั้นหลุดออกยากกว่าเดิม สกิล Passive 1: Biohazard สกิลติดตัวนี้จะทำให้กลุ่มผู้รอดชีวิตที่ถูกเหล่าซอมบี้ที่มีสถานะติดเชื้อกัด หรือโดนกับดักแพร่เชื้อ จะเร่งเกจความรุนแรงของการติดเชื้อเพิ่มมากขึ้น โดยระดับการติดเชื้อสูงสุดอยู่ที่ระดับสาม สกิล Passive 2: Residence of Evil สกิลติดตัวนี้จะทำให้การ์ดกับดักทั้งหมด ใช้ค่า SP น้อยลงหนึ่งหน่วย การ์ดพิเศษเฉพาะ Alex ใบแรก: Virus Mine การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 2 โดยจะเป็นการวางกับดักที่สามารถแพร่ไวรัสได้อย่างทันท่วงทีเมื่อถึงระยะหวังผล การ์ดพิเศษเฉพาะ Alex ใบที่สอง: Efficiancy Mod - Infection การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 3 โดยเมื่อการ์ดใบนี้ถูกสุดขึ้นมาบนมือ จะทำให้การ์ดที่มีรูปแบบไวรัส ไม่ว่าจะซอมบี้ติดไวรัส, กับดักไวรัสหรือปืนฉีดไวรัส จะใช้ค่า SP ลดลงหนึ่งหน่วย สรุปความสามารถโดยรวมของ Alex จุดเด่น: เป็น Masterminds ที่เน้นสาย Debuff เพื่อทำให้ผู้รอดชีวิตติดไวรัส หวังผลการลดเวลาอย่างรวดเร็วเป็นหลัก และ Ultimate B.O.W ไม่มีจุดอ่อน ต้องฆ่าลูกเดียวซึ่งมันอึดมากๆ จุดด้อย: Alex เป็น Masterminds ที่เล่นยากที่สุดในขณะนี้ เพราะอากาศติดเชื้อสามารถรักษาได้ด้วยสมุนไพรสีฟ้าซึ่งสามารถซื้อได้ระหว่างเกม, เก็บตามฉากหรือสกิล Ultimate ของ Valerie ที่รักษาได้ทุกอาการพร้อมฟื้นฟูพลังชีวิตอย่างรวดเร็ว Spencer ผู้ให้กำเนิดอัมเบลล่าและความวุ่นวายทั้งโลก Oswell E. Spencer ผู้ให้กำเนิดบริษัทอัมเบลล่า และหนึ่งในกลุ่มคณะผู้บุกเบิกที่คิดค้นไวรัสเพื่อการใช้เป็นอาวุธชีวภาพทางทหาร โดยเปิดบริษัทเวชภัณอย่างอัมเบลล่าเป็นฉากบังหน้า เขามักจะถูกกล่าวถึงในเกม Resident Evil ในหลายๆ ภาค และปรากฎให้เห็นชัดๆ ก็เป็นภาค 5 ที่เขาถูกฆ่าตายด้วยน้ำมือของ Albert Wesker โดยเขาเป็น Masterminds ที่เกิดมาเพื่อถ่วงเวลาโดยแท้จริง ไม่เน้น B.O.W แต่จะเน้นการใช้ Gadget ต่างๆ เช่นอาวุธปืนจากกล้องวงจรปิดและกับดัก รวมถึงระบบป้องกันกล้องวงจรปิดที่ทำให้ไม่มีอะไรทำลายได้ในระยะเวลาหนึ่งอีกด้วย สกิลการ์ด Ultimate: Disintegration Field เมื่อเกจ Ultimate ของ Spencer เต็มนั้นจะเป็นการใช้งานกรงขังเลเซอร์ความร้อนสูงที่เรียกว่า Disintegration Field เพื่อล้อมเป้าหมายและบีบเข้ามาเล็กน้อย โดยมันจะคงอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง หากกลุ่มผู้รอดชีวิตได้สัมผัสกับมัน จะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงทันที และเป็น Ultimate ที่เรียกได้ค่อนข้างรวดเร็วอีกด้วย โดยมี Passive คือเมื่อหลังจากใช้การ์ด Ultimate แล้ว การใช้การ์ดทุกใบจะเป็นการลด Cooldown ของ Disintegration Field ทำให้กลับมาใช้งานมันได้ไวขึ้นไปอีก สกิล Passive 1: Umbrella Tech สกิลติดตัวนี้จะใช้งานแตกต่างกันออกไปทั้ง 3 Stage โดย Stage ที่ 1 จะมีการเพิ่มชิ้นส่วนปริศนาหลอกขึ้นมาหนึ่งชิ้นเพิ่มความสับสนให้กับกลุ่มผู้รอดชีวิต, Stage ที่ 2 จะทำให้ใช้เวลาในการปลดอุปกรณ์ความปลอดภัยแต่ละจุดนานขึ้น, Stage ที่ 3 ตัวหลอดทดลองที่กลุ่มผู้รอดชีวิตจะต้องไปทำลาย จะทำลายได้ยากกขึ้น สกิล Passive 2: Bioactivation สกิลติดตัวนี้จะทำให้เมื่อเราใช้ E.I.S. (Environment Interaction System) หรือการปิดไฟ, ล็อคประตู, เลื่อนลิฟต์เอง หรือทำปฏิสัมพันธ์กับพื้นที่ต่างๆ เพื่อขัดขวางกลุ่มผู้รอดชีวิต จะทำให้ค่า SP ฟื้นฟูได้ไวขึ้นช่วงระยะเวลาหนึ่ง การ์ดพิเศษเฉพาะ Spencer ใบแรก: Advance OS Mod การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 2 เมื่อเราถือการ์ดใบนี้จะทำให้การใช้ E.I.S. คูลดาวน์ลดลงอย่างมาก อย่างเช่นเมื่อเราล็อตประตูไปแล้ว จะทำให้คูลดาวน์กลับมาล็อคประตูได้ไวขึ้นอีกครั้ง การ์ดพิเศษเฉพาะ Spencer ใบที่สอง: Efficiancy Mod - Infection การ์ดใบนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้รอดชีวิตเข้าสู่ Stage ที่ 3 โดยเมื่อการ์ดใบนี้ถูกใช้บนกล้องวงจรปิดตัวไหน กล้องวงจรปิดตัวนั้นจะทำให้การ์ดที่เราใช้ จะส่งผลต่อการดีย์เลย์ที่จะใช้สกิลการ์ดขึ้นลดลง สรุปความสามารถโดยรวมของ Spencer จุดเด่น: เป็น Masterminds ที่เน้นสาย ขัดขวางและถ่วงเวลาโดยสมบูรณ์แบบ ด้วยอุปกรณ์เสริมต่างๆ และกับดักมากมาย ที่จะกระหน่ำลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง และมีการ์ดที่ไว้ต่อกรกับสกิล EMP ของ January อีกด้วย จุดด้อย: Spencer เป็น Masterminds ที่แทบจะไม่เน้น B.O.W ลงไปในเกมเสียเท่าไหร่ ลงมาก็เพื่อใช้ถ่วงเวลา ไม่เน้นสร้างความเสียหายนัก แถมต้องพึ่งพาอุปกรณ์เสริมมากมาย การจะทำให้เราใช้งานไม่ทันค่า SP ก็เป็นได้ ================================================== นี่คือข้อมูลไกด์โดยรวมทั้งหมดของเหล่า Masterminds ทั้งสี่คนในเกม Resident Evil: Resistance หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เล่นเกมนี้ไม่มากก็น้อย แน่นอนว่าจะมีข้อมูลของเหล่า Survivor ให้ติดตามกัน ยังไงก็โปรดติดตามอ่านได้เลย! ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่    
20 Apr 2020
Arknights รีวิว FEater เจ้าของหมัดกังฟูแพนด้า พร้อมอัดหน้าใส่ศัตรู
นานมาแล้ว เธอได้มีชีวิตที่ดี มีความสุขบนโลกหนังแสดงหนังแอคชั่นสุดเท่ เป็นซุปเปอร์สตาร์และเป็นฮีโร่ให้กับเด็กหลายๆ คน แต่วันหนึ่งพบว่าตัวเองติดเชื้อ Oripathy จนดาวดังต้องดับลง ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้รับชีวิตที่สองใน Rhodes Island โดยใช้หมัดแห่งคุณธรรมอันใหญ่ยักษ์ต่อยหน้าศัตรูให้ร่วงเรียงตัว ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องราวส่วนหนึ่งของ Operator คนหนึ่งจากเกม Arknights ที่ถือว่าเธอผ่านศึก ผ่านการต่อสู้มายาวนาน และเธอก็ทำให้ผู้คนยิ้มได้ด้วยความไฮเปอร์และไม่ย้อท้อนั้นเอง...ทำให้คนเขียน "ยกให้เธอคนนี้เป็น Waifu อันดับหนึ่งของเกม Arknights" เลยล่ะ...และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่ทาง GameFever TH  จะได้ทำให้คุณผู้อ่านได้รู้จักกับ Operator นี้กันมากขึ้น นั้นก็คือ FEater นั้นเอง! ================================================== รู้จักกับ FEater อดีตนักแสดงบู๊ผู้โด่งดังในประเทศ Yen FEater ( อ่านว่า เอฟ-อีเตอร์ หรือจะอ่านว่า ฟีเตอร์ ก็ได้ตามความถนัดของบุคคล ) เธอเป็น Operator สาย Specialist ระดับ 5 ดาวอีกตัวที่อาจจะมีความสามารถไม่ได้แตกต่างไปจากน้อง Shaw ฉายา Rap-god แห่ง Rhodes Island ทั้งสกิลและการใช้งาน แต่สิ่งที่แตกต่างและเหนือกว่า Shaw ก็คือด้าน Status โดยรวมที่สูงกว่าพอสมควร ทำให้เธอสามารถยืนชนได้ดีกว่า หรือจะเอาไปยืนบน Ranged Grid เพื่อหวังผลการใช้สกิลก็สามารถทำได้เช่นกัน FEater ให้เสียงพากย์โดยคุณ Sonoaki Mie ผู้ที่มีผลงานพากย์บนสื่อบันเทิงต่างๆ มานานเกือบสามสิบปี ( งานพากย์ที่รู้จักได้แก่, Gertrud Barkhorn จากเรื่อง Strike Witches, Shimura Nana จากเรื่อง My Hero Academia, Crimson Viper จากวีดีโอเกม Street Fighter V ) ภาพวาดดีไซน์โดยนามปากกา RAN ส่วนข้อมูลส่วนตัวมีดังนี้ ข้อมูลทั่วไป Code Name: FEater เพศ: หญิง เวลาที่เข้ามาประจำการ: 11 ปี สถานที่เกิด: Yen วันเกิด: 10 สิงหาคม ส่วนสูง: 160 เซ็นติเมตร เผ่าพันธุ์: Ursus สถานะ: ยืนยันจากทางการแพทย์แล้วว่าเธอติดเชื้อ Oripathy ผลการทดสอบร่างกาย พละกำลังทางร่างกาย : มีพละกำลังที่ยอดเยี่ยมมาก สามารถยกหมัดเหล็กอันหนักอึ้งของเธอได้สบายๆ การเคลื่อนที่: ความคล่องตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ ความทนทานของร่างกาย : ความทนทานร่างกายจัดอยู่ในระดับปกติ การวางแผนยุทธวิธี : สามารถทำได้อย่างปกติ ไม่บกพร่อง ความสามารถด้านการต่อสู้ : มีทักษะการต่อสู้ในระดับผ่านศึกมาอย่างมากมาย การันตีความยอดเยี่ยม การซึมซับพลัง Originium Art : เธอสามารถดูดซับ Originium และแปลเปลี่ยนเป็นพลังได้ปกติ ประวัติส่วนตัว ประวัติของเธอโดยทั่วไปก็อาจจะดูธรรมดาๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ แต่สำหรับในวงการภาพยนตร์หนังแนวแอคชั่นแล้ว FEater เธอคือซุปเปอร์สตาร์แถวหน้าจากประเทศ Yen ( เทียบกับโลกของเราก็คือประเทศจีน ) ฉะนั้นหากพูดถึงภาพยนต์แนวแอคชั่นแล้ว ไม่มีใครไม่รู้จักเธอคนนี้ แต่ทว่าหลังจากเธอได้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ Oripathy ก็ถูกทางต้นสังกัดบีบบังคงให้เธอลาออกจากการเป็นนักแสดงอย่างโหดร้าย แต่ไม่นานเธอก็ได้ชีวิตที่สองกลับมาจากการชักชวนให้เข้ามายังฐานทัพเคลื่อนที่อย่าง Rhodes Island ทำให้เธอได้รับงานใหม่ที่สามารถได้ใช้ความสามารถกังฟูของเธอที่ร่ำเรียนมานับสิบปีได้อย่างเต็มที่ แถมมีกำลังใจที่จะใช้ชีวิตอยู่เพื่อต่อสู้กับโรค Oripathy นี้ต่อไป ความคิดเห็นของแพทย์ ผลการทดสอบทางการแพทย์ระบุว่ากในสแกนเช็คส่วนอวัยวะภายในของ FEater พบจุดดำข้างในร่างกายตามส่วนต่างๆ ซึ่งมันคืออนุภาค Originium อยู่ในร่างกาย และระบบไหลเวียนโลหิตก็มีอนุภาค Originium ปะปนอยู่ในเลือดที่สูงมาก ทำให้ยืนยันได้ว่าเธอติดเชื้อ Oripathy อย่างไม่ต้องสงสัย [ความเข้ากันของเซลล์และ อนุภาค Originium ในร่างกาย: 7.2%] จากการตรวจสภาพทางร่างกายพบบาดแผลที่เกิดจาก Oripathy ที่บริเวณขาขวา แต่ยังไม่เกิดสภาวะตกผลึก [ความหนาแน่นของผลึกในเลือด: 0.21u/L] แม้ว่า FEater จะเป็นผู้ติดเชื้อและมีอนุภาค Originium ในร่างกายที่ค่อนข้างสูง แต่ก็ยังคงอยู่ในระยะแรกเท่านั้นและยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเธอมากนัก อื่นๆ เมื่อเรานำ FEater ตั้งเป็นเลขาส่วนตัว ก็คงจะพูดได้เต็มปากว่า ดูเหมือนเธอจะปกติดีมีสุขกับการใช้ชีวิตที่แห่งนี้ บางครั้งออกจะดูน่ารำคาญด้วยซ้ำ แต่นั้นแหละ ยิ่งทำให้เธอเชื่อใจเธอก็ยิ่งพยายามเข้าหาผู้เล่นมากๆ เธออยากมีส่วนร่วม อยากมีตัวตนเหมือนที่เธอเคยแสดงหนัง เธอรักในการแสดงและอาหารอร่อยๆ โดยเฉพาะอาหารจากเมือง Yen ( อาหารจีน ) บางครั้งก็ทำตัวเหมือนเด็กเอาแต่ใจบ้าง แต่นั้นแหละ เบื้องหลังของเธอควจะน่าเศร้ามากๆ หากไม่ได้ Rhodes Island เข้ามาช่วยเหลือ และเธอสำคัญที่สุดเลย....FEater ซ่อนรูปและหุ่นดีมากๆ เลยล่ะ ขอบอก ค่า Status และ Skill ของ FEater FEater เป็น Operator สาย Specialist, Shift/Slow ที่มีความสามารถในการผลักศัตรูออกไป โดยสามารถปรับเปลี่ยนการวางตำแหน่งให้อยู่ใกล้เหวเพื่อหวังผลในการต่อยศัตรูให้กระเด็นตกลงไปข้างล่างแบบ One-Hit-Kill ได้ หากทำจังหวะดีๆ จะกลายเป็นอีกหนึ่งตัวที่ใช้สามารถ Bully Boss เหมือนน้อง Shaw เลยล่ะ ค่า Status Max Level: Level 50 ในระดับ Non – Elite/ Level 70  ในระดับ Elite 1/ Level 80 ในระดับ Elite 2 Health point: 852 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 1136 เมื่อ Lv.50/ 1439 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 1845 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Attack  : 279 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 388 เมื่อ Lv.50/ 518 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 640 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Defend : 158หน่วยเมื่อ Lv.1/ 240 เมื่อ Lv.50/ 317 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 382 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Resistant : 0 หน่วยทุกเลเวล Redeploy : ใช้ค่า Deploy Point 70 หน่วยทุกเลเวล Cost : 18 หน่วยในระดับ Non-Elite / 20 หน่วยในระดับ Elite 1-2 Block : สามารถบล็อคศัตรูได้ 2 คน Attack Speed : 1.2 หน่วยทุกเลเวล ระยะโจมตี : สองช่องข้างหน้าแบบ Melee ตามทิศทางการหันของ FEater ค่า Potential ระดับ 1 Deployment Cost -1 ระดับ 2 Redeployment Cooldown -4 ระดับ 3 Attack Speed +8 ระดับ 4 Talent Effect Up ระดับ 5 Deployment Cost -1 Trust extra status ค่าโบนัสจากความเชื่อใจ เพิ่มค่า Health + 75 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +150 เมื่อถึง 50%/ +225 เมื่อถึง 75%/ +300 เมื่อถึง 100% เพิ่มค่า Attack + 11.25 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +22.50 เมื่อถึง 50%/ +33.75 เมื่อถึง 75%/ +45 เมื่อถึง 100% Traits FEater สามารถ Deploy บนตำแหน่ง Ranged Grid หรือตำแหน่ง Operator ตีไกลได้ แต่ก็แลกกับการที่ไม่สามรถบล็อคศัตรูได้ หรือจะวางบน Melee Grid ตามปกติก็ทำได้เช่นกัน Talent: Kung Fu ( แพนด้า! ) เพิ่มอัตราการหลบหลีกศัตรู 20% เมื่อสกิลทาเลนท์เลเวล 1 แต่หากเป็น Elite 2 เลเวลเต็มแล้ว จะเพิ่มอัตราการหลบหลีกได้สูงสุดถึง 43% ทิศทางการโจมตี, การใช้ Skill และการวางตำแหน่งที่ดีที่สุดของ FEater Skill Skill ที่ 1: Raging Iron Fist ประเภท: Auto Trigger ลักษณะ SP Charge: Per Seconcd SP Cost: 6 หน่วยสกิลเลเวล 1/ 5 หน่วยเมื่อสกิลเลเวลเต็ม ระยะเวลาบัฟ: 0 วินาที ( เป็นสกิลต่อยแบบทำงานทันที ) Skill Effect: เมื่อเกจ SP เต็มจะเป็นการใช้สกิลอัตโนมัติ และในการโจมตีครั้งต่อไป เมื่อศัตรูเดินผ่านในระยะการโจมตีของ FEater จะเป็นการต่อยด้วยหมัดเหล็กอย่างพร้อมผลักศัตรูให้กระเด็นถอยหลังออกไป 3 ช่องพร้อมลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของศัตรู 15% เป็นเวลา 3 วินาที แต่ยังไม่สามารถผลักศัตรูที่มีขนาดกลางขึ้นไปได้ ( จะทำได้แค่ชะงักเท่านั้น ) / หากอัพสกิลจนเต็ม จะสามารถต่อยเผื่อผลักศัตรูที่มีขนาดใหญ่ได้ พร้อมลดความเร็วศัตรู 30% เป็นเวลา 5 วินาที อีกทั้งยังสามารถผลักศัตรูได้มากถึง 2 ตัวในการต่อยเพียงครั้งเดียว   Skill ที่ 2 : Destructive Fist ประเภท : Manual Trigger ลักษณะ SP Charge : Per Seconcd SP Cost : 20 หน่วยสกิลเลเวล 1/ 15 หน่วยเมื่อสกิลเลเวลเต็ม ระยะเวลาบัฟ : 0 วินาที ( เป็นสกิลต่อยแบบทำงานทันที ) Skill Effect : เมื่อกดใช้งานหลังเกจ SP เต็มและศัตรูเข้าอยู่ในระยะการโจมตี FEater จะทำการต่อยด้วยหมัดเหล็กอย่างรุนแรงทันที สร้างความเสียหายกายภาพเพิ่มเติม 160% พร้อมผลักศัตรูให้กระเด็นถอยหลัง 3 ช่องและลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของศัตรู 15% เป็นเวลา 3 วินาที / หากอัพสกิลจนเต็ม จะสามารถสร้างความเสียหายกายภาพเพิ่มเติมได้มากถึง 250% พร้อมผลักศัตรูที่มีขนาดใหญ่ได้และลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของศัตรู 30% เป็นเวลา 5 วินาที อีกทั้งยังสามารถผลักศัตรูได้มากถึง 3 ตัวในการต่อยเพียงครั้งเดียว รูปแบบการใช้งานของ FEater FEater เป็น Operator สาย Specialist ที่มีรูปแบบการใช้งานเหมือนกับ Shaw เลยก็คือ ใช้เป็นตัวผลักศัตรูที่มีความหนาหรือยากจะรับมือด้วยการโจมตีปกติได้หรือจะใช้ผผลักเพื่อซื้อเวลาให้ Operator คนอื่นได้ทำการโจมตีหรือสนับสนุนก่อนศัตรูจะกลับเข้ามาอีกครั้ง โดยจะต้องมีด่านที่เอื้ออำนวยในการใช้พวกเธอด้วย ทำให้การใช้งานค่อนข้างยุ่งยากนิดหนึ่ง แต่ก็เป็นควรมีติดตัวไว้เพราะมีประโยชน์อย่างมาก และด้วยเป็น Operator 5 ดาว แน่นอนว่าด้าน กลับมาค่า Cost ที่พอๆ กับ Shaw แต่ Status จะเหนือกว่าดังนั้นจึงสามารถลงมารับมือรับเท้าศัตรูได้ดีระดับหนึ่งได้ แต่แนะนำก็ควรมีตัวฮีลช่วยฟื้นฟูเลือดอยู่ดี และช่วงเวลาที่การเรียกยัยแพนด้าคนนี้มาใช้งาน ก็ขึ้นอยู่กับสถานะการณ์ว่าศัตรูที่ควรผลักตกลงเหวหรือใช้ยื้อเวลาควรวางช่วงไหน โดยต้องคำนวน Deploy Point ไว้ล่วงหน้าแล้ว เพราะบางด่านก็ควรรีบวางต้นเกม บางด่านก็วางช่วงกลางเกมได้ และจังหวะการใช้สกิลที่เหมาะสม ให้ดูเป็นด่านๆ ไป หากด่านไหนมีศัตรูที่ต้องกำจัดในหมัดเดียว ผลักให้ตกเหวแต่ไม่ใช่ศัตรูตัวใหญ่ อย่างเช่นหุ่นยนต์แมงมุมที่เกราะหนา โจมตีไม่เข้า ก็ให้ FEater ใช้สกิล Raging Iron Fist ปล่อยโจมตี Auto แล้วให้ Support ช่วยฮีลไปด้วยก็พอ แต่หากเจอศัตรูตัวใหญ่มาก และต้องการจังหวะในการต่อยที่แม่นยำหรือต้องการ Manage ค่า SP ให้เป๊ะๆ ก็แนะนำให้ใช้สกิล Destructive Fist เพราะจะเป็นการเสริมดาเมจตอนใช้นั้นเอง ================================================== สรุปแล้ว FEater เป็น Operator ระดับ 5 ดาวที่ดี แต่การใช้งานกลับเฉยๆ เพราะเธอเป็น Operator ที่ต้องเปิดกาชาหรือเก็บตั๋วแดงแลกตัวเธอมาใช้งาน ซึ่งเงื่อนไขการได้เธอยุ่งยาก คนส่วนใหญ่ก็นิยมใช้ Shaw มากกว่าเพราะสกิลมีความสามารถเหมือนกัน และได้มาฟรีทันทีในเนื้อเรื่อง แต่สำหรับคนเขียนบทความนี้ FEater ถือว่าแรงอวยล้วนๆ และยกอันดับให้เป็น Waifu ประจำเกม Arknights ไปเรียบร้อย ทั้งนิสัยน่ารัก ขี้เล่นตามสไตล์แพนด้า ( แต่ไม่ขี้เกียจแบบแพนด้า ) จึงไม่แปลกที่ยอมยกหัวใจให้เธอไปเรียบร้อยแล้วล่ะ Source Ark Work By: ヱシカ/ショーゴ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
06 Mar 2020
Arknights: รีวิว Liskarm Operator สาย Defender ที่ไม่ได้มีดีแค่การป้องกัน
เพิ่งจบอิเวนท์แรกของ Arknights เซิร์ฟเวอร์ NA ไปหมาดๆ ก็ถึงช่วงเวลาพักของเหล่า "ด๊กต๋า" เอ้ย! ด็อคเตอร์หลายๆ ท่าน เพียงแค่อิเวนท์แรกยังค่อนข้างหินเอาเรื่อง หากอิเวนท์ต่อๆ ไปมันจะขนาดไหนกัน ฉะนั้นอย่าพักจนละเลยจนลืมการฝึกฝน ปั้นฝีมือเหล่า Operator ล่ะ บทความนี้ทาง GameFever TH จะมาแนะนำ Operater สาย Defender อีกหนึ่งตัวที่ไม่ได้มีดีแค่เกราะหนาหรือป้องกัน เพราะว่าเธอคนนี้สามารถโจมตีระยะไกลได้แถมสามารถตอบโต้ศัตรูจากทางอากาศได้อีกด้วย ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกไปเสียจาก Liskarm สาวผู้เปี่ยมไปด้วยหัวใจแห่งการปกป้องนั้นเอง! ================================================== รู้จักกับ Liskarm เธอนั้นแข็งแกร่งทั้งกายและจิตใจ Liskarm จัดได้ว่าเป็น Operator สาย Defender ระดับ 5 ดาว ที่เมื่อปั้นเธอจนถึงระดับ Elite 2 และเลเวลเต็มแล้ว เธอจะมีค่า Defend ที่จัดอยู่ในอันดับ Top เป็นรอง Hoshiguma ที่เป็น Operator สาย Defender ระดับ 6 เพียงนิดหน่อยเท่านั้น แต่ Liskarm ก็มีจุดเด่นที่ไม่ใช่แค่ความถึก นั้นก็คือเธอสามารถโจมตีระยะไกลด้วยปืนพกของเธอ และสามารถยิงศัตรูจำพวกโดรนที่อยู่บนฟ้าได้อีกด้วย Operator Liskarm ให้เสียงพากย์โดยคุณ Ishikawa Yui นักพากย์เสียงญี่ปุ่นชื่อดังที่น้อยคนที่จะไม่รู้จักเธอคนนี้ ( งานพากย์ที่รู้จักกันได้แก่ Mikasa Ackerman จากซีรี่ส์ Attack on Titan, Yutika จากเรื่อง Lupin III: Princess of the Breeze - Hidden City in the Sky, USS Enterprise จากเกมและอนิเมะเรื่อง Azur Lane ) ดีไซน์ถูกออกแบบโดยนามปากกา TOKI โดยข้อมูลส่วนตัวของเธอมีดังนี้ ข้อมูลทั่วไป Code Name: Liskarm เพศ: หญิง เวลาที่เข้ามาประจำการ: 3 ปี สถานที่เกิด: Voulvre วันเกิด: 18 พฤษภาคม ส่วนสูง: 156 เซ็นติเมตร เผ่าพันธุ์: Voulvre สถานะ: ยืนยันจากทางการแพทย์แล้วว่า ไม่พบการติดเชื้อ ผลการทดสอบร่างกาย พละกำลังทางร่างกาย : มีพละกำลังที่ดี ปกติทั่วไป การเคลื่อนที่: ความคล่องตั ความทนทานของร่างกาย : ความทนทานร่างกายจัดอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม การวางแผนยุทธวิธี : สามารถทำได้อย่างปกติ ไม่บกพร่อง ความสามารถด้านการต่อสู้ : มีทักษะการต่อสู้ในระดับผ่านศึกมาอย่างมากมาย การันตีความยอดเยี่ยม การซึมซับพลัง Originium Art : เธอสามารถดูดซับ Originium และแปลเปลี่ยนเป็นพลังได้อย่างดีเยี่ยม ประวัติส่วนตัว Liskarm เธอเป็นผู้ว่าจ้างมาจากบริษัท Blacksteel ซึ่งบริษัทนี้เป็นบริษัทบริการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับบุคลากรและองค์กรต่างๆ มากมาย หรือพูดง่ายๆ ก็คือเธอเป็น Surcerity Guard ที่ได้รับงานดูแลรักษาความปลอดภัยมาหลายๆ ที่ มีประสบการณ์ในการปกป้องหรือทำงานตามผู้ว่าจ้างในสถานะการณ์ที่อันตรายมาเยอะพอสมควร ปัจจุบันก็ได้รับงานปกป้อง ดูแลรักษาความปลอดภัยทั้งใน Rhodes Island และนอกสถานที่อีกด้วย ความคิดเห็นของแพทย์ ผลการทดสอบทางการแพทย์ระบุว่า ทั้งสภาพร่างกายและอวัยวะส่วนต่าง ไม่มีการติดเชื้อ Oripathy ระบบโลหิตไม่พบภาวะทางสุขภาพและอาการต่างๆ ก็ไม่มีบ่งบอกสัญญาณอันตราย จึงสรุปได้ว่า Liskarm ไม่มีภาวะการติดเชื้อ [ความเข้ากันของเซลล์และ อนุภาค Originium ในร่างกาย: 0%] Liskarm ยังไม่มีอากาหรือสัญญารอะไรใดๆ กับ Originium [ความหนาแน่นของผลึกในเลือด: 0.10u/L] ผลการตรวจเลือดพบว่า ผลึกในร่างกายของ Liskarm กลับมาอยู่ในร่างกายแต่ยังไม่พบสัญญาณอันตรายใดๆ ต้องขอบคุณการป้องกันกับโรค Oripathy อย่างเหมาะสมของเธอในตอนนี้ อื่นๆ หลังจากที่ได้ฟังบทพูดของ Liskarm รวมถึงวิเคราะห์นิสัยแล้ว เธอจะเป็นคนที่ค่อนข้างขรึมนิดๆ จริงจังในทุกสถานะการณ์ และแม้ว่าภายนอกจะไม่ค่อยถูกกับ Franka ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานมากนัก แต่เมื่อทั้งสองเมื่ออยู่ด้วยกันแล้ว ถือว่าเป็นคู่หูคู่ลุยที่ผ่านอะไรมาเยอะมาก ฉะนั้นอุ่นใจได้เลยเมื่อมีเธอเป็นแนวหน้า ค่า Status และ Skill ของ Liskarm Liskarm เป็น Operator ระดับ 5 ดาวสาย Defender, Melee ที่นอกจากจะหนาเป็นอันดับต้นๆ แล้วก็ยังสามารถใช้ปืนพกของเธอยิงศัตรูบนอากาศได้ ค่า Status Max Level: Level 50 ในระดับ Non – Elite/ Level 70  ในระดับ Elite 1/ Level 80 ในระดับ Elite 2 Health point: 1926 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 1729 เมื่อ Lv.45/ 2306 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 3214 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Attack  : 215 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 269 เมื่อ Lv.45/ 337 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 397 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Defend : 242 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 373 เมื่อ Lv.45/ 512 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 732 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Resistant : 0 ทุกเลเวล Redeploy : ใช้ค่า Deploy Point 70 หน่วยทุกเลเวล Cost : 19 หน่วยในระดับ Non-Elite / 21 หน่วยในระดับ Elite 1 / 23 หน่วยในระดับ Elite 2 Block : สามารถ Block ศัตรูได้ 3 คน Attack Speed : 1.2 หน่วยทุกเลเวล ระยะโจมตี : 3 ช่องข้างหน้าทุกระดับ ทุกเลเวล ค่า Potential ระดับ 1 Deployment Cost -1 ระดับ 2 Redeployment Cooldown -4 ระดับ 3 Defend +27 ระดับ 4 Talent Effect Up ระดับ 5 Deployment Cost -1 Trust extra status ค่าโบนัสจากความเชื่อใจ เพิ่มค่า Attack + 10 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +20 เมื่อถึง 50%/ +30เมื่อถึง 75%/ +40 เมื่อถึง 100% เพิ่มค่า Defend + 17.5 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +35 เมื่อถึง 50%/ +52.5 เมื่อถึง 75%/ +70 เมื่อถึง 100% Traits Liskarm สามารถ Block ศัตรูไม่ให้ผ่านทางได้มากสุด 3 คน Talent: Tactical Defend: ฟืนฟู 1 Skill Point ให้กับตัวเองและพันธมิตรในระยะการโจมตีของเธอแบบสุ่มด้วย เมื่อเธอหรือพวกเขาถูกโจมตี Thunder Resistance: บวกค่าป้องกัน Art 10 หน่วยแบบทันที และสูงสุด 13 หน่วยเมื่ออัพ Talent จนเต็ม ทิศทางการช่องการโจมตีและ Skill ของ Liskarm Skill Skill ที่ 1: Charge Defense ประเภท: Auto Trigger, Getting Hit ลักษณะ SP Charge: Attack Taken Recovery SP Cost: 24 หน่วยสกิลเลเวล 1/ 18 หน่วยเมื่อสกิลเลเวลเต็ม ระยะเวลาบัฟ: 8 วินาที Skill Effect: เมื่อเกจ SP เต็มจะเป็นการใช้สกิลอัตโนมัติ และในการโจมตีครั้งต่อไป เมื่อศัตรูทำการโจมตีในแบบ Source Damage ( ความเสียหายทุกอย่างที่ไม่ใช้จากการโจมตีปกติ ) ความเสียหายที่ได้รับจะลดลง 40% ที่สกิลเลเวล 1 และรับความเสียหายได้มากที่สุด 100% เมื่ออัพเลเวลสกิลเต็ม โดยจะรับการโจมตีรูปแบบ Source Damage ได้ 1 ครั้ง   Skill ที่ 2 : Counter Arc ประเภท : Manual Trigger, Getting Hit ลักษณะ SP Charge : Attack Taken Recovery SP Cost : 44 หน่วยสกิลเลเวล 1/ 34 หน่วยเมื่อสกิลเลเวลเต็ม ระยะเวลาบัฟ : 20 วินาที Skill Effect : เมื่อกดใช้งานหลังเกจ SP เต็ม เธอจะทำการปล่อย Arc ในรูปแบบสายฟาและแสงแฟลชจากโล่ของเธอ เพิ่มพลังโจมตีขึ้น 85% โจมตีใส่ศัตรู 3 ตัวหน้าสุดแบบ Arc Damage และมีโอกาส 10% ที่จะ Stun เป้าหมายหนึ่งเป้าหมาย ระยะเวลา 1 วินาที / หากอัพสกิลจนเต็ม พลังโจมตีจะเพิ่มขึ้นถึง 200% โจมตีใส่ศัตรูด้วย Arc Damge 4 เป้าหมาย และมีโอกาส 25% ที่จะ Stun ศัตรูหนึ่งตัว ระยะเวลา 1 วินาที ( แต่หลังจากผลของสกิลจบลง Liskarm จะอยู่ในสถานะถูก Stun เป็นเวลา 5 วินาที พูดง่ายๆ ว่าจะใช้งานเธอไม่ได้ชั่วคราว ) รูปแบบการใช้งานของ Liskarm Liskarm เป็น Operator ที่มีค่า Cost ที่สูงเอาเรื่อง ฉะนั้นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการใช้งานเธอก็คือ ช่วงกลางเกมหรือรอให้ Reployment Point ถึงค่า Cost ที่กำหนดก็ทำได้เช่นกันแต่ก็จะทำให้รูปแบบการป้องกันช้าลง แนะนำเลยก็คือหา Vannguard สักคนยืนป้องกันไปก่อน แล้วค่อยเรียกใช้ Liskarm เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม จากนั้นค่อยถอน Vanguard ออกจากพื้นที่ตามสถานะการณ์ นอกจากนี้ยังสามารถยิงศัตรูประเภทโดรนได้ จึงหมดห่วงจุดนี้ได้เลย เหมาะสำหรับวางในแนวหน้า หรือวางแถวสองยืนร่วมกับ Defender คนอื่นก็ได้เพราะเธอมีระยะการโจมตีถึง 3 ช่อง และในด้านการใช้สกิล หากเป็นสกิล Charge Defense ก็คงไม่ต้องคิดอะไรมาก มันเป็นการเสริมความถึกให้กับเธอไว้รับมือกับการโจมตีแบบ Source Damage หรือดาเมจเวทอาจจะเหมาะกับบางด่าน แต่อีกสกิลอย่าง Counter Arc เสมือนเป็นดาบสองคม เพราะแม้จะใช้กำราบศัตรูจำพวกศัตรูขนาดใหญ่ พวกหนาๆ ได้ แต่หลังจากหมดผลสกิล มันก็ทำให้เธอติด Stun นาน 5 วินาทีด้วยเช่นกัน แนะนำหากจะใช้ก็ใช้ตอนช่วงท้ายเกม ตอนที่ปะทะกับศัตรูตัวใหญ่หรือกับบอสเพื่อปิดฉากให้จบไวที่สุดจะเป็นการดีที่สุด ================================================== สรุปแล้ว Liskarm เป็น Operator ที่มีประโยชน์มากๆ ในฐานะ Defender ตัวหนึ่ง ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถป้องกันได้ทั้งทางภาคพื้นที่ดีเยี่ยมและทางอากาศได้ในระดับหนึ่ง แม้ว่าจะค่อนข้างครบครันแต่ตัว Liskarm ก็ไม่ได้มี Damage ที่สูงพอที่จะสังหารศัตรูอย่างรวดเร็ว จำต้องมีพันธมิตรช่วยเสริมกันด้วย หากมีตัวเธออยู่ในคลัง แนะนำให้รีบปั้นเพื่อใช้งานเป็นอันดับแรกๆ ให้ได้เลย Source Ark Work By: MKL06 สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
24 Feb 2020
Arknights รีวิว Operator สาวกระต่าย Rope พร้อมที่จะขโมยใจคุณ
หลังจากเกม Arknights ได้เข้า Store ไทยบ้านเราเป็นที่เรียบร้อย ผลตอบรับก็ดังเกินคาด ดังเป็นพลุแตก ผู้เล่นจำนานมากหลั่งไหลเข้ามาเล่นไม่ขาดสาย พิสูจน์ได้ว่าแนวเกม Defend Tower ที่รูปแบบการเล่นไม่ซับซ้อนยังคงตีตลาดเกมมือถือได้อยู่อีกนาน เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ทาง GameFever TH ก็ได้มีโอกาสมารีวิว Operator อีกหนึ่งตัวที่น่าสนใจ แต่เทคนิคการใช้ค่อนข้างซับซ้อนจนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเอามาใช้ นั้นก็คือน้อง Rope สาวกระต่ายผมม่วงกับทักษะที่พร้อมขโมยหัวใจเหล่าผู้เล่นนั้นเอง! ================================================== รู้จักกับ Rope สักนิด อดีตของเธอนั้นไม่ธรรมดา Rope จัดได้ว่าเธอเป็น Operator สาย Specialist มีทักษะที่น่าสนใจ พร้อมกับประวัติที่ค่อนข้างเลวร้ายสักนิด แต่สำหรับเธอแล้วเธอมองว่ามันคือการเาอตัวรอด แม้ว่าค่าสถานะจะไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่นักแต่สกิลที่สามารถดึงศัตรูเข้าหาตัวจากระยะไกลได้ หรือดึงให้ตกเหวได้ เหมาะสำหรับเป็นตัว Bully Boss อีกตัวที่หากมีแล้วควรปั้นใช้งาน Operator Rope ให้เสียงพากย์โดยคุณ Fujimura Ayumi ผู้ที่มีผลงานพากย์ตัวละครทั้งเกมและอนิเมะมาอย่างมากมาย ( งานพากย์ที่รู้จักกันได้แก่ Chiharu Harukaze จากเรื่อง Hayate Combat Butler, Pipirika จากเรื่อง Magi: Adventure of Sinbad, Mineva Lao Zabi จากภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่อง Mobile Suit Gundam Narrative ) ดีไซน์ถูกออกแบบโดยนามปากกา m9nokuro โดยข้อมูลส่วนตัวของเธอมีดังนี้ ข้อมูลทั่วไป Code Name : Rope เพศ: หญิง เวลาที่เข้ามาประจำการ: 2 ปี สถานที่เกิด: Rim Billiton วันเกิด: 4 เมษายน ส่วนสูง: 155 เซ็นติเมตร เผ่าพันธุ์: Cautus สถานะ: ยืนยันว่าเธอมีการติดเชื้อ Oripathy ยืนยันโดยการทดสอบทางการแพทย์ ผลการทดสอบร่างกาย พละกำลังทางร่างกาย : มีพละกำลังที่ดี ปกติทั่วไป การเคลื่อนที่: มีความว่องไวที่ยอดเยี่ยม ความทนทานของร่างกาย : ความทนทานร่างกายอยู่ในระดับปกติ การวางแผนยุทธวิธี : สามารถทำได้อย่างปกติ ไม่บกพร่อง ความสามารถด้านการต่อสู้ : มีทักษะการต่อสู้ในระดับทั่วไป การซึมซับพลัง Originium Art : เธอสามารถดูดซับ Originium และแปลเปลี่ยนเป็นพลังในระดับปกติ ประวัติส่วนตัว อดีตของ Rope นั้นตั้งแต่ในช่วงวัยเด็กจนโต เธอก็ใช้ชีวิตในสลัมในเขตหลงเหมิน เป็นแมวขโมยย่องเบา ขโมยของไปทั่วเพื่อประทังชีวิตเอาตัวเองให้รอดไปวันๆ แต่ก็ถูกทางการหลงเหมินจับได้ขณะหลบหนี แต่โชคดีที่มีการแลกส่งตัวหัวขโมยคนนี้ให้กับทางเกาะโรห์ด เพราะเธอติดเชื้อ Oripathy โดย Chem เป็นคนแนะนำให้ทางเกาะโรห์ดฝากฝังเด็กคนนี้ด้วย แน่นอนว่าเธอมีความสามารถในการใช้ใช้ตะขอและเชือกเป็นอาวุธสูงมาก จึงเหมาะกับการเป็น Specialist อย่างแท้จริง อื่นๆ หลังจากที่ได้ฟังบทพูดของ Rope รวมถึงวิเคราะห์นิสัยแล้ว แม้ว่านิสัยติดการขี้ขโมยจะยังอยู่ หน้าเงินนิดๆ แต่นั้นก็ไม่ใช่การขโมยจริงๆ จังๆ แต่เป็นการแกล้ง Doctor ( ผู้เล่น ) เสียมากกว่า กลายเป็นว่าอาจจะถูกใจสำหรับสายสาวขี้แกล้งก็ได้ ที่สำคัญเลยคือ เธอมีความฝันที่ว่าสักวันหนึ่งจะใช้ชีวิตอยู่ดีมีสุข....แต่ก็อด (แกล้ง) ขโมยของตัว Doctor อยู่ดีนั้นแหละ ค่า Status และ Skill ของ Rope Rope เป็น Operator ระดับ 4 ดาวสาย Specialist, Melee Shift ที่มีทักษะในการดึงหรือกระชากศัตรูเข้าหาตัวได้ แถมมีการโจมตีที่ค่อนข้างรวดเร็ว และค่าสถานะก็ไม่ได้โดดเด่นเท่าไหร่ แต่เมื่อเราเลื่อนขั้นเธอให้เป็นระดับ Elite เพื่อปลดล็อคสกิล Double Hook แล้ว จะทำให้เธอมีประโยชน์อย่างมากในการดึงศัตรูเข้าหาตัวหรือดึงให้ตกเหวได้แม่นยำและได้จำนวนมากขึ้น ค่า Status Max Level: Level 45 ในระดับ Non – Elite/ Level 60  ในระดับ Elite 1/ Level 40 ในระดับ Elite 2 Health point: 744 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 1006 เมื่อ Lv.45/ 1307 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 1720 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Attack  : 313 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 448 เมื่อ Lv.45/ 582 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 728 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Defend : 142หน่วยเมื่อ Lv.1/ 209 เมื่อ Lv.45/ 249 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 325 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Resistant : 0 ทุกเลเวล Redeploy : ใช้ค่า Deploy Point 70 หน่วยทุกเลเวล Cost : 10 หน่วยในระดับ Non-Elite / 12 หน่วยในระดับ Elite 1-2 Block : สามารถ Block ศัตรูได้ 2 คน Attack Speed : 1.8 หน่วยทุกเลเวล ระยะโจมตี : 3 ช่องข้างหน้าในระดับ Non-Elite / 4 ช่องข้างหน้าในระดับ Elite 1-2 ค่า Potential ระดับ 1 Deployment Cost -1 ระดับ 2 Redeployment Cooldown -4 ระดับ 3 Defend +22 ระดับ 4 Talent Effect Up ระดับ 5 Deployment Cost -1 Trust extra status ค่าโบนัสจากความเชื่อใจ เพิ่มค่า Attack + 15 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +30 เมื่อถึง 50%/ +45 เมื่อถึง 75%/ +60 เมื่อถึง 100% เพิ่มค่า Defend + 5 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +10 เมื่อถึง 50%/ +15 เมื่อถึง 75%/ +20 เมื่อถึง 100% Traits Rope สามารถดึงเข้าหาศัตรูได้ และสามารถยืนอยู่บนตำแหน่งที่สูงหรือ Range Grid ได้ Talent: Auditory Training เพิ่มโอกาสการหลบหลีกจากการโจมตีของศัตรูได้ 15% และหากอัพ Talent จนเต็ม จะเพิ่มโอกาสการหลบหลีกได้มากถึง 34% ทิศทางการช่องการโจมตีและ Skill วางดีๆ จะกลายเป็นตัว Bully Boss Skill Skill ที่ 1: Hook Shot ประเภท: Auto Trigger, Auto Recovery ลักษณะ SP Charge: Per Seccond SP Cost: 7 วินาทีเมื่อสกิลเลเวล 1/ 5 วินาทีเมื่อสกิลเลเวลเต็ม ระยะเวลาบัฟ: 0 Skill Effect: เมื่อเกจ SP เต็มจะเป็นการใช้สกิลอัตโนมัติ เพิ่มพลังโจมตีในการโจมตีครั้งถัดไป 100% และมีโอกาสลากศัตรูเข้าหาตัวได้ขนาดเล็กถึงปานกลางได้ แต่เมื่ออัพสกิลจนเต็ม จะเป็นการเพิ่มพลังโจมตีถึง 190% และลากศัตรูขนาดใหญ่ได้   Skill ที่ 2 : Double Hook ประเภท : Manual Trigger, Auto Recovery ลักษณะ SP Charge : Per Secound SP Cost : 25 วินาทีเมื่อสกิลเลเวล 1/ 15 วินาทีเมื่อสกิลเลเวลเต็ม ระยะเวลาบัฟ : 0 Skill Effect : เมื่อกดใช้งาน เธอจะโจมตีครั้งถัดไปแรงขึ้น 120% และทำการดึงศัตรูขนาดเล็กได้มากถึง 2 ตัว หรือศัตรูขนาดกลาง 1 ตัว แต่หากอัพเลเวลสกิลจนเต็ม การโจมตีครั้งถัดไปจะแรงขึ้น 225% และสามารถดึงศัตรูขนาดใหญ่เข้าหาตัวพร้อมกันได้ 2 ตัว รูปแบบการใช้งานของ Rope น้องกระต่ายขี้ขโมย Rope จะมีการวางตำแหน่งที่ต้องคิดเผื่อไว้สักนิดเพราะเธอไม่ได้มีพลังโจมตีที่รุนแรงเท่าไหร่ แต่แลกด้วยระยะการโจมตีที่ตีไกลได้สูงสุดถึง 4 ช่องด้วยกัน มันทำให้เธอสามารถตีข้ามช่องกันได้ ช่วยทำดาเมจลดภาระ Operator คนอื่นๆ ได้ดี ที่สำคัญคือสามารถวางบน Range Grid หรือวางในตำแหน่งที่สูงได้ด้วยตามแบบฉบับ Operator สาย Specialist และหากเอาไปคอมโบร่วมกับ Operator สาย Defender ทั้งหลายในด่านที่มีร่อง มีเหว ให้ Defender ยื้อเวลาศัตรูหรือบอสเข้ามายังแนวดึงของ Rope รอจนสกิลพร้อมทำงานแล้วล่ะก็ จะกลายเป็นการ Bully Boss ให้สามารถดึงตกเหวไปได้โดยแทบไม่เสียเลือดเสียเนื้อมากมาย แต่ Rope นั้นไม่ได้มีพลังการโจมตีที่สูงมากมายนัก การคาดหวังการสร้างความเสียหายจึงเป็นไปได้ค่อนข้างยาก แถมตัว Rope นั้นก็บอบบางพอสมควร หากวางตำแหน่งไม่ดีเจอศัตรูเข้าโจมตีก็ร่วงอย่างง่ายดาย ที่สำคัญ สกิล Double Hook มี Cooldown ที่นานมากๆ และลากศัตรูตัวใหญ่ไม่ค่อยไป แนะนำให้อัพสกิลให้เต็มเพื่อดึงประโยชน์สูงสุด ================================================== สรุปแล้ว Rope เป็น Operator ที่มีประโยชน์มากๆ ในการตัดกำลังศัตรูในด่านที่มีเหว ลากได้ตั้งแต่ศัตรูตัวเล็กๆ ยัน Boss ตัวใหญ่ๆ หากอัพสกิลเต็ม แต่ความทนทานก็ไม่ได้หนาขนาดนั้น Skill ที่สองมี Cooldown ที่นาน ต้องเอาไปอัพสกิลก่อนถึงจะดี และสุดท้ายนี้ แม้ Rope จะขี้แกล้งเราแต่ก็อย่าถือสาเลย เพราะลึกๆ แล้วเธอรักและเคารพ Doctor มากๆ เลยล่ะ Source Ark Work By 宇宙帝王地鐵 สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
21 Feb 2020
Arknights รีวิว Operator ที่โลกลืม น้องแมงป่องสุดจืดจาง Manticore
ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่น Arknights ทางฝั่ง South East Asia หรือแถวบ้านเราด้วย หลังจากวันที่ 5 เป็นต้นไปก็สามารถโหลดผ่าน Play Store และ App Store ได้โดยตรงโดยที่ไม่ต้องมุดแต่อย่างใด อีกทั้งมีการแจกเม็ดแดง Orundum ให้ฟรีๆ กันอีก เรียกได้ว่าเอาใจพวกเราไปได้เลยสำหรับเกมนี้ หลังจากที่เคยพูดกันไปแล้วว่า Operator ทุกตัวมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นประเภทอะไรหรือระดับต่ำหรือสูง พวกเขาสามารถช่วยให้เราเอาชนะศัตรูได้ตามสถานะการณ์ แต่ก็มี Operator อีกหนึ่งตัวที่นับว่าเป็น Operator ที่โลกลืมอีกตัวนั้นก็คือน้องแมงป่อง Manticore นั้นเอง! โดยทางเรา GameFever TH ก็จะมารีวิวความจืดจางของน้องแบบหมดไส้หมดพุงว่าทำไมน้องจืดจางไม่พอ แถมยังน่าสงสารอีก แต่ Skill กลับมีประโยชน์อย่างที่คาดไม่ถึงเลยเชียว ================================================== รู้จักกับ Manticore แล้วคุณจะรู้ว่าเธอน่าสงสาร Manticore เป็นรหัสเรียกขานของเธอ ไม่มีใครรู้ว่าชื่อจริง ๆ ของเธอเป็นอย่างไร แต่นับว่าเป็น Operator ที่ผ่านศึกมาหนึ่งปีก็นับว่ามีประสบการณ์พอตัว เห็นโหดแบบนี้แต่เธอค่อนข้างขี้อาย เข้าหาคนไม่เป็น และมีหางแมงป่องที่ใหญ่ ค่อนข้างน่ากลัว ทำให้เธอเป็นพวกไร้เพื่อน เพื่อนไม่คบจนกระทั่งผู้เล่นได้เข้ามาในชีวิตเธอ Operator Manticore ให้เสียงพากย์โดยคุณ Suwa Ayaka แม้จะไม่ได้ค่อยพากย์เสียงตัวละครหลักบ่อยนัก แต่ก็มีผลงานการพากย์มาอย่างมากมายเกือบสิบปี ( งานพากย์ที่รู้จักกันได้แก่ Augus Mikazaki ในวัยเด็กจากเรื่อง Mobile Suit Gundam: Iron-Blooded Orphans, Chris และ Eris จากเรื่อง KonoSuba, YoRHa Type A No.2 จากเกม Nier: Automata ) ดีไซน์ถูกออกแบบโดยนามปากกา 竜崎いち ( ริวซากิอิชิ ) โดยข้อมูลส่วนตัวของเธอมีดังนี้ ข้อมูลทั่วไป Code Name : Manticore เพศ: หญิง เวลาที่เข้ามาประจำการ: 1 ปี สถานที่เกิด: Sargon วันเกิด: ไม่ทราบ ส่วนสูง: 155 เซ็นติเมตร ความยาวหางของเธอ: 140 เซ็นติเมตร สถานะ : ยืนยันว่าเธอมีการติดเชื้อ Oripathy, มีการเฝ้าสังเกตุการณ์ในช่วงการทดสอบเพื่อการรักษา ผลการทดสอบร่างกาย พละกำลังทางร่างกาย : มีพละกำลังที่สุดยอดด้วยหางอันใหญ่ยักษ์ของเธอ การเคลื่อนที่: มีความว่องไวที่ยอดเยี่ยม ความทนทานของร่างกาย : ความทนทานร่างกายอยู่ในระดับปกติ การวางแผนยุทธวิธี : สามารถทำได้อย่างปกติ ไม่บกพร่อง ความสามารถด้านการต่อสู้ : มีทักษะการต่อสู้ที่โด่ดเด่นและยอดเยี่ยมอย่างมาก การซึมซับพลัง Originium Art : เธอสามารถดูดซับ Originium และแปรเปลี่ยนเป็นพลัง Art ได้อย่างยอดเยี่ยม ประวัติส่วนตัว ไม่มีใครทราบชื่อที่แท้จริงของเธอ และอดีตของเธอเป็นใครมาจากไหนกันแน่ รู้เพียงแค่ว่าเธอมีรหัสเรียกขานที่รู้จักกันทั่วไปว่า Manticore ( เป็นสัตว์ตามตำนานของชาวเปอร์เซียที่เรียกกันในภาษาท้องถิ่นว่า Martikhora โดยจะเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ มีหัวเป็นมนุษย์ ลำตัวเป็นสิงโต หูจะยาวใหญ่กว่ามนุษย์และมีหางเป็นแมงป่อง ) และก่อนที่เธอจะมาประจำการในเกาะโรห์ด เธอก็เคยทำงานให้กับที่อื่นมาก่อนแต่ก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้เหมือนกันว่าเคยทำงานให้ที่ไหนมากันแน่ ในปัจจุบันเธอเป็นถึงเจ้าหน้าที่พิเศษที่ยังคงทำงานให้กับเกาะโรห์ดต่อไป ความคิดเห็นของแพทย์ ผลการทดสอบทางการแพทย์ระบุว่า Manticore เธอมีอวัยวะบางอย่างภายนอกที่มีส่งผลต่อเงาสะท้อนของตัวเธอ ( และนี่คือเหตุผลว่าทำไม เธอถึงจืดจางมีความสามารถในการพรางตัว และจืดจางในเวลาเดียวกัน ) และมีอนุภาค Originium ไหวเวียนอยู่ในทั่วร่างกาย เธอจึงถูกระบุยืนยันแล้วว่าเธอมีภาวะติดเชื้อ Oripathy [ความเข้ากันของเซลล์และ อนุภาค Originium ในร่างกาย: 12%] จากการตรวจสภาพทางร่างกายก็ยังไม่พบแผลที่เกิดจาก Oripathy อย่างไรก็ตามการตรวจสภาพร่างกายภายในก็พบว่ามีการก่อตัวของผลึกเป็นผลมาจาก Oripathy จากภายใน จึงต้องมีการสังเกตุการณ์ต่อไป [ความหนาแน่นของผลึกในเลือด: 0.32u/L] ผลการตรวจเลือดพบว่า ผลึกในร่างกายของ Manticore มีความเข้มข้นสูง และเป็นไปได้ว่าจะมีความเข้มข้นของผลึกฝังตามอวัยวะภายในร่างกายสูงตามไปด้วย อื่นๆ เมื่อเรานำ Maticore ตั้งเป็นเลขาส่วนตัว จะได้รู้ว่าทั้งคำพูดของเธอที่จะสื่อถึงผู้เล่นนั้นมันช่างน่าสงสาร เธอไม่เคยมีเพื่อนเพราะผลจากรูปลักษณ์ที่น่ากลัวโดยเฉพาะหางที่ใหญ่มากๆ และเธอเกลียดการถูกทอดทิ้งหรือการถูกเมินเพราะเธอมีอวัยวะที่ทำให้ตัวเองจืดจางได้ อีกทั้งนิสัยที่ขี้เกียจ พูดไม่เก่งแถมเข้าหาใครไม่เป็นอีก ซึ่งมีแต่ Doctor ( ผู้เล่น ) พยายามทำให้เธอมีเพื่อน มีตัวตนขึ้นมาบ้าง แน่นอนว่าสำหรับ Manticore นับว่าเป็นเพื่อนคนแรกๆ ที่เธอกล้าเข้าหา และพอได้รู้จักสักพักจะรู้เลยว่า เธอเป็นเด็กดีมากๆ เลยล่ะ แต่ก็มีอีกทฤษฎีส่วนตัวเลยก็คือ ก่อนที่เธอทำงานให้กับเกาะโรห์ด เธอเคยสูญเสียเพื่อนมากมายในการต่อสู้เพราะสังเกตุจากป้าย Dogtag ที่เธอห้อยคอไว้สามอัน นั้นหมายความว่าในอดีตเธออาจจะต้องพบเรื่องร้ายๆ จนจิตตก ไม่อยากเข้าหาใครจนผู้เล่นมาเปิดใจเธอนั้นเอง ( ซึ่งอันนี้เป็นแค่ทฤษฎีเท่านั้น ไม่มีถูก ไม่มีผิด ) ค่า Status และ Skill ของ Manticore Manticore เป็น Operator สาย Specialist, DPS Survival ที่ค่อนข้างโจมตีได้อย่างเชื่องช้า แต่การโจมตีแต่ละครั้ง จะเป็นการโจมตีแบบ Area of Effiect ( AoE ) และมีความรุนแรงค่อนข้างสูง แถมมี Talent ที่คิดเป็นทั้งแอบขำและแอบน่าสงสารในเวลาเดียวกัน เพราะเธอจะมีโอกาสน้อยมากที่จะถูกตกเป็นเป้าหมายในการโจมตีพูดง่ายๆ ก็คือศัตรูจะเมินเธอไปเลย และ Talent ที่เมื่อเข้าสู่สถานะล่องหนจะเพิ่มพลังการโจมตีครั้งแรกให้มากขึ้น ทำให้กลายเป็นตัวที่ปล่อยให้ทำดาเมจ, ตัวซื้อเวลา, ตัวบั่นทอน HP ศัตรูก่อนเข้าปะทะกับ Operator หลักของเราได้ ค่า Status Max Level: Level 50 ในระดับ Non – Elite/ Level 70  ในระดับ Elite 1/ Level 80 ในระดับ Elite 2 Health point: 777 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 1080 เมื่อ Lv.50/ 1385 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 1630 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Attack  : 378 หน่วยเมื่อ Lv.1/ 511 เมื่อ Lv.50/ 656 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 811 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Defend : 141หน่วยเมื่อ Lv.1/ 218 เมื่อ Lv.50/ 284 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 343 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Resistant : 10หน่วยเมื่อ Lv.1/ 10 เมื่อ Lv.50/ 20 เมื่อขึ้น Elite 1 Max Lv./ 30 เมื่อขึ้น Elite 2 Max Lv. Redeploy : ใช้ค่า Deploy Point 70 หน่วยทุกเลเวล Cost : 16 หน่วยในระดับ Non-Elite / 18 หน่วยในระดับ Elite 1-2 Block : ไม่สามารถป้องกันศัตรูได้ ( น้องโดนเมิน ) แต่ก็แลกกับที่จะไม่ตกเป็นเป้าหมายหรือตกเป็นเป้าหมายต่ำเช่นกัน Attack Speed : 1.00 หน่วยทุกเลเวล ระยะโจมตี : 2 ช่องรอบตัวแบบ AoE โดยข้างหน้าสุดของตัว Manticore จะโจมตีได้ ไกลพิเศษเป็น 3 ช่อง ค่า Potential ระดับ 1 Deployment Cost -1 ระดับ 2 Redeployment Cooldown -4 ระดับ 3 Attack Power +30 ระดับ 4 Talent Effect Up ระดับ 5 Deployment Cost -1 Trust extra status ค่าโบนัสจากความเชื่อใจ เพิ่มค่า Attack + 25 เมื่อมีค่าความเชื่อใจ 25%/ +50 เมื่อถึง 50%/ +75 เมื่อถึง 75%/ +100 เมื่อถึง 100% Traits Manticore สามารถโจมตีแบบ AoE รอบตัว 2 ช่องได้ โดยข้างหน้าของเธอจะเป็นการโจมตี 3 ช่อง, มีโอกาส 50% ที่เธอสามารถหลบการโจมตีของศัตรูทั้งประเภทกายภาพและแบบ Art Attack ได้, เธอจะไม่สามารถ Block ศัตรูได้และจะถูกศัตรูเมินทันที แต่มีโอกาสเล็กน้อยมากๆ ที่จะถูกโจมตีใส่ ( ซึ่งส่วนมากจะเป็นศัตรูประเภท Art ) Talent: Hidden Killer เมื่อยังไม่ได้อยู่ในสถานะการต่อสู้ Manticore จะเข้าสู่โหมดพรางตัวและเมื่อศัตรูย่างกรายมา การโจมตีครั้งแรกจะเพิ่มพลังโจมตี 25% ทันที และจะกลับเข้าสู่โหมดพรางตัวได้อีกครั้งเมื่อเธอยังไม่มีการโจมตีเป็นเวล 6 วินาที แต่หากเป็น Elite 2 เลเวลเต็มแล้ว ความสามารถนี้จะเพิ่มพลังโจมตีสูงถึง 54% เลยทีเดียว และลดเวลาการพรางตัวเป็น 5 วินาที ทิศทางการช่องการโจมตี, Talent และ Skill ที่สำคัญ น้องโดนเมินจากศัตรูเกือบทั้งหมด ; _ ; Skill Skill ที่ 1: Scorpion Venon ประเภท: Passive ลักษณะ SP Charge: ไม่มีการชาร์จ SP SP Cost: 0 ระยะเวลาบัฟ: 0 Skill Effect: ทุกครั้งที่ Manticore โจมตี ศัตรูจะโดนลดความเร็วในการเคลื่อนที่ 20% เป็นเวลา 3.5 วินาที เมื่ออัพเกรดสกิลจนสูงสุด จะเป็นการลดความเร็วในการเคลื่อนที่ของศัตรูได้มากถึง 50% เป็นเวลา 5 วินาที   Skill ที่ 2 : Toxic Overlord ประเภท : Manual Trigger, Auto Recovery ลักษณะ SP Charge : Per Secound SP Cost : 20 ระยะเวลาบัฟ : 31 วินาทีเมื่อสกิลเลเวล 1/ 40 วินาทีเมื่อสกิลเลเวลเต็ม Skill Effect : เมื่อกดใช้งาน เธอจะโจมตีแรงขึ้น 30% และทำการหยุดเป้าหมายหรือ Stunt เป็นเวลา 0.5 วินาที เมื่ออัพเกรดสกิลจนสูงสุด จะสามารถเพิ่มพลังโจมตีให้ตัวเองได้มากถึง 90% และ Stunt เป้าหมายได้ 1 วินาที แต่ว่าเมื่อกดใช้แล้ว จะทำให้ Manticore โจมตีช้าลงเล็กน้อย รูปแบบการใช้งานของ Manticore น้องแมงป่อง Manticore ถูกจะเป็น Operator Specialist ที่เหมือนจะแทบไม่ได้ช่วยอะไรในการยื้อทีม แต่จริงๆแล้วเธอเป็นตัวยื้อทีมและเป็นตัวบั่นทอนกำลังศัตรูที่ดีมากๆ เพราะนอกจากการโจมตีที่เป็นแบบ AoE แล้ว พลังการโจมตีก็สูงเป็นอันดับต้นๆ ของเกมเลยก็ว่าได้ แม้ว่าการโจมตีจะช้าไปเสียหน่อย แต่รับรองอร่อยแน่นอน ฉะนั้นการวางตำแหน่งของ Manticore ก็คือการวางดักหน้าทางหรือจุดที่ศัตรูรวมตัวกันเข้ามาเยอะๆ เช่นแบบในภาพ เมื่อศัตรูวิ่งจากหลายทางมารวมกัน เธอจะสามารถแสดงประสิทธิภาพได้อย่างเต็มที่มากๆ โจมตีทีเดียวลดเลือดศัตรูเป็นหมู่ และที่สำคัญคือไม่ต้องห่วงว่าเธอจะตกเป็นเป้าหมาย เพราะศัตรูเมินน้องได้อย่างหน้าตาเฉยเช่นกัน ทำให้หมดกังวลว่าเอาไปวางไกลๆ แล้วจะตายก่อน ลดภาระ Medic เราได้ไปในตัวด้วย แต่การที่น้อง Manticore โดนเมินก็นับเป็นข้อดีและก็ถือเป็นข้อเสียเช่นกัน เนื่องจากเธอไม่สามารถ Block ศัตรูได้ และการโจมตีแต่ละครั้งเชื่องช้า หากไม่อัพเลเวลหรือสกิลเพื่อเพิ่มพลังการโจมีและการหวังผลสกิลมากพอ มันจะกลายเป็นภาระของ Operator แนวหลังที่ทำหน้าที่ป้องกันแทน และเธอจะตกเป็นเป้าโจมตีของศัตรูสาย Art ด้วยเช่นกัน แม้ว่าเธอจะมีโอกาสหลบได้แต่เธอก็ไม่ได้หนานัก ================================================== สรุปแล้ว น้อง Manticore เธอเป็นเด็กดีมากๆ ขี้อาย เข้าหาใครไม่เป็น ในสนามน้องเลยโดนเมินบ่อยมาก แต่เพราะการโดนเมินในสนามรบทำให้เธอโจมตีได้ฟรีๆ เช่นกัน แต่ก็ต้องวางในตำแหน่งที่หวังผลการโจมตีศัตรูให้มากที่สุดเช่นกัน ไม่งั้นจะกลายเป็นภาระ Operator คนอื่นแทน แถมโจมตีค่อนข้างช้า ซึ่งหากคิดจะใช้งานเธอ แนะนำให้อัพเลเวลและสกิลให้สูงก่อน เพื่อดึงประสิทธิภาพการใช้งานได้มากที่สุด ทำให้ Manticore ไม่เหมาะเป็นตัวที่ใช้งานเริ่มต้น เหมาะกับตัวใช้งานระยะยาวและใช้บั่นทอนศัตรูที่มากันเป็นจำนวนมาก... Doctor เอ๋ย ทีหลังอย่าเมินน้องเลย น่าสงสารออก เธอไม่มีเพื่อนอยู่แล้วก็ช่วยอยู่เล่นกับน้องเยอะๆ เธอน่ารักมากๆ เลยล่ะ Source Ark Work By 友にゃん สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
06 Feb 2020
ไกด์ Arknights แนะนำ Operator ที่โลกลืม หุ่นยนต์สุดน่ารัก Lancet-2
หากพูดถึงเกมแนว Defend Tower อย่าง Arknights แล้ว ผู้เล่นหลายคนก็อาจจะมี Operator ที่ชอบและถูกใจอยู่หลายตัวไม่น้อย ยกตัวอย่าง SilverAsh หนุ่มผู้มาดนิ่ง น่ากลัวแต่กลับอบอุ่นและใจดี ( หุ่นดีจนสาวๆ หลายคนเห็นแล้วต้องชอบ ) หรืออาจจะเป็นตัวของ Amiya เองที่แม้จะเป็นตัวละครหลักแต่กลับไม่ได้ดูจืดจางด้วยอุปนิสัยที่น่ารัก ( และกลายเป็น meme เยอะมากๆ ) แต่หารู้ไหมว่ายังมี Operator อีกตัวที่ผู้เล่นหลายคนไม่นิยมหยิบใช้เพราะเห็นว่าเป็นแค่ Operator หุ่นยนต์ระดับหนึ่งดาวเหมือนจะไม่มีความสามารถอะไร หารู้ไหมว่าเธอคนนี้สามารถพลิกสถานะการณ์ได้หากใช้งานถูกจังหวะ ซึ่งทาง GameFever TH ก็ขอเสนอรายการไกด์เกมเจาะลึก Operator ภายใต้หัวข้อ "Operator ที่โลกลืม" บทความนี้เราจะประเดิมด้วยสาวหุ่นยนต์ที่ชื่อว่า Lancet-2 นั้นเอง! เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูข้อมูลเชิงลึกของเธอกันเลยดีกว่า ================================================== มาทำความรู้จักกับ Lancet-2 สักนิด Lancet-2 เป็น Operator ระดับหนึ่งดาวเพียงตัวเดียวของเกม Arknights แม้จะเป็นหุ่นยนต์พยาบาลแต่ก็ถูกตั้งโปรแกรมเหมือนเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ให้เสียงภาษาญี่ปุ่นโดยคุณ ชิโมดะ อาซามิ ( ผู้ที่เคยผ่านงานพากย์ Huang Lingyin จากซีรี่ส์ Infinite Stratos, Nanaba จาก Attack on Titan, Bulin จาก Azur Lane ) ภาพอาตโดยนามปากกา TOKI โดยข้อมูลส่วนตัวของเธอมีดังนี้ ข้อมูลทั่วไป เพศ: หญิง ระยะเวลาที่ออกมาปฏิบัติการ: 2 ปี โรงงานที่ผลิต: Thor Industries ถิ่นที่ตั้งการผลิต: Columbia วันที่ถูกจัดจำหน่าย: 12 พฤษภาคม ส่วนสูง: 149 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Medic ประเภทการสนับสนุน: รักษาเพื่อนร่วมทีมในระยะหวังผลแบบครั้งละคน สถานะปัจจุบันของเธอ: โครงสร้างภายนอกของเธอมีการสึกหรอเล็กน้อยตามอายุการปฏิบัติการ, โครงสร้างยังดูดี, ความทนทานยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ และช่วงล่างยังสภาพดี ระบบปฏิบัติการ การพยาบาลและอุปกรณ์ได้รับการตรวจเช็คเติมให้เต็มอยู่ตลอดเวลา และแผงวงจรต่างๆ ภายในตัวเธอยังทำงานได้ดีเหมือนเคย สมรรถนะโดยรวม ความเร็วที่เธอสามารถวิ่งได้ ทำได้สูงสุด 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การวิ่งขึ้นที่ชันและวิ่งทางลาดลงทำได้ปกติ ระบบเบครยังปกติ ความคล่องตัวทำได้ดีตามปกติ มีความทนทานสูงมาก ความสมบูรณ์ของโครงสร้างยังปกติ ประวัติส่วนตัว Lancet-2 เธอเป็นหุ่นยนต์หกล้อที่ถูกดัดแปลงมาจากหุ่นยนต์ปฏิบัติการณ์โมเดล Thor-S62 การออกแบบโดยรวมของตัวเธอนั้น ทางโรงงานได้ออกแบบให้ดูน่ารัก (?) กลายเป็นว่ามันทำให้เธอกลายเป็นมาสคอตของ Rhodes Island ไปเสียแล้ว แม้ว่าตัวเธอจะเป็นหุ่นยนต์ที่ค่อนข้างแปลก มีนิสัยออกไปทางมองโลกในแง่ร้ายไปนิด ตัดเพ้อเรื่องของตัวเองบ้าง แต่เธอก็ยังเป็นที่รักของทุกคน หลังจากตัวเธอได้ถูกดัดแปลงให้กลายเป็นหุ่นยนต์พยาบาลเรียบร้อย Lancet-2 ก็ได้ทำหน้าที่รักษาและเยียวยาผู้คนภายใน Rhodes Island และเธอก็ยังคงมุ่งมั่นที่ใช้เครื่องมือเครื่องใช้ที่ติดตั้งมาทำการรักษาโรคและแหล่งปนเปื้อนจาก Originium ต่อไปตราบใดที่เธอยังไม่พังไปเสียก่อน นิสัยโดยรวมของ Lancet-2 ต้องเข้าขั้นที่เรียกได้ว่า "ออร่าความเป็นศรีภรรยาสูงมาก" โดยจะเรียกผู้เล่นว่า ท่าน ขึ้นหน้าเสมอ แม้ภายนอกจากเป็นหุ่นยนต์หกล้อ แต่จิตใจก็ยังมีความต้องการ มีความรู้สึกไม่ต่างอะไรไปจากมนุษย์ โดยจากการพูดของเธอเมื่อเอาตัวเธอมาตั้งเป็นเลขาส่วนตัวหน้า Lobby เรื่องการถามผู้เล่นว่าชอบชาหรือกาแฟแล้วอยากจะชงให้ แต่ตัวเธอทำไม่ได้เพราะสิ่งที่เธอเป็นพร้อมกับน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าเหลือเกิน ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังจะดูแลและคอยเป็นห่วงเป็นใยผู้เล่นเสมอ ที่สำคัญ น้ำเสียงของเธออ่อนหวานมาก เชื่อเลยว่าผู้เล่นที่ได้รู้จัก Lancet-2 ต้องลองฟังน้ำเสียงของเธอดูบ้างล่ะ ค่า Status และ Skill ของ Lancet-2 แม้ว่า Lancet-2 จะเป็น Operator สาย Medic ระดับหนึ่งดาวที่ไม่ได้ Heal ได้สูงมากมายเหมือนกับ Operator ตัวอื่นๆ แต่ความน่าสนใจของเธอเลยคือเรื่องการใช้ Deploy Point ที่ต่ำมาก และเป็น Operator Medic ที่มีความสามารถฟื้นฟูแบบทันทีด้วย ส่วนข้อมูลโดยละเอียดมีดังนี้ ค่า Status Max Level: Level 30 แบบปกติและไม่มีระบบเลื่อนขั้นให้เธอคนนี้ Health point: 261 หน่วยเมื่อเลเวล 1 / 445 หน่วยเมื่อเลเวล 30 Attack: 42 หน่วยเมื่อเลเวล 1 / 74 หน่วยเมื่อเลเวล 30 ( สำหรับ Medic จะเป็นพลังในการ Heal แทน ) Defend: 16 หน่วยเมื่อเลเวล 1 / 27 หน่วยเมื่อเลเวล 30 Resistant: 0 หน่วย ทุกเลเวล Redeploy: ใช้ค่า Deploy Point 200 หน่วยทุกเลเวล Cost: 3 หน่วยทุกเลเวล Block: ป้องกันศัตรูได้ 1 คน Attack Speed: 100 หน่วยทุกเลเวล ( ฮีลหนึ่งรอบต่อหนึ่งวินาที ) ค่า Status หลังเลื่อนยศ Lancet-2 เป็น Operator ที่ไม่มีการเลื่อนขั้นให้เหมือนกับ Operator คนอื่นๆ ค่า Potential Lancet-2 เมื่อได้เปิดตัวซ้ำและใช้งาน Potential จะเป็นการเพิ่ม Talent Effect ทั้งหมด ซึ่งเพิ่มได้สูงสุด 5 ครั้ง หรือพูดง่ายๆ คือเปิดหาตัวซ้ำแล้วเอามาเสริมแกร่งได้ 5 ครั้งด้วยกัน Traits Lancet-2 นอกจากสามารถฮีลรักษาเพื่อนได้เหมือน Operator Medic ทั่วไปแล้ว ตัวเธอสามารถลงมาได้แบบ Free Unit หรือกล่าวคือเมื่อเธอลงสนามตัวเกมจะไม่นับจำนวนที่ลงไปในด่านนั้นเอง Talent Lancet-2 มีทาเลนต์ที่ชื่อว่า Support Spray เมื่อตัวเธอลงเข้าสู่สนามจะทำการฮีลรักษา Operator เพื่อนร่วมทีมทุกตัวทันที 200 หน่วย เมื่อ Talent เลเวล 1 และจะฮีลได้สูงสุด 500 หน่วยเมื่อเรามี Talent เลเวล 6 Skill Lancet-2 ไม่มีสกิลเป็นของตัวเอง เธอจึงทำได้แค่ฮีลปกติกับการพึ่งพาการใช้ Talent ให้เป็นประโยชน์เท่านั้น รูปแบบการใช้งานของ Lancet-2 Lancet-2 ถือเป็น Operator ที่ทำหน้าที่พลิกสถานะการณ์ให้กับเพื่อนร่วมทีมที่เลือดเหลือน้อยหรือ Medic คนอื่นฮีลไม่ทัน ให้กลับมามีพลังมากพอที่จะยื้อเวลาการต่อสู้ออกไปได้อีกด้วย Talent ที่ลงไปแล้วจะฮีลให้เพื่อนเป็นหมู่คณะทันทีตามจำนวนเลเวลของ Talent รูปแบบการใช้งานของตัวเธอจะใช้งานได้ดีที่สุดเมื่อกรณี Medic เราถูกโจมตีจนตาย, Medic ฮีลเพื่อนไม่ทัน หรือ Medic ไม่สามารถฮีลได้ทั่วถึงเพราะอยู่นอกระยะหวังผล แล้วเอา Lancet-2 ลงสนามรบระหว่างทาง จากที่เราเสียเปรียบหรือต้านทานจำนวนศัตรูไม่ไหว HP ใกล้หมดก็ช่วยต่อลมหายใจยืดออกไปได้อีก บางครั้งก็สามารถพลิกสถานะการณ์ได้อย่างเส้นยาแดงผ่าแปด ยกตัวอย่างเช่นตอน HP ของ Jessica ใกล้จะหมดแล้วต้องการเลือดอย่างเร่งด่วน พอ Lancet-2 ลงมา HP ของเธอก็เด้งขึ้นมาแบบทันทีทำให้ต่อสู้กับศัตรูได้ยาวนานขึ้น ส่วนข้อเสียของเธอนั้นคือ ไม่มีสกิลเป็นของตัวเอง และการฮีลแต่ละครั้งทำได้ช้าและฮีลได้ไม่แรงเท่าที่ควรอย่างในภาพ ฮีล Jessica ครั้งละ 74 หน่วยซึ่ง Operator สาย Medic ทั่วไปฮีลเฉลี่ยกันครั้งละ 150 หน่วยขึ้นไปด้วยซ้ำ และหาก Lancet-2 ถูกโจมตีจนตายหรือถอนเธอออกจากสนาม เธอจะใช้ค่า Deploy Point ในการเรียกรอบต่อไปใช้เวลานานมากๆ ฉะนั้นระวังจุดนี้ให้ดีๆ ================================================== สรุปโดยรวมก็คือ Lancet-2 เป็น Operator Medic ที่เกิดมาเพื่อกู้สถานะการณ์ที่ย่ำแย่ให้กลับมาดีขึ้นโดยเฉพาะด้วยพลังของ Talent แถมยังเป็นตัว Free Unit ไม่นับรวมอีกด้วย แต่พอลงไปแล้วหลังจากนี้ก็ช่วยเหลือทีมอะไรไมไ่ด้มากนัก ส่วนด้านอื่นๆ เลยก็คือ เธอเป็นหุ่นยนต์ที่น่ารัก นิสัยดี น้ำเสียงอ่อนหวาน ขนาดคนเขียนเองยังนั่งฟังเสียงเธอทุกวันในเกมเลย เหมือนรู้สึกว่าตัวเองเหน็ดเหนื่อยแล้วได้ฟังน้ำเสียงที่ทำให้เรารู้สึกจิตใจสงบได้ ขอบอกเลยว่า "เป็น Operator ที่โลกไม่ควรลืม" ดีต่อทีมและดีต่อใจแบบนี้ไม่รักได้อย่างไรกันล่ะ จริงไหม ? Source Ark Work By: レトリロ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
27 Jan 2020
ไกด์ Arknights กับ 5 Operator ระดับ 3 ดาวที่มือใหม่ก็ใช้ได้ คนเทพก็ใช้ดี
แม้ว่า Arknights จะเป็นเกมแนว Defend Tower มีรูปแบบการเล่นที่ง่าย แต่ความยากในการผ่านด่านก็ท้าทายผู้เล่นมากหน้าหลายตา และก็คงจะคิดว่า ตัวละครดาวต่ำๆ คงใช้งานได้ไม่ดี...แต่ขอให้หยุดคิดก่อน ใช่ว่ามันไม่ดี ตัวละครในเกมหรือ Operator ทุกตัวนั้นมีความสำคัญทุกตัวมาก โดยเฉพาะเรื่องค่า Deploy Point ต้องคิดให้ดีๆ เพราะบางทีการใช้ตัวละครดาวสูงๆ ก็จะมีค่า Cost เยอะ ทำให้ไม่สามารถลงได้ทันที การใช้ตัวละครที่มีค่า Cost น้อยในการลงก่อนบางด่านก็มีความจำเป็น ฉะนั้นทาง GameFever TH จึงได้ขอทำการแนะนำ Operator ระดับ 3 ดาวสักห้าตัวเพื่อเป็นไกด์แนะนำให้รู้ว่าพวกเขาเหล่านี้มีดัอย่างไร ================================================== 1. Fang เด็กสาวผู้ปราดเปรียวพร้อมเผชิญศัตรูที่ย่างกราย ข้อมูลส่วนตัว: เพศ: หญิง ถิ่นกำเนิด: Kazimirez วันเกิด: 2 ธันวาคม เผ่าพันธุ์: Kuranta ส่วนสูง: 158 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Vanguard ประเภทการโจมตี: ตีประชิดแบบกายภาพ Fang ถือเป็นตัวละครเริ่มต้น 3 ดาวที่เป็นอีกตัวที่มือใหม่ต้องมีไว้ใช้งาน อีกทั้งยังสามารถปั้นตัวละครนี้เอาไว้ใช้ในระยะยาวได้ แม้ว่า Fang จะไม่ได้มีค่าสเตตัสที่โดดเด่นเท่าไหร่นัก แต่ด้วยที่ว่าเป็น Operator ที่ใช้ค่า Deploy Point ที่ค่อนข้างต่ำมาก และหากเลื่อนขั้นเธอเป็น Elite 1 ก็จะทำให้ Talent: Lightweight ซึ่งจะเป็นการลดการใช้ Deploy Point ลงอีกหนึ่งหน่วย จึงเหมาะเป็นตัวที่เรียกออกมาเพื่อสกัดกั้นศัตรูในช่วงแรกๆ และเป็นการซื้อเวลาให้มีค่า Deploy Point ที่มากพอให้เรียก Operator ระดับสูงได้ ด้าน Triats ของเธอนั้นเป็น Operator ระดับ 3 ดาวสาย Vanguard ที่สามารถบล็อคศัตรูได้มากถึงสองตัวด้วยกัน ช่วยการซื้อเวลารอ Operator ระดับสูงมาช่วยเสริมการป้องกันได้เมื่อค่า Deploy Point ถึง ส่วนในด้านสกิล Charge Alpha  ของเธอนั้น เมื่อเกจเต็มแล้วสกิลจะทำงานอัตโนมัติ เพิ่มค่า Deploy Point ทันที 6 หน่วยด้วยกัน แม้ว่าจะไม่ได้เพิ่มเยอะแยะอะไรนักแต่สำหรับสามดาวตัวนี้ก็นับว่าคุ้มค่าที่จะงานระยะสั้นหรือปั้นเธอแล้วระยะยาวในบางโอกาสได้เช่นกัน 2. Plume สาวมาดขรึมพร้อมที่จะปกป้องทุกคน ข้อมูลส่วนตัว: เพศ: หญิง ถิ่นกำเนิด: Laterano วันเกิด: 28 ตุลาคม เผ่าพันธุ์: Liberi ส่วนสูง: 158 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Vanguard ประเภทการโจมตี: ตีประชิดแบบกายภาพ Plume เป็น Operator สาย Vanguard อีกตัวที่เน้นการใช้งานได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวถึงค่า HP จะดูค่อนข้างต่ำไปเสียหน่อยแม้ว่าเราจะปั้นจนเลื่อนขั้นเธอเป็น Elite แล้วก็ตาม แต่พลังการโจมตีก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร แถม Talent ของเธอก็เป็นการเพิ่มค่า Attack ขึ้นไปอีก 4 เปอร์เซ็นต์ จัดได้ว่าเป็น Operator ที่มีค่าพลังโจมตีโดดเด่นในระดับสามดาวด้วยกัน ส่วนของ Triats ของเธอนั้นน่าสนใจ เมื่อเธอได้สังหารศัตรูก็จะได้รับค่า Deploy Point ทันที 1 แต้มต่อ 1 ตัว นอกจากนี้หากถอนเธอออกจากพื้นที่ก็จะได้ค่า Deploy Point แบบเต็มจำนวนอีกด้วย เหมาะกับการใช้งานต้นเกมเอาไปตีศัตรูระดับล่างๆ เพื่อเร่งค่า Deploy Point และพอสามารถลง Operator ระดับสูงได้ก็ค่อยถอนเธอออกไป ในด้านสกิลของเธอจะเป็น Swift Strike Alpha จะเป็นสกิลที่ต้องกดใช้ เมื่อใช้แล้วจะเพิ่มค่า Attack สูงสุด 25% และค่าความเร็วในการโจมตี สูงสุด 25% ด้วยเช่นกัน ทำให้เธอมีพลังการโจมตีมากเอาเรื่อง พอที่จะฟันศัตรูระดับสูงได้แต่คงไม่ได้เอามาตั้งรับกันตรงๆ เพราะเธอตายง่าย HP ค่อนข้างน้อยนั้นเอง 3.  Kroos สาวอารมณ์ดีที่ดอคเตอร์เจอหน้าบ่อยที่สุด ข้อมูลส่วนตัว: เพศ: หญิง ถิ่นกำเนิด: Rim Billiton วันเกิด: 22 พฤศจิกายน เผ่าพันธุ์: Cautus ส่วนสูง: 154 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Sniper ประเภทการโจมตี: โจมตีระยะไกลแบบเลือกเป้าหมายบินได้ก่อน พอได้ยินชื่อว่า Kroos ดอคเตอร์อาจจะปวดหัวเพราะเธอโผล่ออกมาบ่อยเสียเหลือเกินทั้งจากกาชาและการรับสมัคร Operator ในเกม ( เกลือนั้นเอง ) แต่เอาจริงๆ เธอก็ไม่ได้โผล่ออกมาบ่อยแบบนั้นแถม Operator ตัวนี้ก็ไม่ได้จัดว่าแย่ สามารถเอาไปใช้งานได้ดีด้วย Talent ที่มีโอกาส 20 เปอร์เซ็นต์ที่จะยิงใส่ศัตรูอย่างรุนแรงเพิ่มเติมถึง 150 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นอะไรที่แจ่มมากในการช่วยระดมยิงศัตรุจากแนวหลัง ส่วน Traits นั้นจะเป็นการเลือกโจมตีศัตรูที่เป็นประเภทกาศยานอย่างโดรนก่อนซึ่งศัตรูประเภทนี้มักเป็นปัญหาสำคัญสำหรับใครหลายๆ คนเพราะตัวละครปกติหากไม่เล็งตัวพวกนี้ก่อนไม่ก็สามารถโจมตีได้ แถมได้รับบัพดาเมจอีกทำให้ Kroos ยิงสอยโดรนร่วงได้ไม่ยากเย็นนัก ด้านสกิล Double Tap ถือเป็นสกิลอัตโนมัติหากินของเธอ เมื่อสกิลนี้ทำงานจะเป็นการยิงสองครั้งติด ทำ Damage ใส่ศัตรูได้สูงสุด 140 เปอร์เซ็นต์ต่อนัด บอกเลยว่าใช้หากินกันได้ยาวๆ ไปเลยสำหรับตัวละครนี้ แต่ต้องวางตำแหน่งดีๆ ล่ะไม่งั้นใช้ได้ไม่นานตายไวจากศัตรูที่ยิงระยะไกลด้วยเช่นกัน 4. Catapult สาวยิงระเบิดทำลายให้ราบเป็นหน้ากลอง ข้อมูลส่วนตัว: เพศ: หญิง ถิ่นกำเนิด: Kazimierz วันเกิด: 8 สิงหาคม เผ่าพันธุ์: Kuranta ส่วนสูง: 163 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Sniper ประเภทการโจมตี: โจมตีระยะไกลแบบทำความเสียหายเป็นวงกว้าง Catapult ที่มาพร้อมกับเครื่องยิงลูกระเบิด M320 สุดเท่ แม้จะเป็น Operator 3 ดาวที่มีการยิงที่ค่อนข้างช้าก็จริง แต่ก็จัดว่าเป็นตัวที่ใช้ค่า Deploy Point ค่อนข้างน้อย ด้วย Talent ที่ลดค่า Deploy Point ลงไปอีกหนึ่งหน่วย จึงเหมาะกับกรณีเจอศัตรูต้นเกม และต้องการยิงเพื่อสร้างความเสียหายให้ได้มากที่สุดแล้วให้ Oeprator หลักของเราจัดการปิดฉากอีกที ด้าน Traits นั้นตามชื่อเลยคือ สามารถยิงสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างได้ หากศัตรูมาหลายๆ ตัวหรือรวมกระจุกในจุดเดียว บอกเลยว่าหวานหมูสำหรับ Catapult มาก ส่วนสกิล Blast Range Up Alpha นั้นจะเป็นสกิลกดใช้ เมื่อกดใช้แล้วจะเพิ่มรัศมีการทำลายล้างให้กับตัวเองมากสุดถึง 200 เปอร์เซ็นต์หรือพูดง่ายๆ ก็คือเพิ่มรัศมีการสร้างความเสียหายมากขึ้นอีก เรียกได้ว่ายิงทีมีเรียบเป็นหน้ากลองได้ภายในไม่กี่นัด แม้ว่าจะยิงได้จัดหนักจัดเต็มแต่ด้วยความเร็วการยิงที่เชื่องช้า จึงไม่เวิร์คที่จะให้เธอคนนี้รับภาระในการสร้างความเสียหายจากระยะไกลด้วยเพียงลำพัง แต่หากมีคนช่วยบล็อคศัตรู หรือมีคนช่วยยิงก็จะกลายเป็นตัวเสริมดาเมจที่ดีเลยล่ะ 5. Cardigan สาวน้อยสุดน่ารักกับโลสุดแข็งแกร่ง ข้อมูลส่วนตัว: เพศ: หญิง ถิ่นกำเนิด: Leithanien วันเกิด: 2 สิงหาคม เผ่าพันธุ์: Perro ส่วนสูง: 163 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Defender ประเภทการโจมตี: โจมตีระยะประชิดประเภทตั้งโล่ ตัวของ Cardigan ที่เป็น Operator สาย Defender ระดับ 3 ดาว จัดได้ว่ามีค่าป้องกันสูงเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับ Operator ระดับเดียวกัน จึงไม่แปลกใจว่าทำไมเธอถึงได้ถูกเลือกให้เป็นตัวบล็อคศัตรูที่สามารถใช้ได้ยาวๆ ร่วมกับ Operator ระดับสูงได้ และเมื่อเลื่อนขั้นให้อยู่ในระดับ Elite ก็จะกลายเป็นอีกหนึ่งตัวที่ยืนทน คนอึดตายยาก ศัตรูหน้าไหนก็ยากที่จะทำลายโล่ของเธอนี้ไปได้ เพราะ Talent ที่จะเพิ่ม Max HP แบบถาวร 6 เปอร์เซ็นต์นั้นเอง ส่วนของ Traits นั้นก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไรนักกับการที่สามารถบล็อคศัตรูได้สามตัว ถือว่าเป็นสิ่งที่ Defender ควรจะมีเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ยังดีกว่า Defender บางตัวที่บล็อคศัตรูได้แค่สองตัวเท่านั้น ด้านสกิล Regeneration Alpha ซึ่งเป็นสกิลกดใช้ เมื่อใช้แล้วจะทำการฟื้นฟูค่า HP ตัวเองที่เสียไป จาก 40 เปอร์เซ็นต์ของ Max HP เรียกได้ว่าเป็นสายยืนทน ไม่พึ่งพา Medic เพราะสามารถฮีลตัวเองได้ เหมาะกับการเอาไปตั้งในแนวหน้าแล้วให้แนวหลังช่วยโจมตีเป็นหลัก ช่วยลดภาระของ Medic เพื่อให้โฟกัสในการฮีล Operator คนอื่นที่ต้องการในสนามได้ด้วย ================================================== แถม. Ansel สาว (?) ผู้อุทิศตัวเพื่อพวกพ้องในสนามรบ ข้อมูลส่วนตัว: เพศ: ชาย ถิ่นกำเนิด: Rim Billiton วันเกิด: 31 มกราคม เผ่าพันธุ์: Cautus ส่วนสูง: 163 เซ็นติเมตร ประเภท Operator: Medic ประเภทการโจมตี: สายสนับสนุนรักษาพันธมิตรแบบทีละคน Ansel จัดได้ว่าเขามีความสามารถที่ไม่ธรรมดา หากปั้นเขาแล้วเลื่อนขั้นไประดับ Elite แล้วล่ะก็ เขาจะสามารถฮีลให้กับพันธมิตรได้ครั้งละ 1,134 หน่วยเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ และมีระยะการรักษาที่ไกล ทำให้เขากลายเป็นที่รักของ Operator หลายๆ คนทั้งจากระดับเดียวกันและระดับสูง ส่วน Traits นั้นก็เป็นแค่การฮีลให้กับพันธมิตรได้ครั้งละหนึ่งคน โดยจะฮีลให้กับพันธมิตรที่มีพลังชีวิตเหลือน้อยที่สุดก่อน และด้วยการฮีลแต่ละครั้งค่อนข้างช้า แม้จะฮีลแรงแต่ก็อาจจะรักษา Operator คนอื่นไม่ทันนอนตายไปเสียก่อน จึงไม่เหมาะกับการใช้งานมาสนับสนุนด้วยตัวเพียงคนเดียว ด้านสกิล Healing Range Up นับว่าเป็นสกิลกดใช้ที่จัดได้ว่าของดีมากๆ เมื่อกดใช้แล้วจะทำการเพิ่มระยะการฮีลให้กับตัวเอง 2 ช่อง และให้ Buff ให้แก่ตัวเอง ทำให้ฮีลแรงขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์ในระยะหวังผล เมื่อเอามาคอมโบกับ Operator ที่เน้นพลังการโจมตีที่สูง จัดได้ว่า Ansel ถึงจะเป็นผู้ชาย แต่เราก็รัก ( รักในฐานะ Medic ที่ดีนะ ) เพราะตัวทำความเสียหายหลักจะได้ยืนนานขึ้น ================================================== และนี่คือทั้งหมดของ 5 Operator ระดับสามดาวที่น่าใช้ในเกม Arknights แต่เอาจริงๆ มันก็มี Operator ระดับ 2-3 ที่น่าใช้อีกหลายๆ ตัว แต่มันอาจจะไม่ได้โด่ดเด่นมากมายนัก แต่หากใช้งานคอมโบกับ Operator ตัวอื่นๆ ก็อาจจจะส่งผลดีอย่างไม่คาดคิดก็ได้ เพราะหัวใจสำคัญของเกมนี้คือ การวางแผนวางตัวละครอย่างไรให้ป้องกันหนาแน่นที่สุด ดีที่สุดและใช้งานอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุดต่างหาก สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
26 Jan 2020
ไกด์ Arknights ทรัพยากร 5 อย่างที่ควรตุนไว้ อย่าใช้จนหมด
หลายท่านที่เล่นเกม Arknights อยู่แล้วประสบปัญหา "ทรัพยากรขาดแคลน" กันบ้างหรือเปล่า? ซึ่งคนเขียนเองก็เป็นหนึ่งในนั้น บอกเลยว่าทรัพยากรในเกมนี้เป็นสิ่งจำเป็นเอามากๆ หากใช้จนหมด ไม่มีสำรองจะลำบากมากในการพัฒนาสิ่งต่างๆ ที่ควรจะทำ กลายเป็นว่าเจ้าสิ่งนี้ทำให้ใครหลายคนคิดหน้าคิดหลังเลยว่าควรใช้ทำอะไรก่อนดี แน่นอนว่าทางเรา GameFever TH จึงขอทำไกด์เรื่องทรัพยากรในเกมให้รับทราบและตระหนักถึงคุณค่าของมันว่า ควรใช้อย่างระวังให้มากที่สุด แม้บางอย่างจะหามาได้ง่ายๆ แต่ถ้าหมดก็ทำเราปวดหัวเช่นกัน เรามาดูกันว่าทรัพยากร 5 อย่างที่สำคัญควรตุนไว้อย่าให้ขาดมีอะไรกันบ้าง ================================================== 1. Lungmen Dollar ( LMD ) หลงเหมิน ดอลล่าห์ เป็นสกุลเงินที่ซื้อขายกันในหมู่เกาะหลงเหมินในแถบไต้หวัน และเป็นสกุลเงินที่เริ่มมีการใช้แพร่หลายมากในช่วงยุคฟื้นฟูโลก ณ ตอนนี้ ซึ่งในเกม Arknights ถือเป็นเงินภายในเกมที่หาเก็บได้ง่าย แต่หากใช้จนหมดก็จะทำให้ผู้เล่นปวดหัวด้วยเช่นกัน เพราะไม่ว่าจะเป็นการอัพเกรดตัวละคร, การคราฟของ, แลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆ หรือไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ก็จะต้องใช้เจ้าเงินหลงเหมินทั้งนั้น โดยวิธีการหาเงินหลงเหมิน ดอลล่าห์ก็มีได้หลากหลายวิธี เช่น การ Log in ประจำวัน, ทำภารกิจต่างๆ ทั้งรายวัน รายสัปดาห์และแบบเงื่อนไขที่กำหนด, การได้จากการแลกทองเป็นเงินใน Base ของเรา หรือการผ่านด่านต่างๆ แต่ที่ได้เงินไวที่สุดคือการวนด่านพิเศษที่เมื่อเราเคลียร์แล้วจะมอบเงินแบบมหาศาลโดยจะเปิดเฉพาะวันที่กำหนด หรือไม่ก็เปย์จาก Store โดยตรงก็ไม่ผิดกติกาอะไร 2. Carbon Brick เจ้าอิฐคาร์บอนนี้ มันมีความเบาและประกอบไปด้วยคาร์บอนบริสุทธิ์  ถูกใช้ในการก่อสร้างหรือเป็นส่วนผสมที่สำคัญในโรงงานภาคอุตสาหกรรมของเกาะโรดส์ เมื่อเอาไปเป็นส่วนผสมแล้วก็จะสามารถสร้างยุทโธปกรณ์ที่มีความทนทานและแข็งแรงสูงมาก จึงเป็นของล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินได้ หากในเกมเราไม่มีสิ่งนี้ มันจะส่งผลทำให้เราไม่สามารถอัพเกรด Base ของเราไปเป็นเลเวล 3 ได้เลย เพราะเราต้องใช้เจ้าสิ่งนี้เพื่อคราฟเป็นไอเท็มสำหรับอัพเกรด Base เลเวล 3 โดยเฉพาะ วิธีที่หามาได้มีอยู่วิธีเดียวคือเข้าไปเล่นในด่านพิเศษ โดยจะเปิดให้เข้าไปค้นหาก้อนอิฐคาร์บอนแบบเฉพาะวัน ซึ่งจะมีโอกาสได้ตั้งแต่ด่าน SK-3 ขึ้นไปเท่านั้น ซึ่งศัตรูจะอึดและยากมหาหินระดับหนึ่ง ฉะนั้นหากคิดจะอัพเกรด Base เป็นเลเวล 3 เมื่อไหร่ล่ะก็ เตรียมบุคลากรไว้ให้ดีๆ อัพเวลให้สูงพอที่จะจัดการศัตรูได้ หรืออาจจะหา Carbon Stick ที่ฟาร์มได้จากด่านทั่วไปหรือซื้อจาก Store เอามาแปรรูปเป็นก้อนอิฐคาร์บอนอีกที 3. Upgrade Chip มันคือแกนประมวลผลหน่วยความจำเพื่อใช้ในการเลื่อนขั้นให้กับเจ้าหน้าที่หรือตัวละครของผู้เล่นได้ หลังจากเหล่าเจ้าหน้าที่ที่ฝึกฝนตัวอย่างมาอย่างหนัก สิ่งที่พวกเขาคาดหวังก็คือการเลื่อนขั้นเพื่อเพิ่มศักยภาพและแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเก่งกาจมากแค่ไหน แต่หากเราไม่มีตุนไว้ ไม่ว่าจะเป็น Chip ประเภทใด มันก็จะหงุดหงิดที่ว่าเมื่อเราปั้นตัวละครจนเวลตันแล้ว อยากจะยกระดับตัวละครเพื่อขยายเพดานเลเวลออกไปแต่ก็ทำไม่ได้ แน่นอนว่ามันทำให้เรา Chip หายอย่างไม่ต้องสงสัยอะไรเลย ส่วนวิธีตามหาแกนประมวลผลเหล่านี้ สามารถหาได้จากด่านพิเศษที่หา Chip โดยเฉพาะโดยแต่ละวันจะเปิดให้หา Chip แต่ละประเภทแบบกำหนดวัน ยกตัวอย่างเช่น Chip ของตัวละครสาย Guard และ Specialist จะหาได้ทุกวันอังคาร, พุธ, เสาร์และอาทิตย์ ฉะนั้นอยากปั้นตัวละครสายไหน ดูวันที่ด่านเปิดให้หา Chip ประเภทนั้นดีๆ ล่ะ 4. Skill Summary หนังสือที่รวบรวมทักษะการต่อสู้และศาสตร์แขนงต่างๆ เพื่อให้บุคลากรได้ศึกษามัน แน่นอนว่าบุคลากรที่ดีย่อมต้องมีความรู้ ซึ่งในเกมหากไม่มีสิ่งนี้ก็จะไม่สามารถอัพ Skill ตัวละครได้เลย ซึ่ง Skill Summary เลเวล 1 นั้นหาได้ง่ายตามด่านปกติทั่วไปหรือได้จากภารกิจต่างๆ ทั้งรายวันหรือรายสัปดาห์ แต่พอเป็นเลเวล 2 ขึ้นไปจะหาได้ยากมากๆ แทบจะพลิกฝ่ามือเลยทีเดียว ซึ่งหากเราเล่นไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ศัตรูจะมีความโหดขึ้น Skill จะเริ่มมีบทบาทในระบบการเล่นมากขึ้นเป็นเงาตามตัว โดยเจ้า Skill Summary สามารถหาได้ในด่าน Supplies ซึ่งเป็นด่านเฉพาะพิเศษ และจะเปิดให้หาไอเท็มพวกนี้ได้ทุกวันอังคาร, พุธ, ศุกร์และวันอาทิตย์เท่านั้น และแน่นอน ศัตรูที่รอข้างในก็โหดหินไม่ใช้น้อย ฉะนั้นจึงต้องเตรียมตัวเหล่าบุคลากรของผู้เล่นให้มีเลเวลที่สูงระดับหนึ่งเลยล่ะ 5. Originite Prime มันคือแร่ชนิดหนึ่งที่มีอนุภาค Originium อยู่ ซึ่งถูกใช้ในทุกที่บนโลกใบนี้ แม้ว่ามันจะมีอันตรายและมีความเสี่ยงที่จะทำให้มนุษย์ติดเชื้อ Originium จากสิ่งนี้ แต่สำหรับเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์แล้ว มันคือพลังงานที่ใช้ขับเคลื่อนโลกของพวกเขาในปัจจุบัน ทั้งการให้พลังงานในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ, รวมไปถึงเป็นแหล่งพลังพิเศษที่ช่วยเพิ่มขีดการใช้พลัง Art ได้มากขึ้นอีกด้วย ส่วนในเกมนั้น Originite Prime สามารถแลกเป็น Orundum แร่สีแดงที่ใช้เปิดตู้กาชา หรือไปแลกเพื่อซื้อสิ่งของต่างๆ ใน Store หรือแลกเป็นค่า Sanity ให้กับตัวเองได้อีกด้วย แต่หากเราไม่มีตุนไว้บ้าง พอร้านขายของวนขายไอเท็มที่เราอยากได้แต่เราไม่มีสิ่งนี้ไปแลก มันก็ทำให้เราแทบดิ้นขาดใจ ส่วนการหาเจ้า Originite นั้นหาได้จากการเคลียร์ด่านต่างๆ ครั้งแรกแบบ 3 ดาว, จากกิจกรรมแจกของรางวัลต่างๆ หรือจะเปย์ซื้อมาจาก Store โดยตรงก็สามารถทำได้เช่นกัน ================================================== ทั้งหมดนี้คือทรัพยากร 5 อย่างที่ควรมีตุนไว้บ้าง เพราะหากเกิดถึงเวลาที่เราต้องใช้มัน ก็สามารถเอามาใช้ได้อย่างสบายใจ ไม่ติดขัดอะไร ทำให้การเล่นเกม Arknights เล่นได้อย่างลื่นไหล ไม่หัวร้อน ไม่หงุดหงิดหัวเสียเพียงแค่ทรัพยากรบางอย่างหมดไป หลังจากนี้ก็บริหารทรัพยากรกันดีๆ ล่ะ อย่ารีบใช้จนหมดไปเสียก่อนถึงเวลาจำเป็นล่ะ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่        
22 Jan 2020
ไกด์ Girls Frontline กับ 5 เคล็ดลับในการรับมือ Event Singularity
ในที่สุดก็เข้าสู่ช่วงสัปดาห์แรกของอิเวนท์สุดโหดอย่าง Singularity กันไปแล้วแต่มีหลายคนบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าเล่นยากเอามากๆ ก็เอาทำให้ผู้บัญชาการหลายคนที่เล่น Girls Frontline ต่างก็หัวร้อนไปตามๆ กัน ฉะนั้นทางเรา GameFever TH จะมานำเสนอ 5 เคล็ดลับการรับมือ Event Singularity เพื่อให้เป็นแนวทางแก่ผู้บัญชาการให้สามารถผ่านอิเวนท์นี้ไปได้ โดยจะมีอะไรบ้างไปดูกัน ================================================== 1. M4A1 ต้องทำให้ถึง Mod III ถือว่าเป็นข้อแรกและข้อสำคัญสำหรับเหล่าผู้บัญชาการเลยก็ว่าได้ เพราะอิเวนท์ Singularity จะเป็นการดำเนินเนื้อเรื่องของตัวละครหลักอย่างน้อง M4A1 ที่จะต้องพัฒนาตัวเองเพื่อต่อสู้กับพี่สาวของเธออย่าง M16A1 ที่ถูก Sangvis Ferri จับตัวและทำการ รีโค้ดเพื่อปลดล็อคความสามารถโดยแลกกับการทำงานให้ฝั่งนั้นซึ่งไม่ต่างอะไรกับการหักหลังนัก พยายามสะสมทรัพยากรทั้ง Dummy Core และ Memory Fragment เพื่ออัพเกรด M4A1 ให้ได้ Mod 3 ซึ่งจะปลดล็อคสกิล Seal of the Avenger ที่สามารถล็อคเป้าหมายและยิงด้วยปืนใหญ่เพื่อละลายศัตรูเลือดเยอะโดยเฉพาะและ Equipment อย่าง Inherited Case ที่เพิ่มค่า Armor +15 หน่วยและ DMG +5 หน่วย หลังจากนี้หากมี Dummy Core และ Memory Fragment มากพอก็สามารถพาน้องดาว ST AR-15 ขึ้น Mod 3 ต่อไปเลยเพราะเราจะได้ปลดล็อคสกิล Crime and Punishment ซึ่งจะเป็นการระดมยิงด้วยปืนสองกระบอก เหมาะแก่การเป็นตัว DPS อย่างมากด้วย 2. สกิลต้องให้ถึงเลเวล 10 ขั้นต่อมาในช่วงที่เราทำได้เลยก็คือการอัพสกิลให้เหล่า T-Doll ที่จะใช้งานในอิเวนท์ แนะนำว่าหากอัพสกิลให้ถึงเลเวล 10 ได้เร็วก็ยิ่งดี โดยแต้ม Research หรือแต้มสกิลสามารถหาได้จากการลง Simulator ประจำวันอังคาร, พฤหัสบดีและวันอาทิตย์ โดยจะใช้ค่า Energy ในการลง Simulator 3. จัดทีมสาย DPS ใช้ AR/SMG เป็นหัวหอก การวางทีมนั้นหลายคนมักมองข้ามการจัดทีมแบบ AR/SMG เพราะยิงไม่ค่อยเข้าหรือหวังพึ่งพาสกิลมากเกินไป เลยมักจัดทีมเป็น RF/SMG หรือ MG/SG ซึ่งมัน Damage ที่สูง ยิงศัตรูที่สวมเกราะได้แต่ความต่อเนื่องนั้นต่ำมาก ส่งผลทำให้โดนศัตรูใน Node ที่เน้นจำนวนตบจนต้องถอยแน่ๆ การจัดทีมแบบ AR/SMG นั้นจริงอยู่ที่ Damage มันไม่ได้สูงแต่มีการยิงต่อเนื่องที่ดีกว่า T-Doll ประเภทอื่น และยังมีความคล่องตัวมากพอเพื่อหลบการโจมตีศัตรูได้ ยกตัวอย่างการจัดทีมแบบ AR/SMG โดยมีปืน HG อย่าง Five-seven เป็นตัวให้ Buff แล้วให้ G11 ที่มี DPS สูงมากๆ เป็นตัวทำดาเมจ โดยมี UMP45/9 เป็นตัวซื้อเวลาให้กับ G11 ทำ Damage ได้เต็มที่มากขึ้นและ 416 เป็น Nuker ใช้สกิลระเบิดเก็บศัตรูที่มาเป็นกลุ่มหรือยิงละลาย Boss ก็ได้ ส่วนทีมสาย RF/SMG หรือ MG/SG เหมาะสำหรับใช้เฉพาะทาง ไม่เหมาะกับการเอาไปตบ Boss ยกตัวอย่างเช่นเอาไว้ยิงพวกศัตรูสวมเกราะหรือเคลียร์ศัตรูที่มารวดเร็วแต่บอบบาง เป็นต้น 4. Fairy Drone ในอิเวนท์นี้สำคัญมากๆ Fairy Drone หรือโดรนผู้ช่วยนั้นได้ถูกอัพเดตตั้งแต่แพตช์ Deep Dive ซึ่งการมาช่วงแรกๆ อาจจะใช้งานได้ไม่เต็มที่นัก แต่สำหรับอิเวนท์ Singularity ผู้บัญชาการอาจจะได้พึ่งพาสิ่งนี้อย่างมาก ฉะนั้นหากมีเวลาก็ควรอัพเลเวลให้เต็ม ซึ่งจะมีประโยชน์และทำให้พลิกสถานะการณ์ในการต่อสู้่ได้ ไม่ใช่แค่เพิ่ม Status โดยรวมให้กับทีมอย่างเดียว ยกตัะวอย่างเช่น Sniper Fairy ที่มีความสามารถในการลดเลือดศัตรูที่เล็งเอาไว้จากศัตรูที่มีเลือดเยอะที่สุดได้มากถึง 2,500 หน่วย ซึ่งเหมาะมากในการยิงเปิดกับบอสก่อนเข้าทำการใช้งาน T-Doll บุกรุมบอสอีกทีหนึ่ง 5. ใบซ่อมต้องตุนไว้อย่าให้ขาด ใบซ่อมฉุกเฉินหรือหลายคนที่เรียกติดปากว่า "ใบซ่อม" "ใบเขียว" หรือ "ถังเขียวเวอร์ชั่นสาวปืน" ซึ่งในอิเวนท์ Singularity ต้องบอกตามตรงว่า ไม่มีใครที่ไม่บาดเจ็บหนักกลับมา แต่หากบาดเจ็บกลับมาต้องรอซ่อมเป็น 10 ชั่วโมงคงไม่ทันทำมาหากินแน่ๆ แน่นอนว่าเราต้องมีใบ Express Repair หรือใบเขียวตุนไว้ให้มากที่สุด การันตีได้เลยว่าอิเวนท์นี้ใช้ใบซ่อมไม่ต่ำกว่า 200 ใบอย่างแน่นอน แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าสำหรับการซ่อมเหล่าสาวๆ แบบเร่งด่วนก่อนกลับไปลุยอิเวนท์ต่อได้อย่างต่อเนื่อง ================================================== ทั้งหมดนี้คือ 5 เคล็ดลับที่จะทำให้เหล่าผู้บัญชาการพร้อมกลับไปสู้ในอิเวนท์ Singularity อีกครั้ง โดยบทความต่อไปนี้จะเป็นไกด์วิธีการผ่านด่านแต่ละด่าน รวมถึงบทสรุปเนื้อเรื่องของอิเวนท์นี้ด้วย ฉะนั้นอย่าลืมติดตาม GameFever TH อย่างใกล้ชิดล่ะ แล้วเจอกัน ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
02 Dec 2019
ไกด์ Call of uty: Modern Warfare กับ 5 วิธีรับมือ Riot Shield
หลายท่านที่เล่นเกม Call of Duty: Modern Warfare ก็อาจจะได้ทราบข่าวดีที่ว่าในวันที่ 2 ธันวาคม 2019 ที่จะถึงนี้จะมีการอัพเดตใหญ่พร้อมเข้าสู่ช่วง Season 1 อย่างเต็มตัว ซึ่งจะมีกิจกรรม, ด่านใหม่ๆ และอาวุธใหม่ๆ เข้ามาอย่างมากมาย รับรองเลยว่าถูกใจใครหลายคนอย่างแน่นอน แต่ก่อนจะถึงวันนั้น หลายคนอาจจะหงุดหงิดหรืออาจจะเกลียดสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า Riot Shield หรือโล่ปราบจราจลที่สามารถกันกระสุนได้สารพัดหรือแม้กระทั่งกันกระสุน 30 มม. จากปากกระบอกปืน GAU-18 ของเครื่องบิน A-10 Thunderbolt ( Precision Air Strike ) ได้อย่างสบายๆ เกินหน้าเกินตาโล่ปราบจราจลแบบปกติ ทำให้รู้สึกว่ามันจะโกงเกินไป...แต่อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะทางเรา GameFever TH จะมาบอก 5 วิธีรับมือเจ้า Riot Shield ที่กันได้เกือบสารพัดอาวุธมาฝากกัน รับรองเลยว่าเด็ดแน่นอน ================================================== 1. โล่ Riot Shield มันไม่ได้กันครบทุกส่วน ลักษณะการถือ Riot Shield แบบปกตินั้น มันจะปกป้องร่างกายช่วงลำตัวและหัวเกือบทั้งหมดยกเว้นช่วงขา แม้กระทั่งตอนเอาโล่ไปไว้ข้างหลัง ซึ่งมันจะกันส่วนหลังทั้งหมดเหลือไว้แต่ช่วงขาเช่นกัน ฉะนั้นหากเห็นศัตรูวิ่งถือโล่เข้ามา ไม่ต้องตื่นตกใจ ตั้งสติแล้วสาดกระสุนไปที่ขาซะ ซึ่งเกมนี้โดนยิง 3-4 นัดในระยะหวังผลครู่เดียวก็ตายแล้ว แต่หากกรณีศัตรูนั่งพร้อมกับถือ Riot Shield จะเป็นการปกปิดร่างกายทั้งหมดรวมถึงขาด้วย แต่ก็ต้องแลกกับการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้าถึงที่สุด จึงควรวิ่งอ้อมไปยิงหรือใช้ช่วงทีเผลอหลบจากศัตรูที่ถือโล่ออกมาแล้วหามุมยิงจากด้านข้างเอาจะดีกว่า 2. ไฟในมือมันสั่นไปหมด หากเกิดกรณีที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูผู้ใช้โล่ปราบจราจลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ล่ะก็ แนะนำให้เปลี่ยนอาวุธประเภท Lethal ให้เป็นระเบิดขวด Molotov Cocktail แล้วปาอัดใส่โล่ไปเลยเพราะเมื่อเราปาระเบิดขวดกระทบกับศัตรูโดยตรง มันจะสร้าง Damage แบบ Direct Hit ทันทีโดยไม่สนว่าจะถือโล่กันเอาไว้หรือไม้ แถมไฟก็จะลุกท่วมพื้น กว่าศัตรูจะรู้ตัวว่าโดนเผา ก็นอนตัวไหม้ไปเรียบร้อยในทันที แต่ข้อควรระวังคือ ต้องปาให้โดนเป้าหมายที่ใช้โล่เท่านั้น หากปาไม่โดนก็อาจจะงานเข้าได้ นอกจากนี้ ระเบิดเจาะเหล็กอย่าง Thermite ก็ทำให้ศัตรูตายได้เช่นกันเพียงแต่ว่ามันเป็นระเบิดสำหรับทำลายยานเกราะ อาจจะสร้างความเสียหายไม่ตายในทันทีเหมือน Molotov 3. ระเบิด Semtex ก็น่ากลัวไม่แพ้กัน แน่นอนว่าหาก Molotov ปาหวังผลยากเกินไปเนื่องจากระยะการขว้างนั้นไม่ได้ไกลนัก ก็จะขอแนะนำระเบิด Semtex ที่ชนวนจะเริ่มทำงานหลังตัวระเบิดกระทบติดกับวัตถุ ไม่ว่าจะเป็นพื้้น ผนัง เพดาน ตัวศัตรู หรือแม้กระทั่งติดบน Riot Shield ก็ตาม ซึ่งหากปาไปโดน Riot Shield เมื่อไหร่ ขอให้ชี้หน้าศัตรูแล้วพูดใส่เลยว่า "เจ้าน่ะตายไปแล้ว" ได้เลย แม้ว่า Semtex จะมีระยะการขว้างที่ไกลกว่า Molotov แต่หากจะใช้เพื่อฆ่าศัตรูถือโล่แล้วล่ะก็ จะต้องปาให้โดนบนตัวโล่เท่านั้น ต่างจาก Molotov หรือ Thermite ที่ยังพอปาใส่ข้างศัตรูเพื่อสร้างความเสียหายหรือพอปั่นป่วนได้ และหากศัตรูมี Perk E.O.D ก็อาจจะไม่ตายในลูกเดียวเช่นกัน 4. เครื่องยิงลูกระเบิด มีประโยชน์ก็คราวนี้ หลายคนคงไม่นิยมติดตั้งเครื่องยิงลูกระเบิดบนปืนตัวเองเพราะไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์จากมันมากนัก แถมยังทำให้การ Aim-down Sight หรือการยกปืนเล็งยิงช้าลง แต่รู้หรือไม่ว่าเครื่องยิงลูกระเบิดที่เป็นลูก Incendiary นั้นสามารถยิงอัดศัตรูที่ถือ Riot Shield ให้ตายได้ ซึ่งความรุนแรงนั้นไม่ต่างอะไรกับระเบิด Thermite แต่มันมีข้อดีคือ ความเร็วของตัวกระสุนเพลิงที่ออกจากเครื่องยิงลูกระเบิดนั้นยิงได้เร็วกว่าแบบขว้าง ทำให้สามารถหวังผลได้แม่นยำมากขึ้น นอกจากไว้ใช้ละลายยานเกราะแล้ว ก็ไว้ใช้ะละลายชีวิตศัตรูที่ถือโล่ด้วย ของดีจริงๆ 5. Proximity Mine ของดีที่บอกต่อ วิธีสุดท้ายที่ใช้ปราบศัตรูที่ถือ Riot Shield ได้แบบชะงักแบบ 100% เลยคือการวางกับดักระเบิด Proximity Mine ซึ่งสามารถใช้ป้องกันศัตรูจากอีกทาง, ใช้เป็นกับดักระเบิดยานเกราะ หรือแม้กระทั่งใช้ระเบิดอัดหน้าศัตรูที่ถือโล่แบบไม่กลัวตาย เพราะกับดักอันนี้จะซ่อนค่อนข้างแนบเนียนตามมุมต่างๆ รับรองเลยว่า เจอกับดักอันนี้หมดปัญหากวนใจที่เคยเจอมาไปได้เลยล่ะ ================================================== ทั้งหมดนี้คือ 5 วิธีที่จัดการพวกถือ Riot Shield ได้อยู่หมัดแบบไม่ต้องนั่งหัวร้อนว่าทำอะไรมันไม่ได้อีกต่อไป นอกจากนี้ยังมี Killstreak อันอื่นๆ ที่สามารถฆ่าศัตรูพวกนี้ได้อย่างเช่น Killstreak ที่เน้นการทิ้งระเบิดอย่าง Cluster Strike, Cruise Missile, หรือเล่นของโหดหน่อยก็ White Phosphorus ซึ่งสามารถเผาศัตรูได้เกือบทั้ง map สุดท้ายนี้เพื่อนๆ ก็ลองเอาไปปรับใช้กันดูนะ Riot Shield มันไม่ได้โกง เพียงแค่เราต้องเลือกใช้อาวุธในการรับมือมันแล้วคุณจะมีความสุขกับการเล่นเกม Call of Duty: Modern Warfare ไปอีกนาน...บทความต่อไปจะนำทริคและไกด์มากฝากกัน รอติดตามได้เลยจ้า ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่      
02 Dec 2019
ไกด์ Call of Duty: Mobile ปืนกลเบา RPD กับความรัวที่ไม่ธรรมดา
หลังจากห่างหายไปนานกับการเจาะลึกวิเคราะห์ปืนต่างๆ ก็ได้เวลากลับมาแล้วตามสัญญา ต้องขอบอกเลยว่าบทความไกด์วิเคราะห์เจาะลึกปืนกระบอกต่อไปนี้ เป็นปืนที่ผู้เล่นต้องมีทักษะการใช้งานระดับหนึ่ง แต่หากคุ้นเคยกับมันแล้วถือว่าเป็นปืนที่แทบไม่มีอะไรจะหยุดได้เลย ซึ่งนั้นก็คือปืนกลเบา RPD นั้นเอง! และทางเรา GameFever TH จะมาเจาะลึกปืนกระบอกนี้กันว่าทำไมปืนกลเบานี้ดูท่าทางเล่นยากแต่มีความโหดซุกซ่อนอยู่ ================================================== ปืนกลเบา RPD ชื่อนี้มีที่มาตั้งเกือบ 80 ปี ปืนกลเบา Ruchnoy Pulemyot Degtyaryova ( รัสเซีย: ручной пулемёт Дегтярёва ) มีชื่อย่อว่า RPD หากแปลไทยก็คือปืนกลเบาแบบพกพาเดกเทียร์ยอฟ ใช้กระสุนขนาด 7.62 x 39มม. บรรจุกระสุนแบบสายกระสุนหรือกล่องกระสุนแบบกล่องกลมได้ เป็นปืนที่ถูกผลิตในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี ค.ศ 1944 ทีแรกมันถูกผลิตขึ้นเพื่อใช้ทดแทนปืนกลแบบ DP-28 ที่ล้าสมัยและการต้องแบกแผ่นเก็บกระสุนที่ใหญ่เทอะทะ แต่ทว่าหลังจากได้ส่งปืน RPD ให้กับทหารในล็อตแรกสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ได้จบลงเสียก่อน ปืนนี้จึงไม่ได้ฉายแววในสงครามโลก แต่มันกลับได้ถูกใช้จริงๆ จังๆ ในช่วงสงครามเวียดนามแทน ปัจจุบันปืนนี้ยังถูกใช้ประจำการในรัสเซียในฐานะปืนกลประจำหมู่และอีกหลายๆ ประเทศทั่วโลก ส่วนปืน RPD ที่ได้ปรากฎในเกมซีรี่ส์ Call of Duty ครั้งแรกเลยคือ Call of Duty 4: Modern Warfare และปรากฎในซีรี่ส์ Modern Warfare ในภาคแรกและภาคสอง ตามมาด้วยซีรี่ส์ Black Ops ที่ปรากฎทั้งภาคแรกและภาคสองเช่นกัน รวมไปถึง Call of Duty: Online ด้วย ปัจจุบันก็ได้ถูกใส่เพิ่มมาใน Call of Duty: Mobile เช่นกัน Home ไกด์เกม ไกด์เกม Call of Duty: Mobile จัดหนักสาดกระสุนไม่ยั้งไปกับปืน M4LMG เกมมือถือไกด์เกม ไกด์เกม Call of Duty: Mobile จัดหนักสาดกระสุนไม่ยั้งไปกับปืน M4LMG by HK 416November 5, 20190 SHARE0 หลังจากได้มีบทความไกด์ปืนไปหลายตัวแล้วแต่ยังไม่เคยทำเกี่ยวกับปืนประเภทปืนกลเบาหรือ Light Machine Guns เลยซึ่งมีคนร้องขอเข้ามาว่าอยากให้ทำไกด์ปืนประเภทนี้ด้วย ซึ่งขอพูดกันตามตรงเลยว่าเงื่อนไขการปลดล็อคปืนกลเบานั้นส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะ จึงยังไม่ทำในทันที แต่ตอนนี้ก็ปลดล็อคปืนกลเบามาได้พร้อมทำไกด์ให้คุณผู้อ่านโดยเฉพาะ ทางเรา GameFever TH จะเริ่มต้นเจาะลึกปืนกระบอกแรกคือ M4LMG นั้นเอง! ================================================== M4LMG ปืนกลเบาที่ดาเมจไม่เบาตามชื่อ ปืนกลเบา M4LMG เป็นปืนสมมุติจากซีรี่ส์เกม Call of Duty ที่มีการดัดแปลงจากตัวปืน M4 ในเกมดั้งเดิมจากในเกมด้วยการเสริมลำกล้องให้ยาวขึ้น และเปลี่ยนซองกระสุนแบบ STANAG 30 นัด ให้เป็นแบบ Drum Magazine 75 นัด เพิ่มอำนาจในการหยุดยั้งศัตรูสูงขึ้นแต่ก้ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นและความคล่องตัวก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน โดยเจ้าปืน M4LMG กระบอกกนี้ปรากฎตัวครั้งแรกในซีรี่ส์เกม Call of Duty Online ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้จักนักเพราะภาคนี้สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของทาง Activision และ Raven Software จัดจำหน่ายโดย Tencent ในประเทศจีน จนกระทั่งได้ปรากฎตัวอีกครั้งใน Call of Duty: Mobile ค่า Status และขีดความสามารถของปืน RPD ปืนกลเบา RPD ผู้เล่นจะสามารถใช้ได้ด้วยเงื่อนไขต้องมีเลเวล 19 ขึ้นไปถึงปลดล็อคใช้งานได้ ซึ่งใช้เวลาในการปลดล็อคไม่นานมักและก็ยังมีกิจกรรมแจกปืน RPD Werewolf ซึ่งบอกเลยว่าลายสวยมากและไม่ควรพลาดโดยประการทั้งปวง ส่วนมีค่าสถานะต่างๆ ดังนี้ ดาเมจ: 65 หน่วย – สำหรับปืนกลเบากระบอกนี้จัดว่าค่อนข้างสูงเอาเรื่อง สามารถสังหารศัตรได้ภายใน 4 นัดหากโดนเต็มๆ หรือหากยิงเข้าหัวก็อาจจะตายภายใน 2 นัดสั้นๆ ความแม่นยำ: 40 หน่วย – ความแม่นยำจัดถือว่าค่อนข้างต่ำ แต่ก็ถือว่าเป็นธรรมดาสำหรับสายปืนกลเบา ระยะการยิง: 50 หน่วย – ในเรื่องระยะการยิงกลับอยู่ในระดับกลางๆ สามารถยิงสู้ในระยะกลางได้ดีโดยดาเมจไม่ดรอปลงไป อัตราการยิง: 65 หน่วย – ระดับอัตราการยิงขนาดนี้จัดว่าเร็วและต่อเนื่อง กดยิงค้างชุดเดียวกระสุนก็ออกไปมากกว่า 10 นัดแล้ว การเคลื่อนที่: 40 หน่วย –สำหรับปืนกลเบาแล้ว จัดว่าน้ำหนักเยอะ ทำให้การเคลื่อนที่ดูเชื่องช้า แนะนำให้ถือปืนพกหรือมืดหากจะต้องเคลื่อนที่ซึ่งจะดีกว่า กระสุน: 10 นัด/Drum Magazine – ด้วยดาเมจและจำนวนกระสุนที่เยอะขนาดนี้ หากโดนทุกนัดก็สามารถสังหารศัตรูได้ไม่ต่ำกว่า 15 - 20 ศพ แต่ก็ต้องแลกกับการรีโหลดที่ค่อนข้างเชื่องช้า และช้ากว่าปืนกลเบา M4LMG อยู่นิดหน่อยด้วยเนื่องจากการบรรจุกระสุนเป็นแบบสายกระสุนนั้นเอง เมื่อนำปืน RPD มาเทียบค่า Status ของปืน M4LMG ก็จะพบว่าเรื่องความแม่นยำนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่เรื่องดาเมจ, ระยะการยิงหรืออัตราการลั่นกระสุนกลับทำได้ดีกว่าเล็กน้อย แต่เห็นจะเล็กน้อยแบบนั้น ในเกมจริงๆ กลับส่งผลเป็นอย่างมากเลยล่ะ   เมื่อนำเจ้าปืน RPD ไปทดสอบการยิงแบบหา Recoil Pattern ก็จะพบว่า รูปแบบแรงถีบของกระสุนจะสวนทางกับ M4 LMG อย่างมาก หรือกล่าวคือเจ้าปืนนี้จะมีความแม่นยำและกระสุนเกาะกลุ่มกันแน่นมากในช่วงแรกๆ แต่หากยิงต่อเนื่องแล้ว ปืนจะเริ่มส่ายซ้ายขวาอย่างมาก กระสุนกระจายกว่า LMGM4 และค่อนข้างควบคุมลำบากเอาเรื่อง ที่สำคัญเลยก็คือปืนนี้มีแรงถีบสูงกว่า M4LMG ปืนดีดขึ้นไวด้วยทำให้่ปืนนี้ไม่เหมาะกับการยิงกดระยะไกลอย่างแน่นอน แต่ทว่าด้วยอัตราการลั่นกระสุนที่ลองใช้จริงๆ กลับรู้สึกว่าไวมากๆ จึงยังพอมีโอกาสยิงต่อสู้หรือยิงสนับสนุนจากระยะกลางได้บ้าง ฉะนั้นสไตล์การเล่นของปืน RPD กระบอกนี้จึงเน้นการต่อสู้ในระยะใกล้และกลางเป็นหลักโดยต้องเกาะกลุ่มกับเพื่อนในทีมไม่ควรฉายเดี่ยวหากไม่จำเป็น ในระยะใกล้ควรเล็งเผื่อไว้หากรู้สึกศัตรูกำลังจะเข้ามา และไม่ต้องกลัวว่าจะสู้ใครไมไ่ด้เพราะทั้งดาเมจและปืนที่ลั่นรัวมากๆ หากยิงโดนทุกนัดก็สามารถสังหารได้อย่างไม่ยากเย็น เทคนิคก็คือ เล็งที่ลำตัวแล้วกดค้า่งไปแล้ว ปืนจะดีดขึ้นหัวให้เอง แต่หากอยู่ในระยะกลางก็ให้เน้นยิงกดเป็นชุดๆ นับในใจไว้กดค้างแล้วนับสัก 1 - 2 วินาทีค่อยหยุดยิงให้ปืนคลาย Recoil ลงมาก่อนจะทำการยิงต่อ ซึ่งจะหวังผลได้ดีกว่าแถมการยิงแบบนี้ ปืน RPD ก็ยังคงความแม่นด้วย แม้ว่ากระสุนจะเยอะแต่ก็มีข้อควรระวังไว้ก็คือเรื่องกระสุน หากกระสุนหมดหรือต้องการเติมกระสุน ปืนนี้จะรีโหลดนานมากประมาณ 5 วินาที หากรู้ว่าถึงคราวต้องเปลี่ยนกระสุนให้หาที่ปลอดภัยก่อนจะดีกว่า Attachment แบบไหนที่ควรใส่กับปืน RPD ปืนกลเบา RPD มีข้อดีคือปืนลั่นไวและดาเมจรุนแรง แต่ก็มีแรงดีดที่สูงฉะนั้นเน้นเสริมการทำลายล้างและลดข้อด้อยของปืนไปในตัวด้วย จะเป็นการเสริมประสิทธิภาพของปืนนี้ให้มากยิ่งขึ้นโดย Attachment ที่แนะนำมีดังนี้ ในเรื่องกล้องเล็งก็จะขอแนะนำตัวแรกเลยคือ Holo Sight เพราะเนื่องจากเวลาเล็งมุมมองจะกว้างและไม่ต้องโฟกัสอะไรเยอะแยะขอให้ศัตรูตรงกับเป้าวงกลมก็เป็นอันใช้ได้ ส่วนตัวไม่แนะนำ Red dot เพราะมันควรจะคู่กับปืนที่มีความแม่นยำสูงจะทำให้ยิงได้ง่ายมากกว่า หรือหากใครเน้นสายยิงระยะกลางหรือสนับสนุนก็สามารถใช้ Tactical Scope ที่มีกำลังซูม x2 ก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรยิงกดค้างต่อเนื่องเพราะปืน RPD ไม่ค่อยแม่นยำนักนั้นเอง Attachment ตัวแรกที่เราแนะนำเลยก็คือ FMJ เพราะว่าปืนนี้ไม่ค่อยมีความแม่นยำนัก หากยิงต่อสู้ในระยะกลางศัตรูอาจจะไหวตัวทันแอบหลังกำแพง จึงต้องมีสิ่งนี้ยิงอัดกำแพงไม่ให้ศัตรูได้หลบหนี Attachment ตัวต่อมากที่แนะนำก็คือ Foregrip ด้วยเหตุผลที่ว่าปืนนี้มีแรงถีบสูง การมีด้ามจับก็จะช่วยลดข้อด้อยจุดนี้ลงไปได้เยอะเลยล่ะ ส่งผลทำให้เราโฟกัสเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น Attachment ตัวสุดท้ายทีท่แนะนำเลยก็คือ Fast Mag เพราะปืนนี้รีโหลดช้ามากแม้กระสุนจะเยอะก็ตาม การมีสิ่งนี้เข้่ามาช่วยก็ทำให้ลดเวลาการรีโหลดลง 1 วินาที ซึ่งถือว่าช่วยได้เยอะ Perks Set ที่เหมาะสมกับ RPD สำหรับในเรื่อง Perks Set ที่เหมาะกับ RPD นั้นออกจากเน้นบู้แนวหน้ามากกว่า M4LMG เนื่องจากระยะหวังผลการยิงระยะไกลที่ต่ำกว่า ฉะนั้นจำเป็นต้องมี Perk ป้องกันตัวเป็นหลักโดยเซ็ตที่แนะนำมีดังนี้ Perk ตัวแรกที่แนะนำเลยคือ Flak Jacket ซึ่งเป็น Perk ที่เหมาะกับการลุยแนวหน้าและเจาพวกระเบิดทั้งหลาย อย่างน้อยๆ กันตายให้เราในระดับหนึ่งเพราะมันลดดาเมจได้มากถึง 33% เลยทีเดียว Perk ตัวต่อมาที่แนะนำเลยคือ Ghost ซึ่งมันสามารถใช้หลบการมองเห็นของ UAV หรืออุปกรณ์ตรวจจับของศัตรูได้ เหมาะสำหรับทั้งใช้ในการยิงสนับสนุนหรือออกไปแนวหน้าร่วมกันเพื่อนๆ ช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกลอบยิงได้ระดับหนึ่ง Perk ตัวสุดท้ายที่แนะนำเลยก็คือ Alert เพราะนอกจากจะทำให้เราได้ยินเสียงฝีเท้าชัดขึ้น มันก็จะยิงแสดงตำแหน่งทิศทางของศัตรูบน Minimap หากศัตรูอยู่ใกล้เรานั้นเอง ================================================== และนี่คือทั้งหมดการเจาะลึกปืน RPD ซึ่งหากพูดกันตรงๆ นั้น ปืนกลเบา M4LMG ค่อนข้างจะครบเครื่องและน่าใช้มากกว่า RPD พอสมควรทั้งแรงถีบและความแม่นยำ แต่สิ่งที่ M4LMG ทำไม่ได้คืออัตราการลั่นกระสุนที่ไวมากๆ และกลายเป็นว่าปืนกลเบา RPD สามารถต่อสู้ในระยะใกล้ได้เป็นอย่างดี และนั้นคือเหตุผลว่าปืนกระบอกนี้หากอยู่ในมือคนที่คุ้นเคย ก็กลายเป็นปืนที่ดีที่พาเราไปสู่ชัยชนะได้อย่างง่ายดาย แล้วพบกันใหม่ในบทความเจาะลึกปืนกระบอกต่อไปจ้า สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่    
19 Nov 2019
ไกด์เกม Call of Duty: Mobile จัดหนักสาดกระสุนไม่ยั้งไปกับปืน M4LMG
หลังจากได้มีบทความไกด์ปืนไปหลายตัวแล้วแต่ยังไม่เคยทำเกี่ยวกับปืนประเภทปืนกลเบาหรือ Light Machine Guns เลยซึ่งมีคนร้องขอเข้ามาว่าอยากให้ทำไกด์ปืนประเภทนี้ด้วย ซึ่งขอพูดกันตามตรงเลยว่าเงื่อนไขการปลดล็อคปืนกลเบานั้นส่วนใหญ่ต้องใช้เวลาพอสมควรเลยล่ะ จึงยังไม่ทำในทันที แต่ตอนนี้ก็ปลดล็อคปืนกลเบามาได้พร้อมทำไกด์ให้คุณผู้อ่านโดยเฉพาะ ทางเรา GameFever TH จะเริ่มต้นเจาะลึกปืนกระบอกแรกคือ M4LMG นั้นเอง! ================================================== M4LMG ปืนกลเบาที่ดาเมจไม่เบาตามชื่อ ปืนกลเบา M4LMG เป็นปืนสมมุติจากซีรี่ส์เกม Call of Duty ที่มีการดัดแปลงจากตัวปืน M4 ในเกมดั้งเดิมจากในเกมด้วยการเสริมลำกล้องให้ยาวขึ้น และเปลี่ยนซองกระสุนแบบ STANAG 30 นัด ให้เป็นแบบ Drum Magazine 75 นัด เพิ่มอำนาจในการหยุดยั้งศัตรูสูงขึ้นแต่ก้ต้องแลกมาด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นและความคล่องตัวก็ลดลงอย่างมากเช่นกัน โดยเจ้าปืน M4LMG กระบอกกนี้ปรากฎตัวครั้งแรกในซีรี่ส์เกม Call of Duty Online ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้จักนักเพราะภาคนี้สร้างขึ้นด้วยความร่วมมือของทาง Activision และ Raven Software จัดจำหน่ายโดย Tencent ในประเทศจีน จนกระทั่งได้ปรากฎตัวอีกครั้งใน Call of Duty: Mobile ค่า Status และขีดความสามารถของปืน M4LMG ปืน M4LMG ผู้เล่นจะสามารถมีไว้ในครอบครองได้เมื่อผู้เล่นมีเลเวลถึง 150 ซึ่งกว่าจะปลดล็อคได้ก็ใช้เวลานานมากๆ แต่หากใครที่ทันเล่นช่วงตัวเกมเปิดให้บริการใหม่ๆ ก็จะมีกิจกรรม Login ต่อเนื่อง 7 วันก็รับปืน M4LMG ลาย Red Triange ไปใช้ได้เลย หรือหากใครเพิ่งมาเล่นล่ะก็ สามารถทำกกิจกรรมของ Season Pass ปลดล็อคเลเวลกิจกรรมให้ถึง 30 ก็จะได้รับ M4LMG ลาย Ribbon Explosion ไปเช่นกัน ส่วนรายละเอียดค่า Status มีดังนี้ ดาเมจ: 60 หน่วย – สำหรับปืนกลเบากระบอกนี้จัดว่าค่อนข้างสูง ยิงเข้าเน้นๆ ยังไงก็ตายภายใน 3-4 นัด หากยิงโดนหัวก็อาจจะภายใน 2 นัดเช่นกัน ความแม่นยำ: 60 หน่วย – หากพูดถึงความแม่นยำของปืนกลเบาแล้วถือว่าสูงเอาเรื่อง สามารถยิงหวังผลได้หลากหลายระยะ ระยะการยิง: 45 หน่วย – แต่ทว่าดันมาเสียตรงที่ระยะการยิงที่ค่อนข้างต่ำไปเล็กน้อย แต่หากเน้นการยิงกด ยิงขย่มศัตรูหรือตั้งป้อมรอยิงเป็นหลักแล้วก็ถือว่าไม่ส่งผลอะไรมากนัก อัตราการยิง: 55 หน่วย – ระดับอัตราการยิงขนาดนี้ก็ถือว่าไม่เร็วและไม่ช้าเกินไปสำหรับปืนกลเบาที่ต้องการความรุนแรงและความต่อเนื่องเพื่อหยุดยั้งศัตรูหมู่มาก การเคลื่อนที่: 40 หน่วย – บอกเลยว่าการวิ่งพร้อมกับแบกปืนนี้ไป เป็นอะไรที่อืดอาดมากๆ เนื่องจากมันหนัก ทำให้เสียความคล่องตัวไป จึงไม่เหมาะกับการเคลื่อนที่ตลอดเวลานัก กระสุน: 75 นัด/Drum Magazine – จำนวนกระสุนขนาดนี้ถือว่าเยอะ สามารถสังหารศัตรุในระยะหวังผลได้มากกว่า 15 คนเป็นอย่างน้อยหากยิงโดนหมดทุกนัดนะ แต่ที่น่าประหลาดใจคือ การรีโหลดกกระสุนนั้นกลับใช้เวลาเพียง 5 วินาทีซึ่งสำหรับปืนกลเบาถือว่าไวมากๆ แต่สำหรับปืนลาย Ribbon Explosion จะใช้เวลาการรีโหลดกระสุนเพียง 4 วินาที เมื่อเอาปืนกลเบากระบอกนี้มาเทียบกับปืนต้นแบบอย่าง M4 ก็จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนว่า M4LMG มีดาเมจที่สูงกว่ามาก แต่ต้องแลกกับความแม่นยำและการเคลื่อนที่ไปพอสมควร รวมถึงอัตราการลั่นก็ช้ากว่าอยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ช้าจนน่าเกลียดแต่อย่างใด เมื่อเราทำการทดสอบหา Pattern Recoil ของปืนกระบอกนี้ก็พบว่าปืนนั้นจะเบี่ยงซ้ายขวาออกกไปมากและกลุ่มกระสุนจะไม่ค่อยเกาะกลุ่มนักในช่วงแรกและแรงถีบนั้นไม่ค่อยถีบมากนักแต่มันจะค่อยๆ ถีบขึ้นไปช้าๆ กว่าจะหยุดถีบก็ยิงไปได้ราวๆ 20 นัดได้ หลังจากนั้นกลุ่มกกระสุนจะเริ่มเกาะกลุ่มมากขึ้น ทำให้ยิงหวังผลได้ดีขึ้นอีกนิดหน่อย เราเลยจึงเอามาเทียบให้ดูว่าปืนนั้นถีบขึ้นไปขนาดไหนจากเป้ากลางปืนไปถึงรอยกระสุนบนสุดซึ่งดูแล้วเหมือนจะถีบมากแต่จริงๆ ปืนมันค่อยๆ ถีบขึ้นช้าๆ จึงหมดห่วงเรื่องการคุมปืน แต่ปืนก็ยังยิงเบี่ยงซ้ายทีขวาทีอยู่ดี ฉะนั้นการยิงแบบเป็นชุด 3-4 นัดอย่างปราณีตจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรทำยิ่งนัก ที่สำคัญคือปืนนี้ยกเล็งค่อนข้างช้า ฉะนั้นควรเน้นเล็งก่อนล่วงหน้าเพื่อเตรียมต่อสู้จะดีกว่า เมื่อเอาปืน M4LMG ไปลองยิงกับศัตรูในระยะใกล้ดู ก็จะเห็นได้ว่า 2-3 นัดตายแน่นอนเพราะดาเมจค่อนข้างสูงแต่การยิงเล็งยิงตอนเจอหน้ากับศัตรูแบบกระทันหันนั้นเราจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที ยิ่งเจอกับศัตรูที่ถือปืนกลมือหรือไรเฟิลจู่โจมบางกระบอกที่ยกเล็งได้ไว เราอาจจะลงไปนอนเป็นศพโดยยังไม่ทันลั่นไกเลยด้วยซ้ำเว้นแต่ว่าศัตรูยิงไม่แม่นพอล่ะนะอาจจะสู้ได้อยู่ เมื่อเอามายิงในระยะกลางถือว่าเป็นระยะที่ดีสำหรับปืนนี้ แม้เราจะเล็งช้าแต่ด้วยดาเมจและระยะห่างที่เราอยู่ห่างพอสมควร ทำให้ปืน M4LMG ได้ผงาดทันที ใครเจอรับรองมีร้อง แถมกระสุนที่เยอะจึงหมดห่วงพวกนี้ไปได้เลย แต่หากยิงในระยะไกลนั้นปืนอาจจะไม่ได้มีความแม่นยำอะไรมากมายนัก เพราะปืนจะเบี่ยงซ้ายขวาและกลุ่มกระสุนก็ไม่ได้เกาะกลุ่มแน่นขนาดนั้น แต่ด้วยที่ว่าเรามีกระสุนเยอะ ฉะนั้นการยิงหวังงผลระยะไกลคือการกดสาดกระสุนโดยไม่ต้องห่วงว่าเปลือย เดี๋ยวมันก็โดนเองแถมโดนยิงศัตรูมีหลบแน่นอน ซึ่งยังพอหวังผลในการยิงให้โดนได้อยู่บ้างล่ะ ฉะนั้นสไตล์การเล่นของปืนนี้ให้เน้นการยิงจากระยะกลางและไกลเป็นหลัก ให้เกาะกลุ่มเพื่อนยิงสนับสนุนจากแถวสองหรือตั้งป้อมตามมุม ตามตึกต่างๆ ยิงสนับสนุนในแนวหลังก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่ไม่เหมาะกับการยิงปะทะตรงๆ ในระยะใกล้เพราะเล็งช้ามาก และอาจจะตายเหมือนไก่ก็ได้ Attachment ที่ดีที่สุดของ M4LMG สำหรับอุปกรณ์เสริมที่ควรติดให้กับเจ้า M4LMG ของเรานั้น เนื่องจากมันยิงเกาะกลุ่มไม่ค่อยดีนัก จึงต้องลดข้อด้อยของมัน ทำให้มันยิงเกาะกลุ่มดีขึ้นและเสริมการทำลายล้างเข้าไปทำให้ศัตรูหมดทางแอบหรือหลบหนีได้จากระยะกลางหรือไกล จึงขอแนะนำ Attachment ดังนี้ กล้องเล็งนั้นขอแนะนำให้เป็น Tactical Scope ที่สามารถซูมได้สองเท่าขณะเล็ง เพิ่มความแม่นยำและระยะยิงเล็กน้อย อีกทั้งยังสามารถโฟกัสศัตรูจากระยะกลางและไกลได้มากขึ้น Attachment ตัวแรกที่แนะนำและไม่ควรเปลี่ยนเป็นตัวอื่นอย่างเด็ดขขาดเลยก็คือ FMJ ซึ่งกระสุนนี้จะเพิ่มอำนาจการทะลุทะลวง ในกรณีที่ศัตรูโผล่แค่หัวหรือลำตัวจากที่กำบัง เราสามารถยิงอัดโดยกระสุนจะทะลุที่กำบังนั้นเท่ากับว่าเรายิงมันได้ทั้งตัวอย่างสบายใจและทำให้เรายิงหวังผลได้ง่ายขึ้นด้วย Attachment ตัวที่สองที่ต้องใส่และไม่ควรเปลี่ยนเลยคือ Foregrip ซึ่งจะช่วยลดแรงถีบปืนให้คุมง่ายขึ้นไปอีก รวมถึงทำให้กลุ่มกระสุนยิงออกไปเกาะกลุ่มกันแน่นขึ้นเล็กน้อย ซึ่งช่วยในเรื่องการยิงหวังผลได้เป็นอย่างดีเลยล่ะ Attachment ในช่องสุดท้ายถือเป็นทางเลือก ซึ่งสามารถใส่อะไรก็ได้แต่ทางเราขอแนะนำ Extended Mag ที่เพิ่มความจุกระสุนจาก 75 นัด เป็น 95 นัด ซึ่งการเพิ่มมาถึง 20 นัดถือว่าเยอะมากและเพิ่มโอกาสในการฆ่ามากขึ้นและยิงได้นานขึ้นอีกด้วย หรือหากใครคิดว่า 75 นัดแค่นี้เหลือๆ แล้วก็ขอแนะนำ Suppressor ซึ่งทำให้เราพรางตำแหน่งเวลายิงสนับสนุนหรือยิงต่อสู้ได้ดี แต่แลกกับระยะการยิงที่ลดลง นั้นหมายความว่าการยิงจากระยะไกลดาเมจก็ตกลงมาพอสมควร หรือใครคิดว่ายกเล็งช้าเกินไป ก็หันมาใช้ Quickdraw เพื่อทำให้เล็งยิงได้ไวขึ้น แต่ก็ช่วยให้เล็งไวแค่เล็กน้อยเท่านั้น แม้ว่าจะมี Attachment ตัวนี้หากปะทะกับศัตรูระยะใกล้แบบไม่ทันตั้งตัวก็แทบสู้ไม่ได้อยู่ดี Perks ไหนที่ควรค่าแก่การใช้งานร่วมกับ M4LMG ในด้าน Perks Set ที่เหมาะกับปืนกลเบากระบอกนี้ ก็ขอแนะนำให้ใช้เป็นแบบที่ช่วยในด้านการนำ Scorestreak เรียกการสนับสนุนทางอากาศเพื่อช่วยทีมได้และไม่เน้นบวก ตายน้อยๆ ช่วยยิงเก็บ Kill ได้เมื่อมีโอกาส โดยเซ็ตที่แนะนำมีดังนี้ Perk ตัวแรกที่แนะนำเลยคือ Persistence ที่จะทำ Scorestreak ไม่ถูกรีเซ็ตเมื่อโดนฆ่าตาย แต่ต้องเก็บมากขึ้นเป็นเท่าตัวเช่นกันซึ่งข้อดีคือมันจะเซฟ Scorestreak และเก็บได้เรื่อยๆ นั้นเอง หรือหากคิดว่าตัวเองเซฟมากพอ ก็สามารถเปลี่ยนจาก Persistence มาเป็น Fast Recover ได้เช่นกัน เพราะเวลาโดนยิงจนเสียเลือดจนต้องหลบไปฟื้นฟูเลือด เราต้องรีบฟื้นฟูให้ไวที่สุดเพื่อยิงต่อสู้ต่อเนื่องจากเวลาทุกวินาทีนั้นมีค่า แต่หากเราตาย Scorestreak ก็จะถูกรีเซ็ตไปด้วย Perk ตัวที่สองที่แนะนำเลยก็คือ Ghost เพราะนอกจากเราจะไม่โดน UAV ตรวจจับแล้ว เรายังสามารถพรางตัวจากตำแหน่งที่เราตั้งป้อมยิงได้ด้วย Perk ตัวสุดท้ายที่เราแนะนำเลยก็คือ Hardline ซึ่งช่วยเพิ่มคะแนน Scorestreak มากถึง 25% แน่นอนว่ามันช่วยเร่งการเรียกการสนับสนุนทางอากาศให้ไวขึ้นอีกเล็กน้อย ================================================== ทั้งหมดนี้คือเจาะลึกปืน M4LMG แบบละเอียดถี่ยิบเลยล่ะ ถ้าหากพูดกันตรงๆ แล้วเป็นปืนกลเบาที่มีความสมดุลทั้งอำนาจการยิง, การยิงหวังผลและจำนวนกระสุนที่เยอะ แถมใช้เวลาการบรรจุกระสุนก็น้อย ทำให้ยิงได้ไม่ขาดตอน แต่กลุ่มกระสุนจะไม่ค่อยเกาะกันมากนักหากยิงระยะไกล จนต้องใช้อุปกรณ์เสริมเข้าช่วยเพื่อยิงหวังผลได้ดีขึ้น ส่วนบทความไกด์ต่อไป จะเป็นปืนกลเบาอีกกระบอกที่เป็นคู่แข่ง M4LMG และเป็นปืนที่บอกเลยว่าดาเมจแรงมากๆ นั้นก็คือปืนกลเบา RPD นั้นเอง ฉะนั้นโปรดติดตาม GameFever TH อย่างใกล้ชิดล่ะ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
05 Nov 2019
ไกด์เกม Call of Duty: Mobile ลูกซอง Striker ปืนของคนกล้า วิ่งฆ่าไม่เลี้ยง
จากบทความก่อนหน้านั้นที่ได้เจาะลึกลูกซอง BY15 ไป ซึ่งถือเป็นลูกซองที่มีความรุนแรงสูง จัดทีนัดเดียวลงไปนอนแน่นิ่งได้อย่างไม่ยากเย็นนัก ในบทความนี้ ทางเรา GameFever TH จะมาขอแนะนำลูกซองอีกกระบอกที่บอกเลยว่าโหดร้ายไม่แพ้กัน ซึ่งนั้นคือ ปืนลูกซองแบบกึ่งอัตโนมัติ Striker นั้นเอง มาดูกันว่าปืนนี้มีความดิบ เถื่อน เหมาะสำหรับปืนของคนกล้ามากแค่ไหนกัน ================================================== ปืน Striker นวัตกรรมลูกซองจากยุค 90s ปืนลูกซอง Striker เป็นปืนลูกซองแบบกึ่งอัตโนมัติสัญชาติแอฟริกาที่ถูกออกแบบครั้งแรกในปี 1981 ซึ่งการออกแบบครั้งแรกนั้นก็ไม่ค่อยน่าประทับใจนักจนมีการดีไซน์ใหม่ในปี 1989 ซึ่งกว่าจะลงตัวพร้อมเข้าสู่สายการผลิตก็ปาไปปี 1993 โดยจุดเด่นของปืนลูกซองกระบอกนี้นอกจากกระทัดรัด พกพาสะดวก แถมยิงแบบกึ่งอัตโนมัติได้แล้ว ตัวปืนนี้ระบบการป้อนกระสุนแบบโม่ ( หากนึกภาพไม่ออกให้นึกถึงปืนลูกโม่แต่เปลี่ยนกระสุนเป็นกระสุนลูกซอง ) ซึ่งบรรจุได้ทีละนัดผ่านช่องใส่กระสุนทางด้านขวาของตัวโม่ปืน บรรจุได้มากถึง 12 นัด ในปัจจุบันก็มีบริษัทหลายเจ้าได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิตและต่อยอดปืนลูกซองนี้ให้มีความทันสมัยมากขึ้นตามกาลเวลา โดยถูกใช้ในหน่วยความมั่นคงของแอฟริกาและตำรวจอิสราเอล ส่วนปืน Striker ได้เข้ามาในซีรี่ส์เกม Call of Duty ครั้งแรกในภาค Modern Warfare 2 และ 3 นอกจากนี้ยังได้ไปปรากฎในภาค Call of Duty: Online และ Call of Duty: Black Ops Declassified ซึ่งเป็นภาคเสริมของเครื่องเกม PS Vita หลังจากนั้นก็ได้ปรากฎในภาค Modern Warfare Remaster ซึ่งจะได้ใช้กันในช่วงท้ายๆ ของภารกิจ ก่อนจะลงให้กับ Call of Duty: Mobile ตามลำดับ ค่า Status และขีดความสามารถของปืน Striker ปืนลูกซอง Striker จะสามารถใช้ได้ด้วยเงื่อไขผู้เล่นต้องมีเลเวลถึง 51 ถึงสามารถปลดล็อคปืนเพื่อใช้งานมัน ฉะนั้นต้องใช้เวลาการเล่นสักนิดหากอยากได้มัน โดยมีค่า Status ต่างๆ ดังนี้ ดาเมจ: 70 หน่วย – พลังการทำลายนับว่าสูงลิ่ว ในระยะต่ำกว่า 3 เมตรสามารถสังหารได้ภายใน 2 นัด แต่หากยิงเข้าหัวจังๆ ก็นัดเดียวลงไปนอนได้เลย ความแม่นยำ: 85 หน่วย – ค่าความแม่นยำขนาดนี้บอกเลยว่ากลุ่มกระสุนที่ยิงไประยะ 8 เมตรลงมาเกาะกลุ่มกันดีมากๆ สำหรับลูกซองด้วยกันแล้วถือว่าแม่นยำสูงเลยทีเดียว ระยะการยิง: 30 หน่วย – ถือเป็นปกติของปืนลูกซองที่ระยะการยิงสั้นมากๆ ซึ่งไม่แตกต่างอะไรกับ BY15 กล่าวคืออย่าคาดหวังดาเมจจากระยะกลางหรือไกล อัตราการยิง: 35 หน่วย – เห็นอัตราการยิงแค่นี้ แต่จริงๆ แล้วค่อนข้างต่อเนื่องมาก และซ้ำศัตรูได้รวดเร็ว เวลาเข้าจู่โจม ศัตรุแทบจะสวนกลับยากในระยะใกล้ การเคลื่อนที่: 75 หน่วย – บอกเลยว่าปืนนี้มีน้ำหนักเบา แบกวิ่งไปยิงก็พลิ้วพอๆ กับพวกปืนกลมือหรือ SMGs เลยล่ะ กระสุน: 12 นัด/โม่ปืน – จำนวนกระสุนนี้ถือว่าเยอะมาก แต่โดยเฉลี่ยส่วนใหญ่ศัตรูจะตายภายใน 2 นัด เท่ากับว่ากระสุนจำนวนนี้ สามารถฆ่าศัตรูได้ถึง 6 คนด้วยกัน แต่การรีโหลดนั้นถือว่าค่อนข้างช้าเพราะจะเป็นการบรรจุทีละนัดเข้าตัวโม่ปืน แต่เร็วกว่า BY15 นิดหน่อย เมื่อเอาปืน Striker มาเทียบกับปืน BY15 จะเห็นความต่างชัดเจนเลยคือ BY15 มีดาเมจที่สูงกว่า สามารถสังหารได้ภายในนัดเดียว แต่ไม่มีความต่อเนื่องมากเท่า Striker รวมถึงระยะการยิงที่กระสุนเกาะกลุ่มนั้น Striker เกาะกลุ่มได้ดีกว่าแม้จะยิงในระยะกลาง เมื่อนำเอาปืนนี้มาทดสอบการยิงในระยะ 3 เมตร ก็จะเห็นได้ว่ากลุ่มกระสุนของปืน Striker เกาะกันแน่นมาก แน่นกว่าปืนลูกซอง BY15 อยู่นิดหน่อย ทำให้สามารถยิงหวังผลโดนเน้นๆ ที่สำคัญ ปืนนี้ใน Call of Duty: Mobile สามารถยิงต่อเนื่องด้วยการกดปุ่มยิงค้างได้ด้วย บอกเลยว่าแรงถีบปืนไม่ดีดเท่าไหร่ ทำให้ยิงซ้ำต่อเนื่องได้หากศัตรูไม่ตาย เมื่อถอยหลังยิงใส่หากลุ่มกระสุนในระยะ 5 - 6 เมตร ก็พบว่ากลุ่มกระสุนยังคงค่อนข้างแคบและเกาะกลุ่มได้ดี ซึ่งในระยะ 8 เมตรนั้นยิงหวังผลให้โดนได้สบายๆ แต่อย่าลืมว่าระยะการยิงนั้นสั้น การยิงในระยะนั้น ดาเมจจะตกลงอย่างมาก จากนั้นก็ลองแบบเล็งยิงดู ซึ่งปรากฎว่ากลุ่มกระสุนเกาะกันแน่นดี ไม่มีความแตกต่างระหว่างการยิงแบบ Hip Fire และแบบการเล็งยิง ฉะนั้นการยิงแบบ Hip Fire จะให้ความคล่องตัวและสะดวกสะบายกว่ามาก เมื่อนำมาทดสอบยิงกับศัตรูก็จะเห็นว่า หากโดนลำตัวแบบเต็มๆ ในระยะหวังผล ศัตรูจะไม่ตายในนัดแรก เลือดจะเหลือต่ำกว่าครึ่งหลอดเสมอ แต่ด้วยปืนนี้สามารถยิงซ้ำได้รวดเร็ว มีความต่อเนื่องสูงด้วยการกดยิงค้าง ศัตรูจะตายภายในสองนัดอย่างแน่นอน แน่นอนว่าข้อดีอีกข้อของปืน Striker เลยคือหากเจอศัตรูวิ่งเบียดๆ กันแบบนี้ ให้กดยิงค้าง กระหน่ำเข้าไปตรงๆ ได้เลย เพราะจะทำให้ศัตรูที่อยู่ในวิถีการยิงจะโดนกระสุนเราเข้าไปเจ็บตัวไปตามๆ กัน เผลอๆ อาจจะฆ่าได้มากกว่าหนึ่งภายในการยิงเพียงไม่กี่นัดก็ได้ ซึ่งปืน BY15 นั้นไม่สามารถทำอะไรแบบนี้ได้ แต่ข้อควรระวังของปืนนี้มีอยู่สองอย่างคือ อย่างแรกปืนนี้ดาเมจเบากว่า BY15 หากยิงในระยะไกลกว่า 5 เมตร ดาเมจจะเบามากจนเรียกได้ว่าเหมือนแค่สะกิดผิว อาจจะต้องยิงมากกว่า 5-6 นัดขึ้นไปเพื่อฆ่าศัตรูหนึ่งตัวก็ไม่ค่อยคุ้มค่านัก และอย่างที่สองคือ ปืนนี้รีโหลดบรรจุกระสุนแบบทีละนัดเข้าโม่ปืน และตัวปืนมี 12 นัด หากยิงจนหมดก็จะใช้เวลาในการรีโหลดนานมาก ฉะนั้นหาที่กำบังดีๆ เพื่อบรรจุกระสุนหรือจวนตัวกระสุนหมดระหว่างปะทะก็ให้ชักปืนพกออกมาต่อสู้จะไวกว่าโหลดกระสุนเสมอ Attachment ของ Striker ติดไว้มีชัยไปกว่าครึ่ง สำหรับอุปกรณ์เสริมของปืน Striker นั้น ต้องเน้นการยิงซ้ำให้โดน โดนง่ายจากการยิงแบบ Hip Fire เป็นหลักในระยะใกล้และลูกดก แตกต่างจากปืนลูกซอง BY15 ที่เน้นกลุ่มกระสุนให้แคบลงเพื่อหวังผลในการฆ่าเพียงนัดเดียว โดยรายละเอียดมีดังนี้ Attachment ตัวแรกที่จะแนะนำเลยคือ Laser Sight เพราะจะทำให้การยิงแบบ Hip Fire ยิงแม่นขึ้นและเป้าบานน้อยลงขณะวิ่งยิง ซึ่งมีประโยชน์มากในการเข้ายิงจู่โจมระยะใกล้ หรือโยกหลบยิงพลิ้วๆ โดยไม่เสียความแม่นยำไป Attachment ตัวต่อมาที่แนะนำเลยคือ Long Barrel เพราะจุดอ่อนปืนนี้คือระยะการยิงที่สั้นมากๆ การมีตัวนี้จะช่วยลดจุดอ่อน ทำให้ยิงจากระยะที่ไกลกว่า 5 เมตร จะไม่สูญเสียดาเมจมากนัก Attachment ตัวสุดท้ายที่แนะนำเลยคือ Extended Mag เพราะปืนนี้หากกระสุนหมดจะรีโหลดช้ามาก แม้จะมี Fast Mag ก็ตาม ฉะนั้นการเพิ่มความจุกระสุนจาก 12 เป็น 16 นัดดูท่าจะมีประโยชน์กว่า และสามารถเข้าปะทะฆ่าศัตรูได้มากขึ้น Perks ของ Striker ต้องเน้นลุยๆ สำหรับ Perks Set ที่เหมาะกับปืน Striker นั้นบอกเลยว่าเหมือนกับ BY15 ทุกประการ หรือกล่าวคือ ต้องเน้นความกล้าบ้าบิ่น บุกเข้าแนวปะทะให้ไวกว่าศัตรู เพื่อสร้างความได้เปรียบในต้นเกม หรือยึดจุดยุทธศาสตร์ไว้เพื่อทำเกมให้ทีม โดยชุด Perks Set ที่แนะนำมีดังนี้ Perk ตัวแรกก็คงไม่พ้น Lightweigt ที่จะเพิ่มความเร็วในการวิ่ง 10% และตกจากที่สูงก็ไม่เป็นไรสำหรับการไล่ล่าหรือหลบหนี Perk ตัวที่สองก็ต้องเป็น Ghost เพราะนอกจากจะรอดพ้นการตรวจจับจาก UAV แล้ว มันก็ช่วยเราพรางตำแหน่งในขณะที่เราซุ่มโจมตีตามอาคารและซอกมุมต่างๆ ได้ด้วย Perk ตัวสุดท้ายขอแนะนำเป็น Alert เพราะจะทำให้เราได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นแล้ว หากศัตรูอยู่ใกล้ตัวและเรามองไม่เห็นหรือแอบอยู่ จะมีการแจ้งเตือนบน Minimap ให้เราไล่ล่ามันหรือระวังตัวอีกทางหนึ่งด้วย ================================================== ทั้งหมดนี้เป็นไกด์ของปืน Striker แบบเจาะลึกถึงใจ ครบเครื่องทั้ง Pattern Recoil และอุปกรณ์ที่ควรติดตั้ง หากถามว่าปืนนี้กับ BY15 ปืนไหนใช้งานง่ายกว่ากัน ก็ต้องขอบอกเลยว่าต้องเป็นเจ้า Striker แน่นอน เพราะยิงได้ต่อเนื่อง ซ้ำเป้าหมายได้ง่าย แม้ดาเมจจะไม่ได้รุนแรงถึงขั้นยิงนัดเดียวที่ลำตัวตายทันทีก็ตาม ส่วนบทความต่อไป เรามาเปลี่ยนแนวเป็นปืนกลเบา LMG กันบ้าง เพราะเห็นหลายคนบอกว่าปืนพวกนี้ฆ่าศัตรูยาก แต่มันมีวิธีการใช้งานอยู่ โปรดอดใจรอในบทความต่อไปนะ แล้วพบกัน! สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
05 Nov 2019
ไกด์เกม Call of Duty: Mobile ลูกซอง BY15 เข้าใกล้เมื่อไหร่ เตรียมใบสั่งตาย
หลังจากตัวเกม Call of Duty: Mobile เปิดให้บริการมาราวๆ หนึ่งเดือนได้แล้ว ก็ได้มีการอัพเดตตัวเกมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่หลายคนรอคอยอย่าง Captain Price หรือจะเป็นกิจกรรม Halloween ที่ให้เราเล่นเพื่อแลกกับของตอบแทนมากมาย ซึ่งหากใครพลาดบอกเลยจะต้องเสียใจมากๆ อย่างแน่นอน ฉะนั้นก็แนะะนำเล่นกิจกรรมเก็บของกันให้ครบล่ะ สำหรับบทความนี้ ทาง GameFever TH จะขอแนะนำไกด์เจาะลึกลูกซองกัน ซึ่งบอกเลยว่าลูกซองตัวนี้มีประวัติยาวนาน แถมในเกม Call of Duty: Mobile จัดได้ว่าหากอยู่ในมือคนที่กล้า บ้าบิ่น ระดับหนึ่งถึงคู่ควรกับปืนลูกซองกระบอกนี้ ซึ่งมันมีชื่อว่า BY15 นั้นเอง ต้องขอบอกเลยว่าจัดว่าแจ่ม เรามาดูกันดีกว่าว่ามันจะดีแค่ไหนกัน ================================================== BY15 ปืนนี้มีความหลังที่ไม่ธรรมดา เจ้าปืนลูกซอง BY15 นี้เป็นปืนสมมุติ ซึ่งมีต้นแบบมาจากปืนลูกซอง Winchester Model 1200 ซึ่งเป็นลูกซองที่ทำงานโดยระบบแบบโยนลำหรือ Pump Action ยิงทีละนัดชักด้วยมือ ถูกออกแบบขึ้นในปี ค.ศ 1964 และได้เข้าสายการผลิตในปี ค.ศ 1965 โดยได้ไปเตะตาเข้ากับกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งได้สนใจและนำเข้าประจำการในปี ค.ศ 1968 มีปรับแต่งเพิ่มเติมให้สามารถติดดาบปลายปืนแบบ M1917 Bayonet เพื่อกองทัพบกโดยเฉพาะ และเจ้าปืนลูกซองนี้ก็ถูกใช้ครั้งแรกในช่วงปลายสงครามเวียดนาม และะสร้างชื่อเสียงเรื่องความน่าเชื่อถือและความทนทานของมันเป็นเลิศมากๆ โดยอะไรก็ไม่เป็นไรยิงได้สบายๆ ปัจจุบันแม้ว่าจะเลิกผลิตไปแล้ว แต่ก็ยังคงประจำการในกรมตำรวจต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ เพื่อใช้ในการปราบปรามผู้ร้ายนั้นเอง ส่วนเจ้าปืนลูกซองนี้ได้มาโผล่ในซีรี่ส์เกม Call of Duty ครั้งแรกในภาค Modern Warfare ภาคแรกโดยใช้ชื่อว่า W1200 และก็ยังมีให้ใช้ในภาคสองแต่ภาคสามได้ถูกตัดออกไป จนกระทั่งได้โผล่ในภาค Remastered และสุดท้ายก็มีให้ใช้ใน Call of Duty: Mobile โดยมีการเปลี่ยนรูปทรงเล็กน้อยและใช้ชื่อว่า BY15 ค่า Status และขีดความสามารถของปืน BY15 เจ้าปืน BY15 กระบอกนี้จะสามารถใช้งานได้เมื่อผู้เล่นมีเลเวลถึงเลเวล 15 ก็จะสามารถปลดล็อคใช้งานได้โดยไม่ต้องใช้เวลาเล่นนานในการปลดล็อค ส่วนรายละเอียดด้าน Status มีดังนี้ ดาเมจ: 85 หน่วย – พลังการทำลายนับว่าสูงลิ่ว ในระยะต่ำกว่า 3 เมตรหากโดนเข้าเต็มๆ สามารถสั่งตายได้ภายในนัดเดียวเลยล่ะ ความแม่นยำ: 80 หน่วย – ค่าความแม่นยำนี้บอกเลยว่าหวังผลได้ในระยะใกล้และกลุ่มกระสุนไม่ค่อยกระจาย จึงสามารถพอยิงตอบโต้จากระยะไม่เกิน 8 เมตรได้อยู่บ้าง ระยะการยิง: 30 หน่วย – ถือเป็นปกติของปืนลูกซองที่ระยะการยิงสั้นมากๆ ฉะนั้นอย่าไปคาดหวังกับการยิงระยะกลางหรือไกลเลย อัตราการยิง: 20 หน่วย – เนื่องด้วยปืนลูกซองนี้เป็นการยิงแบบโยนลำหรือ Pump Action ยิงทีละนัด ทำให้ความต่อเนื่องนั้นน้อยมาก แต่แลกกับความแรงแล้วก็ถือว่าสมเหตุสมผล การเคลื่อนที่: 75 หน่วย – บอกเลยว่าปืนนี้มีน้ำหนักเบา แบกวิ่งไปยิงก็พลิ้วพอๆ กับพวกปืนกลมือหรือ SMGs เลยล่ะ กระสุน: 8 นัด/หลอดบรรจุ – จำนวนกระสุนนี้ถือว่าเยอะและหากวิ่งยิงแจกนัดละศพได้ เท่ากับว่าได้สังหารศัตรูทีเดียว 8 คนในหลอดบรรจุ แต่การโหลดกระสุนนั้นทำได้ช้าเพราะต้องยัดกระสุนเข้าไปในหลอดบรรจุทีละนัดนั้นเอง เมื่อเราเอาปืน BY15 แบบเดิมๆ ไม่ได้แต่งอะไรเพิ่มไปหา Pattern Recoil ก็พบว่าการยิงแบบ Hip Fire ในระยะ 3 เมตรนั้น กลุ่มกระสุนเกาะกันแน่นมาก หากศัตรูอยู่ในระยะนั้นยังไงก็ลงไปนอนภายในนัดเดียวโดยไม่ต้องหันไปดูศพว่าจะลุกขึ้นมายิงสวนเราให้กังวลใจ และลองขยับตัวออกห่าง ยิงแบบ Hip Fire ในระยะ 5 เมตร ก็พบว่ากระสุนเริ่มกระจายออกแต่กลุ่มกระสุนยิงเกาะค่อนข้างดี ซึ่งสามารถยิงศัตรุให้ตายภายในนัดเดียวได้เช่นกัน แต่ต้องโดนกลุ่มกระสุนนี้เข้าเต็มๆ ทั้งหมดซึ่งโอกาสก็ 50/50 เพราะศัตรูคงไม่ได้ยืนให้เรายิงเป็นเป้าซ้อมแน่ๆ แต่หากโดนยิงไม่ตาย เลือดศัตรูก็เหลือก้นหลอดแน่ๆ ฉะนั้นจงซ้ำมันให้ตายเสีย เมื่อเราลองแบบเล็งยิง ก็พบว่า แทบไม่มีความแตกต่างกับแบบการยิง Hip Fire เพราะกลุ่มกระสุนก็เกาะพอๆ กัน แถมเวลาเล็งยิงก็จะเสียความคล่องตัวไปเยอะมาก ฉะนั้นปืนลูกซองเน้นการยิงแบบ Hip Fire ไม่ต้องเล็งจะดีที่สุด หรือหากจะเล็งยิง แนะนำให้แอบตามมุมตึก ตามตรอกซอกซอยแคบๆ เพื่อดักยิงในระยะประชิดก็ถือว่าดีเช่นกัน เมื่อเราปืนนี้มาทองลองยิงกับศัตรูก็จะเห็นกันได้ชัดๆ เลยว่า ระยะต่ำกว่า 3 เมตรยังไงก็ตายแน่ๆ แต่ 4-5 เมตรก็มีโอกาสตายภายในนัดเดียวเช่นกัน แต่ต้องโดนเต็มๆ ลากนิ้วให้มาตรงกลางเป้าหมายเท่านั้น แต่หากยิงจากศัตรูในระยะ 6-8 เมตร ก็เป็นการยากที่จะสังหารศัตรูในนัดเดียว แต่โดนทีก็เอาเลือดเหลือก้นหลอดอย่างที่เห็นในภาพ ซึ่งหากพลิ้วไหวพอระหว่างโยนลำลูกซองให้พร้อมยิงนัดต่อไปล่ะก็ สามารถใช้ปืนนี้ซ้ำศัตรูไปอีกรอบก็ได้ ยังไงก็ตายแน่นอน แต่หากยิงไกลกว่านั้น ดาเมจจะหายไปมาก และกลุ่มกระสุนก็กระจายแทบหวังผลอะไรไม่ได้ อันนี้คือกรณีที่เรายิงในระยะ 5 เมตร เป้าไม่โดนศัตรูเต็มๆ และมีที่กำบัง ก็ทำให้ดาเมจที่ได้ลดลงมา แต่สังเกตุว่า เลือดศัตรูก็เกือบหมดหลอดด้วยเช่นกัน ฉะนัน้นพยายามยิงให้โดนเต็มๆ ดีกว่าต้องซ้ำนัดที่สองเพราะความต่อเนื่องนั้นไม่ค่อยมีต้องชักยิงทีละนัดซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ทำให้เราโดนสวนได้ในจังหวะนั้น Attachment แจ่มๆ ของ BY15 ที่ต้องติดไว้ ในเรื่อง Attachment ของปืน BY15 นั้นขอให้จำขึ้นใจว่ามันคือปืนแบบโยนลำ ยิงชักทีละนัด ฉะนั้นจำเป็นต้องเน้นอุปกรณ์เสริมที่ช่วยทำให้กระสุนแต่ละนัดสามารถสังหารศัตรูได้ทันทีโดยไม่ต้องซ้ำหรือพยายามลดการกระจายกระสุนเพื่อให้สังหารง่ายๆ ลดโอกาสที่เราต้องยิงซ้ำให้น้อยที่สุด ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ Attachment ตัวแรกที่จะแนะนำเลยคือ Laser Sight-SG เพราะจะทำให้เรายิงแบบ Hip Fire ได้แม่นยำขึ้นและเวลาวิ่งยิงเป้าจะบานน้อยลงอีกด้วย โฟกัสง่ายขึ้น ที่สำคัญ ทำให้กลุ่มกระสุนเกาะกันแน่นขึ้นอีกเล็กน้อย Attachment ตัวต่อมาที่แนะนำคือ Long Barrel-SG เหตุผลที่แนะนำตัวนี้เพราะว่าปืนลูกซองมีระยะการยิงที่สั้นมากและเมื่อห่างออกไปเกิน 5 เมตร ดาเมจก็จะหายไปอย่างมาก ฉะนั้นการติดตั้งเจ้าตัวนี้ จะทำให้เพิ่มโอกาสหวังผลในการฆ่าศัตรูจากระยะ 5-8 เมตรได้มากยิ่งขึ้นเพราะดาเมจจะไม่ค่อยหายตามระยะทางนี้ Attachment ตัวสุดท้ายที่จะขอแนะนำคือ Fast Mag-SG เพราะเนื่องจากว่าการรีโหลดของปืนลูกซอง BY จะเป็นการบรรจุเข้าหลอดแบบทีละนัด ซึ่งมันช้ามาก การมีสิ่งนี้จะทำให้มือยัดเข้าหลอดบรรจุไวขึ้น อย่าลืมว่าเรากระสุนหมดเมื่อไหร่ คือช่วงอันตรายที่เราไร้ทางป้องกันตัว การรีโหลดไวขึ้นก็จะมาช่วยอุดจุดบอดตรงนี้ได้อย่างดี Perks แบบไหน เหมาะกับ BY15 ในเรื่อง Perks Set ที่เหมาะกับปืนลูกซองกระบอกนี้ ขอบอกเลยว่าผู้เล่นต้องมีความกล้า บ้าบิ่น วิ่งเข้าไปบวกแบบหัวหมู่ทะลวงฟัน เพราะลูกซองจะใช้งานได้ดีเมื่อเข้าใกล้ ฉะนั้น Perks Set ที่เหมาะสมที่สุดควรเป็น Perk ที่ทำให้ตัวเองเข้าถึงจุดยุทธศาสตร์สำคัญได้ไวกว่าคนอื่น และก็ต้องรู้ตำแหน่งศัตรูรอบตัวเราเพื่อจัดการใครก็ตามที่ผ่านทางปืน โดย Set ที่จัดไว้ให้แบบเวิร์คที่สุดมีดังนี้ Perk ตัวแรกที่จะแนะนำเลยก็คือ Lightweight ซึ่งทำให้เราเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น 10% และตกจากที่สูงก็ไม่บาดเจ็บ บอกเลยว่า Perk นี้สำคัญมากสำหรับปืนลูกซองที่ต้องการความเร็วและความพลิ้วในการเข้าถึงศัตรูหรือจุดสำคัญๆ ที่จะช่วยสร้างความได้เปรียบในช่วงต้นเกม Perk ตัวต่อมาก็สำคัญไม่แพ้กันเลยก็คือ Ghost ที่จะทำให้เราไม่ถูกตรวจจับโดย UAV ช่วยทำให้เราอำพรางตำแหน่งศัตรูเวลาดักยิงตามมุมแบบเนียนๆ ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าใครจะหาเราเจอ Perk ตัวสุดท้ายที่แนะนำเลยคือ Alert และเหมาะมากสำหรับคนใส่หูฟังเล่นเกมนี้ เพราะจะทำให้เราได้ยินเสียงฝีเท้าศัตรูดังมากขึ้น ข้อมูลนั้นสำคัญในสนามรบสุดๆ มันทำให้เราตื่นตัวและรับรู้ว่าศัตรูจะมาทางไหนเพื่อใช้ปืนลูกซองนี้จัดการให้พวกมันเงียบและลงไปนอนกับพื้น ================================================== ทั้งหมดนี้คือไกด์เจาะลึกปืนลูกซอง BY15 ต้องขอบอกเลยว่าแม้จะยิงแล้วต้องชักทีละนัด แต่แลกด้วยความแรงแล้วก็นับว่าคุ้มค่า แต่ปืนนี้จัดว่าต้องมีทักษะในการเล่นและมีปฏิกิริยาตอบสนองไวระดับหนึ่งถึงสามารถใช้งานมันได้ดีที่สุด เนื่องจากข้อเสียร้ายแรงเลยก็คือความต่อเนื่องและระยะการยิง ถึงอย่างไรนั้นมันเป็นปืนสั่งตายเมื่อเข้าใกล้เป็นดั่งที่ว่าไว้จรืงๆ บทความต่อไปจะกล่าวถึงลูกซอง Striker กันบ้างแล้วจะเอามาเทียบกันว่า ปืนไหนจะเจ๋งกว่ากัน สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่  
01 Nov 2019
ไกด์ Call of Duty: Mobile ปืน M16 กับเจ้าของฉายา "3 นัดสั่งตาย"
หากจะพูดถึงปืนไรเฟิลจู่โจมที่มีดาเมจรุนแรงที่สุด ก็คงอาจจะนึกถึงปืน AK-47 ซึ่งมันน่ากลัวมากเมื่ออยู่ในระยะใกล้ แต่ก็ปืนไรเฟิลจู่โจมอีกกระบอกหนึ่งที่รุนแรงไม่แพ้กัน จนได้สมญานาม "3 นัดสั่งตาย" ซึ่งนั้นก็คือปืน M16 นั้นเอง! โดยเจ้าปืน M16 ในเกม Call of Duty: Mobile นี้จะมีความแปลกประหลาดในการใช้งานอยู่นิดหน่อย นั้นคือจะมีโหมดการยิงแบบ Burst หรือยิงเป็นชุดละ 3 นัดเท่านั้น และหากเรายิงโดนจุดสำคัญเต็มๆ ก็สามารถทำให้ศัตรูลงไปนอนด้วยการยิงแบบ Burst เพียงชุดเดียวอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ และทางเรา GameFever TH จะมาช่วยยืนยันว่าปืน M16 กระบอกนี้ยิงแรงและแม่นยำมากแค่ไหนกัน ================================================== เปิดตำนาน M16 คู่กัดตลอดกาลของ AK-47 ปืนไรเฟิลจู่โจม M16 เป็นปืนสัญชาติสหรัฐอเมริกา มีประวัติที่ยาวนานและโด่งดังไม่แพ้ปืน AK-47 โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากปืนไรเฟิล M14 ที่ทหารสหรัฐฯ ใช้ประจำการอยู่นั้นเริ่มมีปัญหาเรื่องน้ำหนัก,แรงถีบและปัญหาการใช้งานต่างๆ ที่ไม่ค่อยคล่องตัวนัก จึงเกิดโครงการจัดหาปืนไรเฟิลจู่โจมรุ่นใหม่ที่ใช้หัวกระสุนขนาดเล็กกว่าโดยยังคงความแม่นยำและพลังการทำลายล้างสูง ที่สำคัญต้องมีน้ำหนักเบา และปืน AR-15 ของ Armalite ตัวต้นแบบก็ได้เข้าตากองทัพในปี ค.ศ 1959 จนนำมาสู่การพัฒนาโครงการปืน XM16 และต่อมาก็ได้ใช้ชื่อ M16 ในที่สุด โดยปืน M16 ถูกประจำการครั้งแรกในปี ค.ศ 1964 จนมีการปรับปรุง พัฒนาต่อยอดไปเรื่อยๆ จนรุ่นล่าสุดได้ใช้ชื่อว่า M16A4 และยังคงใช้ในทหารนาวิกโยธินของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน สำหรับปืน M16 ได้ปรากฎตัวในเกม Call of Duty ภาคแรกเลยคือ Call of Duty 4: Modern Warfare โดยใช้รุ่น M16A4 ที่ยิงได้แบบ Burst 3 นัด และได้ปรากฎในภาค 2 และ 3 ด้วย ส่วนในภาค Call of Duty: Black Ops 1 และ 2 ก็ได้มีการใช้ปืนนี้เช่นกัน แต่จะเป็นรุ่น M16A1 ที่สามารถยิงแบบ Full Auto ได้ แต่พอมาเป็นภาค Black Ops 3 และ 4 ก็กลายเป็นรุ่น M16A2 ที่ยิงแบบ Burst 3 นัด ( แม้ทรงปืนจะเป็นแบบ A1 ก็ตาม ) ส่วนในเกม Call of Duty: Mobile นั้นปืน M16 ที่มีในเกมจะเป็นรุ่น M16A4 ซึ่งยิงได้แค่แบบ Burst 3 นัดเท่านั้น และเมื่อยิงครบ 3 นัดมันก็ไม่ได้ยิงต่อเนื่องแบบรวดเร็ว แต่หากยิงโดนเต็มๆ ขอเพียงแค่โดนยิงหัวจากหนึ่งในสามนัด ก็สามารถสังหารศัตรูได้ภายในการยิงชุดเดียว จึงไม่แปลกใจหากอยู่ในมือผู้เล่นเก่งๆ จะกลายเป็นปืนที่น่ากลัวอีกกระบอกหนึ่ง ค่า Status และขีดความสามารถของปืน M16 ตัวปืน M16 ผู้เล่นสามารถปลดล็อคได้เมื่อเลเวลถึงเลเวล 46 โดยจะได้เป็นลาย Evil Clown ที่มีความสามารถพิเศษเคลื่อนที่เร็วขึ้นเล็กน้อยเมื่อเกิดใหม่เป็นเวลาสั้นๆ และบางคนก็อาจจะได้ลองใช้เจ้าปืนกระบอกนี้จากการได้รางวัลลงทะเบียนล่วงหน้าแบบจำกัดเวลา ซึ่งบอกเลยว่าเห็น Status แบบนี้แต่โหดใช้ได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้ ดาเมจ: 65 หน่วย – พลังการทำลายค่อนข้างสูง สามารถยิงศัตรูให้ตายได้แน่นอนภายในหนึ่งหรือสองชุดการยิง ความแม่นยำ: 60 หน่วย – สำหรับกระบอกนี้บอกเลยว่ามีความแม่นยำสูง เล็งตรงไหนเข้าตรงนั้นอย่างแน่นอน ระยะการยิง: 60 หน่วย – ทั้งดาเมจและระยะการยิงขนาดนี้ หมดกังวลเรื่องการยิงระยะไกลแล้วดาเมจตกไปได้เลย อัตราการยิง: 45 หน่วย – อัตราการยิงนั้นจัดอยู่ในระดับที่ต่ำ ยิงไม่ต่อเนื่อง แต่ตอนยิง Burst แต่ละชุด จะไวกว่านี้มาก การเคลื่อนที่: 60 หน่วย – ถือว่ามาตรฐานสำหรับปืนไรเฟิลจู่โจม แม้จะดูอืดอาดแต่ใช่ว่าจะไม่คล่องตัวเลย กระสุน: 30 นัด/แมกกาซีน – แน่นอนว่าปืนนี้ยิงแบบ Burst 3 นัด เท่ากับว่าหนึ่งแมกกาซีนเราสามารถยิงได้ 10 ครั้ง เมื่อเอาปืน M16 มาเปรียบเทียบกับปืนคู่กัดตลอดกาลอย่าง AK-47 ก็จะเห็นได้เลยว่าดาเมจ, ระยะการยิงและอัตราการลั่นกระสุนนั้นอาจจะเสียเปรียบนิดหน่อย แต่ความแม่นยำนั้น M16 กินขาดอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อเอามาเทียบกับปืนรุ่นน้องผู้แสนดีอย่าง M4 แล้ว แม้ค่าความแม่นยำของปืน M16 จะต่ำกว่าเล็กน้อย แต่พอเอามายิงจริงๆ M16 นั้นแม่นยำกว่ามากหากเทียบแบบนัดต่อนัด แต่ก็อย่าลืมว่าปืน M4 นั้นสามารถยิงแบบ Full Auto ได้อาจไว้ใจได้มากกว่าแม้ดาเมจจะเบากว่ามากก็ตาม เว้นเสียแต่ผู้เล่นที่ใช้ปืน M16 จะยิงได้คมและแม่นกว่า เมื่อเรานำเจ้าปืน M16 ไปทดสอบการยิงหา Pattern Recoil ก็จะเห็นว่ากลุ่มกระสุนจะเป็นการดีดขึ้นตรงๆ ไม่ค่อยมีการเบี่ยงซ้ายขวา ทำให้ปืนนี้มีความแม่นยำมาก ส่วนแรงดีดถือว่าไม่ค่อยดีดเท่าไหร่นัก สามารถกดลั่นหนึ่งชุดปล่อยให้ดีดเข้าหัวศัตรูก็สามารถทำได้หากเข้าวิถีปืนของเรา อย่าลืมว่าปืนนี้ยิงแบบ Burst เป็นชุดซึ่งอัตราการยิงต่อเนื่องทั้ง 3 นัดนั้นค่อนข้างเร็วมาก แต่เมื่อยิงออกไปหนึ่งชุดแล้วจะมีช่วงเวลาดีเลย์ประมาณครึ่งวินาทีก่อนทำการยิงชุดต่อไป ทำให้ปืนนี้มีจุดอ่อนชัดเจน จึงต้องอาศัยความแม่นยำของผู้เล่นระดับหนึ่ง หากใช้จนชำนาญแล้ว บอกเลยว่าสามารถยิงต่อสู้ได้ทั้งระยะใกล้ กลางและไกลได้ดีโดยเฉพาะระยะกลางบอกเลยว่าน่ากลัวสุดๆ กดปืนลงต่ำสักนิดเวลายิงรับรองโดนทุกนัด ส่วนเทคนิคการใช้ปืน M16 นั้นง่ายแต่ปฏิบัติจริงอาจจะยากสักนิด นั้นก็คือการใช้ความแม่นยำของผู้เล่นแล้วยิงหนึ่งชุดออกไป ให้กระสุนหนึ่งในสาม "ยิงโดนหัวศัตรู" ก็จะสามารถฆ่าศัตรูได้ด้วยเพียงการยิงชุดเดียว มันน่ากลัวที่ว่าในระยะใกล้หากเราสามารถทำได้ ศัตรูที่ใช้ปืน SMGs อาจจะยังผวา ฉะนั้นหากเจอศัตรูระยะใกล้ ให้เล็งปืนในระดับหนึ่งอกขึ้นไป รับรองยังไงก็ดีดเข้าหัวแน่ๆ เพราะปืนนี้มีความแม่นยำและวิถีกระสุนก็ดีดขึ้นแบบตรงๆ อยู่แล้ว ส่วนการยิงจากระยะกลางและไกล การยิงใส่ให้โดนหัวอาจจะทำได้ยาก ฉะนั้นพยายามใช้นิ้วกดแรงถีบปืนเสียเล็กน้อยหรือพยายามเล็งไปที่ช่วงกลางลำตัวก็ได้ ใช้ความแม่นยำให้เป็นประโยชน์ยิงสนับสนุนให้กับเพื่อนในแนวหน้า หากโดนที่ลำตัวเต็มๆ ก็สามารถสังหารได้ภายในการยิงเพียงสองชุดหรือหกนัดเท่านั้น แต่หากเราแม่นพอยิงโดนหัวก็อาจจะสามารถสังหารศัตรูในการยิงเพียงชุดเดียวด้วยเช่นกัน Attachment 2 สไตล์ที่ควรคู่กับ M16 เนื่องจากปืน M16 มีความยืดหยุ่นทั้งความแม่นยำ, ดาเมจและอัตราการยิงแบบ Burst 3 นัดที่สูง ทำให้สามารถเล่นได้ทั้งสไตล์ยิงสนับสนุนให้กับทีมหรือจะวิ่งลุยแนวหน้าโชว์โหดก็ทำได้ แต่เพียงแค่จะต้องมีความชำนาญระดับหนึ่งถึงดึงประสิทธิภาพของปืนนี้ได้ออกมามากที่สุด ฉะนั้นจึงขอทำ Attachment ไว้สองรูปแบบ โดยจะเน้นรูปแบบแรกคือสไตล์เน้นยิงสนับสนุนให้กับทีมเป็นหลักก่อน สไตล์การเน้นสนับสนุนทีมคือเราต้องเน้นฆ่าหรือสร้างความเสียหายให้กับศัตรูจากระยะกลางหรือไกล โดยเน้นซุ่มโจมตีตามมุม, ตามอาคารต่างๆ หรือตามที่สูง การเล่นจะคล้ายๆ กับการใช้ปืนซุ่มยิง แต่จะต่างกันทีเมื่อเพื่อบุกถึงเป้าหมายเช่น ยึดพื้นที่หรือเลือกที่วางระเบิดได้แล้ว ก็ต้องเคลื่อนที่ตาม หาตำแหน่งซุ่มยิงที่ใกล้ที่สุดเนื่องจากปืน M16 อาจจะไม่สามารถฆ่าให้ตายด้วยเพียงชุดเดียวในกรณีที่ยิงไม่โดนเต็มๆ สามนัดและระยะการยิงก็ไม่ได้สูงเท่าพวกปืนซุ่มยิงอยู่แล้ว ฉะนั้นจงเล่นแบบอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ไม่ห่างเกินไปจะดีที่สุด เรื่องกล้องเล็งสำหรับสไตล์สนับสนุนแบบนี้ ก็ต้องเป็น Tactical Scope-AR อยู่แล้ว นอกจากให้กำลังการซูมแบบ X2 ก็ยังทำให้เราโฟกัสศัตรูจากระยะกลางและไกลได้ง่ายขึ้น เล็งเข้าหัวง่ายขึ้นด้วย Attachment ตัวแรกที่จะแนะนำให้ติดเลยคือ Quickdraw-AR เพราะจะช่วยทำให้เราเล็งยิงได้ไวขึ้นในกรณีที่ศัตรูเข้าประชิดตัวเราได้ หรือใช้กรณีศัตรูโถมเข้ามาแล้วจำเป็นต้องรีบยิงศัตรูตัวนั้นก่อน อย่างน้อยเราอาจจะยิงทันศัตรูและสังหารในเวลาคับขันได้ด้วยเช่นกัน แต่หากรู้สึกว่า Quickdraw ไม่จำเป็นเนื่องจากเราเน้นซุ่มยิงอยู่แล้ว ก็สามารถใช้ Suppressor-AR แทนได้ เพราะนอกจากจะทำให้เสียงปืนนั้นเบาลง เราก็จะไม่โชว์ใน Minimap เมื่อทำการยิง เป็นการอำพรางตำแหน่งของเราไปในตัวด้วย แต่ก็แลกกับระยะการยิงที่ลดลงไปถึง 10 หน่วยเช่นกกัน Attachment ตัวที่สองที่แนะนำเลยก็คือ FMJ-AR ทำให้เรายิงกดดันศัตรูที่แอบซ่อนหลังกำแพงได้เป็นอย่างดี เพราะการปะทะจากระยะกลางหรือไกล ศัตรูอาจจะยิงสู้เราไม่ได้แล้วแอบหลังกำแพงเพื่อฟื้นฟูพลังชีวิต เราก็ใช้สิ่งนี้ยิงทะลุกำแพงไม่ให้ศัตรูมีชีวิตรอดต่อไปได้ และ Attachment อันสุดท้ายที่แนะนำเลยก็คือ Foregrip-AR เพราะเมื่อต้องทำการยิงจากระยะกลางหรือไกล ความแม่นยำคือสิ่งสำคัญที่สุด จะทำให้แรงดีดของปืนลดลง แน่นอนว่าเราก็สามารถควบคุมการยิงให้เข้าเป้าได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เผลอๆ ยิงหัวง่ายขึ้นด้วย ส่วนสไตล์ที่สองที่สามารถเล่นกับปืน M16 ได้คือสายวิ่งยิงแนวหน้า โชว์โหดสังหารศัตรูแบบหล่อๆ ซึ่งสไตล์นี้ต้องใช้ทักษะและความแม่นยำที่สูง รวมถึงปฏิกิริยาที่ไวแถมต้องมั่นใจพอว่าจะสามารถสังหารศัตรูจากระยะใกล้และกลางภายในหนึ่งหรือสองชุด ไม่เช่นนั้นเราจะกลายเป็นไก่เสียเอง โดยสไตล์นี้จะต้องเน้นความคล่องตัวและการตอบโต้ที่รวดเร็วเป็นหลัก ที่สำคัญคือต้องฝึกเล็งให้ยิงระดับเหนืออกขึ้นไปจนเคยชิน รับรองสั่งตายภายในชุดเดียวแน่นอน โดยกล้องเล็งที่แนะนำสำหรับสไตล์ขาลุยแบบนี้ ต้องเป็น Red Dot Sight เท่านั้นเพราะปืนนี้มีความแม่นยำมากอยู่แล้ว จึงเหมาะกับการใช้เป้าเล็งที่มีแค่จุดตรงกลางอย่างเดียว ช่วยทำให้เล็งใส่ศัตรูได้ง่ายขึ้นนั้นเอง สำหรับ Attachment ตัวแรกที่จะแนะนำเลยก็คือ Stock-AR เพราะจะช่วยเพิ่มความพริ้วไหวขณะเล็งยิงเมื่อเวลาต้องปะทะกับศัตรูซึ่งๆ หน้า และลดโอกาสถูกยิงแบบเต็มๆ อีกด้วย Attachment อันต่อมาที่แนะนำเลยคือ Quickdraw-AR ซึ่งมันจำเป็นมากเวลาเข้าปะทะกับศัตรู หากเราเล็งได้ไวกว่าแล้ว โอกาสที่จะฆ่าได้ก็มีสูง และหากเราแม่นยำพอแล้วล่ะก็ ต่อให้ศัตรูถือปืน SMGs โหดๆ ก็ยังสู้กกับปืน M16 ยากเลย Attachment อันที่สามที่จะแนะนำก็คือ Foregrip-AR แม้ว่าในระยะใกล้อาจจะไม่มีความจำเป็น แต่หากมองอีกแง่หนึ่ง การลดแรงดีดก็ทำให้เราสามารถเล็งและยิงไปในตำแหน่งที่ต้องการง่ายขึ้น ฉะนั้นการลดแรงดีดเท่ากับเราเล็งไปที่ตำแหน่งเหนืออกหรือหัวตรงๆ ได้เลยหากแม่นยำพอ เป็นการเสริมความน่ากลัวในระยะใกล้ด้วย Perks 2 แบบ 2 สไตล์ เลือกให้ตรงสาย สำหรับสไตล์แรก สายการยิงเพื่อสนับสนุนทีม จะต้องเน้น Perks Set ที่สามารถทำ Scorestreak ได้แบบไม่ขาดตอนเพื่อใช้การสนับสนุนทางอากาศช่วยเหลือทีมและซ่อนเร้นอำพรางจุดซุ่มยิงของเราไปในตัว โดยมีเซ็ตที่น่าสนใจดังนี้ Perk ตัวแรกที่จะแนะนำเลยก็คือ Persistence ที่จะทำให้ Scorestreak ไม่ถูกรีเซ็ตเมื่อตายแต่ก็ต้องแลกกับการเก็บแต้มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ซึ่งเอาจริงๆ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะเน้นไม่เน้นเอาตัวเองเข้าปะทะ โอกาสการตายก็ต่ำอยู่แล้ว เน้นสร้างความเสียหายหรือฆ่าศัตรู สะสมแต้มไปเรื่อยๆ ก็พอแล้ว Perk ตัวที่สองที่แนะนำเลยก็คือ Ghost ที่จะทำให้ UAV และอุปกรณ์การตรวจจับของศัตรู ไม่สามารถจับตำแหน่งเราบน Minimap ได้ ช่วยในการพรางตำแหน่งยิงของเราได้เป็นอย่างดี Perk ตัวที่สามที่แนะนำเลยคือ Hardline ที่จะเพิ่มแต้ม Scorestreak มากถึง 25% แม้ว่าจะเป็นการสังหารหรือช่วยเหลือต่างๆ ก็จะเป็นผลดีกับเราอย่างมาก อีกทั้งยังเป็นการลดข้อเสียของ Perk Persistence อีกด้วย ส่วนสไตล์สายบู้แหลกในแนวหน้า จะต้องเน้น Perks Set ที่ทำให้เราปลอดภัยจากวัตถุระเบิดต่างๆ รวมถึงทำให้เราตอบโต้ศัตรูได้รวดเร็วขึ้น โดยมีเซ็ตที่แนะนำดังนี้ Perk ตัวแรกที่แนะนำก็ไม่พ้น Perk สามัญประจำบ้านอย่าง Agile ที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการเล็งยิงขณะวิ่งถึง 85% ลองนึกภาพดูว่าเราวิ่งถือปืน M16 แล้วใช้ Perk ตัวนี้ จะทำให้เรายิงได้ไวกว่าศัตรูโดยหมดกังวลว่ายิงชุดแรกจะไม่ตาย ก็ยังพอมีเวลายิงซ้ำในชุดที่สองได้ ยังไงซะเราก็ถือคติที่ว่าใส่ก่อนได้เปรียบอยู่แล้ว Perk ตัวที่สองที่จะแนะนำเลยก็คือ Hard Wired เพราะจะทำให้ตัวเราไม่โดนผลจาก Counter-UAV, EMP Grenade หรือแม้กระทั่งกับดักของศัตรูก็จะไม่ทำงานเมื่อเราวิ่งผ่าน ทำให้เราปลอดภัยจากกับดักทั้งหลายทั้งปวงได้โดยไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังให้เสียเวลา Perk ตัวที่สามที่อยากแนะนำเลยก็คือ Engineer แม้ว่าเราจะติด Perk Hard Wired แต่บางทีเพื่อนก็ไม่ได้ใช้เหมือนกับเรา การที่เราได้เห็นกับดักศัตรูหรืออุปกรณ์ของศัตรูนั้น ทำให้เราสามารถเตือนหรือบอกกับเพื่อนในทีมหรือแม้กระทั่งช่วยเคลียร์กับดักให้เพื่อนก็ดีไม่ใช่น้อย ================================================== และนี่คือการเจาะลึกทั้งหมดของปืน M16 ซึ่งข้อดีของมันก็เห็นได้ชัดเจนเลยคือ ยิงแม่นและแรงมาก ยิงต่อสู้ได้ทุกระยะ สามารถสังหารศัตรูภายในชุดเดียวเมื่อกระสุนหนึ่งในสามนัดยิงเข้าหัว แต่หากไม่โดนหัวก็ต้องสังหารศัตรูภายในสองชุดซึ่งชัวร์ที่สุด แต่ด้วยการยิงแบบเป็นชุด Burst 3 นัดนี้ ทำให้ความต่อเนื่องไม่มีและเป็นช่องว่างให้ศัตรูยิงสวนได้หากเรายิงไม่แม่นพอ กลายเป็นว่าปืน M16 ใช้งานค่อนข้างยากแต่หากใช้งานจนคล่อง บอกเลยว่านี่คือปีศาจสามนัดสั่งตายสมคำร่ำลือจริงๆ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
24 Oct 2019
ไกด์ Call of Duty: Mobile ปืน DL Q33 สไนเปอร์ฉายา หนึ่งนัด, หนึ่งศพ
One Shot, One Kill หรือแปลไทยก็คือ หนึ่งนัด, หนึ่งศพ เป็นวลีและคำพูดที่โผล่ไปอยู่ในหลายๆ เกมโดยเฉพาะเกมแนว Shooting ทั้งหลาย แต่สิ่งที่ทำให้คนรู้จักวลีนี้เป็นอย่างกว้างขวางนั้นก็มีจากซีรี่ส์เกม Call of Duty โดยเมื่อเราใช้ปืนไรเฟิลซุ่มยิงหรือ Sniper Rifle สังหารได้ก็จะขึ้น Icon เป็นรูปเป้าคนถูกยิงพร้อมประโยคสุดเท่ที่กล่าวไว้ข้างต้นและมันก็ได้กลายเป็นทำเนียมที่ถูกใช้ในแต่ละภาคเรื่อยมาในโหมด Multiplayer จนถึง Call of Duty: Mobile ในปัจจุบัน  ในวันนี้ทางเรา  GameFever TH จะมาเจาะลึกปืนเจ้าของฉายา หนึ่งนัด, หนึ่งศพอย่างปืน DL Q33 ซึ่งได้มาตั้งแต่ช่วงต้นเกม มาดูกันอย่างลึกซึ่งว่า ทั้งค่า Status, การปรับแต่ง Attachment, การเปรียบเทียบต่างๆ นั้นมันมีความพิเศษอย่างไรบ้าง ================================================== ความเป็นมาของเจ้ายมทูตสังหาร ยิงหัวบานในนัดเดียว ปืนไรเฟิลซุ่มยิง DL Q33 เป็นปืนสมมุติที่มีต้นแบบมาจากปืนไรเฟิลซุ่มยิง "CheyTac Intervention" ซึ่งไอ้ปืนกระบอกนี้ปรากฎในซีรี่ส์เกม Call of Duty ครั้งแรกเลยก็คือภาค Modern Warfare 2 ,ภาค Call of Duty Online และภาค Modern Warfare Remastered จากนั้นก็ไปปรากฎตัวอีกครั้งในภาค Infinite Warfare โดยใช้ชื่อใหม่ว่า TF141 และล่าสุดก็โผล่มาใน Call of Duty: Mobile โดยมีการดัดแปลงรูปทรงปืนจนเกือบจะเหมือนเป็นปืนใหม่ พร้อมตั้งชื่อปืนใหม่ให้ว่า DL Q33 ในอย่างที่เราเห็นในเกมนั้นแหละ ตัว CheyTac Intervention ของจริงนั้น ใช้กระสุนขนาด .357 Chey Tac และขนาด .408 Chey Tac บรรจุได้ทั้งแบบ 5 นัด และ 7 นัด เนื่องจากด้วยความเท่และความที่หน้าตาของมันแแปลกประหลาดแล้ว มันก็เป็นปืนซุ่มยิงที่ถูกจับเอามาทำ meme มากที่สุดในช่วงที่เกม Call of Duty: Modern Warfare 2 กำลังฮิตในช่วงนั้นเลยล่ะ...หากใครทัน meme 360 no scope อ่ะนะ ค่า Status และขีดความสามารถของปืน DL Q33 ตัวกระบอกปืนของ DL Q33 จะได้ใช้มันเมื่อเลเวลผู้เล่นตั้งแต่เลเวล 1 นั้นหมายความว่า ฝึก Training เสร็จก็ได้ใช้มันฟรีๆ ไปเลย และในด้าน Status จุดเด่นที่เห็นเลยคือ ระยะการยิที่สูงมากจนน่าตกใจ โดยรายละเอียดมีดังนี้ ดาเมจ: 90 หน่วย - พลังการทำลายล้างสูงมาก มากเสียจนสามารถสังหารได้ในนัดเดียวในระดับเหนืออกขึ้นไป ความแม่นยำ: 60 หน่วย - ความแม่นยำอยู่ในระดับค่อนข้างสูงมากเมื่อเล็งยิงอยู่กับที่ ระยะการยิง: 90 หน่วย - นี่เป็นอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญที่ทำให้ปืนนี้สังหารศัตรูจากระยะไกลได้โดยดาเมจไม่ลด อัตราการยิง: 15 หน่วย - ในด้านนี้ไม่ต้องพูดเยอะ เพราะเป็นการยิงแบบ Bolt Action มันเลยช้ามาก การเคลื่อนที่: 45 หน่วย - ปืนนี้ค่อนข้างหนัก เคลื่อนที่ช้าเอาเรื่อย แต่ก็ไม่ค่อยเป็นปัญหามากนัก กระสุน: 6 นัด/แมกกาซีน - หากแม่นจริงยิงแจกศัตรู 6 ตัวก็เหลือแล้ว แม้จะรีโหลดช้าตั้ง 3 วินาทีก็ตาม ปืนนี้เมื่อทำการเล็งยิง เป็นอะไรที่ค่อนข้างช้ามาก ใช้เวลาเล็งขึ้นกล้องอยู่ราวๆ เกือบ 1 วินาที โดยกล้องเล็งเดิมๆ ของมันมีระยะการซูมอยู่ที่ X4 ซึ่งกำลังการขยายสูงมาก มันเป็นข้อดีที่ทำให้เราโฟกัสศัตรูได้ง่ายผสมกับข้อเสียที่หากศัตรุอยู่ใกล้เกินไปก็เล็งไม่ถูกเหมือนกัน และเมื่อเล็งค้า่งไว้ เป้าจะเกิดการสวิงไปมาเป็น Pattern คล้ายๆ รูปเลข 8 ในแนวนอน ฉะนั้นการที่เราจะรีความสามารถของปืน DL Q33 ได้ดีที่สุดคือ กะด้วยสายตาก่อนเล็ง เพ่งไปกึ่งกลางศัตรู ให้อยู่ในระหว่างเป้าจากนั้นก็เล็ง เมื่อเล็งแล้วขอให้เล็งในระดับเหนืออกขึ้นไป จากนั้นก็... "TAKE-GO-BOOM!" รับรองมีศพโดยไม่ได้ร้องสักแอะแน่นอน ยิงเพื่อทีมหรือยิงเพื่อเท่ อยู่ที่ Attachment แม้ว่าปืนไรเฟิลซุ่มยิง DL Q33 จะดูเหมือนว่าเล่นพลิกแพลงอะไรไม่ค่อยได้ แต่จริงๆ ปืนนี้แหละตัวดี สามารถเล่นได้สองสไตล์ สองรูปแบบเลยก็คือ สไตล์ "ยิงเพื่อทีม" เน้นยิงไกล ยิงชัวร์ เน้นเก็บ Scorestreak เพื่อทีมในที่กำบัง กับ "ยิงเพื่อเทพ" ยิงพร้อมกับเพื่อนในแนวหน้า โชว์ความแม่นแบบ Quick Scope วัดกับศัตรูแบบไม่เกรงกลัวความตาย แต่เราจะพูดถึงสไตล์การเล่นแบบยิงเพื่อทีมก่อนว่าควรติด Attachment อะไรบ้าง หรับสายยิงเพื่อทีม เหมาะสำหรับอยู่แนวหลังในที่กำบังอันแสนอบอุ่น โดยใช้กล้องแบบ X4 เดิมๆ ฉะนั้นเรื่องกล้องเล็งไม่ต้องติดตั้งอะไร ใช้แบบนี้จะดีที่สุดเพราะเราต้องอาศัยกำลังการซูมของกล้องในการโฟกัสตำแหน่งวิถีกระสุนที่ไปกระทบตัวศัตรูได้อย่างแม่นยำนั้นเอง แต่ต้องระวังเรื่องการถูกลอบเข้าโจมตีด้วยเพราะเราแทบจะป้องกันตัวไม่ได้นอกจากปืนพก ส่วน Attachment ต้องยกให้เจ้านี่เลยคือ FMJ-SR ไว้สำหรับยิงศัตรูที่แอบหลังกำแพงบางๆ ผนังไม้ หรือวัตถุที่ยิงทะลุได้ ทำให้พวกมันหวาดกลัวและรู้ตัวว่า แม้แต่กำแพงก็ไม่ใช่ที่หลบซ่อน Attachment ตัวที่สองที่ควรติดตั้งคือ Extended Mag-SR เพิ่มจำนวนกระสุนจาก 6 นัด เป็น 8 นัด เท่ากับว่าเราจะได้เก็บศพศัตรูเพิ่มอีก 2 ศพก่อนเปลี่ยนซองกระสุนใหม่ ช่วยทีมได้มากกว่าเดิม Attachment อย่างสุดท้ายที่ควรติดคือ Stock-SR แต่จริงๆ...มันเหลืออย่างสุดท้ายที่เหมาะสมกับการติดมากกว่า เพราะอยู่ระยะไกล เราแทบไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร แต่จะให้ติด Suppressor มันก็ลดระยะหวังผล ส่งผลต่อดาเมจระยะไกลเปล่าๆ และ Fast Mag กับ Extended ไม่สามารถติดตั้งร่วมกันได้ด้วย สำหรับผู้เล่นสไตล์สาย "ยิงเพื่อเท่" เป็นสายที่ต้องมีความชำนาญในการเล่นปืนกระบอกนี้อย่างมาก เพราะมันคือการแบกสไนเปอร์ไปแนวหน้าแล้วซัดกับศัตรูแบบซึ่งๆ หน้าเสี่ยงดวงกันอย่างลูกผู้ชาย หากยิงตายก็ล่าศัตรูคนต่อไป หากยิงพลาดเราก็กลายเป็นศพ ตัดสินเพียงหนึ่งนัดเท่านั้น แต่หากใครที่ได้เล่นสไตล์นี้แล้วอาจจะติดใจก็ได้ หากคิดเล่นสายนี้ แนะนำให้ติด Tactical Scope-SR เสียทันที แม้กำลังการซูมจะลดลงเหลือ X2 แต่มันคือข้อดีเพราะเราจะไปยิงสู้กับศัตรูในระยะกลางและใกล้แทน จึงไม่จำเป็นต้องโฟกัสศัตรูอะไรมากนัก และลดความสวิงของกล้องลงเมื่อเล็งเวลานานๆ แถมเพิ่มความแม่นยำอีกเล็กน้อยด้วย Attachment ตัวแรกที่ควรติดเลยคือ Stock-SR เนื่องจากความคล่องตัวของปืนนี้ต่ำอยู่แล้ว การมีสิ่งนี้ช่วยก็ทำให้เราโยกซ้ายขวาได้ไวยิ่งขึ้น Attachment ตัวต่อมาที่ควรติดคือ Fast Mag-SR เพราะเมื่อเราเล่นบทลงมายิงนอกที่กำบัง ความไวในการรีโหลดกระสุนจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก หากยิ่งช้า โอกาสตายยิ่งสูง Attachment ตัวสุดท้ายที่คิดว่าน่าติดมากๆ คือ Suppressor ซึ่งลดระยะการยิงลง แต่แลกกับการยิงแล้วไม่ถูกพบใน minimap ซึ่งมันก็ไม่ใช่ข้อเสียร้ายแรงเพราะเราไม่ได้ยิงระยะไกล เราเอาปืนนี้วิ่งไปบวกในระยะกลางและใกล้ จึงแทบไม่มีผลเสีย มีแต่ผลดีด้วยซ้ำไป Perks เทพๆ ที่ใช้แล้วเทพสำหรับ DL Q33 Perks Set นี้ จะเป็นของสไตล์ "ยิงเพื่อทีม" กันก่อน ซึ่งอยู่ในระยะไกล ยิงในที่กำบัง ฉะนั้น Score ทุกแต้มส่งผลต่อทีมมาก จึงต้องใช้ Perk ที่เน้นปั่น Scorestreak ให้ได้ เรียกการสนับสนุนทางอากาศเพื่อพลิกสถานะการณ์ โดย Set ต่างๆ มีดังนี้ Perk ตัวแรกที่จะแนะนำเลยก็คือ Persistence ซึ่งทำให้ Scorestreak จะไม่ถูกรีเซ็ตเมื่อตายแลกกับการใช้เวลาเก็บมากกว่าเดิมสองเท่า แต่เราไม่ได้ค่อยปะทะอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลจุดนี้เท่าไหร่ แค่อย่าประมาทคิดว่าไม่มีใครย่องมาตลบหลังเราก็พอ Perk ตัวต่อมาที่แนะนำคือ Tracker มันจะทำให้เรามองเห็นรอยเท้าศัตรูเป็นเวลา 4 วินาที ทำให้เราเลือกตำแหน่งซุ่มยิงที่ปลอดภัยที่สุดหรือแกะรอยเพื่อดักและสังหารได้ด้วย Perk ตัวสุดท้ายที่ควรติดตั้งคือ Hardline เพื่อเพิ่ม Score ที่เราได้มากขึ้น 25% ใช้เป็นตัวลดข้อเสียของ Perk ที่ชื่อว่า Persistence ได้อีกทางหนึ่งด้วย มาต่อกันกับ Perks Set ของสาย "ยิงเพื่อเท่" กันบาง สายนี้พูดตรงๆ อาจจะยิงสู้ในระยะใกล้ได้ลำบาก เว้นแต่ว่าเจ๋งจริง ยิงคมกว่าซึ่งมันก็มีอยู่น้อยคน เนื่องจากการปะทะมันวัดแบบว่า นัดนี้จะโดนหรือจะจอด จึงต้องอาศัยการใช้ Perk ที่เสริมการตอบสนองต่อการยิงของผู้เล่นให้มากขึ้นเพื่อเสริมแกร่งให้จุดนี้ Perk แรกที่ควรแนะนำให้ใส่ก็ไม่พ้น Perk สามัญประจำบ้านอย่าง Agile ที่เพิ่มความเร็วในการวิ่งแล้วเล็งยิง 85% เพิ่มโอกาสชนะในการปะทะแบบซึ่่งๆ หน้าด้วย Perk ที่สองที่แนะนำก็ยังคงเป็น Tracker เช่นเคย แต่ใช้สำหรับเพื่อตรวจหาตำแหน่งศัตรูว่าพวกมันไปทางไหนแล้วดักยิงหรือหลีกเลี่ยงการปะทะก็ทำได้เช่่นกัน Perk สุดท้ายที่แนะนำเลยก็คือ Dead Silence เป็น Perk สามัญประจำบ้าน เอาไว้หากินสำหรับพวกสายบวก สายบู๊ เพราะจะทำให้การเคลื่อนที่ของผู้เล่นนั้นเงียบลงและศัตรูจะฟังเสียงเท้าของเราได้ยากขึ้น ================================================== ทั้งหมดนี้คือเจาะลึกอาวุธปืนไรเฟิลซุ่มยิง DL Q33 ของเกม Call of Duty: Mobile ซึ่งจุดเด่นของมันเลยก็คือ หนึ่งนัด, หนึ่งศพ สมคำร่ำลือของมันเลยล่ะ แต่ต้องยิงระดับเหนืออกขึ้นไป ข้อเสียคือ หากยิงช่วงช่องท้อง, แขน, ขา อาจจะไม่ทำให้ตายภายในนัดเดียว ก็ต้องซ้ำด้วยปืนพกอีกที บทความต่อไปจะเป็นการเจาะลึกปืนไรเฟิลจู่โจมอีกหนึ่งกระบอกที่มีประวัติอยู่คู่กับประวัติศาสตร์บนโลกใบนี้มาอย่างยาวนาน นั้นคือ AK-47 กันบ้าง หากบทความดีๆ ก็อย่าลืมติดตามข่าวสารจากทาง GameFever TH อย่างใกล้ชิดล่ะ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
16 Oct 2019
ไกด์ Call of Duty: Mobile ปืน M4 มีดีที่สมดุลทุกด้าน ยิงสังหารทุกระยะ
หลังจากที่เหล่าทหารหน้าใหม่หลายท่านได้อ่านตำรา 5 Step ของเราไปแล้วซึ่งนั้นเป็นแค่พื้นฐานเท่านั้น บทความต่อจากนี้เป็นต้นไปจะเป็นการเจาะลึกปืนทุกกระบอก ทั้งเกร็ดความรู้ ประวัติความเป็นมา, ขีดความสามารถ, Patern Recoil, Attachment และ Perk ที่ควรจะส่วมใส่ซึ่งทางเรา GameFever TH จะขอเริ่มกับปืนกระบอกแรกที่เป็นปืนพื้นฐานให้กับเหล่าทหารตั้งแต่เริ่มเกม จะเป็นกกระบอกไหนไม่ได้นอกเสียจากปืนไรเฟิลจู่โจม M4 นั้นเอง เรามาเจาะลึกกันดีกว่าว่ามีจุดเด่นจุดด้อยอะไรบ้าง ================================================== ประวัติของปืน M4 ที่สานต่อความสำเร็จจากรุ่นพี่ M16 ปืนไรเฟิลจู่โจม M4 มีประวัติที่เป็นการต่อยอดความสามารถเร็จจากรุ่นพี่ M16A2 ภายใต้ชื่อว่า XM4 ที่ได้ต้นแบบจากปืนไรเฟิลจู่โจม M16A2 ให้มีน้ำหนักเบาลง, ลำกล้องสั้นลง, พานท้ายยืดหดได้เหมือนกับเจ้า XM177E2 โดยเจ้า XM4 ผลิตตัวต้นแบบออกมาในปี ค.ศ 1984 และถูกใช้งานทดสอบในปี 1985 และได้มีการปรับปรุงรูปทรงและกลไกภายในมาตลอดจนกระทั่งปี 1991 ก็ได้เสร็จสมบูรณ์พร้อมเปลี่ยนชื่อเป็น M4  จากนั้นทางกองทัพสหรัฐฯ ก็ได้นำเจ้า M4 เข้าประจำการในปี 1994 จนปัจจุบัน ซึ่งตัวมันก็ได้ผ่านมาหลายสมรภูมิและความน่าเชื่อถือมีสูง จึงเป็นปืนไรเฟิลจู่โจมคู่บุญของกองทัพสหรัฐฯนับตั้งแต่นั้นมา แท้จริงแล้วปืน M4 ในเกม Call of Duty: Mobile มันคือปืน M4A1 เพราะของจริงนั้น ปืน M4 ไม่สามารถยิงแบบ Full Auto ได้ ขอให้เข้าใจว่าปืน M4 มันก็คือ M4A1 แต่เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและสับสนจึงขอเรียกชื่อตามเกมว่า M4 จ้า ค่า Status และขีดความสามารถของปืน M4 ตัวกระบอกปืนของ M4 เราจะได้ใช้มันเมื่อเลเวลผู้เล่นขึ้นเป็นเลเวล 2 และในด้าน Status นั้นจะออกค่อนข้างไปทางสมดุล เน้นความแม่นยำและแรงถีบที่ไม่สูงนักโดยข้อมูลต่างๆ มีดังนี้ ดาเมจ: 45 หน่วย - พลังการทำลายค่อนข้างไปทางต่ำ แต่หากโดนจังๆ ก็สามารถสังหารศัตรูได้ภายใน 4-6 นัด ความแม่นยำ: 70 หน่วย - เป็นปืนที่มีความแม่นยำสูง เลยไม่มีปัญหาเรื่องกการยิงสู้จากกระยะกลางและไกล ระยะการยิง: 45 หน่วย - แม้ปืนจะมีค่าแม่นยำสูงแต่ระยะการยิงก็ไม่ได้ไกลนัก ดาเมจระยะไกลก็จะค่อนข้างเบา อัตราการยิง: 60 หน่วย - อัตราการยิงถือว่าเร็วพอสมควรและถือว่ากำลังดีสำหรับปืนกระบอกนี้ การเคลื่อนที่: 60 หน่วย - ถือว่าปืน M4 กระบอกนี้ไม่ได้หนักเกินไปนัก วิ่งยิงก็ทำได้จนน่าพอใจ กระสุน: 30 นัด/แมกกาซีน - ไม่เยอะเกินไปและน้อยเกินไป หนึ่งแมกกาซีนสามารถสังหารคนได้อย่างน้อย 2-3 คน เมื่อเรานำมาทดสอบการยิงเพื่อดู Partern Recoil แบบไม่ติด Attachment นั้นขอบอกเลยว่าเป็นปืนที่ไม่ดีดจนเกินไปและกลุ่มกระสุนเกาะกลุ่มค่อนข้างดีมากๆ ศูนย์เล็งเดิมๆ หรือ iron sight นั้นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกเกะกะสายตาแต่อย่างใด ทว่าก็มีข้อสังเกตุเลยก็คือ มันจะมีความแม่นยำภายใน 10 นัดแรกเมื่อเรายิง Full Auto พอนัดที่ 11 เป็นต้นไปปืนก็จะเริ่มส่ายเบี่ยงออกซ้ายขวามากขึ่น ความแม่นยำลดลงอย่างเห็นได้ชัด หากยิงต่อสู้ในระยะไกล แนะนำว่าให้ยิงแบบเป็นชุดๆ จะหวังผลได้ดีที่สุด ส่วนระยะกลางนั้นขอให้บังคับและเล็งไปยิงให้โดนศัตรูไปเลย รับรองเก็บ Kill ได้แน่นอน และระยะใกล้นั้นขอให้เล็งแล้วเน้นยิงไปที่ช่วงเหนืออกขึ้นไป เนื่องจากดาเมจค่อนข้างต่ำอาจจะสู้กับศัตรูที่ถือปืน SMG หรือปืนที่มีดาเมจแรงๆ ลำบาก ฉะนั้น ปืนไรเฟิลจู่โจม M4 จึงเหมาะเป็นปืนที่ยิงต่อสู้ในระยะกลางเป็นหลัก เพราะด้วยความแม่นยำและแรงถีบไม่สูงนัก แม้จะไม่ได้ติด Attachment อะไรเลยก็สามารถสังหารศัตรูได้อย่างไม่ยากเย็น แม้ว่าจะสามารถยิงสู้ได้ทุกระยะก็ตามแต่มันก็อาจจะดึงประสิทธิภาพได้ไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ Attachment ตัวไหน ใช้แล้วปืนจะเทพขึ้น เนื่องจากปืนไรเฟิลจู่โจม M4 นั้นมีขีดความสามารถค่อนข้างกลางๆ มีจุดเด่นคือยิงต่อสู้ได้ทุกระยะ จึงทำให้สามารถติดตั้ง Attachment ได้หลากหลายตามแต่สถานะการณ์ ซึ่งจะขอแบ่งรูปแบบการติดตั้ง Attachment ไว้สองแบบคือ เน้นจู่โจมกับเน้นยิงหวังผล โดยเราจะขอพูดถึงสไตล์การเน้นยิงจู่โจมก่อน ซึ่งข้อดีของมันคือ ตอบสนองการยิงสู้ได้รวดเร็ว แถมไม่ต้องคิดหน้าคิดหลังให้ปวดหัวนัก แต่ข้อเสียก็คือ ดาเมจอาจจะสู้กับปืนบางกระบอกไม่ได้ในระยะใกล้เกินไป จะต้องฝึงการยิงระดับเหนืออกให้ชำนาญ มาพูดถึงกล้องเล็งกันก่อน หากใครชื่นชอบบุกตลุยฝ่าดงกระสุน วิ่งไปบวกแบบะไม่เกร็งกลัวใครก็จะขอแนะนำให้ติดตั้งกล้อง Red Dot ซึ่งทำให้การเล็งผ่านจุดแดงได้ดี โฟกัสเป้าหมายได้ง่าย แต่่มุมมองการเล็งผ่าน Red Dot นี้อาจจะแคบไปเสียหน่อย หรือหากรู้สึกว่า Red Dot มุมมองการเล็งค่อนข้างแคบก็ขอแนะนำ Holo Sight ซึ่งทำให้มุมมองการเล็งกว้างขึ้น แต่โฟกัสเป้าหมายอาจจะลำบากเสียเล็กน้อยเพราะมีวงกลมซ้อนเป้ากึ่งกลางอยู่นั้นเอง ส่วนตัวชอบใช้ Holo Sight มากกว่าเพราะมุมมองกว้าง แม้จะโฟกัสให้เป้าเล็งเข้าตรงกลางลำบาก แต่เราไม่ได้ยิงสู้ระยะไกล จึงมองว่ามันไม่ใช่ข้อเสียสำหรับเรื่องนี้ ขอให้เป้าวงกลางเล็งไปทางศัตรูก็เป็นอันใช้ได้ ในด้าน Attachment ของสายจู่โจม อย่างแรกที่ควรติดเลยก็คือ Stock-AR ที่เพิ่มความเร็วในการเคลื่อนที่ขณะเล็งอยู่ ส่งผลให้เวลาต่อสู้เราจะพลิ้วไหวมากขึ้น Attachment อย่างที่สองที่ควรติดเลยก็คือ Quickdraw-AR ที่เพิ่มความเร็วในการเล็งยิงมากขึ้น แน่นอนว่าใครยิงใส่ได้ก่อนย่อมได้เปรียบ จึงเหมาะมากสำหรับสายจู่โจมแบบนี้ Attachment อย่างสุดท้ายที่แนะนำเลยคือ Fast Mag-AR ที่จะทำให้เรารีโหลดกระสุนไว้ขึ้น เพราะเมื่อเรากระสุนหมด จะเป็นช่วงที่อันตรายและยากจะป้องกันตัวเพราะปืนทุกกระบอกจะมีระยะเวลาการรีโหลดค่อนข้างนาน เมื่อเรามี Fast Mag-AR จะช่วยกลบข้อด้อยในส่วนนี้ได้อย่างดี ทีนี้ก็มาถึงสายเน้นยิงหวังผล ซึ่งข้อดีของสายนี้คือ มีความแม่นยำสูง ยิงหวังผลระยะกลางและไกลได้ค่อนข้างดี ไม่เน้นการปะทะซึ่งๆ หน้า แต่หากเจอกับศัตรูระยะใกล้ก็อาจจะเสียเปรียบพอสมควร เหมาะสำหรับสายสนับสนุนยิงจากแถวสองหรือแนวหลังหรือเน้นยิงจากที่มั่นดีๆ สักที่ มาดูกันว่า Attachment ที่ควรติดมีอะไรกันบ้าง กล้องเล็งสำหรับสายเน้นหวังผลก็คงไม่พ้น Tactical Scope-AR ที่มีกำลังซูม 2 เท่า ทำให้เรายิงต่อสู้ในระยะกลางและไกลได้ดียิ่งขึ้น โฟกัสตัวศัตรูได้ง่ายขึ้นด้วย Attachment อย่างแรกที่ควรติดไว้เลยก็คือ Full Metal Jacket-AR หรือ FMJ-AR ที่สามารถยิงทะลุที่กำบังได้เช่น กำแพง, ผนังไม้, ซากยานพาหนะต่างๆ ซึ่งเป็นอะไรที่น่ากลัวเอามากๆ Attachment อย่างที่สองเลยก็คือ Foregrip-AR ด้ามจับที่จะช่วยลด Recoil ในการยิงถือว่าควรติดไว้เพราะเมื่อเรายิงจากระยะกลางขึ้นไป จำเป็นต้องยิงหวังผลให้โดนศัตรูมากยิ่งขึ้น การคุม Recoil ได้ดีขึ้นก็ย่อมได้เปรียบอยู่แล้ว Attachment อย่างสุดท้ายที่จะแนะนำสำหรับสายยิงหวังผลนี้คือ Laser Sight-AR ที่นอกจากเพิ่มความแม่นยำในการยิงแบบ Hip Fire แล้ว ยิงช่วยเพิ่มความแม่นยำตอนเล็งยิงอีกเล็กน้อยด้วย แม้ว่าจะเล็กน้อยแต่ก็ส่งผลต่อการใช้งานเช่นกัน Perks อะไรที่เข้ากับปืน M4 ได้ดีที่สุด Perks หรือสกิลติดตัวในเกมก็มีความสามารถแตกต่างกันออกกไป และบาง Perk ก็ส่งผลทำให้ปืนที่เราใช้นั้นดูโหดขึ้นอีกด้วย ฉะนั้น Perks ที่เหมาะกับปืน M4 นั้นจะขอแบ่งออกเป็นสองสไตล์เหมือนเดิมนั้นคือ สายจู่โจมและสายยิงหวังผล โดยจะเริ่มจากสไตล์เน้นจู่โจมก่อน Perk ตัวแรกสำหรับสายจู่โจมที่ควรใช้เลยคือ Agile ที่ทำให้เวลาเราวิ่งอยู่ จะเล็งยิงไวขึ้น 85% เพราะปกติเวลาวิ่งแล้วเจอศัตรู จะทำการเล็งยิงแบบทันทีค่อนข้างช้า เมื่อมี Perk ตัวนี้แล้ว หากเจอเจอกันในระยะใกล้หรือเจอกันในมุมต่างๆ โดยไม่ได้ตั้งใจ จะทำเรายิงใส่ศัตรูได้ทันท่วงที Perk ที่สองที่แนะนำเลยคือ Vulture ซึ่งสามารถเก็บกระสุนจากศพศัตรูได้ทุกตัว หมดกังวลเรื่องกระสุนเอาไว้ยิงสู้ไม่เพียงพอ เพราะเราจะมีเหลือเฟือให้ยิงสู้จนตายกันไปข้างเลยล่ะ Perk สุดท้ายของสายจู่โจมที่ควรติดไว้เลย ขอแนะนำ Dead Silence ที่ทำให้เสียงฝีเท้าขณะเคลื่อนที่ของนั้นเงียบลง เหมาะสำหรับเข้าไปบุกทะลวงหรือลอบโจมตีแบบไม่ให้ศัตรูรู้ตัว ถือเป็นอีกหนึ่ง Perk คุณภาพที่ควรติดไว้และใช้ได้ดีกับปืนหลายๆ กระบอกที่เน้นการจู่โจมเป็นหลัก สำหรับสายเน้นยิงหวังผล ไม่เน้นวิ่งไปบวก ขอแนะนำ Perk แรกด้วย Presistence ซึ่งจะทำให้ Scorestreak ของเราจะไม่ถูกรีเซ็ตเมื่อเราตาย แต่ก็แลกกับการเก็บ Scorestreak มากขึ้่นนั้นเอง หากมองในแง่ดีแม้ว่าจะเก็บแต้มเรียกการสนับสนุนทางอากาศยากกไปเสียหน่อย แต่ดีกว่าตายแล้วต้องนั่งเก็บใหม่ Perk ที่สองสำหรับสายยิงหวังผลจะขอแนะนำ Ghost ที่จะทำให้เราไม่ถูกก UAV หรือสิ่งที่ทำให้เราถูกมองเห็นจากทางอากาศได้ ลดการถูกยิงสวนและศัตรูกก็จะหาตัวเรายากขึ้น Perk สุดท้ายสำหรับสายยิงหวังผลที่จะแนะนำคือ Hardline ที่นอกจากจะเพิ่ม Score ในการสังหารศัตรูมากขึ้น 25% ก็ยังช่วยกลบจุดด้อยของ Perk Presistence ที่ต้องใช้เวลาในการเก็บ Scorestreak อีกด้วย ================================================== ทั้งหมดนี้คือเจาะลึกอาวุธ M4 ของเกม Call of Duty: Mobile ซึ่งโดยสรุปแล้วปืนไรเฟิลจู่โจมกระบอกนี้มีดีที่ความแม่นยำสูง ยิงสู้ได้ทุกระยะ หวังผลระยะกลางได้ดีที่สุด ขอให้จับเป้าให้โดนยังไงก็มีศพ แต่ดาเมจค่อนข้างต่ำทำให้ยิงสู้ในระยะใกล้แล้วเจอกับศัตรูที่ใช้ปืนดาเมจสูงๆ หรืออัตราการลั่นสูงๆ ลำบาก และหากกดรัวหมดแม็กกาซีน วิถีกระสุนก็จะเริ่มเบี่ยงซ้ายขวา ความแม่นยำจะหายไปพอสมควร ยังไงก็ลองเอาไปปรับใช้ได้ตามใจชอบเลย บทความต่อไปจะเป็นการเจาะลึกปืน PDW 5.7 กันบ้าง อย่าลืมติดตามข่าวสารจากทาง GameFever TH อย่างใกล้ชิดล่ะ สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
15 Oct 2019
ไกด์ Call of Duty: Mobile เจาะลึกปืน PDW57 ปืนกลมือพันธุ์ดุ ลูกดก ยกเล็งมีตาย
หลังจากบทความก่อนหน้าที่ได้เจาะลึกปืนไรเฟิลจู่โจมอย่าง M4 ที่เป็นปืนเริ่มต้นแต่คุณภาพคับตัวกันไปแล้ว บทความนี้ทาง GameFever TH จะมาเจาะลึกถึงปืนกลมืออีกกระบอกที่หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าดีที่สุดในขณะนี้อย่างปืนกลมือ PDW- 57 นั้นเอง  มาดูกันว่าทั้งประวัติความเป็นมา, ค่าสถานะ, ขีดความสามารถ, Attachment และ Perks ว่าตัวไหนจะเหมาะสมกับปืนนี้กัน ================================================== น้ำหนักเบาและอำนาจการทะลุทะลวง ผสมผสานเป็นหนึ่ง ที่จริงแล้วปืนกลมือกระบอกนี้เป็นปืนสมมุติที่ออกแบบมาจากพื้นฐานของปืน "FN P90" โดยเจ้าปืน PDW-57 ปรากฎตัวครั้งแรกในเกม Call of Duty: Black Ops 2 จัดอยู่ในหมวดปืนกลมือหรือ Sub-Machine Gun ซึ่งข้อดีของมันคือกระสุนบรรจุได้เยอะถึง 50 นัด, ดาเมจในระยะต่ำกว่า 5 เมตรถือว่าแรงพอตัว และอัตราการยิงค่อนข้างสูง แม้ว่าการคุมปืนจะลำบากสักนิดแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเมื่อเข้ายิงในระยะใกล้ จึงทำให้เป็นปืนที่ถูกยกย่องว่า OP สุดๆ และเมื่อการมาของ Call of Duty: Mobile ปืน PDW-57 ก็ได้ถูกบรรจุเข้ามาในเกมด้วยและยังคงความ OP เช่นเคย จนผู้คนในเกมส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากปะทะกับผู้ใช้ปืนนี้ในระยะใกล้มากนักเพราะมันแรงจนน่ากลัวยังไงล่ะ ค่า Status และขีดความสามารถของปืน PDW-57 ตัวกระบอกปืนของ PDW-57 จะได้ใช้มันเมื่อเลเวลผู้เล่นขึ้นเป็นเลเวล 80 ซึ่งกว่าจะปลดล็อคนี่เล่นกันเป็นเดือนๆ แต่โชคดีหน่อยสำหรับผู้ลงทะเบียนล่วงหน้าก็จะได้กระบอกนี้มาใช้ฟรีๆ ไปเลย และในด้าน Status นั้นเน้นดาเมจที่สูงมาก แต่ความแม่นยำต่ำและระยะหวังผลที่สั้น โดยมีข้อมูลดังนี้ ดาเมจ: 90 หน่วย - พลังการทำลายสูงมากๆ เมื่ออยู่ในระยะใกล้ต่ำกว่า 5 เมตร อาจจะมีศพได้ภายใน 3 นัดเลยทีเดียว ความแม่นยำ: 40 หน่วย - ปืนนี้ความแม่นยำค่อนข้างต่ำ การยิงจากระยะกลางขึ้นไปทำได้ไม่ค่อยดีนัก ระยะการยิง: 25 หน่วย - แม้ปืนจะมีดาเมจสูง แต่หากยิงต่อสู้ในระยะไกลกว่า 5 เมตร ดาเมจของปืนนี้จะลดลงมาก อัตราการยิง: 50 หน่วย - อัตราการยิงถือว่ากลางๆ ไม่เร็วและไม่ช้าจนเกินไป การเคลื่อนที่: 75 หน่วย - ถือว่าปืน PDW-57 มีน้ำหนักเบาเอาเรื่อง ถือไปวิ่งไปพริ้วแน่นอน เอาใจสายบู๊แนวหน้า กระสุน: 50 นัด/แมกกาซีน - นี่เป็นจุดเด่นของปืนนี้ที่มีกระสุนเยอะ หนึ่งแมกกาซีนสามารถฆ่าคนได้ราวๆ 3-4 คน ในด้าน Parturn Recoil ต้องขอบอกเลยว่าเป็นปืนที่เอาแน่เอานอนไม่ได้เหมือนกับผีเข้าผีออก เพราะนอกจากยังส่ายซ้ายขวาและแรงถีบที่ดีดพอตัวแล้ว กลุ่มกกระสุนจะออกเยื้องซ้ายบ้าง ขวาบ้าง แล้วแต่ดวงจะนำทางเราไป เพราะมันชอบสุ่มกลุ่มกระสุนให้เบี่ยงซ้ายบ้าง ขวาบ้างเนี่ยแหละเลยเป็นข้อเสียที่เราคาดเดารูปแบบวิถีกระสุนยาก ฉะนั้นการยิงหวังผลในระยะกลางหรือตั้งแต่ 10 เมตรเป็นตัวไปก็แทบจะยิงไม่ค่อยโดนแล้ว แต่เมื่อเราคาดเดามันไม่ได้ ก็ยิงอัดใส่ระยะใกล้ไปเลย โดยเฉพาะระยะต่ำกว่า 5 เมตร เมื่อเอาปืนนี้ไปทดลองยิงศัตรูในระยะใกล้ ต่ำกว่า 5 เมตรแบบชุดศูนย์เล็งเปิดและเริ่มยิงระดับเหนืออกเลยเข้าหัว ยังไงก็มีศพภายใน 3 นัด หากยิงช่วงช่องท้องก็อาจจะ 4 นัด หากยิงในระยะไกลกว่า 5 เมตรเมื่อไหร่ก็อาจจะต้องยิงมากถึง 6-7 นัดเพื่อฆ่าศัตรูหนึ่งคน ซึ่งยังไม่นับความพยศของมันและความแม่นยำที่ต่ำจนปวดใจ การยิงระยะใกล้แบบนี้การใช้ศูนย์เล็งเปิดก็ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ เว้นยิงไกลๆ จะเริ่มรู้สึกว่า ควรใช้กล้องเล็งเถอะ Attachment เซ็ตนี้ ต้องมีติดไว้ เนื่องจากว่าปืนกลมือ PDW-57 มีปัญหาเรื่องผีเข้าผีออกจากวิถีกลุ่มกระสุน ขอให้เราข้ามจุดนั้นไปเพราะปืนนี้ต้องเล่นสไตล์บู๊แหลก ฝ่าทะลวง เป็นตัวล้วงให้กับทีมด้วยกระสุนที่เยอะและดาเมจที่สูง ใช้ข้อได้เปรียบเหล่านี้เป็นหลักเพื่อจะได้มีชัยในทุกสมรภูมิ กล้องเล็งที่ทางเราจะแนะนำเลยก็คือ Red Dot Sight เพราะจะทำให้การโฟกัสไปที่ศัตรูจะตอบสนองได้รวดเร็วกว่า และไม่มีอะไรบดบังทัศนวิศัย ต้องเน้นการทำเกมไวถึงจะสามารถเข้าขากับปืนนี้ได้เป็นอย่างดี Attachment ตัวแรกที่ควรติดตั้งต้องยกให้ Quickdraw-SMG ทำให้เวลาเราเล็งยิงใส่ศัตรูทำได้รวดเร็วขึ้น แม้จะต่างกันเสี้ยววินาทีแต่ก็สามารถชี้เป็นชี้ตายได้เลยทีเดียว Attachment ตัวต่อมาที่ควรติดคือ Stock-SMG จะทำให้เวลาเคลื่อนที่รวดเร็วขึ้นขณะเล็งเพิ่มโอกาสโยกหลบกระสุนศัตรูได้ด้วยนะ และยังทำให้ศัตรูยิงเราลำบากกว่าเดิมด้วย Attachment ตัวสุดท้ายที่แนะนำให้ใส่เลยก็คือ Foregrip-SMG เนื่องจากปืนค่อนข้างดีดและเอาแน่เอานอนไม่ได้ จึงต้องติดตั้ง Foregrip เอาไว้เพื่อลดข้อเสียของปืนลง อย่างน้อยก็คุมปืนได้ง่ายขึ้นแม้จะไม่มากเท่าไหร่ก็ตาม Perks ที่เข้าขากับ PDW-57 ได้ดีที่สุด Perk แรกที่ทางเราแนะนำเลยมันคือ Perk สามัญประจำบ้านที่ควรติดตั้งไว้เพราะมันใช้ได้เกือบทุกกระบอกนั้นก็คือ Agile ที่เพิ่มความเร็วขณะวิ่งแล้วเล็งยิงมากถึง 85% เพราะปกติแล้วในตัวเองหากเรากำลังวิ่งแล้วเจอศัตรูแบบกระสุนทัน พอเราจะเล็งมันจะค่อนข้างช้า Perk นี้จะเป็นการกลบจุดด้อยนี้ออกไป หมดกังวลเรื่องยิงสู้ใครไม่ทัน Perk นี้เป็น Perk ที่สำคัญสำหรับสายบุกทะลวง นั้นก็คือ Toughness ซึ่งเวลาเราถูกยิงตัวเราจะชะงักและตกเป็นเป้าได้ การมี Perk นี้ติดตัวทำให้ลดอาการชะงักลงได้มากถึง 60% เพิ่มอัตราการเอาตัวรอดในสนามรบที่ไม่ควรมองข้าม อีกทั้งปืน PDW-57 นั้นมีกระสุนเยอะอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้ Perk Vulture แต่อย่างใด Perk สุดท้ายที่เป็น Perk ทำมาหากินของใครหลายคนก็คือ Dead Silence ที่จะลดเสียงฝีเท้าขณะเคลื่อนไหว ทำให้ศัตรูระบุตำแหน่งของเรายากขึ้น เพิ่มโอกาสลอบสังหารนั้นเอง ================================================== ทั้งหมดนี้คือเจาะลึกอาวุธปืน PDW-57 ของเกม Call of Duty: Mobile ซึ่งจุดเด่นของมันเลยก็คือ ดาเมจที่รุนแรงในระยะใกล้, เคลื่อนที่ได้รวดเร็วเพราะปืนมีน้ำหนักเบาและกระสุนที่มีมากถึง 50 นัด แต่เพื่อยิงสู้ในระยะกลาง ดาเมจจะตกลงมาอย่างมาก ยังไงก็ลองปรับใช้กันดูนะ นี่เป็นเพียงแค่แนวทางการใช้อาวุธปืนนี้เท่านั้น บทความต่อไป เราจะมาเจาะลึกปืนซุ่มยิง DL Q33 เจ้าของฉายา หนึ่งนัด,หนึ่งศพ กันบ้าง อย่าลืมติดตามข่าวสารจากทาง GameFever TH อย่างใกล้ชิดล่ะ ไว้เจอกัน! สำหรับใครที่สนใจอยากลองเล่น สามารถดาวน์โหลดกันได้เลยตามลิ้งก์ข้างล่าง ดาวน์โหลดผ่าน ios: คลิ๊กที่นี่ ดาวน์โหลดผ่าน Android: คลิ๊กที่นี่ ติดตามข่าวสารเกมต่างๆ ได้ที่
15 Oct 2019
ไกด์ Auto Chess | ดวงไม่ดีทำไง? แก้แค้นด้วยแผน Lose Streak
สิ่งสำคัญที่สุดในการเล่น Auto Chess อย่างหนึ่งคือการเก็บเงิน แต่ละคนก็จะมีวิธีการเก็บที่แตกต่างกันออกไป แต่วันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มารู้จักกับแผนการ Lose Streak แกล้งแพ้ เพื่อพลิกชนะ   Lose Streak คืออะไร การได้รับเงินโบนัสจากการแพ้ หรือชนะต่อเนื่อง จะได้รับเงินในอีกรอบนึงของผลการแข่งขัน หากเราสามารถสร้างสถิติต่อเนื่องได้ ยกตัวอย่างเช่น ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 1 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 0 : ยังไม่ได้รับเงิน ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 2 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 1 : ยังไม่ได้รับเงิน ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 3 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 2 : ได้รับเงิน 1 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 4 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 3 : ได้รับเงิน 1 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 5 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 4 : ได้รับเงิน 2 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 6 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 5 : ได้รับเงิน 2 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 7 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 6 : ได้รับเงิน 3 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 8+ = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 7+ : จะได้รับเงิน 3 เหรียญทอง ไปตลอด หาก ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง = 0 : จะได้รับเงิน 0 เหรียญทอง ทันทีในรอบนั้น เพราะงั้นไม่ว่าจะแพ้ หรือชนะต่อเนื่อง โบนัสตรงนี้จะได้เหมือนกัน   ทำไมต้องใช้ Lose Streak การเก็บ Lose Streak ง่ายกว่า Win Streak เพราะว่าการจะทำให้กระดานของเราชนะตลอดเวลา จำเป็นต้องดวงดี ได้ตัว 2 ดาวหลายตัวตั้งแต่เริ่มเกม หรือ ใช้เงินในการ Reroll มาสู้กับคนอื่น แต่ถ้าดวงเราไม่ดี Reroll ไม่ขึ้นแล้วล่ะก็ การเล่นแบบ Lose Streak นี่แหละคือคำตอบ แม้ฟังแล้วอาจจะดูเหมือนมีแต่เสียกับเสีย เพราะถ้าแพ้เลือดก็ลด พอเลือดหมดเราก็ตาย แต่เอาเข้าจริงการปล่อยให้เสียเลือดบ้าง แล้วค่อยกลับมาพลิกชนะก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบางสถานการณ์ หากใครยังไม่เคยลองวิธีนี้ก็แนะนำว่าควรจะลองดูซักครั้ง อาจจะได้เทคนิคใหม่ๆ มาเล่นก็ได้     แล้วเราจะเริ่มเก็บ Lose Streak ได้อย่างไร? ควรเริ่มทำในเทิร์นที่ 6 หลังจากแพ้มา 2 ครั้งแล้ว ไม่ควรตั้งใจทำแต่เริ่ม เพราะการชนะเป็นสิ่งที่ดีกว่าอยู่แล้ว ควรทำต่อเมื่อเราตั้งต้นการเล่นได้ไม่ค่อยดี ทั้งนี้เราจะหยุดทำ Lose Streak ก็ต่อเมื่อ: เลือดน้อยกว่า 40-50 เงินมากกว่า 50 ชนะศัตรู เข้าสู่เทิร์นที่ 16 ถ้าเกิดว่าเข้าเงื่อนไข อย่างนี้ไม่ควรฝืนทำ Lose Streak ต่อ ควรจะเก็บเลือดที่มีเอาไว้ท้ายเกม   จะพลิกกลับมาชนะได้อย่างไร? แม้ว่าจะบอกให้เก็บเงิน แต่การจะพลิกกลับมาได้ เราก็ต้องมีตัวคอมโบที่สามารถพลิกเกมกลับมาได้เช่นกัน ในช่วงที่เราเก็บเงินนั้น ให้เราซื้อตัวละครที่เราจะเล่นเพื่อพลิกเกมเก็บไว้ด้วย โดยคอมโบที่ใช้พลิกเกมในเมต้านี้ จะขอแนะนำ 2 อันคือ 6 Mage และ 6 Knight เพราะค่อนข้างจะเก่งมาก และมีความมั่นคงเป็นอย่างมากในช่วง กลางไปจนถึงท้ายเกม ถ้าทำคอมโบติดแล้วมีตัว 2 ดาวหลายตัวน่าจะผ่านไปได้สบายๆ ที่สำคัญเลยคือ ต่อให้เราแพ้ แต่ก็ต้องพยายามกำจัดฮีโร่ฝ่ายศัตรูให้ได้มากที่สุดเพราะจะได้ไม่โดนดาเมจมาก   ข้อควรระวัง ระวังคนที่ทำ Lose Streak เหมือนกับเรา คอยสังเกตประวัติการต่อสู้ดีๆ ว่าเคยสู้กันมาแล้วหรือไม่ หากเราเผลอไปชนะ เราจะเสียประโยชน์อย่างมากเพราะจะเสีย Lose Streak ไม่ได้การันตีชนะเสมอไป การทำ Lose Streak ทำให้มีเลือดเหลือน้อย อาจจะไม่พอให้ชนะเกมได้ แย่สุดอาจจะแพ้เป็นคนแรกก็ได้ จึงมีความเสี่ยง ควรฝึกฝนให้ชำนาญ อย่าลืมอัพเลเวลเพราะเราจะเน้นที่ท้ายเกม การเก็บเงินได้ก่อนจะทำให้เรามีกระดานที่เลเวลนำคนอื่น การแพ้ชนะครีปไม่มีผลต่อ Lose Streak ของเรา ดังนั้นในช่วงที่เจอครีป เราควรชนะเพื่อไอเท็มและไม่เสียเลือดอีกด้วย
27 Jun 2019
ไกด์ DOTA Underlords | 5 ข้อที่มือใหม่ควรรู้ก่อนเล่น
เกม DOTA Underlords อาจดูเหมือนเป็นเกมที่เน้นการพึ่งฮีโร่เก่งๆ ดาเมจแรงๆ เพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ ทว่าเอาเข้าจริงแล้วตัวเกมกลับต้องอาศัยการวางแผนพอสมควร เพราะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อรูปเกม ทั้งจำนวนยูนิต ฮีโร่ที่เลือกใช้ เอฟเฟกต์ของประเภทฮีโร่ หรือแม้แต่กระทั่งเรื่องเงิน ดังนั้น GameFever จะพาเพื่อนๆ ไปทำความรู้จักกับระบบของเกมและสิ่งที่ผู้เล่นมือใหม่ควรรู้ก่อนเริ่มลุยศึก 1.ทำความเข้าใจการคำนวณดาเมจของเกม DOTA Underlords เป็นเกมที่เราและผู้เล่นอีก 7 คน (รวมแล้วมีผู้เล่น 8 คน) แข่งขันกันด้วยการวางฮีโร่บนกระดานหมากรุก แล้วให้ฮีโร่ฟาดฟันกัน ใครกำจัดฮีโร่บนกระดานของอีกฝั่งหมดก่อน หรือเหลือฮีโร่จำนวนมากกว่าบนกระดาน จะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ โดยจะแข่งกันเป็นรอบๆ ไป ในแต่ละรอบ หากใครแพ้จะถูกลงโทษด้วยการหัก HP (เริ่มเกมมาผู้เล่นจะมีอยู่เท่ากัน ก็คือ 100 หน่วย) ใครเหลือ 0 ก่อนจะ Game Over ทันที วิธีการคำนวณดาเมจของเกม คือ เกมจะนับจำนวนดาวของฮีโร่ทีมที่เราแพ้ แล้วหักเป็นดาเมจ ยิงเข้า HP ของเรา ตัวอย่างเช่น ฮีโร่บนกระดานของเราถูกกำจัดไปจนหมด แล้วยังเหลือฮีโร่ของฝั่งตรงข้ามอยู่บนกระดานเรา ได้แก่ ทัสก์ (2 ดาว) และ แอนติเมจ (1 ดาว) เราจะโดนดาเมจยิงเข้า HP ทั้งหมด 2+1 = 3 แต้ม หมายความว่ายิ่งถ้าเราแพ้ขาดมากเท่าไหร่ เราก็จะโดนดาเมจเข้า HP มากขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ในทุกๆ รอบเราจะโดนยิงดาเมจเพิ่มเป็นจำนวนดังนี้ รอบที่ 0 - 9 โดนยิงดาเมจเพิ่ม 0 รอบที่ 10 - 19 โดนยิงดาเมจเพิ่ม 1 รอบที่ 20 - 29 โดนยิงดาเมจเพิ่ม 2 รอบที่ 30 - 39 โดนยิงดาเมจเพิ่ม 3 ตัวอย่าง: แพ้และมีฮีโร่ศัตรูเหลือบนกระดานทั้งหมด 5 ตัว รวมแล้วได้ 9 ดาว เป็น ดาเมจ - 9 และลดเพิ่มอีก - 1 จากการที่แพ้ในรอบที่ 13 (ตามกฎด้านบน)   2.จัดทีมโดยคำนึงถึงพลังผสาน ฮีโร่ใน DOTA Underlords แต่ละตัวจะมีพลังผสานติดตัวอยู่ ซึ่งจะเป็นทั้งเผ่าและประเภทของฮีโร่ มีทั้งหมด 23 แบบ โดยพลังผสานแต่ละแบบจะมีเอฟเฟกต์ของออร่าแตกต่างกันไป หากเรามีจำนวนฮีโร่ที่มีพลังผสานนั้นๆ ครบตามที่กำหนด จะได้รับผลของออร่าหรือบัฟพิเศษซึ่งจะเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ทีมของเรา ในการจัดทีมฮีโร่ เราควรจัดโดยการคำนึงถึงเอฟเฟกต์ออร่าที่เราจะได้จากการมีฮีโร่ประเภทเดียวกัน หลายๆ ตัวในทีม ซึ่งเอฟเฟกต์ก็มีหลายรูปแบบ ควรเลือกใช้ให้เหมาะกับสไตล์การเล่นของเราและสถานการณ์มากที่สุด ตัวอย่างพลังผสาน:   3.อัพเกรดตัวละครเป็นเรื่องสำคัญ การอัพเกรดตัวละครให้ขึ้น 2 ดาวสำคัญมากในเกม โดยฮีโร่ที่มี 2 ดาว จะยิงแรงขึ้น สเตตัสสูงขึ้น อีกเท่าตัว และยังเป็นการช่วยประหยัดพื้นที่ลงยูนิตบนกระดาน ทำให้สามารถเลือกยูนิตตัวอื่นๆ ที่มีพลังผสานเหมือนกันมาลงได้มากขึ้นเพื่อรับออร่า นอกจากนี้การที่เรามีฮีโร่ที่มีดาวสูงๆ หลายตัว จะช่วยทำให้ผู้เล่นคนอื่นๆ ที่แพ้ทีมของเรา โดนดาเมจเข้า HP ของผู้เล่นแรงขึ้น เนื่องจากพื้นฐานการคำนวณดาเมจจะคำนวณจาก จำนวนดาวของฮีโร่ที่เหลืออยู่บนกระดาน รวมกับดาเมจประจำรอบของเกม ทั้งนี้การอัพเกรดตัวละครทำได้โดยการที่เรามีฮีโร่ตัวเดียวกัน และระดับเดียวกันอยู่บนกระดาน 3 ตัว เช่น เรามีฮีโร่ที่ชื่อทัสก์ 1 ดาว อยู่บนกระดาน 3 ตัว เกมจะอัพเกรดทัสก์ของเรา ให้กลายเป็น ทักส์ (2 ดาว) ทัสก์ (1 ดาว) + ทัสก์ (1 ดาว) + ทัสก์ (1 ดาว) = ทัสก์ (2 ดาว) ทัสก์ (2 ดาว) + ทัสก์ (2 ดาว) + ทัสก์ (2 ดาว) = ทัสก์ (3 ดาว) โดยระดับสูงสุดของฮีโร่ในเกมนี้คือ 3 ดาว แต่ว่าการที่เราจะเก็บได้ฮีโร่ 3 ดาวก็ทำได้ค่อนข้างยากอยู่พอสมควร เพราะว่าฮีโร่ในเกมมีค่อนข้างเยอะ ต้องอาศัยจังหวะและการบริหารเงินที่จะกด Reroll (สุ่มตัวละครใหม่) ให้เจอฮีโร่ที่เราต้องการ   4.เงินคือคีย์หลัก ในเกมที่ต้องใช้การวางแผน เรื่องเงินเป็นเรื่องที่เราจะมองข้ามไม่ได้ ซึ่งระบบเงินในเกมนี้ค่อนข้างจะซับซ้อนและเอื้อประโยชน์ให้แก่คนที่เก็บเงินได้มากกว่า เพราะว่ามี "ดอกเบี้ย" คล้ายกับดอกเบี้ยเงินฝากในธนาคาร ทำให้ยิ่งเราถือเงินไว้เยอะเท่าไหร่ ก็จะได้เงินเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น พอเอาดอกเบี้ยที่ว่าไปรวมกับเงินที่ได้ในแต่ละรอบแล้ว จะทำให้เรามีเงินเยอะกว่าชาวบ้านเขา เอาไว้อัพเลเวล และซื้อตัวละครช่วงท้ายกลางเกม-ท้ายเกมได้แบบไม่ลำบาก ตัวอย่างการบริหารเงิน:   5.ไอเทมกับการเดินเกม ไอเทม เป็นอีกส่วนหนึ่งที่สามารถเสริมความแข็งแกร่งให้กับฮีโร่ที่เป็นตัวคีย์หลักของทีมได้ ซึ่งไอเทมจะดรอปก็ต่อเมื่อเราสามารถเอาชนะครีปของเกมได้ (ครีปจะออกมาในรอบที่ 1,2,3 และ ทุกๆ รอบที่ 5 และ 10) โดยเมื่อจบรอบ เกมจะให้เราเลือกไอเทม 1 ชิ้นนั่นเอง เมื่อเราได้ไอเทมมาแล้ว เราสามารถเลือกใส่ไอเทมให้กับฮีโร่ตัวใดก็ได้ 1 ตัว ฮีโร่แต่ละตัวจะสามารถสวมใส่ไอเทมได้เพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น ซึ่งหากเราเปลี่ยนใจ อยากเปลี่ยนไอเทม หรืออยากเอาไอเทมนี้ไปใส่ให้ฮีโร่ที่เหมาะสมกว่าก็สามารถทำได้ นอกจากไอเทมที่เป็นชิ้นๆ แล้ว บัฟ ในเกมนี้ก็ถือว่าจัดอยู่ในประเภทไอเทมเช่นกัน หากเราไม่อยากใส่ไอเทม ตอนที่เลือกไอเทมหลังจบเทิร์นที่สู้กับครีปป่าก็สามารถเลือกบัฟมาแทนได้ โดยบัฟก็จะมีหลายหลายประเภท เช่น บัฟที่เพิ่มเงินให้ 1 โกลด์เมื่อแพ้ รวมไปถึงบัฟที่ให้เอฟเฟกต์พิเศษกับเผ่าใดเผ่าหนึ่งในเกม ข้อควรระวัง: เราควรดูว่าเหมาะกับฮีโร่ที่เรามีอยู่หรือไม่ เช่น ไม่ควรเลือกบัฟเผ่าที่เราไม่มี หรือไม่ได้เล่นมา และควรใส่ไอเทมให้เหมาะกับฮีโร่ เช่น ไม่ควรใส่ไอเทมเพิ่มมานาให้กับฮีโร่ที่ไม่มีมานา เป็นต้น ข้อแตกต่างระหว่าง DOTA Underlords และ Auto Chess  ไอเทมเกมนี้ได้ทุกรอบที่สู้กับครีป การันตีว่าจะได้ชัวร์ 100% (Auto Chess จะสุ่มเอาจากการเจอครีป) สามารถโยกย้ายไอเทมได้ ไม่ต้องขายฮีโร่ ฮีโร่ 1 ตัวสามารถใส่ไอเทมได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น (ใน Auto Chess ใส่ได้ 6 ชิ้นพร้อมกัน   แนะนำเพิ่มเติม - การแพ้ก็ไม่ได้แย่เสมอไป การแพ้ในเกมอาจฟังดูเหมือนเป็นเรื่องที่แย่ เพราะว่าจุดประสงค์หลักของการเล่นเกมก็เพื่อที่จะคว้าชัยชนะ แต่ว่าในเกมนี้ เราสามารถแพ้ได้ และการแพ้ก็เป็นเรื่องที่ดีในช่วงต้นเกม เพราะเป็นช่วงที่เราสามารถลองผิดลองถูกได้แบบไม่เสีย HP ในเกมมากนัก นอกจากนี้การแพ้ติดๆ กัน จะทำให้ได้เงินพิเศษที่เรียกว่า "แพ้ต่อเนื่อง" หรือ "ชนะต่อเนื่อง" เป็นโบนัสเพิ่มให้ จบไปแล้วกับไกด์เบื้องต้นของ DOTA Underlords เพื่อนๆ คิดเห็นยังไง อยากได้ไกด์ไหนเพิ่มเติมก็สามารถบอกเราได้ด้วยการพิมพ์คอมเมนต์ที่ด้านล่างเลย!
15 Jun 2019
ไกด์ Auto Chess Mobile | แนะนำวิธีคำนวณเงินจากการเล่นในแต่ละรอบ
Auto Chess ไม่ใช่เกมที่แค่เราจะเน้นวางยูนิตให้ได้มากที่สุด หรือเน้นอัดแต่ตัวละครระดับสูงเพียงอย่างเดียวแต่ยังมีปัจจัยอยู่หลายอย่าง ซึ่งถ้าเราไม่ศึกษาให้ดีๆ จะทำให้เราพ่ายแพ้ต่อทีมผู้เล่นคนอื่นๆ วันนี้ GameFever ก็ได้หยิบหนึ่งในปัจจัยสำคัญของชัยชนะอย่าง “การคำนวณเงินในแต่ละรอบ” และเทคนิคเล็กๆ น้อย มาอธิบายให้เพื่อนๆ เข้าใจกัน กฎการเพิ่มเหรียญทอง (Gold) ทั้ง 5 ข้อของเกม Auto Chess ข้อ 1 : เงิน หรือ Gold จะเพิ่มให้เราทุกครั้งที่รอบการเล่นครั้งใหม่เริ่มขึ้น ข้อ 2 : เราจะได้รับเงินโบนัสเพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อยๆ จากการชนะ หรือแพ้อย่างต่อเนื่อง โดยเราจะได้เริ่มคำนวณนับเงินเพิ่มก็ต่อเมื่อได้รับชัยชนะ หรือพ่ายแพ้ตั้งแต่ครั้งที่ 2 ขึ้นไป และเมื่อใดที่ความต่อเนื่องหยุดลง ในรอบนั้นๆ เราจะไม่ได้รับเงินจากการแพ้ หรือชนะต่อเนื่อง ข้อ 3 : เราจะได้รับเงินโบนัสดอกเบี้ยเพิ่มเติม 10% จากเงินที่เรามี สูงสุด 5 เหรียญทองต่อรอบ เช่น หากผมมีเงินเหลือ 10 เหรียญทอง ในรอบต่อไป ผมจะได้รับเงินเพิ่มเติมมาอีก 1 เหรียญทอง เป็นต้น ข้อ 4 : หากเราชนะทีมคู่แข่งได้ เราจะได้รับโบนัสเงิน 1 เหรียญทองทันที โดยไม่จำเป็นต้องขึ้นรอบใหม่ ข้อ 5 : เงินสามารถเพิ่มขึ้นได้จากการขายตัวยูนิต เกร็ดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎการเพิ่มเงินทั้ง 5 ข้อ จากข้อที่ 1 เราจะได้รับเงินทุกรอบการเล่นปกติ (Basic) ครั้งละ 5 เหรียญทอง โดยจะเริ่มได้รับตั้งแต่รอบที่ 5 เป็นต้นไป รอบที่ 1 : ได้รับ 1 เหรียญทอง รอบที่ 2 : ได้รับ 2 เหรียญทอง รอบที่ 3 : ได้รับ 3 เหรียญทอง รอบที่ 4 : ได้รับ 4 เหรียญทอง รอบที่ 5 : ได้รับ 5 เหรียญทอง จากข้อที่ 2 ในรอบที่เราต้องสู้กับครีป การชนะ หรือแพ้จะไม่ถูกคำนวณเพิ่มเติม เช่น หากเรามีชัยชนะต่อเนื่อง 5 รอบ ในการต่อสู้กับครีป แม้ว่าเราจะได้รับชัยชนะ ชัยชนะต่อเนื่องของเราก็จะมีเท่ากับ 5 เท่าเดิม ไม่เพิ่มขึ้น หรือกล่าวง่ายๆ ก็คือ ชัยชนะ หรือแพ้ต่อเนื่องจะนับจากผลการต่อสู้กับผู้เล่นด้วยกันเท่านั้น จากข้อที่ 2 แม้ว่าชัยชนะ หรือแพ้ต่อเนื่องจะไม่ถูกคำนวณในการต่อสู้กับครีป แค่เราก็ยังได้รับโบนัสเงินเพิ่มเติมจากการได้รับชัยชนะ หรือแพ้ต่อเนื่อง (Win streak หรือ Lose streak)ที่เรามีอยู่แล้วเช่นเดิม จากข้อที่ 2 การได้รับเงินโบนัสจากการแพ้ หรือชนะต่อเนื่อง จะได้รับสูงสุดแค่ 3 เหรียญทองเท่านั้น จากข้อที่ 2 การได้รับเงินโบนัสจากการแพ้ หรือชนะต่อเนื่อง จะได้รับเงินในอีกรอบนึงของผลการแข่งขัน หากเราสามารถสร้างสถิติต่อเนื่องได้ ยกตัวอย่างเช่น ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 1 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 0 : ยังไม่ได้รับเงิน ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 2 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 1 : ยังไม่ได้รับเงิน ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 3 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 2 : ได้รับเงิน 1 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 4 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 3 : ได้รับเงิน 1 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 5 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 4 : ได้รับเงิน 2 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 6 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 5 : ได้รับเงิน 2 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 7 = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 6 : ได้รับเงิน 3 เหรียญทอง ชนะ/แพ้ ครั้งที่ 8+ = ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง 7+ : จะได้รับเงิน 3 เหรียญทอง ไปตลอด หาก ชนะ/แพ้ ต่อเนื่อง = 0 : จะได้รับเงิน 0 เหรียญทอง ทันทีในรอบนั้น จากข้อที่ 2 การเสมอ สามารถตัดความต่อเนื่องของชนะ/แพ้ ต่อเนื่องได้ จากข้อที่ 3 หากเรามีเงินน้อยกว่า 10 เหรียญทอง เงินโบนัสดอกเบี้ย (Interest) ที่เราได้รับในรอบต่อไปจะเท่ากับ 0 เหรียญทอง จากข้อที่ 3 หากเรามีเงินมากกว่า 50 เหรียญทอง เงินโบนัสดอกเบี้ย ที่เราได้รับในรอบต่อไปจะเท่ากับ 5 เหรียญทอง จากข้อที่ 3 หากคำนวณเงินดอกเบี้ย 10% แล้วเหลือเศษ เงินที่ได้รับจะถูกปัดออกทันที เช่น มีเงินอยู่ 15 เหรียญทอง เราจะได้รับดอกเบี้ย 10% หรือเท่ากับ 1 เหรียญทองเท่านั้น เศษ 5 ที่มีจะถูกตัดออกไป จากข้อที่ 4 โบนัสชนะ (Victory) จะไม่ได้รับในตอนที่สู้กับครีป แม้เราจะสู้ชนะก็ตาม จากข้อที่ 5 ยูนิตที่เราซื้อมา สามารถขายกลับไปได้ในราคาเท่าเดิม เช่น ซื้อยูนิตมา 1 เหรียญทอง ก็สามารถขายกลับไปได้ 1 เหรียญทองเท่าเดิม จากข้อที่ 5 ยูนิตที่เพิ่มดาว จะมีราคาเพิ่มขึ้น  2 เหรียญทอง และ 1 เหรียญทอง ดังนี้ ยูนิต 1 ดาว กลายเป็น 2 ดาว : หากยูนิต 1 ดาวมีราคา 1 เหรียญทอง ตอนเป็น 2 ดาวจะขายได้ 3 เหรียญทอง ยูนิต 2 ดาว กลายเป็น 3 ดาว : หากยูนิต 2 ดาวมีราคา 3 เหรียญทอง ตอนเป็น 3 ดาวจะขายได้ 4 เหรียญทอง จากข้อที่ 5 มียูนิตพิเศษ ที่มีความสามารถในการรวมร่างเพื่ออัพดาว ที่ใช้เพียง 2 ตัว ทำให้เวลาขาย ยูนิตประเภทนี้จะขายได้กำไรมากกว่าปกตินิดหน่อย (1 เหรียญทอง) เกร็ดความรู้พิเศษ ในเกมเราสามารถกดค้างที่สัญลักษณ์เงินในเกม เพื่อเช็คเงินที่เราจะได้รับในรอบที่จะเริ่มต่อไปได้ ทั้งกฎ 5 ข้อ และเกร็ดเพิ่มเติม เป็นรายละเอียดทั้งหมดของการคำนวณเงินในแต่ละรอบของเกม Auto Chess ซึ่งถ้าหากเราสามารถทำตามเงื่อนไข้ได้ทั้งหมด เราจะได้รับเงินต่อรอบมากถึง 14 เหรียญทอง !! ซึ่งมากพอกับการนำไปอัปเดตทีม เพิ่มเลเวล และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจำเป็นต้องทำเงิน หรือ Gold ให้ได้ 50 เหรียญทองก่อน และต้องชนะต่อเนื่องอย่างน้อย 7 ครั้งด้วยกัน ซึ่งขอบอกเลย ว่าทำ 50 เหรียญทองน่ะไม่ได้ยากอะไร แต่การชนะ 7 ครั้งมันไม่ง่าย ซึ่งเร็วๆ นี้เราจะมีทริคเพิ่มเงินอย่างรวดเร็วในเกม Auto Chess มาฝากเพื่อนๆ กัน รอติดตามได้เลย!   >>> ติดตามไกด์อื่นๆ ได้ที่นี่ <<< แนะนำวิธีคำนวณเงินจากการเล่นในแต่ละรอบ เผยความลับเรื่อง Mana ที่คุณอาจไม่รู้ สิ่งที่มือใหม่ควรรู้เพื่อคว้าชัยชนะมาง่ายๆ วิธีเปลี่ยนภาษาในเกมเป็นภาษาไทย เทคนิคการฟาร์มเงิน  
13 Jun 2019