GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
ผลการค้นหา : "รีวิว"
[Review] รีวิวเกม Bayonetta Origins: Cereza and the Lost Demon ต้นกำเนิดการผจญภัยของแม่มดสาวซ่า
ในช่วงตอนแรกที่ตัวเกม Bayonetta ภาคที่ 3 แฟนเกมรวมถึงตัวคนเขียนเองก็ตื่นตาและเพลิดเพลินไปกับความสนุกแบบเต็มอิ่มโดยไม่คาดหวังอะไรเพิ่มสมการรอคอยมาตลอดห้าปี แต่ใครจะไปนึกว่าในช่วงเวลานี้ทางค่าย Platinum Games จะแอบสร้างโปรเจกต์เนื้อเรื่องย่อยของซีรีส์นี้ออกมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย แถมยังใส่ DEMO ตัวเกมไว้อย่างลับ ๆ ก่อนจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการกับเกม Bayonetta Origins: Cereza and the Lost Demon นี่เองถือเป็นเรื่องน่าแปลกใจไม่น้อยที่เกม Hack&Slash แอ็กชันจ๋า ๆ อย่าง Bayonetta จะถูกแปรเปลี่ยนมาเป็นเกมปริศนา ผจญภัยภาพสวยงามดั่งนิทานก่อนนอน ถึงแม้มันจะฟังดูแปลก ๆ แต่ทางผู้พัฒนาก็รังสรรค์มันออกมาได้อย่างดี เติมความฝันของแฟนเกมและยังเปิดโลกใหม่ของจักรวาลซีรีส์ที่เพิ่งเล่นเรื่องราวมัลติเวิร์สอีกด้วย!สำหรับใครที่คิดว่าตัวเกม Bayonetta Origins: Cereza and the Lost Demon นั้นเป็น Spin-Off ออกมา แล้วกังวลว่าถ้าไม่เล่นเกมภาคหลักมาเสียก่อนจะไม่รู้เรื่องก็หายห่วงได้เลย! เพราะตัวเกมในเวอร์ชันนี้จะไม่ได้กล่าวถึงตัวเกมที่เคยมีมาแบบโต้ง ๆ เนื่องจากเป็นเนื้อเรื่องในอดีตช่วงที่แม่มดสาวนาม Cereza ของเรา ยังเป็นเด็กอายุสิบขวบที่ต้องการช่วยแม่ของเธอจากคุกสุดโดดเดี่ยวด้วยพลังอันเล็กน้อยที่เธอมีในตอนนั้นกับปีศาจหลงทางที่ดันไปสิงตุ๊กตาของเล่นชื่อ Cheshire ก่อนจะออกผจญภัยไปในป่าต้องห้ามที่มีความลึกลับซ่อนไว้อยู่จากที่กล่าวมาตามเนื้อเรื่องของเกมนั้น ผู้เล่นจะได้รับรู้เรื่องราวตัวละครแม่มดสาวน้อย Cereza และปีศาจตุ๊กตาแมว Cheshire ผ่านระบบการเล่าเรื่องแบบ 'นิทานภาพ' ที่มีเสียงพากย์เต็มรูปแบบและน่ารักมาก ดังนั้นหากใครจะหยิบเกมมาเล่นก็ไม่ต้องกลัวว่าจะตามเนื้อหาไม่ทันเพราะเขาจะเล่าให้เราฟังเพลิน ๆ และหากยิ่งเป็นแฟนเกมหรือเคยเล่นซีรีส์เกมนี้มาก่อนก็จะมีความอิ่มเอมในด้านการเติมเต็มเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและที่มามากขึ้นอีกขั้น นับได้ว่าทาง Nintendo คงเล็งเห็นในส่วนนี้และให้พัฒนาเกมที่เหมาะกับทุกช่วงวัยและผู้เล่นมากขึ้น ทว่าน่าเสียดายที่เนื้อหาเกมจะไม่สามารถย้อนความกลับไปรับชมได้หลังจากเกิดคัตซีนไปแล้วการแสดงผลของเกมจะมีรูปแบบเป็นสามมิติ ล็อกมุมกล้องเพื่อให้ผู้เล่นได้ใช้สายตาสอดส่องมากกว่าเกมปริศนาทั่วไปในการค้นหาไอเทมลับอย่างหีบสมบัติ จดหมายเหตุ ยา และบันทึกที่จะเปิดโลกเวทมนตร์ในจักรวาลนี้ให้กว้างขึ้นไปอีกขั้น สำหรับใครที่เป็นผู้เล่นสายสะสมของในเกมให้ครบ 100% ก็มีสิ่งให้วิ่งหาหลากหลายอย่างตั้งแต่ประวัติตัวละคร สำรวจแผนที่ ช่วยเหลือเหล่าวิญญานหลงทาง ไปถึงไอเทมทั้งหลายที่กล่าวมาข้างต้นถ้าให้พูดถึงรูปแบบเกม Bayonetta Origins: Cereza and the Lost Demon ก็กล่าวได้ว่ามันได้เปิดรูปแบบการเล่นใหม่บนเครื่อง Nintendo Switch อีกด้วย เพราะตัวเกมจะใช้ในส่วนของ Joy-Con ฝั่งซ้ายและขวาแบบแยกการควบคุมระหว่างตัวแม่มดน้อยและปีศาจ หมายความว่าในขณะที่ผู้เล่นทำการควบคุม ต้องใช้โสตประสาทบังคับทั้งสาวน้อยและปีศาจด้วยมือสองข้างและสมองสองซีกในการผ่านปริศนา พัซเซิล หรือแม้แต่การต่อสู้กับเหล่า "แฟรี่" ศัตรูหน้าใหม่ที่เราจะได้พบเจอในตัวเกม และทั้งสองไม่สามารถห่างกันไกลเกินกว่าที่เกมกำหนด (ไม่มีการแบ่งจอเล่น จะเป็นการซูมภาพเข้าและออกเท่านั้น)โดย Joy-Con ฝั่งซ้าย ตัวจอยสติ๊กจะเป็นการควบคุม Cereza ในการเดิน วิ่ง หลบ, ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่าง ๆ ผ่านปุ่ม L และเน้นหนักไปที่เวทมนตร์ผ่านปุ่ม ZL ที่เราจะใช้ในการ "เต้นอัญเชิญ" เลื่อนจอยให้ตรงตามจังหวะและทิศทางเพื่อขยายพันธุ์พืชนรก, เปิดทางลวงตา และล็อกขาศัตรูให้มึนงง ตรึงอยู่กับที่เป็นเป้านิ่งชั่วขณะ (ปุ่มลูกศรจะเป็นคีย์ลัดใช้ไอเทม)ในขณะที่ Joy-Con ฝั่งขวา จะเป็นตัวควบคุม Cheshire ซึ่งต่างกันเล็กน้อยตรงที่ปุ่ม R จะสามารถใช้ปัดความเสียหายในการต่อสู้และใช้ "พลังธาตุ" พืช, หิน, น้ำ, ไฟ ที่เราต้องพลิกแพลงการใช้งานตามปริศนาหรือศัตรูที่เราเจอ รวมถึงปุ่ม ZR ที่จะเป็นการโจมตี (ปุ่ม Y, X, B, A จะเป็นปุ่มเลือกธาตุที่ต้องการใช้)นั่นหมายความว่าถึงแม้เกมจะเป็นรูปแบบปริศนา ผจญภัยก็จริง แต่ผู้เล่นจะได้เผชิญระบบแอ็กชันจากการควบคุมสองตัวละครพร้อม ๆ กันให้เข้าที่เข้าทาง ตัว Cereza จะมีหน้าที่ช่วยเหลือและเติมพลังเวทให้ Cheshire เช่นเดียวกับที่มันต้องโจมตีและระวังไม่ให้เจ้านายของมันได้รับบาดเจ็บ เพราะตัวมันจะมีหลอดพลังเวท เมื่อโจมตีหรือโดนโจมตีจะลดชาร์จพลัง หากหมดลงมันจะกลายร่างเป็นตุ๊กตาและต้องให้ Cereza มากอดเติมพลังในส่วนนี้สักพักก่อนกลับไปสู้ใหม่ได้ ในทางกลับกัน เกมจะโอเวอร์ทันทีหากพลังชีวิตของเธอหมดลง ดังนั้นคุณผู้หญิงต้องมาก่อนเสมอ!อย่าห่วงไป! เพราะทุกคนย่อมมีการพัฒนาเช่นเดียวกับตัวละครตามเนื้อเรื่อง ผู้เล่นสามารถใช้อัญมณีกุหลาบและคริสทัลอัปเกรดความสามารถ สกิล คอมโบของตัวละครได้เพียบ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเก็บยา, เวลาและจำนวนศัตรูที่ Cereza สามารถตรึงได้มากขึ้น, การโจมตีปิดฉากของ Cheshire และอื่น ๆ อีกมากมายในรูปแบบ Skill Tree ให้เราได้ไปต่อสู้อย่างดุเดือดอีกขั้นซึ่งพอพูดถึงระบบการต่อสู้ ก็ต้องขอยอมรับว่าการเผชิญหน้ากับเหล่าบอสเป็นอะไรที่สนุกมาก ๆ ถึงมากที่สุด เพราะนอกจากที่เราจะต้องโจมตีและหลบเลี่ยงแล้ว ผู้เล่นยังต้องใช้ทักษะแก้ไขพัซเซิลไปด้วยในเวลาเดียวกัน และแน่นอนตัวบอสและมอนสเตอร์ทุกตัวย่อมมีหน้าที่ พลัง และความสามารถต่างกัน เราจึงต้องมีสติในการใช้พลังธาตุตามที่กล่าวไปในข้างต้นให้ถูกต้องตามสถานการณ์อนึ่ง การควบคุมทั้งสองตัวละครพร้อมกันมันอาจจะยากเกินไป ตัวเกมก็มีระบบกดอัตโนมัติไว้ให้ผู้เล่นที่ต้องการจะเสพเนื้อเรื่องเพลิน ๆ เล่นง่ายขึ้นก็มีเสริมมาให้เพิ่มอีกด้วย หรือจะใช้วิธีกำปั้นทุบดินอย่างการแบ่งจอยให้เพื่อนเล่นคนละฝั่ง ตกลงกันเองว่าใครจะเป็น Cereza หรือ Cheshire ก็ได้เช่นกัน เพราะทั้งสองตัวละครนี้ไม่ได้มีปุ่มที่ต้องกดทำคอมโบข้าม Joy-Con เลย ขอแค่เรารู้หน้าที่ที่ต้องทำก็พอและในส่วนสิ่งที่จะไม่กล่าวถึงนอกเหนือจากภาพสไตล์กระดาษสีที่เป็นเอกลักษณ์ สวยงามเป็นบุญตาจนสามารถถ่ายมาเป็นภาพพื้นหลังได้เยอะมาก ๆ ไม่ได้เลยก็คือเพลงประกอบที่สร้างความขนลุกให้ผู้เขียนได้ไม่น้อย เนื่องจากการนำเพลงในซีรีส์ภาคก่อนที่มีแนวดนตรีรวดเร็ว มัน ๆ เหมาะกับเกมต่อสู้ มาดัดแปลงให้เหมาะเข้ากับจังหวะเกมปริศนานี้ได้อย่างไร้ที่ติ ช่างเป็นความเพลินอันรื่นหูอย่างบอกไม่ถูกเอาเป็นว่าใครที่เป็นแฟนเกม Bayonetta อยู่แล้ว หรืออยากลองเกมเนื้อเรื่องที่มีปริศนา ผจญภัย แอ็กชัน ครบทุกอารมณ์ละก็ เกม Bayonetta Origins: Cereza and the Lost Demon ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ชาวเกมเมอร์ไม่ควรพลาดเลยทีเดียว! โดยหากใครสนใจก็สามารถดูวิดีโอตัวอย่างเกมด้านล่างนี้ และดิ่งเข้าร้านค้าของ Nintendo Switch สั่งซื้อตั้งแต่วันนี้หรือทดลองเล่นได้ทันที! (ทั้งนี้ ตัวเกมนั้นมีไว้สำหรับแพลตฟอร์ม Nintendo Switch เท่านั้น ไม่มีการพอร์ตลงแพลตฟอร์มอื่นตราบใดที่ทาง Nintendo ไม่อนุมัติ ฉะนั้นอย่ารอช้าเลย!)
22 Mar 2023
[Review] รีวิว Wo Long: Fallen Dynasty เกมสามก๊ก Souls-like ที่ภาพดูตกยุค แต่เล่นสนุกเพลินมาก!
ทุกวันนี้เรามีเกมแนว Souls-like หรือเกมแนว Action RPG สุดยากท้าทายแบบ Elden Ring ให้เล่นแบบหลากหลายธีมอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นธีมซามูไรอย่างเกม Nioh หรือธีมกังฟูอย่างเกม Sifu หรือธีมยุคอนาคตสวมเกราะ Exoskeleton อย่างเกม The Surge โดยทุกเกมนั้นก็ดูจะทำให้เกมเมอร์ชอบ และขายดีกันมาจนถึงปัจจุบันด้วย ทำให้ทางค่าย Koei Tecmo ที่มีประสบการณ์ทำเกม Nioh มาถึง 2 ภาค ล่าสุดนี้ก็ได้วางขายเกมใหม่ในชื่อ Wo Long: Fallen Dynasty ที่มาในฉบับ 'สามก๊ก Souls-like' ให้เล่นกันแล้วนะ แต่ว่าเกมจะคุณภาพเยี่ยมเหมือนกับ Nioh หรือไม่ ก็มารับชมรีวิวจากทางเรากันเถอะ!!!คลิปตัวอย่างให้โหมโรงก่อนชมรีวิวคุณคือจอมยุทธเหนือมนุษย์ยุคสามก๊กเกมนี้จะเล่าเรื่องอ้างอิงจากวรรณกรรมสามก๊กมาเลย แต่ก็จะดัดแปลงใส่เหตุการณ์แฟนตาซีด้วย ยกตัวอย่างการมีพวกปีศาจให้พบเจอ และพลังกำลังภายในใช้สู้ศัตรูได้อย่างเวทย์มนต์ เรื่องราวของคุณนั้นคือคนปกติที่เผลอมาช่วยชาวบ้านถูกกองทัพโจรโพกผ้าเหลืองบุกในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง (โจรพวกนี้มีจริงๆ ในช่วงเริ่มเรื่องสามก๊ก) และดันเจอคนแปลกหน้ามอบพลังวิเศษให้ ทำให้ต้องกลายเป็นจอมยุทธสามารถใช้พลังกำลังภายในได้ตามที่บอกไป แล้วเกมก็ยังคงจะอ้างอิงตามสามก๊กที่มีการแบ่งเมืองจีนออกเป็น 2 ถึง 3 ฝ่าย แต่ว่าเหตุการณ์ส่วนใหญ่จะให้เราไปช่วยรบกับฝ่ายธรรมมะ หรือไปช่วยทุกฝ่ายให้กำจัดผู้มีพลังปีศาจไม่หวังดีต่อโลกออกไปจากบ้านเมือง แล้วเราก็จะได้เจอตัวละครจากสามก๊กดังๆ อย่างโจโฉ, เล่าปี่ หรือกวนอูด้วย ซึ่งต้องขอชมว่าเกมเก็บรายละเอียดเอาพวกความเป็นสามก๊กหรือตำนานจีนมาเล่าเกี่ยวข้องกันได้ดีมาก ถ้าใครเคยอ่านวรรณกรรมหรือรู้เรื่องพวกตำนานจีนมาเยอะ คุณจะรู้สึกฟินเซอร์ไพร์สเกมนี้เอาเรื่องเลย* ผู้เล่นจะสามารถสร้างตัวละครแบบเลือกเพศ และปรับแต่งหน้าตาได้โดยของเกมนี้ปรับได้ละเอียดเอาเรื่อง ยกตัวอย่างปรับความยาวของเส้นผมเฉพาะด้านหน้าได้ ** พวกชุดเกราะหรืออาวุธ แน่นอนว่าอ้างอิงมาจากตอนจีนยุคกลางด้วยขณะที่บางชุดจะมีการทำให้มันดูแฟนตาซีสุดเท่มากขึ้น ** เกมขนตัวละครจากสามก๊กมากันเพียบ แม้ตัวนั้นๆ จะไม่ได้ดัง แถมหลายๆ ด่าน จะมีให้ตัวพวกนี้มาช่วยเราสู้ด้วย หรือเราเรียกมาช่วยเองก็ได้ต่างหาก *อย่างไรก็ตาม คุณก็ไม่ควรไปคาดหวังอะไรเกี่ยวกับเนื้อเรื่องเลย เพราะเกมจะเล่าเรื่องตัดฉากไปมาแบบพามึนมาก อารมณ์แบบงบการสร้างนั้นไม่พอ หรือคนสร้างเกมต้องการจะบอกว่าไม่ได้ใส่ใจให้สนเนื้อเรื่องขนาดนั้น จะขายเกมเพลย์ยอดเยี่ยมเป็นหลักล้วนๆ โดยมันก็เป็นเรื่องที่น่ามองข้ามได้ตามสไตล์เกม Action RPG Souls-like แต่ก็แอบน่าเสียดายนิดๆ เนื่องจากเกมใส่เซอร์ไพร์สเรื่องราวสามก๊กหรือตำนานจีนไว้เยอะมาก แต่การเล่าเรื่องในเกมก็ไม่ได้ใส่ใจอธิบายว่าทำไมเราต้องสนใจตัวละครนั้นๆ หรือทำให้ต้องตื่นเต้นจนเป็นภาพจำอะไรในหัว ทั้งๆ ที่เกมนี้จะให้คุณได้ความรู้จากเรื่องราวสามก๊กตั้งแต่ต้นจบวรรณกรรมเลยแท้ๆ* ตัวละครทุกตัวในเกมนี้ ยังสร้างเสน่ห์ให้เราจำได้ว่าใครเป็นใครดีมากๆ ด้วยแต่ด้วยความที่เกมไม่เน้นใส่ใจเล่าเรื่อง แถมบางตัวก็โผล่มาแปปเดียว หรือแค่ด่านเดียว *นี่คือเกมที่ระบบ RPG ไอเดียดีมาก และยังทำให้หลากหลายเกมนี้จะยังคงเล่นเหมือนเกมแนว Souls-like อื่นๆ นั่นคือการผจญภัยตีมอนสุดท้าทายเรื่อยๆ และก็จะได้ไปเจอบอสที่ทำให้คุณต้องตายบ่อยๆ ส่งผลให้คุณต้องหาวิธีปราบ พร้อมกับเก็บแต้มมาอัปเลเวลให้ตัวละครเก่งขึ้นด้านใดด้านหนึ่ง แล้วก็หาฟาร์มชุดเกราะกับอาวุธให้ทรงพลัง โดยเกมนี้จะยังมีการเอาระบบการเล่นจาก Nioh ยกมาทั้งหมดเลย แต่ก็มีการปรับใหม่ให้คนเล่นเข้าใจง่ายขึ้น แถมน่าสนใจมากขึ้นอีก โดยอย่างแรกคือระบบอัป Stat ที่จะมีให้เลือก 5 รูปแบบ ยกตัวอย่างแบบ 'ธาตุไม้' ที่จะทำให้ได้ Stat ด้าน HP เพิ่มขึ้นเยอะมาก แล้วก็ยังได้พวกแต้มบล็อกการโจมตีได้บ่อยขึ้น ส่วนแบบธาตุน้ำจะทำให้เราลอบเร้นง่ายขึ้น และใช้อาวุธระยะไกลได้แรงขึ้น แล้วการอัปแต่ละธาตุยังจะทำให้เราปลดล็อกสกิลใหม่ๆ ของธาตุนั้นมาใช้ต่อสู้ได้ด้วย!!! เป็นอะไรที่ทำให้เกมหลากหลายกลับมาเล่นได้หลายรอบขึ้นมาก* ถ้าคุณเน้นอัปธาตุไม้เป็นหลัก ก็สามารถปลดสกิลเรียกฟ้าผ่ามาโจมตีศัตรูหรือจะทำให้เรียกลมมาสร้างบัฟโจมตีแล้วดูดพลังชีวิตศัตรูได้เป็นต้น ** เกมนี้ยังมีอาวุธมากถึง 16 ชนิด โดยแต่ละชนิดจะมีความเจ๋ง และสกิลโจมตีพิเศษต่างกันไป 2 แบบแล้วการใช้ชนิดอาวุธไหนให้โจมตีได้แรงมากๆ ก็ขึ้นอยู่กับธาตุที่คุณใช้ ** ส่วนพวกชุดเกราะจะไม่มีระบบธาตุมาเกี่ยว แต่ก็มีชุดหลายแบบ พร้อมใส่เพื่อเพิ่มความต้านทานกับต้านพลังธาตุแล้วก็มีเรื่องน้ำหนัก ที่ถ้าเราใส่หนักน้อยๆ ก็สามารถหลบหลีกได้คล่องแคล่วดีกว่า *อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องมีในหลายเกม Souls-like คือ 'กองไฟจุด Checkpoint' ที่จะให้เราเกิดใหม่จุดนั้นได้เมื่อตาย หรือไว้ Fast Travel โดยของเกมนี้ก็ยังคงมีพร้อมคุณสมบัติแบบเกม Souls-like อื่นๆ แต่ได้เปลี่ยนใหม่ให้เป็น 'ธง' ที่เราจะปักแล้วไว้ใช้อัปเกรดตัวละคร, ปรับแต่งสกิล, ซื้อขายไอเทม, ตั้งห้อง Coop หรือไปบุกโลกชาวบ้าน และไว้ใช้เรียก AI มาช่วยสู้ได้ถึง 2 คน (ตามที่แจ้งไปว่าเราเรียกตัวละครจากโลกสามก๊กมาช่วยสู้ได้) ซึ่งที่มันมีประโยชน์เยอะขนาดนี้ก็เพราะเกมจะแบ่งเป็นด่านๆ ตายตัวไปเลย แต่ก็ยัง Fast Travel ไปด่านอื่นๆ หรือกลับหมู่บ้านไปอัปเกรดไอเทมได้ตลอดเวลา แล้วเกมจะยังมีระบบ 'ธงเล็ก' ที่ซ่อนอยู่ตามทุกด่านให้ผู้เล่นไปหาปักเพื่อเพิ่มคะแนน 'ขั้นต่ำของกำลังใจ' ซึ่งเรื่องคะแนนกำลังใจ Morale เราจะพูดถึงกันอีกทีภายหลัง แต่เจ้าระบบธงเล็กก็ทำให้เกมน่าสำรวจแผนที่มากขึ้น และแผนที่เกมนี้ก็ทำมาดีหลายด่านเลยทีเดียว* ด่านเกมนี้จะมีความกว้างใหญ่พอสมควร และมีพื้นที่ลึกลับให้พบเจอหลายเส้นทางทำให้ผู้สร้างเกมจะเอาธงเล็กไปซ่อนตามด่านต่างๆ ที่บางทีผู้เล่นต้องวนไปมาถึงหาเจอ ** แต่ละด่านในเกมนี้ยังส่งผลให้ผู้เล่นจะได้เจอความท้าทายไม่เหมือนกัน ยกตัวอย่างด่านอู่เรือที่เราเสี่ยงตกน้ำตายได้บ่อยๆหรือด่านที่มีสารพิษระบาด ถ้าโดนจะทำให้ตัวละครแรงหมดเรื่อยๆ แล้วเราก็ต้องไปโดนสารพิษเพื่อสู้มอนบ่อยๆ *พวกระบบสวมใส่ของตัวละครในเกมนี้ก็จะไม่มีความซับซ้อนอะไรด้วย เพราะผู้เล่นจะใส่อาวุธประชิตได้ 2 ช่อง, อาวุธโจมไกล 2 ช่อง, อุปกรณ์สร้างความได้เปรียบ 2 ช่อง, ชุดเกราะ 4 ช่อง, เครื่องราง 2 ช่อง และไอเทมไว้ใช้เพิ่มพลังชีวิต หรืออื่นๆ อีกหลายช่อง โดย UI ถือว่าทำมาได้เข้าใจง่ายเลย รวมทั้ง UI อธิบายคุณสมบัติอาวุธกับชุดเกราะก็เข้าใจไม่ยาก แต่ปัญหาเดียวที่พบคือไอเทมทั่วไปในเกมนี้มันเยอะมาก และ UI ของเกมก็อธิบายประโยชน์ของมันได้ไม่ดีเท่าไหร่ คุณจะต้องอ่านข้อมูลไอเทมนั้นๆ ด้วยตัวหนังสืออันยาวเยื้อย แล้วต้องอ่านไปอ่านมาถึงจะเข้าใจว่ามันคือ 'ไอเทมเพิ่มจำนวนยาเพิ่มเลือด' เป็นต้น ซึ่งผู้สร้างเกมน่าจะอธิบายง่ายๆ กว่านี้หน่อย มันทำให้คนเล่นหงุดหงิดต้องมานั่งอ่าน!!!* หน้าตา UI ช่องใส่ไอเทมรวม และช่องอธิบาย Stat ตัวละคร ** หน้าตา UI ที่เราต้องมานั่งอ่านคุณสมบัติไอเทมทั่วไปที่มีเยอะมากๆ แต่อธิบายซะยาวเยื้อย *ระบบต่อสู้ที่หลากหลาย และเป็นจุดขายเอาเรื่องเกมนี้จะมีระบบต่อสู้ที่เข้าใจง่ายมาก แต่ก็มีวิธีการต่อสู้หลายแบบเอาเรื่อง โดยท่าโจมตีปกติก็มีให้ใช้ทั้งรูปแบบโจมไวกับโจมช้าเหมือนของเกมอื่นๆ แต่ว่าผู้เล่นก็จะมีค่าความเหนื่อยจากการปล่อยท่าโจมตี (เป็นหลอดอยู่ใต้หลอดเลือด) และจะได้รับการฟื้นฟูทันทีหากโจมตีโดนศัตรู ซึ่งระบบนี้ก็เป็นมาตรฐานของทั้งตัวละครเรากับศัตรูด้วย ทำให้ถ้าศัตรูโจมเราตอนค่าความเหนื่อยเหลือ 0 เราก็จะติดสถานมึนทำอะไรไม่ได้ชั่วขณะ แล้วถ้าเราโจมศัตรูตอนค่าความเหนื่อยเหลือ 0 ก็จะได้ผลลัพธ์ให้ศัตรูติดสถานะมึนทำอะไรไม่ได้ชั่วขณะแทน แต่เกมยังจะให้ตัวละครเรามีความสามารถใช้ท่าโจมตีพิเศษได้อีก 1-2 แบบตามชนิดอาวุธที่เลือกใช้ (ถ้าใช้ดาบก็มีท่ากระโดดโจมตี หรือตีแล้วถอยหลังไวๆ เป็นต้น) โดยการใช้ก็จะต้องเสีย 'ค่าความเหนื่อย' เช่นกัน และการใช้สกิลที่ได้รับจากพลังธาตุต่างๆ ที่เราได้บอกไปแล้วก็ต้องเสียค่าความเหนื่อย ซึ่งจะเห็นได้ว่าเกมนี้ให้รางวัลการเสี่ยงเข้าโจมตีรัวๆ สูงมาก แล้วไม่ได้มาเน้นป้องกันเหมือนเกมอื่นๆ เพราะถ้าเราโจมตีโดนศัตรูรัวๆ ก็จะได้ใช้ท่าโจมตีพิเศษหรือสกิลบ่อยๆ นั่นเอง* เกมยังมีหลอดค่าความเหนื่อยสีน้ำเงิน และจะได้รับตอนเราฟื้นฟูค่าความเหนื่อยเกินหลอดปกติสีส้มของตัวเองหลอดนี้ยังเอามาแปลงเพิ่มค่าโจมตีแรงๆ ตอนใช้ท่าโจมช้าปกติได้ด้วย *อย่างไรก็ตาม เกมก็จะมีการให้กดป้องกันอยู่ทั้ง 3 แบบได้แก่ 1. เอาอาวุธบล็อกการโจมตี 2. แพรี่ 3. กลิ้งหลบ โดยการแพรี่จะเหมือนกับของเกม Sekiro ที่เราต้องกดให้พอดีตอนศัตรูโจมมาใส่ และถ้าแพรี่ได้จะทำให้เราได้รับการฟื้นฟูค่าความเหนื่อยเช่นกัน แต่ศัตรูทุกตัวยังจะมีวิธีการ 'โจมตีรุนแรงเป็นพลังปีศาจสีแดง' ที่เราจะบล็อกการโจมตีไม่ได้ ต้องกลิ้งหลบเท่านั้น หรือถ้าเราแพรี่ได้ตอนศัตรูโจมตีรุนแรงเป็นพลังปีศาจสีแดง จะส่งผลให้เราใช้ท่าทำให้ศัตรูเสียหลักจนมึนงงชั่วขณะทันทีด้วย ส่งผลให้เห็นได้ชัดว่าการแพรี่ในเกมนี้ก็มีข้อดีมากๆ รวมทั้งทำให้เราต้องฝึกเอาไว้ เพราะถ้ารวมกับการที่เกมให้รางวัลเข้าโจมตีรัวๆ ก็ทำให้เราโจมตีศัตรูได้แบบไม่ต้องกลัวอะไรเลย!* เกมยังมีระบบลอบเร้นด้วย ถ้าเราโจมตีช้าปกติจากด้านหลังจะทำให้เป็นการโจมตีลอบฆ่าที่รุนแรงมากส่งผลให้สายลอบเร้นก็จะสนุกกับเกมนี้เหมือน Sekiro * นอกจากนี้ เกมยังมีระบบใหญ่ๆ ที่ชื่อว่า 'ค่าพลังใจ' โดยมันจะเหมือนเลเวลของผู้เล่น และจะอัปเลเวลขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกำจัดศัตรูหรือไป 'ปักธงขนาดเล็ก' ที่ซ่อนอยู่ในจุดแผนที่ต่างๆ ตามที่เราเล่าให้ฟัง ซึ่งระบบนี้มันสำคัญมาก เพราะถ้าเลเวลศัตรูสูงกว่าจะทำให้มันโหดกว่าเรา แต่ถ้าเราสูงกว่าก็จะทำให้เราโหดกว่าศัตรู แล้วเลเวลตรงนี้จะเสียไปทั้งหมดถ้าเราตายหรือเล่นจบด่าน รวมทั้งถ้าเราโดนศัตรูโจมตีรุนแรงเป็นพลังปีศาจสีแดงใส่ก็จะเสีย 1 เลเวล ทำให้ผู้เล่นต้องพยายามไม่โดนหรือตายภายในเกมนี้เลย หรือถ้าเราไปตายตรงบอส ก่อนไปฆ่าบอสอีกรอบก็ต้องมานั่งฟาร์มแต้มตรงนี้ให้น่าไปสู้กัน เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ท้าทายคนเล่นให้ต้องเก็บแต้มนี้ไว้ได้เยอะๆ ถ้าหัวร้อนพาตัวละครตายบ่อยก็เสียเวลาเล่นด่านนั้นอีกยาว* ถ้าผู้เล่นปักธงขนาดเล็ก มันจะช่วยเพิ่มค่าพลังใจเลเวลขั้นต่ำให้ด้วย ยกตัวอย่างถ้าตายก็จะมาเริ่มที่เลเวล 7 ไม่ใช่ 0 ใหม่หมด *ส่วนศัตรูในเกมนี้ก็ทำออกมาดี ศัตรูทหารจอมยุทธบางคนจะเข้าสู้กับเราเหมือน 'ในหนังจอมยุทธ' พวกมันจะบล็อก และมีการหลบท่าโจมตีของเราแบบเท่มากๆ จะบอกว่าผู้สร้างใส่ใจทำอนิเมชั่นให้ดีด้วยก็ว่าได้ เพราะการสู้ในเกมนี้มันทั้งเท่ทั้งมันส์ รวมทั้งหลายๆ ด่านก็จะมีศัตรูไปแอบในที่สุดน่ากำหมัด หรือเป็นด่านหน้าประตูปราสาท ทำให้ศัตรูจะอยู่บนกำแพงคอยโจมเราจากระยะไกล และเราก็หาวิธีเอาชนะได้ยากมาก แต่ท้ายที่สุดตรงนี้ก็มีข้อเสียหนักๆ อยู่ เนื่องจากก็มีศัตรูหลายตัวเลยที่ปราบง่ายมาก รวมไปถึงบอสหลายตัวในเกมนี้ก็ปราบง่ายแบบคุณอาจไม่ได้ตายเลย หรือตายอย่างมากแค่ 1-2 รอบ!!! ซึ่งจะบอกว่าเพราะผู้พัฒนาทำบอสมากระจอกก็คงไม่ใช่ แต่น่าจะเป็นเพราะการที่เกมให้รางวัลผู้เล่นจากการเข้าโจมตีรัวๆ หรือการแพรี่มากจนโกงเกินไปเสียมากกว่า ส่งผลให้ถ้าคุณเคยผ่านเกม Souls-like มาก่อน คุณก็ไม่ควรจะหวังว่าเกมนี้จะยากท้าทายอะไรแบบนั้น และอาจแปลกใจด้วยซ้ำว่าทำไมแทบไม่ตายเลย แล้วควรมองว่ามันคือเกมเก็บเวล RPG สนุกมากๆ ไปแทน* บอสหลายตัวในเกมนี้ง่าย แต่ก็มีบอสบางตัวสู้ยากเอาเรื่องอยู่ ยกตัวอย่างลิโป้รวมทั้งการสู้บอสส่วนใหญ่ก็ให้ฉากเท่ๆ เหมือนดูหนังจอมยุทธเช่นกัน ** อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้บอสง่ายก็เพราะเราเรียกตัวละครจากสามก๊กมาช่วยสู้ได้รอบละ 2 คนเนี่ยแหละให้ 2 คนนี้ไปแท้งค์ให้ และเราก็หลอยโจมตีห่างๆ บอสแต่ละตัวเลยปราบง่ายเกินไป *คอนเทนต์ที่คุณจะได้พบในเกมนี้จนอิ่มใจขึ้นชื่อเกมค่าย Koei Tecmo แน่นอนว่ามีคอนเทนต์ให้ฟาร์มยาวมันส์ๆ จนอิ่มแน่นอน โดยอย่างแรกที่เราพูดให้ทราบไปแล้วคือระบบอัป stat ไปตามธาตุต่างๆ ที่ทำให้เกมต้องฟาร์มปลดทุกสกิลธาตุ หรือทำให้การเล่นใหม่แต่ละรอบไม่ซ้ำกัน แต่พวกระบบอาวุธกับชุดเกราะมันจะยังมีความลุ่มลึกกว่านั้นด้วย เนื่องจากเกมนี้จะมีการสุ่มอาวุธกับชุดเกราะที่มี 'เกรดดาว' กับ 'สกิลติดตัว' ให้ผู้เล่นไม่เหมือนกันตลอดเวลา ถ้าอยากได้อาวุธหรือชุดเกราะดีสุดคือต้องหาแบบ 5 ดาว แล้วพวกสกิลติดตัวต่อไอเทม 1 ชิ้นก็มีได้หลายสกิลอีก ส่งผลให้แค่นี้ผู้เล่นก็ต้องมาฟาร์มกันข้ามอาทิตย์แล้ว* อาวุธกับชุดเกราะยังเอาไปอัปเกรดตีบวกได้หลายชั้น และเปลี่ยนสกิลติดตัวได้ด้วยแต่ก็ต้องใช้วัตถุดิบที่เราก็ต้องไปหาฟาร์มมาอีกยาวๆ *ส่วนถ้าถามว่าแล้วหลังเล่นเนื้อเรื่องหลักจบจะมีอะไรให้ทำอีกบ้าง? แน่นอนว่าด้วยความที่เกมนี้เป็นแนว Souls-like สิ่งที่มีแน่นอนคือโหมด New Game Plus ให้ผู้เล่นกลับมาเริ่มผจญภัยใหม่อีกรอบ แต่มีของที่เคยฟาร์มมาให้ใช้ครบทุกอย่าง และช่วง New Game Plus ก็จะทำให้เกมยากสูงขึ้นกว่าเดิมแบบเห็นได้ชัดด้วย (แต่พวกบอสก็ยังปราบง่ายเหมือนเดิม) ซึ่งก่อนจะไป New Game Plus เกมจะยังมีพวกเควสเสริมที่มีบอสต่างกันให้พบเจออีกจำนวนเยอะมาก ส่งผลให้เกมนี้จะพาคุณเล่นเกิน 100 ชั่วโมงได้สบายๆ แน่นอน* เกมยังมีระบบชื่อเสียงฉายา ให้เราปลดล็อกชื่อเสียงต่างๆ ด้วยการทำเควสสะสมสิ่งต่างๆ ให้ครบซึ่งก็มีอีกหลายเควสเลย ไม่ต้องกลัวว่าเล่นจบแล้วไม่มีอะไรทำไว *อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเกมนี้เพิ่งวางจำหน่ายไปเท่านั้น และแจ้งด้วยว่าจะมีการขาย Season Pass ส่งผลให้เอาจริงๆ คอนเทนต์ช่วงท้ายเกมก็ยังไม่ได้หลากหลายมากถ้าเทียบกับเกม Souls-like อื่นๆ หรือ Nioh แล้วก็ต้องมารออัปเดตอีกเรื่อยๆ เลย แต่ผู้เขียนเชื่อว่าหลังผ่านไป 1 ปี เกมจะมีคอนเทนต์ท้ายเกมให้เล่นยาวเกิน 500 ชั่วโมงได้แน่นอน เนื่องจากผลงานเก่าๆ อย่างเกม Nioh นั้นคนซัดไปเกิน 1,000 ชั่วโมงยังมีเลยนะ!!!ประสิทธิภาพยังคงตามสไตล์เกมค่าย Koei Tecmoอย่างที่ใครหลายคนคงเห็นกันแล้ว ว่าเกมนี้ได้คะแนนรีวิวบน Steam อยู่ในระดับ 'แง่ลบเป็นส่วนมาก' เนื่องจากปัญหาการพอร์ทเกมที่ไม่ดีเลย และเล่นไม่ลื่นหรือมีอาการกระตุก โดยผู้เขียนก็ขอเป็นอีกหนึ่งคนที่ยืนยันว่าเกมนี้พอร์ทได้ไม่ดี แต่ถ้าเทียบกับ Wild Hearts (เกมที่ Koei Tecmo เพิ่งวางขายไปใกล้ๆ กับเกมนี้) มันก็ถือว่ากระตุกน้อยกว่ามากๆ เนื่องจากผู้เขียนจะไปกระตุกแค่ช่วงโหลดฉากหรือเริ่มฉากอะไรพวกนี้เท่านั้น แต่ปัญหาเรื่องเฟรมเรทคือหนักสุดๆ เพราะเสปคที่ผู้เขียนใช้คือ i5-12400f กับ RTX 3070Ti ที่เล่นเกมฟอร์มยักษ์อื่นยังได้สบายๆ แต่กลับเกมนี้ถ้าปรับกราฟิกสุดที่ระดับภาพ 2K เฟรมเรทหลายด่านจะอยู่ที่ 40-60 เฟรม ซึ่งด้วยความที่เป็นเกมต้องจับจังหวะแพรี่ดีๆ ด้วย การเล่นไม่ลื่นจึงส่งผลร้ายแรงอย่างมาก แต่โชคดีที่พอปรับกราฟิกปานกลาง หลายด่านจะนิ่งที่ 60 เฟรม แต่ความน่าแปลกคือเกมนี้มันก็ไม่ได้ภาพสวยอะไรขนาดนั้น ภาพในเกมจะอารมณ์เหมือนตอนยุค PS3 ทำให้เห็นได้ชัดว่าพอร์ทมาไม่ดีจริงๆ* แต่ถึงภาพไม่สวย เกมก็ยังทำหลายฉากให้ดูรู้สึกฟินเอาเรื่องอยู่ *ส่วนประสิทธิภาพโหมดออนไลน์ อันนี้ก็ทำได้ตามฉบับเกม Souls-like อื่นๆ เช่นกัน โดยก็ถือว่าอยู่ในขั้นดี เนื่องจากมีเซิร์ฟเวอร์เสถียร ทำให้ไม่มีปัญหาหลุดตอน Coop อะไรแบบนั้น แต่ก็แน่นอนว่าตอน PvP ปัญหาที่เราต้องไปเจอคือปิงคนเล่นไม่เสถียรก็ยังอยู่เช่นกัน ทำให้ผู้เล่นฝั่งศัตรูจะวาร์ปมาจ้วงหลังเราแบบงงๆ ได้สรุปWo Long: Fallen Dynasty เป็นอีกหนึ่งเกมแนว Action RPG ที่แปลกใหม่ และยอดเยี่ยมอย่างมาก พร้อมกับมีคอนเทนต์ให้ชาว RPG ได้ไปฟาร์มกันแบบอิ่มอกอิ่มใจแน่นอน แต่มันก็มีจุดปัญหาหลักๆ คือมันก็เป็นเกมแนว Souls-like แต่มันกลับไม่ได้ท้าทายให้ตายบ่อยเหมือนเกมอื่นๆ เพราะเกมดันทำให้ผู้เล่นเก่งกว่าบอสเกินไป ทั้งๆ ที่ในเกม Nioh ก็ยังรู้สึกว่าไม่ได้ง่ายจนต้องแปลกใจขนาดนี้ โดยเอาจริงๆ ก็เป็นเรื่องมองข้ามไปได้ถ้าคุณชอบเกมที่ระบบ RPG หลากหลายมากกว่าจะต้องสู้กับศัตรูยากๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วก่อนซื้อคุณก็ต้องถามตัวเองต่ออีกว่า 'คุณโอเคที่จะเล่นเกม RPG ระดับเทพ แต่ภาพเหมือนเกมสมัย PS3 และยังกินเสปคระดับเกมยุคนี้หรือไม่?'ส่วนใครที่อยากได้เกมนี้แบบเป็นแผ่นไว้เล่นหรือสะสม ก็สามารถไปดูรายชื่อรวมร้านค้าตัวแทนจำหน่ายในไทยได้ตามลิงก์นี้เลย : https://softsourcegame.weebly.com/where-to-buy.html #softsourcegames* ขอขอบคุณทางผู้จัดจำหน่ายเกมด้วย ที่ส่งเกมนี้มาให้พวกเราได้เล่น และรีวิวกันนะครับ *
07 Mar 2023
[Review] รีวิวเกม SEASON : A Letter to the Future ส่งต่อความทรงจำของมนุษยชาติยุคปัจจุบันสู่อนาคต
ในช่วงต้นปี 2023 นี้ ถือว่าเป็นปีที่วงการเกมกลับมาคึกคักอีกครั้ง เกมฟอร์มยักษ์ล้วนออกมาดี และประสบความสำเร็จ แต่ในขณะเดียวกัน เกมอินดี้ที่กลายเป็น Hidden Gem กันตั้งแต่ต้นปีเองก็มีเช่นกัน เกมที่ว่าคือ SEASON: A Letter to the Future เกมอินดี้สุดลึก ที่จะสอนให้คุณสัมผัสกับสิ่งของและผู้คนรอบตัว ก่อนที่โลกจะสูญสิ้น นี่คือเกมแนว Post-Apocalypse แบบใหม่ที่เราไม่ต้องสวมบทเป็นฮีโร่ แต่ให้ดื่มด่ำกับบรรยากาศในช่วงโค้งสุดท้าย และเกมนี้จะเป็นยังไง มาดูรีวิวของเรากันได้ช่วงเวลาสุดท้ายของทุกคน เราเลือกจะทำอะไร ?SEASON: A Letter to the Future ว่าด้วยเรื่องราวของครอบครัวหนึ่ง โดยผู้เล่นจะได้รับบทเป็นหญิงสาวที่ชื่อ Estelle ที่เกิดและเติบโตมาในเมือง Caro ครอบครัวและเมืองของเธอรับรู้ถึงหายนะที่กำลังจะพัดพาทุกสิ่งบนโลกให้หายไป ในขณะที่ทุกคนเตรียมสังสรรค์และใช้เวลาอยู่ร่วมกับคนที่รักในครั้งสุดท้ายของชีวิต Estelle ตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านเกิดเป็นครั้งแรก โดยเป้าหมายของเธอคือบันทึกสิ่งต่าง ๆ ที่เธอได้เจอ สถานที่ที่ไป ผู้คนที่ได้คุย เพื่อส่งต่อให้กับมนุษย์รุ่นถัดไปในอนาคตเนื้อเรื่องของ SEASON: A Letter to the Future นั้น ปูมาให้เราแค่นี้ ส่วนที่เหลือต้องอาศัยการผจญภัย การตีความของผู้เล่น แต่เกมมันก็ไม่ใช่การนำเสนอความลึกอะไรขนาดนั้น ทุกสิ่งอย่างรอบตัวของฉากในเกม จะเป็นตัวบอกเล่าเรื่องราว เพียงแต่ผู้เล่นจะต้องขยันสำรวจ และตั้งใจอ่าน และสังเกตสิ่งของรอบตัว เพื่อเข้าใจว่าสถานที่ที่ Estelle เดินทางผ่านนั้น มันมีเรื่องราว มีเหตุการณ์อะไรซ่อนอยู่ และเกมจะเล่าสลับตัดกับเหตุการณ์ก่อนที่ Estelle จะออกเดินทาง ที่เธอได้พบเจอ และพูดคุยกับตัวละครต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นเนื้อเรื่องที่ทำให้เราหันกลับมาตั้งคำถามและมองตัวเองได้อีกแง่ ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริง ๆ ตัวเราจะตัดสินใจแบบไหน จะออกเดินทางหรือไม่ หรือจะใช้เวลาสุดท้ายร่วมกันกับทุกคนที่รักสำหรับเกมนี้ต้องบอกว่าเป็นเกม Story Rich อย่างแท้จริง เกมจะเต็มไปด้วยเนื้อหาทั้งจากตัวละครหลักและตัวละครเสริมในเกม และเป็นเนื้อเรื่องที่ผู้เล่นต้องทำความเข้าใจด้วย ไม่เช่นนั้นอาจจะไม่อินกับโลกในเกมนี้เลย แต่สำหรับใครกำลังมองหาความแปลกใหม่ในการเสพสื่ออย่างวิดีโอเกม SEASON: A Letter to the Future ถือว่าทำออกมาได้ดีและลึกล้ำมาก ๆ แต่ด้วยความที่เป็นเกมนำเสนอแบบเน้นเนื้อหา ใครหวังจะได้เล่นเกมสนุก ๆ อาจจะต้องปล่อยผ่านเกมนี้ไป ซึ่งเรากำลังจะเล่าให้เข้าใจกันในส่วนของเกมเพลย์การนำเสนอและงานภาพที่อาจทำให้คุณแคปภาพเก็บไว้ทุกนาทีที่เล่นก่อนจะเข้าสู่เรื่องของเกมเพลย์ จุดขายที่เป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์มาก ๆ ของเกมนี้เลยคือเรื่องของการนำเสนอและงานศิลป์กับภาพกราฟิก จริงอยู่ว่าเกมนี้ไม่ได้เน้นกราฟิกที่อลังการงานสร้างนัก แต่ด้วยขุมพลังของ Unreal Engine ทำให้เกมนี้ยังสามารถรังสรรค์งานภาพแบบการ์ตูนและโทนสีที่มีเอกลักษณ์มาก  นอกจากนั้น ในการดีไซน์โลกและพื้นที่ต่าง ๆ ของเกมก็ทำออกมาได้ดี อย่างเช่นเมือง Caro ที่เหมือนได้รับแรงบันดาลใจมาจากเมืองที่มีอยู่จริง และเอาแค่ช่วงแรกที่มีการขี่จักรยานออกจากเมือง เพื่อเริ่มต้นการเดินทาง เราก็สามารถแคปรูปภาพสกรีนช็อตได้เป็นสิบรูปแล้ว เรียกได้ว่าใครชื่นชอบงานภาพสไตล์นี้ บอกเลยว่าเกมนี้มอบประสบการณ์การเสพงานภาพที่เต็มอิ่มและคุ้มค่าให้กับผู้เล่นแต่ถึงจะเป็นการออกเดินทางไปยังโลกกว้าง แต่ตัวเกมก็ไม่ได้นำเสนอเกมการเล่นในแบบ Open World แต่อย่างใด เมื่อถึงสถานที่สำคัญต่าง ๆ ผู้เล่นจะสามารถจอดรถจักรยาน และลงไปเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ ได้ หากพยายามจะออกนอกลู่นอกทาง จะเจอกำแพงลมเหมือนที่เกมอื่น ๆ ชอบใช้กัน และเกมนำเสนอเกมการเล่นแบบเส้นตรงเพียว ๆ ดังนั้นเกมนี้จะเป็นการปล่อยให้ผู้เล่นดื่มด่ำกับเนื้อหาแบบเต็ม ๆ และไปใช้สมองกับการตีความเนื้อหาและทำความเข้าใจเนื้อเรื่องกับเหตุการณ์ในโลกแทนแม้จะเป็นส่วนน้อยในด้านการนำเสนอ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันโดดเด่นมาก แทบไม่มีเกมไหนที่ใช้วิธีการนำเสนอแบนนี้ ในด้านงานภาพและการเล่าเรื่อง ยิ่งเดินทางผ่านไปเรื่อย ๆ เราจะยิ่งอิน ยิ่งอยากรู้ อยากสำรวจ อยากทำความเข้าใจว่า โลกที่ Estelle กำลังไปเจอ จะเป็นแบบไหน และเราจะได้สัมผัสอะไรจากมันบ้าง ใครกำลังมองหาเกมที่เหมือนกับศิลปะดี ๆ สักชิ้น บอกเลยว่านี่แหละคือคำตอบ แต่ใครไม่อิน อยากบู๊ อยากลุย นี่ไม่ใช่เกมแบบนั้นแน่นอน เกมเพลย์ที่เน้นการเก็บสะสมเรื่องราวและบรรยากาศจนเหมือนไม่ใช่ "วิดีโอเกม"ไม่รู้ว่าเกมเมอร์ยุคนี้ยังคุ้นเคยกับแนวเกม Point & Click อยู่หรือไม่ เกมแนวนี้ผู้เล่นจะไม่ต้องทำอะไรมาก นอกจากใช้เมาส์คลิก ๆ ไปตามฉากเพื่อสำรวจและเก็บของ แต่เกมนี้ไม่ใช่ Point & Click 100% เพราะมันยังมีหลายฉากที่ผู้เล่นต้องควบคุมด้วยคีย์บอร์ด เช่นการควบคุมตัวละคร Estelle หรือการใช้กล้องถ่ายรูปและเครื่องอัดเสียงเพื่อบันทึกเรื่องราวและความทรงจำแต่ที่เราบอกว่าเกมเพลย์มันเป็นแนว Point & Click นั้น เพราะเกือบ 70-80% มันจะเป็นแบบนั้น เมื่อเราอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เราสามารถที่จะโต้ตอบกับสิ่งของและวัตถุต่าง ๆ ในฉากนั้นได้ โดยสิ่งของในฉากต่าง ๆ ก็จะเป็นจดหมาย เป็นคำบอกเล่า เป็นอะไรก็ตามที่จะเล่าเรื่องราวหรือที่มาที่ไปในสถานที่นั้น ๆ หัวใจสำคัญของเกมนี้คือการสะสมเรื่องราวที่จะเป็นแรงบันดาลใจ (Inspiration) โดยนำเอาสิ่งของต่าง ๆ ที่เก็บได้ มาจดหรือแปะลงในสมุดบันทึกของเรา เมื่อได้ค่า Inspiration จนเต็ม เราจะได้ของตกแต่งมาตกแต่งสมุดเพิ่มขึ้น ซึ่งถ้าเราจะบอกว่าทั้งเกมมันมีแค่นี้จริง ๆ หลายคนก็อาจจะยังไม่เชื่อ แต่ขอให้เชื่อว่านี่คือทั้งหมดของเกมเพลย์เกมนี้แล้ว เพราะหลัก ๆ เกมนี้จะให้เราดื่มด่ำไปกับบรรยากาศ และเสพเนื้อเรื่องในพื้นที่ต่าง ๆ จริงอยู่ว่ามีช่วงที่เราจะได้ปั่นจักรยานออกสำรวจพื้นที่ และอย่างที่บอกว่าเกมนี้ไม่มี Free Roam หรือการสำรวจใด ๆ ทั้งสิ้น เรียกได้ว่านี่อาจจะเป็นเหมือนการจดบันทึกก่อนโลกล่มสลาย แต่ไม่ใช่ในชีวิตจริง แต่เป็นวิดีโอเกม และทำให้มันดูเหมือนจะไม่ใช่เกมด้วยซ้ำ ดังนั้นใครที่คิดจะซื้อเกมนี้มาเล่น บอกเลยว่าต้องชอบการเสพบรรยากาศและการอ่านเท่านั้น เพราะจากที่ผู้เขียนได้ทดลองเล่นมา นี่เป็นอีกเกมที่มีวลีกินใจ และคำคมชวนฉุกคิดอยู่เป็นจำนวนมากตลอดการเดินทาง ซึ่งหากจะมองว่ามันทำได้ดี มันก็ดีแน่นอน แต่การที่มันนำเสนอตัวเองเป็นวิดีโอเกม อาจทำให้ใครหลายคนผิดหวังพอสมควร แต่หลังจากที่เราเก็บรวบรวมเรื่องราวลงในสมุดให้เป็นรูปแบบต่าง ๆ ได้แล้ว เกมจะตัดเข้าคัทซีนที่ค่อย ๆ เล่าเรื่องราวที่เราเก็บสะสมมาได้ เหมือนเป็นการระลึกถึงมัน ก่อนที่จะเดินทางไปยังจุดต่อไป ก็ถือว่าเป็นการนำเสนอในรูปแบบวิดีโอเกมที่ดีในด้านของประสิทธิภาพตัวเกม ดว้ยความที่ใช้ Unreal Engine ซึ่งมีเสถียรภาพของมันเองอยู่แล้ว และเกมนี้ยังสามารถขับภาพกราฟิกได้ด้วยการลบรอยหยักและใช้ประสิทธิภาพจากเทคโนโลยี DLSS ได้ด้วย ก็ยิ่งทำให้ภาพดูสดใส สวยงามขึ้น แม้จะเป็นแค่กราฟิกแบบการ์ตูน แต่ก็ยังคงได้ภาพที่น่าประทับใจ และเป็นมิตรต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่พอจะเล่นเกมยุคปัจจุบันนี้ได้SEASON: A Letter to the Future เป็ฯอีกหนึ่งเกมที่ไม่ใช่วิดีโอเกม มันเป็นเหมือนงานศิลป์ เป็นจดหมายที่ผู้พัฒนา ตั้งใจส่งถึงผู้เล่นให้ลองคิดทบทวนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ว่าถ้าเกิดวันนึงโลกเรามีอะไรแบบนี้เกิดขึ้นจริง ๆ คำตอบแบบไหนที่เราจะตอบกับตัวเอง แม้เกมจะมีเรื่องราวที่ชัดเจนเป็นของตัวเอง แต่หลายครั้งระหว่างเล่นที่เราอาจจะมานั่งคิดกับตัวเองอยู่เหมือนกัน เพราะมันมีช่องว่างของเกมเพลย์ที่ไม่ได้เป็นเกมขนาดนั้นให้เราคิดอยู่เสมอ
03 Mar 2023
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
***ขอขอบคุณบริษัท Sony Interactive Entertainment สำหรับอุปกรณ์ PS VR2 และเกมสำหรับรีวิว***หากย้อนกลับไปเมื่อปี 2016 ผู้เขียนได้มีโอกาสรีวิวเครื่องอุปกรณ์ PlayStation VR รุ่นแรก ที่แม้จะมีข้อจำกัดในด้านการใช้งานและศักยภาพอยู่มาก แต่ก็เป็นตัวเลือกเดียวสำหรับเกมเมอร์สายคอนโซลที่ต้องการจะสัมผัสกับประสบการณ์เกม VR โดยไม่ต้องลงทุนกับคอมพิวเตอร์ราคาแพง ยังไม่รวมอุปกรณ์ VR สำหรับ PC ในขณะนั้น ที่ล้วนมีราคาสูงกว่าเครื่อง PS VR อย่างมากหลังจากที่เวลาล่วงเลยมา 6 ปี ทาง Sony ก็ได้กลับมาอีกครั้งกับอุปกรณ์ PS VR2 ซึ่งแลดูจะเป็นการพลิกบทบาทจากเครื่อง PS VR รุ่นแรกไปอย่างสิ้นเชิง ในฐานะอุปกรณ์ VR คุณภาพสูงที่มีราคาแพงกว่าอุปกรณ์ของคู่แข่งอย่าง Oculus/Meta หรือกระทั่งราคาของเครื่องคอนโซลที่ต้องใช้ร่วมกันอย่าง PlayStation 5 ไปแล้ว ซึ่งก็ยิ่งทำให้คำถามเรื่อง “ความคุ้มค่า” ของอุปกรณ์กลายเป็นประเด็นที่หลีกเลี่ยงได้ยากขึ้นไปด้วยจากที่มีโอกาสทดลองใช้อุปกรณ์ PlayStation VR2 มาระยะหนึ่ง ต้องยอมรับว่า Sony ได้ปรับปรุงคุณภาพและประสบการณ์การใช้ขึ้นจากรุ่นแรกในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะในแง่ของภาพ เสียง ความละเอียดในการจับการเคลื่อนที่ และความสะดวกสบายในการติดตั้งและใช้งาน จนพูดได้เต็มปากว่าอุปกรณ์ PS VR2 สามารถมอบประสบการณ์เกม VR ระดับสูงได้อย่างแท้จริง แม้คำถามเรื่องความคุ้มค่าของตัวอุปกรณ์จะยังคงตอบยากในขณะนี้ ในขณะเดียวกันนั้น เกม Horizon: Call of the Mountain ที่วางจำหน่ายพร้อมอุปกรณ์ ก็เป็นตัวอย่างที่ดีที่จะใช้ในการพูดถึงประเด็นเรื่อง “ความคุ้มค่า” ของอุปกรณ์ด้วย เราจึงจะทำการรีวิวเกมสั้นๆ ไปพร้อมกันในบทความนี้ฮาร์ดแวร์และการติดตั้งสำหรับเจ้า PS VR2 นี้จะมีรูปลักษณ์ภายนอกไม่ต่างจากอุปกรณ์ VR อื่นๆ ในตลาดนัก ซึ่งมีส่วนประกอบหลักๆ สองส่วนคือหน้าจอ/แว่นตา VR ที่ฉายภาพเข้าสู่ตาของผู้ใช้ และสายรัดเพื่อสวมใส่บนหัวนั่นเอง โดยตรงแว่นตา VR จะมีปุ่มที่ให้ผู้ใช้เลื่อนตัวแว่นตาเข้าหาหรือออกห่างจากลูกตาของตัวเองได้ รวมไปถึงหน้าปัดเพื่อใช้ปรับระยะห่างของเลนส์ภายในตัวแว่นให้เข้ากับสายตาของผู้ใช้ ในขณะที่สายรัดหัวเองก็มีจุดที่สามารถหมุนปรับความแน่นของสายรัด และยังมีช่องไว้เชื่อมต่อหูฟัง 3.5mm แบบพิเศษที่แถมมากับอุปกรณ์อยู่บริเวณด้านใต้ ทำให้การสวมและถอดเครื่อง PS VR2 มีความสะดวกสบายและรวดเร็วไม่น้อยลูกเล่นใหม่อย่างหนึ่งที่ผู้เขียนชอบมากคือปุ่ม Function บริเวณด้านใต้ส่วนแว่นตา VR ที่จะทำให้อุปกรณ์ฉายภาพสภาพแวดล้อมที่บันทึกโดยกล้อง 4 เลนส์ที่อยู่ด้านหน้าของตัวแว่นเข้าสู่สายตาของผู้ใช้ ทำให้สามารถมองเห็นสิ่งรอบตัวได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องถอดแว่น VR ออก ซึ่งก็ช่วยในเรื่องความสะดวกสบายในการใช้เป็นอย่างมากนอกจากนี้ แม้ว่าส่วนแว่นตา VR จะมีขนาดใหญ่พอสมควร แต่สายรัดได้ถูกออกแบบมาให้ถ่ายน้ำหนักส่วนนั้นไปไว้ด้านบนของหัว ตัวแว่น VR จึงไม่ได้หนักไปทางด้านหน้าอย่างที่คิด และสามารถสวมใส่เป็นระยะเวลานานได้โดยไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของตัวอุปกรณ์มากนัก ยกเว้นเวลาที่ต้องเงยหน้ามองขึ้นไปด้านบนซึ่งจะทำให้น้ำหนักของส่วนแว่นกดลงมาทับลงมาบนหน้าตรงๆ โดยอาจไม่เป็นปัญหานักสำหรับผู้เล่นส่วนใหญ่ แต่สำหรับคนที่ต้องใส่แว่น VR ครอบแว่นสายตาอีกที (อย่างผู้เขียน) ก็อาจจะโดนแว่น VR กดทับแว่นตาจนเจ็บได้เช่นกัน แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของ PS VR2 จะไม่ต่างจากรุ่นแรกนัก แต่สิ่งที่พัฒนาขึ้นอย่างมหาศาลก็คือความสะดวกสบายในการใช้อุปกรณ์ โดยผู้ที่เคยใช้เครื่อง PS VR รุ่นแรกมาก่อนจะทราบดีถึงความลำบากในการใช้แต่ละครั้ง ไหนจะต้องเชื่อมตัวอุปกรณ์ VR เข้ากับกล่อง adapter ก่อนต่อเข้าคอนโซล แล้วยังต้องเซ็ตตัวกล้อง PS Camera ที่มีระยะเซ็นเซอร์เพียงแคบๆ จะเล่นแต่ละครั้งจึงมีสายระโยงระยางเต็มไปหมด ยังไม่ต้องพูดถึงตอนที่เล่นเสร็จแล้วต้องเก็บทุกอย่างเข้าที่อีก ซึ่งความไม่สะดวกเหล่านี้ก็ส่งผลให้เกิดรู้สึกเหมือนมี “แรงต้าน” เวลานึกจะหยิบอุปกรณ์ออกมาเล่น แต่สำหรับเครื่อง PS VR2 ต้องใช้เพียงสาย USB-Type C ความยาว 4.5 เมตรจากตัวอุปกรณ์เข้าสู่คอนโซล PS5 เส้นเดียวเท่านั้นก็เล่นได้เลยทันที ทำให้แรงต้านในการหยิบใช้อุปกรณ์ลดน้อยลงจากรุ่นแรกอย่างมากหลายคนอาจจะตั้งคำถามว่าเมื่อไม่มีกล้อง PS Camera มาคอยจับการเคลื่อนไหวแล้ว อุปกรณ์ PS VR2 จะติดตามการเคลื่อนที่ของผู้เล่นอย่างไร? คำตอบคือในขณะที่อุปกรณ์ VR ส่วนใหญ่มักใช้วิธีการวางเซนเซอร์ไว้รอบห้องเพื่อคอยจับการกระทำของผู้เล่น เจ้า PS VR2 กลับใช้เทคโนโลยีจับการเคลื่อนไหวด้วยการใช้กล้องขนาดเล็กด้านหน้าของตัวแว่น VR ในการแสกนสภาพแวดล้อมและจับตำแหน่งของจอยทั้งสองข้างไปด้วยแทนข้อดีของการใช้กล้องเซนเซอร์ในลักษณะนี้ ทำให้ผู้เล่นมีอิสระในการกำหนดพื้นที่การเล่นของตัวเองได้อย่างยืดหยุ่นมาก โดยเราสามารถใช้จอยเพื่อลากปรับขนาดหรือรูปทรงของพื้นที่ที่เราต้องการให้เซนเซอร์คอยจับ ซึ่งอุปกรณ์จะคอยเตือนเมื่อผู้เล่นก้าวออกจากพื้นที่ที่ตั้งไว้ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เราไปเดินชนข้าวของขณะเล่นเกมเพลินๆ นั่นเอง ซึ่งความอิสระในการกำหนดขอบเขตพื้นที่ที่เราต้องการเช่นนี้ก็สามารถช่วยให้ผู้ใช้ PS VR2 สามารถเล่นเกมที่อาจต้องใช้การเคลื่อนไหวร่างกายในพื้นที่จำกัดได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น จอยเกม PS VR2 Controller และการใช้งานโดยรวมอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างมากก็คือตัวจอย PS VR2 ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะ แทนที่จะใช้อุปกรณ์รีโมท PlayStation Move ที่ต้องซื้อแยกกัน โดยนอกจากจอย PS VR2 จะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Haptic Feedback และ Adaptive Trigger จากจอย DualSense ของเครื่อง PS5 แล้ว กรอบทรงกลมที่ครอบส่วนด้ามจับของจอยยังทำหน้าที่เป็นเซ็นเซอร์ที่ช่วยจับตำแหน่งมือของผู้เล่นอย่างแม่นยำตลอดเวลาอีกด้วยจอย PS VR2 Controller ยังสามารถจับการเคลื่อนไหวของนิ้วผู้เล่นได้ในระดับหนึ่งด้วย ผ่านการตรวจจับว่าผู้เล่นวางนิ้วไว้บนปุ่มหรือแกนอนาล๊อคบนจอยหรือเปล่า ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้มีผลต่อการเล่นเกมหรือการใช้จริงเท่าไหร่ แต่ก็นับเป็นรายละเอียดสนุกๆ ที่ช่วยเสริมความรู้สึกสมจริงของอุปกรณ์มากขึ้นไปด้วยแน่นอนว่าข้อปรับปรุงที่กล่าวถึงทั้งหมดนี้ย่อมส่งผลต่อการเล่นเกมด้วย เช่นในระหว่างเล่นเกม Horizon: Call of the Mountain ที่จอยมักจะสั่นเบาๆ ทุกครั้งที่ผู้เขียนเอื้อมไปจับโขดหินเพื่อดึงตัวเองขึ้นในระหว่างที่ปีนเขาเพื่อจำลองความรู้สึกการเกร็งของข้อมือ หรือในจังหวะที่ง้างธนูค้างไว้ ที่จอยจะค่อยๆ สั่นเพื่อจำลองความล้าของแขน แม้แต่สายครอบหัวของ PS VR2 ก็ยังสั่นเพื่อจำลองความรู้สึกเหมือนมีอะไรลอยผ่านหัวไปเมื่อก้มหลบการโจมตีศัตรู ซึ่งเมื่อรวมกับคุณภาพกราฟิกของตัวอุปกรณ์ ก็เพียงพอจะหลอกสมองของผู้เขียนให้ “ลืม” ไปชั่วขณะเหมือนกันว่าเราไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริงๆในส่วนของกราฟิก เครื่อง PS VR2 มาพร้อมกับเลนส์ OLED ที่มีความละเอียดสูงถึงข้างละ 2,000 x 2,040 พิกเซลต่อตาหนึ่งข้าง ที่มีความเร็วถึง 120 Hz แถมยังสนับสนุนเทคโนโลยี HDR อีกต่างหาก ซึ่งถือว่าสูงกว่าอุปกรณ์ VR ที่ราคาเทียบเท่ากันยี่ห้ออื่นๆ พอสมควร ส่งผลให้การแสดงผลภาพที่เราเห็นนั้นมีความละเอียดสูงแทบไม่ต่างจากการดูภาพในทีวีจอแบนปกติเลยในบางจังหวะ ที่สำคัญไม่แพ้กันคือเฟรมเรตที่สูงและเสถียรอยู่เสมอ ซึ่งนอกจากจะทำให้เกมเพลย์รู้สึกลื่นไหลเป็นธรรมชาติแล้ว ยังทำให้รายละเอียดเล็กน้อยในฉากอย่างใบหญ้าที่ปลิวไหวไปตามลมรอบๆ ตัวผู้เล่นรู้สึกมีชีวิตชีวาสมจริงขึ้นมาเช่นกัน การที่ PS VR2 เชื่อมต่อกับเครื่อง PS5 ยังหมายความว่าผู้เล่นจะได้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเสียง 3D Audio อันยอดเยี่ยมของคอนโซล ซึ่งก็ยิ่งเสริมความรู้สึกสมจริงในขณะเล่นเกมได้ โดยการเล่นเกม VR ที่ให้ผู้เล่นเข้าไปยืนอยู่ในสภาพแวดล้อมเหล่านี้จริงๆ ยิ่งเป็นการดึงเอาศักยภาพของเทคโนโลยีเสียงสามมิตินี้ออกมาได้มากยิ่งกว่าการนั่งเล่นเกมหน้าจอทีวีเฉยๆ อย่างไม่ต้องสงสัยหากจะต้องมีอะไรให้ตำหนิในจุดนี้ คงเป็นการที่จอย PS VR2 Controller ดูจะแบตหมดค่อนข้างเร็ว โดยการชาร์จจนเต็มแต่ละครั้งจะสามารถใช้งานได้ราว 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น แถมการชาร์จจอยก็อาจจะมีความยุ่งยากอยู่บ้าง เพราะภายในชุด PS VR2 ให้สายชาร์จ USB-to-USB-Type C มาแค่เส้นเดียว ผู้ที่ไม่มีสายชาร์จสำรองอีกเส้นและ/หรือไม่มีหัวปลั๊กไว้เสียบ USB ก็มีทางเลือกเพียงเสียบชาร์จจอยกับ PS5 ทีละข้างเท่านั้น โดยคนที่คิดจะลงทุนซื้อเครื่อง PS VR2 อยู่แล้ว ก็อาจจะพิจารณาเพิ่มเงินอีกซักนิดเพื่อซื้อแท่นชาร์จจอยมาซะด้วยเลยเพื่อตัดรำคาญตรงจุดนี้Horizon: Call of the Mountain และความคุ้มค่าของเครื่อง PS VR2อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าหลายคนคงจะพอเห็นภาพแล้วว่าผู้เขียนประเมิน “คุณภาพ” ของอุปกรณ์ PS VR2 อย่างไรบ้าง แต่นั่นก็เป็นคนละประเด็นกับ “ความคุ้มค่า” ซึ่งเป็นคำถามที่ตอบได้ยากกว่ากันมาก โดยเกมเรือธงของอุปกรณ์ที่วางจำหน่ายพร้อมกันอย่าง Horizon: Call of the Mountain ที่ย่อมได้รับการสนับสนุนในแง่ของงบประมาณและเทคนิคมากเป็นพิเศษ อาจเป็นตัวชี้วัดที่ดีถึงศักยภาพหรือทิศทางของเกม “ระดับพรีเมียม” ที่เราอาจจะได้เห็นในอนาคตสำหรับ PS VR2 ในแง่หนึ่ง Horizon: Call of the Mountain อาจจะเป็นเกม VR เกมแรกที่ผู้เขียนเล่น ที่ให้ความรู้สึกของ “เกม AAA” ต่างจากเกม VR ส่วนใหญ่ที่คนนึกถึงทุกวันนี้ที่มีลักษณะเป็น “ประสบการณ์” (เช่น Dreams) หรือเป็น “มินิเกม” (เช่น Beat Saber) มากกว่าจะเป็นเกมเต็มรูปแบบในความหมายเดียวกับเกม PC/คอนโซลระดับ AAA ที่เรานึกถึงกัน โดยแม้ว่าระยะเวลาราว 6-7 ชั่วโมงที่ใช้ในการจบเนื้อเรื่องจะไม่ได้ยืดยาวนัก แต่เกมก็มีระบบการพัฒนาตัวละคร มีกลไก (Mechanic) เฉพาะตัวของตัวเองที่ทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน และมีเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและน่าติดตามจากต้นจนจบ ซึ่งก็เป็นพัฒนาการที่รู้สึกได้จากเกมที่เคยเล่นในเครื่อง PS VR รุ่นแรกอย่างชัดเจนกราฟิกโคตรจ๊าบ ยกนิ้วให้!ไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเป็นเกม VRการเล่นเกม Horizon: Call of the Mountain สามารถแบ่งออกเป็น 2 ขาหลักๆ นั่นก็คือการปีนเขาและการต่อสู้ ซึ่งอย่างที่หลายคนพอจะเดาออกในฐานะเกม VR การปีนเขานั้นผู้เล่นจะต้องทำท่าทางปีนเขาจริงๆ ด้วยการเอื้อมมือ (ทั้งในเกมและในชีวิตจริง) ออกไปจับโขดหินและทำท่าดึงตัวเองขึ้นไป ก่อนที่จะเอื้อมมืออีกข้างไปจับโขดหินไปเรื่อยๆ โดยอาจจะมีบางช่วงที่ต้องเล่นพัซเซิล Platforming เล็กๆ มาขั้นบ้างประปราย เมื่อถึงเวลาต้องต่อสู้ เกมจะให้ผู้เล่นเผชิญหน้ากับเหล่าเครื่องจักรที่คุ้นเคยจากซีรีส์ Horizon ด้วยการยิงธนู ควบคู่ไปกับการหลบหลีกการโจมตีของเครื่องจักรไปด้วย ซึ่งแน่นอนว่าผู้เล่นเองก็ต้องทำท่าทางตามตั้งแต่การถือคันธนู การเอื้อมไปหยิบลูกศรจากด้านหลัง การง้างและปล่อยคันธนู ไปจนถึงการก้มหลบท่าโจมตีบางท่าของเครื่องจักร โดยผู้เล่นจะสามารถสร้างและใช้ลูกธนูธาตุ รวมไปถึงเล็งยิงชิ้นส่วนของเครื่องจักรให้กระเด็นหลุดออกจากตัวมันได้ เช่นเดียวกับในเกมซีรีส์หลักอีกด้วยสำหรับผู้อ่านหลายๆ ท่าน (และผู้เขียนด้วย) การจะได้เล่นเกม Horizon ในรูปแบบ VR โดยที่ให้เราต้องปีนเขาเอง และเล็งยิงธนูเอง อาจจะฟังดูเหมือนเรื่องที่น่าสนุกอย่างไม่ต้องสงสัย และผู้เขียนก็ยอมรับว่าเกมยังสามารถมอบช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นอย่างที่เราควรจะคาดหวังได้จากเกม Horizon ฉบับ VR แต่ในภาพรวมแล้วก็พบว่าการต้องยกแขนขึ้นลงเพื่อจำลองการปีนเขาหรือง้างคันธนูซ้ำๆ กันเป็นระยะเวลานาน ก็อาจจะส่งผลให้ล้าหรือปวดไหล่ได้แม้จะไม่ต้องออกแรงเหมือนของจริงก็ตาม ซึ่งก็อาจทำให้บางคนไม่สามารถนั่งเล่นเกมติดต่อกันได้เหมือนเกมปกติทั่วไป ยังไม่ต้องพูดถึงการพยายามก้มหลบการโจมตีของศัตรู ซึ่งคนที่มีพื้นที่ไม่พอจะยืนเล่นอาจจะต้องทุลักทุเลกันซักหน่อยนอกจากนี้ แม้ว่าผู้เขียนจะไม่ได้มีอาการเวียนหัวจาก “การเคลื่อนที่” ในเกม VR อย่างที่หลายคนอาจจะเป็น แต่ก็พบว่า “การหันกล้อง” ไปมาด้วยแกนอนาล๊อคกลับทำให้ผู้เขียนรู้สึกเวียนหัวขึ้นมาทุกครั้ง ซึ่งก็หมายความว่าคนที่มีข้อจำกัดด้านพื้นที่ที่ไม่สามารถหันร่างกายได้แบบ 360 องศาเพื่อมองไปรอบตัว อาจจะต้องเผชิญกับปัญหาที่ว่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ตลอดระยะเวลาที่เล่นข้อจำกัดทางกายภาพของผู้เล่นแต่ละคนย่อมสามารถส่งผลให้ประสบการณ์เล่นเกมของผู้เล่นสองคนแตกต่างกันอย่างมาก โดยผู้เล่นที่มีพื้นที่โล่งๆ มากพอจะเล่นเกมในโหมด Roomscale ที่ทำให้สามารถขยับตัวไปมาได้อย่างอิสระ (ใช้พื้นที่ราว 2x2 เมตร) ก็จะได้รับประสบการณ์ที่แตกต่างจากคนที่เล่นเกมบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ หรือคนที่เล่นเกมบนโซฟาในห้องรับแขก ซึ่งความแตกต่างในประสบการณ์ที่ว่ามานี้ก็ควรถูกคำนึงถึงในการพยายามประเมินความคุ้มค่าของตัวอุปกรณ์ PS VR2 เช่นกันแม้ว่าเกม Horizon: Call of the Mountain จะมีช่วงเวลาที่น่าจดจำอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะการได้เห็นเครื่องจักรขนาดยักษ์ล้มกลิ้งลงไปเพราะลูกธนูที่เราเป็นคนง้าง เล็ง และยิงเอง ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นทุกครั้ง แต่เกมก็อาจมีข้อจำกัดทางกายภาพทั้งในแง่ของพื้นที่ที่ต้องใช้ในการเล่น ซึ่งอาจส่งผลต่อประสบการณ์เกมอย่างเลี่ยงไม่ได้ รวมไปถึงสภาพร่างกายของผู้เล่นแต่ละคนที่อาจเอื้อต่อการควบคุมเกมด้วยท่าทาง (Motion Control) มากน้อยแตกต่างกัน และเมื่อคำนึงถึงว่าการควบคุมเกมด้วยร่างกายเช่นนี้มีแต่จะถูกพัฒนาให้ซับซ้อนและสมจริงมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อจำกัดเหล่านี้ก็จะยิ่งชัดเจนขึ้นไปด้วยในอนาคต โดยเฉพาะในเกมระดับพรีเมียมที่เป็นจุดดึงดูดสำหรับคนส่วนใหญ่ประเด็นเรื่อง “เกม” ที่จะมีให้เล่นบนเครื่อง PS VR2 ก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องพิจารณา ซึ่งในขณะนี้เครื่อง PS VR2 ยังมีเกมที่เล่นได้จริงๆ ไม่มากขนาดนั้น เพราะเกมสำหรับ PS VR รุ่นแรกมาก่อนจะไม่สามารถนำเกมมาเล่นใน PS VR2 ได้ โดยแม้ว่าทาง Sony จะยืนยันว่าเกมส่วนใหญ่จะได้รับการวางจำหน่ายสำหรับ PS VR2 อย่างแน่นอนในอนาคต แต่เกมเหล่านี้ส่วนใหญ่ๆ ก็เล่นได้ในอุปกรณ์ VR อื่นอยู่แล้ว ในขณะที่เกม AAA ระดับเดียวกับ Horizon: Call of the Mountain ก็ยังไม่รู้ว่าจะออกมาให้เล่นกันอีกเมื่อไหร่ ซึ่งก็อาจทำให้หลายคนไม่กล้าซื้อเครื่องในช่วงนี้ แต่ในทางกลับกัน การที่ยอดขายเครื่องไม่กระดิกก็อาจส่งผลให้ผู้พัฒนาเกมไม่อยากจะลงทุนสร้างเกมสำหรับเครื่องเช่นกัน นี่จึงยังเป็นอีกจุดที่ต้องดูกันต่อไปว่าวงการเกมโดยรวมจะสนับสนุนเจ้า PS VR2 แค่ไหนในอนาคตที่กล่าวมาทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่ได้ต้องการจะตำหนิตัวเครื่อง PS VR2 หรือเกม Horizon: Call of the Mountain แต่อย่างใด เพียงแต่ต้องการจะชี้ให้เห็นว่า “ความสนุก” หรือ “ความน่าซื้อ” ของอุปกรณ์อาจไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพของกราฟิกหรือตัวเกมเพียงอย่างเดียว แต่อาจต้องคำนึงถึงข้อเท็จจริงว่าพื้นที่ที่เรามีอยู่ หรือร่างกายของเรานั้นพร้อมรองรับประสบการณ์ VR เต็มรูปแบบที่เครื่อง PS VR2 พร้อมจะมอบให้หรือไม่ ซึ่งต่อให้มีเงินพร้อมก็อาจยังไม่น่าซื้อถ้าพื้นที่หรือร่างกายไม่เอื้อให้เราสามารถใช้งานมันอย่างเต็มประสิทธิภาพจริงๆสุดท้ายนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องเกม PS VR2 ถือเป็นอุปกรณ์เสริมคุณภาพสูง ที่มีศักยภาพในการมอบประสบการณ์เกม VR ระดับชั้นนำได้อย่างแน่นอน โดยเกม Horizon: Call of the Mountain ก็ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ศักยภาพของอุปกรณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม หากคุณตัดสินใจแล้วว่าอยากหาอุปกรณ์ VR มาเล่นดูซักเครื่องให้ได้ ตัว PS VR2 ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย แต่สำหรับคนที่ยังสองจิตสองใจอยู่ ก็อาจต้องค่อยๆ หาคำตอบให้ตัวเองกันต่ออีกระยะหนึ่ง
22 Feb 2023
[Review] รีวิวเกม Definitely Not Fried Chicken เปิดร้านขายไก่บังหน้า แต่ข้างหลังทำธุรกิจสีดำ
Definitely Not Fried Chicken เป็นเกมแนวบริการกิจการ ที่มี Concept สุดเจ๋ง กับเบื้องหน้าที่เราจะได้เปิดร้านขายไก่ทอด แต่เบื้องหลังจะได้ทำธุรกิจมืดต่าง ๆ ซึ่งพอเห็นแนวคิดของเกมสุดเจ๋งขนาดนี้ ผู้เขียนก็ได้ซื้อลงคลังไว้ตั้งแต่วันที่เกมลงวางขายใน Steam เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2023 ผมเนี่ยซื้อมันดองไว้นานมาก ๆ ไม่ว่างเล่นสักที ตอนนี้ได้หยุดงานแบบคนอื่นเขาบ้าง เลยได้ฤกษ์โหลดเกมมาเล่นครับ เย้!ผมได้ดู Trailer ของเกม Definitely Not Fried Chicken แล้วค่อนข้างที่จะสนใจมันมาก ๆ ด้วยความที่เกมออกแนวกวนบาทา มีไร่กัญชง กัญชา ให้เราได้ปลูกเพื่อนำไปผสมลงในไก่ทอดสูตรเด็ดของร้านที่เราจะบริหาร แค่ไอ้ชื่อเกมที่ย้อนแย้ง ในเกมบอกขายไก่ทอด แต่ชื่อเกมบอกเปล่านะ "ตูไม่ได้ขายอย่างแน่นอนเฟ้ย!!!" (แล้วสรุปขายอะไร๊???)สร้างความอยากรู้อยากเห็นทำให้ต่อมเผือกทำงานอย่างหนัก ในหัวเหมือนโดนสะกดจิตไว้ตลอด ว่าไม่ขายไก่แล้วมันขายอะไรของมันฟร๊ะ ???กุ๊กไก่ขายถูก ๆ ไม่ได้แถมกระดูกกับคนขายไก่ (เกมเพลย์มีธุรกิจอื่นแอบแฝงอยู่ด้วย)เราไม่ได้ขายไก่ทอด จริง ๆ นะ เชื่อหรือไม่ครับว่านี่คือชื่อกิจการของเราในเกมนี้ โดยจดทะเบียนแบบ Incorporated (ห้างหุ้นส่วนจำกัด) เมื่อเราเข้าไป เราจะบริหารร้านไก่ทอด ที่ชื่อเกมบอกไม่ได้ทอดไก่ขาย อะ งง งง งงล่ะสิ ผู้เขียนก็งงเหมือนกันครับ ฮ่า ๆ เริ่มเกมมาตัวเกมจะพาเราเข้ามาที่ Toturial Mode ก่อน (สามารถเอาติ๊กถูกออกได้ ถ้าไม่อยากเล่น) ซึ่งมันจะสอนเราเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปและระบบต่าง ๆ การซื้อของเอยอะไรเอย มีเนื้อเรื่องให้เล่นไปเรื่อย ๆ เมื่อผ่านเควสก็จะมีเควสต่อไปมาสอนเราทันทีครับ เดี๋ยวผมจะยกรายละเอียดไปคุยกันในหัวข้อด้านล่างนะครับ (แรก ๆ อะสอนขายไก่ทอดจริง หลัง ๆ อะเริ่มไม่ใช่ไก่ละ ฮ่า ๆ ๆ)บังหน้าด้วยร้านรวงต่าง ๆเล่นไปเรื่อย ๆ ตัวเกมจะเริ่มพาเราเข้าสู่ด้านมืด แรก ๆ ทอดไก่ หลัง ๆ เดินยาครับ ฮ่า ๆ ธุรกิจหลักของเราในเกมนั้นแท้จริงแล้วเป็นธุรกิจสีดำ เราจะได้จำลองสถานการณ์เปิดร้านที่หลากหลายเพื่อบดบังฉากหลังอันดำมืดของเราครับ ไม่ว่าจะเป็น ร้านซักรีด, ร้านขายไก่ทอด, ร้านขายโดนัท, ร้านขายอาหารทะเล, ไนท์คลับ และโคสิโนการเปิดร้านต่าง ๆ ไม่ใช่ว่าอยู่ดีดีนึกอยากเปิดก็เปิดได้นะครับ เราต้องนำเงินไปจ่ายเพื่อขอใบอนุญาตในการเปิดร้านต่าง ๆ ซึ่งสามารถเปิดร้านได้ตามใบอนุญาติที่ถือครองอยู่เท่านั้นการสร้างร้านค้าต่าง ๆเมื่อเรามีใบอนุญาตแล้ว เราก็จะได้รับที่ดินสำหรับสร้างร้านของเราด้วยครับ ถ้าเล่นตามเนื้อเรื่องของเควสไปที่ดินบางพื้นที่เราจะได้รับมาเลยเป็นรางวัลจากเควส หรือสามารถซื้อที่ดินได้ถูกกว่าราคาเดิมครับ หลัง ๆ ถ้าเราต้องการขยายร้านสามารถซื้อที่ดินบริเวณรอบ ๆ ได้เมื่อเริ่มก่อสร้างร้านค้า เราต้องสร้างห้องตามวัตถุประสงค์ที่เราต้องการจะใช้ครับ เช่นผู้เขียนต้องการสร้างร้านขายไก่ทอด - ผมก็เริ่มจากสร้างห้องครัว ติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเล้าเลี้ยงไก่ (สร้างมันในห้องครัวกันไปเลยครับ ฮ่า ๆ และอุปกรณ์ที่อยู่ในเมนูของห้องครัวจะไม่สามารถไปติดตั้งที่ห้องอื่น ๆ ของร้านได้ครับ) อุปกรณ์ทอดไก่, อุปกรณ์ปั่นไก่ (บอกเลยว่าใครที่รักสัตว์อาจจะไม่ค่อยเอ็นจอยในส่วนนี้เท่าไหร่ เพราะมันหยิบไก่เป็น ๆ ไปปั่นเลย) หลังจากเซ็ตของในครัวเรียบร้อยแล้ว เราก็ต้องสร้างห้องน้ำให้พนักงาน และลูกค้า (ซึ่งในส่วนนี้ห้องน้ำแยกกัน), สร้างห้องสำหรับพักผ่อนให้พนักงาน, สร้างห้องสำหรับรับประทานอาหารให้พนักงาน เป็นต้น ซึ่งในส่วนห้อง, อุปกรณ์ต่าง ๆ และการจ้างพนักงานจะแตกต่างกันไปในแต่ละร้านครับการจ้างพนักงานไม่ได้เหมือนกันในทุก ๆ ร้านส่วนนี้ในเกม Definitely Not Fried Chicken สำหรับผู้เขียนถือว่าทางผู้พัฒนาทำออกมาได้ดีนะครับ ไม่ใช่ว่าทุกร้านจำเป็นต้องมีพนักงานในตำแหน่งนี้ ซึ่งถ้าเราทำร้านทั่ว ๆ ไปที่ใช้สำหรับการฟอกเงินอย่างเช่น ร้านซักรีด เราก็ไม่จำเป็นต้องจ้างการ์ดเพื่อมาป้องกันร้านของเรา พนักงานของเราก็จะมีตำแหน่งแบบในเกมทั่ว ๆ ไป เช่น  ช่างซ่อม, พนักงานคิดเงิน, พนักงานขนของ และพนักงานทำความสะอาด เราสามารถกำหนดหน้าที่ให้กับลูกจ้างของเราได้ มีปุ่มให้ติ๊ก ให้ตั้งค่าการพัก หรือกิจกรรมต่าง ๆ ของลูกจ้างสร้างความสะดวกให้กับเรามาก ๆ ถ้าเราทำธุรกิจสีเทา อย่างพวกไนท์คลับ คาสิโน และธุรกิจหลักของเราที่เป็นสีดำ (ค้ายา) การจ้างพนักงานของเราจะต้องมีการ์ด หรือลูกน้องที่โหด ๆ หน่อยไว้คอยป้องกันธุรกิจของเราด้วย เพราะว่าจะมีคู่แข่งทางการค้ามาคอยก่อกวน หรือยกพวกมาถล่มเราจนลูกน้องของเราตายเกลื่อนถนนผมก็เห็นมาแล้ว ในส่วนนี้เมื่อเราปลดล็อกตามเควสในเกมไปเรื่อย ๆ เราจะสามารถไปซื้ออาวุธที่ดีขึ้นได้ที่ร้านขายปืนครับ เมื่อซื้ออาวุธมาแล้วเราสามารถติดตั้งให้บรรดาลูกน้องของเราได้เลย หรือพวกชุดป้องกันก็สามารถสวมใส่ให้ได้เลยเช่นกันครับ มี Status บอกเราหมดว่าจะเพิ่มอัตราการต่อสู้เท่าไหร่ หรืออุปกรณ์สวมใส่มีออฟชันเสริมอะไรบ้าง บอกเลยว่าเพลินมาก ๆ ครับHotline สายด่วน ส่งตรงถึงบ้านระบบของเกมนี้ จะมีการส่งยาแบบ Delivery ครับ ซึ่งเราจะต้องสร้างโรงรถขึ้นมาก่อน และเราต้องไปซื้อเสาสัญญาณโทรศัพท์ ทำตามเควสไปได้เรื่อย ๆ เลยครับ เราจะได้เสามา 1 ต้นก่อน สามารถอัปเกรดได้เมื่อเราได้เสาสัญญาณมาแล้ว เราจะต้องกดเปิดระบบ เมื่อเปิดแล้ว ไรเดอร์ของเราจะทำการไปส่งของให้กับลูกค้าที่โทรสั่งเข้ามา ตรงนี้เราต้องกดอนุญาตในแผนที่ด้วยครับระบบต่าง ๆ ภายในเกมDefinitely Not Fried Chicken เป็นเกมวางแผนจำลองสถานการณ์การขายยา และการฟอกเงิน มีภาพแบบ 3D ครับ ภาพในเกมอาจจะไม่ได้สวยงามตรงใจเท่าไหร่ จะน่ารัก? ผมก็มองว่าไม่ แต่เวลาบู๊ หรือลูกจ้างได้รับอุบัติเหตุจากอุปกรณ์ ก็จะได้เห็นเลือดสาด แบบไม่รุนแรงอยู่ครับ ฮ่า ๆ ตัวเกมไม่ได้กิน Spec ฉะนั้นคอมบ้าน ๆ ก็สามารถเล่นเกมนี้ได้ แต่ถ้าเป็น Notebook เครื่องอาจจะร้อนหน่อย ๆการบังคับของเกมก็ไม่ได้ซับซ้อนแต่อย่างใดก็เหมือนเกมจำลองสถานการณ์ทั่ว ๆ ไป W,A,S,D ใช้เลื่อนภาพ Q,E ใช้หมุนมุมกล้อง R ใช้หมุนสิ่งก่อสร้าง Toturial มีสอนการใช้งานกันตั้งแต่ต้นเกม แต่เหมือนสอนไม่ดีเท่าที่ควร อยู่ ๆ ก็ทิ้งกันไปแล้วโยนเควสมาให้ทำเลย งงไปแป๊บหนึ่งUI ต่าง ๆ ผู้เขียนมองว่าบางส่วนออกแบบมาให้ใช้งานง่ายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดสรรหน้าที่ให้กับพนักงาน หรือการกดตอบรับ Delivery แต่ที่ผู้เขียนไม่ชอบเลยก็คือไม่มีปุ่มให้ออกไปหน้า Main Menu ครับ มันเป็นสิ่งที่ควรมี ผู้พัฒนาลืมหรือยังไงอันนี้ผมก็ไม่แน่ใจ เวลาผมอยากจะเล่นใหม่ ผมต้องกดออกเกมแล้วเข้าเกมใหม่เพื่อที่จะไปหน้า Menu คือมันไม่สมเหตุสมผลปะครับ Dev? (หรือมันซ่อนอยู่ในเมนูอื่น ๆ ซึ่งผมพยายามหาแล้วแต่หาไม่เจอจริง ๆ ครับ)สรุปDefinitely Not Fried Chicken ยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะมาก ๆ ครับ นี่ที่ผู้เขียนเอามาเล่าให้เพื่อน ๆ ฟัง เป็นแค่เพียงบางส่วนในเกมเท่านั้น ร้านขายไก่ทอดของเรานั้นไซร์ก็เป็นเพียงแค่ส่วนประกอบหนึ่งในการฟอกเงินของเรานั่นเอง เกมนี้หลัก ๆ แล้วคือเราเป็นพ่อค้ายานั่นแหละครับ มีการต่อสู้กับคู่แข่งต่าง ๆ ซึ่งก็สร้างความเพลิดเพลินไปอีกแบบแต่ถ้าจะให้เทียบกับเกมที่ผู้เขียนเคยเล่นอย่าง Deadwater Saloon ผมมองว่า Definitely Not Fried Chicken ยังครบเครื่องไม่เท่าเขาครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งยา การหนีตำรวจ การต่อสู้ของแก๊งต่าง ๆ หรือแม้แต่การฟอกเงิน Deadwater Saloon จะให้เรามีส่วนร่วมในเกมที่มากกว่า เนื้อเรื่องเข้มขนกว่า (อันนี้เป็นแค่ความคิดเห็นและความชอบส่วนตัวของผมนะครับ)ถ้าถามว่า Definitely Not Fried Chicken เป็นเกมที่แย่ไหม? ผู้เขียนก็ตอบได้ว่ามันไม่แย่เลย สนุกและกวนประสาทดีครับ ก็อยากให้เพื่อน ๆ ได้ไปลองด้วยตัวเอง ก็ถือว่าเป็นเกมที่ควรสะสมไว้ในคลัง แต่ถ้าถามเรื่องราคาผมมองว่าก็ยังแพงเกินไปกับคุณภาพของมัน ราคา 495 บาท ผมมองว่ากำเงินไปซื้อตอนลดราคาดีกว่า แต่ถ้าใครอยากเล่นราคาเต็มก็จัดได้เลยตามฐานะเอาที่เราสะดวก แต่ด้วยเนื้อหาที่ค่อนข้างไปในทางที่ไม่ดี ผู้เขียนมองว่าเกมนี้ไม่น่าจะเหมาะกับทุกคน ใช้วิจารณญาณในการเล่นกันด้วยนะครับเด็ก ๆสั่งซื้อhttps://store.steampowered.com/app/1036240/Definitely_Not_Fried_Chicken/
20 Feb 2023
[Review] รีวิวเกม Hi-Fi Rush เปิดตัวแบบเซอร์ไพรส์ และสนุกแบบเซอร์ไพรส์ !
หลังจากปล่อย Ghostwire Tokyo ออกมาให้แฟนเกมได้ลุยปราบผีกันไปตั้งแต่ปีที่แล้ว Tango Gameworks กลับมาพร้อมเกมใหม่ที่เปิดตัวแบบเซอร์ไพรส์แฟนเกม ด้วยการเปิดตัวเสร็จแล้วให้เล่นกันเลย ไม่ต้องรอนาน กับเกมแอ็คชั่นผสมบีทดนตรีสุดมันอย่าง Hi-Fi Rush ที่เรียกได้ว่าเปิดตัวแบบเซอร์ไพรส์ไม่พอ ความสนุกของมันก็ยังมาแบบเซอร์ไพรส์อีกด้วย มันจะดียังไง มาดูรีวิวของเรากันได้ความผิดพลาดที่แปรเปลี่ยนกลายเป็นความสนุกHi-Fi Rush เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มชื่อ Chai (ชัย,ชาย) วัย 25 ปี ที่พิการแขนขวา แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดยั้งความฝันที่อยากจะเป็นร็อคสตาร์ชื่อดัง เขามาถึงมหาวิทยาลัย Vandelay Technologies โดยยื่นขอเป็นอาสาสมัครในโครงการ Project Armstrong ที่เป็นโครงการทดลองเปลี่ยนอวัยวะของผู้เข้าร่วม แต่ด้วยอุบัติเหตุบางอย่าง ทำให้กระบวนการเปลี่ยนอวัยวะของ Chai ผิดพลาด ทำให้เครื่องเล่นเพลงของเขาถูกฝังติดไว้กับตัวเขาเอง และทำให้เขารับรู้ถึงจังหวะดนตรีรอบตัว และ Chai ก็ถูกตามล่าโดยหน่วยรักษาความปลอดภัยทันที และเขาต้องลุยเอาตัวรอดไปในพื้นที่แห่งนี้ไปพร้อม ๆ กับเสียงดนตรีที่ดังมาจากตัวเขาเองและรอบ ๆ เนื้อเรื่องของ Hi-Fi Rush นั้น ต้องบอกว่า ทำออกมาได้ตามมาตรฐานวิดีโอเกมทั่วไป เนื่องจากมันไม่ใช่เกมทุนหนา ทุนสูงอะไรนัก รวมไปถึงความตั้งใจในแง่ของการนำเสนอที่ตั้งใจจะให้เป็นแบบการ์ตูนของเด็ก ๆ ที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย ยิ่งทำให้เนื้อเรื่องมันไม่ค่อยมีอะไรที่ซีเรียส หรือชวนเครียดจนเกินไป เป็นเนื้อเรื่องแบบสูตรสำเร็จ เด็กที่มีความฝัน กล้าคิด กล้าทำ กล้าท้าชนกับทุกสิ่ง ที่บังเอิญเกิดอุบัติเหตุจนทำให้มีความพิเศษอยู่ในตัวแบบบังเอิญ และต้องต่อสู้เปิดโปงความจริง พล็อตแบบนี้เราเห็นได้ตามสื่อหรือการ์ตูนทั่วไปกันอยู่แล้ว ดังนั้นเรื่องความซับซ้อนของเนื้อเรื่องนั้น Hi-Fi Rush แทบจะเป็น 0 ซึ่งก็เหมาะสมกับการนำเสนอของตัวเกมดี ที่ไม่มีความยุ่งยากหรือซับซ้อนใด ๆ เน้นสนุกไปกับบีทจังหวะของเสียงดนตรี ระหว่างทางเราก็อาจจะเจอกับตัวละครใหม่ ที่มีคาแรคเตอร์ที่ชัดเจน ตามสไตล์การ์ตูนจ๋า ๆ และมันก็เล่าได้แบบสนุกสนาน อาจจะบอกได้ว่า Hi-Fi Rush ไม่ใช่เกมที่มีเนื้อเรื่องเซอร์ไพรส์อะไรมาก แต่ก็ทำได้ดีกว่าที่เราคาดเอาไว้มากเลยทีเดียวการนำเสนอที่โดดเด่นทั้งงานภาพและเสียงดนตรีสำหรับคนที่เห็นการเปิดตัว Hi-Fi Rush และได้เห็นเนื้อเรื่องด้านบนกันไปแล้ว น่าจะเดากันได้ไม่ยากเลยว่าอะไรคือจุดสำคัญที่สุดของ Hi-Fi Rush แน่นอน เมื่อมันเป็นเกมที่มีจังหวะดนตรีเป็นหัวใจหลัก ก็ต้องเป็นเพลงประกอบ สำหรับเกมนี้ ทุกเพลงล้วนแต่งขึ้นมาใหม่หมด เป็น Original Soundtrack โดยได้ Shuichi Kobori ที่เป็นอดีตนักแต่งเพลงให้กับเกมในค่าย KONAMI และ Reo Uratani อดีตนักแต่งเพลงของ Capcom และนอกจากจะมีการแต่งเพลงขึ้นมาใหม่เป็นของตัวเองแล้ว เกมยังใช้เพลงแบบถูกลิขสิทธิ์อีก 10 เพลงด้วยกัน เช่น Lonely Boy ของ The Black Keys, Wolfgang's 5th Symphony ของ Wolfgang Gartner และอื่น ๆ อีกมากมาย ใครที่ฟังแล้วติดใจ ทาง Bethesda ก็ได้จัดเพลย์ลิสต์เพลงเหล่านี้ให้ได้ฟังกันใน Spotify ด้วย อินกับเกมไม่พอ ไปอินกับเพลงนอกจอกันต่อ แน่นอนว่าการเลือกใช้เพลงลิขสิทธิ์ในเกมตัวเอง อาจส่งผลกับพวกสตรีมเมอร์ หรือ YouTuber ได้ เกมจึงแก้ปัญหาด้วยการมีโหมดที่แทนที่เพลงลิขสิทธิ์ทั้งหมดด้วยท่วงทำนองที่คล้ายกัน โดยได้วง The Glass Pyramids มาบรรเลงให้ใหม่ โดยเสียงเพลง และดนตรีของเกมจะเป็นหัวใจสำคัญที่จะเกี่ยวเนื่องกันไปยันส่วนของระบบการเล่นด้วย ในด้านของกราฟิกและการนำเสนอนั้น Hi-Fi Rush ใช้กราฟิกแบบลายเส้นหนังสือการ์ตูนแบบขอบหนา และมีบางครั้งในช่วงคัทซีนที่เหมือนกับนำเสนอแบบการ์ตูน Stop Motion ส่วนโทนสีและการจัดวางองค์ประกอบ ต้องบอกว่ามันดูเป็นเกมที่สดใส ไร้พิษภัย เล่นได้ทุกเพศทุกวัยแน่นอน ด้วยการนำเสนอตัวเอกแบบบ้าพลังและมีความฝันสูงเหมือนกับการ์ตูนอนิเมะของญี่ปุ่น และเมื่อฉาก กับกราฟิกที่ดูสวยงามผสมผสานเข้ากับเพลงที่ยอดเยี่ยม ทั้งจากของต้นฉบับมีลิขสิทธิ์ และแบบที่เกมแต่งขึ้นมาเอง ทำให้ส่วนของการนำเสนอในเกมนี้เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก ๆแอ็คชั่นและแพลตฟอร์มผสานจังหวะ มันส์ไม่เหมือนใครHi-Fi Rush มีเกมเพลย์ในรูปแบบของ Rhythm-Action หรือการต่อสู้แบบผสมผสานเข้ากับจังหวะดนตรี และไม่ใช่แค่การต่อสู้ แต่ฉากต่าง ๆ จะถูกออกแบบมาให้เข้ากับจังหวะดนตรีทั้งหมดด้วย ตามปกติแล้ว เกมแนวนี้มักจะถูกนำไปใส่ในเกมยิงมากกว่า อย่างเช่น BPM: Bullet Per Minute หรือ Metal Hellsinger แต่ Hi-Fi Rush นำมันมาใส่เข้ากับเกมแนวผจญภัยทั่วไปแต่ถึงอย่างนั้น เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะชื่นชอบการเข้าจังหวะดนตรี เพราะอยากต่อสู้แบบสนุก ๆ มากกว่า ซึ่งเกมนี้ก็เปิดโอกาสเป็นทางเลือกให้ เพราะเราไม่จำเป็นจะต้องโจมตีให้ตรงจังหวะ เพียงแต่หากเรากดถูกจังหวะ มันจะเป็นการได้รับดาเมจที่มากขึ้นเท่านั้น และว่ากันตรง ๆ ร่างกายมนุษย์และหูของคนเราก็ฒักจะจับจังหวะดนตรีได้ง่ายอยู่แล้วด้วย ดังนั้นมันจึงไม่ก่อให้เกิดปัญหาอะไรเลยในการเล่นการคอมโบเป็นจังหวะดนตรีจะสร้างความเสียหายเพิ่มเติม ส่วนการ Parry นั้นจะทำให้ผู้เล่นสามารถสวนกลับการโจมตีได้ และนอกจากการโจมตีผสานจังหวะจะถูกนำมาใช้ในส่วนของการต่อสู้แล้วนั้น ยังมีพวกมินิเกม หรือฉากต่าง ๆ ในรูปแบบแพลตฟอร์มที่ผสมผสานเข้ากับจังหวะดนตรีด้วย ฉาก อุปสรรค หรือแพลตฟอร์มที่ลอยได้ต่าง ๆ จะเป็นไปตามจังหวะดนตรีเกือบจะทั้งหมดด้วยเกมเพลย์การต่อสู้ของเกมนี้ ก็จะคล้ายกันกับเกมแอ็คชั่นทั่วไป และจะสนุกมากขึ้นเมื่อลุยไปตามจังหวะดนตรี จะให้ความรู้สึกว่าเราคือพระเอกสายร็อคสตาร์ตัวจริง แน่นอนว่าเกมแบบนี้ แม้จะไม่ใช่ RPG แต่ก็จะมีการอัปเกรดตัวละครให้แข็งแกร่งขึ้น โดยเราสามารถใช้พวกเศษเหล็กที่เก็บมาได้ตามทาง เพื่อปลดล็อคท่าทางการโจมตีใหม่ ๆ และสกิลใหม่ ๆ รวมไปถึงการอัปเกรดจำพวกถาวร เช่นเพิ่มพลังชีวิต และ Special Attack Bar เป็นต้น แม้จะไม่มีอะไรใหม่มากนัก แต่เมื่อเกมเพลย์ที่เข้ากับเสียงดนตรีถูกผสมผสานให้เหมาะสมกับความสนุกสนานที่เข้าถึงง่าย ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า เอาแค่การเปิดตัวแบบกะทันหันก็ได้ใจแฟนๆ มากพอแล้ว แต่เกมเพลย์จริงยังสนุกอีกด้วยส่วนของ Boss Fight นั้นก็ถือว่าทำออกมาได้น่าตื่นเต้นดี โดยเกมจะแบ่งสเกลพลังชีวิตของบอสเอาไว้ชัดเจนมาก ๆ เมื่อโจมตีบอสจนพลังลดไปถึงระดับนึงแล้ว มันจะเริ่มมีท่าทางการโจมตีใหม่ ๆ ให้เราได้หลบหลีก หรือต่อสู้ด้วย ซึ่งยิ่งมันใกล้ตายก็จะยิ่งสู้ด้วยยากขึ้น ขึ้นอยู่กับระดับความยากที่เราเลือกเล่นด้วย สำหรับเกมนี้ก็เหมาะสมทั้งคนที่ชอบความยากและความง่าย เพราะมีตัวเลือกให้ตั้งค่าตามความเหมาะสมและความถนัดของผู้เล่นถ้าจะมีข้อเสียให้ได้ติกัน ก็คงบอกได้แค่ว่า มันมีความธรรมดามากจนเกินไป เรียกได้ว่าเกมนี้แทบไม่มีอะไรที่ใหม่ หรือมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เลย เป็นเหมือนเกม Hack & Slash ทั่วไปที่ผสมผสานจังหวะดนตรีเอาไว้ได้อย่างลงตัว และเล่นสนุก ๆ เท่านั้น แต่บางที ความสนุกนี่แหละ ที่เราอาจจะมองหาอยู่ก็ได้เติมเต็มความยอดเยี่ยมด้วยปัญหาด้าน Performance ที่น้อยมาก ๆส่งท้ายกันด้วยเรื่องของการรันเกมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยผู้เขียนได้เล่นเกมนี้บนเครื่อง PC ผ่านระบบ Xbox Game Pass และเล่นบน PC ระดับกลาง ที่ใช้การ์ดจอ RTX 2070 ก็ถือว่าหายห่วง ตัวเกมสามารถรันได้ด้วย Setting ระดับ High แบบสบาย ๆ และระหว่างการเล่น ก็แทบไม่พบเจอบั๊ก หรืออาการแปลก ๆ อย่างเฟรมเรทตก หรือเกมค้าง แครชไปแบบหน้าตาเฉย เรียกได้ว่าเป็นเกมที่มั่นใจกับการ Surprise Launch มาก ๆ และทำได้ดีมากจริง ๆ เป็นการเปิดตัวแบบเซอร์ไพรส์ และมอบความสนุกให้กับผู้เล่นแบบเซอร์ไพรส์ไม่แพ้กัน งานนี้ใครที่อยากลองสัมผัสเกมสีสันสดใส ที่มาพร้อมดนตรีจังหวะสนุก ๆ บอกเลยว่าไม่ควรพลาด ตัวเกมมีให้เล่นบน Xbox Game Pass / PC Game Pass ด้วย และเล่นได้แล้ววันนี้
19 Feb 2023
[Review] รีวิวเกม Like a Dragon: Ishin! เกมยากูซ่าสวมสกินซามูไร เลือดสาดสะใจในแบบที่คุณคุ้นเคย
สำหรับแฟนๆ ของเกมซีรีส์ Yakuza หลายคน อาจจะเคยได้ยินชื่อเกม Yakuza: Ishin! มาก่อน ในฐานะเกมภาคสปินออฟที่นำสูตรเกมเพลย์เฉพาะตัวของซีรีส์มาคู่กับฉากหลังญี่ปุ่นโบราณ ให้ผู้เล่นได้จับดาบคาตานะฟาดฟันกับศัตรูแทนการต่อสู้ด้วยกำปั้น แต่น่าเสียดายที่เกมวางจำหน่ายครั้งแรกตั้งแต่ปี 2014 เฉพาะในประเทศญี่ปุ่น และไม่เคยได้รับการแปลภาษาเพื่อวางจำหน่ายในภูมิภาคอื่นๆ ทำให้แฟนเกมนอกประเทศญี่ปุ่นไม่สามารถสัมผัสเกมได้จนถึงบัดนี้ เมื่อเกมได้รับการรีเมคภายใต้ชื่อใหม่อย่าง Like a Dragon: Ishin! นั่นเองหลังจากที่ได้เล่นเกมมาเป็นระยะเวลาราวๆ 35 ชั่วโมง (ยังไม่จบเนื้อเรื่อง) บอกได้ว่าเกม Like a Dragon: Ishin! ยังคงสามารถมอบประสบการณ์แอคชัน RPG ที่เพลิดเพลินเป็นอย่างมาก ด้วยระบบต่อสู้อันเรียบง่ายแต่เร้าใจ เนื้อเรื่องอันเข้มข้นน่าติดตาม รวมไปถึงกิจกรรมเสริมและไซด์เควสจำนวนมาก แม้ว่าเกมจะยังมีองค์ประกอบที่น่าขัดใจหลายอย่างที่ทำให้เกมรู้สึกเก่ากว่าที่ควรเปลี่ยนสกินซามูไร แต่ยังไม่ทิ้งลายดราม่าสืบสวนในเกม Like a Dragon: Ishin! ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Sakamoto Ryoma (ซากาโมโตะ เรียวมะ) ซามูไรหนุ่มผู้แทรกซึมเข้าสู่องค์กรซามูไร Shinsengumi เพื่อตามหานักดาบปริศนาผู้ปลิดชีพพ่อบุญธรรมของเขา ส่งผลให้เขาต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องราวการปฏิวัติทางการเมืองครั้งใหญ่อีกด้วยเอาเข้าจริงแล้ว เนื้อเรื่องของเกมภาค Ishin! ก็ไม่ได้ต่างจากเนื้อเรื่องของเกม Yakuza ภาคอื่นๆ ที่ผ่านมานัก กล่าวคือเป็นเนื้อเรื่องดราม่าแนวสืบสวนสอบสวนคล้ายๆ กัน เพียงแต่เปลี่ยนฉากหลังหรือธีมจากยากูซ่า/นักเลง มาเป็นซามูไรเท่านั้นเอง ซึ่งเกมก็ยังคงรักษามาตรฐานเนื้อเรื่องอันเข้มข้นของซีรีส์เอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังคงมาพร้อมกับจุดอ่อนใหญ่ๆ ที่อยู่คู่กับซีรีส์มาตลอดเช่นเดียวกัน เช่นการที่เกมมักจะเล่าเรื่องผ่านคัตซีนบทสนทนาทีละ 5-10 นาทีโดยกดข้ามไม่ได้ ซึ่งนานๆ เข้าก็อาจจะทำให้หลายคนรู้สึกเบื้อไปก่อนได้แต่เนื้อเรื่องหลักของเกมซีรีส์นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเสน่ห์ของเกมเท่านั้น โดยเนื้อเรื่องเสริมมากมายที่พบในไซด์เควสก็ถือเป็นจุดเด่นสำคัญของซีรีส์เช่นกัน และ Ishin! ก็รักษามตารฐานในจุดนี้เอาไว้ได้ โดยแม้ว่าเนื้อเรื่องเสริมที่ผู้เขียนพบ (จากที่เล่นมาเพิ่งพบไปราว 50% เท่านั้น) จะไม่ได้มีเควสที่กาวสุดทางเหมือนในเกมซีรีส์หลักมากนัก แต่ก็ยังมีหลายเควสที่ทำให้ขำออกเสียงออกมา ไปจนถึงเควสที่ทำเอาซึ้งน้ำตาซึมก็มี บอกตามตรงว่าสำหรับผู้เขียนแล้ว การวิ่งเก็บไซด์เควสในเกมยังเพลินกว่าเล่นเควสหลักเสียอีกปัญหาอีกอย่างที่ผู้เล่นชาวไทยหลายคนอาจจะพบเมื่อเล่นเกมนี้ คือการที่เกมมักใช้ภาษาอังกฤษแบบติดสำเนียงหรือใช้คำภาษาถิ่นอันหลากหลาย เพื่อสื่อถึงพื้นเพที่แตกต่างกันของตัวละคร ซึ่งในบางครั้งก็อาจทำให้คนที่ไม่เป๊ะภาษาอังกฤษจริงๆ อาจจะเจอคำพูดหรือประโยคภาษาถิ่นที่ชวนงงได้ ยังไม่นับรวมศัพท์เฉพาะทางประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นจำนวนมากมายที่ถูกใช้อยู่ตลอดเวลาเกมเพลย์ที่ไม่ได้ไม่สนุก แต่ให้ความรู้สึกย้อนยุคสมธีมเกมอย่างที่กล่าวไปข้างต้น จะบอกว่าเกมเพลย์ของ Like a Dragon: Ishin! ถือเป็นการนำเกม Yakuza ภาคก่อนๆ มาสวมสกินซามูไรก็คงไม่เกินจริงไปนัก โดยผู้เล่นจะได้เดินสำรวจเมือง Kyo ของเกมอย่างอิสระเพื่อพูดคุยกับชาวเมือง กินอาหาร ซื้อขายของ หรือเล่นมินิเกม และในระหว่างสำรวจเมืองก็จะมีกลุ่มศัตรูเดินเข้ามาหาเรื่องเราอยู่เป็นระยะ เช่นเดียวกับเกม Yakuza เป๊ะๆสำหรับการต่อสู้ในเกม Ishin! จะใช้ระบบแอคชันอันเรียบง่ายที่เน้นการโจมตีหนัก-เบาเป็นคอมโบ ควบคู่ไปกับการหลบหลีกและป้องกันการโจมตีของศัตรู รวมไปถึงการหาโอกาสในการใช้ท่าพิเศษ Heat Action เพื่อสร้างความเสียหายทีละมากๆ ใส่ศัตรู โดยใน Ishin! ผู้เล่นจะสามารถสับเปลี่ยนไปมาระหว่างสไตล์การต่อสู้ 4 แบบคือ Brawler (กำปั้น) Swordsman (ดาบ) Gunman (ปืน) และ Wild Dancer (ดาบ+ปืน) ซึ่งล้วนมีความสามารถและจุดเด่นในสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป โดยการสลับสับเปลี่ยนไปมาระหว่างสไตล์การต่อสู้ทั้ง 4 ก็ช่วยทำให้เกมมีความหลากหลายขึ้นเช่นกันนอกจากเกมเพลย์ต่อสู้ขั้นพื้นฐานตามสูตร Yakuza แล้ว ระบบที่เพิ่มเข้ามาเป็นพิเศษในเกมภาค Ishin! ก็คือระบบ Trooper Card ที่ให้เราเลือกสวมใส่ “การ์ดทหาร” เพื่อรับความสามารถพิเศษต่างๆ เช่นบัฟเพิ่มพลังโจมตี บัฟฟื้นฟู HP ไปจนถึงท่าโจมตีพิศตารๆ ปั่นๆ อีกจำนวนมาก ตั้งแต่การปล่อยสายฟ้าจากมือไปช๊อตศัตรู ไปจนถึงการปล่อยพลังคลื่นเต่า โดยเหล่าทหาร Trooper Card เหล่านี้ยังมีแขกรับเชิญสนุกๆ อย่างนักมวยปล้ำ Kenny Omega หรือ VTuber Nyatasha Nyanners ให้สะสมอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ช่วยทำให้เกมมีความหลากหลายและน่าตื่นเต้นมากขึ้นไปด้วยสำหรับผู้เขียน เพราะอยากจะปลดล๊อค Trooper Card แปลกๆ มาลองใช้อยู่ตลอดเวลาทั้งนี้ แม้ว่าระบบต่อสู้ในเกม Ishin! จะสนุกตามมาตรฐาน แต่เกมกลับมีระบบเล็กน้อยหลายๆ อย่างที่ออกแบบมาไม่ค่อยดีนัก ซึ่งพอรวมกันมากๆ เข้าก็ส่งผลให้การเล่นเกมในบางแง่บางมุมให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเกมยุคเก่าที่มาพร้อมปัญหาจุกจิกติดขัดจำนวนมาก โดยปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับผู้เขียนคือการที่เกมดูจะเลือกแสดงตำแหน่งของไซด์เควสบางเควส แต่กลับไม่แสดงตำแหน่งของเควสอื่นๆ ซึ่งในหลายกรณีเป็นเควสที่ต้องวนกลับมาหา NPC ตัวเดิมหลายครั้ง ส่งผลให้ผู้เขียนจำเป็นต้องคอยจำตำแหน่งของ NPC หลายๆ ตัวเอาเอง ไม่งั้นก็ต้องวิ่งหาทั่วเมือง เมื่อรวมกับระบบวาร์ปที่จำกัดมากๆ ของเกม ส่งผลให้ผู้เขียนจำเป็นต้องวิ่งไปมาทั่วเมืองตลอดเวลาเพื่อเก็บเควสเสริม เสียเวลาโดยใช่เหตุกันไปยิ่งไปกว่านั้น เกม Like a Dragon: Ishin! ยังมีระบบ RPG ที่ให้ผู้เล่นต้องคอยพัฒนาอาวุธ ชุดเกราะ และสกิลของตัวละครอยู่เสมอ โดยเกมจะคอยเพิ่มเลเวลของศัตรูที่พบเจอได้ทั่วไปในตามการดำเนินเรื่องของผู้เล่น ยิ่งเล่นไปไกลก็ยิ่งเวลสูง แต่ปัญหาคือเกมกลับไม่บอกผู้เล่นเลยว่าควรจะมีเลเวลเท่าไหร่ก่อนที่จะเล่นภารกิจเนื้อเรื่อง ส่งผลให้ผู้เขียนตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลเวลหรือไอเทมตามเกมไม่ทันโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะภารกิจที่ให้เราต่อสู้กับบอสระดับสูงโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวกันก่อนเลยว่าเลเวลของเราถึงหรือยังกราฟิกไม่น่าประทับใจ แต่อย่างน้อยก็ไม่ต้องใช้คอมแรง…แม้ว่าเมือง Kyo ของเกมภาค Ishin! จะมีรายละเอียดและชีวิตชีวาอยู่ไม่น้อย แต่ก็ต้องยอมรับว่าคุณภาพกราฟิกของเกมยังไม่สามารถเทียบเท่ากับเกมระดับ AAA ทั่วไปได้ โดยรายละเอียดพื้นผิว (Texture) ต่างๆ ในเกมยังมีความหยาบอยู่มาก แถมอนิเมชันตัวละครส่วนใหญ่ก็ยังมีความติดๆ ขัดๆ ไม่เป็นธรรมชาติ ราวกับว่าหลุดออกมาจากยุค PS3 อย่างไงอย่างงั้น ซึ่งหลายคนก็ยกให้เป็นเสน่ห์แปลกๆ ของเกมซีรีส์ Yakuza ไปแล้วในปัจจุบันนอกจากนี้ การเปลี่ยนสถานที่ตั้งจากเมืองยุคปัจจุบันอย่าง Kamurocho มาสู่เมืองญี่ปุ่นโบราณอย่าง Kyo ทำให้เกมสูญเสียแสงสีย่านกลางคืนอันเป็นจุดเด่นของซีรีส์ Yakuza ไป แถมอาคารและบ้านช่องสไตล์ญี่ปุ่นโบราณเหล่านี้ยังแอบมีความคล้ายกันไปหมด ทำให้ในบางครั้งก็จำสถานที่ผิดๆ ถูกๆ อยู่บ่อยครั้ง ยิ่งนำมารวมกับระบบแผนที่ของเกมที่เลือกแสดงตำแหน่งของเควสแค่บางเควส ยิ่งทำให้การเดินทางในเมืองลำบากเข้าไปใหญ่แต่ในอีกมุมหนึ่ง การเปลี่ยนมาสู่ธีมซามูไรที่ต่อสู้กันด้วยอาวุธอย่างดาบหรือปืน ก็ทำให้การต่อสู้ของเกมรู้สึกดุเดือด เลือดสาด โดยเฉพาะเมื่อนำมารวมกับระบบท่าปลิดชีพ Heat Action ซึ่งก็เสริมความสนุกให้เกมได้ไม่น้อยเลยเมื่อเทียบกับเกมซีรีส์ Yakuza ที่ผ่านๆ มา และแม้ว่าเกมอาจจะเสียคะแนนไปบ้างในส่วนของภาพ แต่เกมก็ทำได้ดีมากในส่วนของเสียง ตั้งแต่เสียงพากย์ เสียงดนตรี ไปจนถึงซาวด์เอฟเฟกต์ประกอบทั้งหลาย ช่วยเสริมสร้างบรรยากาศของเกมได้มากอีกข้อดีหนึ่งของภาพกราฟิกที่เรียบง่ายของเกมก็คือการที่เกมสามารถทำงานได้ดีมากบน PC โดยผู้เขียนได้เล่นเกมบนคอมพิวเตอร์แลปทอปที่มาพร้อมการ์ดจอ RTX 3060 / CPU i7-11370H / RAM 12GB ซึ่งก็เพียงพอจะปรับกราฟิกระดับสูงสุดได้โดยยังคงเฟรมเรต 60FPS เอาไว้ได้ในระหว่างเกมเพลย์ ในขณะที่ฉากคัตซีนทั้งหมดของเกมจะถูกจำกัดเอาไว้ที่ 30FPS เท่านั้นกล่าวโดยสรุป เกม Like a Dragon: Ishin! ถือเป็นการนำเสนอสูตรเกมเพลย์ของซีรีส์ Yakuza ภายใต้ “ลุค” ใหม่ โดยแม้ว่าระบบและโครงสร้างเกมหลายๆ จุดจะเริ่มรู้สึกล้าสมัยอยู่ไม่น้อย แต่ตัวตนของซีรีส์ที่ผู้คนชื่นชอบอย่างเนื้อเรื่องดราม่าอันเข้มข้น หรือการต่อสู้สไตล์แอคชันอันตรงไปตรงมา ก็ยังคงถูกรักษาเอาไว้อย่างครบถ้วน น่าเสียดายที่ผู้พัฒนาไม่สามารถขัดเกลาข้อด้อยต่างๆ ของซีรีส์ไปด้วยได้ ส่งผลให้ Like a Dragon: Ishin! รู้สึกเหมือนเป็นการย่ำอยู่กับที่ของซีรีส์นี้ มากกว่าจะเป็นก้าวต่อไปที่น่าจับตามองอย่างแท้จริง
17 Feb 2023
[Review] Wild Hearts เกมล่าแย้น้องใหม่ที่ยอดเยี่ยมจนสมควรได้เป็น "คู่แข่งเบอร์ 1 ของมอนฮัน"
Wild Hearts เกมแนว Action RPG สไตล์เกมล่าแย้แบบ Monster Hunter แต่มาจากทีมพัฒนา Koei Tecmo ผู้เคยสร้างเกม Nioh หรือ Toukiden กับ EA Originals ผู้ให้ทุนสร้างเกมนี้ โดยเกมจะวางขายบน PC ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2023 ส่วนบนคอนโซลจะเริ่มให้เล่นวันที่ 17 ตอนเที่ยงคืนเป็นต้นไป แต่ใครที่ไม่กล้าซื้อเกมนี้มาเล่น เพราะไม่รู้ว่ามันจะสนุก หรือมันจะน่าถูกใจเหมือนของเกม Monster Hunter หรือไม่ วันนี้ทาง GameFever ที่เล่นเกม Wild Hearts ไปจนจบภายในเวลา 40 ชั่วโมง ก็ได้มาทำการรีวิวเกมนี้ให้ชมภายในบทความนี้แล้ว!!! รับชมกันได้ที่ด้านล่างเลย* ขอขอบคุณทาง Koei Tecmo กับ EA Originals ผู้ให้เกมนี้มารีวิวก่อนวางขายกันด้วยนะครับ *จักรวาลน่าสนใจ แต่เนื้อเรื่องธรรมดาเกินWild Hearts คือเกมที่ให้ผู้เล่นสวมเป็นซามูไรนักล่า Kemono (ชื่อเรียกของพวกมอนสเตอร์ในเกม) โดยงานของเราก็คือการต้องแข็งแกร่งเพื่อปราบมอนให้ได้ทุกชนิด และไปรับภารกิจจาก NPC ต่างๆ เพื่อช่วยให้หมู่บ้านเติบโตขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเนื้อเรื่องสูตรสำเร็จแบบ Monster Hunter แต่เกมนี้ก็มีเอกลักษณ์เนื้อเรื่องให้พบเห็นอย่างตัวเราที่ดูเป็นซามูไรมากๆ ทั้งพวกชุดที่ใส่หรืออารยธรรมต่างๆ ที่ส่งผลไปถึงการปฎิบัติตอนล่า แถมเกมนี้ยังเล่าเรื่องเริ่มมาแบบให้ 'เราไม่รู้อะไรเลย' ก่อนที่เราจะได้ผจญภัยเรียนรู้จักรวาลในเกมเรื่อยๆ แล้วก็ยังจะได้พบ NPC ที่มีเสน่ห์น่าสนใจ และเกมก็ยังออกแบบ NPC ทุกคนมาดีขนาดให้ฟิลเป็นเพื่อนหรือครอบครัวของเรา รวมทั้งเกมก็ยังให้เราได้อินความเป็นตัวเอกสุดๆ เพราะเราจะได้สร้างตัว + เลือกตอบบทสนากับ NPC ได้ตลอดทั้งเกม * เกมมีให้สร้างตัวละครด้วย เลือกเพศได้ และก็ปรับแต่งได้เยอะเหมือน Monster Hunter ** ชุดในเกมให้อารมณ์ซามูไร, นินจา หรือนักรบกับแม่ทัพหลายรูปแบบตามอารยธรรมญี่ปุ่น ** พื้นที่ต่างๆ ในเกมจะมีความเป็นญี่ปุ่น ยกตัวอย่างพื้นที่มีต้นซากุระงามๆ แถมตอนล่าก็จะได้ใช้วิชาต่อสู้แนวนักรบญี่ปุ่น หรือต้องปลิดชีพมอนแล้วทำท่าเคารพสไตล์ซามูไร** การเลือกบทสนาอาจไม่ระดับเปลี่ยนแปลงเหตุการณ์เป็นคนละเส้นทางแต่มันจะทำให้อินกับการเป็นตัวเอก เพราะเราจะได้เลือกความรู้สึกหรือเลือกว่าตัวเองมีที่มาอย่างไร *จากด้านบนจะเห็นว่าเกมนี้ดูจะทำด้านเนื้อเรื่องออกมาได้ดี และให้พูดกันตามตรงคือจักรวาลก็ทำออกมาได้น่าสนใจพร้อมมีเรื่องราวให้น่าศึกษาเยอะเลย แต่ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างจะกลับไม่ทำให้คุณร้องว้าว เพราะเนื้อเรื่องหลักของเกมมันกลับทำธรรมดามากๆ มันดูไร้ประเด็นน่าสนใจหรือมีการหักมุมที่น่าจดจำ โดยจริงๆ มันก็มีเนื้อเรื่องช่วงนึงที่สร้างภาพประทับใจได้อยู่ แต่ก็ด้วยความที่ช่วงนั้นมันดันไป 'เหมือนเนื้อเรื่องของ Monster Hunter ภาค World' ก็ทำให้เรารู้สึกวามันประทับใจได้ไม่สุด และจุดพวกนี้แหละที่จะทำให้คุณรู้สึกว่าแม้จักรวาลดีหรือ NPC จะมีเสน่ห์น่าสนใจขนาดไหน ท้ายที่สุดถ้าเนื้อเรื่องไม่ดีก็ดูจืดไปหมดเลย* จริงๆ เกมนี้ยังทำคัทซีนออกมาได้สวยงาม และดูดีจนพอเป็นภาพจำได้บ้าง แต่มันก็สวนทางกับด้านเนื้อเรื่องจนรู้สึกว่ามันดีงามไม่สุดอยู่ดี ** แม้ท้ายที่สุดเกมแนวล่าแย้จะไม่จำเป็นต้องมีเนื้อเรื่องดีๆแต่ของเกมนี้มันส่งผลให้มอนดูจืดไม่มีอะไรน่าจดจำไปด้วยในด้านการออกแบบหรือประวัติ ** อีกอย่างคือแม้เกมเล่าเรื่องแบบค่อยๆ ให้เรียนรู้จักรวาล จนอินกับเกมง่ายๆ เพราะเรียนรู้ไปพร้อมตัวเอกแต่ช่วงแรกที่เราไม่รู้อะไรเลย เกมก็ดูไม่มีอะไรน่าสนใจหรือน่าติดตามไปด้วย ทำให้คนอาจเผลอกดรีฟันก่อน *จุดแข็งคือการนำเสนอแปลกใหม่ และมันก็สดใหม่ตลอดเวลาเลยWild Hearts จะมอบประสบการณ์เล่นในเบื้องต้นเหมือนกับ Monster Hunter ทุกอย่างไม่ว่าจะลูปเกมให้เราทำสิ่งต่างๆ เตรียมตัวก่อนล่า และพอถึงตอนล่าก็ต้องศึกษาหรือหาวิธีจัดการมอนตัวนั้นให้ง่ายๆ แล้วพอล่าสำเร็จก็จะได้ทรัพยากรดีๆ จากมอนแต่ละชนิดมาอัปเกรดตัวละครเพิ่ม แล้วก็ยังหยิบยืมพวกระบบต่างๆ อย่างคู่หูที่ในมอนฮันจะเป็นเจ้าแมวน้อย แต่เกมนี้จะเป็นเจ้าหุ่นตัวน้อย หรือระบบมอนมีชีวิตที่สามารถหนีหรือโกรธ และเราตัดอวัยวะมันได้ แล้วมันก็ถึงระดับทำให้คิดว่าเกมนี้ใช้เอนจิ้นเดียวกันหรือเป็นเกมภาคต่อ Monster Hunter ภาค World เลยทีเดียว แต่เกมนี้จะไม่ได้เอาระบบไอเทมพกพามาด้วย ทำให้เกมไม่มีกินอาหารเพิ่มค่าความเหนื่อยหรือเอาหินขัดให้อาวุธคม แล้วเกมก็จะใส่ระบบที่เรียกว่า Karakuri มาแทน โดยมันคืออุปกรณ์ติดแขนไว้ใช้สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ขึ้นมาได้ ซึ่งมันสร้างได้หลายอย่างมาก พร้อมผู้เล่นต้องปลดล็อกเรื่อยๆ ทำให้ตลอดทั้งเกมเราจะได้เจออะไรสดใหม่อยู่ตลอดกับพวกสิ่งก่อสร้างไว้ใช้เพิ่มความสะดวกสบาย หรือใช้ช่วยสู้มอนเป็นต้น แล้วระบบนี้มันดีระดับทำให้เกมมีความอิสระสูง และกลายเป็นเกมแนว Sandbox พร้อมให้ผู้เล่นได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสู้มอนได้ แล้วที่ต้องแจ้งเลยคือมันใช้งานง่ายมาก!!! * หมวดแรกที่ Karakuri สร้างได้คือสถานที่ให้ความสะดวก ยกตัวอย่างใช้บินไปพื้นที่สูงๆ หรือยานพาหนะสิ่งพวกนี้สร้างได้ตรงไหนก็ได้ทุกแผนที่ และมีให้ปลดล็อกมาสร้างความสะดวกใหม่ๆ ตลอดทั้งเกม** หมวดสองคืออุปกรณ์ช่วยสู้มอน ยกตัวอย่างบล็อกสี่เหลี่ยมป้องกันการโจมตี หรือสปริงให้เราพุ่งตัวหลบการโจมแล้วยังมีสูตรให้สร้างผสมกันเป็นสถานที่ช่วยสู้มอน แล้วก็สร้างตรงไหนก็ได้ และมีให้ปลดใหม่เรื่อยๆ ** เจ้าหุ่นตัวน้อยจะช่วยนักล่าทั้งการโจมตี, ช่วงแท้งค์, ช่วยเติมพลังชีวิต หรือช่วยเติมของให้สร้าง Karakuri ได้แล้วผู้เล่นยังไปเก็บเจ้าหุ่นตัวน้อยอื่นๆ ที่ซ่อนในแผนที่มาอัปเกรดให้หุ่นตัวน้อยเราเก่งขึ้นได้ด้วย *จากด้านบนทั้งหมด เราจึงเห็นได้ว่าเกมนี้มีจุดการนำเสนอที่น่าสนใจ และแปลกใหม่จาก Monster Hunter อย่างเห็นได้ชัด แม้จะมีหลายอย่างที่ใส่เข้ามาเหมือนกันเยอะมาก แต่เกมนี้กลับมีสิ่งนึงที่หลายคนได้เล่นจะรู้สึกเหมือนกันคือ 'ภาพไม่สวย' เพราะมันมีหลายพื้นที่ที่ Texture ดูหยาบหรือเป็นดินน้ำมันมาก และภาพก็ดูไม่ค่อยมีความละเอียดอะไรแบบนั้น จนเป็นอีกเหตุผลให้บางคนรู้สึกอยากรีฟันเกมตั้งแต่ช่วงแรก แต่ถึงอย่างงั้นเกมก็ออกแบบฉากในแผนที่ต่างๆ ได้ดูดีอลังมากเลยนะ แถมพวกเสียงเพลงประกอบกับอนิเมชั่นก็ทำออกมาดี พร้อมระบบ Karakuri ที่ให้ความสดใหม่ทั้งเกมก็ทำให้คุณสามารถลืมเรื่อง Texture หยาบๆ หรือภาพที่ดูไม่สวยได้เลยนะ!* ถ้าคุณดูภาพนี้ผ่านๆ จะเห็นว่าเกมภาพสวยนะ แต่ถ้าสังเกตุหลายๆ จุดจะเห็นว่ามีความหยาบอยู่ ** แต่ว่าทุกแผนที่ในเกมนี้ มันรับประกันต้องมีฉากสวยๆ แบบนี้ตลอดเลย *เกมเพลย์ก็ทำมาดี แต่ที่ดีต่อใจสุดๆ คือคอนเทนต์ระบบต่อสู้เกมนี้ก็จะคล้าย Monster Hunter โดยเราจะได้เลือกอาวุธหลักถึง 8 ชนิด และทุกอาวุธจะมีกลไกการต่อสู้ไม่เหมือนกัน และเกมก็จะมีระบบการโจมตีธาตุหลายแบบที่บางธาตุจะโจมมอนได้รุนแรงหรือเบากว่าแบบธรรมดา พร้อมพวกมอนสเตอร์ก็จะมีชนิดต่างกันที่ทำให้เราต้องศึกษารับมือท่าแปลกใหม่เรื่อยๆ แต่เกมนี้ยังมาพร้อมความ 'ท้าทายนึกว่า Dark Souls' เพราะระบบต่อสู้จะรวดเร็วทันใจกว่ามอนฮัน ทั้งด้านตัวนักล่ากับมอนสเตอร์ แล้วมอนสเตอร์มันจะเน้นโจมตีเร็วแบบไม่มีช่วงเวลาพักเลย แถมเกมนี้ยังไม่มีโล่หรืออาวุธที่ใช้บล็อกการโจมตีได้ มากสุดมีเพียงแค่การบล็อกหรืออาวุธร่ม Wagasa ที่ Parry ได้อยู่ แต่อาวุธทุกชนิดยังไงผู้เล่นก็ต้องฝึก 'กลิ้งหลบ' การโจมตีเป็นหลักเลย แล้วกลไกอาวุธส่วนใหญ่ยังเน้นให้เรา 'เข้าโจมมอนไม่พักเพื่อสามารถใช้ไม้ตายได้' ขณะที่ถ้าเผลอโดนมอนโจม 1-2 ตีก็ตายได้เลย ส่งผลให้เกมนี้มันท้าทายแบบน่าสนใจจากมอนฮันอย่างมาก* มอนช่วงแรกๆ จะไม่โหด แต่พอมาถึงตัว Lavaback ตามภาพ และหลังจากนี้มันจะเริ่มโหดท้ายนึกว่าเล่นเกมแนว Souls-like ** ภาพตัวอย่างว่ามอนตัวนึงจะมีจุดอ่อนอยู่ตรงไหน, แพ้ธาตุอะไร, แพ้การโจมตีกายภาพแบบไหนหรือสามารถติดสถานอะไรได้ง่าย  *นอกจากนี้เกมยังมีคอนเทนต์ให้ฟาร์มเยอะไปหมดเลย และคอนเทนต์หลายตัวยังมีลูกเล่นให้เพลินได้เกิน 100 ชั่วโมงสบายๆ ยกตัวอย่างระบบ 'อัปเกรดอาวุธ' ที่ถ้าอาวุธ 1 ชิ้นใน Monster Hunter จะมีให้เราเลือกสายธาตุการโจมตี และอัปเกรดจนถึงขั้นสุดท้ายหรือเปลี่ยนสายได้ไปนิดหน่อย แต่ของเกมนี้ 1 ชิ้นสามารถอัปได้ทุกสายเพื่อ 'เอาสกิลมาผสมกันกับอาวุธสายอื่น' โดยแค่นี้คนเล่นก็จะรู้สึกแล้วว่า 'ถ้าจะครอบครองอาวุธทุกสายที่ดีที่สุดคงต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า  500 ชั่วโมง' ส่วนข้อเสียด้านเกมเพลย์คือมอนจริงๆ มีต่างกันแค่ 10 ชนิดเอง แล้วมอนตัวอื่นยังมาเป็นแบบย้อมสีเพียบเลย ซึ่งเล่นเกมนี้ไปถึงช่วง 'กลางเกม' ก็ต้องมาเจอมอนหน้าตาซ้ำๆ กันแล้ว แต่ยังดีที่เกมนี้จะมีอัปเดตฟรีเพิ่มมอนหรืออย่างอื่นเรื่อยๆ พร้อมตอนนี้เกมก็มี 'มอนระดับเก่งกว่า' หรือ 'มอนกลายพันธุ์' แต่ละชนิดให้สู้ด้วย* ภาพตัวอย่างการอัปเกรดอาวุธชนิดดาบ ที่เราอัปได้หลายสาย และเราเอาสกิลติดอาวุธแต่ละสายมาผสมกันได้ตรงนี้เป็นหนึ่งในคอนเทนต์ให้ฟาร์มยันตอนท้ายเกม และช่วงท้ายเกมมีอะไรให้ทำอีกเพียบจัดๆ ** ระบบเกราะนอกจากมีให้หาใส่หลายแบบ ก็ยังมีให้อัปเกรดเป็นเกราะสายมนุษย์นักล่า หรือปีศาจนักล่าโดยแต่ละสายจะสามารถได้รับสกิลพิเศษมาใช้งานได้ไม่เหมือนกัน *ประสิทธิภาพเกมคือตัวปัญหาใหญ่พูดกันตามตรง เกมนี้ดูเหมือนว่า 'มันสร้างเสร็จแล้ว แต่เหมือนทีมพัฒนาไม่เคยทำเกมฟอร์มใหญ่ขนาดนี้ หรือเวลาปรับปรุงไม่พอ' เพราะตัวเกมนั้นกินเสปคอย่างมาก บน Console ถ้าจะเล่นภาพแบบ 60fps จะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 1080 เท่านั้น ทั้งๆ ที่เกมภาพแบบนี้ควรจะได้ระดับ 2K หรือ 4K สบายๆ เลย ส่วนบน PC แม้จะมีเสปคเกินความต้องการขั้นแนะนำอย่างผู้เขียนที่ใช้ i5-12400f & 3070Ti ก็ยังเล่นเกมนี้ได้ไม่ลื่นเลย พร้อมกับเกมก็ยังมีบั๊กน่าหงุดหงิด และบน PC ยังมีบั๊กที่ Option ในเกมไม่ทำงานหรือมีปัญหา แต่ล่าสุดนี้ผู้สร้างแจ้งแล้วว่าตัวเกมบน PC จะมีแก้ปัญหาในอาทิตย์หน้าหลังเกมวางขายให้เล่นลื่นขึ้นนอกจากนี้คือคุณจะดูออกเลยว่าทำไมเกมกินเสปค โดยมันก็เป็นเพราะเกมนั้นดูทำมาเสเกลใหญ่มากในเรื่องแผนที่มีฉากอลังเยอะๆ แต่ดันปรับปรุงให้เล่นลื่นไม่ได้นั่นเอง แถมผู้เขียนขอแชร์เรื่องนึงคือผู้เล่นไม่สามารถเข้าเล่นเกมนี้ไปได้ 2 วันเพราะ 'บั๊กไอดี Microsoft Account ที่ใช้ล็อกอินกับ Windows' ซึ่งผู้เขียนไม่คิดไม่ฝันว่าเกมจะเข้าเล่นไม่ได้เพราะอะไรแบบนี้ แต่หลังลองเปลี่ยนดูก็กลับมาเล่นได้ปกติถึงปัจจุบันจนทำให้สงสัย 'Microsoft Account มันทำให้เข้าเกมไม่ได้ด้วยหรอ เล่นเกมมาเกิน 20 ปีเพิ่งเคยพบเคยเจอ?'มาสรุปกันเถอะถ้ามองในรูปแบบเกมๆ หนึ่ง Wild Hearts อาจไม่ใช่เกมต้องหาเล่นให้ได้ในชีวิตหรือเกมท้าชิงยอดเยี่ยมแห่งปี 2023 แต่ถ้าพูดในรูปแบบเกมล่าแย้ แค่มันทำได้จนนึกว่าเป็นเกมภาคต่อ Monster Hunter ก็ดีมากแล้ว แต่เกมยังทำระบบ Karakuri ออกมาดีสุดๆ และยังยอดเยี่ยมสดใหม่ให้คนเคยเล่นเกมแนวล่าแย้จนเอียนๆ ก็ยังกลับมาเล่นเกมแนวนี้สนุกได้ มันอาจมีเรื่องน่าขัดใจหน่อยคือด้านการเล่าเรื่องดูทำมาดี แต่ตกม้าตายเพราะเนื้อเรื่องธรรมดา หรือมอนที่ยังมีไม่เยอะมาก แล้วต้องรออัปเดตเรื่อยๆ หรือประสิทธิภาพที่ก็ต้องรอแก้ไขให้เล่นลื่นขึ้น แต่สิ่งพวกนี้อย่าลืมว่ามัน 'แก้ไขได้ในอนาคต' ทำให้อนาคตมันอาจเป็นเกมคู่ควรกับคะแนน 9/10 หรือ 10/10 ได้เลย แต่ปัจจุบันทางเราก็ขอให้คะแนนมันเท่านี้ไปก่อน
16 Feb 2023
[Review] รีวิวเกม Hogwarts Legacy นี่คือเกมที่สร้างมาเพื่อแฟน Harry Potter อย่างแท้จริง !!
ถ้าให้พูดถึงหนึ่งในนิยายที่มีอิทธิพลและเป็นที่รู้จักในหมู่วัยรุ่น เชื่อว่าชื่อของนิยาย Harry Potter นั้นก็คงจะเป็นหนึ่งในลิสต์ที่ว่าไป เพราะเนื้อเรื่องจะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกเวทมนตร์อันน่าทึ่ง และมันก็ได้เสริมสร้างจินตนาการให้กับคนอ่านอย่างมาก บวกกับยังมีการเอานิยายมาดัดแปลงให้กลายเป็นภาพยนตร์ ให้เราได้เห็นโรงเรียนฮอกวอตส์ที่จินตนาการไว้อย่างเต็ม ๆ ตา และทำให้แฟรนไชส์นี้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น แน่นอนว่าในสมัยที่ภาพยนตร์ปล่อยออกมา ทางผู้พัฒนาก็ได้เคยสร้างวิดีโอเกมจากแฟรนไชส์ Harry Potter ขึ้นมาโปรโมทอยู่ตลอด แต่หลังจากที่ภาพยนตร์จบลงไปในปี 2011 เราเองก็ไม่ได้เห็นวิดีโอเกมจากซีรีส์นี้อีกเลย แต่ในปี 2023 ก็ได้มีเกมใหม่จากซีรีส์นี้อย่าง Hogwarts Legacy ที่จะเล่าเรื่องเกี่ยวกับโรงเรียนฮอกวอตส์ในอดีตร้อยปีก่อนเนื้อเรื่องหลัก ตัวเกมจะให้คุณได้เข้าไปสัมผัสโลกของ Wizarding World ด้วยตัวของคุณเอง กับกราฟิกสุดอลังการงานสร้าง รวมถึงยังจะให้คุณได้สำรวจพื้นที่อื่น ๆ ของเกมอีกด้วย โดยในบทความนี้พวกเรา GameFever TH จะมารีวิวเกมนี้ให้ทุกท่านได้ทราบกันว่า Hogwarts Legacy จะยอดเยี่ยมเหมือนที่เคยได้ดูในหนังหรืออ่านในนิยายหรือไม่เนื้อเรื่องโดยเรื่องราวของเกม Hogwarts Legacy จะย้อนกลับไปราว ๆ หนึ่งร้อยปีจากในนิยายและภาพยนตร์ โดยเราจะได้เล่นเป็นตัวละครที่เราสร้าง เป็นนักเรียนที่เข้าเรียนในโรงเรียนฮอกวอตส์ในชั้นปีที่ห้า แต่ประเด็นก็คือเรานั้นกลับมีพลังพิเศษในการมองเห็นเวทมนตร์ลึกลับโบราณ และทำให้เราจะต้องเข้าไปพัวพันกับสิ่งที่เกิดขึ้น  เนื้อเรื่องหลักของเกมนั้นจะก็จะเล่าเกี่ยวกับตัวเราที่จะต้องหาความจริงเกี่ยวกับเวมมนตร์โบราณนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเราจะก็จะได้เรียนรู้เรื่องราวภายในโรงเรียนผ่านเควสเนื้อเรื่องเช่นกัน เข้าเรียนวิชาต่าง ๆ พบเจอกับนักเรียนคนอื่นมากมาย และเราก็จะได้รู้เรื่องราวของพวกเขามากขึ้น นอกจากนี้ตัวเกมยังมีระบบเกี่ยวกับ Companions หรือคู่หูของเรา ที่เราจะได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องราวของพวกเขา ซึ่งแต่ละคนก็จะมีเรื่องราวที่แตกต่างกันไปอย่าง Naisai Onai จากบ้านกริฟฟินดอร์ ที่เนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้คน, Poppy Sweeting จากบ้านฮัฟเฟอร์พัฟ จะเกี่ยวกับการช่วยเหลือเหล่าสัตว์วิเศษที่โดนเหล่า The Poacher จับไปแบบผิดกฏหมาย หรือจะเป็น Sebastian Sallow จากบ้านสลิธีรินที่จะเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับศาสตร์มืดซึ่งจากที่เล่นมาก็ถือว่าทำออกมาได้ไม่เลวเลย แต่มันก็อาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่ากับในภาพยนตร์ รวมถึงเนื้อเรื่องของเหล่า Companions แต่ละคนก็ทำออกมาได้อย่างแน่สนใจไม่แพ้เนื้อเรื่องหลักเลยทีเดียว  เผลอ ๆ ส่วนตัวผู้เขียนชอบเนื้อเรื่องเกี่ยวกับศาสตร์มืดของ Sebastian Sallow มากกว่าเนื้อเรื่องหลักอีก (ฮ่า ๆ) นอกจากนี้ตัวเกมยังมี Side Quest ที่จะให้เราได้สำรวจโรงเรียน หรือเข้าใจรายละเอียดปลีกย่อยภายในโรงเรียนนี้อีกมากมายแต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่อาจจะรู้สึกเสียดายกับเนื้อเรื่องก็คงจะเป็นเรื่องความเป็นเส้นตรงของเกม ที่ถึงแม้ว่าการกระทำ หรือการตอบคำถามบางอย่างของเราอาจจะส่งผลต่อการโต้ตอบของ NPC หรือมีเนื้อเรื่องแตกต่างนิดหน่อย แต่ใครที่คาดหวังว่าเนื้อเรื่องมันจะเปลี่ยนแปลงไปเลยแบบสุดขั่วตัวเกมก็อาจจะยังทำไม่ได้ถึงขนาดนั้น เพราะสุดท้ายเรื่องราวของคุณก็จะถูกวางเอาไว้ให้เป็นวีรบุรุษในการกอบกู้โลกแห่งเวทมนตร์อยู่ดี ต่อให้คุณอยากเลือกที่จะเล่นเป็นคนที่ฝักใฝ่ในศาสตร์มืด แต่มันก็ไม่ขนาดจะทำให้คุณต้องกลายเป็นผู้ทำลายฮอกวอตส์ อาจจะมีปฏิกริยาของโลกและ NPC ต่าง ๆ ที่จะเปลี่ยนไปเท่านั้นกราฟิก / การนำเสนอสำหรับโลกของ Hogwarts Legacy จะนำเสนอพื้นที่โรงเรียนฮอกวอตส์ที่คุณจินตนาการเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม และมีรายละเอียดต่าง ๆ ที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ทั้งรายละเอียดหลาย ๆ อย่างอยู่ครบถ้วน เราจะได้เห็นห้องเรียนต่าง ๆ ทั้งห้องวิชาปรุงยา ห้องวิชาสมุนไพร ห้องป้องกันตัวจากศาสตร์มืด สนามควิชดิช ห้องพักศาสตราจารย์ใหญ่ หรือห้องโถงกินข้าว ซึ่งมันจะเสริมสร้างจิตนาการได้อย่างยอดเยี่ยม คุณจะได้สำรวจโรงเรียนฮอกวอตส์ในทุกซอกทุกมุมเท่าที่ทำได้ (แต่แรก ๆ อาจจะหลงหน่อยนะ ฮ่า ๆ)รวมถึงเรายังจะได้สำรวจพื้นที่บริเวณใกล้เคียงกับโรงเรียนอย่างหมู่บ้าน Hogsmeade ซึ่งทำออกมาได้สวยงามมาก ๆ ไม่แพ้กัน ซึ่งในนี้ก็จะเป็นศูนย์รวมในการขายของต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นร้านขายไม้กายสิทธิ์ของ Olivander ร้านตัดผมที่จะให้คุณได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของคุณได้ ร้านขายไม้กวาด หรือร้านขายพีชพันธุ์หรือสูตรปรุงยาก็มีแต่ถึงอย่างนั้นสำหรับคนที่เสพงาน Harry Potter แค่ในฉบับภาพยนตร์คุณอาจจะต้องทำใจไว้ก่อน เพราะรายละเอียดของ Hogwarts Legacy จะมีการดีไซน์ทุกอย่างใหม่ทั้งหมด  โดยมีการเอาดีไซน์จากในหนังสือและภาพยนตร์รวมกันนั่นเอง ทำให้รายละเอียดบางอย่างของโรงเรียนนั้นจะแตกต่างจากในภาพยนตร์ที่เคยดู ยกตัวอย่างหน้าตาของบันไดแปรสภาพที่จะแตกต่างกันอย่างชัดเจน รวมถึงเพิงโหยหวน หรือต้นวิลโล่จอมหวดก็ยังไม่มีนะครับ เพราะเนื้อเรื่องของเกมนี้จะเกิดก่อนที่เขาจะปลูกต้นไม้นี้ขึ้นมาเป็นต้น แต่ไม่ต้องกลัวไปเพราะภายในเกมจะมีเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมายมาทดแทน และต้องยอมรับว่าฮอกวอตส์ของเกมนี้มีงานศิลปะที่สวยงามและน่าทึ่งที่สุดส่วนในด้าน Performance สำหรับผู้เขียนนั้นโชคดีหน่อยเพราะเล่นเกมนี้ในเวอร์ชันของ PlayStation 5 ซึ่งตอนปรับโหมดเร่งเฟรมเรทตัวเกมก็สามารถรันเกมได้อย่างลื่นไหล 60 FPS นิ่ง ๆ โดยไม่มีอาการเฟรมเรทดรอปตอนเอฟเฟกต์เยอะ ๆ อย่างไร แต่ถึงอย่างนั้นทางผู้เขียนก็ลองปรับกราฟิกแบบเน้นภาพสวยปรากฏว่าเฟรมเรทของเกมดรอปกระจายจนถึงขั้นไม่ควรเล่นเลย (เหมาะสำหรับการถ่ายรูปสวย ๆ น่าจะดีกว่านะ) ส่วนในเรื่องบัคก็อาจจะเกิดบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ใช่บัคร้ายแรงขนาดต้องรีเกม มีมาแค่แวบ ๆ เท่านั้นแต่สำหรับคนที่เล่นเกมนี้บนเครื่อง PC คุณก็อาจจะต้องลุ้นหน่อย เพราะมีเพื่อน ๆ ของผู้เขียนบางคนที่เล่นเกมนี้บนเครื่องคอมพิวเตอร์และเกิดปัญหามากมายอย่างเช่นอยู่ดี ๆ เกมเด้งบ่อยมาก ๆ เสียงหาย ทั้ง ๆ ที่เครื่องคอมของเพื่อนคนนั้นจัดอยู่ในเกณฑ์ที่แรงพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีบางคนที่ยังเล่นเกมนี้ได้ปกติเช่นกัน และประสิทธิภาพก็ทำออกมาได้ดีเลยด้วยส่วนสิ่งที่ไม่ชอบก็คงจะเป็นงานเรื่องความละเอียดของโลกในเกมสำหรับ NPC ทั่วไป ที่โอเคว่าภายในโรงเรียนจะมีนักเรียนให้เดินพลุกพล่านไปทั่วในตอนเช้า แต่ในตอนกลางคืนเราไม่เห็นตัวละครเหล่านักเรียนเดินไปมา หรือมีคนตรวจตราในตอนกลางคืนเลย หรือแม้กระทั่งในตอนกลางคืนเองเราก็ไม่เห็นนักเรียนที่อยู่ในห้องเรียนเลยด้วยซ้ำ รวมถึงกิจกรรมภายในโรงเรียนก็มีให้ทำน้อยมาก นอกจากการเดินเควสต่าง ๆ หรือการเดินหาปริศนา มันก็แทบจะไม่มีอะไรให้ทำเลย ส่วนตัวอยากให้กิจกรรมภายในโรงเรียนมากกว่านี้อีกหน่อย ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ที่ทางผู้พัฒนาน่าจะสร้างระบบตรงนี้ไม่ทัน เพราะต้องไปสร้างส่วนอื่น ๆ เป็นหลักเกมเพลย์สำหรับการเล่นส่วนใหญ่นั้นจะเป็นการที่เราจะต้องไปทำเควสต่าง ๆ จาก NPC ภายในโรงเรียนซึ่งก็จะมีทั้งเควสหลัก เควสรอง ซึ่งนอกจากเควสหลักเกี่ยวกับการหาความจริงเกี่ยวกับความลับโบราณ หรือเควสเนื้อเรื่องของ Companions แล้วนั้น เควสส่วนใหญ่ก็จะจำลองให้คุณนั้นได้เป็นนักเรียนในโรงเรียนฮอกวอตส์แห่งนี้ ตัวเกมจะมีเควสให้คุณได้เข้าเรียน ปลดล็อกคาถาใหม่ ๆ เพื่อเอาไว้ใช้ในการต่อสู้ได้ ซึ่งตัวคาถาก็จะค่อย ๆ ปลดล็อกไปเรื่อย ๆ (เล่นจนเกือบจบเกมถึงจะปลดล็อกได้หมด) มีเควสที่จะให้คุณได้ผจญภัยไปในสถานที่ต่าง ๆ มากมายรวมถึงในเควสเสริมก็จะมีให้คุณได้ทำซึ่งความน่าสนใจก็ทำออกมาได้ดีไม่แพ้เควสหลักเลย ไม่ว่าจะเป็นเควสที่จะให้ไปช่วยถล่มรังโจร เควสค้นหาปริศนาต่าง ๆ หรือเควสการผจญภัยเข้าไปในที่ที่ลึกลับ หรือบางเควสอาจจะมีการเซอร์วิสแฟน ๆ อย่างสถานที่ลับไปหมู่บ้าน Hogsmeade หลังรูปปั้นแม่มด ที่จะให้เราไปช่วยซ่อมทางเดินเป็นต้น  รวมถึงหลัง ๆ เราเองก็จะต้องทำเควสเสริมเพราะจต้องเรียนคาถาต่าง ๆ เพิ่มเติมด้วย ไม่ว่าจะเป็นคาถาสะเดาะกลอน คาถาโจมตีบางคาถา หรือคาถาเกี่ยวกับศาสตร์มืดก็จะต้องทำในเควสเสริม หรือจะเป็นการอัปเกรดไม้กวาดบินได้ก็จะต้องทำผ่านเควสเสริมเช่นกันส่วนระบบการต่อสู้นั้นจะอ้างอิงจากคาถาที่มีอยู่จริงตามที่เขียนในนิยาย และผลข้างเคียงของคาถาแทบจะเหมือนกันเป๊ะ ๆ ส่วนระบบการต่อสู้นั้นถ้าให้พูดง่าย ๆ ถ้าคุณเคยเล่นเกมอย่าง Marvel's Spider-Man หรือ Battle Arkham ตัวระบบการต่อสู้จะมีความคล้ายคลึงกันอย่างมาก แค่เปลี่ยนจากการต่อเตะ เป็นการร่ายคาถาต่าง ๆ ใส่กัน นอกจากนี้ตัวเกมยังมีการใส่ลูกเล่นและความท้าทายออกมาให้เราไม่เบื่อด้วย อย่างเช่นระบบเกราะป้องกันของศัตรู ที่จะแบ่งออกเป็นสี ๆ (แดง ม่วง เหลือง) ซึ่งวิธีแก้ก็คือคุณจะต้องร่ายคาถาโจมตีสีเดียวกันกับโล่ของศัตรู มันจะเป็นการแก้ทางและทำให้โล่ศัตรูเสียหายทันทีเป็นต้น เราสามารถจัดสรรคาถาต่าง ๆ และใช้เพื่อคอมโบกันด้วยอย่างเช่นให้คาถาดึงให้ศัตรูมาใกล้ ๆ และทำดาเมจไฟใส่ หรือคาถาที่ทำให้ศัตรูลอยและโจมตีด้วยคาถาปลดอาวุธเป็นต้น นอกจากนี้ตัวเกมยังมีระบการปัดป้องคาถาหรือหลบการโจมตีของศัตรูได้ด้วย โดยข้อดีของการปัดป้องคาถาก็คือเราจะสามารถใช้คาถาในการโจมตีสวนกลับศัตรูได้ง่าย แต่ถ้ากดไม่ตรงจังหวะก็อาจจะปัดป้องไม่ได้ ส่วนการกระโดดหลบนั้นเอาไว้ใช้หลบการโจมตีบางอย่างที่ปัดป้องไม่ได้ ซึ่งการหลบแทบจะหลบได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะเสียจังหวะในการโจมตีสวนกลับนั่นเอง และถึงแม้ว่า Slot การใส่คาถาจะมีให้เราใส่เพียงแค่ 4 ช่องในตอนแรก แต่พอเราเล่นไปสักพักเราก็จะสามารถปลดช่อง Slot เพิ่มเติมเอาไว้ใส่สกิลได้รวมถึงคาถาต่าง ๆ ก็จะสามารถ และเนื่องจากเกมนี้ที่มีองค์ประกอบความเป็น RPG ทำให้ตัวเกมจะมีระบบสวมใส่เพื่อเพิ่มสเตตัสให้กับตัวละครเราด้วย ซึ่งไอเท็มสวมใส่หรือ Gearrs ซึ่งก็จะมีทั้งผ้าคลุม ผ้าพันคอ ชุดด้านใด หรือว่าหมวก แต่เป็นมั้ยครับที่บางครั้งชุดที่ใส่มันอาจจะพวกพลังป้องกัน หรือพลังโจมตีที่เยอะมาก ๆ แต่ชุดนั้นมันดันไม่สวยเลย ซึ่งทางผู้พัฒนาเองก็น่าจะรู้ในจุดนี้ครับ พวกเขาก็เลยทำการใส่ระบบสกินเข้ามาซึ่งเรียกว่า Apperance โดยถ้าหากเราเคยดรอปชุดใด ๆ มาในคลังแล้วครั้งนึง ต่อให้ชุดนั้นจะมีค่าสเตตัสที่น้อย หรือต่อให้เราจะขายชุดลงร้านค้าไปแล้ว ชุดพวกนั้นก็จะเข้าไปอยู่ในระบบสกินแทน ทำให้เราสามารถเปลี่ยนชุดเท่ ๆ ตามที่ตรงการได้อย่างอิสระเลย เพราะส่วนตัวชอบใส่ชุดที่มันเหมือนนักเรียนทั่วไปแบบ NPC คนอื่น ๆ (อาจจะมีใส่ผ้าพันคอ และหมวกเท่านั้น) เพื่อที่จะได้อินมากขึ้น ฮ่า ๆและภายในเกมก็ยังมีลูกเล่นในการนำสิ่งอื่น ๆ มาช่วยสู้ได้ไม่ว่าจะเป็นการใช้ต้น Mandrake มาทำให้ศัตรูชะงักการเสกต้นกระหล่ำ หรือต้นพืชมีหนามมาช่วยทำดาเมจได้เช่นกัน รวมถึงตัวเกมยังมีน้ำยาที่จะเพิ่มความสามารถต่าง ๆ ให้คุณด้วย อย่างน้ำยาที่จะเสกฟ้าผ่ามาใกล้ ๆ ตัวและทำดาเมจใส่ศัตรูที่อยู่รอบ ๆ น้ำยาเพิ่มเลือด น้ำยาเพิ่มพลังป้องกันหรือดาเมจก็มีเช่นกันแต่ในช่วงแรก ๆ ถ้าหากคุณอยากที่จะปรุงยา หรือปลูกสมุนไพร คุณก็อาจจะต้องจุกจิกที่จะต้องวิ่งไปตามห้องเรียนต่าง ๆ อยากไปปรุงน้ำยาก็ต้องไปห้องปรุงยา อยากไปปลูกพีชก็ต้องไปห้องสมุนไพร แต่เรื่องน่าปวดหัวนี้จะหมดไป เพราะตัวเกมนั้นมีระบบ Room of Requirement (ห้องต้องประสงค์) ซึ่งจะเป็นห้องที่คุณสามารถใช้มันเป็นห้องส่วนตัวลับของคุณได้ ภายในนั้นคุณจะสามารถสร้างเครื่องปรุงยา สร้างเครื่องปลูกสมุนไพรได้ และถ้าหากคุณจะสร้างของต่าง ๆ มากขึ้น คุณก็จะต้องไปซื้อสูตรทำน้ำยาที่หมู่บ้าน Hogsmeade ตัวห้องยังมีการจับสัตว์วิเศษต่าง ๆ ตามแผนที่ และเอากลับมาเลี้ยงภายในห้องของเราได้ด้วย ซึ่งเราก็จะต้องทำการแปรงขน และให้อาหารพวกมัน โดยสัตว์เหล่านี้ก็จะมีดรอปวัตถุดิปที่จะให้เราสามารถอัปเกรดสเตตัส หรือเพิ่มออฟชันบางอย่างให้กับชุดที่เราสวมใส่ได้นั่นเอง รวมถึงเรายังสามารถเพาะพันธุ์เหล่าสัตว์วิเศษ เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่ดีมาได้รวมถึงภายในและนอกโรงเรียนก็จะมีปริศนาให้เราทำเยอะมากพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นการไปไล่หาตุ๊กตา Demiguise Moon เพื่อทำเควสเพิ่มเลเวลคาถาสะเดาะกลอนในห้องที่ล็อกอยู่เพื่อหาของสวมใส่ดี ๆ มาใช้ การทำปริศนา Merlin ซึ่งจะเพิ่มช่องเก็บชุดสวมใส่เป็นต้น การหา Field Guide Page ที่ในนั้นจะมีการบอกเล่าเรื่องราวของโรงเรียนฮอกวอสต์และภายนอกโรงเรียน และได้รับ EXP มากขึ้น การทำภารกิจขี่ไม้กวาดบินชนบอลลูนบนฟ้า เพื่อจะได้รับของพิเศษคือไม้กวาดลายใหม่ ๆ หรือจะสามารถไล่จับสัตว์วิเศษ เพื่อที่จะเอาไปเลี้ยง ในห้องต้องประสงค์ หรือจะเอาไปขายเอาเงินก็ได้เช่นกันความรู้สึกหลังเล่นจากที่ได้เล่นเกม Hogwarts Legacy มาต้องยอมรับว่านี่คือเกมจากซีรีส์ Harry Potter ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาเลยก็ว่าได้ แต่ถ้าจะให้พูดว่าตัวเกมนั้นยอดเยี่ยมขนาดที่จะไปเปรียบเทียบสุดยอดเกม Open World อื่น ๆ อย่าง The Witcher 3, GTA V หรือ Red Dead Redemption 2 ไหมก็อาจจะต้องยอมรับว่าตัวเกมอาจจะยังไม่ได้ละเอียดถึงขั้นนั้น เพราะในแง่ของความมีชีวิตชีวาของเกมก็ยังไม่ได้มีให้เห็น หรือการแตกแขนงของเนื้อเรื่องก็ไม่ได้ลึกซึ้งเท่ากับเกม The Witcher 3 ทั้งที่ตัวเกมน่าจะมีศักยภาพที่จะทำได้ ในด้านเนื้อเรื่องทางผู้พัฒนาก็ทำออกมาได้ในระดับที่ค่อนข้างดี มีเนื้อเรื่องหลายอย่างที่เล่าทั้งเควสหลัก หรือเควสของคู่หู  ซึ่งทั้งหมดก็มีความน่าสนใจในตัวของมันเอง รวมถึงเควสเสริมบางอย่างด้วย เสียดายที่ส่วนตัวอยากให้มันมีการแตกแขนงเรื่องราวและผลลัพธิ์ที่มากกว่านี้ แต่ในแง่ของเกมเพลย์ตัวเกมนี้ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ความเป็นเกม Action สุดมันส์ !! ก็ต้องจัดให้เกมนี้ยอดเยี่ยมระดับเทียบเท่ากับเกม Marvel's Spider-Man ได้เลย ทั้งระบบการต่อสู้ที่มีความท้าทายอย่างมาก (ยิ่งเล่นโหมดยากยิ่งสนุก) เราจะรู้สึกท้าทายทุกครั้งในการต่อสู้ รวมถึงคาถาต่าง ๆ ก็มีให้ใช้ได้หลากหลาย แน่นอนว่าบางคาถาผลลัพธิ์มันอาจจะไม่ได้แตกต่างกันมากนั่นคือการสร้างดาเมจให้แก่ศัตรู แต่มันคือคาถาที่ใช้จริงในนิยาย Harry Potter ซึ่งแค่นี้ก็มากเพียงพอแล้วและต้องยอมรับเลยว่า Hogwarts Legacy นั้นเป็นเกมที่ถูกสร้างมาเพื่อแฟน ๆ Harry Potter ที่แท้จริง เพราะผู้พัฒนาพยายามจะใส่หลายสิ่งหลายอย่างเพื่อมาเอาใจแฟน ๆ นิยาย และภาพยนตร์อย่างเต็มที่ โดยที่พวกเขาไม่มีการกั๊กอะไรเอาไว้เผื่อภาคต่อเลย นอกจากโรงเรียนฮอกวอตส์อันสวยงามที่จะให้คุณได้สำรวจได้แบบทุกซอกทุกมุมแล้วนั้น เขายังให้เราทำอะไรมากมายอีกหลายอย่าง คุณอยากไปหมู่บ้าน Hogsmeade ก็ให้ไป อยากให้ไปเลือกไม้กายสิทธิ์ร้าน Olivander ก็ได้เลือก อยากเลี้ยงสัตว์วิเศษ ขี่สัตว์ ขี่ไม้กวาด ปรุงยา ปลูกสมุนไพร คุณก็ได้ทำภายในเกมนี้ทั้งหมด ถึงแม้ว่าบางระบบของเกมที่ใส่มาอาจจะไม่ลึกซึ้งก็เถอะ แต่แค่นี้ก็ยอดเยี่ยมและเติมเต็มความฝันของแฟน ๆ มากเพียงพอแล้ว นี่ยังไม่นับตัวละครบางตัวที่เป็นบรรพบุรุษของตัวละครสำคัญในเรื่องราวในนิยายภาคหลักด้วยอย่างเช่นคนในนามสกุล Weasley หรือคนในนามสกุล Black เป็นต้น
12 Feb 2023
[Review] รีวิวเกม Wylde Flowers เสกคาถาทำฟาร์ม สืบเสาะเรื่องลึกลับ ไปในโลกแห่งเวทมนตร์
ระหว่างที่รอ Hogwarts legacy เปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการ ผู้เขียนไปไถ ๆ เจอเกมที่น่าสนใจ นั่นก็คือ Wylde Flowers อ่านคอนเซปต์คร่าว ๆ ดูก็คือการผจญภัยไขปริศนาในเมือง Fairhaven มีการทำฟาร์ม ตกปลา หาแร่ควบคู่ไปด้วย ตัดสินเอาเองว่า"เออ ก็เกมปลูกผัก อีกเกมหนึ่ง อย่างนั้นสินะ"ไล่ ๆ ดู Trailer ต่าง ๆ ของเกมมีความสะกดจิต สะกดใจ ให้อยากซื้อมาเล่นมาก ๆ ลงวางขายใน Steam เมื่อวันที่ 21 ก.ย. 2022 เกมยังไม่เก่ามากด้วย เลยตัดสินใจหวดลงคลัง Steam มาลองเล่นดูครับ เล่น ๆ ไป กลับกลายเป็นว่านี่มันเปฺ็นเกมที่เน้นไปที่เนื้อเรื่อง การทำฟาร์มหรือระบบต่าง ๆ เป็นแค่ส่วนประกอบหนึ่งของเกม Wylde Flowers เท่านั้นเอง! เกมมันดันสนุกเพราะเนื้อเรื่องของเกม ที่เราต้องรับบทเป็นแม่มดหน้าใหม่ที่มารับไม้ต่อจากคุณย่าของเธอ เรื่องราวจะเข้มขนน่าติดตามขนาดไหน มาตามอ่านกันได้เลยครับเนื้อเรื่องน่าสนใจ ได้ผจญภัยในโลกเวทมนตร์Wylde Flowers เราจะได้รับบทให้เล่นเป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อ Tara ซึ่งในช่วงที่ Tara ยังเป็นเด็กอยู่นั้นเธอเคยมาเที่ยวเล่นที่ฟาร์มของคุณย่าครับ เมื่อมาถึงเมืองเธอจะคุ้น ๆ กับสถานที่ต่าง ๆ รวมไปถึงผู้คนในเมืองด้วย มาถึงเราจะต้องไปแนะนำตัวกับนายกเทศมนตรีของเมือง Fairhaven และเราจะได้รับเควสแรกของเกมจากนายกเทศมนตรีของเมือง เราจะต้องไปแนะนำตัวกับชาวเมืองให้ครบทุกคน และกลับมารับรางวัลครับอยู่ไปอยู่มาตัวเกมจะเริ่มเฉลยปมตัวละครต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกันในเมือง Fairhaven เริ่มจากคุณย่า Hazel Wylde ซึ่งเป็นไม้ใกล้ฝั่งมาก ๆ จึงอยากให้ Tara Wylde มารับไม้ต่อในเรื่องฟาร์มของเธอครับ แต่จริง ๆ แล้วคุณย่ามีอะไรแอบแฝงมากกว่านั้น ซึ่งในเกม Tara จะต้องคอยตามสืบจนรู้ความจริง แต่เอาจริง ๆ เหมือนคุณย่าตั้งใจให้รู้ความลับซะมากกว่า เพราะต้องการให้ Tara มารับไม้ต่อทางด้านการเป็นแม่มดเพื่อปกป้องเมืองแทนเธอครับ (เจ้าคือทายาทคนต่อไป)ตัว Tara เองก็กลัวว่าจะทำฟาร์มต่อจากคุณย่าไม่ได้เพราะเธอไม่เคยทำงานหนักแบบนี้มาก่อน และก็ไม่เคยได้ฝึกการเป็นแม่มดมาเลย แต่ก็ได้ลั่นวาจาสัญญากับคุณย่าเอาไว้แล้ว ในเกมมีให้เราเลือกคำตอบได้ครับ และผมเลือกตอบสิ่งที่คุณย่าอยากได้ยินทั้งหมด เพราะพอจะเดาเรื่องเศร้าในเกมออก และคุณย่าจะสอนเราทุก ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องทำฟาร์ม หรือการเป็นแม่มดก่อนที่คุณย่าจะจากไปตลอดกาลครับส่วนปมของ Tara ที่ยอมมาอยู่ที่เมือง Fairhaven ทั้ง ๆ ที่เธอชอบชีวิตในเมืองใหญ่มากกว่านั้น ก็น่าจะเป็นเรื่องความรักของเธอ เธอบอกกับคุณย่าว่ากำลังจะแต่งงานกับคน ๆ นั้นอยู่แล้ว ทุกอย่างมันดีมาก แต่ตื่นมาวันหนึ่งเธอพบจดหมายจากว่าที่สามีของเธอว่าไม่ต้องการจะไปต่อกับเธออีกแล้ว! ซึ่งคุณย่าที่เป็นคนฟังก็บอกว่านั่นเป็นการกระทำที่ขี้ขลาดมาก ๆ ซึ่งตรงนี้ผมก็เห็นด้วยกับคุณย่าแค่บางส่วนครับ ถ้าตอนรักกันยังเผชิญหน้าเพื่อบอกรักกันได้ การจากลากับใครสักคนเราก็ควรจะทำเช่นนั้นด้วย เพื่อให้โอกาสอีกคนได้มูฟออน และได้อ่านสีหน้าว่าเราไม่ได้รู้สึกกับเขาแบบเดิมอีกต่อไปแล้วจริง ๆ แต่ในบางกรณี ในโลกจริง ๆ นั้น คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจครับ การจะบอกเลิกใครก็ต้องดูนิสัยของคนรักของเราด้วย ว่าควรบอกต่อหน้าหรือไม่? โดนแทงขึ้นมาก็ไม่คุ้มเหมือนกันครับ ฮ่า ๆ (มีตัวอย่างให้เห็นในข่าว) เรื่องราวของ Tara ที่เราต้องไปตามสืบยังมีอีกเยอะแยะมากมายเลยครับ ผู้เขียนอยากให้เพื่อน ๆ ได้ไปเล่นและสืบเรื่องลึกลับด้วยตัวเอง ว่าใครเป็นพ่อมดแม่มดในเมือง Fairhaven บ้าง แล้วพวกเขาตั้งสมาคมลึกลับมาเพื่ออะไร? ใครเป็นตัวโกง? เพื่อน ๆ ต้องไปเปิดโปงบางอย่างด้วยตัวเอง ถ้าผมเล่าหมดนี่เพื่อน ๆ เล่นเองไม่สนุกแล้วนะฮะ ฮ่า ๆเกมเพลย์ไม่ได้หนักไปที่การทำฟาร์มจนเกินไปอย่างที่ผู้เขียนได้เล่าไปบ้างแล้ว เกมนี้การทำฟาร์ม การตกปลา การหาแร่ เป็นแค่ส่วนประกอบให้ได้เล่นสนุกระหว่างสืบความจริงเท่านั้นเองครับ เดี๋ยวผมจะไปขยายระบบของเกมแยกให้เพื่อน ๆ ได้อ่านเป็นหัวข้อ หัวข้อ ไปนะครับ เพื่อน ๆ จะได้เห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น และเนื้อหาของเกมค่อนข้างยาวและมีระบบต่าง ๆ ค่อนข้างเยอะ ผู้เขียนยังปลดล็อกออกมาได้ไม่หมด ดังนั้นผมจะหยิบหยกแค่ระบบสำคัญ ๆ ของเกมมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน เนื้อหาต่าง ๆ จะได้ไม่ยาวจนเกินไปการปลูกพืช - เราสามารถซื้อพืชผักได้จาก Lina Dahl-Johnson การทำไร่ของเกมนี้จะไม่เหมือนเกมอื่น ๆ ที่เราต้องขุดดินเพื่อปลูกพืชผักต่าง ๆ แต่เกมนี้เราจะต้องสร้างกระบะไม้เป็นบล็อกขึ้นมา เราต้องหาวัตถุดิบให้ครบแล้วสร้างกระบะที่โต๊ะคราฟต์ เมื่อสร้างเสร็จตัวเกมจะมีพื้นที่ให้เราจัดวางแบบจำกัดครับ ถึงแม้ตอนหลังเราจะอัปเกรดขยายพื้นที่ เราก็ยังมีพื้นที่ที่จำกัดอยู่ดี เมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ ที่ถูกนำมาวางขายในร้านของ Lina จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูในเกมครับ1 กระบะสามารถปลูกได้ 4 ต้น แต่ใช้เมล็ดจากที่เราซื้อมาจะนับแค่ 1 เช่น ผู้เขียนซื้อมะเขือเทศมา 4 ถุง จากร้านของ Lina แล้วนำมาปลูก เมล็ดจะถูกโยนลงกระบะของเราไป 4 เมล็ด แต่หักจากถุงมะเขือเทศของเราที่ซื้อมา 4 ถุง ไป แค่ 1 ถุงเท่านั้นครับ ผมล่ะอย่างชอบเลยไม่ต้องมานั่งปลูกทีละ 1 ต้นเหมือนเกมอื่น ๆ ตอนเราจะปลูกแค่เราเดินไปยืนชิด ๆ กับกระบะ จะมีสัญลักษณ์รูปต้นกล้าขึ้นมา เราก็กดแล้วเลือกเมล็ดพืชที่ต้องการปลูกครับ หลังปลูกเสร็จ เราสามารถกดดูเวลาได้ว่าพืชที่เราปลูกใช้เวลาโตกี่วัน หลัง ๆ เมื่อเราใช้เวทมนตร์ได้แล้ว เราสามารถปรุงน้ำยาในหม้อปรุง เพื่อมาเสกต้นไม้หย่นระยะเวลาให้โตไวขึ้น หรือเสกให้ได้ผลผลิต x2 ได้อีกด้วย ในส่วนของการใช้เวทมตร์เดี๋ยวผู้เขียนจะไปเขียนในหัวข้อแยกนะครับพืชบางอย่างที่นำไปแปรรูปเป็นสาธารณูปโภคประเภทอื่น ๆ เช่น Cotton เราต้องไปซื้อที่ Thomas Lightfoot ที่เป็นเพื่อนบ้านคนสนิทของตระกูล Wylde ของเรา ฟาร์มของเขาอยู่ด้านล่างฟาร์มของเราครับ เราสามารถเอา Cotton ไปทอเป็นผ้า เพื่อนำไปขายได้ แล้วได้เงินดีซะด้วย ผมใช้วิธีนี้ในการหาเงิน เมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ จะถูกนำมาขายเปลี่ยนไปตามฤดูของเกมครับส่วนต้นไม้ที่ให้ผลต่าง ๆ เช่น ส้ม, มะนาว, หรือแอปเปิล เราต้องไปซื้อเมล็ดที่ Kai Hoapili ของจะไม่ได้มีตลอด ช่วงไหนเจอต้นไม้ก็ให้สอยมาไว้ได้เลย ข้อดีของต้นไม้ที่ให้ผลก็คือไม่ต้องรดน้ำ สามารถโตเองได้ เราไม่ต้องเสียเวลาไปดูแลอะไรมันมาก หาซื้อได้ทุกฤดูการรดน้ำของเกมนี้ในช่วงแรก ๆ ยังคงสร้างความเบื่อหน่ายให้เราเหมือนเกมปลูกผักเกมอื่น ๆ นั่นแหละครับ ฮ่า ๆ เรายังต้องเดินรดไปทีละกระบะอยู่ดี แต่หลังจากที่เราอัปเกรดบัวรดน้ำของเราแล้ว เราก็แค่ยืนที่กระบะกลางสุดแล้วเราก็กดรดน้ำ กระบะด้านซ้ายและขวาของเราจะถูกรดไปด้วย มหัศจรรย์จริง ๆ เมื่อน้ำหมดและเราต้องการจะเติมน้ำ ถึงแม้จะมีแม่น้ำเยอะแยะรายล้อมมากมาย แต่เราก็ไม่สามารถเดินเอาบัวรดน้ำของเราไปจุ่มเพื่อเติมน้ำจากแม่น้ำลำธารต่าง ๆ ได้ เกมนี้เราสามารถเติมน้ำได้ที่บ่อน้ำเท่านั้น และมีเพียงบ่อเดียวอยู่ที่แปลงผักเริ่มต้นของเราครับการตกปลา - เราจะได้อุปกรณ์ตกปลาหลังจากที่เราไปคุยกับลุง Bruno Soft บอกเลยตาลุงคนนี้สร้างความเชื่อให้ผมว่าจริง ๆ แล้วแกเป็นพ่อมด แต่ที่ไหนได้ไม่ได้ใกล้เคียงเลยยยยยย ผมใบ้ ๆ แค่คนนี้นะ คนอื่นผมไม่บอกหรอก ฮ่า ๆ พอเราได้เบ็ดมาแล้ว เราสามารถนำไปตกปลาในทะเลก็ได้ ลำธารก็ได้ ทะเลสาบก็ได้ แต่การตกปลาเกมนี้จะไม่เหมือนเกมอื่น ๆ ที่เราสามารถยืนตกตรงไหนก็ได้ Wylde Flowers จะมีจุดตกครับ ให้สังเกตจากเงาของปลา ตรงไหนเงาของปลาขึ้นให้ไปยืนตรงนั้น มันจะมีสัญลักษณ์ตะขอเบ็ดขึ้นมา แสดงว่าเราสามารถตกปลาตรงนั้นได้ปลาที่ให้ตกมีไซส์เล็ก ไซส์กลาง ไซส์ใหญ่ และสัตว์น้ำชนิดอื่น ๆ นอกเหนือจากปลา ให้เราสังเกตจากเงาของปลาในน้ำ เล่นไปเรื่อย ๆ จะเข้าใจได้เองว่าเงาไหนจะได้อะไรครับ และที่สำคัญเกมนี้ต้องใช้เหยื่อในการตกปลา หาซื้อได้ที่ลุง Bruno อีกเช่นกันครับแผนที่ - ในเกมเราต้องทำเควสตามเนื้อเรื่องไปเรื่อย ๆ บางสถานที่จึงจะปลดล็อกให้เราครับ และบางส่วนเราสามารถเดินสำรวจเพื่อปลดล็อกได้เลย พอเราปลดล็อกแล้วก้อนเมฆในแผนที่ก็จะหายไปครับตรงนี้ผมก็อยากให้หาชาวเมืองได้แบบ Coral island อยู่เหมือนกัน เพราะบางทีเราก็ไม่รู้ว่าใครอยู่ตรงไหน และถึงแม้ว่าเรารู้จักบ้านตัวละคร แต่บ้านตัวละครเกมนี้เข้าไปในบ้านไม่ได้ ต้องรอให้ตัวละครเดินออกจากบ้านมาก่อน ดีนะที่เกาะไม่ได้กว้างมาก ไม่งั้นเดินกันขาฉีกเลยครับ ฮ่า ๆการขุดแร่ - พอเล่นไปเรื่อย ๆ Natalia Kuznetsova จะเดินมาบอกเราว่าให้ไปหาวัตถุดิบให้กับ Parker Johnson เพื่อซ่อมแซมทางเข้าเหมืองที่พังครับ หลังจากซ่อมเสร็จ Natalia จะให้ Pickaxe เรามา ส่วนพลั่ว (shovel) นั้นเราต้องเก็บเงินเพื่อซื้อกับ Natalia เองครับ แพงเอาเรื่องอยู่เหมือนกันเมื่อเข้าไปในเหมืองแล้วจะมีหินให้เราขุดหาแร่ เราก็ใช้ Pickaxe ที่เราได้จาก Natalia นั่นแหละครับขุดไปเรื่อย ๆ ถ้าเราอยากลงชั้นต่อไป เราก็ต้องขุดไปจนกว่าจะเจอกุญแจ ช่วงแรกเราจะขุดได้สูงสุดถึงแค่ชั้น 14 เท่านั้น จะต้องรอเนื้อเรื่อง เราถึงจะได้กุญแจชั้น 15 ครับแร่ต่าง ๆ จะมี Iron (เหล็ก), Copper (ทองแดง), Silver (เงิน), Gold (ทอง) และไอเทมชนิดอื่น ๆ ที่ไว้ทำเครื่องประดับ หรือเป็นส่วนผสมในการทำอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ทราย หรือดินเหนียว (ต้องเอาพลั่ว Shovel ไปขุด)เราสามารถนำแร่ที่ได้มาไปหลอม หรืออัปเกรดได้ที่ร้าน Natalia ครับเควส - เควสต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการขอความช่วยเหลือจากชาวเมืองครับ และเควสจากสมาคมลึกลับของเรา ที่เราจะต้องคอยไปทำเควสเพื่อฝึกการเป็นแม่มดของเรา ส่วนใหญ่เควสต่าง ๆ จะมีมาให้ตามเนื้อเรื่องที่เราเล่นไปถึง ทำเสร็จก็จะปลดล็อกระบบต่าง ๆ อย่างเช่น การลงเหมืองชั้น 15 หรือการไปเมืองคู่ขนานอย่าง Ravenwood Hollow ส่วนเควสรองจะอยู่ที่กระดานทั้ง 2 เมือง รางวัลก็จะได้เป็นเงินและค่าความสนิทสมาคมลับ - อันนี้คือส่วนสำคัญของเนื้อเรื่องเลยครับ คุณย่าของเราลากเรามาที่เมืองก็เพราะเรื่องนี้ เนื่องจากคุณย่าของเราต้องการผู้สืบทอดในตำแหน่งของตัวเอง ช่วงแรกที่เข้าไปเราจะยังได้ตำแหน่ง Novice อยู่ สังเกตได้จากที่เพื่อน ๆ ในสมาคมเรียกเรา เราจะต้องทำเควสต่าง ๆ ที่ทางสมาคมมอบให้เพื่อให้เป็นที่ยอมรับและไว้ใจ เมื่อคนใดไว้ใจเราแล้วเขาจะเผยโฉมให้เรารู้ว่าเขาเป็นใครครับ ความสนุกจะเริ่มจากตรงนี้ที่เราต้องไปไขปริศนานี่แหละ ว่าคนที่เราได้รับเควสมาเป็นใคร เราจะต้องเอาของที่เขาสั่งทำจากตอนกลางคืนในสมาคมลับของเราไปให้เขาในตอนกลางวัน และบอกเขาว่า"ฉันเนี่ยมั่นใจเลยแหละว่าเธอเป็นพ่อมดหรือแม่มดในสมาคม" ถ้าทายผิดของก็จะหายไป ต้องไปทำมาใหม่และหากันใหม่ ถ้าทายถูกเขาจะเผยโฉมให้เราเห็นในตอนกลางคืนเมื่อเราไปสมาคม และเราจะได้รับของเควสคืนครับ พวกเขาเป็นใครกันนะ? เพื่อน ๆ ต้องไปหาคำตอบเอาเองนะครับ ผู้เขียนจะไม่ลงรูปเยอะ เดี๋ยวรู้กันหมดแล้วจะเล่นกันเองไม่สนุก แต่ผมน่ะรู้แล้วแต่ไม่บอกหรอก อิอิอิการซื้อขาย - Wylde Flowers จะไม่มีกล่องให้เราโยนวัตถุดิบเหมือนเกมอื่น ๆ เพื่อขายของครับ เราต้องนำของที่ได้ไปขายตามร้านของตัวละครต่าง ๆ ด้วยตัวเอง และแต่ละร้านจะรับซื้อของไม่เหมือนกันครับ เช่น ร้านของ Lina Dahl-Johnson จะรับซื้อผลผลิตต่าง ๆ ที่ได้จากฟาร์มเรา แบบที่กินได้ อย่างเช่น ไข่ไก่, ผัก, ผลไม้, หรือนมวัว เป็นต้นร้านของ ตาลุง Bruno จะรับซื้อปลาและสัตว์น้ำต่าง ๆ ประมาณนี้ครับ และเมื่อเราขายของให้ NPC เยอะเท่าไหร่ ตัวเกมจะมีเกจปลดล็อกของขายในร้านของตัวละครด้วยครับ จะมีดาวบอกทางขวามือว่าเราปลดล็อกร้านค้าของ NPC ร้านนี้ถึงระดับไหน มีตั้งแต่ไม่มีดาวไปจนถึง 5 ดาวกันเลย พอครบ 5 ดาวแล้วจะมีของขายในร้านที่หลากหลายขึ้นครับการทำอาหาร - ไม่ต้องหาซื้อเครื่องครัวให้วุ่นวาย เพราะคุณย่าซื้อไว้ให้หมดแล้ว ทำอาหารกันได้ตั้งแต่เริ่มเกมกันเลยครับ เพียงแค่เราต้องไปหา Recipe (สูตรอาหาร) จากที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การตกปลา, ขุดดินบนเขา, ซื้อจากร้านต่าง ๆ ของตัวละครในเมือง, หรือแม้แต่เปิดหีบในเหมือง เราจะมีโอกาสได้รับสูตรอาหาร อาหารแต่ละอย่างก็เพิ่มเกจพลังงานแตกต่างกันไปครับ และอาหารเราต้องพกไว้ตลอดเนื่องจากเกมนี้พลังงานในช่วงแรก ๆ หมดค่อนข้างไวนอกจากเพิ่มพลังงานได้แล้ว เราสามารถนำอาหารไปให้ของขวัญกับชาวเมืองเพื่อเพิ่มหัวใจได้ด้วยครับ ถ้าเราให้ของที่เขาชอบมาก ๆ รูปอาหารจะไปแสดงในประวัติส่วนตัวของตัวละครนั้น ๆ ด้วยครับว่าเขาเลิฟอะไรเวทมนตร์เพิ่มบัฟ - คุณย่าจะแกล้ง ๆ หลุดความลับว่ามีประตูอยู่ใต้พรมครับ แล้วมันก็จะสร้างความสงสัยใคร่รู้ให้กับ Tara เหลือเกิน จนคุณย่าจะต้องทำเป็นเผยความลับ ฮ่า ๆเมื่อลงไปในห้องใต้พรมจะมีหม้อของเราตั้งอยู่ตรงกลางห้องเลยครับ (คุณย่าบอกว่านั่นคือหม้อปรุงยาประจำตัวของเรา) คุณย่าและพ่อมดแม่มดในสมาคมลับจะคอยสอนวิธีปรุงยาให้เราครับ บัฟต่าง ๆ เช่น วิ่งเร็วขึ้น, หรือเก็บของเข้ากระเป๋าให้เราเลย จะไม่อยู่ถาวร แต่จะเพิ่มความสามารถให้เราแค่ 4 วันเท่านั้น หลังจากนั้นต้องไปผลิตใหม่ หรือเราจะหาวัตถุดิบสำหรับการผลิตไว้เยอะ ๆ ก็ได้ครับ แล้วมาผลิตรวม ๆ กันทีเดียวจะได้มีใช้เรื่อย ๆในห้องใต้พรมจะมีโต๊ะคราฟต์อุปกรณ์ครับ เราสามารถสร้างอุปกรณ์ผลิตเวทมนตร์ของเราไปเรื่อย ๆ ได้ตามเควสที่สมาคมลับมอบหมายให้เราทำได้เลย และการใช้เวทมนตร์ทุกครั้งจะมีเกจสีม่วง เราใช้หมดหลอดเมื่อไหร่เราจะไม่สามารถผลิตของเกี่ยวกับเวทมนตร์เพิ่มขึ้นได้ เราต้องนำของไปบริจาคในหม้อของสมาคมของเราเพื่อเติมเกจเวทมนตร์ ใช้ดอกไม้จะเพิ่มพลังงานให้เราได้เยอะที่สุด ส่วนถ้าใครขี้เกียจเดินไปสมาคมบ่อย ๆ สามารถคราฟต์ของมึนเมาต่าง ๆ เพื่อเพิ่มเกจเวทมนตร์ได้ แต่เกจค่าพลังงานการใช้ชีวิตของเราจะลดลงไปด้วยสัตว์เลี้ยง - มาถึงข้อนี้ผู้เขียนเริ่มเหนื่อยล้า ระบบเยอะแยะมากมายไปหมด ฮ่า ๆ มาพูดถึงน้องแงวววว ตัวเดียวที่มีอยู่ในเกมดีกว่า เราต้องหมั่นคอยให้ความรักกับน้องทุกวันครับ ช่วงแรกผู้เขียนก็ยังไม่รู้ว่าน้องมีประโยชน์อะไรพอเล่นตามเควสไปเรื่อย ๆ เท่านั้นแหละครับ อ๋อ!!! น้องมีไว้สิงเพื่อไปสืบเรื่องราวต่าง ๆ ในเมือง ใช่ครับ Tara ของเราจะเสกตัวเองเข้าไปอยู่ในตัวน้อนแมว วิ่งอย่างแว้นเลย ผมเลยชอบให้ Tara สิงน้อนแต่ก่อนจะทำอย่างนั้นได้ เราต้องสร้างความคุ้นเคยจนสนิทสนมกับน้องก่อน ถึงเวลาเล่นตามเควสไปเรื่อย ๆ สมาคมจะให้เราถามน้องว่าน้องยินดีจะร่วมเดินทางไปกับเราไหม ถ้าน้องรักเราแล้วน้องก็จะยินยอมแต่โดยดีครับ ในส่วนนี้จะเชื่อมโยงกับเวทมนตร์บัฟ เพราะเราต้องสร้างใบสกิลที่ห้องใต้พรมเพื่อสิงน้องครับ (นี่แม่มดหรือผี ฮ่า ๆ ๆ)ปศุสัตว์ - ในส่วนนี้ตอนแรกจะไม่สามารถใช้งานได้นะครับ จะมีโรงนาพัง ๆ อยู่บริเวณพื้นที่ของเรา และต้องเล่นเกมไปเรื่อย ๆ จนกว่าเกมจะมีเควสมาให้สร้างโรงเลี้ยงไก่ เราก็ต้องไปฟาร์มหาวัตถุดิบให้ครบตามจำนวน แล้วเอาไปให้ Parker สร้างให้เราครับ หลังจากสร้างเสร็จเควสก็จะนำพา Marty Emerson สุดจะกวนบาทาเราตลอดเวลาเข้ามาอยู่ในเมือง เราต้องหาวัตถุดิบตามคำร้องขอของนายกเทศมนตรีของเมือง และ Thomas สร้างโรงนาให้กับ Marty ครับเมื่อ Marty ย้ายเข้ามาเขาจะจ่ายเงินค่าสร้างโรงนาให้เราครึ่งหนึ่งและจะขายไก่ตัวแรกให้กับเรา เขาจะพูดจากวนประสาทเราและถามเราว่าอยากตั้งชื่อไก่ตัวแรกว่าอะไร ซึ่งผมตอบไปว่า Marty ครับ ฮ่า ๆ ๆ ๆซึ่งหลังจากเราสร้างโรงเลี้ยงไก่แล้ว เควสจะมีให้เราสร้างโรงนาสำหรับเลี้ยงวัวอีกครับ และเราสามารถซื้อวัว แกะ และอาหารสัตว์ได้ที่ตา Marty เช่นกันการเลี้ยงสัตว์ของเกมนี้ก็เหมือนกับเกมอื่น ๆ เราต้องให้อาหาร ให้ความรัก ซึ่งผมเลือกเลี้ยงแค่อย่างละสองตัวเท่านั้น เพราะใช้เวลาให้อาหารและแสดงความรักค่อนข้างนาน ผลผลิตก็ขายได้ราคาไม่แพง เพราะส่วนใหญ่ต้องไปใช้เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารให้เราซะมากกว่าฤดูกาล - เกมนี้ฤดูกาลจะไม่เปลี่ยนไปแบบอัตโนมัติ เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ทางสมาคมลับของเราเริ่มรู้สึกว่าเราควรเปลี่ยนฤดูได้แล้ว หัวหน้าสมาคมจะแจ้งให้เราทำครับ โดยจะมีเควสเปลี่ยนฤดูมาให้ ส่วนเราต้องไปเตรียมวัตถุดิบให้ครบ เพื่อที่จะให้พ่อมดและแม่มดของเมืองเรา มารวมตัวกันเพื่อร่ายเวทย์เปลี่ยนฤดูครับ ส่วนถ้าเรายังไม่พร้อมเปลี่ยนก็เล่นเพื่อสะสมวัตถุดิบต่าง ๆ ของฤดูเดิมไปก่อนจนกว่าจะพอใจแล้วค่อยเปลี่ยนก็ได้ครับRavenwood Hollow - เป็นเมืองที่ภูติ หรือสัตว์ในเทพนิยายอาศัยอยู่ Tara โดนวาร์ปไปเมืองนี้โดยบังเอิญ และพยายามหาทางกลับมาเมืองนี้ด้วยตัวเองอีกครั้ง นั่นคือการซ่อมแซมเรือเก่าของคุณย่าของเธอเพื่อไปเมือง Ravenwood Hollow สิ่งมีชีวิตในเทพนิยายก็จะช่วย Tara ซ่อมไม้กวาดของคุณย่าให้กลับมาบินได้ (ต้องเล่นตามเนื้อเรื่องไปเรื่อย ๆ ก่อน) Tara พยายามถามว่าเมืองนี้คือส่วนหนึ่งของ Fairhaven ใช่ไหม ชาวเมืองของเมืองนี้ก็จะตอบว่าไม่ใช่ มันไกลกว่านั้น แต่ Fairhaven เป็นประตูมิติที่เปิดทางมาที่นี่ เมืองนี้ก็จะมีเควสสำคัญต่าง ๆ เกี่ยวกับเวทมนตร์ให้เราทำตลอด ส่วนใครอยากได้แฟนเป็นมนุษย์หมาป่า สามารถมาจีบ Westley Vuk ได้ที่เมืองนี้ครับ ตัวละครนี้จะโผล่มาตอนงานศพคุณย่าของเราสรุปโอ้โห! นี่แค่คร่าว ๆ นะครับ ตัวเกมยังมีระบบอีกเยอะมาก ๆ ที่ผู้เขียนไม่ได้หยิบมาพูดถึงเพราะผมเองก็ยังเล่นไปไม่ถึงตรงนั้นอย่างเช่น ระบบแต่งงานของตัวละคร แต่จากการคาดเดาคือ ชาวเมืองที่มีหัวใจ 7 ดวง สามารถจีบเพื่อมาเป็นสามีหรือภรรยาเราได้ ผู้พัฒนาเกมนี้สนับสนุนเรื่องเพศหลากหลาย (LGBTQ+) เราสามารถแต่งงานกับตัวละครเพศใดก็ได้ ผู้เขียนชอบที่ Dev ใส่ตรงนี้เข้ามาด้วยครับ และเพิ่มความแฟนตาซีลงไปโดยที่เราสามารถแต่งงานกับมนุษย์หมาป่าก็ได้ เจ๋งเป๋งไปเลย (ขออินแบบ Y2K ฮ่า ๆ)ตัวเกมไม่สร้างความเสียเวลาในการปลูกผักทำฟาร์มมากมาย เหมือนเป็นแค่ส่วนเสริมเพื่อมีเอาไว้ผลิตวัตถุดิบให้เราไปใช้กับเควส, การทำอาหาร, การปรุงยาบัฟตัวละคร, หรือการนำไปคราฟต์ของเพื่อนำไปขายให้ NPC ซึ่งพอทุกสิ่งเหล่านี้มันเชื่อมโยงกันมันก็ทำให้เกิดความสนุกในการเล่นเกมมาก ๆ เราไม่ต้องไปใส่ใจกับการทำฟาร์มมาก เพราะเราจะสนใจเนื้อเรื่องของเกมมากกว่าครับ ระบบต่าง ๆ ในเกมเหมือนมีไว้เพื่อให้เราและ Tara ใช้ในการผ่านเควสและเรื่องราวภายในเกม ผลผลิตต่าง ๆ ที่ได้ก็จะใช้ปรุงยา ทำใบเวทมนตร์ ให้เรานำไปใช้ประโยชน์เป็นส่วนใหญ่เนื้อเรื่องของเกมก็สนุก มีให้แก้ปริศนาและค่อย ๆ คลายปมตัวละคร ให้เราได้ไขความลับว่าพ่อมดแม่มดในผ้าคลุมคนนี้คือใครในเมือง ให้เราผลิตใบเวทมนตร์ต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนฤดู หรือนำไปใช้ประโยชน์ในการปลูกพืช ขุดแร่ หรือแม้แต่เปลี่ยนกลางวันเป็นกลางคืน ขนาดเสกฝน Tara ก็ทำมาแล้ว คือตอนแรกผู้เขียนเห็นเกมมันไซส์เล็กนิดเดียวก็ไม่คิดว่าจะดูดวิญญาณผมได้ขนาดนี้เหมือนกันราคาก็ไม่แพงวางขายอยู่ใน Steam เพียง 319 บาทเท่านั้นเอง ใครอยากรู้เรื่องราวต่อจากนี้ ต้องซื้อมาเล่นเองแล้วแหละครับ บอกเลยเพื่อน ๆ จะไม่เสียดายเงินแน่นอน การเดินเรื่องต่าง ๆ ทำให้คนเล่นอย่างเราอยากรู้มาก ๆ ว่าจะเป็นยังไงต่อ การคลายปมแต่ละอย่างทำได้ดี มีให้ได้ลุ้นตลอด บางทีก็ไม่คิดว่าคน ๆ นี้จะเป็นพ่อมดก็ดันมาเป็นกับเราด้วย ฮ่า ๆส่วนใครไขปริศนาไม่เก่งเกมนี้ก็มีแฟน ๆ ทำข้อมูลต่าง ๆ ลงเว็บไซต์ fandom wiki ไว้ให้ได้หาข้อมูลกันด้วยครับ https://wylde-flowers.fandom.com/wikiสั่งซื้อhttps://store.steampowered.com/app/1896700/Wylde_Flowers/
04 Feb 2023
[Review] รีวิวเกม Dead Space Remake การกลับมาทวงบัลลังก์ของตำนาน Sci-fi สยองขวัญ
ถ้าให้พูดตามตรงหนึ่งในธีมเกมที่ไม่เคยตกยุค และได้รับความนิยมในทุกยุคทุกสมัย เราเองก็ต้องพูดถึงเกมสยองขวัญต่าง ๆ ซึ่งผู้พัฒนาแต่ละคนก็ได้สร้างเรื่องราวสุดสยองขวัญอันมากมายของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการหนีจากซอมบี้ของเกม Resident Evil, หนีจากปีศาจร้ายอย่าง Silent Hill และถ้าจะให้พูดถึงเกมสยองขวัญที่เราจะต้องเอาตัวรอดจากมนุษย์กลายพันธุ์สุดโหด เชื่อว่าหนึ่งในเกมที่สร้างความกลัวให้เราอย่างมาก ชื่อของ Dead Space ภาคแรกในปี 2008 ก็น่าจะอยู่ในใจของใครหลาย ๆ คน กับการที่คุณจะต้องเอาตัวรอดในสถานีอวกาศที่มีพื้นที่อันคับแคบ และสัตว์ประหลาดที่พร้อมจะโผล่มาฆ่าคุณทุกเมื่อ ซึ่งตัวเกมได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมาก ๆ คะแนนบนเครื่อง PC จากนักวิจารณ์บนเว็บไซต์ Metacritic ได้คะแนนสูงถึง 89/100 เลยทีเดียวและถึงแม้ว่าภายหลังจากสตูดิโออย่าง Visceral Games จะถูกปิดตัวลงไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นทางเจ้าของลิขสิทธิ์อย่าง EA ก็ได้ตัดสินใจที่จะ Remake เกมนี้อีกครั้ง โดยให้ทางสตูดิโออย่าง Motive Studio ที่เคยสร้างเกมอย่าง Star Wars Battlefront II มาเป็นผู้ชุบชีวิตเกมนี้กลับมาอีกครั้ง และในบทความนี้พวกเรา GameFever TH จะมารีวิวเกมนี้ให้ทุกท่านได้ทราบกันว่า Dead Space Remake จะดีงามเหมือนต้นฉบับอีกหรือไม่!?กราฟิก / การนำเสนอสำหรับ Dead Space Remake ทางผู้พัฒนาได้สร้างตัวเกมขึ้นใหม่ทั้งหมดด้วยขุมพลังอย่าง Frostbite Engine โดยเราจะได้เห็นกราฟิกที่สมจริงมากขึ้น มีแสงเงาที่ทำออกมาได้ดีมากขึ้น ซึ่งจากที่ได้เล่นมาในด้านกราฟิกทางผู้พัฒนาทำออกมาได้ดีมาก ๆ และทำให้บรรยากาศของเกมน่ากลัวกว่าเดิมมากพอสมควร ซึ่งถ้าหากใครที่เคยเล่นเกมนี้ในเวอร์ชันดั้งเดิมมาก่อน ท่านจะทราบว่าภาพของตัวเกมจะมีความสว่างในระดับหนึ่ง แต่ในเกม Dead Space Remake ในค่า Preset ของ Brightness ที่ถูกตั้งเข้ามาระดับ 50% ตัวเกมจะมีความมืดมากกว่าเดิมเยอะมาก ซึ่งมันเพิ่มบรรยากาศความน่ากลัวของเกมในระดับหนึ่งเลย (แต่ถ้าหากใครที่อยากได้ภาพที่สว่างเหมือนเวอร์ชันปกติ ท่านอาจจะปรับ Brightness ให้เป็น 75 - 100% ก็ได้เช่นกัน)หรือจะเป็นในด้านของบรรยากาศอื่น ๆ โดยรวมไม่ว่าจะเป็นด้านเสียงรอบทิศทางที่ทำให้เราไม่ได้รู้สึกว่ากำลังอยู่คนเดียว เพลงประกอบอันน่าตื่นเต้น หรือจะเป็นสคริปต์ของเหล่าศัตรูที่บางครั้งก็จะโผล่ออกมาโจมตีเราแบบไม่ทันตั้งตัว บางตัวอยู่ดี ๆ ก็กระโดดขึ้นไปบนเพดานและโผล่มาโจมตีเราในอีกทางก็มี หรือจะเป็นศัตรูบางตัวที่เราไม่สามารถฆ่ามันได้ เราทำได้เพียงแค่หนีเท่านั้นซึ่งมันก็เป็นอีกวิธีที่สร้างความกลัวได้เช่นกัน โดยก่อนหน้านี้มีผู้อำนวยการด้านเทคนิคของเกมนี้อย่างคุณ David Robillard ได้กล่าวว่าตัวเกมนั้นน่ากลัวเกินไปที่จะเล่นตอนกลางคืนและใส่หูฟังเล่น ซึ่งเขานั้นไม่ได้พูดเกินจริงเลยแต่สิ่งเดียวที่ไม่ชอบเกี่ยวกับหัวข้อนี้ก็คงจะเป็นในด้านของการ Optimise และการกินสเปกของเกมที่มันค่อนข้างกิน CPU ที่หนักมาก ๆ โดยตัวเกมต้องการสเปกขั้นต่ำก็คือ Ryzen 5 2600x หรือ Core i5 8600 ซึ่งสำหรับผู้เขียนนั้นใช้ CPU เพียงแค่ Core i5 8400 กับการ์ดจอ RTX 2070super ซึ่งเวลาเล่นถึงแม้ว่าจะรันเกมได้แต่มันก็จะเกิดอาการเกมกระตุกเป็นช่วง ๆ เพราะประมวลผลไม่ทัน (แต่พอเล่นได้ด้วยกราฟิกระดับ Low) แน่นอนว่าหลาย ๆ คนอาจจะโทษตัวผมเองที่เอาสเปกคอมรุ่นเก่ามาเล่น แต่ต้องพูดตรง ๆ ว่าเกมทั่วไปในสมัยนี้หลาย ๆ เกม มันก็ยังไม่ได้กินสเปกโหดขนาดนี้เลย เหตุผลมันก็อาจจะเป็นเพราะตัวเกมไม่ได้มีการโหลดฉากใด ๆ ในเกมเลย ทำให้ตัวเกมอาจจะต้องประมวลผลตลอดเวลา ซึ่งถ้าท่านอยากจะซื้อเกมเวอร์ชัน PC ตรวจสอบให้ดีว่าคอมพิวเตอร์ของคุณผ่านขั้นต่ำหรือไม่!? หรือทางที่ดีถ้าหากมี PS5 หรือ Xbox Series X/S แนะนำให้เล่นบน Console ดีกว่าเนื้อเรื่องสำหรับเนื้อเรื่องของ Dead Space Remake ก็จะยังคงเหมือนกับเวอร์ชันต้นฉบับทุกอย่าง โดยจะติดตามตัวละครอย่าง Isaac Clarke วิศวกรอวกาศที่ได้รับหน้าที่ในการเข้าไปยังยานอวกาศ USG Ishimura เพื่อซ่อมแซมระบบ แต่ถึงพอเข้ามาเขาและทีมจะต้องพบเจอกับสิ่งมีชีวิตประหลาดที่เข้ามาไล่ล่าสังหารพวกเขา ซึ่งมันก็ทำให้เขาจะต้องหาทางรอดให้ได้ ซึ่งจากที่ได้อ่านพล็อตคร่าว ๆ พูดตามตรงตัวเกมมันก็มีเนื้อเรื่องที่คล้ายคลึงกับภาพยนตร์สยองขวัญต่าง ๆ ที่โยนผู้เล่นไปอยู่ในเหตุการณ์ที่เราไม่เข้าใจพร้อมกับมีสิ่งมีชีวิตปริศนาคอยไล่ล่า ยกตัวอย่างเช่นภาพยนตร์อย่าง Alien ซึ่งเรื่องราวโดยรวมเราก็จะได้ติดตามตัวละครเอกที่จะต้องเอาชีวิตรอดไปเรื่อย ๆ มีภารกิจบางอย่างกับผู้รอดชีวิตคนอื่น พร้อมเรื่องราวก็ค่อย ๆ เฉลยมากยิ่งขึ้นแน่นอนว่าเรื่องราวโดยรวมอาจจะมีการวางหลวม ๆ และเน้นการผจญภัย การเอาตัวรอดในด้านเกมเพลย์เป็นหลัก แต่ถ้าหากเราอยากเข้าใจเกี่ยวกับข้อมูลต่าง ๆ ของเกมมากขึ้น เราเองก็อาจจะต้องหาอ่านเอกสารของเกมที่พบเจอได้ตลอดเวลา ซึ่งมันก็จะทำให้เราเข้าใจเกี่ยวกับเกมมากยิ่งขึ้นทั้งสิ่งมีชีวิตปริศนานี้คืออะไร มาจาไหน เรื่องราวของสถาปัตยกรรมต่างดาวต่าง ๆ รวมถึงยังมีการใส่ปมเกี่ยวกับตัวละครเอกเข้ามาอีก ซึ่งถ้าอยากศึกษาเกี่ยวกับเนื้อเรื่องของเกมจริง ๆ ตัวเกมมันก็มีเนื้อเรื่องที่ทำออกมาได้น่าสนใจพอสมควรเลยส่วนปัญหาเดียวก็อาจจะเป็นเนื่องจากตัวเกมนี้ได้คงการเล่าเรื่องแบบคลาสสิคดั้งเดิมเอาไว้ ทำให้ตัวเกมไม่ได้มี Cutscene ให้เราติดตามเนื้อเรื่องจริง ๆ จัง ๆ แต่ส่วนใหญ่การเล่าเรื่องก็จะมาจากบทสนทนาผ่านวิทยุของตัวเอกและตัวละครอื่นเป็นต้นเกมเพลย์ในด้านเกมเพลย์สำหรับใครที่เคยเล่นเกม Dead Space เวอร์ชันดั้งเดิมมา แน่นอนว่ารูปแบบเกมเพลย์มันก็จะยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่ถึงอย่างนั้นระบบการเล่นของมันก็ไม่ได้มีความตกยุคแต่อย่างใด แต่ต้องยอมรับเลยว่าทางผู้พัฒนาที่คิดเกมนี้ในสมัยก่อนนั้นวางระบบการเล่นของเกมมาดีมาก โดยตัวเกม Dead Space จะอยู่ก้ำกึ่งระหว่างเกม Survival และกลิ่นอายความเป็น Action อยู่เล็กน้อย โดยภายในเกมนี้ตัวเกมจะไม่ใจร้ายกับเหล่าผู้เล่นเหมือนเกมสยองขวัญอื่น ๆ ที่จะต้องประหยัดกระสุน บริหารกระสุนให้ดี เพราะตัวเกมค่อนข้างมีกระสุนแจกเราอยู่มากพอสมควร แน่นอนว่าเราก็อาจจะต้องบริหารบางส่วนด้วย เพราะเวลาคับขันอาจจะลำบากได้ แต่กระสุนมันก็มีให้เราได้ใช้มากมาย แถมยังหาซื้อได้อีกด้วยแต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่มันต้องแลกมาด้วยความเท่าเทียมก็คือศัตรูที่มักจะแห่มากันทีหลาย ๆ ตัว ซึ่งมันจะสามารถผลาญกระสุนพอมากพอสมควร รวมถึงศัตรูแต่ละตัวก็มีดาเมจที่แรงและโหดมาก ๆ โดยผู้เขียนนั้นเล่นเกมนี้ในระดับกลาง มอนส์เตอร์ระดับธรรมดาก็สามารถฆ่าเราได้ด้วยการโจมตีเพียงไม่กี่ทีเท่านั้น ทำให้ความน่ากลัวของเกมนี้นอกจากบรรยากาศความหลอนแล้วนั้น ความกลัวที่จะถูกโจมตีจนตายมันก็สร้างความสยองขวัญได้ดีไม่แพ้กันและหนึ่งในลูกเล่นของเกมนี้ที่ทำให้เรารู้สึกไม่เบื่อเลยก็คงจะเป็นอาวุธต่าง ๆ ของเกมที่มีให้เลือกเล่นกว่า 6 ชิ้นซึ่งมันจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นปืนพลาสม่า ปืนไฟ ปืนกล ปืนยิง Beam หรืออื่น ๆ อีกมากมาย แถมปืนแต่ละชนิดก็จะมีความสามารถพิเศษแตกต่างกันไปอีก อยากเช่นปืนกลที่สามารถยิงลูกระเบิดได้ ปืนไฟสามารถยิงลูกไฟไปในระยะไกลได้ด้วย รวมถึงเรายังสามารถอัปเกรดอาวุธต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มดาเมจ บรรจุกระสุนเพิ่ม ลดรีโหลดกระสุน หรือเราจะสามารถซื้อของปรับแต่งอาวุธนั้น ๆ ให้เราสามารถอัพเกรดความสามารถมากขึ้นไปอีกก็ได้เช่นกัน รวมถึงยังมีอุปกรณ์จากถุงมือของเราไม่ว่าจะเป็นพลังที่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งของได้ หรือจะเป็นพลังที่เอาไว้ศัตรูติดสโลว์โมชันก็มี ซึ่งมันทำให้ไม่เบื่อเลยนอกจากนี้ในระหว่างการเดินทางเราก็จะมีโอกาสในการหาเงินจากพื้นที่ต่าง ๆ หรือของเอามาขายในร้านค้า ซึ่งตัวร้านค้าก็จะมีของอำนวยความสะดวกมากมายไม่ว่าจะเป็นการซื้อกระสุน ยาเพิ่มเลือด (ที่อาจจะต้องหาซื้อมากกว่ากระสุนอีก) ชุดเกราะต่าง ๆ หรือแม้แต่เราจะสามารถซื้อของแต่งปืนในร้านค้าก็ได้เช่นกันความรู้สึกหลังเล่นจากที่ได้เล่นมาตัวเกม Dead Space Remake ก็จะยังคงความน่ากลัวตามแบบฉบับเดิมไว้เป๊ะ แน่นอนว่าคนที่เคยเล่นเกมเวอร์ชันดั้งเดิมมาแล้ว ต้องยอมรับว่ามันแทบไม่มีความแตกต่างแต่อย่างใดในด้านเกมเพลย์ แต่สิ่งที่ทำให้ส่วนตัวทึ่งก็คงจะเป็นในด้านของบรรยากาศที่น่ากลัวมาก ๆ หรือจะเป็นการเล่นในด้านความมึดของเกมที่ผมมองว่าต่อให้คุณเคยเล่นเกมเวอร์ชันแรกมาแล้ว คุณไม่เคยพบเจอบรรยากาศแบบนี้มาก่อนแน่นอน ในด้านเกมเพลย์พูดตามตรงว่าทางผู้พัฒนาดีไซน์มันออกมาโดยไม่มีที่ติเลย ทั้งอาวุธที่มีให้เล่นเยอะ มันทำให้เรามีความหลากหลายในการเล่น ไม่เบื่อกลางคันเลย ความโหดของศัตรูที่จะทำให้เราจะต้องระมัดระวังในการเดินแต่ละครั้ง เพราะไม่รู้ว่าศัตรูจะเข้ามาหาเราเมื่อไร การบริหารทรัพยากรถึงแม้ว่าภายในเกมเราก็ก็ยังจะต้องทำ แต่มันก็ไม่โหดร้ายถึงขนาดที่คุณจะต้องประหยัดกระสุนให้ได้ทุกนัด (ยกเว้นแต่คุณจะเล่นระดับยาก) สิ่งเดียวที่รู้สึกติดก็คงจะเป็นการที่ตัวเกมใช้สเปกในการเล่นที่สูงมากเกินไปนิด แน่นอนว่าคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ก็สามารถที่จะเล่นเกมนี้ได้อย่างสบาย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมก็กินสเปกมากกว่าเกมในสมัยนี้ทั่วไปในระดับหนึ่งเลย และทำให้ตัวผู้เขียนกลับมาย้อนคิดแบบงง ๆ ว่า เอ๊ะ !! คอมเรามันเก่าไปแล้วหรือนี่ !? แต่บางเกมที่เคยเล่นไม่กี่เดือนก่อนก็เล่นได้แบบสบาย ๆ เลยนี่นา.... ก็นะ Frostbite Engine ของ EA มันไม่เคยปราณีใครอยู่แล้ว ดูอย่างเกม Battlefield ภาคล่าสุดสิ
25 Jan 2023
[Review] รีวิวเกม Endzone - A World Apart สร้างอาณานิคมในโลกที่ล่มสลาย อยู่รอดให้ได้หลังนิวเคลียร์ถล่มโลก
Endzone - A World Apart เป็นเกมที่เตะตาผู้เขียนเป็นอย่างมาก (โอ๊ยเจ็บใครเตะตา ตึ่งโป๊ะ!!!) ดีนะผมไม่ได้เล่นมุกเตะย่าเตะยาย กลัวเพื่อน ๆ จะขำจนอ่านต่อไม่ไหว ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่าออกทะเลกันตั้งแต่เริ่มเลย ที่ผมว่ามันเตะยายผมเนี่ย ถุ๊ย!!! ที่ผมว่ามันเตะตาผมเนี่ยเพราะความประทับใจเมื่อแรกเจอคือ ราคาที่ลด 75% ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเลยครับ ผมกดซื้อมาโดยยังไม่ได้อ่านคอนเซปต์ของเกมเลยด้วยซ้ำ แต่เห็นรูปโปรโมตของเกมมาแล้วนิดหน่อยครับ พอได้มาตั้งใจอ่านคอนเซปต์ของมันจริง ๆ "เออแฮะ มันน่าสนใจมาก ๆ ที่เราจะต้องมาสร้างเมืองในโลกพัง ๆ ให้กับผู้รอดชีวิตที่ประสบภัยนิวเคลียร์"อ่านเนื้อหาเสร็จผมโหลดเกมลงเครื่องเดี๋ยวนั้นเลย (ผมนี่วัน ๆ เล่นแต่เกมสร้างเมือง ใจมันรัก ฮ่า ๆ ๆ ๆ) ลืมบอกไปว่าเกมนี้เขาวางขายอยู่บน Steam มาตั้งแต่ 18 มี.ค. 2021 ตอนนี้เป็นเกมตัวเต็มแล้วนะครับ ไม่ใช่แบบ Early Access เดี๋ยวเราไปดูในเกมกันดีกว่าว่ามีเกมเพลย์อะไรน่าสนใจบ้างระบบต่าง ๆ ในเกมEndzone - A World Apart เป็นเกมแนว Survival/City Builder คือเราไม่ได้มาสร้างเกมเพียงอย่างเดียว แต่เราต้องมาเอาตัวรอดในสถานการณ์ต่าง ๆ ในเกมด้วยครับ อย่างเรื่องของการจัดหาน้ำและอาหารให้กับชาวเมือง การเก็บกู้ซากสิ่งของต่าง ๆ เพื่อนำมาผลิตเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการยังชีพ อย่างชุดกันรังสี ผ้าคลุม ที่กรองน้ำดื่ม เป็นต้นตัวเกมเป็นเกมก่อสร้างเมืองแบบมองจากด้านบนลงมา เรารับบทเป็นหัวหน้าของเมืองที่ทุกครั้งเวลามีเควส ชาวเมืองจะมาปรึกษาเราและเรียกเราว่า Chife (หัวหน้า) ครับ เกมเพลย์โหดกว่าที่คิด ต้องค่อย ๆ แก้ไปทีละเปราะEndzone - A World Apart เมื่อเข้าเกมไปจะมีโหมดให้เราได้เลือกเล่นอยู่ 3 โหมดด้วยกัน ได้แก่Tutorial Mode - เป็นโหมดฝึกสอนที่จะคอยแนะนำเกี่ยวกับการเล่น และระบบต่าง ๆ ในเกมครับ ผู้เขียนแนะนำเลยว่าให้มาฝึกเล่นก่อน เพราะตัวเกมเพลย์ค่อนข้างเล่นยากอยู่พอสมควร ในโหมดนี้ก็มี Achievement ให้เราได้สะสมด้วยครับSurvival Mode - เป็นโหมดที่ให้อิสระเหมือน Free Play นะครับสำหรับเกมนี้ มีเควสจากชาวเมืองบ้าง มีให้เราได้แก้ปัญหาจากสภาพอากาศ ช่วงหน้าแล้งเกมนี้น้ำจะแห้งไปเลย หรือถ้าเราตุนอาหารไว้ไม่พอชาวเมืองก็จะพากันหนีออกจากเมืองหรือล้มตาย พอแก้เรื่องอาหารได้ ก็จะมีเรื่องการบาดเจ็บล้มตายแทรกเข้ามา ไม่ได้ให้พักกันเลยสำหรับโหมดนี้ครับ ผมเลือกเล่นแค่ระดับ Normal ซึ่งเป็นระดับที่มีความบาลานซ์ของเกมที่สุด แต่มรสุมก็รุมเร้าตลอด ได้ Restart เกมอยู่เรื่อย ๆ ครับ ฮ่า ๆScenarios Mode - เป็นโหมดที่ให้เราเล่นตามเควสเลยครับ มีเป้าหมายให้เราทำตลอดเวลาในการเล่นเกม เกมจะจบหลังจากที่เราปลดล็อกภารกิจทุกอย่างที่ NPC มอบหมายให้เราทำจนครบทั้งหมดครับการเอาตัวรอดต่าง ๆ ในเกมEndzone - A World Apart เมื่อเราสร้างระบบต่าง ๆ ในเกมนี้ ไม่ว่าจะเป็น ฟาร์มเลี้ยงสัตว์, ฟาร์มปลูกพืช, โรงทอ, โรงหาแร่, สถานกักเก็บน้ำ, การหาของป่า, การล่าสัตว์, การตกปลา, และอื่น ๆ อีกมากมาย เราต้องจัดสรรคนเพื่อไปทำอาชีพต่าง ๆ ด้วยครับ ถ้าประชากรเราขาด (ซึ่งขาดบ่อยเหลือเกิน) ทุกอย่างก็จะหยุดชะงักไปเป็นทอด ๆ ครับ แล้วกว่าจะหาคนกลับมาได้อีกคือเหนื่อยมาก ๆ สำหรับเกมนี้บอกเลยว่าเล่นไปเรื่อย ๆ ตัวเกมไม่ได้ใจดีให้เราได้พักหายใจขนาดนั้น เราจะเผชิญปัญหาน้ำขาด อาหารขาด ชุดขาด เครื่องมือขาด คนก็ขาด ขาดมันหมดทุกอย่างจนเราอยากจะร้องขอชีวิต (ไม่อยากเล่นใหม่แล้วโว้ยยยย ฮ่า ๆ) เรามาดูกันดีกว่าว่าระบบของการเอาตัวรอดในเกมนี้ทางผู้พัฒนาได้ใส่อะไรมาให้เราได้เล่นกันบ้างการหาน้ำ - เป็นสิ่งแรกในเกมเลยที่จำเป็นต้องสร้างครับ เพราะในเกมนี้จะมีช่วงหน้า Season(ฤดู) ที่แล้งน้ำครับ ไม่ได้แล้งธรรมดานะฮะ มันเหือดแห้งแบบไม่มีน้ำให้เราสักหยด ตัวเกมจึงออกแบบเครื่องมือในการหาน้ำให้เราหลากหลายแบบครับ ไม่ว่าจะเป็น การหาน้ำจากหยดน้ำค้าง, การรองน้ำฝน, การตักน้ำจากแหล่งน้ำหรือทะเลสาบ ห้วย หนอง คลอง บึง, ในแต่ละแบบใช้วัตถุดิบในการสร้างแตกต่างกันไป ในส่วนนี้เราต้องมีเครื่องมือรีไซเคิลผลิตชิ้นส่วนต่าง ๆ ให้เราก่อนครับ และสาธารณูปโภคต่าง ๆ จะดีขึ้นทันสมัยขึ้นจากการทำการวิจัย เราก็จะได้ระบบการผลิตน้ำที่ดียิ่งขึ้น หลัง ๆ เราจะผลิตน้ำด้วยไฟฟ้าแทนแรงงานคน แค่เรื่องระบบน้ำก็นันทนาการกันสุด ๆ แล้วครับสำหรับเกมนี้สภาพอากาศ - เกมนี้มีสภาพอากาศที่หลากหลายครับ รวมไปถึงการมาของรังสีนิวเคลียร์ ช่วงแล้งบางทีน้ำก็แห้งไปเลย ช่วงมีฝนบางทีก็จะเป็นฝนพิษด้วยครับ ทำให้บริเวณต่าง ๆ ของเรามีพิษของสารนิวเคลียร์ที่ตกค้างไปด้วย ตรงนี้มีส่วนของเจ้าหน้าที่ที่ทำความสะอาดตรงนี้อยู่ แต่เราต้องสร้างอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ครบก่อนเราถึงจะสร้างหน่วยเก็บกู้ได้ครับ และยังมีพายุทรายที่พอพัดมาเราก็จะมองไม่เห็นอะไรเลย ประชากรของเราส่วนใหญ่จะป่วยเมื่อพบเจอกับสภาพอากาศที่เลวร้าย ในส่วนนี้ควรสร้างโรงพยาบาล หรือเก็บเกี่ยวสมุนไพรเอาไว้ เพื่อเอาไว้ใช้รักษาชาวเมืองครับ ไม่งั้นถ้ามีคนตายเราก็จะขาดคนงานในการทำสิ่งต่าง ๆ และเหมือนที่ผมได้บอกไปที่หัวข้อก่อนหน้านี้ พอคนขาดแล้วทุกอย่างก็จะหยุด เพราะทุก ๆ หน้าที่เกี่ยวโยงกันหมดครับ เราสามารถเช็คสภาพอากาศได้ล่วงหน้าที่แถบด้านล่างในตัวเกมจะมีบอก ค่อนข้างอำนวยความสะดวกให้คนเล่นอยู่เหมือนกัน ว่าวัน ๆ ต้องเจอกับอะไร ฮ่า ๆการหาอาหาร - อันนี้ก็สร้างความลำบากลำบนในเกมให้กับผมเหลือเกิน ฮ่า ๆ ๆ เข้าเกมมาหลังจากเราสร้างทุกอย่างเกี่ยวกับน้ำหมดแล้ว หลังจากนั้นเราต้องพยายามสร้างทุกอย่างเกี่ยวกับอาหารเอาไว้ให้ได้เยอะที่สุด ไม่ว่าจะเป็น การล่าสัตว์, การจับปลา, การหาของป่า, การทำฟาร์มสัตว์ (เราต้องล่าสัตว์ก่อนถึงจะสามารถเอาสัตว์เข้ามาเลี้ยงในฟาร์มได้), การปลูกพืชผักผลไม้ เป็นต้น ถึงแม้ว่าเราจะสะสมกักตุนอาหารไว้มากมายขนาดไหน ตัวเกมก็จะสร้างความท้าทายให้กับเราอยู่เรื่อย ๆ คือ อาหารไม่พอ และคนก็จะล้มตาย หรือหนีออกจากเมืองของเราไปครับ ซึ่งคนที่หายไปถ้าหายไปแค่ 4-5 คนก็คงไม่เป็นอะไร แต่นี่เล่นหายไปครึ่งต่อครึ่ง จึงทำให้การผลิตทุกอย่างขาดตอน และเราต้องมาจัดสรรปันส่วนหน้าที่การงานให้คนที่ยังเหลืออยู่กันใหม่ แล้วกว่าทุกอย่างจะกลับมาปกติก็ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ ๆ พอเริ่มเป็นปกติมันก็จะเริ่มหาปัญหามาให้เราวน ๆ ไปแบบนี้ครับ เพื่อให้เกมไม่น่าเบื่อและมีอะไรให้เราทำ ถึงแม้อาหารที่เราหามาจะดูเยอะ แต่ถ้ามีพายุหรือประชากรเยอะ ๆ บอกเลยว่าพริบตาเดียวเท่านั้นครับ หันมาอีกทีช่องอาหารของเราแดงซะแล้ว เป็นเศร้า ฮืออออออการวิจัย - มีมาให้ได้เล่นกันทุกเกมครับ กับระบบนี้ เกมนี้วัตถุดิบ หรือสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ที่มีมาให้สร้างในตอนเริ่มเกมนั้นจะยังเป็นการประดิษฐ์จากการหาทรัพยากรจากซากต่าง ๆ มาดัดแปลง และยังไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์หรือสิ่งปลูกสร้างที่ซับซ้อนอะไรครับ หลัง ๆ ถ้าเราทำการวิจัยแล้ว จะได้สิ่งปลูกสร้างและเครื่องมือที่มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้นระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ก็ต้องอัปในการวิจัยเสียก่อน เราถึงจะนำระบบไฟฟ้ามาใช้กับเมืองเราได้ สิ่งปลูกสร้างบางอย่างถ้าไม่มีไฟฟ้าเราก็จะไม่สามารถใช้งานได้ นอกจากนั้นเมื่อมีกำลังไฟฟ้าแล้ว เราก็ต้องเดินสายไฟให้ไฟนั้นกระจายไปตามบ้านเรือนของชาวเมืองซึ่งตรงนี้เกมสร้างความสนุกให้กับผมเป็นอย่างมาก เพราะเราต้องวางแผนผังเมืองอยู่พอสมควรครับ เพราะถ้าเราลากสายไม่ดี ไฟฟ้าก็จะไม่ทำงาน ต้องคอยเปิดดูเมนูในส่วนของไฟฟ้าเทียบด้วยว่าไฟเข้าบริเวณนั้นหรือเปล่า บอกเลยว่าถ้าใครชอบแนวเดียวกับผมนี่เพลินจิตเพลินใจสุด ๆการส่งคนไปหาของ - เกมนี้จะมีระบบ Scount ครับ เราจะเกณฑ์คนจำนวนหนึ่งออกไปขนของกลับมาที่เมืองของเราครับ เราจะไปรื้อค้นตามซากเมืองต่าง ๆ โรงพยาบาลร้าง, โรงงานร้าง, บ้านร้าง, เป็นต้น หลังจากเราได้เป้าหมายแล้ว ตัวเกมจะให้เราคัดคนไปขนของกลับมาได้เต็มที่ 5 คน ซึ่งไม่ต้องเอาไปจนเต็มจำนวนก็ได้ครับ เพราะมันต้องใช้ Point ในการค้นหา ซึ่งจะมีให้เพียง 1 Point เท่านั้นในช่วงแรก ซึ่งกดหาได้ครั้งเดียวเท่านั้น ที่เหลือก็ต้องกลับมารอบหน้าเพื่อสำรวจอีกรอบ ทำแบบนี้วน ๆ ไปจนกว่าจะหาของในพื้นที่นั้น ๆ จนครบ 100% ครับ ส่วนของที่ได้ก็จะเป็นวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ใช้ในการก่อสร้าง ยา อาหาร เป็นต้นซึ่งก็จะช่วยเราได้ดีในช่วงที่เราหาไอเทมไม่ทันใช้ ถึงแม้ว่าของที่ได้กลับมาจะไม่ได้เยอะมากมายอะไร แต่ก็ถือว่าแก้ขัดได้ดี ทำให้เกมดำเนินต่อไปได้แบบถูไถไปก่อน โหดจริง ๆ ไม่จกตาเลยครับสำหรับเกมนี้ตัวเกมนั้นไม่ได้กินทรัพยากรของเครื่องมากนัก คอมไม่แรงหรือคอมเก่าแบบผมก็สามารถปรับภาพ High ได้ แต่พอเล่นไปเรื่อย ๆ สิ่งปลูกสร้างในเกมเริ่มเยอะจะส่งผลถึง Frame rate ที่ค่อนข้างตกอย่างเห็นได้ชัดครับ หลัง ๆ นี่ถ้าเครื่องไม่แรงเกมค่อนข้างกระตุกครับ ถ้าเปรียบเทียบกับ Floodland ซึ่งอันนั้นภาพแทบจะไม่กระตุกเลยTutorial มีโหมดแยกไปให้ฝึก ผมคิดว่าเกมนี้ค่อนข้างเล่นยากครับ เพราะมีกลิ่นอายของ Banished อยู่เต็ม ๆ แค่เปลี่ยนธีมของเกมเป็นหลังโลกล่มสลาย ใครที่เล่น Banished มาอยู่แล้วคงจะค่อนข้างคุ้นชินกับตัวเกมครับ แต่ถ้ามือใหม่ผมแนะนำให้ไปฝึกในโหมดฝึกก่อน ไม่เช่นนั้นคุณจะงงกับมันมาก ๆ เพราะทุกอย่างการสร้างอะไรต่าง ๆ ค่อนข้างเชื่อมโยงกันหมดครับ และทุกอย่างทำงานเหมือนสายพาน ถ้าตรงไหนติดขัดส่วนอื่น ๆ ก็จะหยุดชะงักไปด้วย ถ้าลืมจุดไหนว่าใช้งานยังไงตัวเกมยังใส่ Survival Guide ให้ได้เข้าไปอ่านพร้อมภาพประกอบช่วยทวนความจำตอนเล่นจริงอีกด้วยการบังคับต่าง ๆ ไม่ได้แตกต่างจากเกมอื่นครับ ตรงนี้คนที่เล่นเกมแนวนี้มาแล้วแทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย UI ของเกมก็ออกแบบมาให้ใช้งานสะดวกกับผู้เล่น ไม่ว่าจะเป็นการอัปเกรดสิ่งปลูกสร้าง, การเพิ่มจำนวนคนงาน, การส่ง Scount ไปสำรวจ, หรือการลากจุดหาของต่าง ๆ ใช้งานไม่ยากอำนวยความสะดวกให้กับผู้เล่น และเมนูต่าง ๆ ออกแบบได้สวยงามดีครับสรุปตัวอย่างด้านบนผู้เขียนได้ยกบางส่วนมาเท่านั้นนะครับ ยังมีระบบต่าง ๆ อีกมากมาย ให้ผู้เล่นอย่างเราได้เล่นไปกรี๊ดไปกับความยากของเกมอีกเยอะแยะมากมาย  Endzone - A World Apart อาจจะสร้างความหัวร้อนให้เราเป็นพัก ๆ แต่เกมนี้คือ banished ในธีมอาณาจักรที่ล่มสลาย ซึ่งผู้พัฒนาก็จำลองสถานการณ์ต่าง ๆ มาให้คนเล่นอย่างเราได้แก้ไข ปรับปรุง อัปเดต เปลี่ยนแปลง ทุบคอมกันอยู่เป็นพัก ๆ (หยอก ๆ นะครับ) กฎหมายต่าง ๆ ถ้าเทียบกับ Floodland ที่เป็นเกมคล้าย ๆ กันตรงนี้ผมมองว่าเกมนี้ยังสู้เขาไม่ได้ครับ แต่ก็ยังมีกฎที่พอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง เช่น ห้ามคนเกิดในกรณีที่มีประชากรมากเกินไป และอาหารเริ่มไม่พอ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นกฎเล็ก ๆ น้อย ๆ ประมาณนี้ ห้ามเกิด ห้ามกินเหล้า แต่ไม่ได้ออกเป็นบริบทกฎหมายอย่างจริงจังเหมือนในเกม Floodland ครับ ที่จะมีฝั่งซ้ายจัด ขวาจัด เสรีนิยม คอมมิวนิสต์ ให้ได้เลือกเล่น แต่ผมว่ามีแค่นี้ก็หัวร้อนแล้วอย่าเยอะไปกว่านี้ดีแล้วครับ ฮ่า ๆใครที่เป็นแฟนเกมอย่าง banished ผมอยากให้ทุกคนได้มาลอง ราคาไม่แรงครับ 379 บาท เท่านั้นเอง! แนะนำให้รอตอนลดครับ คิดว่าน่าจะไม่ต่ำกว่า 75% จะเหลือประมาณ 94.75 บาท อาจจะมีบัคให้เราได้พบเห็นอยู่ประปรายครับ และที่สำคัญถ้าเพื่อน ๆ ซื้อ Endzone - A World Apart จะมีส่วนในการช่วยเหลือโลกด้วย เพราะผู้พัฒนาจะนำเงินบางส่วนจากรายได้ไปปลูกต้นไม้จริง ๆ ใครที่ซื้อเกมนี้ก็จะมีส่วนในการบริจาคให้กับ Dev นำเงินไปปลูกต้นไม้ครับ สั่งซื้อ = ช่วยโลกhttps://store.steampowered.com/app/933820/Endzone__A_World_Apart/
23 Jan 2023
[Review] รีวิวเกม Aquaculture Land: Fish Farming Simulation แค่ตกปลาหรือทำฟาร์มมันธรรมดา จับรวมกันเป็นฟาร์มปลาซะเลย!
ช่วง Winter Sale 2022 ที่ผ่านมาผู้เขียนได้ไปเจอเกมที่น่าสนใจที่มีชื่อว่า Aquaculture Land: Fish Farming Simulation เป็นเกมที่เราจะต้องมารับบทเป็นผู้บริหารฟาร์มปลา"เออไอเดียเข้าท่า"ว่าแล้วก็กดซื้อมาดองทิ้งไว้ในคลังก่อน พอมีเวลาก็โหลดมาเล่นแบบไม่รีรอเลยครับ เกมนี้ลงวางขายใน Steam เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2019 แต่ตอนที่ผมกดซื้อมามันกำลังติดเทรนด์อยู่ใน Steam ก็หวังว่ามันจะไม่ทำให้ผมผิดหวัง เรามาดูกันดีกว่าครับว่าภายในเกมมันมีอะไรน่าสนใจบ้างมีเนื้อเรื่องให้ได้เสพ แต่ต้องเดาเอาเองตามภาพAquaculture Land: Fish Farming Simulation ก่อนเริ่มเกมจะมีให้เราเลือกเล่น 2 โหมดด้วยกันนะครับ    Career Mode - เป็นโหมดเนื้อเรื่องที่เราต้องเล่นเกมเพื่อปลดล็อกสิ่งต่าง ๆ ไปตามเควสของเกมครับ    Free Mode - โหมดที่ให้อิสระกับเราเต็มที่ในการสร้างฟาร์มปลาครับ อยากสร้างอะไรสร้างเพราะทุกอย่างจะปลดล็อกหมดแล้วเนื้อเรื่องของเกมก็เหมือนเกมปลูกผักดัง ๆ ที่เราเคยเล่น อย่าง Stardew Valley ซึ่งเกมนี้เนี่ยตัวเอกของเราตกงานครับ ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีคนรับ (รู้สึกเหมือนอ่านเรื่องตัวเองเลย แต่โชคไม่ดีเหมือนตัวเอก ที่ลุงมีที่ให้ทำกิน ฮ่า ๆ) โชคดียังไงไม่ทราบได้วันหนึ่งลุง Bernard ได้ติดต่อมาว่า"เฮ้ยไอ้หนุ่ม ลุงมีที่เหลือในเมืองเล็ก ๆ ในชนบท เอ็งมาลองทำฟาร์มปลาดูไหมล่ะ"ตัวเอกของเราก็ได้เดินทางไปหาลุง Bernard ครับ และฟาร์มปลาของเราก็เริ่มขึ้นจากตรงนี้ ลุง Bernard จะสอนเคล็ดลับให้เราและคอยเป็นพี่เลี้ยงให้เราตลอดทั้งเกมเลยครับเกมเพลย์เกมใจ ทำให้ได้คิดถึงเกม Tycoon ต่าง ๆ ในอดีตAquaculture Land: Fish Farming Simulation ตอนที่ผู้เขียนได้เล่น มันทำให้ผมอดคิดถึง Lemonade Tycoon ไม่ได้จริง ๆ ครับ ต่างกันแค่อีกเกมขายน้ำมะนาว และอีกเกมขายปลารูปแบบทุกอย่างดูคล้ายกันแต่ด้วยยุคสมัย Aquaculture Land: Fish Farming Simulation จะมีความซับซ้อนในการเล่นที่มากกว่าครับ เริ่มเกมมาลุง Bernard จะสอนให้เราสร้างบ่อปลาครับ บ่อ ๆ หนึ่งเรามีความจำเป็นต้องติดตั้งอะไรบ้างเพื่อให้ปลาในบ่อของเราเติบโต โดยเกมจะมี Worker(คนงาน) มาช่วยเราตอนเริ่มเกม 1 คน และต้องเสียค่าจ้างให้เขาเป็นรายเดือน หลัง ๆ พอเรามีบ่อปลาที่เยอะขึ้น เราสามารถจ้าง Worker(คนงาน) เพิ่มได้ครับอุปกรณ์ต่าง ๆ ต้องอัปเกรดเพื่อปลดล็อกเริ่มต้นเกมจะมีอุปกรณ์แบบ Basic มาให้เราใช้นะครับ แต่ด้วยปลาต่าง ๆ ที่เราเลี้ยง สามารถติดโรคได้ถ้าน้ำไม่สะอาด เมื่อปลาโตขึ้นพื้นที่การอยู่ในบ่อก็จะลดลงก็จะมีปัญหาเรื่อง Oxygen(ออกซิเจน) ในน้ำไม่พอ สภาพแวดล้อมภายในบ่อไม่เอื้อต่อการเติบโตก็จะทำให้เราได้ปลาที่ไม่มีคุณภาพ ถ้าอยากอัปเกรดอุปกรณ์เกมเลยบังคับให้เราทำเควสครับ เควสที่ว่านี้เราจะได้รับ EXP เพื่อเพิ่มเลเวลความสนิทกับ NPC ในเกม ยิ่งเราสนิทมากขึ้นเราสามารถปลดล็อกปลาสายพันธุ์ใหม่ ๆ หรืออุปกรณ์การเลี้ยงปลาใหม่ ๆ ได้ครับ เช่น ถ้าเราปลดล็อกของรางวัลจากลุง Bernard จนเต็มแล้ว ลุงเขาก็จะแนะนำ NPC หรือลูกค้าใหม่ ๆ ที่จะมาทำธุรกิจซื้อขายปลากับเรา แล้วระบบของเกมก็ขายแบบปากต่อปากวนเวียนแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนเกมตันเลยครับ ส่งปลาขายตลาดก็ดี ส่งเควสก็ได้เมื่อเล่นตามเควสไปเรื่อย ๆ ระบบตลาดจะปลดล็อก ค่าความต้องการปลาต่าง ๆ เวลาเราขายในตลาดจะมีราคาปลาช่วงนั้นบอก ราคามีขึ้นลงตามความต้องการของผู้บริโภค ส่งขายตลาดก็ได้เงินและถ้าเป็นปลาชนิดเดียวกับที่เควสต้องการก็จะได้เงินจากเควสเพิ่มด้วยครับ หลัง ๆ เล่นไปเรื่อย ๆ ไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรเลยรวยไม่ไหว ฮ่า ๆปลาต่าง ๆ ทาง NPC ที่รับซื้อ เขาจะแจ้งว่าอยากได้ปลารวมกันทั้งหมดน้ำหนักเท่าไหร่ และมีคุณภาพกี่ % ถ้าเราได้น้ำหนักที่ต้องการแล้ว แต่ค่า Quality(คุณภาพ) ไม่ผ่าน NPC ก็จะไม่รับซื้อปลาของเราครับ ตรงนี้เราต้องขุนปลาของเราไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณภาพปลาจะได้ตามความต้องการที่กำหนด แรก ๆ จะงง ๆ หน่อย เพราะกะไม่ค่อยถูกว่าควรใส่ปลาไปบ่อละกี่ตัว แต่เดี๋ยวเล่นไปเรื่อย ๆ จะช่ำชองเอง และหลัง ๆ จะมีธุรกิจเปิดบ่อตกปลาเพิ่มเข้ามาด้วย แต่ต้องเล่นกันไปพักใหญ่ ๆ เลยครับมีระบบ Breed(ผสมพันธุ์สัตว์น้ำ) มาช่วยให้เราได้ผลผลิตไวขึ้นไปอีกเกมนี้มีระบบให้เรา Breed สัตว์น้ำของเราครับ เพื่อที่จะช่วยเพิ่มอัตราการเติบโต คุณภาพ น้ำหนัก ให้กับปลาที่เราเลี้ยง ถึงแม้จะไม่มีระบบที่ซับซ้อนอะไร แค่เราจับคู่ปลาของเราไปเรื่อย ๆ แค่นั้นเลย พอตัวไหน % ดีขึ้นก็เอาตัวนั้นมาผสมพันธุ์กันวนไปเรื่อย ๆ ปลาของเราก็จะมีอัตราการต่าง ๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สามารถสังเกตได้จากบ่อปลาตอนเลี้ยง ค่าเปอร์เซ็นต์ + น้ำหนักของปลาจะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าตอนที่เรายังไม่ได้อัปเกรดอะไรครับระบบต่าง ๆ ภายในเกมAquaculture Land: Fish Farming Simulation เป็นเกม 2D จำลองเหตุการณ์การทำฟาร์มปลา หรือสัตว์น้ำต่าง ๆ ครับ อารมณ์เหมือนเล่น Game Tycoon ในสมัยก่อน ตัวเกมไม่กินทรัพยากรของเครื่องเลยครับ คอมทั่วไปก็สามารถเล่นได้ระบบการบังคับก็เหมือนเกมทั่วไป ใช้เมาส์คลิก ๆ เลยครับ W,A,S,D ใช้เคลื่อนย้ายมุมกล้อง ส่วนระบบ Toturial ของเกมนั้นจะมีลุง Bernard คอยสอนเราในเกมอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่ต้นเกมกันไปเลยUser interface ของเกมนี้ผมว่าก็สมกับราคาเกมแหละครับ ตัวเกมไม่ได้แพงมากการออกแบบบางอย่างก็เลยดูธรรมดาไปมาก ๆ แต่ก็ไม่ได้ใช้งานยากสำหรับผู้เล่นอย่างเราแค่นั้นสำหรับผมก็เพียงพอแล้วครับสรุปด้วยความที่มันเป็นเกมที่เล่นวน ๆ อยู่ในลูปของมัน เหมือนจำลองขายของในชีวิตจริงมาให้เราเล่น คือทุกอย่างเป็น routine(กิจวัตร) มันก็เลยทำให้เกมดูตันค่อนข้างเร็วสำหรับผมครับ เพราะแค่ 2 ชั่วโมงในการเล่นเกม ผมสามารถหาเงินจากการขายปลาได้เป็นล้านแล้ว มันก็เลยดูไม่มีอะไรให้ทำครับเหมือนว่าเล่นเพื่อปลดล็อก NPC ไปเรื่อย ๆ แค่นั้นเลย เพราะเรื่องการหาเงินของเกมนี้ค่อนข้างที่จะง่ายเกินไปและด้วยที่เกมเปิดขายมาเป็นปีแล้ว ยังไม่มีระบบอะไรใหม่ ๆ เพิ่มเข้ามาให้ทำเลย อย่างเช่น การตกแต่งฟาร์ม"ถามว่าเพลินไหม?"เนื่องจากมันไม่ใช่เกมที่แพงอะไร วางขายอยู่ใน Steam ราคาเพียง 189 บาทเท่านั้นเอง! ก็ซื้อมาเล่นแก้เบื่อได้ดีอยู่เหมือนกัน ช่วงแรกดูดเวลามาก ๆ เพราะอะไรก็ดูใหม่ไปหมด แต่พอเล่นไปได้ระยะหนึ่งแล้วอาจจะได้พบปรากฎการณ์คู่ตรงข้ามได้ครับ นั่นคือเล่น ๆ อยู่หลับ ฮ่า ๆ แต่ถ้าใครคิดถึงเกมอย่างพวก Lemonade Tycoon ซื้อไว้เหอะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอนสั่งซื้อhttps://store.steampowered.com/app/858630/Aquaculture_Land_Fish_Farming_Simulation/
19 Jan 2023
[Review] รีวิวเกม Stranded: Alien Dawn ลงหลักปักฐาน ณ ดวงดาวอันห่างไกล
Stranded: Alien Dawn เกมสร้างเมืองที่มีคอนเซปต์ที่โดดเด่นน่าสนใจ จนตัวผู้เขียนไม่สามารถหันหลังให้กับมันได้ครับ เห็นมันขึ้นเทรนด์ใน Steam อยู่พักใหญ่ ๆ ยิ่งกระตุ้นความอยากเล่นของผมให้มันมากขึ้นไปอีกลงวางขายใน Steam เมื่อวันที่ 12 ต.ค 2022 เกมนี้เราจะได้รับบทเป็นผู้ประสบภัยกลุ่มหนึ่งที่ยานเกิดไปตกที่ดวงดาวอันห่างไกลครับ เราต้องมาสร้างอารยธรรมของเรากันบนดาวดวงใหม่เพื่อเอาตัวรอด ต้องพบเจอสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ สัตว์แปลก ๆ จากดวงดาวดวงนี้ มาดูกันครับว่าในเกมมีอะไรน่าสนใจบ้าง และผมจะพาผู้คนภายใต้อาณัติของผมในเกมรอดไปได้ขนาดไหนเพื่อน ๆ ตามมาอ่านกันได้เลยเกมเพลย์เล่นเพลินจนไม่รู้ว่าจะได้นอนตอนไหนเข้าเกมมาตัวเกมจะถามเราว่าจะลองเล่น Toturial Mode ก่อนไหม ใครคิดว่าจะไม่งงกับระบบของเกมก็ข้ามตรงนี้ไปเลยก็ได้ครับ เพราะค่อนข้างกินเวลานานมาก ๆ ในการเรียนรู้ระบบต่าง ๆ แต่ทั้งนั้นทั้งนี้ผู้เขียนแนะนำว่าให้เข้าไปเล่น Toturial Mode ก่อนจะดีกว่าครับ เพราะระบบของเกมค่อนข้างจะซับซ้อนอยู่เหมือนกัน เอาจริง ๆ ความสนุกก็เริ่มสำแดงให้เห็นกันตั้งแต่โหมดฝึกสอนเลย อารมณ์เกมที่เล่นผมได้กลิ่นอายของ The Sims อยู่พอสมควรครับ ไม่ใช่เกมสร้างเมืองที่ต้องสร้างบ้านเป็นหลัง ๆ จัดวางผังเมืองตามไอเทมที่เกมมีมาให้ แต่เราต้องวิจัยไปเรื่อย ๆ เพื่อปลดล็อกอุปกรณ์หรือวัตถุที่ใช้ในการสร้างบ้าน และบ้านเป็นหลัง ๆ ของเกมนี้เราต้องออกแบบและสร้างมันด้วยตัวเองครับ เกมนี้เราต้องดูค่าความต้องการของ Sims ด้วยครับ เช่น ถ้าหิวก็ต้องไปทำอาหารที่แคมป์ไฟ, Sims เบื่อก็ต้องสร้างอุปกรณ์ของเล่นต่าง ๆ ให้ผ่อนคลาย เป็นต้น จะมีการบ่นให้ฟังด้วยว่า ณ เวลานั้นต้องการอะไร เบื่อผู้ร่วมชะตากรรมคนไหน ก็จะบ่นให้เราฟังทุกอย่าง เล่น ๆ ไปอาจจะมีคำถามให้เราตัดสินใจว่าสิ่งนี้เราทำได้หรือไม่ได้ตัวเกมจะให้ผู้เล่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจกับเกมด้วยครับStranded: Alien Dawn ยังมีเกมเพลย์ย่อย ๆ อีกเยอะแยะมากมาย ในบทความนี้ผู้เขียนคงเล่าให้ฟังได้ไม่หมด ฉะนั้นเดี๋ยวผมจะยกจุดเด่น ๆ ของเกมมาสาธยายให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันนะครับ แต่เดี๋ยวจะยกไปไว้ในหัวข้อด้านล่างเพื่อไม่ให้เนื้อหาดูยาวจนเกินไป ส่วนถ้าใครต้องการเจาะลึกแบบละเอียดต้องไปซื้อมาเล่นเองแล้วครับ บอกเลยเพื่อน ๆ จะไม่เสียดายเงินแน่นอน ถ้าใครชอบเกมแนวนี้ณ จุดเริ่มต้นตัวเกมจะมีให้เราเลือกตัวละครที่จะขึ้นยานเพื่อไปผจญภัย 4 คนด้วยกันครับ สามารถเลือกความสามารถของตัวละครได้ ตรงนี้ผู้เขียนแนะนำว่าควรจะเลือกค่าความถนัดที่โดดเด่นคละ ๆ กันไปนะครับ เช่น ทำอาหารเก่ง, ต่อสู้เก่ง, คราฟต์ของเก่ง หรือทำการวิจัยเก่ง เป็นต้น ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้จะมีประโยชน์กับเราในการเล่นเกมมาก ๆ เพราะเกมนี้พอเล่นไปเรื่อย ๆ เราต้องแบ่งหน้าที่ให้กับสมาชิกครับตัวเกมสามารถเลือกระดับความยากง่ายได้ตามความสามารถ เลือกดวงจันทร์ก็ได้ เลือกดาวดวงที่จะไปตกก็ได้ (สภาพแว้ดล้อมบนดาวแต่ละดวงจะแตกต่างกันครับ) ซึ่งตอนนี้มีดาวให้เลือกเล่นแค่ 2 ดวง พอเริ่มเกมยานฉุกเฉินของเราจะมาตกบนดาวที่เราเลือก ความสนุกจะเริ่มเกิดขึ้นตรงนี้แหละฮะอย่างที่บอกเกมนี้มันเป็นเกมแนว Colony sim หลังจากยานตกเราจะได้เห็นอารมณ์ที่หลากหลายของตัวละครของเราแต่ละตัว เราต้องเริ่มสร้างฐานสร้างแคมป์เข้าป่าล่าสัตว์ทำอาหารสร้างโต๊ะคราฟต์ และที่จะลืมไม่ได้เลยคือโต๊ะวิจัยครับ เพราะเรามาอยู่บนดาวที่ไม่ใช่โลก พืชพรรณ หรือสัตว์ต่าง ๆ ก็จะหน้าตาประหลาดแตกต่างจากโลกของเรา เราก็ต้องมาทำการวิจัยว่ามันสามารถกินได้ไหม เป็นอันตรายกับเราหรือเปล่า? หรือเอาไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ได้ไหม เป็นต้นการเอาตัวรอดการเอาตัวรอดบนดวงดาวที่เรามาตกนั้น เริ่มแรกเลยเราต้องสร้างแคมป์ไฟครับ ช่วงแรก ๆ อาจจะยังไม่ต้องแบ่งหน้าที่อะไรให้ใครมากนัก เพราะยังต้องช่วยกันทำทุกอย่างอยู่ หลัก ๆ ที่จะแบ่งย่อย ๆ แบบคร่าว ๆ ก็คือการสร้างแคมป์ - เริ่มแรกเลยเราจำเป็นต้องสร้างแคมป์แบบง่าย ๆ พอที่จะให้ตัวละครของเราเอาตัวรอดได้ก่อนในช่วงแรก สิ่งหลักที่ต้องสร้างก่อนเลยก็คือ ที่นอน (ควรสร้างให้พอดีกับจำนวนตัวละครของเรา), ที่เก็บของ เพราะถ้าไม่สร้างตัวละครของเราจะเดินไปเอาของไกลมาก ๆ เนื่องจากเกมนี้ข้อเสียก็คือไม่มีพาหนะให้เราใช้งานครับ, แคมป์ไฟอันนี้ขาดไม่ได้เลยเพราะเราต้องใช้ทำอาหาร ถึงแม้ช่วงแรกจะมีอาหารจากซากยานฉุกเฉินของเรา แต่ช่วงหลังต้องหาอาหารเองครับ แรก ๆ เราก็สร้างพอยังชีพไปก่อน พอหลัง ๆ ปลดล็อกสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มาแล้วก็ค่อยจัดเป็นหมู่บ้านให้ชาวแก๊งยานแตกของเราได้พักอาศัยก็ได้ครับการทำอาหาร - ส่วนนี้เราต้องกำหนดหน้าที่ให้คนในทีมที่มีแต้มทักษะการทำอาหารเยอะที่สุดได้เข้ามาดูแลตรงนี้ ส่วนใหญ่วัตถุดิบจะได้จากการล่าสัตว์ต่าง ๆ บนดาว หรือการเพาะปลูก (ต้องทำวิจัยก่อน) ตัวละครที่เราตั้งค่าให้เป็นกุ๊กประจำ Base Camp ก็จะไปทำอาหารให้เราทานที่แคมป์ไฟครับ (จำเป็นต้องมีแคมป์ไฟก่อน) สามารถกำหนดได้ว่าเราจะให้ทำอาหารไปเรื่อย ๆ หรือกำหนดจำนวนที่ต้องการได้ครับ ผู้เขียนมองว่าตรงนี้เมนูต่าง ๆ ใช้ง่ายและสะดวกกับผู้เล่นมาก ๆ ครับดวงจันทร์เพื่อน ๆ คงสงสัยใช่ไหมว่าผู้เขียนจะพูดถึงดวงจันทร์ทำไม? เกมนี้ดวงจันทร์ที่เราเลือกตอนช่วงจะเข้ามาเล่นมีความสามารถในการเสก Ai มาบุกเรา ความสามารถและนิสัยของเหล่าแมลงที่มาบุกบ้านเรานั้นจะแตกต่างกันไปตามดวงจันทร์ที่เราเลือก ผมแนะนำว่าในส่วนนี้ให้ Random ไปเลย ไปลุ้นเอาหน้างานว่าผู้รอดชีวิตของเราจะต้องเจอกับอะไร ฮ่า ๆการวิจัยช่วงที่เราเลือกตัวละครเพื่อที่จะพามาซวยกับเราด้วยนั้น ผู้เขียนแนะนำว่าให้เลือกคนที่มีสมองมากับเราด้วย ฮ่า ๆ เพราะคนที่แต้มฉลาดสูงที่สุดจะช่วยให้เราทำการวิจัยได้ไวครับ และยิ่งไวเท่าไหร่อัตราการรอดของทีมเราก็จะสูงขึ้น อุปกรณ์ต่าง ๆ จะปลดล็อกให้เราได้ใช้งานรวดเร็วมากยิ่งขึ้น สิ่งหลัก ๆ เลยเราต้องมีอาวุธไว้ใช้งานครับ เพราะแมลงจะบุกมาก่อกวนเราเรื่อย ๆ ถ้าเราป้องกันมันได้ มันก็จะเป็นแหล่งอาหารที่มาเสิร์ฟให้เราถึงที่ตลอดเวลา แต่ถ้าเราสู้มันไม่ได้เพราะเรายังไม่ได้ปลดล็อกอุปกรณ์ใด ๆ เลย เราและลูกทีมก็จะขิตเอาง่าย ๆ และความเจริญของเราจะต้องอาศัยการวิจัยเป็นหัวใจหลักเลยครับสภาพอากาศในเกมนี้มีสภาพอากาศที่หลากหลาย ความร้อน หิมะ ฝน ซึ่งมันจะสร้างอุปสรรคให้เราเป็นอย่างมากเมื่อเข้าหน้าหนาวครับ มันก็เลยต่อเนื่องมาจากการวิจัย ซึ่งทุก ๆ อย่างล้วนต้องใช้การวิจัยในการแก้ปัญหาเกือบทั้งหมดครับ เรามีความจำเป็นต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศ หรือเตาผิง เพื่อช่วยสมาชิกของเราในทุก ๆ สภาพอากาศที่จะต้องเจอครับการทำฟาร์มมีทั้งการทำปศุสัตว์ และเกษตรกรรม เราทำเพื่อเป็นอาหารให้แก่สมาชิกยานแตกของเรา แต่ก่อนเราจะปลูกพืชได้นั้นเราก็ต้องส่งทีมไปสำรวจพืชผักต่าง ๆ ของดาวดวงนี้ก่อน ทีนี้เราก็ต้องเฟ้นหาสมาชิกที่มีแต้มการเพาะปลูก หรือการเก็บเกี่ยวที่เยอะที่สุดเพื่อมอบหมายหน้าที่ให้เขารับผิดชอบไปเลยทั้งเกม เพราะลูกทีมที่มีค่าการเพาะปลูกสูงจะสามารถปลูกพืชและเก็บเกี่ยวได้ไว พืชในเกมนี้ก็จะมี ข้าวโพด, ฟักทอง, เบอร์รีป่า, ฝ้าย และดอกซิลิคอน เป็นต้น แต่จะมีหน้าตาที่แปลกประหลาดกว่าพืชผักในโลกของเรานะครับ ตรงนี้ผู้พัฒนาใส่ใจรายละเอียดดีผมชอบมาก ๆ การต่อสู้ดาวที่ยานเรามาตกนี้ มีสัตว์ท้องถิ่นอาศัยอยู่และเป็นอันตรายต่อเรามาก ๆ เพราะมันจะมารอกินผู้รอดชีวิต ผู้เขียนสอดส่องดูแแล้วว่ามันไม่ได้มีแค่ยานเราลำเดียวที่มาตกนะครับ มันยังมีซากยานอื่น ๆ อีกเยอะแยะเลยที่ให้เราได้ไปฟาร์มหาของกัน สัตว์ร้ายพวกนี้มีทั้งเดินมาหาเรา และบินมาหาเราครับ แต่ก็งง ๆ อยู่ว่าทำไมมันปีนบันไดไม่ได้ ฮ่า ๆ สิ่งที่เราต้องทำเพื่อลดภาระของเราในการที่จะต้องคอยมาฟาดฟันกับแมลงแบบ Malee (การต่อสู้ระยะประชิด) ลง ก็คือเราต้องรีบวิจัยป้อมปืนครับ ถ้าแมลงมาก่อกวน ป้อมปืนของเราจะทำงานเยี่ยงไบก้อนแบบออโต้ แมลงร้ายตายเรียบไม่มีเหลือ ฮ่า ๆ ในช่วงแรก ๆ ถ้าเรายังไม่มีป้อมปืนก็ไม่เป็นไรนะครับ เราก็เลือกสมาชิกที่มีแต้มการต่อสู้สูง ๆ แล้วใส่อาวุธไว้ให้ แต่ทางที่ดีเราควรใส่ไว้ให้ทุกคนจะดีกว่าครับ เพราะเวลาแมลงมาบุกมันจะโจมตีทุกคนที่มันเห็นครับ แล้วถ้าคนไหนไม่มีอาวุธแมลงตีเราฟรี ๆ เลย อย่างน้อยมีอาวุธไว้ให้ก็ยังสามารถต่อกรกับแมลงร้ายได้บ้างการคราฟต์อันนี้จะเป็นส่วนสุดท้ายที่เราจะมาพูดถึงกันนะครับ จริง ๆ ยังมีอีกหลายส่วนมาก ๆ ที่ผมไม่ได้หยิบมาพูดถึง เพราะมันเยอะมากจริง ๆ อยากให้ทุกคนได้ไปลองเล่นเองครับ การคราฟต์เกมนี้ก่อนที่เราจะคราฟต์ได้เราต้องหาวัตถุดิบให้ครบก่อน เพื่อที่จะเอามาสร้างโต๊ะคราฟต์ ในเกมมีบอกครับว่าต้องใช้อะไรเท่าไหร่โต๊ะคราฟต์จำเป็นไหม? ผู้เขียนบอกเลยครับว่าเป็นสิ่งแรก ๆ ที่ควรสร้างรองลงมาจากโต๊ะวิจัย มันแทบจะเป็นสิ่งที่ใช้คู่กันเลยครับ เราจำเป็นต้องคราฟต์อาวุธเพื่อใช้ต่อสู้กับแมลงที่มาบุก Base Camp ของเรา หรือจะคราฟต์อุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับเราใน Base Camp ครับโบกมือลาเกมนี้มีจุดจบของมัน ถ้าเราสร้างสถานีส่งสัญญาณออกสู่วงโคจรสำเร็จเมื่อไหร่ เราจะได้กลับบ้านครับ ทุกคนคิดเหมือนผมใช่ไหมครับ อุตส่าห์สร้างระบบต่าง ๆ มาซะหรูหราหมาเห่าขนาดนี้ จะกลับบ้านทำไม? ถ้าคิดตามเรื่องราวจริง ๆ สมมติโยนตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์นั้นนะฮะ ถ้าเราตัวคนเดียวก็อาจจะไม่เป็นไร ดาวดวงใหม่ก็อาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับเราที่จะช่วยลบอดีตที่ไม่อยากจำบางอย่างได้ แต่บางคนเขาอาจจะมีคนที่รอเขาอยู่ที่โลก เขาก็แค่อาจจะอยากกลับไปอยู่กับคนที่เขารักก็ได้ครับ ถึงแม้ว่าดาวดวงใหม่จะดีกว่าทุกอย่าง แต่คงไม่มีอะไรดีไปกว่าสิ่งที่เราเรียกว่าบ้านหรอกครับ (ผู้เขียนจินตนาการตามเหตุการณ์ในเกมเฉย ๆ นะฮะ อย่างอิน ฮ่า ๆ)ระบบต่าง ๆ ภายในเกมStranded: Alien Dawn เป็นเกมจำลองสถานการณ์ยานตก เหมือนเล่น The Sims 4 แต่ไม่ได้อยู่บนโลกครับ มีภาพ 3D ที่สวยมาก ๆ ปรับได้สูงสุดถึงระดับ 4K กันเลยทีเดียว แต่ไม่ต้องกลัวว่าคอมบ้าน ๆ จะเล่นไม่ได้นะฮะ ผู้เขียนนั่งยันนอนยันว่าคอมธรรมดา ๆ ก็เล่นได้ แล้วที่ชอบก็คือไม่กระตุกเลย เลิฟมากToturial มีแยกโหมดออกมาให้เราได้ไปฝึกก่อนครับ ผมแนะนำว่าอย่าข้ามให้เข้าไปฝึกดูปุ่มต่าง ๆ ให้ชำนาญระดับหนึ่งก่อน เพราะเกมค่อนข้างซับซ้อนอยู่เหมือนกัน การบังคับของเกมไม่ยุ่งยากเลยครับ แต่ผมไม่ชอบการหมุนมุมกล้องสูงต่ำที่ต้องใช้ Insert และ DeleteUserinterface บอกเลยว่าดีเกินราคาฮะ ผมชอบตรงที่ให้ใส่จำนวนของต่าง ๆ ที่เราต้องการผลิตได้สร้างความสะดวกให้กับผู้เล่นมาก ๆ ว่าอยากได้กี่ชิ้นก็ใส่ไปเลย Ai ก็จะผลิตตามความต้องการของเรา เมนูต่าง ๆ ก็คือดีสวยงามมาก ๆ ไม่สร้างความผิดหวังให้ผมเลยแม้แต่นิดเดียวสำหรับเกมนี้สรุปเป็นเกมที่ผู้เขียนคิดว่าดีเกินคาดไปมากครับ นี่ถ้าเครื่องผมแรง ๆ ได้เล่นภาพแบบ 4K คงจะฟินมาก ๆ เหมือนกัน เป็นเกมที่คอนเซปต์ดีมาก ๆ ผู้เขียนมองว่าถ้า Dev ไม่ทิ้งกันไปเสียก่อนเกมนี้มันน่าจะไปได้อีกไกล ทั้งภาพที่สวย กิจกรรมในเกมมีให้ทำเยอะเหลือเกิน แค่ตบตีกับแมลงนี่ก็แทบจะไม่ต้องทำอะไรกันแล้ว ฮ่า ๆ ตัวละครในความดูแลของเรา เราจะทำไม่สนใจพวกเขาก็ไม่ได้ ต้องคอยอาศัยดูค่าความต้องการต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เขาเศร้าจนเกินไป คิดดูนะครับถ้าเราต้องไปติดอยู่แบบนั้นก็คงเซ็งเหมือนกันถ้าไม่มีอะไรให้ทำ พอดูสถานะต่าง ๆ แล้วว่าตอนนี้ทรงอย่างแบด แซดบ่อย ๆ ก็จัดอุปกรณ์ต่อยมวยให้ได้ระบายอารมณ์กันไปเลย ฮ่า ๆนอกจากระบบต่าง ๆ ที่ผมประทับใจแล้ว ผมยังโคตรประทับใจตารางการทำงาน การจัดระบบการพักผ่อนที่โคตรจะเข้าใจง่ายมาก ๆ เราสามารถแบ่งกะให้สมาชิกทำงานได้ จัดสรรเวลานอน เพื่อที่จะให้มีคนเฝ้ายามกะดึก เป็นอะไรที่ใช้ง่ายและไม่สร้างความงงให้กับคนเล่น Dev อำนวยความสะดวกกันสุด ๆ ข้อเสียที่สร้างความเบื่อหน่ายให้กับผมคงมีเพียงสิ่งเดียวที่จับต้องได้ในเกมนี้ นั่นก็คือทำไมมันไม่มีพาหนะให้ใช้? มันเดินไกลมาก ๆ แบบโคตร ๆ เลยครับ เพราะเวลาเราไปฟาร์มของไม่ว่าจะเป็นตัดไม้ หรือหาของป่า ตัวละครของเราจะกองสิ่งที่หาได้ไว้ตรงนั้นก่อน แล้วก็จะมาช่วยกันขนกลับ Base Camp คือบางทีไกลมาก ๆ ก็เดินมันวน ๆ ไป ฮ่า ๆ ถ้าในอนาคต Dev เพิ่มระบบขนส่งเข้ามาหน่อยก็น่าจะสะดวกกับคนเล่นมากขึ้นไปอีก ตอนนี้ต้องรอกันไปก่อนราคาเกมไม่แรงเลยครับ 509 บาทเท่านั้น บอกเลยผมไม่เสียดายเงินเลยสำหรับเกมนี้ ใครไม่รีบก็รอไปซื้อช่วงลดราคาก็ได้ครับ แต่ผมบอกเลยราคาเต็มก็คุ้ม!สั่งซื้อhttps://store.steampowered.com/app/1324130/Stranded_Alien_Dawn/
30 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม Floodland เกมสร้างเมืองเอาตัวรอดจากวิกฤตน้ำท่วมโลก
Floodland ตอนเลื่อน ๆ ชอปปิงหาเกมเล่นในช่วง Steam ลดราคาส่งท้ายปีกับเทศกาล Winter Sale ด้วยภาพของเกมที่เป็น First Impression (ความประทับใจเมื่อแรกพบสบตา ฮ่า ๆ) ที่ดึงดูดผมเข้ามา และคอนเซปต์ของเกมที่น่าสนใจ"โลกหลังน้ำท่วมงั้นเหรอ? เป็นเกมสร้างเมืองที่เออน่าสนใจดีแฮะ"เลื่อนลงไปดูราคา อ๊าาาาา ลด 20% เอง แต่เกมเพิ่งลงวางขายไปเมื่อ 15 พ.ย. 2022 ดูทรงแล้วในอนาคตผู้เขียนน่าจะหลังหักดังกร๊อบแกร๊บแน่ ๆ แต่ไม่เป็นไรครับคอนเซปต์เกมเขาดีขอกดลงคลังมาลองสักหน่อยเกมเพลย์หากได้ลอง 2 ชั่วโมงก็ไม่พอFloodland ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่ามันคือดินแดนน้ำท่วมใช่ไหมครับ ฉะนั้นเราคนเล่นเนี่ยต้องมารับบทเป็นผู้รอดชีวิตกลุ่มหนึ่งที่รอดจากเหตุการณ์โลกที่พังพินาศจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เนื้อเรื่องในเกมเปรย ๆ มาว่ามีเสียงกรี๊ดและความวุ่นวายเต็มไปหมด แล้วเราจะมาช่วยสร้างโลกใหม่ไปด้วยกัน โดยมีเควสให้ทำตลอดการสร้างอารยธรรมของเราในเกมครับเริ่มเกมมาเราต้องเลือกแคลนของผู้รอดชีวิตครับ สโลแกนของแต่ละแคลนก็แตกต่างกันไป เกมนี้ผู้คนในเกมจะนิยามโลกที่พวกเขาอยู่หลังน้ำท่วมว่าโลกใหม่ และโลกก่อนน้ำท่วมว่าโลกเก่านะครับ หัวหน้าแคลนที่ทางเกมส่งมาแคนดิเดตให้เราได้เลือกเล่นนั้น จะมีนโยบายในการมองโลกในอารยธรรมใหม่แตกต่างกันไป เช่น เน้นวิทยาศาสตร์ เน้นเกี่ยวกับอิสรภาพ เน้นเรื่องเอาตัวรอด หรือเน้นเรื่องการพัฒนาโลกใหม่ให้ดีกว่าโลกเก่าอันนี้ในเกมจะมีนโยบายตรงนี้ให้เราได้อ่านครับ และหลังจากเลือกว่าชอบนโยบายของแคลนไหนแล้วที่นี้เราก็ต้องมาดูตรง Clan traits (มันคือสกิลติดตัวของแคลนเราครับ) ซึ่งความสามารถของแต่ละแคลนจะแตกต่างกันออกไป เช่น ถ้าเราเลือกเล่นแคลนของคุณ Anna Brown สมาชิกในแคลนก็จะยอมอดมื้อกินมื้อเปอร์เซ็นต์อาหารในเกมก็จะลดช้าลงครับ ในส่วนนี้ผมมองแล้วว่าไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะช่องอาหารเต็มอยู่ตลอด หรือสมาชิกในแคลนเดินเร็วขึ้น 10% หรือสามารถสั่งให้สมาชิกในแคลนทำงานกะกลางคืนได้ครับ อันนี้เลือกเล่นได้ตามความชอบเลยครับความยากง่ายสามารถปรับได้หลายระดับ จากที่ผมดูแล้วค่อนข้างยืดหยุ่นมาก ๆ คือเราไม่จำเป็นต้องปรับยากทั้งหมด อยากหาทรัพยากรง่าย ๆ กลัวบริหารไม่ไหวสมาชิกในแคลนอุตส่าห์รอดมาตั้งนานแต่ดันมาอดตาย เราก็ปรับให้หาทรัพยากรได้ง่าย แล้วในส่วนอื่น ๆ ยากบ้างง่ายบ้างแบบนี้ก็ได้ครับ หรืออยากจะชาเลนจ์แบบคิดว่าเราเอาอยู่ก็จัดแบบ Hardcore ที่เริ่มเกมมาก็อาจจะประสบปัญหากับความล้มเหลวได้เลย เริ่มเกมปุ๊บจบเกมปั๊บ ฮ่า ๆเกมนี้ยังมีส่วนที่น่าสนใจให้ผู้เขียนได้สาธยายให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกันอีกหลายสิ่งหลายอย่างเลยครับ ผมจะพยายามย่อ ๆ ให้เข้าใจได้ง่าย เพราะไม่งั้นมันจะยาวจนเกินไป เพราะโดยส่วนตัวผมชอบเกมนี้มาก ๆ เดี๋ยวผมจะยกเรื่อง ๆ การหาทรัพยากรไปอีกหัวข้อหนึ่งเลยละกันการหาทรัพยากรเพื่อเอาตัวรอดและทำการวิจัยในโลกที่มีแต่น้ำเรายกเกมเพลย์ย่อย ๆ มาคุยกันในหัวข้อใหม่ดีกว่า ไม่งั้นมันจะเยอะมาก ๆ เดี๋ยวผู้เขียนไม่รู้จะเอารูปไปใส่ไว้ตรงไหนดี ฮ่า ๆเริ่มเกมมาจะมีพื้นที่ที่เปิดให้เราเล่นแค่รัศมีวงกลมครับ เราต้องส่งคนไปสำรวจในบริเวณรอบ ๆ หรือตามซากปรักหักพังเพื่อปลดล็อกพื้นที่ไปเรื่อย ๆ ตรงนี้เควสจะเริ่มมามีบทบาทกับการเล่นเกมของเราแล้วนะฮะ (ส่วนใครอยากรู้สึกอิสระในการเล่นมากขึ้น สามารถเลือกที่จะปิดในส่วนของเควสไปได้ครับ แต่ผมแนะนำให้เปิดเอาไว้เพราะมันสนุกมาก ๆ) เราต้องไปค้นบ้านเพื่อหาผู้รอดชีวิตตามคำสั่งของเควสที่เราได้รับมา เพื่อปลดล็อกในส่วนของการวิจัยครับ แต้มการวิจัยต่าง ๆ ที่เราจะเอามาอัปเกรดเพื่อที่จะสร้างเต็นท์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกใน Base Camp (ฐานตั้งมั่น) ก็ต้องใช้แต้มต่าง ๆ ช่วงชีวิตในเกมแรก ๆ เราต้องส่งสมาชิกในแคลนไปหาตามซากเมืองต่าง ๆ เพื่อหาทรัพยากร หลังจากนั้นเราก็สร้างสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ตามเควสไปได้เรื่อย ๆ เพลินมาก ๆ ระบบอัปเกรดสิ่งต่าง ๆ เพิ่มความสนุกให้เกมนี้ไม่น่าเบื่อเมื่อเรามีแต้มสำหรับอัปงานวิจัยแล้ว สมมติว่าเราสร้างท่าเรือสำหรับจับปลาไว้แล้วแบบเลเวล 1 ถ้าเราอัปเกรดท่าเรือจับปลาในตารางวิจัยเป็นเลเวล 2 เราสามารถมากดจากท่าเรือเลเวล 1 ที่เราสร้างไว้แล้วได้เลยครับ แค่เราหาวัตถุดิบที่ระบบรีเควสมาให้ครบ และตรงนี้เราจะได้ส่วนลดวัตถุดิบที่ใช้อัปเกรดด้วย แม้กระทั่งผู้นำในแคลนของเรา เราสามารถใช้ศูนย์การวิจัยอัป EXP เพื่อเพิ่มเลเวลให้หัวหน้าแคลนของเราได้ด้วย จะเพิ่มสกิลติดตัวต่าง ๆ ให้กับแคลนของเราไปอีกครับ ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกแคลนหาทรัพยากรเร็วขึ้น, สมาชิกในแคลนกินน้อยลง หรือสมาชิกในแคลนถ้าป่วยแล้วจะอัตราการตายจะน้อยลง เป็นต้นเควสและเนื้อเรื่องของเกมเชื่อมโยงกันทำให้ทุกอย่างดูลงตัวเริ่มต้นมาเกมนี้ก็จะมีเควสให้ทำเป็น Chapter ไปครับ ทำผ่านไปเรื่อย ๆ ระบบต่าง ๆ ก็จะค่อย ๆ ทยอยปลดล็อกออกมาให้เราได้สนุกเพิ่มขึ้น แล้วก็จะมีปัญหายิบย่อยจากสมาชิกแคลนให้เราได้แก้ปัญหาอีกด้วยครับ อย่างเช่นที่ผู้เขียนเจอก็คือ มีครอบครัวหนึ่งครับพ่อควบคุมลูกไม่ให้ทะเลาะกับเพื่อนบ้านไม่ได้ และสร้างความรำคาญให้แก่ชาวแคลนจะมีเหตุการณ์ให้เราตัดสินใจว่าเราจะทำอย่างไรกับครอบครัวนี้ดี ซึ่งผมรำคาญครับทะเลาะกันบ่อย ฮ่า ๆ ผมเลยตัดสินใจเนรเทศทั้งครอบครัวให้ไปอยู่ที่อื่น ซึ่งตรงนี้ผู้เขียนคิดว่าเป็นการตัดสินใจที่ดีตัดรำคาญทั้งหมดวินวินทุกฝ่าย สมาชิกในแคลนคนอื่น ๆ จะไม่ได้รับความเดือดร้อนจากครอบครัวนี้แล้ว, ผู้นำก็ไกล่เกลี่ยไปหลายรอบแต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นก็จะได้ไม่ต้องมาแก้ปัญหาเรื่องเดิมซ้ำ ๆสรุปว่าชาวเมืองไม่ได้ชอบการตัดสินใจของผมครับ และจะมีผลแจ้งให้เราทราบด้วยว่าสิ่งที่เราตัดสินไปสร้างความเอือมระอาให้กับชาวเมืองครับ เพราะดันเป็นวิธีที่อะลุ่มอล่วยเกินไป เพราะสังเกตนิสัยของสมาชิกภายในแคลนแล้วน่าจะเป็นฝั่งขวาจัดครับ คือพวกเขาต้องการให้ผมลงโทษครอบครัวที่ทำผิดแบบจริงจัง ฮ่า ๆ แค่เราตัดสินใจอะไรจะมีผลภายในแคลนทันทีตรงนี้ก็ต้องระวังให้มากเหมือนกันมันสามารถนำไปสู่การกบฏได้ครับออกแบบกฎหมายได้ตามความชอบเรื่องรสนิยมด้านการปกครองมันก็เป็นความชอบของแต่ละคน และในเกมนี้ก็ออกแบบมาได้ครอบคลุมมาก ๆ ครับ ไม่ว่าเราจะอยากเล่นแบบขวาจัดไปเลย ซ้ายจัดจนเลี้ยวกลับมาขวาไม่ได้ อนุรักษ์นิยมแบบที่โลกเดิมพังไปแล้วแต่ฉันก็ยังอยากจะทำแบบเดิม ๆ หรือแม้แต่เสรีนิยมที่ให้ความอสิระเหมาะสมกับความเป็นมนุษย์ที่สุด ขนมาให้เลือกออกแบบได้ตามความพอใจของเราเลยครับ มีบริบทกฎหมายที่ทำโทษกันแบบจริงจัง และสร้าง Emotion (อารมณ์) ในเกมให้กับประชากรที่อยู่ภายใต้การดูแลในแคลนของเราครับ และตรงนี้แหละครับถ้าเรากำหนดมันไม่ดีอาจจะทำให้ Game Over ได้เลยครับ ฉะนั้นอย่าลืมดูลักษณะนิสัยโดยรวมของสมาชิกในแคลนเราก่อน ระบบกฎหมายจะปลดล็อกให้เราเลือกก็ต่อเมื่อเราทำเควสผ่านไปสักระยะหนึ่งครับ ระบบการควรคุมที่ใช้ง่าย นี่แหละที่ต้องการFloodland เป็นเกมที่มีมุมมองจากด้านบนลงมา เราได้รับบทเป็นพระเจ้าบริหารคนจำนวนหนึ่ง ภาพในเกมเป็นภาพแบบ 3D Polygon ทำได้สวยงาม การออกแบบสิ่งปลูกสร้างทำออกมาได้ดี (ตัวผู้เขียนชอบงานอาร์ตแนนนี้อยู่แล้วครับ) ไม่ต้องมีคอมที่ Spec สูง ๆ ก็เล่นได้ แต่ติดตรงที่เกมนี้เล่นไปเรื่อย ๆ frame rate จะดรอปไม่ว่าผมจะพยายามปรับภาพยังไงก็แก้ไม่ได้ ในส่วนนี้อาจจะต้องรอ Dev แก้ครับระบบการบังคับของเกมนี้โคตรเข้าใจง่ายเลยครับ มือใหม่ก็เล่นได้ใช้คลิก ๆ ไม่ต้องลากคลุมอะไร กดตัวเลือกการหาทรัพยากรแค่เราเอาเมาส์ไปวางจะมีเขตรัศมีบอกเลย สามารถทำซ้อนกันได้ตามความสามารถของผู้นำแคลนในช่วงแรกครับ ทุกอย่างแค่กดคลิกแล้วสั่งให้สมาชิกแคลนไปทำงานได้เลย เสียดายไม่มีระบบหมุนสิ่งปลูกสร้างวางได้แค่ทิศทางเดียวครับ ส่วน Toturial ในเกมมีสอนตลอด สามารถเปิดปิดได้ครับUI เกมนี้สวยงามมาก ๆ ครับใช้งานได้ง่ายและเข้าใจง่าย คนที่ไม่เคยเล่นเกมแนวนี้มาก่อนปรับตัวนิดเดียวก็เล่นได้แล้วครับ ทุกอย่างถูกจัดวางไว้ในที่ที่มันควรจะอยู่ไม่กินพื้นที่การเล่นเกมขึ้นมาให้บดบังสายตา ป็อปอัปต่าง ๆ เวลามีเควสแทรกเด้งขึ้นมาก็ทำได้ดีคือเป็นงานอาร์ตตัวละครมาเลยครับ ถือว่าเลิฟมาก ๆ เพราะงานอาร์ตสวย สรุปนี่เป็นแค่เกมเพลย์คร่าว ๆ ที่ผู้เขียนยกบางส่วนจากในเกมมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้อ่านนะครับ ในเกมเนี่ยยังมีอะไรให้ทำอีกเยอะเลยไม่ว่าจะเป็น การเป็นพันธมิตรกับแคลนอื่นแล้วย้ายมาอยู่ด้วยกัน การส่งสัญญาณวิทยุออกไปค้นหาผู้คนและทรัพยากรในที่ ๆ ห่างไกล หลังจากค้นเจอแล้วก็ส่งคนของเราบางส่วนออกไปโกยทรัพยากรและคนกลับมา และอีกเยอะแยะมากมายไปหมด มันเป็นเกมที่สนุกมาก ๆ การบังคับที่ไม่ยากเกมเข้าใจง่ายมีอะไรให้ทำเยอะ ผมเลยมองว่ามันเป็นเกมสร้างเมืองอีกเกมหนึ่งที่ถ้าใครชอบเกมแนวนี้ควรเก็บสะสมลงคลังเอาไว้มาก ๆ ครับแต่ไม่ใช่ว่าจะสนุกแล้วจะมีแต่ส่วนดีดีนะครับ ส่วนที่ไม่ดีผมก็พอมองเห็นอยู่เหมือนกัน อาจจะด้วยเกมเพิ่งวางขายก็ยังมีบัคให้เราได้พบเห็นอยู่ แต่ส่วนที่ผู้เขียนไม่ค่อยชอบเลยเห็นจะเป็นเรื่อง frame rate ช่วงแรก ๆ ที่เข้าเกมยังไม่มีปัญหากับมันสักเท่าไหร่แต่พอเล่นไปเรื่อย ๆ frame rate ตกอย่างเห็นได้ชัดครับ เล่นแรก ๆ ลื่น หลัง ๆ เฟรมดรอปแบบ 5 - 15 เฟรมทั้งเกม ไม่ว่าจะปรับภาพยังไงก็ตาม ผมไม่แน่ใจว่าถ้าเครื่องที่ Spec โหดจะประสบปัญหาเดียวกันไหมอันนี้เพื่อน ๆ ต้องไปลองเทสด้วยตัวเองต่อจากผมแล้วครับ ฮ่า ๆส่วนเรื่องที่ผมไม่ชอบอีกอย่างก็คือระบบเทรดในเกมของเกมนี้ที่มันยังไม่มี มันเลยทำให้ทรัพยากรในเกมในช่วงหลังที่หามาได้มันล้นครับ และก็ไม่รู้จะระบายมันออกไปยังไง ในส่วนนี้ผู้เล่นหลาย ๆ คนใน Steam ก็เหมือนจะประสบปัญหาเดียวกัน เห็นในคอมมูของเกมนี้เห็นมีคนคอยแจ้ง Dev อยู่ตลอด ในอนาคตผู้พัฒนาอาจจะเพิ่มในส่วนนี้เข้ามาและมันน่าจะทำให้เกมนี้สนุกขึ้นไปอีก ตอนนี้ฤกษ์งามยามดีช่วง Winter Sale พอดี ราคาเกมตอนนี้ลด 20% สนนราคาอยู่ที่ 576 บาท จากที่ผมเล่นมาราคาเต็มก็ยินดีจ่ายครับ อยากให้เพื่อน ๆ ได้ลอง บอกเลยว่าสองชั่วโมงไม่พอ ใครที่วางแผนจะลองเล่นสัก 2 ชั่วโมงแล้วกดคืนเงินเรื่องนี้ลืมไปได้เลยครับสั่งซื้อhttps://store.steampowered.com/app/1336180/Floodland/
26 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม Lil Gator Game การผจญภัยของจระเข้น้อย ที่ชวนนึกถึงความความบริสุทธ์ของวัยเยาว์
Lil Gator Game เป็นเกมอินดี้ใหม่แกะกล่องที่เพิ่งวางขายไปเมื่อ 15 ธ.ค. ที่ผ่านมา จากตัวอย่างก็พอจะรู้ว่าเป็นเกมน่ารักเล่นสบายคลายสมอง เพราะน้องจระเข้ที่เป็นตัวเอกของเรานั้นช่างน่ารักตะมุตะมิเหลือเกิน ทว่าพอได้สัมผัสกับเกมนี้จริง ๆ ก็พบว่าเกินคาด การได้เล่นเกมสักเกมที่ไม่ต้องกังวลเรื่องความคืบหน้าหรือมีอิสระขนาดนี้ก็ดีเหมือนกัน เนื้อเรื่องเองแอบทำเอาจุกจนตั้งตัวไม่ทันด้วย (ฮา) ถ้าใครชอบเกม A Short Hike เกมนี้คือห้ามพลาดโดยเกมนี้เป็นเกมแนวผจญภัยที่โลกทั้งเกาะคือสนามเด็กเล่น เปิดโอกาสให้คุณได้ใช้ความอยากรู้อยากเห็นและการเล่นสนุกนำพาคุณไป ฉะนั้นผู้เขียนขอเชิญชวนทุกท่านทิ้งสิ่งที่แบกรับเอาไว้แล้วกระโดดมาเล่นสนุกกันดีกว่า ได้ย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้งแม้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็คงไม่เสียอะไรเป็นผู้กล้าในตำนานออกผจญภัยในโลกอันกว้างใหญ่เกมให้เรารับบทเป็นน้องจระเข้น้อยที่รับบทเป็นผู้กล้าอีกที ซึ่งแน่นอนว่าการเป็นผู้กล้านั้นต้องทำคือการช่วยเหลือคนอื่น จัดการมอนสเตอร์กระดาษลัง ทำภารกิจให้สำเร็จและรับของรางวัลตอบแทน (คือเราเล่นเกม RPG เป็นน้องเข้ที่กำลังเล่นเกม RPG) เพราะสิ่งที่ผู้กล้าต้องทำคือช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนและจัดการปีศาจยังไงล่ะ!นอกจากจะได้รับมิตรภาพแล้ว สิ่งของที่ได้รับคือเศษกระดาษที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนสิ่งของกับคราฟต์ของ บ้างก็ได้รางวัลเป็นสูตรคราฟต์อุปกรณ์สวมใส่ที่ผู้กล้าต้องมี อาทิ หมวก อาวุธและโล่ รวมถึงความสามารถพิเศษที่จะช่วยเหลือเราได้ แต่ละอย่างภายเกมในนี้ก็หลากหลายทีเดียว อยากจะใส่อะไรก็ได้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าสเตตัสหรือน้ำหนักสิ่งของ เลือกในสิ่งที่ตัวเองถูกใจที่สุดเพื่อเป็นผู้กล้าในแบบของตัวเอง เพราะจะใส่กระบังหน้าผากวิ่งท่านารูโตะก็ย่อมได้เกาะแห่งนี้คือสนามเด็กเล่นที่เต็มไปด้วยความอิสระโลก Open-world หรือเกาะแห่งนี้มีอะไรหลายอย่างให้สำรวจเลยทีเดียว ตั้งแต่พื้นที่ริมทะเล ที่ราบ ป่า หน้าผาและยอดเขาสูงเสียดฟ้า ตัวเกมไม่ได้บังคับให้เราต้องไปที่ไหนก่อนที่ไหนหลัง จะออกนอกลู่นอกทางเท่าไหร่ก็ย่อมได้ เพราะไม่ว่าจะไปตรงไหนก็มีอะไรรอเราอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นดงมอนสเตอร์กระดาษลังหรือเพื่อนที่ต้องการความช่วยเหลือ มันจึงยิ่งส่งเสริมให้เราอยากวิ่งออกสำรวจทุกซอกทุกมุมและไปไกลเท่าที่ความอยากรู้อยากเห็นของเราจะไปถึงและตัวเลือกที่เกมนี้มอบให้เราผจญภัยก็มีอะไรมากกว่าแค่การวิ่ง น้องเข้ของเราสามารถว่ายน้ำ ไต่เชือก ปีนป่ายภูเขาและต้นไม้ (เป็นจระเข้จริงมั้ยเนี่ย?) ใช้เสื้อเป็นเครื่องร่อนเพื่อเคลื่อนที่ไปในอากาศ และใช้โล่เป็นแคร่เพื่อไถตัวเองลงจากภูเขา ทั้งหมดนี้ทำให้การผจญภัยไปทั่วเกาะแห่งนี้สนุกและไร้ขีดจำกัดมาก ๆงานภาพสุดน่ารัก สีสันสดใสชวนให้นึกถึงการ์ตูนเด็กปฏิเสธไม่ได้เลยว่ากราฟิกของเกมนี้น่ารักมาก ไม่ว่าจะด้านโทนสีของตัวเกมหรือด้านการออกแบบสิ่งของ ฉากและตัวละคร ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็รู้สึกได้ถึงความสดใสที่โอบล้อมไปทั่วอาณาบริเวณ และที่รู้สึกเอ็นดูที่สุดจะไปใครไปได้นอกจากน้องเข้ตัวเอกของเรา ตาโต ๆ กับรอยยิ้มใสซื่อ น่ารักชะมัดเลย!นอกจากภาพแล้วเรื่องเพลงประกอบก็เพราะด้วย ช่วยเพิ่มอารมณ์ร่วมไปกับการผจญภัยได้ดีเลยทีเดียวทุกตัวละครมีเรื่องราวและความหนักใจเป็นของตัวเองนอกจากบทสนทนาของบางตัวละครที่ชวนให้หัวเราะคิกคัก เรื่องราวของบางตัวก็ช่างคล้ายคลึงกับชีวิตจริงอย่างไม่น่าเชื่อ โดยในเนื้อเรื่องช่วงแรกของเกมทำให้เรารู้ว่าน้องเข้ของเรามีพี่สาวด้วย ดูเหมือนว่าพี่สาวจะเล่นการละเล่นแบบนี้กับน้องชายอยู่บ่อย ๆ ในช่วงปิดเทอมฤดูใบไม้ร่วงวันเวลาผ่านไปจนพี่สาวเติบโตขึ้น การบ้านและสิ่งที่รับผิดชอบทำให้เธอไม่อาจเล่นสนุกกับน้องได้ดังเดิม น้องเข้จึงพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อดึงความสนใจให้พี่สาวมาเล่นด้วย หนึ่งในนั้นคือการสร้างเกมที่สนุกที่สุดขึ้นมา แล้วน้องเข้ของเราทำสำเร็จหรือเปล่า? เรื่องนั้นคงต้องซื้อเกมนี้มาลองด้วยตัวเองแล้วสรุป: แม้จะต้องเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่แสนน่าเบื่อก็โปรดอย่าหลงลืมความเยาว์วัยในหัวใจเกมนี้มีความยาวประมาณ 6-7 ชั่วโมง และอาจใช้เวลามากกว่านี้หากต้องการเก็บ 100% เป็นเกมที่เกมเพลย์ตรงปกกับตัวอย่างเกม เราได้เล่นสนุกและผจญภัยอย่างที่ตัวเกมได้บอกไว้ แต่สิ่งที่แอบเหนือความคาดหมายคือเนื้อเรื่อง ไม่คิดเลยว่าในเกมเด็กน้อยจะมีเนื้อเรื่องที่ทำคนที่เลยวัยวิ่งเล่นจุกอกได้ เพราะบางเรื่องก็ช่างคล้ายกับชีวิตจริงเสียเหลือเกินสุดท้ายนี้ Lil Gator Game เป็นเกมที่ทำให้รู้สึกย้อนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง มอบโอกาสให้เราได้เล่นสนุกโดยไม่ต้องนึกถึงความรับผิดชอบร้อยแปดที่แบกรับเอาไว้ เหมือนเป็นสนามเด็กเล่นที่บอกให้เราวางเรื่องทั้งหมดนั่นลงแล้วผ่อนคลายตัวเองเสียบ้างเพราะเด็กน้อยคนนั้นยังอยู่ในตัวคุณเสมอแพลตฟอร์มเกม: Windows, macOS, Nintendo Switchได้รับรีวิวระดับ Overwhelmingly Positive บนหน้าร้านค้า Steam พร้อมติดแท็ก Casual, Relaxing, Cozy, Cute, Family Friendly
24 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม The Knight Witch เกม Metroidvania ที่ย่อยง่าย แต่สนุกท้าทายเกินคาด
ตามปกติแล้วเรามักจะเห็นแม่มด หรือจอมเวทย์ใช้คาถาในการต่อสู้ แต่กับเกมนี้อาวุธที่เราใช้ แทบไม่ต่างอะไรจากปืนไรเฟิล ปืนกล แถมคอมโบด้วยการใช้ Spellcard สุดมัน และชวนหัวร้อนอีกต่างหาก เกริ่นมาซะน่าเล่นขนาดนี้ วันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกันกับ The Knight Witch ผ่านรีวิวเกมของเรากันสี่แม่มดในตำนานผู้กลายเป็นฮีโร่ของแม่มดรุ่นใหม่สำหรับเรื่องราวและเหตุการณ์ใน The Knight Witch นั้น จะเริ่มต้นด้วยการเล่าย้อนไปหลายปีก่อนเกมจะเริ่ม เมื่อสังคมถูกปกครองโดยกองกำลัง Dagadai ที่ปกครองกดขี่ผู้คนอย่างไม่เท่าเทียม ความอัดอั้นตันใจก่อให้เกิดกบฎและสงครามกลางเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้นำสงครามคือเหล่าอัศวินแม่มดที่ถูกเรียกขานว่า The Knight Witch ทั้ง 4 คน แม้ว่าท้ายที่สุด สงครามปลดแอกจะส่งผลสำเร็จ แต่ก็เป็นการพลีชีพของเหล่า Knight Witch และโลกบนพื้นดินก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ได้ ประชาชนและชุมชนต้องย้ายลงไปอยู่ในโลกใต้ดินหลายปีผ่านไป ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Rayne หญิงสาวที่เป็นหนึ่งในน้องสาวของกลุ่ม The Knight Witch แต่ถูกกีดกันเพราะพลังไม่มากพอ แต่พวก Dagadai กลับมาล้างแค้น และเมื่อพวก Knight Witch กระจัดกระจายกันไป หน้าที่ปกป้องหมู่บ้านและเพื่อน ๆ ของเธอจึงตกมาอยู่ในมือของ Rayne หากเทียบกับเกมอื่น ๆ ในแนวเดียวกันและเกรดเดียวกันนี้แล้ว The Knight Witch ถือเป็นเกมที่ค่อนข้างจะให้ความสำคัญกับเนื้อเรื่องมากกว่า มีช่วงของการบรรยายเหตุการณ์ คัทซีนแบบการ์ตูนแอนิเมชั่น รวมไปถึงเหตุการณ์และสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ชวนให้ติดตามตลอดเกม แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าด้วยทุนสร้างและข้อจำกัดของเกมอินดี้ ทำให้เรื่องของคัทซีนดี ๆ รวมไปถึงเสียงพากย์นั้น ไม่มี และเป็นการทำลายอรรถรสของส่วนนี้ไป และดูเหมือนว่าทีมงานจะไกล่เกลี่ยบทได้ไม่ค่อยดีสักเท่าไรนัก บางจังหวะที่ควรจะอิมแพคท์ก็เฉยซะจนไม่ตื่นเต้นอะไร หรือบางอย่างก็เฉลย หรือเปิดเรื่องไวเกินดังนั้นแม้ว่าเนื้อเรื่องของเกมนี้จะถูกให้ความสำคัญมากกว่า Metroidvania เกมอื่น ๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วมันก็ยังมีขีดจำกัดในฐานะเกมอินดี้ และทำได้แค่ 'ดีกว่า' เกมทั่วไป แต่ยังไม่ถึงขั้นยอดเยี่ยม และถ้าเราจะเล่นแบบเอาเนื้อเรื่องก็ต้องขยันอ่านเฉกเช่นเดียวกันกับเกมอินดี้เกมอื่น ๆ ที่ไม่ได้จัดเต็มในแง่ของคัทซีนหรือเสียงพากย์การนำเสนอแบบ Metroidvania ฉบับ Minimal The Knight Witch นำเสนอตัวเกมในรูปแบบ Metroidvania เกมแนวนี้คือเกมที่ใน 1 ฉากมีทางเลือกในการไปต่อได้มากมายและหลากหลายเส้นทาง แม้ว่าทางไปสู่ Main Mission จะมีเส้นทางเดียว แต่ระหว่างทาง เรามักจะเจออุปสรรคขวางกั้น ทำให้เราต้องพยายามออกสำรวจอยู่เสมอ การสำรวจก็เป็นทั้งการทำเพื่อเปิดเส้นทางไปต่อ หรือได้มาซึ่งไอเทมอัปเกรดใหม่ ๆ มากมาย จะไม่ทำก็ได้ แต่ไหน ๆ ก็ผ่านมาแล้ว สุดท้ายเราก็จะโดนดึงดูดให้ทำอยู่ดีแม้จะเป็นเกม Metroidvania แต่ขนาดแผนที่ของเกมนี้ถือว่าไม่ได้ใหญ่อะไรมาก ทำให้แม้จะมีทางเลือกมากมาย แต่ด้วยความที่ตัวเกมเองก็บอกทางไปต่อชัดเจน ผู้เล่นจะไม่มีการคลำทาง หรืองมกับทางไปต่อที่หาไม่เจอแน่นอน เรียกได้ว่าดีไซน์เกมมาแบบ Casual สุด ๆ และหากมองว่ามันเป็นเกม Metroidvania ก็ไม่อยากจะนับว่ามันเป็นข้อเสีย เพราะมันทำให้เกมการเล่นลื่นไหลอย่างมาก ไม่รู้สึกว่าต้องติด หรือวนเวียนอยู่กับฉากเดิมนาน ๆ แต่ดูเหมือนว่าบางฉากผู้ออกแบบเองก็เหมือนจะมันมือไปหน่อย เพราะมันยากเกินความจำเป็น อย่างฉากที่ต้องควบคุมตัวละครผ่านพื้นที่หนามแคบ ๆ ต้องค่อย ๆ กดถึงจะไปต่อได้ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ เกมก็ไม่ได้มีฉากกวนประสาทแบบนี้ หรือต่อจากนี้ก็แทบจะไม่ได้เจอ ไม่รู้ว่าอยู่ดี ๆ ไปคึกนึกสนุกอะไรขึ้นมา จนออกแบบฉากยาก ๆ แบบนี้มาขัดจังหวะเกมการเล่น หรือบางช่วง การจะเปิดทางไปต่อก็อาจจะต้องไปยังเส้นทางที่เราไม่รู้จัก เพื่อไปหา Key Item หรือไมก่็ไปเปิดสวิทช์ ซึ่งทั้งหมดจะพาคุณเข้าสู่การต่อสู้ได้แทบจะตลอดเวลาเรียกได้ว่าหากคุณเป็นคนที่สนใจเกมแนว Metroidvania และอยากหาเกมเริ่มเล่นสักเกมเพื่อรู้ว่าเกมแนวนี้มีกลิ่นอายนำเสนอยังไงแล้วล่ะก็ The Knight Witch เป็นเกมที่ไม่ควรมองข้ามเลย ก่อนจะอัปสเกลไปเล่นเกมที่โหดกว่านี้ และมีความเป็น Metroidvania มากกว่านี้เกมเพลย์การเล่นสุดสนุก แต่ระวังลายตากับหัวร้อน !ไม่รู้ช่วงนี้เทรนด์ทำเกมที่ต้องใส่ความยากเข้ามานิด ๆ หน่อย ๆ ไปโดนใจผู้พัฒนาหรืออย่างไรเข้า ทุกเกมมักจะต้องใส่ความยากในระดับที่ชวนของขึ้นนิด ๆ เข้ามาด้วยเสมอ The Knight Witch เองก็เป็นเช่นนั้นอยู่หลายครั้ง ก่อนอื่นต้องอธิบายกันเรื่องระบบการต่อสู้ ตัวละคร Rayne ที่เราจะได้เล่นและควบคุมนั้น มีความสามารถในการลอยตัวได้ตลอด ทำให้มันตัดปัญหาความน่าหงุดหงิดในการหาทางไปต่อระหว่างแพลตฟอร์มได้เป็นอย่างดี เพราะเราสามารถบินไปบินมา และไปถึงจุดต่าง ๆ ในฉากได้อย่างเป็นอิสระ จะมีข้อจำกัดก็แค่ประตูมันถูกล็อคเอาไว้เท่านั้น และหัวใจสำคัญในการต่อสู้ของเกมนี้คือการยิงกระสุนพลังงานออกไปโจมตีศัตรูนั้นนับเป็นอาวุธหลัก ส่วนอีกระบบหนึ่งคือระบบ Spellcard ระบบนี้จะเป็นการใช้ความสามารถที่หลากหลายของการ์ดในการโจมตีศัตรู (หรือป้องกันตัวเอง เช่นเปลี่ยนอาวุธหลักให้ยิงรัวเป็นปืนกลได้ หรือสร้างพลังพิเศษขึ้นมาโจมตีศัตรู และป้องกันตัวเองได้ โดยมีค่าใช้จ่ายเป็น Mana ที่เราสามารถหาดรอปได้จากการกำจัดศัตรูหรือกล่องไอเทมตามฉาก และยิ่งผู้เล่นเล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะมีโอกาสได้การ์ดใบใหม่ ๆ มากขึ้นแต่การ์ดในเกมนี้ก็ไม่ได้เยอะ ประเภทการ์ดจะถูกแบ่งออกเป็น Destroyer (สกิลโจมตี) Weapon (เปลี่ยนรูปแบบอาวุธ) Conjurer (เสกพลังงานขึ้นมาโจมตี) และ Trickster (เอาตัวรอด) การ์ดต่าง ๆ จะมีจำนวนจำกัดที่ระบุเอาไว้แล้ว หน้าที่ของผู้เล่นคือแค่ไปตามหาให้ครบ และผู้เล่นสามารถเลือกการ์ดติดตัวไปด้วยได้ 7 ใบก็จริง แต่เมื่อถึงเวลาเล่นจริง ผู้เล่นจะกดใช้งานการ์ดได้เพียง 3 ใบ เมื่อใช้งานการ์ดใบนั้นไปแล้ว ระบบจะสุ่มการ์ดใบใหม่เข้ามาแทน ซึ่งอาจจะเป็นใบซ้ำ หรือใบอื่น ๆ ที่อยู่ใน Deck 7 ใบนั้นก็ได้ ทำให้เกมการเล่นมีความระทึก พลิกแพลงไปมาได้ จากการใช้การ์ดในแต่ละสถานการณ์ที่เราสุ่มได้มาฟังดูเหมือนจะสนุกดี แต่ด้วยความที่ระบบการเล่นและการต่อสู้ของเกมนี้ อีกนิดนึงก็เข้าข่าย Bullet Hell แล้ว ทำให้ผู้เล่นแทบจะไม่มีเวลามานั่งมองการ์ดในระหว่างการต่อสู้ เอาง่าย ๆ คือถือใบไหนอยู่ก็กด ๆ ไป เพราะถ้ามัวแต่มามองการ์ด อาจจะบินไปชนกระสุนตายเอาได้ง่าย ๆ อีกหนึ่งการอัปเกรดตัวละครคือ การ Link ความสัมพันธ์ของเหล่า NPC ตัวอื่น ๆ ที่มีให้กับเธอ วิธีการเพิ่มระดับ Link คือการช่วยเหลือ ทำภารกิจ พูดคุย ซึ่งปกติแล้วเราก็จะได้จากการเอาชนะบอสในพื้นที่นั้น ๆ อยู่แล้ว ขั้นตอนนี้หากผู้เล่นเลือกถามตอบดี ๆ ก็อาจจะเพิ่มโบนัสให้ Link ได้มากกว่าปกติด้วย การเลือกโกหกในบางสถานการณ์อาจทำให้ระดับ Link เพิ่มเร็วขึ้นก็จริง แต่ก็อาจจะส่งผลกับเนื้อเรื่องในภายหลัง ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เล่นเองและเมื่อเรา Link จนเลเวลอัปแล้ว เราจะเลือกได้ว่าจะอัปเกรดทักษะของความเป็น Knight หรือความเป็น Witch หากเลือกเพิ่มความสามารถด้าน Knight จะมีพลังโจมตี การยิงต่อเนื่องที่มากขึ้น แต่หากเลือกความเป็น Witch จะเพิ่ม Mana และใช้สกิลได้แรงขึ้น ซึ่งจะเลือกแบบไหนก็ได้ ไม่มีผลกับเนื้อเรื่อง ชองยิงหรือชอบกดสกิลมากกว่าก็แล้วแต่เลยในด้านของเกมเพลย์ของเกมนี้นั้น จะเล่นด้วยจอยคอนโทรลเลอร์ หรือเมาส์ คีย์บอร์ดก็ย่อมได้ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับความถนัด การใช้จอยอาจจะช้ากว่า แต่แม่นยำกว่า ส่วนเมาส์เกมนี้อาจจะต้องพึ่งพาการ Setting ที่มีความเร็วเหมาะกับมือผู้เล่น ไม่อย่างนั้นรับรองว่ามีเล็งพลาดกันบ้างแน่ ๆ The Knight Witch เป็นเกมที่หยิบเอาแนว Metroidvania มาย่อยให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้น แต่การหยิบเล็กผสมน้อยของเกมต่าง ๆ มาดัดแปลงให้เข้ากับตัวเอง เป็นอะไรที่ทำได้ดีมาก ๆ การผจญภัยที่สนุก การดำเนินเรื่องที่ไม่ถึงกับแย่อะไร ถึงแม้ว่าจะไม่สมบูรณ์ แต่เกมนี้ถือว่าเป็นอีกเกมที่สนุกใช้ได้เลยทีเดียว
20 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม Blacktail การดัดแปลงนิทานสลาฟ ที่จะพาคุณสำรวจโลกแฟนตาซีที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
การนำเอาเทพนิยาย หรือนิทานชื่อดังมาทำเป็นเกมนั้น มีให้เห็นกันมากมาย ทั้งเทพกรีก เทพโรมัน แต่จะมีสักกี่เกมที่ใช้นิทานพื้นบ้านมาเล่าเป็นเนื้อเรื่อง และ Blacktail คือเกมอินดี้ที่หยิบเอาเรื่องราวที่หลายคนอาจจะไม่คุ้นหูนัก นั่นคือนิทานเรื่อง Baba Yaga ที่หลายคนอาจจะได้ยินชื่อเสียงผ่านสื่อบันเทิงอื่นมามากมาย มาเล่าเป็นวิดีโอเกม ส่วน Baba Yaga ในฉบับเกมนี้จะออกมาเป็นยังไง ลองมาดูในรีวิว Blacktail ของเรากันจากนิทานสลาฟ สู่เกม Indie RPG ที่เน้่นการนำเสนอเรื่องราวอย่างที่เรากล่าวไปในพาดหัว Baba Yaga อาจเป็นชื่อที่เราเคยได้ยินจากสื่อบันเทิงหลายสื่อ เอาที่โด่งดังหน่อยก็คือ John Wick แต่จริง ๆ แล้ว Baba Yaga คือชื่อของนิทานพื้นบ้านของชาวสลาฟ บ้างก็ว่าด้วยเรื่องราวของแม่มดที่อาศัยอยู่ในป่า ซึ่ง Blacktail หยิบจุดนี้มาเล่าเป็นวิดีโอเกมและนำเสนอเรื่องราวนี้ได้ค่อนข้างน่าสนใจและเข้าถึงง่ายกว่ามาก ผู้เล่นจะได้เริ่มต้นเกมด้วยการรับบทเป็นตัวละครสาวชื่อ Yaga จากนั้นก็เลือกเส้นทางของตัวเองว่าจะเลือกเดินเส้นทางสายสว่างหรือสายมืด เมื่อเลือกแล้วเกมก็จะเริ่มต้นขึ้นกับพล็อตยอดฮิต คือ Yaga จะตื่นขึ้นมาพร้อมกับความทรงจำที่หายไป เธอจำได้เพียงเพื่อนและน้องสาวของเธอเท่านั้น และเธอก็ได้รับการชักนำจากเสียงปริศนาอย่าง The Voice ให้ออกเดินทางตามหาความจริงเบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดและเหมือนว่าทีมพัฒนาเกมจะรู้ ว่าเกมของพวกเขานั้นอาจจะต้องอาศัยการเรียนรู้และการตีความที่มากเป็นพิเศษ เกมจึงมีโหมดการเล่น 2 โหมด คือโหมด Adventure และโหมด Story สำหรับโหมด Adventure นั้นจะเหมือนกับโหมดเกมความยากระดับปกติที่ผู้เล่นสามารถสนุก และท้าทายไปกับการต่อสู้ ในขณะที่โหมด Story จะเน้นให้ผู้เล่นได้ดื่มด่ำไปกับเนื้อเรื่อง และลดความยากในการต่อสู้ลง เพื่อให้ผู้เล่นได้โฟกัสไปกับการติดตามเนื้อเรื่องมากยิ่งขึ้น สิ่งที่เกมนี้ภูมิใจนำเสนอมาตั้งแต่ตอนเปิดตัวคือเรื่องของระบบศีลธรรมหรือ Morality ซึ่งจะเกิดขึ้นจากการกระทำและการเลือกดำเนินเหตุการณ์ต่าง ๆ ภายในเกม เรียกได้ว่า ดี-เลว ขึ้นอยู่กับตัวคุณกำหนด ตั้งแต่การเลือกเชื่อฟัง NPC ตัวใด หรือการกระทำเวลาเจอเหตุการณ์ต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่นเวลาคุณเจอนกโดนปีศาจจับไว้อยู่ ถ้าเราเลือกช่วย มันก็จะช่วยเพิ่มคุณธรรมฝั่งดี แต่ถ้าเลือกปล่อยผ่าน หรือช่วยซ้ำเติมมันอีก ก็จะได้เพิ่มความชั่วร้ายในตัวให้สูงขึ้น ดังนั้นจะบอกได้ว่าเนื้อเรื่องของเกมนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้เล่นเองก็ย่อมได้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการชูจุดเด่นที่เหมาะสมกับแนวเกมและพื้นหลังที่เลือกมาใช้ได้ดีโลกของนิทานสลาฟที่เต็มไปด้วยสีสันสดใส และไม่ดาร์คอย่างที่คิดแม้จะบอกว่าเป็นเรื่องราวที่อิงมาจากนิทานสลาฟอย่าง Baba Yaga แต่ในความเป็นจริงแล้วเกมการเล่นมันก็ไม่ได้ชวนดาร์คอย่างที่คิด เกมนี้มีการนำเสนอในรูปแบบแฟนตาซีที่มีสีสันสดใสมาก จนแทบจะกลายเป็นจุดเด่นของเกมไปเลยตั้งแต่ตอนที่ได้เล่นครั้งแรก ใครที่ชื่นชอบสีสันสดใส ฉูดฉาด แบบ Far Cry 4 คุณอาจจะชอบเกมนี้ เพียงแต่กราฟิกจะเน้นหนักไปที่ความเป็นการ์ตูนมากกว่า และเพื่อให้สอดคล้องกับส่วนของเนื้อเรื่องที่จะนำเสนอประเด็นความดี ความชั่ว ทำให้ตลอดระยะเวลาการเล่น ผู้เล่นจะต้องเลือกชอยส์ในการตอบคำถามเหล่า NPC บ่อยมาก และทางเลือกในการตอบก็ดูเหมือนจะไร้ความประณีประนอม ต้องตอบแบบตรงไปตรงมาเท่านั้น ว่าเราจะไปขาว หรือไปดำ เรียกได้ว่าเกมนี้เน้นไปสุดทาง ไม่มีตรงกลางให้เลือกแน่นอน และยิ่งเล่นไปเรื่อย ๆ เราก็จะยิ่งปลดล็อคความทรงจำที่ถูกนำเสนอเหมือนกับหนังสือนิทาน เพิ่มอรรถรสด้วยเสียงพากย์ระดับคุณภาพ ที่ทำให้เราอินไปกับเนื้อเรื่องได้ง่ายมากและตัวเกมเป็นเกมผจญภัยในโลก Open World ที่มีขนาดใหญ่พอสมควร และยังคงคอนเซปต์ความสดใส ย้ำกันอีกรอบว่าแม้จะเป็นเรื่องราวของ Baba Yaga แต่มันไม่ได้มีความดาร์คใด ๆ เลย แถมตัวเกมยังมีทั้งระบบกลางวัน กลางคืน นี่ไม่ใช่ป่าในเทพนิยายทั่วไป แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดและความสวยงามที่ผู้เล่นแทบจะกดหยุดถ่ายภาพเป็นสกรีนช็อตกันได้แทบจะทุกที่ และยังเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตประหลาด NPC ต่าง ๆ ที่จะมาดึงความสนใจเราจากเป้าหมายหลักได้ตลอดเวลา ในแง่ของการนำเสนอโลกในเกม ยังไงก็ต้องชื่นชมทีมพัฒนาเกมนี้จริง ๆ ที่ทำโลกนิทานสลาฟออกมาได้สวยงามขนาดนี้ด้วยความที่เป็นเกม Single Player แบบเล่นคนเดียว ทำให้ตัวเกมไม่ได้มีความยาวอะไรมากนัก หากเล่นแบบไถเอาเนื้อเรื่องไปเลยก็อาจจะจบได้ใน 5-6 ชั่วโมง แต่ถ้าจะออกสำรวจด้วย เอาทุกอย่างจนครบก็อาจจะมี 10 ชั่วโมงขึ้นไปอยู่ เทียบกับตัวเกมในราคา 552 บาท (โปรโมชั่นลดราคายาวถึงปีใหม่) ก็ถือว่าสมราคา แต่จะชอบหรือไม่ชอบเรื่องราวของเทพนิยายสลาฟหรือไม่ ก็แล้วแต่ตัวบุคคล แต่สำหรับในแง่การนำเสนอ ถือว่าทำได้ดีสำหรับ Blacktailธนูคู่ใจและพลังเหนือธรรมชาติ อาวุธที่จะอยู่คู่กับเราไปตลอดทั้งเกมแม้ว่าจะเป็นเกมแอ็คชั่น แต่ Blacktail ไม่ใช่เกมบู๊แหลกขนาดนั้น อาวุธที่เรามี จะมีเพียงธนูคู่ใจเท่านั้น และเมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะเป็นการปลดล็อคพลังพิเศษ ที่ใช้ได้ทั้งในการต่อสู้และเปิดเส้นทางลับต่าง ๆ แต่ในทุก ๆ การต่อสู้ ธนูของเรานี่ล่ะ ที่จะเป็นหัวใจสำคัญในการต่อสู้และช่วยให้เรารอดสิ่งสำคัญนอกเหนือไปจากการต่อสู้ คือการที่เกมเพลย์ของเกมนี้ถูกผูกรวมเข้ากับระบบที่เป็นจุดขายของเกมคือระบบศีลธรรม ผู้เล่นจะไม่สามารถครอบครอง หรือมีทุกอย่างได้ตามที่ต้องการ เพราะหากเราเลือกเส้นทางสายใดสายหนึ่งไปแล้ว อาจจะไม่สามารถเข้าถึงไอเทมได้ทุกชิ้น ได้อย่างก็ต้องเสียอย่างเป็นเรื่องปกติ และรวมไปถึงเรื่องของสกิลและความสามารถด้วยระบบการต่อสู้ของเกมนี้ก็ไม่ได้ยุ่งยากอะไรมาก แม้กระทั่งบอสไฟท์ ใครที่เคยเล่นเกม Action RPG มาแล้วหลาย ๆ เกมก็อาจจะไม่ได้รู้สึกว่ามันต่างกันมากจนเกินไปนัก เพราะถึงเวลาเราก็แค่ยิงให้โดน หลบให้ถูกจังหวะ เกมไม่ได้มีความยากอะไรขนาดนั้น เวลาเจอศัตรูใหม่ ของใหม่ เราอาจจะตายอยู่กับมันบ้างครั้งสองครั้ง แต่ถ้าจับจุดได้ทุกอย่างก็เรียบร้อยอยู่ดีการอัปเกรดตัวละครของเกมนี้จะมีเพียงสกิลเท่านั้น แต่ตรงนี้ตัวเกมแอบน่ารำคาญเล็กน้อย กรณีที่เราจะอัปเกรดสกิลได้นั้น เราจะต้องกลับไปที่กระท่อมที่เป็นเหมือนกับ HUB ของเรา และ Skill Tree ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนัก การจะอัปเกรดสกิลได้นั้นจะต้องตามหา Lost Page ที่ได้จากการเล่นตามเนื้อเรื่องและการออกสำรวจ รวมไปถึงสกิลระดับ HEX Type จะเป็นสกิลที่เราเปิดใช้งานได้เพียงครั้งเดียวระหว่างการเล่น ที่จะทำให้เรามีความสามารถของสัตว์ต่าง ๆ ในขณะที่ไอเทมจำพวกยาฟื้นพลังก็ถือว่าสร้างสรรค์ แต่ในบางช่วงก็น่ารำคาญเช่นกัน คือเราจะต้องไปล่าสัตว์เพื่อนำเนื้อของมันกลับไปยังแคมป์ไฟ จากนั้นเราจะต้องปรุงให้สุกโดยการเล่นมินิเกมเท่านั้น การออกแบบเกมเพลย์ของเกมนี้จึงมีความกลาง ๆ ผสมอยู่ คือมันทั้งน่ารำคาญและน่าสนุกในเวลาเดียวกัน แต่เชื่อเถอะว่ายิ่งเล่นนาน ยิ่งน่ารำคาญในด้านของระบบศีลธรรมหรือ Morality เอง ก็ถือว่ามอบผลประโยชน์ที่สำคัญให้กับผู้เล่นที่เลือกสายดี สายชั่ว ยกตัวอย่างเช่นหากเราเล่นสายชั่ว การกำจัดศัตรูจะมีโอกาสดรอปไอเทมพิเศษที่ทำให้ฟื้นฟูพลังชีวิตได้ ซึ่งจำเป็นอย่างมากในการต่อสู้ เพราะเกมนี้วิธีการฟื้นฟูพลังชีวิตค่อนข้างจำกัด แต่ถ้าเราเล่นสายดี เราจะเก็บทรัพยากรและวัตถุดิบได้มากยิ่งขึ้น คือไม่ว่าคุณจะเลือกสายไหน มันก็จะมีประโยชน์ในตัวมันเองด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้นเกมนี้ไม่มีผิดมีถูกใด ๆ เว้นเสียแต่ว่ามันเป็นความรู้สึกภายในจิตใจของคุณเองระหว่างเล่นเกมเพลย์ของ Blacktail นั้น ไร้ซึ่งความซับซ้อน จุดเด่นของมันคือการเลือกทำดี ทำชั่ว ซึ่งสุดแล้วแต่ผู้เล่น แม้มันจะมอบประสบการณ์ในการเล่นคนละแบบ แต่ก็ถือว่าไม่ได้ห่างกันมากจนเรารู้สึกว่ามันคือคนละเกม ถ้ามองในแง่ความจำกัดจำเขี่ยของงบที่ใช้พัฒนา ก็ถือว่าทีมงานเกมนี้ได้พยายามสร้างสรรค์อย่างถึงที่สุดแล้วPerformance ของเกม ที่แกว่งแบบขึ้นลงอย่างเห็นได้ชัดเกมอินดี้ที่ถือว่าทำมาดีทุกอย่าง แต่เสียอยู่อย่างเดียวคือในเรื่องของ Performance ทั้งที่เกมนี้ไม่ได้กินสเปคมากมายอะไร แต่ปัญหาที่เจอบ่อยมากคือ ทุกครั้งเวลาที่เราข้ามเขตแดนไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ จะเกิดอาการเฟรมเรทดรอป และแลคมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัดดูเหมือนว่าสิ่งที่เกมนี้ต้องการมากกว่าการ์ดจอคือเรื่องของแรมที่ใช้มากถึง 16GB ใครที่ใช้แรมน้อยกว่านี้ จริงอยู่ว่ายังไงก็เล่นได้ แต่อาจจะเจอปัญหาเฟรมเรทดรอป และกระตุกบ้างเป็นบางครั้ง แต่ในขณะที่เครื่องผู้เขียนเอง มีสเปคเกินกว่าที่เกมต้องการไปพอสมควร แต่กลับมีปัญหา ซึ่งคาดว่าจะเป็นปัญหามาจากการพอร์ทเกมหรือ Performance ของตัวเกมเอง ซึ่งคงจะมีแพทช์มาแก้ในภายหลังBlacktail เป็นอีกเกมอินดี้ที่เรียกได้ว่า ม้ามืดส่งท้ายปีนี้อย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดีถึงขั้นไม่ควรพลาด แต่ก็อยู่ในเกณฑ์ดี และถ้ามีโอกาสก็ควรลองเล่นดูสักครั้ง
19 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม Chained Echoes หวนคืนสู่ยุคทองของ JRPG เกมอินดี้คุณภาพคับแก้วที่คุณไม่ควรพลาด
แม้ว่าปัจจุบันเกมแนว JRPG จะค่อนข้างตกยุค หรือไม่ก็ถูกนำเสนอให้มาในรูปแบบของกราฟิกยุคปัจจุบัน จะมีสักกี่เกมที่ยังกล้าทำในรูปแบบ Old School ไว้จนถึงขีดสุด แต่ Chained Echoes เป็นเกมที่กล้าทำเช่นนั้น และมันทำออกมาได้ดีมากซะด้วย ดีขนาดไหน หาคำตอบได้ในรีวิวเกมนี้ของเรากันหลากหลายตัวละคร หลากหลายเรื่องราว บรรจบเป็นหนึ่งเดียวกันผู้เล่นรับบทเป็น Glenn เมื่อเริ่มต้นมาเราจะพบว่าเรากำลังอยู่บนเรือเหาะที่กำลังมุ่งหน้าไปทำภารกิจที่ใคร ๆ ก็คิดว่า มันคือภารกิจแบบทิ้งชีวิต ทุกคนต่างบอกว่าเราคือยอดฝีมือในด้านการใช้ Sky Armor หรือเกราะแห่งเวหา เป้าหมายภารกิจคือการทำลาย Opus Stone และเราจะได้ออกปฏิบัติการร่วมกันกับ Kylian ระหว่างการใช้ Sky Armor ทั้งคู่ถูกยิงร่วงลงมาบนชายหาด แต่ดูเหมือนว่าแผนการทำลาย Opus Stone จะเป็นกับดักของศัตรูแต่แรก การทำลาย Opus Stone กลับเป็นการปลดปล่อยพลังงานบางอย่างระเบิดทำลายพื้นที่โดยรอบ ภาพตัดมาที่เหตุการณ์ใหม่ที่เล่าเกี่ยวกับ อาณาจักร Valandis ที่เคยอุดมสมบูรณ์และยั่งยืน ตกอยู่ภายใต้ไฟสงคราม สามอาณาจักรต่างแย่งชิงความเป็นใหญ่มากว่าหกชั่วอายุคน โดยแบ่งเป็นอาณาจักรพิรุณนิรันดร์ Taryn, อาณาจักรที่มีท่าเรือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทางใต้ Escanya, และอาณาจักรทางตะวันออกที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน Gravos ต่อมา Taryn เปิดสงครามกับ Gravos แต่ก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ที่ฆ่าชีวิตผู้คนไปจำนวนมาก ทั้งสามอาณาจักรไม่มีใครยอมรับว่าครอบครองอาวุธอันตรายเอาไว้ สงครามที่ยืดเยื้อไปมีแต่จะสูญเสีย ทั้งสามอาณาจักรตัดสินใจลงนามสนธิสัญญาสงบศึก เป็นอันสิ้นสุดสงครามกว่า 156 ปีเกมจะนำเสนอตัวละครกลุ่มใหม่ ชุดใหม่ขึ้นมาให้เราได้รู้จักอยู่เรื่อย ๆ และความยิ่งใหญ่ของเกมนี้ ก็ทำให้เราเชือได้ว่า มันคือ Story Driven JRPG ของจริง ใครที่ชอบเสพเนื้อเรื่อง ชอบอ่านประวัติ ตำนาน บทสนทนาตัวละคร เกมนี้จะมอบให้คุณอย่างเต็มอิ่ม มีทั้งการสมคบคิด การวางแผนการต่าง ๆ และตัวละครแต่ละตัวก็จะมีความคิด มีบุคลิกและลักษณะนิสัยที่ต่างกันออกไป เรียกได้ว่าในด้านของเนื้อเรื่อง เกมนี้จัดเต็มมากซะยิ่งกว่าเกมระดับ AAA บางเกมด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะการเปิดตัวตัวละครใหม่ ๆ ก็จะมีการเล่าปูมหลัง ประวัติความเป็นมาให้เราได้ติดตามและรู้จักกันเพิ่มด้วย เพิ่มความอินและความผูกพันกับตัวละครตั้งแต่แรกและถึงแม้ว่าการเล่าเรื่องของเกมนี้จะเป็นแบบอ่านซะเป็นส่วนมาก ตามสไตล์เกม 16-Bit ยุคก่อน แต่เกมก็ยังใส่อากัปกิริยาต่าง ๆ มาให้เราได้เห็นแบบมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ฉษกคัทซีนแบบอลังการงานสร้างที่เราไม่คิดว่าจะได้เห็นจากเกมนี้ เราก็ได้เห็นกัน Chained Echoes จึงเป็นอีกเกมอินดี้ระดับคุณภาพในแง่ของเนื้อเรื่อง แต่คุณต้องชื่นชอบในการอ่านด้วย เพราะรายละเอียดเล็กน้อยทั้งหลายที่สำคัญ และเป็นจุดเชื่อมโยงและคาดเดาเนื้อเรื่องนั้น ส่วนมากจะอยู่ในบทพูดอันยืดยาวเหล่านั้น รวมไปถึงไกด์เกมสอนการเล่นเอง ก็จำเป็นจะต้องศึกษาและอ่านให้เข้าใจ ไม่เช่นนั้น คุณอาจจะเล่นแบบผิด ๆ ถูก ๆ และทำให้เกมยากขึ้นโดยไม่จำเป็น ดังนั้น เพื่อที่จะเสพเกมนี้ให้คุ้มที่สุดเท่าที่จะทำได้ การอ่าน และเสพเนื้อเรื่องเป็นอะไรที่จำเป็นและสำคัญกับเกมนี้มาก ๆ และนี่เป็นอีกเกมที่มีจุดแข็งเป็นเนื้อเรื่องที่เราไม่อยากให้พลาดกันเลยทีเดียว การผจญภัยในอาณาจักรและดินแดนขนาดใหญ่มากมายหลากหลายสถานที่เกมนี้เราจะไม่ได้เล่นเป็นตัวละครตัวใดตัวหนึ่งตลอด แต่จะมีการสลับสับเปลี่ยนตัวละครให้ได้เล่นกันไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น Glenn ในช่วงเริ่มต้นเกม เจ้าหญิง Lenne และ Robb หรือ Victor ประชาชนที่เติบใหญ่ และกลายเป็นคนโด่งดังโดยไม่ใช่คนในราชวงศ์ ทุกครั้งที่มีการสลับสับเปลี่ยนตัวละครเล่น เราจะได้พบกับเกมเพลย์ที่หลากหลาย บางตัวละครจะพาเราไปผจญภัย บางตัวละครก็ให้เดินเล่นกินลมชมวิวในเมือง หรือบางตัวละครเราจะได้เห็นแง่มุมของโลกในเกมและตัวละครอื่น ๆ เพิ่มมากขึ้น เพียงแต่การโยกย้ายตัวละครไปมานั้น ออกจะเกิดขึ้นบ่อย ทำให้ผู้เล่นต้องพยายามปะติดปะต่อเรื่องราวของเกมให้ดี แต่สุดท้ายแล้วเกมจะมีจุดที่ตัวละครแต่ละตัวได้วนมาเจอกันอยู่ดี เรียกได้ว่าเป็นการนำเสนอที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้เกมใด ๆ และทำให้เรารู้สึกเป็นอิสระกับการที่ไม่มีตัวละครหลักนำเรื่องราว แต่บางคนก็อาจจะไม่ชอบแบบนี้สำหรับกราฟิกภายในเกมนี้ก็เป็นแบบ 16-Bit ที่ให้อารมณ์วิดีโอเกมยุคเก่า โดยเฉพาะยุคของเครื่อง Gameboy Color หรือ Gameboy Advanced และตัวละครในรูปแบบ Pixel Shade หากมองเผิน ๆ ตัวละครแต่ละตัวอาจจะไม่ค่อยน่าจดจำนัก แต่เวลามีบทสนทนา เกมจะมีหน้าตัวละครขนาดใหญ่ ทำให้เราจดจำตัวละครได้ดีขึ้น ฉากต่าง ๆ นั้นมีความหลากหลาย ทั้งเมืองหลวง ชนบท หมู่บ้าน ท่อระบายน้ำใต้ดิน เมื่อทั้งหมดถูกผสมผสานเข้ากับเนื้อเรื่องจากหลากหลายตัวละครที่น่าติดตาม บอกได้เลยว่า Chained Echoes กลายเป็นอีกเกม JRPG แบบ Old School ที่คนชอบเกม RPG ยุคเก่าอย่าง Final Fantasy / Dragon Quest จะต้องหลงรักในบางฉาก จะไม่ใช่แค่การหาเส้นทางเพื่อไปต่อเฉย ๆ แต่จะมีองค์ประกอบของแพลตฟอร์มเข้ามาเกี่ยวข้อง ยกตัวอย่างเช่น ช่วงที่เราได้เล่นเป็น Sienna โจรสาวผมแดง ที่เราจะต้องลงไปทำภารกิจในท่อระบายน้ำ เกมจะมีองค์ประกอบความเป็นเกมแพลตฟอร์มเข้ามาด้วย แต่มันก็ไม่ได้ถึงกับเปลี่ยนแนวเกมหรือการนำเสนอไปเลย เพราะหลัก ๆ แล้วหัวใจหลักของเกมนี้คือเกมแนว RPG Turn Based อยู่ดี เพียงแต่เกมนี้โดดเด่นในด้านการนำเสนอตัวละครและโลกภายในเกมที่เป็นการผสมผสานสองแนวทางอย่างไซไฟและเวทมนตร์แฟนตาซีเข้าไว้ด้วยกัน ขนาดแผนที่ภายในเกมก็ถือว่าออกแบบมาได้ดี ไม่ได้กว้างจนเกินไปจนทำให้เราหลงทาง แถมยังสร้างซอกเล็กซอกน้อยมาไว้ให้เราสำรวจ เพื่อเปิดกล่องสมบัติ ไอเทมลับ และเส้นทางลับมากมาย และบางเส้นทางก็จะไปบรรจบเข้ากับจุดหมายปลายทางของภารกิจคุณพอดีและเพราะมันเป็นเกมที่เน้นเนื้อเรื่อง งานนี้อย่างที่บอกไปในส่วนของพล็อตด้านบน คือถ้าเรากดข้าม ไม่อ่านเลย รับรองว่าความอิน กับความสนุกจะหายไปจากเกมนี้พอสมควร บางช่วงบทสนทนาก็ยืดยาวซะเหลือเกิน ย้ำกันอีกรอบ หากคิดจะเล่นเกมนี้ เราแนะนำว่า ต้องคล่องภาษาในระดับหนึ่งเลยเกมเพลย์แบบ RPG Turn Based สุดคลาสสิค แต่ใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปในด้านเกมเพลย์การเล่น ก็อย่างที่บอกว่ามันคือแรงบันดาลใจของเกม JRPG จากหลาย ๆ อย่าง ผู้เล่นจะได้ออกสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภายในตัวเมือง พื้นที่เปิดกว้าง ดันเจี้ยนขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของ JRPG ที่แฟน ๆ ทุกคนต้องเคยเล่น เกมเพลย์บางช่วงก็จะเป็นแบบโลกเปิด แต่ก็ต้องตัดสลับไปกับการเล่าเรื่องและการเดินหน้าแบบเส้นตรง เพื่อไม่ให้การเล่าเรื่องมันยากจนเกินไป ระบบ Overdrive คือหัวใจสำคัญที่ทำให้ Chained Echoes มีความแตกต่างไปจากเกมอื่น สำหรับระบบ Overdrive จะเป็นเหมือนกับความลงตัวของตัวละครและสมาชิกในทีม หลอด Overdrive จะแสดงอยู่บนการต่อสู้ และมีทั้งสามสี คือเหลือง เขียว และแดง หากเราเลี้ยงเกจ Overdrive ให้เป็นสีเขียวได้ จะได้รับโบนัส ทั้งได้รับดาเมจน้อยลง ทำดาเมจได้มากขึ้น และใช้ TP ในการร่ายสกิลน้อยลงครึ่งหนึ่ง หน้าที่ของผู้เล่นคือเลี้ยงเกจนี้ไว้ให้อยู่สีเขียวได้ได้ตลอด เพื่อความได้เปรียบในการต่อสู้ การเลี้ยงเกจนี้เอาไว้มีหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้สกิลที่เกี่ยวข้อง การสลับตัวละคร เพราะถ้าหากเราปล่อยเกจ Overdrive เลยไปถึงขั้น Overheated จะทำให้เราโดนโจมตีแรงขึ้นซะเองแต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นก็คือระบบ Overdrive นี้ เพราะอย่างอื่นก็จะเหมือนกันกับเกม JRPG ทั่วไป ศัตรูแต่ละตัวจะมาพร้อมจุดอ่อน จุดแข็งในการโจมตีรูปแบบต่าง ๆ เช่นถ้าเราใช้ธาตุโจมตีก็อาจจะโจมตีได้แรงขึ้น หรือบางตัวเราสามารถขโมยไอเทมมันได้อีกต่างหาก แต่หัวใจสำคัญคือทำยังไงก็ได้เพื่อบริหารจัดการหลอด Overdrive ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และการใช้สกิลก็จะเป็นการใช้ค่า TP และมีท่า Ultimate Move ที่จะได้มาก็ต่อเมื่อเก็บสะสมหลอดไม้ตายจนเต็ม ระบบการต่อสู้ของเกมนี้จึงค่อนข้างสนุก เราต้องยืดหยุ่น ไม่บวกจนสุด มีจังหวะถอยได้ก็ถอย ในขณะที่การถอยเราอาจจะเป็นการตั้งรับ เช่น Defense การโจมตี หรือให้ตัวละครอยู่เฉย ๆ เกมเพลย์การเล่นจึงทำให้เราสนุกกับมันได้มากพอ ๆ กับการนำเสนอและนเื้อเรื่องของตัวเกมในขณะที่ตัวละครแต่ละตัวนั้น ไม่ได้มีเลเวลกำหนดไว้ แต่เราจะได้รับไอเทม Grimoire Stone หลังจากเอาชนะศัตรูระดับบอสได้ เมื่อใช้ไอเทมนี้กับตัวละครใดก็ตาม ตัวละครนั้น ๆ จะได้สกิลใหม่ และเลือกรูปแบบการเล่นได้ แต่ด้วยความที่กว่าเราจะได้ Grimoire Stone แต่ละก้อนมา อาจจะใช้เวลาค่อนข้างนาน งานนี้ก็ต้องเลือกและพิจารณากันให้ดี ว่าจะให้ตัวละครนั้นเล่นเป็นตัวละครสายอะไร และมีรูปแบบการเล่นแนวไหน ส่วนการเอาชนะในแต่ละไฟท์ได้ จะได้ค่า SP ที่สามารถนำไปอัปเกรดสกิลนั้น ๆ ได้ ตัวละครทุกตัวที่ถูกหยิบมาลงสนามจะได้รับเหมือนกันหมด การอัปเกรดบางอย่างอาจจะทำให้ตัวละครบางตัวมีสายการเล่นแยกย่อยมากขึ้นเข้าไปอีกถือเป็นอีกหนึ่งเกมเพลย์ที่รักษาความเป็น Old School JRPG เอาไว้ แต่ก็พยายามใส่สิ่งใหม่ ๆ เข้ามา และทำให้มันลงตัวและเข้ากับระบบยุคเก่าได้เป็นอย่างดี และในเรื่องของสเปคที่ใช้ในการเล่น ด้วยความที่ภาพเป็น 16-Bit อยู่แล้วก็หายห่วงได้ การ์ดจอรุ่นเก่าอย่าง GTX 780 ก็เอาอยู่ แถมยังใช้ CPU เพียงระดับ i5 งานนี้ใครกำลังมองหาเกมเล่นยาว ๆ เอาไว้สนุกข้ามปี และเต็มอิ่มไปกับเนื้อเรื่อง บอกเลยว่าเกมนี้คืออีกหนึ่งความสนุกส่งท้ายปีเช่นกันและข่าวดีคือใครที่เป็นสมาชิกของ Xbox Game Pass / PC Game Pass สามารถดาวน์โหลดเกมนี้มาเล่นกันได้แบบฟรี ๆ ได้ด้วยเช่นกัน
18 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม Choo-Choo Charles จากมีมยอดฮิต สู่เกมสยองขวัญจากมันสมองนักพัฒนาเกมเพียงคนเดียว
เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่สมัยนี้เรามักจะเห็น Solo Developer หรือนักพัฒนาเกมเพียงคนเดียว ออกมาโชว์ฝีไม้ลายมือในการทำเกมคอนเซปต์เจ๋ง ๆ หรือบางทีก็เจ๋งไปยันเกมเพลย์ และในปีนี้เองก็มีอยู่หลายเกม แต่มีอยู่เกมหนึ่งที่นักพัฒนามีอายุเพียง 20 กว่าปี และได้ไอเดียจากการนำเอามีมดังของโลกวิดีโอเกมอย่าง Thomas Tank Engine มาพัฒนาให้กลายเป็นเกมแอ็คชั่นสยองขวัญอย่าง Choo-Choo Charles ซึ่งเกมนี้นี่แหละจะเป็นเกมที่เราจะนำมารีวิวกันในวันนี้รถไฟผีแห่งเกาะปริศนาผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนักล่าปีศาจไร้ชื่อ เราเดินทางมายังเกาะปริศนาแห่งหนึ่งที่ชื่อ Aranearum โดยคำเชิญจาก Eugene เป้าหมายคือการกำจัดรถไฟที่มีขาเป็นแมงมุมและใบหน้าอันน่ากลัวอย่าง Charles ที่ทำให้ชาวบ้านอกสั่นขวัญผวากันไปหมด แทนที่จะหาทางกำจัดมัน แต่กลับกลายเป็นว่าเศรษฐีใหญ่ประจำเกาะกลับต้องการเก็บ Charles เอาไว้ โดยไม่สนใจความเดือดร้อนของชาวบ้าน แถมยังมีการเกณฑ์คนงานไปขุดเหมืองและป้องกันไข่ปริศนาที่อาจจะเป็นกุญแจไปสู่การกำจัด Charles ได้ งานนี้ความหวังในการกอบกู้หมู่บ้านจากรถไฟแมงมุมมรณะจึงได้เริ่มต้นขึ้นหากว่ากันตามตรงแล้ว เนื้อเรื่องมันแทบจะไม่มีอะไรเลยด้วยซ้ำ เป็นแค่การมาปราบรถไฟผีขาแมงมุมเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่ามันเกิดมาจากไหน หรือเป็นตัวอะไรกันแน่ เนื้อเรื่องของเกมนี้ เห็นได้ชัดว่าผู้พัฒนาได้พยายามจะสร้างความลึกให้กับมันแล้ว แต่ตัวคนเดียวย่อมมีขีดจำกัดในการสร้างสรรค์โลกในเกม เนื้อเรื่องภายในเกมนี้จะถูกเล่าผ่านเอกสารซะเป็นส่วนมาก เพราะภารกิจหลัก และภารกิจรองแทบจะไม่ได้พูดถึงเนื้อเรื่องเลย มีพูดถึงบ้างแบบเบาบางเท่านั้น แต่ข้อดีคือ แม้มันจะเล่าในเอกสาร แต่ในทุก ๆ ที่ที่มี NPC รอเราอยู่นั้น หรือจุดที่เราจำเป็นจะต้องไปทำภารกิจหลัก หรือภารกิจรอง ส่วนมากจะมีกระดาษโน้ต วางรอให้เราเข้าไปกดอ่านอยู่แล้ว ต่อให้มันคือเกมโลกเปิดบนเกาะขนาดใหญ่ แต่เนื้อเรื่องก็แทบจะเป็นเส้นตรงทั้งหมด เมื่อเล่นจนจบเกม ผู้เล่นจะเข้าใจได้ด้วยตัวเองว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง จะมีก็เพียงบางอย่างเท่านั้นที่ไม่เคลียร์ แถมฉากจบสุดพีคที่เหมือนจะปูทางไปทำภาคต่อ ซึ่งก็ต้องรอดูกันว่าอนาคตจะได้ทำหรือไม่แม้จะเป็นผลงานของ Solo Developer และเห็นได้ชัดว่าเนื้อเรื่องมันไม่ได้มีอะไรมาก แต่ถือว่าเป็นความพยายามจะจัดการในส่วนของเนื้อเรื่องตัวเกมได้ดีเท่าที่คนคนเดียวจะทำได้แล้ว น่าเสียดายที่ตัวละครอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เนื้อเรื่อง มันแทบจะไม่ทำให้เรารู้สึกอยากติดตามเนื้อเรื่องเลย มีเพียง NPC ตัวละครหลักเท่านั้น ที่มีอารมณ์ร่วมกับตัวเนื้อเรื่องโดยตรง หากเราไปทำภารกิจย่อยของ NPC ที่ไม่เกี่ยวกับภารกิจหลัก มันก็อาจจะทำให้เราเอียงคอ เกาหัวด้วยความงง ว่าชีวิตบนเกาะสุดอันตรายแห่งนี้ เขาหรือเธอยังจะต้องการอะไรแบบนี้อีกหรือ ? แต่ก็นั่นแหละ หากหลับตาข้างหนึ่งแล้วมองว่ามันคือผลงานของคนเพียงคนเดียว มันก็ยังถือว่าน่าประทับใจในระดับกลาง ๆ ได้เช่นกันโลกของเกมที่กว้างใหญ่แต่ไร้ชีวิตชีวา และการดีไซน์ภารกิจที่ซ้ำซากเพื่อไม่ให้มองว่าเราอวยเกม และใช้คำว่า Solo Developer มาเป็นข้ออ้าง ในส่วนนี้เราจำเป็นจะต้องวิจารณ์กันอย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าหลาย ๆ อย่างในเกมนี้จะน่าประทับใจจริง ๆ แต่มันก็ไม่อาจทำให้เรารู้สึกว่าบางอย่างมันแปลกจนเกินไป จริงอยู่ว่าตัวเกมเป็นเกม Open World มีพื้นที่เปิดกว้างบนเกาะ แต่ตลอดเกมการเล่นส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเกมเส้นตรงซะมากกว่า แต่การออกสำรวจผู้เล่นจะได้รับรางวัลเป็นเศษเหล็กที่ใช้ในการอัปเกรดรถไฟที่เป็นไฮไลท์ของเกมนี้ ซึ่งเสษเหล็กของเกมนี้ทั้งเกมนั้นมันมีเยอะมาก ๆ และส่วนมากจะอยู่ตามพื้น ตามซอกหลืบ หรือตามสถานที่สำคัญที่ถ้าหากว่ายิ่งออกสำรวจก็จะยิ่งได้เยอะ แต่ตัวเกมนั้นค่อนข้างเงียบเหงามาก หากผู้เล่นไม่ได้แล่นไปตามรางรถไฟ ลงมาวิ่งเล่นบนทุ่งหรือเนินกว้าง มันก็แทบจะไม่มีอะไรให้ทำ หรือถึงขั้นไม่มีชีวิตชีวาอะไรเลย เพราะเราไม่สามารถทำอะไรได้ เมื่ออยู่นอกรถไฟ และการจะวิ่งไปสำรวจอะไรสักอย่างในเกมนี้ก็กินเวลาเอาซะมาก ๆ แถมไม่คุ้มค่าอีกต่างหากรวมไปถึงการออกแบบหน้าตาของ NPC ตัวก็ต้องบอกเลยว่าไม่ได้ดีสักเท่าไร ใครที่ขัดใจกับรูปลักษณ์หน้าตาตัวละคร รับรองว่าจะไม่โอเคกับส่วนนี้แน่ ๆ เพราะแม้ว่าสภาพแวดล้อมภายในฉากต่าง ๆ ของเกมจะทำออกมาได้ดี แต่พอถึงจุดที่ต้องคุยกับ NPC นั้น เรียกได้ว่าช็อตฟีลกันเลยก็ได้ ซึ่งก็น่าจะเป็นข้อจำกัดของการออกแบบและพัฒนาเกมด้วยตัวคนเดียวเช่นกันนอกจากนั้นดีไซน์ภารกิจต่าง ๆ ยังไม่ค่อยจะเวิร์ค เพราะเกือบทั้งเกมนั้นผู้เล่นจะได้เจอภารกิจที่มีอยู่แค่ไม่กี่แบบ เช่นการวิ่งไปหาของ การลักลอบเข้าไปในสถานที่แล้วขโมยของออกมา หรือเอาไอเทมไปส่งตามจุดต่าง ๆ และตลอดทั้งเกมก็มีอยู่เท่านี้ แม้กระทั่งภารกิจหลักอย่างการขโมยไข่ เพื่อไปอัญเชิญบอส ก็ยังเป็นแบบเดียวกันทุกจุด ต่างกันก็แค่สถานที่ คือเรียกได้ว่าดีไซน์เกมเพลย์ถือเป็นจุดอ่อนอย่างหนักของเกมนี้เลยก็ว่าได้ ใครเล่นแล้วอาจจะขัดใจหลาย ๆ อย่างและด้วยความที่เกมมันสั้นมา หากผู้เล่นต้องการอัปเกรดรถไฟให้เต็มทุกอย่าง จำเป็นจะต้องไล่ทำภารกิจเสริมทุกภารกิจให้ครบ เพื่อให้ได้เศษเหล็กที่เพียงพอในการอัปเกรดทุกอย่างจนตัน แต่ถึงอย่างนั้น ตัวเกมใช้เวลาในการเล่น + เก็บทุกสิ่งอย่างภายในเกมในเวลาเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น สั้นมาก ๆ ในเรื่องของดีไซน์ภารกิจ ความยาวในการเล่น จริงอยู่ว่า มันคือข้อจำกัดของการทำเกมเพียงคนเดียว แต่หากใครคิดว่า 400 นั้นคุ้มค่า ก็จัดไป และที่ต้องชมอีกอย่างคือการแปลภาษาไทยของเกมนี้ แม้ว่าจะแปลได้ไม่สมบูรณ์นัก แต่ก็ถือว่าแปลได้ดีเลยทีเดียว คำผิดอาจจะมีอยู่บาง แต่การเรียบเรียงคำให้สละสลวย อ่านง่าย เข้าใจได้ทันทีนั้น อยู่ในเกณฑ์ที่ดี เป็นอีกข้อที่ต้องชื่นชมในส่วนนี้แต่ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับผู้เล่นว่า จะคิดว่ามันคุ้มและลองซื้อมาเล่นดูดีหรือไม่ แต่สำหรับส่วนตัวของผู้เขียนนั้น เป็นการหลับตาข้างหนึ่ง มองว่าตัวคนเดียว ทำได้ขนาดนี้ ก็เก่งมากแล้ว แต่ก็ตะชิมกันอย่างตรงไปตรงมาในแง่ของจุดอ่อนทั้งหลายเพียงเท่านั้นเกมเพลย์แบบเส้นตรง และน่าหงุดหงิดในบางจุดสำคัญและเอาจริง ๆ แล้วแม้กระทั่งในส่วนของเกมเพลย์มันก็ไม่ได้มีอะไรมากขนาดนั้น อย่างที่เราได้เห็นกันไปในตัวอย่าง ในเกมนี้ผู้เล่นจะได้รับยานพาหนะเป็นรถไฟจิ๋วสุดน่ารัก 1 ขบวน และบนรถไฟนั้นจะมีคอนโซลควบคุม 3 คันโยก คือการเดินหน้า ถอยหลัง และหยุดรถ ผู้เล่นสามารถควบคุมได้ด้วยตัวเอง ส่วนท้ายรถจะเป็นอาวุธปืนที่เอาไว้ยิงต่อสู้ และมีหวูดรถไฟที่เอาไว้เรียงเจ้า Charles ออกมาปะทะกันได้ และในระหว่างการเดินรถไฟ เมื่อถึงจุดที่เป็นทางแยกผู้เล่นจะต้องลงจากรถไปสับรางด้วยตัวเองเกมเพลย์ของเกมนี้มันไม่มีอะไรมากเลย เพียงแค่ต้องเอาตัวรอดจากเจ้า Charles ให้ได้ และวิธีการจะจัดการมันขั้นเด็ดขาดก็คือการทำภารกิจเนื้อเรื่องเพื่ออัญเชิญมันออกมาต่อสู้ จะบอกว่าเกมเพลย์มันแทบไม่มีอะไรเลยก็ว่าได้ เพียงแต่ช่วงการต่อสู้นั้น ก็ถือว่าลุ้นระทึกดี กับการมีรถไฟหน้าผี ขาแมงมุมมาไล่ล่าเรา แต่เมื่อยิงทำดาเมจกับมันไปจนถึงจุดหนึ่ง มันก็จะหนีไปเองวิธีการได้อาวุธใหม่ ๆ นั้นทำได้จากการไปทำภารกิจสีแดง ที่เป็นภารกิจรับอาวุธใหม่ โดยอาวุธทั้งหมดภายในเกมนั้น จะมีทั้งหมด 4 แบบ คือปืนกลเริ่มต้น ปืนไฟ ปืนยาว และปืนยิงระเบิด ซึ่งทำดาเมจสูงที่สุดในเกม ซึ่งวิธีการจะได้มานั้นมันก็ไม่ยากอะไร แต่แม้ว่าเกมเพลย์ของมันจะเรียบง่ายเป็นเส้นตรงขนาดนั้น หลายส่วนของมันก็ค่อนข้างน่าหงุดหงิดใจอยู๋ไม่น้อยยกตัวอย่างเช่น ในภารกิจหลักที่เราต้องลักลอบไปเอาไข่นั้น เกมเพลย์การเล่นจะเปลี่ยนไปเป็นแบบลอบเร้นทันที เพราะเมื่อเราลงจากรถไฟนั้น เราจะไม่มีอาวุธใด ๆ ติดตัวเลย มีแต่มือเปล่า ๆ ในขณะที่ศัตรูมีอาวุธพร้อมจะยิงเราได้ทุกเมื่อ แต่แทนที่เกมจะทำให้ตรงส่วนนี้ตื่นเต้นจากการเล่นแบบลอบเร้น กลับกลายเป็นว่า A.I. ของมันก็ไม่ฉลาดพอจะฆ่าเราได้ มันเหมือนกับการเขียนโปรแกรม A.I. เกมนี้ คือเราไม่อยู่ในระยะยิง แต่เห็นเราเฉย ๆ มันจะวิ่งไล่ตามเรา ซึ่งทำให้เราสามารถวิ่งหนีได้ และในเมื่อมันทำแบบนี้ได้ การลอบเร้นก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป จะมีตลกบ้างก็ตอนที่ A.I. มันวิ่งไล่เราได้ไกลมาก ๆ ชนิดที่ว่าในช่วงแรก ถ้ารถไฟเรายังไม่ได้อัปเกรดความเร็ว มันก็วิ่งตามเราได้แบบหนังอินเดียกันเลยทีเดียวรถไฟที่เป็นยานพาหนะหลักของเรานั้น จะมีค่าสถานะให้อัปเกรดทั้งหมด 3 ค่า คือค่าดาเมจที่เพิ่มพลังโจมตี ค่าเกราะที่เพิ่มพลังป้องกัน และค่าความเร็วเคลื่อนที่ ที่จะทำให้รถไฟวิ่งเร็วขึ้น การอัปเกรดต่าง ๆ จะอัปเกรดได้สูงสุดที่เลเวล 10 ทั้งหมด แต่การอัปเกรดเหล่านี้กลับมีความขัดแย้งในตัวมันเองคือเรื่องของการโจมตี เพราะท้ายที่สุดแล้วพลังโจมตีที่มากขึ้น ไม่ได้ทำให้เราฆ่า Charles ได้ เพราะเมื่อยิงจนพลังมันลดไปแล้วมันก็จะหนีไปอยู่ดี และจะสู้กับมันได้ก็ต่อเมื่อเข้าสู่ช่วงศึกตัดสินที่ต้องเล่นไปตามเนื้อเรื่องของเกมเท่านั้น ส่วนความเร็วกับเกราะป้องกันนั้น ถือว่ามีความสำคัญกว่ามากวิธีการได้มาซึ่งเศษเหล็กที่ใช้ในการอัปเกรด ก็คือการทำภารกิจรองต่าง ๆ ที่อยู่ในแผนที่ ซึ่งมันให้เศษเหล็กเยอะมาก หากทำจนครบทุกอย่าง ก็อัปเกรดรถไฟจนเต็มได้แน่นอน ส่วนภารกิจสีแดงจะเป็นภารกิจอาวธใหม่ และภารกิจสีฟ้าคือภารกิจเนื้อเรื่องและทั้งหมดนี้ผู้เล่นสามารถเก็บจนครบได้ในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง อย่างที่บอกว่า ส่วนอื่น ๆ ของเกมเพลย์นั้นมันแทบไม่มีอะไรให้เราทำเลย แถมตัวเกมยังดูแปลก ๆ ในช่วงที่เราต้องลงจากรถไฟนั้น เราจะไม่มีอาวุธให้ใช้งานหรือเอาตัวรอดเลย ถ้าเราต้องเจอกับพวกศัตรูถือปืน เราจะไม่สามารถต่อสู้ได้เลย นอกจากหนีเท่านั้น และใช้วิธีการลอบเร้น ซึ่งการลอบเร้นมันก็ดันทำมาได้ไม่ค่อยจะดีเท่าไรด้วย ทำให้เกมเพลย์ในส่วนของการลงรถไฟมาหาของนี้ เป็นอะไรที่น่าเบื่อและชวนหงุดหงิดไม่ใช่น้อยหากให้พิจาณณากันตรง ๆ Choo-Choo Charles เป็นการออกแบบและสร้างเกมของผู้พัฒนาเพียงคนเดียวที่น่าประทับใจ แต่มันก็มีหลายอย่างที่ไม่สามารถมองข้ามได้ แต่ก็ถือว่านี่คือผลงานเปิดตัวที่บ่งบอกถึงศักยภาพได้ดีมาก และน่าสนใจว่าถ้าอนาตตเขาได้งบและทีมงานในการช่วยทำเกม มันจะออกมาเป็นแบบไหน ถ้าไม่โดนจำกัดอิสรภาพจากการทำงานเป็นทีมChoo-Choo Charles วางจำหน่ายแล้ววันนี้บน Steam ในราคา 400 บา่ท
16 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม ZERO Sievert เกมเอาตัวรอดแบบ 8Bit เกมไซส์กระจิ๊ดริดแต่ครบเครื่อง
ZERO Sievert เกมที่ผู้เขียนคิดว่าจะเอามาเล่นชิล ๆ ช่วงวันหยุด แต่กลับกลายเป็นว่าเห็นภาพ 8Bit น่ารัก ๆ แบบนี้ พอได้ลงไปสัมผัสกับเกมเพลย์เท่านั้นแหละครับ นี่มัน Escape from Tarkov แบบย่อส่วน ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงเป็นเกมติดเทรนด์และมีคำวิจารณ์ในแง่บวกเป็นอย่างมาก (คือผมเห็นบางคนชมมาตั้งแต่ช่วง Demo แล้วครับ) ลงวางขายใน Steam เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 2022อาจจะเป็นเกมเล็ก ๆ ที่คุณภาพไม่เล็ก พอได้ลองเล่นแล้ว เออเว้ยมันก็สร้างความสนุกให้ผมได้อย่างเพลินจิต เพลินใจ เพลินไปหมด ฮ่า ๆ และถ้าใครชอบความท้าทายผู้เขียนเชื่อว่าเพื่อน ๆ จะชอบเกมนี้เหมือนกันครับ เนื่องจากว่ามันเป็นเกมที่เล่นยากเอาเรื่องอยู่พอสมควร ใครที่ชอบเกมสไตล์ S.T.A.L.K.E.R. หรือ Escape from Tarkov ผู้เขียนอยากให้ลองมาสัมผัสเกมนี้ไปด้วยกัน ก่อนตัดสินใจจะกดมันลงคลังแวะมาอ่านรีวิวในบทความนี้ก่อนได้ครับเริ่มเกมมาก็มีสิ่งให้ต้องใช้ความคิดกันเลย กับการเลือกอาวุธคู่ใจก่อนเริ่มเกมตัวเกมจะให้เราเลือกเซ็ต Starter Pack ที่จะให้เรานำไปใช้ในเกมนะครับ ตอนนี้มีให้เลือกใช้ประมาณ 6 เซ็ตด้วยกัน ในเซ็ตต่าง ๆ นั้นถ้าเราเลือกอาวุธดี ๆ หน่อย อย่างเช่น อาวุธสุดฮิตอย่าง Rifle ก็อาจจะได้เครื่องป้องกันหรืออาหารที่น้อยลง ถ้าเลือกใช้พวกตู๋ตี๋หรือพวกปืนกลเบาเราก็จะได้รับพวกเครื่องป้องกันที่ดีขึ้น เราสามารถเลือกใช้สอยได้ตามความชอบของเราเลยครับ"อ้าวถ้าในอนาคตไม่อยากใช้ปืนนี้แล้วจะทำยังไง?" เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลเลยครับ ในเกมเราสามารถไปฟาร์มอาวุธชุดเกราะ หรือเทรดแลกเปลี่ยนกับ NPC ได้ ช่วงเริ่มเกมเราก็เลือกอาวุธแบบที่เราถนัดไปก่อนก็ได้ ปืนช่วง Stater มันก็ยังไม่ได้ดีอะไรมากอยู่แล้ว แล้วถ้าอยากใช้อย่างอื่นบ้างก็ค่อยไปฟาร์มเอาครับ รับประกันถ้าขยัน ๆ มีให้เลือกยิงเป็นคลังแสงเลยฮะเกมเพลย์ที่ดูเหมือนง่ายแต่ไม่ง่ายด้วยภาพที่เป็น 8Bit เอาจริง ๆ ตอนแรกก็คิดว่ามันเป็นเกมยิง ๆ สไตล์น่ารัก แต่ที่ไหนได้พอเอาเข้าจริงมันคือ Takov + Stalker ที่รวมกันมาเป็นเกมนี้ เห็นแบบนี้ฮาร์ดคอร์เอาเรื่องอยู่นะครับ การออกไปฟาร์มแต่ละครั้งไม่ใช่ว่านึกอยากจะออกไปก็ไปได้ เราต้องวางแผนการเอาของใส่กระเป๋าออกไปกับเราด้วย เพราะไม่งั้นตัวละครของเราจะเดินอืด อย่างเช่นด้วยความที่ผมไม่รู้เพราะใน Safe Zone เราเดินได้ปกติไงครับ พอนั่งรถไฟออกไปฟาร์มเท่านั่นแหละ เดินอืดเลยครับวิ่งไม่ได้ มาเช็คกระเป๋า อ๋อน้ำหนักเกิน ฮ่า ๆ ๆ (กดเริ่มใหม่ดิครับรอไร)น้ำหรืออาหารที่เราจะพกพาออกไปก็ต้องวางแผนให้ดี เพราะเอาไปเยอะเกินก็ฟาร์มของได้ไม่มากเพราะน้ำหนักจะเกิน เอาไปน้อยเกินก็ไม่พอต่อการเอาตัวรอดภายในแมพการพันแผลต่าง ๆ ต้องหาที่แอบเพราะว่ามันค่อนข้างใช้เวลา ไม่งั้นยืนทำแผลในที่โล่งโดนโจมตีสามารถขิตกลับจุดเกิดได้เลยครับ แล้วพอตายแล้วของที่ฟาร์มมาก็จะหายไปด้วยเลยการหาเงิน การทำเควส การคราฟท์ และการเทรดเมื่อเราไปฟาร์มมาแล้ว ของที่ได้มานั้นสามารถนำไปขาย หรือนำไปเทรดแลก อาหาร ยารักษาโรคต่าง ๆ หรือผ้าพันแผลได้ครับ เริ่มต้นเลยเราต้องทำเควสตามออเดอร์ที่ NPC รีเควสมา เราก็จะได้รับผมตอบแทนเป็นเงิน ค่าความชื่นชอบ และอุปกรณ์ตบแต่งปืนของเราให้เท่ ให้คูล (เล่นคนเดียวไม่รู้ให้แต่งปืนไปอวดใคร ฮ่า ๆ ๆ)วัตถุดิบบางอย่างที่เรานำกลับมา เราสามารถนำมันมาคราฟท์เป็นอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มสมรรถนะให้กับปืน หรือค่าสถานะต่าง ๆ ให้กับตัวเราได้ครับ อารมณ์เหมือนกับว่าการคราฟท์บางอย่างในเกมนี้ (Modules) เป็นการคราฟท์เพื่ออัพเกรดสกิลติดตัวให้เราครับนอกจากนั้นเราสามารถคราฟท์อาหาร ยา หรืออุปกรณ์ซ่อมแซมต่าง ๆ ได้เช่นกัน ถ้าเรารู้สึกว่ามีมากไปแล้ว เราสามารถนำของที่เราคราฟท์มาไปเทรดกับ NPC หรือขายเพื่อเอาเงินก็ได้อีกนั่นแหละครับ อยู่ที่เราสะดวกเลยแถมช่วงนี้มีกิจกรรม X'mas เราสามารถคราฟท์ Modules ของกิจกรรมมาสะสมได้ด้วยครับ เป็นชุดซานต้าคลอส กับปืนสีแดงแซ่บ ๆแผนที่ในเกม กับการเดินทางของน้อน 8Bitตอนนี้ในเกมจะมีแผนที่ให้เราออกผจญภัยเพื่อไปฟาร์มประมาณ 5 ที่ด้วยกันนะครับ ผู้เขียนเห็นอีกสองที่ว่าง ๆ อีกสองอันไม่แน่ใจว่าต้องเล่นเกมไปอีกสักระยะถึงจะปลดล็อค หรือเพราะว่ามันยังเป็น Early Access อยู่ Dev เลยยังไม่ได้ใส่ลงมาให้เล่น แต่คิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่าครับเวลาเราจะออกไปฟาร์มเนี่ย เราก็แค่ออกจาก Safe Zone ไปบริเวณด้านหน้าแคมป์ของเรา จะมีบุคคลหนึ่ง (ซึ่งหน้าตาเหมือนกันทั้งเกมเลยครับ ฮ่า ๆ) ให้สังเกตคนที่ยืนอยู่ใกล้กับรถไฟที่สุด (นายสถานีของเราใส่ชุดสีฟ้า) ให้เราไปกด F เพื่อคุยกับบุคคลท่านนั้นครับ เขาจะถามเราว่าเราต้องการเดินทางไปที่ไหน อันนี้ก็แล้วแต่ผู้เล่นอย่างเราจะสะดวกเลือกเลย อย่างผู้เขียนก็เริ่มจาก Map แรกก่อนครับ ลองสมรภูมิ เข้าป่ากันไปเลยภูมิศาสตร์ ภูมิประเทศ หรือสภาพแวดล้อม ก็จะแตกต่างกันออกไปครับ การต่อสู้กับศัตรูก็จะไม่เหมือนกัน ผู้เขียนเลยมองว่าการมีอาวุธที่หลากหลายมันจะเริ่มมามีบทบาทตรงนี้แหละครับ เพราะบางพื้นที่ใช้ไรเฟิลก็ไม่ดี ใช้ลูกซองดันดีกว่า แต่ละครั้งที่ออกไปฟาร์มก็มองว่าต้องวางแผนค่อนข้างเยอะมาก ๆ ครับสำหรับเกมนี้แล้วอย่าลืมนะครับรอบไปมีคนไปส่ง แต่รอบกลับต้องหาทางออกมาเอง หาของเท่าที่จะแบกกลับมาได้ พาตัวเองไปจนถึงทางออก และพยายามอย่าให้น้อนตัวละคร 8bit ของเราตายไปซะก่อนระบบของเกมและการควบคุมZERO Sievert เป็นเกม 8Bit แอ็กชัน เอาตัวรอด ที่คล้าย ๆ เกมดังอย่าง Escape from Tarkov ที่เราจะต้องไปขนวัตถุดิบ หรือสาธารณูปโภคต่าง ๆ ออกมาจากแผนที่ที่เราเลือกจะไปเล่นครับ น่าเสียดายที่ไม่มีระบบ Multiplayer เพราะเกมมันเหมาะกับการมีผู้เล่นอื่น ๆ มาร่วมเล่นด้วยเป็นอย่างมาก ด้วยความที่มันเป็นเกมไซส์เล็ก ๆ มันก็เลยไม่กินทรัพยากรในเครื่องเรา และไม่ต้องมีคอมระดับซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ คอมบ้าน ๆ ทั่วไปก็เล่นได้ครับระบบการบังคับทิศทาง ใช้งานเหมือนเกม Shooting ทั่วไปเลย Q,W,E,R ใช้บังคับทิศทาง ลากเมาส์เพื่อยิงเป้าหมาย หรือกด Shift เพื่อ Sprint (วิ่ง) เกมก็จะมีเกจบอกครับถ้าเราเหนื่อยก็ต้องหยุดพัก เพื่อรอให้เกจเรากลับมาเต็มเหมือนเดิมยูสเซอร์อินเตอร์เฟซของเกมนี้ก็ตามสไตล์ 8bit เลยครับ ใช้งานได้แบบไม่ยุ่งยาก คำอธิบายต่าง ๆ อะไรก็หาง่าย เสียอย่างเดียวระบบ Toturial ระหว่างเกมไม่ค่อยมีสอนอะไร ต้องงมเอาเองอยู่พอสมควรครับ มาเล่นช่วงแรกนี่ต้องปรับตัวกันอยู่บ้างสรุปสำหรับตัวผู้เขียนมองว่าเกมนี้เป็นเกมที่ดีเลยนะครับ มันเหมือนเป็นลูกผสมของเกม Takov + Stalker และย่อยออกมาเป็น ZERO Sievert ผสมกันอย่างลงตัวฮะ เกมที่ดูเหมือนจะง่ายแต่ไม่ง่าย และแฝงไปด้วยเสน่ห์ที่ให้เราคิดวางแผนก่อนทุกครั้งก่อนจะออกไปทำภารกิจ ถ้าใครชอบเกมภาพแนวนี้และชอบสไตล์เกมแบบ Action Survival ผู้เขียนบอกเลยว่าเกมนี้ควรมีติดคลังเราเอาไว้เป็นอย่างยิ่งครับ แล้วดูจากกิจกรรมในเกมช่วงนี้ที่ Dev อัปแพทช์เข้ามา ก็ถือว่าผู้พัฒนาก็ใส่ใจผู้เล่นอยู่เหมือนกันราคาเกมก็ถูกเกินคุณภาพไปมาก (นี่มันกองอวยชัด ๆ) 400 บาทเท่านั้นเอง เลขกลม ๆ เลยฮะ แต่ว่าเดี๋ยวมันจะมีเทศกาล Winter Sale ลดราคาครั้งยิ่งใหญ่ใน Steam น่าจะประมาณวันที่ 22 ธันวาคม 2022 เวลาตี 1 บ้านเรา ใครสนใจจริง ๆ ก็อดทนอดกลั้นกำเงินไปซื้อตอนนั้นก็ไม่สายครับ เพราะมันก็จะช่วยเราประหยัดไปได้อีก สั่งซื้อhttps://store.steampowered.com/app/1782120/ZERO_Sievert/
15 Dec 2022
[Review] รีวิว The Callisto Protocol (PS5) สยองขวัญในคุกอวกาศ จากทีมงานผู้สร้าง Dead Space
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2019 ได้มีหนึ่งโปรเจกต์ที่เรียกเสียงฮือฮาอย่างมากสำหรับเกม The Callisto Protocol ที่ตอนแรกตัวเกมนั้นถูกวางเอาไว้ว่าจะมีเรื่องราวที่อยู่ในจักรวาลเดียวกันกับเกม PUBG เกมแนว Battle Royale ชื่อดังที่เรารู้จัก รวมถึงโปรเจกต์นี้ยังได้สตูดิโอใหม่อย่าง Striking Distance Studios นำทีมโดยคุณ Glen Schofield ครีเอเตอร์ผู้ที่เคยสร้างเกมสยองขวัญชื่อดังอย่าง Dead Space มาก่อน แต่พอหลังจากนั้นทางคุณ Glen Schofield ก็ได้ออกมาประกาศภายหลังว่าตัวเกม The Callisto Protocol จะไม่ได้มีเรื่องราวอยู่ในจักรวาล PUBG อีกต่อไป แน่นอนว่าสำหรับบางคนมันก็อาจจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เราจะไม่ได้รู้ว่าตัวเกมทั้งสองนั้นจะเชื่อมโยงยังไง แต่บางคนก็อาจจะคิดว่ามันดีแล้วเพราะทางผู้พัฒนาจะได้เล่าเรื่องของตัวเองได้เต็มที่ จนในที่สุดตัวเกม The Callisto Protocol ก็วางจำหน่ายออกมาให้เราได้เล่นกันแล้ว และในบทความนี้พวกเรา GameFever TH ก็จะมารีวิวตัวเกมให้ทุกท่านได้ทราบกันว่าตัวเกมนี้น่าสนใจมากขนาดไหน และจะสามารถสร้างความสยองขวัญเหมือนที่เคยทำไว้ในเกม Dead Space หรือไม่ !?กราฟิก / การนำเสนอใครที่เคยเล่นเกม Dead Space มาก่อน ต้องยอมรับว่ากลื่นอายของเกม The Callisto Protocol ทั้งบรรยากาศความเป็นไซ-ไฟ ผสมผสานกับความสยองขวัญที่เต็มไปด้วยเลือด ความแหวะของอวัยวะ หรือจะเป็นความมืดในที่แคบ  และด้วยความที่ตัวเกม The Callisto Protocol ออกมาหลังกว่ามาก ทำให้ตัวเกมจำลองความสยองขวัญได้สมจริงมากยิ่งขึ้นด้วย Unreal Engine 4 รวมถึงตัวเกมมีการสร้างบรรยากาศความน่ากลัวในเรื่องของเสียงได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะเป็นเสียงศัตรูที่วิ่งอยู่ตามช่องแอร์ ศัตรูที่อยู่ในน้ำที่เราไม่รู้ว่ามันจะกระโดดพุ่งมาโจมตีเราเมื่อไร มีการสร้างบรรยากาศความไม่ไว้วางใจให้เราอยู่ตลอดเวลา ซึ่งต้องชมมาก ๆ ในด้านนี้ รวมถึงบรรยากาศโดยรวมของเกม The Callisto Protocol ค่อนข้างมีความมืดมากกว่า Dead Space ด้วยซ้ำส่วนในด้าน Preformance ต้องบอกก่อนว่าตัวผู้เขียนนั้นเล่นเกมนี้ในเวอร์ชัน PlayStation 5 จึงอาจจะไม่ได้มีปัญหาอะไรเหมือนกับที่คนเจอในเวอร์ชัน PC แต่ก็ต้องยอมรับว่าสำหรับบางฉากใน Cutscene ถึงแม้ว่าจะเล่นบนเครื่อง Console เจนใหม่ ผู้เขียนเองก็ยังเห็นอาการเฟรมเรทตกอยู่บ้างเนื้อเรื่องสำหรับในด้านเนื้อเรื่องของเกมจะเล่าถึงอาณานิคมใหม่บนดวงจันทร์ของดาวพฤหัสบดี ซึ่งในอาณานิคมนั้นจะมีคุกเอาไว้ขังนักโทษที่เรียกว่า Black Iron ซึ่งเราจะได้รับบทเป็น Jacob Lee นักขับเครื่องบินส่งของระหว่างคุกและดินแดนอาณานิคม แต่อยู่ดี ๆ เขานั้นก็ได้ถูกจับไปเป็นนักโทษในคุก หลังจากที่ยานโดนบุกคุกจนเครื่องตก และบังเอิญในตอนนั้นตัวคุกก็กำลังเกิดความกลหล เหล่านักโทษได้ติดเชื้อบางอย่างจนกลายพันธ์เป็นสิ่งมีชีวิตสุดสยองขวัญนามว่า Biophage ซึ่งตัวเรานั้นเหมือนเป็นคนนอกที่ไม่ทราบเหตุการณ์อะไรเลย จะต้องหาคำตอบว่าเกิดอะไรขึ้นกับที่นี่ และต้องหาทางออกจากคุกนรกนี้ให้ได้ซึ่งเนื้อเรื่องของตัวเกม The Callisto Protocol มีพลอตที่ค่อนข้างใหญ่โต มีการวางโครงสร้างเรื่องราวที่ซับซ้อนมากมาย แต่ตัวเกมใช้วิธีการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างฉลาด เป็นสไตล์การเล่าเรื่องของหนังไซ-ไฟยุคเก่า กับการที่จะให้เราได้เริ่มต้นไปพร้อมกับตัวละครเอก จากเริ่มต้นที่ไม่รู้อะไรเลย และค่อย ๆ สืบหาข้อมูลเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนไปพีคในช่วงท้าย แน่นอนว่าการเล่าเรื่องสไตล์นี้อาจจะค่อนข้างดูเรียบง่ายมากเกิน แต่มันก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับเราที่เป็นผู้เล่นที่ไม่จำเป็นต้องโดนอัดข้อมูลต่าง ๆ มากเกินไปจนล้น และให้เราได้ไปโฟกัสกับความสยองขวัญ การเอาตัวรอดต่าง ๆ มากกว่า และค่อยไปเล่นใหญ่ในเรื่องราวหลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็น DLC หรือภาคต่อก็ยังได้โดยเนื้อเรื่องก็คงจะเป็นที่เรื่องราวของเกมที่ใช้เวลาเพียงแค่ 8-10 ชั่วโมงเท่านั้น แน่นอนว่าข้อดีของมันก็คงจะเป็นการเล่าเรื่องที่ค่อนข้างกระชับไม่ยืดยาดจนเกินไป แต่มันก็ดันมีบางช่วงของเนื้อเรื่องที่ส่วนตัวมองว่ามันค่อนข้างอืดอาดโดยเฉพาะช่วงต้นของเกม แต่โดยรวมเนื้อเรื่องก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ขี้เหร่มาก เพราะช่วงหลัง ๆ ก็ค่อนข้างมีความเข้มข้นอยู่เกมเพลย์สำหรับเกมเพลย์ของ The Callisto Protocol สไตล์การเล่นจะมีความคล้ายคลึงกับเกม Dead Space แบบเกือบจะเป๊ะ ๆ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ปืนยิงที่อวัยวะศัตรูจุดไหน ก็จะทำให้อวัยวะเหล่านั้นขาด ตัวเกมมีปืนมากมายให้เราได้ใช้ไม่ว่าจะเป็นปืนพก ปืนลูกซอง ปืน Nail Gun หรือปืนอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ถึงอย่างนั้นข้อเสียใหญ่ของระบบปืนก็คงจะเป็นแอนิเมชันในการเปลี่ยนปืนที่ค่อนข้างอืดอาดมาก ๆ เหตุเพราะเนื้อเรื่องของเกมนี้ การดีไซน์ปืนมันจะไม่ใช่การที่เราเปลี่ยนปืนเฉย ๆ ควักปืนเป็นสิบจากที่ไหนไม่รู้มา แต่เราจะต้องเอาของแต่งปืนอีกอันมาใส่กับวัสดุหลัก ทำให้การเปลี่ยนปืนแต่ละครั้งตัวละครจะต้องถอด และประกอบปืนใหม่ทุกครั้ง ทำให้เวลาเราจะควักปืนอื่นมาใช้ในระหว่างการต่อสู้กับศัตรูมากมาย มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยซึ่งการดีไซน์ระบบปืนที่มันอืดอาดแบบนี้ก็ไม่ใช่ว่าผู้พัฒนาจะไม่ได้มีเหตุผลใด ๆ เหตุเพราะว่าพวกเขาอยากจะดีไซน์ให้เรานั้นผสมผสานการต่อสู้ระหว่างอาวุธระยะไกลเช่นปืน และอาวุธระยะประชิดที่เป็นกระบองไฟฟ้าของเรานั่นเอง ซึ่งระบบการต่อสู้ระยะประชิดในเกมนี้ค่อนข้างโดดเด่นมาก ๆ และมันแทบจะเป็นการต่อสู้หลัก ๆ ของเกมเลยก็ว่าได้ เพราะต้องบอกก่อนว่าถึงแม้ว่าเราจะมีปืนที่มากมาย แต่ถึงอย่างนั้นกระสุนที่เก็บได้มันก็อาจจะไม่เพียงพอที่จะให้เราสามารถยิงศัตรูทั้งหมดนั่นเอง เราอาจจะต้องใช้กระบองมาหวดในระยะประชิดด้วย โดยระบบการต่อสู้ของอาวุธระยะประชิดก็ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะเรานั้นสามารถทั้งบล็อคการโจมตี หรือหลบการโจมตีของศัตรูได้ ซึ่งมันก็ทำให้ตัวเกมมีความท้าทายมากขึ้น หรือบางครั้งเราอาจจะมีการคอมโบกับอาวุธระยะไกลด้วยอย่างเช่นเราทำการหวดศัตรูให้เซและทำการควักปืนแบบรวดเร็วเพื่อปิดดาเมจใส่ศัตรูได้ ซึ่งวิธีการนี้มันจะช่วยให้เรามีโอกาศเซฟเลือดได้มากขึ้น และประหยัดกระสุนด้วยรวมถึงเกมนี้ยังมีอาวุธที่เรียกว่า GRP ซึ่งจะเป็นถุงมือที่จะทำให้เราสามารถดึงศัตรูเข้ามาใกล้ ๆ และกระแทกศัตรูให้ล้มได้ หรือจะจับศัตรูโยนไปที่เครื่องจักรกับดักต่าง ๆ เพื่อให้มันปั่นศัตรูให้แหลกก็ได้ แต่อาวุธตัวนี้ก็ใช่ว่าเราจะสามารถใช้ได้ตลอด แต่เราจะต้องไปเก็บพลังงานของอาวุธนี้เพื่อใช้งานด้วย ซึ่งมันก็สามารถช่วยเราได้ในระดับหนึ่งสำหรับบางฉากที่เราเจอศัตรูมากเกินไป เราใช้อาวุธนี้ในการฆ่าศัตรูทันที (จับศัตรูโยนไปที่เครื่องปั่น) เพื่อการประหยัดกระสุนและเลือดนั่นเองนอกจากนี้ตัวเกมยังมีระบบค่าเงิน ที่เราสามารถหาได้จากการกดใช้เท้ากระทืบศัตรู ซึ่งมันก็จะมีโอกาสดรอปกระสุนปืน รวมถึงเงินเครดิตที่จะให้เราเอาไปอัพเกรดอาวุธต่าง ๆ ทั้งปืน อาวุธระยะประชิด หรือจะเป็นกระบองไฟฟ้าของเรา ซึ่งจะมีทั้งอัพเกรดความแรง อัพเกรดความนิ่งของอาวุธได้ หรือจะเอาเงินเครดิตไปซื้อกระสุนเพิ่มก็ได้เช่นกันและสิ่งที่ผู้พัฒนาเคยบอกไว้ก่อนที่เกมจะออกว่าตัวเกมนั้นถูกดีไซน์ออกมาให้เราจะต้องตาย และเรียนรู้การตายบ่อย ๆ ทางผู้พัฒนาไม่ได้พูดเกินเลยแต่อย่างใด เพราะศัตรูของเกมนี้ค่อนข้างโหดมาก ๆ สามารถฆ่าเราได้โดยการโจมตีเพียงไม่กี่ที ทำให้เรานั้นมีโอกาสได้เห็นฉากตายของตัวเองที่ค่อนข้างน่าสยดสยอง และถึงแม้ว่าคุณจะลองเล่นเกมนี้ในระดับง่าย แต่ถึงอย่างนั้นตัวเกมก็ยังมีความยากที่จะทำให้คุณตายบ่อย ๆ อยู่ดี แน่นอนว่าคุณจะต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดเหล่านี้ไปเรื่อย ๆความรู้สึกหลังเล่นจากที่ได้ลองเล่นมาสิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างรู้สึกชอบสำหรับ The Callisto Protocol ก็คงจะเป็นในด้านของบรรยากาศของเกมที่ทำออกมาได้สยองขวัญมาก ๆ มีการสร้างบรรยากาศทั้งงานด้านภาพและเสียงที่ค่อนข้างดีในระดับหนึ่ง รวมถึงในด้านเนื้อเรื่องก็ค่อนข้างน่าติดตามถึงแม้ว่าจะไม่ได้ซับซ้อนมากขนาดนั้น แต่มันก็อยู่ในเกรดของหนังไซ-ไฟดูง่ายซักเรื่องที่ภาคแรก ๆ จะมีการจำกัดเรื่องราวอยู่ในกลุ่มเล็ก ๆ เปรียบเทียบกับหนัง Alien, Predator หรือแม้กระทั่งผีชีวะภาคแรก แต่ถึงอย่างนั้นความสั้นของตัวเกมก็อาจจะเป็นข้อเสียได้ เหตุเพราะตัวเกมเพลย์ไม่ได้มีเรื่องราวที่อาจจะทำให้เราอยากกลับมาเล่นอีกครั้งเสียเท่าไร พื้นที่ต่าง ๆ ในการเล่นก็ค่อนข้างเป็นเส้นตรงมาก ๆ พอเล่นจบแล้วก็ไม่อยากเล่นต่อแล้ว และมันก็จะรู้สึกว่าเกมมันจบไวเกินไปนั่นเอง จริง ๆ ในระหว่างการเล่นตัวเกมควรจะมีพื้นที่ให้เล่นมากกว่านี้เผื่อที่เราอาจจะอยากยื้อเวลาในการเล่นให้มากขึ้นนั่นเองสำหรับระบบการต่อสู้ตัวเกมค่อนข้างดีไซน์ออกมาได้ดี แต่หนึ่งในปัญหาใหญ่เลยก็คงจะเป็นระบบแอนิเมชันของเกมที่ค่อนข้างมีความอืดอาด ไม่ว่าจะเป็นการโจมตี การหลบหรืออะไรก็แล้วแต่ยกตัวอย่างตัวผู้เขียนจะทำการหลบการโจมตีจากศัตรู  แต่บางครั้งมันกลับหลบไม่ได้ เหตุเพราะเราอาจจะกำลังติดแอนิเมชันอื่น ๆ อยู่นั่นเอง ซึ่งมันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะไม่เสียเลือดในระหว่างการต่อสู้ รวมถึงมันยังมีเหตุการณ์ที่ค่อนข้างน่ารำคาญและรู้สึกไม่ค่อยแฟร์ในบางครั้ง อย่างเช่นจุดการอยู่ของศัตรูบางตัวที่มันไม่มีโอกาสให้เราได้หลบเลยยกตัวอย่างมันจะมีศัตรูตัวหนึ่งที่จะเป็นหัวคนหลบอยู่ในถุงเนื้อเยื่อ ซึ่งถ้าหากเราเข้าไปใกล้มันโดยไม่ระวัง มันอาจจะกระโดดมางับคอเราได้ซึ่งเราอาจจะต้องระวังศัตรูตัวนี้เป็นพิเศษ แต่มันก็มีบางจุดที่ศัตรูตัวนี้หลบมุมอยู่ในจุดที่เรามองไม่เห็น ซึ่งพอเราเดินไปเราแทบจะไม่มีโอกาสได้ป้องกันตัวหรือหลบแต่อย่างใด และมันแทบจะทำให้เราต้องเปลืองเลือดไปฟรี ๆ แบบไม่ได้โต้ตอบ ซึ่งทางผู้พัฒนาอาจจะดีไซน์มาให้เราจะต้องระวังทุก ๆ ฝีก้าวที่เราเดิน แต่ส่วนตัวมองว่ามันน่ารำคาญมากกว่านะโดยรวมแล้ว The Callisto Protocol ก็ยังไม่ใช่เกมที่สร้างอะไรใหม่ ๆ ให้กับวงการเกม ระบบต่าง ๆ ของเกมก็ค่อนข้างคล้ายคลึงกับ Dead Space อย่างมาก อาจจะมีระบบใหม่เข้ามาเล็กน้อยอย่างระบบอาวุธระยะประชิด แต่มันก็ไม่เพียงพอสำหรับเกมในสมัยนี้ที่เหล่าเกมเมอร์อยากให้มันมีลูกเล่นที่มากขึ้น สิ่งที่ทำให้เกมน่าสนใจก็อาจจะเป็นเนื้อเรื่องที่เราอยากรู้ว่าจริง ๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นในคุกแห่งนี้ แต่ด้วยความเป็นเส้นตรงของมันมากเกินไปในด้านเกมเพลย์ สคริปของ A.I ที่เหมือนเดิมทุกอย่าง มันเลยไม่ทำให้เรามีแรงจูงใจที่อยากจะกลับไปเล่นเกมรอบที่สอง และยิ่งเนื้อเรื่องของเกมที่สั้นในระดับหนึ่ง ก็ยิ่งรู้สึกพาให้เกมมันดรอปลงไปอีก 
12 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม We Who Are About To Die ตัวตึงแห่งสังเวียน การต่อสู้ชั้นเซียนเพื่อเป็นเจ้าอารีน่า
We Who Are About To Die เป็นเกมติดเทรนด์ได้รับคะแนนรีวิวแง่บวกเป็นอย่างมากในช่วงเวลาหนึ่งใน Steam ครับ ซึ่งตัวผู้เขียนเองเนี่ยก็สนใจคอนเซปต์เกมนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งเราจะได้รับบทบาทมาเป็น "กลาดิอาเตอร์" ท่านหนึ่ง ลงไปต่อสู้เพื่อสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมครับ ตัวละครในเกมของเราเจ็บจริง ตายจริง และถ้าต่อสู้จนอยู่รอดได้ยาวนานที่สุดก็จะโด่งดังจริง ๆ เช่นกันครับ (มีแฟนคลับ ๆ)เกมนี้ลงวางขายใน Steam เมื่อวันที่ 14 พ.ย. 2022 จริง ๆ ผู้เขียนซื้อเอาไว้ตั้งแต่วันที่ตัวเกมลงวางขายแล้วครับ แต่ก็ยังไม่มีเวลาได้เข้ามาเล่นสักที วันนี้ฤกษ์งามยามดีครับ ได้เข้าเกมลงสังเวียนรีวิวตัวเกมให้เพื่อน ๆ ได้เข้ามาอ่านกัน ใครอยากรู้ว่าตัวเกมเป็นยังไง ดุเดือดเลือดสาดขนาดไหน แวะมาอ่านรีวิวกันก่อนได้ครับเล่นเอาเพลินได้ แต่ตัวเกมยังไม่มีอะไรมากเริ่มเกมมาเราจะได้รับบทเป็น กลาดิอาเตอร์ ที่ยังไร้ชื่อเสียงเรียงนามครับ ยังต้องต่อสู้ในอารีน่าเล็ก ๆ เพื่อเก็บชื่อเสียงไปก่อน ตัวเกมจะสุ่มตัวละครมาให้เราครับ มีประวัติพื้นเพให้อ่านว่ามีที่มาที่ไปยังไง หัวนอนปลายเท้ามาจากไหน และมีอุปกรณ์การต่อสู้ติดตัวมาให้จำนวนหนึ่งครับ รวมถึงค่าสเตตัสการต่อสู้ต่าง ๆ แล้วแต่เวรแต่กรรมที่ทำมาว่าจะสุ่มได้ดีขนาดไหน แต่ถึงสุ่มมาแล้วของขาดไปบ้าง เราก็สามารถเล่นต่อสู้เก็บเงินเพื่อซื้ออาวุธ หรือเครื่องป้องกันเพิ่มได้ครับ และด้วยความที่มันยังเป็น Early Access จึงทำให้มีแค่โหมดเดียวเท่านั้น และที่น่าเศร้าไปกว่านั้นก็คือเล่นได้คนเดียวครับการต่อสู้ของกลาดิอาเตอร์หน้าใหม่ ไต่ระดับไปเรื่อย ๆWe Who Are About To Die จะมีอารีน่าให้เราเลือกลงประลองตามเลเวลครับ มีตั้งแต่การต่อสู้แบบ 1 vs 1, 2 vs 2, มากันแบบเป็นทีม 4-5 คน หรือแม้แต่ 5 รุม 1 ก็มีครับ อารีน่าต่าง ๆ ที่เราต้องการไปสู้นั้นจะมีความต้องการบอกเราว่า จะให้ต่อสู้แบบไหน เงินค่าตัวหลังจากชนะจะได้รับเท่าไหร่ นอกจากนั้นยังมีอารีน่าแบบสุ่มที่จะไม่บอกอะไรให้เรารู้เลยว่ามีรูปแบบการต่อสู้แบบไหน แต่เงินค่าจ้างจะเยอะมาก ๆ ครับ เหมาะกับคนกำลังฟาร์มหาเงินซื้ออาวุธ หรืออุปกรณ์การต่อสู้เป็นที่สุด หลังจากการต่อสู้ถ้าเราชนะก็จะได้อัพแรงค์ครับ และมีของรางวัลให้เลือกว่าเราจะเอาโบนัสไปอัพสเตตัสเพิ่ม หรือจะเอาเงินเพิ่ม ก็แล้วแต่ผู้เล่นอย่างเราจะสะดวกเลือกครับตายแล้วไปไหนเกมนี้ตายแล้วไม่ได้ไปต่อครับ ต้องกลับไปเริ่มที่เลเวล 1 ใหม่ ไม่ว่า กลาดิอาเตอร์ ตัวเก่าของเราจะทำแรงค์ไว้สูงส่งขนาดไหน พลาดท่าเสียทีปุ๊บ สูงสุดจะกลับสู่สามัญโดยทันที และตัวเกมจะสุ่มกลาดิอาเตอร์คนใหม่ให้เราครับ แล้วก็เล่นแบบนี้วนไปเรื่อย ๆ ตายก็กลับมาเริ่มนับ 1 ใหม่ แค่นี้เลยครับ ตัวเกมไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ และหลังจากการต่อสู้จบแล้ว ทุกครั้งในกรณีที่เราชนะมา จะมีข้อความจากเกมเป็นคำถามคอยถามเรา ตรงนี้ถ้าตอบไม่ดีจะมีผลกระทบกับการต่อสู้ของเราในอนาคตด้วยครับ เช่น ผู้เขียนได้คำถามว่า "ตอนนี้ในเมืองของเรามีสงคราม เราจะทำอย่างไรดี ?"ผมคนใจดีไง ไปตอบข้อบริจาคอาวุธเครื่องป้องกันทุกอย่างที่มีเพื่อให้ประเทศเอาไปทำสงคราม แล้วถึงเวลาต้องลงอารีน่า มีแต่ตัวเปล่า ๆ ครับ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ก็ขิตไปตามระเบียบครับ จะเอาอะไรไปสู้! เกมทำมาดีแล้ว แต่มันจะพังเพราะระบบควบคุมนี่แหละWe Who Are About To Die เป็นเกม 3D RPG ครับ เราจะต้องลงสังเวียนเพื่อไปต่อสู้กับ กลาดิอาเตอร์คนอื่น ๆ เป็นเกมแนวประวัติศาสตร์แบบบู๊กันเลือดสาดเลยครับ มีฟันกันคอขาดตัวขาดให้ได้เห็นกันจะจะไปเลยแล้วสิ่งที่ผมจะไม่พูดไม่ได้เลยเนี่ย คือไอ้ระบบควบคุมเจ้าปัญหาที่สร้างความยุ่งยากให้กับเราคนเล่นมาก ๆ ครับ ตัววางเป้าดูยากมาก ๆ ทำให้ฟัน Ai ไม่ค่อยโดน คือบอกเลยว่ามันสร้างความลำบากให้ผู้เขียนมาก ๆ จะกัน จะหลบ จะแทง จะฟัน ก็มั่วซั่วไปหมด กดซ้ายไปขวา บางทีกดแทงไม่แทง หมุนฟัน 360 องศากันให้ได้งงกันไปเลย บางทีกดป้องกันไปแล้วแต่โดนฟันหลังแอ่นมาก็มี เพราะหันหน้าผิดทาง ฮ่า ๆ ๆ อันนี้ใครถ้าจะซื้อมาเล่นผมบอกเลยว่าเตรียมใจตรงนี้ไว้ก่อนก็ดีครับส่วน User Interface ผู้พัฒนาออกแบบมาได้สวยงามดีครับ ใช้งานง่าย แต่ด้วยความที่มันยังอยู่ในการพัฒนาก็อาจจะเห็นตำแหน่งตัวอักษรที่แปลก ๆ ไปบ้างครับ แต่ก็ถือว่าเข้าใจได้ว่ามันคือ Early Accessตัวเกมมี Toturial สอนเราเล่นในช่วงเริ่มเกมครับ แต่ก็นั่นแหละครับด้วยการบังคับที่ยาก บางอย่างถึงมี Toturial สอนผู้เขียนก็ยังไม่สามารถทำตามได้ นั่นก็คือการปาอาวุธครับ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ จิ้มจิ้ม ทิ่มทิ่ม แทงแทง เอาก็ได้ ฮ่า ๆ ๆ ๆสรุปเป็นเกมที่ผู้เขียนมองว่าสนุกมาก ๆ ครับถึงแม้ว่ามันจะซ้ำซาก วนไปวนมา ต่อสู้วน ๆ ไปให้ชนะ พอชนะแล้วก็เอาเงินไปอัพเกรดของ แต่สิ่งที่ผมมองว่าผู้พัฒนาอาจจะต้องแก้ไขอย่างจริงจังก็น่าจะเป็นระบบการควบคุมครับ คือด้วยคอนเซปต์กับระบบเกมเพลย์เนี่ยผู้เขียนบอกเลยว่ามันสนุกมาก ๆ แต่มันจะไปเสียอารมณ์ตรงที่การบังคับมันทำให้เกมไม่ลื่นไหลนี่แหละครับ กดฟันแต่กลายเป็นแทง กดแทงดันหันวนกลับหลังไปฟันอากาศ อาวุธปาใส่ศัตรูได้แต่ผมพยายามทำตาม Toturial อยู่หลายรอบมาก็ปาไม่ได้สักทีครับ ฮ่า ๆ ๆใครสนใจราคาเกมไม่แรงมากครับ สนนราคาอยู่ที่ 429 บาท ผู้เขียนก็ไม่รู้สึกเสียดายเงินที่ซื้อมันมาสักนิดเลยครับ เพราะถึงแม้ว่าการบังคับจะยากไปหน่อย แต่เกมเพลย์นั้นสร้างความสนุกให้ผู้เขียนได้อยู่ครับ โดยเฉพาะเกม 5 รุม 1 ต้องหนีการโดนรุมถืบอย่างทุลักทุเล แต่บอกเลยอย่างมันอะครับ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ถ้าในอนาคตมีระบบ Multiplayer แล้วได้เล่นกับเพื่อน เกมนี้นี่อย่างปั่นอะผมบอกเลย เสียดายมาก ๆ ที่ตอนนี้ยังไม่มีครับสั่งซื้อhttps://store.steampowered.com/app/973230/We_Who_Are_About_To_Die/
12 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม Evil West คาวบอยปราบแวมไพร์ กับเกมเพลย์แอคชันอันเรียบง่ายที่น่าคิดถึง
Flying Wild Hog ชื่อของสตูดิโอเกมนี้โด่งดังจากการชุบชีวิตเกมแอ็คชั่นสุดเดือดอย่าง Shadow Warrior ให้กลับมาเป็นที่รู้จักจนกลายเป็นเกมไตรภาค และคราวนี้พวกเขาอยากนำเสนอสิ่งใหม่ ๆ จึงหันมาปั้นเกมใหม่เป็นเกมแนวแอ็คชั่นเช่นเดิม แต่เปลี่ยนจากยากูซ่าล่าปีศาจ ให้กลายมาเป็นคาวบอยแห่งแผ่นดินอเมริกาที่ต้องปะทะกับกองกำลังแวมไพร์ แต่เกมนี้ดียังไง ควรค่ากับการเสียเงินหรือไม่ มาดูกันกับรีวิว Evil Westประกาศสงครามระหว่างมนุษย์และแวมไพร์ผู้เล่นรับบทเป็น Jesse Rentier มือปราบแวมไพร์ฝีมือดีของ Rentier Institute ที่เป็นสมาคมนักล่าแวมไพร์ที่ก่อตั้งโดยพ่อของเขา Williams Rentier ที่ต้องรับมือกับการบุกรุกของพวกปีศาจและแวมไพร์ Jesse ร่วมงานกับ Edgar มือปราบรุ่นเก๋าเพื่อสืบหาเบาะแสของ Peter D'Abano แวมไพร์หัวหมอที่ปลุกปั่นสงครามระหว่างแวมไพร์กับมนุษย์ แต่เหล่าแวมไพร์ผู้นำไม่เห็นด้วย เตรียมจะเชือดเขาทิ้ง เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ Jesse และ Edgar ซุ่มโจมตีและนำหัวของ Peter กลับไปยังสมาคม แต่ลูกสาวของเขากลับกลายเป็นผู้นำกองทัพแวมไพร์ บุกโจมตีสมาคมนักล่าจนล่มสลาย พ่อของ Jesse ได้รับบาดเจ็บจนต้องหนีตายไปตั้งหลัก และหาวิธีเอาคืนรวมไปถึงหยุดแผนการร้ายของพวกแวมไพร์ชั้นสูงแน่นอนว่าพล็อตแบบนี้มีกันให้เห็นเพียบ ทั้งจากหนังและเกมที่มีเกรดรอง ๆ ลงมา ส่วนของเนื้อเรื่อง Evil West นั้น ในเมื่อเนื้อเรื่องธรรมดา จึงมีการสร้างตัวละคร สร้างเหตุการณ์และสถานการณ์ต่าง ๆ แต่แน่นอนว่ามันไม่ได้ดี หรือเข้าขั้นมาสเตอร์พีซ สเตปการเล่าเรื่องของ Evil West จะคล้าย ๆ กันกับเกมที่มีพล็อตแนว ๆ นี้ คือตัวเอกห้าวเป้ง ไปหาเรื่องเขาก่อน โดนยกพลถล่มกลับจนรังแตก ต้องหนีไปตั้งหลัก ก่อนจะเจอตัวละครสนับสนุนคอยให้ความช่วยเหลือใหม่ ๆ และเตรียมกลับไปเอาคืน คือใครที่เล่นเกมแนวกลาง ๆ เกมแนวล่าปีศาจแบบนี้มาเยอะ ๆ จะเดาทางออกแทบจะทุกซีน ทุกฉากภายในเกมอยู่แล้ว เอาเป็นว่าส่วนของเนื้อเรื่องนั้น อยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ได้ว้าวจนต้องยกนิ้วให้ แต่ก็ไม่ได้แย่จนทำให้เราเบือนหน้าหนีเกมเส้นตรงที่เน้นความดุดัน สะใจ ใส่แอ็คชั่นล้วน ๆ !ในเมื่อเนื้อเรื่องมันไม่ได้ดีเด่อะไรมาก ดังนั้นสิ่งที่เกมนี้ต้องหามาทดแทนคือเรื่องของการนำเสนอและระบบเกมการเล่น แต่ถึงอย่างนั้น นี่ก็ไม่ใ่ชเกม Open World ที่เราจะได้วิ่งฟาร์มของ มาอัปเกรดตัวละครกัน แต่มันคือเกมแอ็คชั่นแบบเส้นตรง ที่มีพื้นที่แคบ ๆ ให้เราได้สำรวจกันเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นจะไม่มีการวิ่งฟาร์มของจนตัวเต็ม แต่จะเป็นการเดินหน้าลุยไปยังพื้นที่ และฉากต่าง ๆ เราจะปลดล็อคอาวุธใหม่ สกิลใหม่ ความสามารถใหม่ ๆ เมื่อไปถึงพื้นที่ที่กำหนดแล้ว ทำให้มันกลายเป็นเกมเส้นตรงแทบจะเต็มรูปแบบ แต่การขยันเลี้ยวเข้าไปยังพื้นที่ซอกเล็กซอกน้อย อาจจะทำให้เราปลดของบางอย่างได้ไวขึ้นนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ถึงกับได้อะไรโกง ๆ มาใช้ และรางวัลอีกประเภทหนึ่งคือประเภทสกินหรือของแต่งตัว ที่เอามาเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตัวละคร Jesse ของเราให้เท่ขึ้นและสำหรับใครที่กลัวว่าจะน่าเบื่อ เพราะดูจากชื่อแล้วมันคงเป็นเกมแอ็คชั่นแดนคาวบอยตะวันตกกันอย่างเดียว ก็อยากจะบอกว่า คุณคิดผิดแน่นอน เพราะถึงแม้ว่าเกมจะชื่อ Evil West แต่เอาเข้าจริงแล้ว เราจะได้ลุยกันในแดนตะวันตกคาวบอยก็แค่ช่วงแรก ๆ หลังจากนั้น เกมจะมี Setting หรือฉากหลังที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ดินแดนหิมะอันหนาวเหน็บ หมู่บ้านลึกลับที่มีพลังงานปริศนา ไปจนถึงบึงพิษ หนองน้ำมรณะ เรียกได้ว่าหลากหลายกว่าชื่อเกมไปเยอะ แค่ตัวเกมไม่ได้เผยมาให้เราเห็นในช่วงการโปรโมท ถือว่าค่อนข้างเซอร์ไพรส์ผู้เขียนพอสมควรสำหรับเรื่องนี้ในด้านความยาวของตัวเกม แม้จะบอกไปหลายรอบว่ามันเป็นเกมเส้นตรง แต่เกมนี้ก็ไม่ได้สั้นชนิดที่ว่าสปีดรัน เล่นแปปเดียวจบได้ ตัวเกมจะมีความยาวมากถึง 16 Chapter ด้วยกัน บาง Chapter ก็สั้น บาง Chapter ก็ยาว บาง Chapter มี Mini Boss และ Boss Fight เข้ามาแทรก ทำให้ระยะเวลาที่ใช้ในการลุยแต่ละด่านนั้นไม่เท่ากัน แต่โดยรวมแล้วผู้เล่นสามารถจบเกมนี้ได้โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 10-12 ชั่วโมง แล้วแต่คน แต่บวกลบไม่เกินนี้ เทียบกับราคาแล้วก็ถือว่าไม่ได้แย่มากนักสำหรับเกมเกรดกลาง ๆ ราคา 1,190 บาท แต่เกมนี้จะไม่มีการนำเสนอการเล่นซ้ำใด ๆ เลย ไม่มี New Game+ มี Collectible Item ให้เก็บ แต่ก็ไมไ่ด้สำคัญอะไรมากนัก เล่นทีเดียวแล้วจบไปเลย เน้นการให้ผู้เล่นสนุกกับเกมแบบรอบเดียวจบไปเลย ทีนี้มาดูในส่วนของเกมเพลย์กันบ้าง อย่างที่บอกไปว่านี่คือเกมแอ็คชั่นแบบเส้นตรง และดูเหมือนว่าทาง Flying Wild Hog เขาจะถนัดเหลือเกิน กับการทำเกมแอ็คชั่นที่สนุก สำหรับคนที่ไม่รู้ Flying Wild Hog นั้น มีประสบการณ์ในการทำเกม Shadow Warrior มาก่อน ซึ่งตัวเกมก็ขึ้นชื่อว่า บู๊แหลกสนกสนานมาก ๆ และการกลับมาใน Evil West นี้ พวกเขาได้พัฒนาฝีไม้ลายมือในการทำเกมมากขึ้นไปอีกขั้นJesse Rentier อีกหนึ่งตัวละครที่เก่งกาจรอบด้านจากการออกแบบเกมเพลย์ที่ดีหากใครดูเกมเพลย์ (หรือบางคนอาจจะได้เล่นเอง) อาจจะรู้สึกแปลก ๆ ในใจระหว่างการเล่นบ้าง นั่นคือทำไมเกมนี้มันมีความคล้ายกับ God of War ได้มากขนาดนี้ แต่ถ้าได้อ่าน Dev Blog หรือบันทึกการพัฒนาเกมของทีมพัฒนาเกมนี้ พวกเขาได้แรงบันดาลใจในการพัฒนาเกมนี้จาก God of War พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการต่อสู้และอื่น ๆ ที่มีอยู๋ในเกม หรือแม้กระทั่งอนิเมชั่นการออกลีลาท่าทางต่าง ๆ ก็มีความคล้ายคลึงกันในบางส่วนด้วยแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่ขนาดก๊อปปี้กันมา แต่ดูแล้วรู้เลยว่าเป็นแรงบันดาลใจ อย่างแรก Jesse Rentier นั้น เป็นตัวละครที่มีความสามารถรอบด้านมาก ๆ ด้วยทักษะการต่อสู้ที่เขามี ก็ส่วนหนึ่ง แต่อาวุธของเขาเองนั้น ถือว่าเยอะมาก ยิ่งเล่นยิ่งปลดล็อคออกมาเรื่อย จะมีข้อตินิดหน่อยคือ ท้ายที่สุดแล้ว อาวุธบางอย่างแทบจะไม่ค่อยได้ใช้งานเลย อย่างเช่นหน้าไม้ เพราะท้ายที่สุดปืนยาวก็ดีกว่าอยู่ดี หรือปืนไฟที่ถูกใช้ในการทำลายพุ่มไม้เท่านั้น แทบไม่ได้หยิบมาใช้ในการต่อสู้ด้วยอาวุธที่เยอะขนาดนี้ ผู้เล่นอาจจะกังวลว่าถึงเวลาจริงจะได้กดใช้หรือไม่ หากใครเคยเล่น Shadow Warrior มา จะรู้ว่าเกมที่มีอาวุธโคตรเยอะขนาดนี้ ทำให้การกดปุ่ม Hot Key หรือปุ่มอาวุธให้เป็นเลข 1-9 นั้น มันลำบากในการเล่นมาก ๆ ถึงแม้จะมี Weapon Wheel แต่ก็เหมือนกับว่ามันจะขัดกับเกมเพลย์ที่เน้นความรวดเร็วว่องไว และโชคดีที่ใน Evil West ทีมสร้างเขาหาวิธีอุดจุดอ่อนตรงนี้ได้แล้ว ต้องบอกผู้เขียนเล่นบน PC เป็นหลัก บนคอนโซลนั้น อาจจะมีความสะดวก และความถนัดแตกต่างกันออกไปตามหลักแล้วปุ่มการเคลื่อนที่ของตัวละครจะเป็นปุ่ม WASD ที่เราทุกคนเคยชินกัน คราวนี้พวกเขาเลยจัดวางปุ่มรอบ ๆ WASD ให้เป็นปุ่มควบคุมสำหรับการต่อสู้และใช้อุปกรณ์เสริมและสกิลแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Q-E-V-C-R-F เกือบจะทุกปุ่มที่อยู่รอบ ๆ ปุ่มเคลื่อนไหวนั้น ถูกออกแบบมาให้รองรับกับอาวุธ อุปกรณ์ และสกิลเสริมของ Jesse แทบทั้งสิ้น ใครที่กลัวว่าจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมแล้วล่ะก็ บอกเลยว่าหายห่วงแน่นอน ทำให้การต่อสู้ และความเป็นแอ็คชั่นของเกมนี้นั้น ลื่นไหลเป็นอย่างมาก น่าเสียดายที่เกมมันไม่ได้มีการคอมโบกันระหว่างอาวุธอะไรขนาดนั้น ท้ายที่สุดแล้ว อาวุธที่เยอะขึ้นจึงเป็นเพียงทางเลือกแห่งความสะใจว่า ผู้เล่นจะจัดการศัตรูด้วยวิธีใด การคอมโบต่ออาวุธกัน เน้นทำเพื่อความเท่เท่านั้น ไม่ได้ทำให้มีโบนัสดาเมจที่แรงขึ้น เช่นการต่อยศัตรูขึ้นอากาศ แล้วใช้ปืนรีโวลเวอร์รัวยิง อาจจะทำให้ศัตรูหมดโอกาสสวนเราได้ แต่ศัตรูเกือบทุกตัว ถ้าไม่ใช่ระดับบอส แค่เดินต่อยง่าย ๆ ก็เอาชนะได้แล้ว ส่วนศัตรูจำพวกที่บินได้ ก็สามารถใช้ปืนยาวยิงจัดการเอาได้เลย น่าเสียดายที่เกมนี้ออกแบบความหลากหลายของศัตรูมาได้น้อยไปหน่อย ไม่เหมือนกับสกิล อาวุธ และความสามารถของตัวละครเราที่มีเยอะจนเกินไปส่วนของสกิลและการอัปเกรดเองก็เช่นกัน ในเกมนี้จะแบ่งเป็น Perk และ Upgrade สำหรับ Perk นั้นเน้นไปที่สมรรถภาพของตัวละคร ทั้งการโจมตี การป้องกัน พลังชีวิตสูงสุด ส่วน Upgrade นั้นจะเป็นเรื่องของอาวุธและอุปกรณ์ที่จะทำให้ยิงแรงขึ้น แต่ Progression ของมันก็ไม่ได้น่าประทับใจ ด้วยความที่เป็นเกมเส้นตรง ทำให้ไม่มีการฟาร์ม ไม่มีการเก็บเลเวล หรือไปเล่นด่านพิเศษอะไร สกิลใหม่ ๆ Perk ใหม่ ๆ จะถูกปลดล็อคได้เมื่อเล่นไปถึงจุดที่กำหนด สังเกตได้ว่าทุก ๆ การเอาชนะมินิบอส ชนะบอส หรือผ้่านภารกิจสำคัญ ๆ เลเวลจะถึง และปลดล็อคพร้อมทันที นั่นหมายถึงระบบนี้ถูกกำหนดไว้ด้วยการดำเนินเนื้อเรื่องอยู่แล้ว ทำให้มันดูขาดความน่าสนใจไปทันทีแต่ถึงอย่างนั้น เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ระบบเกมการเล่นของ Evil West นั้น เป็นสิ่งที่หาได้ยากในยุคนี้ ในยุคที่หลายทีมสร้าง พยายามอย่างหนักที่จะใส่ความซับซ้อน ความเข้มข้น ความดุเดือดในการต่อสู้ แต่สิ่งที่ทีมพัฒนาทำกับ Evil West คือการเสิร์ฟความสนุกแบบเน้น ๆ ม้วนเดียวจบ ไม่ต้องคิดมาก ให้ผู้เล่นได้เอ็นจอยไปกับการต่อสู้แบบดิบ ๆ ถอดสมองเล่นชิล ๆ ยังได้ ซึ่งมันก็ออกมาดีไม่น้อย แต่ถ้าเทียบกับเกมฟอร์มยักษ์เกมอื่น ก็ยังถือว่าห่างชั้นอยู๋เหมือนกันEvil West กลายเป็นอีกเกมแอ็คชั่นดิบ ๆ ส่งท้ายปี 2022 ที่ถึงแม้ว่ามันจะโดนกระแสเกมใหญ่ ๆ กลบไปจนมิด แต่สำหรับคนที่มีโอกาสได้ลองเล่น หรือสนใจจะเล่น เราบอกได้เลยว่ามันจะเป็นอีกเกมที่คุณไม่ผิดหวังเลย ถ้ากำลังมองหาความ "สนุก" และความ "มัน" จากตัวเกม
12 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม The Callisto Protocol (PC) เกมสยองขวัญตัวใม่ที่ยังไม่กล้าก้าวข้ามผลงานเก่าที่ตัวเองเคยทำไว้
เป็นเกม Survival Horror ที่หลายคนรอคอยกันมาตั้งแต่การประกาศเปิดตัวแล้ว เพราะนี่คือผลงานของผู้ที่สร้าง Dead Space เกมสยองขวัญขึ้นหิ้งระดับตำนานที่หยิบมาเล่นตอนนี้ก็ยังสนุก และมีหลายคนยังคงสะดุ้งกับฉาก Jump Scare และบรรยากาศ ความน่ากลัวของมัน แต่การกลับในผลงานใหม่นี้จะยอดเยี่ยมแค่ไหน ก็มาดูกันในรีวิว The Callisto Protocol ของเราหนีตายจากสถานที่ปิดตายบนอวกาศสิ่งแรกที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันเหมือนกันกับ Dead Space คือ Setting หรือฉากหลังของโลกภายในเกม ที่เป็นสถานที่เกือบ ๆ จะปิดตายเมือนกัน ใน Dead Space นั้น อิงจากภาคแรกคือยานอิชิมูระ และใน The Callisto Protocol นั้น คือคุกจองจำกลางอวกาศที่มีชื่อว่า Black Iron ตัวเกมว่าด้วยเรื่องราวของ Jacob Lee (รับบทโดย Josh Duhamel) เขาทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ขนส่งสินค้าในอวกาศเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพ และการทำงานครั้งนี้คือการขนของบางอย่างไปยังคุก Black Iron แต่เขากลับถูกโจมตีโดยกลุ่มต่อต้านที่นำโดย Dani Nakamura (รับบทโดย Karen Fukuhara) ยานของเขาจึงโหม่งไปยังพื้นผิวของดาวเคราะห์ที่เป็นที่ตั้งของคุก Black Iron เพื่อนสนิทของเขาเสียชีวิต แต่แทนที่เขาจะได้รับความช่วยเหลือ เขากลับถูกจับตัวไปในฐานะนักโทษ เรื่องราวบานปลายมากยิ่งขึ้น เมื่อเขาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าคุก Black Iron เกิดความโกลาหล เมื่อสิ่งมีชีวิตปริศนาออกอาละวาดไล่ฆ่าคนในคุก แถมระบบความปลอดภัยในคุกยังถูกเปิดใช้งาน จนพวกจักรกลต่าง ๆ ไม่ได้แยกแยะ และไล่ล่าสังหารนักโทษที่คิดจะหลบหนี งานนี้ Jacob Lee จึงต้องหาทางเอาตัวรอด หาความจริงว่าทำไมเขาถึงโดนจับ และหนีตายจากจักรกลสังหาร และสิ่งมีชีวิตปริศนา และหาต้นตอของมันให้เจอเมื่อผู้เล่นได้เล่นไปเรื่อย ๆ เราจะรับรู้เรื่องราวผ่านสถานที่ ไฟล์เอกสาร และเตุการณ์ต่าง ๆ การบริหารคุก Black Iron ที่ทำให้นักโทษไม่พอใจ แต่ถึงอย่างนั้น เนื้อเรื่องของเกมนี้ก็ถูกนำเสนอแบบเป็นเส้นตรงที่ไม่ค่อยจะแตกต่างจากต้นฉบับที่เป็น Dead Space มากนัก แต่ด้วยความที่มันเป็นเส้นตรงนี่แหละ ทางทีมพัฒนาเลยสามารถที่จะนำเอาความคิด ความสามารถไปทุ่มให้กับการนำเสนอและเกมเพลย์แบบเต็ม ๆ แต่ไม่ใช่ว่าเนื้อเรื่องมันไม่ดี มันดี เพียงแต่มันไม่ได้ว้าว หรือเซอร์ไพรส์ หรือเข้มข้นจนเรารู้สึกว่ามันยอดเยี่ยม เพราะมันก็เป็นพล็อตแบบธรรมดา ๆ ทั่วไปที่เราเห็นกันมานักต่อนักแล้ว กับการหนีตายเอาตัวรอดจากสิ่งมีชีวิตปริศนา แค่คราวนี้มันดู Sci-Fi ล้ำโลกอย่างคุกกลางอวกาศ แต่สิ่งที่ทำให้เนื้อเรื่องเกมนี้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น คือการที่ตัวเกมได้สองนักแสดงมากฝีมืออย่าง Josh Duhamel และ Karen Fukuhara มารับบทนำ และ Motion Capture + พากย์เสียงตัวละครด้วย ทำให้แม้เนื้อเรื่องจะดูธรรมดา แต่พลังดารา ทำใ้ห้เนื้อเรื่องถูกถ่ายทอดออกมาได้น่าติดตาม รวมไปถึงเทคโนโลยีที่ทำให้กราฟิกเข้าใกล้ความสมจริงมากยิ่งขึ้น บอกเลยว่า ตลอดเกมการเล่นนี้ เหมือนนั่งดูภาพยนตร์ดี ๆ เรื่องนึงเลยทีเดียว แต่ก็อย่างที่บอกว่าเนื้อเรื่องและบทของเกมนั้น มันไม่ได้แปลกใหม่อะไรมาก แต่ก็ไม่ได้แย่จนเกินไป รับรองว่าเล่นจบแล้วยังไงก็เต็มอิ่มแน่นอน แต่จะมีข้อเสียตรงที่ ตอนจบของเกมนั้น ชัดเจนเลยว่ายังไม่จบ มีไปต่อกันที่ DLC แน่นอนยกระดับกราฟิกและโมเดลตัวละครที่เข้าใกล้ความสมจริงไปอีกขั้นสิ่งแรกที่ผู้เขียนประทับใจจริง ๆ นับตั้งแต่การเข้าเกมครั้งแรกเลยคือเรื่องของกราฟิกที่สวยงามมาก จุดเด่นไม่ใช่การนำเสนอฉาก และสถานที่ที่สวยงาม แต่สิ่งที่โดดเด่นมากเลยคือเรื่องของโมเดลตัวละคร ทั้งตัวละครเอก ตัวละครต่าง ๆ และพวกศัตรูที่มาในรูปแบบสมจริง ราวกับจับต้องได้ และเป็นภาพยนตร์มากกว่าเกมซะอีก นับตั้งแต่ฉากแรก ๆ ไปจนถึงจบเกม ผู้เขียนรู้สึกว่าโมเดลตัวละครนั้น ถูกออกแบบมาได้ดี และมีชีวิตชีวามาก มันดูเหมือนเป็นคนจริง ๆ ที่มาให้เราควบคุมเป็นวิดีโอเกม แม้จะยังไม่ใช่ Unreal Engine 5 แต่นี่เหมือนเป็นการรีดเอาประสิทธิภาพสูงสุดของ Unreal Engine 4 มาใช้แล้วรูปแบบเกมของ The Callisto Protocol นั้น อย่างที่บอกว่ามันเป็นเกมเส้นตรง และที่สำคัญคือเกมเน้นความ Immersive ทั้งบรรยากาศและตัวผู้เล่นเอง ตลอดเวลาการเล่นและการเอาตัวรอดในคุก Black Iron นั้น เวลาที่ผู้เล่นเดินทางไปยังพื้นที่ต่าง ๆ เรามักจะเจอทางแยก หรือเส้นทางให้สำรวจเพิ่ม เราจะไม่มีทางรู้เลยว่าเส้นทางไหน เป็นเส้นทางหลักที่เราไปต่อได้ หรือเป็นเส้นทางแยกที่เราสามารถไปสำรวจเพื่อหาของ หาไอเทมได้ ผู้เล่นต้องอาศัยการคาดเดา การอ่านป้ายบอกทาง หรือสถานที่ต่าง ๆ เพื่อจดจำไว้ว่า เราจะต้องไปทางไหน โชคดีที่บางจุดเรายังย้อนกลับมาได้ ถ้ามันเป็นการเดินทางตรงสู่เนื้อเรื่อง แต่บางจุดก็ย้อนไม่ได้ ก็ต้องระวังให้ดี ก่อนจะเดินหน้าต่อ เพราะเราอาจจะเสียโอกาสในการเก็บไอเทมต่าง ๆ ไปในส่วนของ UX/UI Interface นั้น ต้องบอกว่าสมแล้วที่เป็นผู้สืบทอดทางจิตวิญญาณของ Dead Space หนึ่งในคำชมที่ Dead Space ได้รับ คือการออกแบบ HUD / UX/UI ที่โดดเด่นมาก การมีพลังชีวิตเป็นเส้นตรงแกนกระดูกสันหลัง จำนวนกระสุนอาวุธที่เป็นเหมือนหน้าจอ LCD และช่องเก็บของ ถูกนำมาต่อยอดในเกมนี้จนเหมือนกับว่ามันโคลนนิ่งกันมาอย่างไรอย่างนั้น โดยใน The Callisto Protocol นี้ พลังชีวิตจะถูกระบุไว้ที่เครื่องที่ติดอยู่ตรงหลังคอ และมีจำนวนพลังงานแบตเตอรี่บอก ส่วนอาวุธปืนจะบอกจำนวนกระสุนแทน หน้าจอช่องเก็บของก็จะเป็นเหมือนจอ LCD ลอยขึ้นมา เรียกได้ว่าหน้าตาตัวเกมนั้น เหมือนหยิบเอา Dead Space มาต่อยอดแบบไม่มีผิด และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เราน่าจะได้เห็นกันตั้งแต่ตัวอย่างเปิดตัว และข่าวสารที่ออกมาแล้ว กับความรุนแรงชนิดจัดเต็มของเกมนี้ ถึงขั้นที่ว่าญี่ปุ่นไม่อนุมัติให้ขายกันเลยทีเดียว ในเกมนี้จะมาพร้อมกับความรุนแรงแบบเต็มข้อ เลือดสาด ตัวขาด 18+ ขึ้นกันแน่นอน สำหรับเราในการจัดการศัตรูนั้น อาจจะรู้สึกเฉย ๆ เพราะมันคือสัตว์ประหลาด ยิ่งฆ่าโหดยิ่งสะใจ แต่หากเราพลาดท่าตายซะเอง นี่แหละความบันเทิง เกมนี้มีฉากตายหลากหลายรูปแบบให้เราได้เพลิดเพลินกับความตายของ Jacob Lee ถ้านับรวมทั้งการตายจากฉากด้วยแล้วก็น่าจะเกินกว่า 20 แบบขึ้นไป เอาแค่ศัตรู 1 ตัวก็สามารถฆ่าเราได้ 2-3 แบบแล้ว แถมแต่ละแบบนี่ โหด ๆ ทั้งนั้น ฉีกปากจนหน้าขาด หน้าแหว่ง ฉีกแขนจนขาด บีบหัวเราจนแตก จกลูกตา เอาว่าใครขวัญอ่อน ทนดูอะไรโหด ๆ ไม่ได้ เลี่ยงเกมนี้เลยจะดีกว่า แต่ใครที่ชอบความรุนแรง ชอบการเห็นตัวละครเอกตายอย่างทรมาน เกมนี้ถือว่าไปสุดทางมาก นี่ยังไม่รวมพวกการตายจากฉากต่าง ๆ ด้วย เห็นแล้วก็ไม่แปลกใจ ว่าทำไมญี่ปุ่นจึงตัดสินใจไม่อนุมัติขายเกมนี้ในประเทศตัวเองสำหรับความยาวของเกมนั้น เกมนี้เป็นเกมแบบเส้นตรงเพียว ๆ พื้นที่ให้สำรวจก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก ผู้เล่นจะสามารถจบเกมนี้ได้ด้วยเวลาประมาณ 8-10 ชั่วโมง แต่ตอนนี้คอนเทนต์หลังจากจบ Endgame แล้วยังมีไม่มากนัก เพราะโหมด New Game+ จะมาถึงในช่วงปีหน้า พร้อมกับเนื้อหาเสริมจาก Expansion ที่กำลังจะมาถึงในปีหน้าด้วย แต่ในตอนนี้ เอาแค่แคมเปญหลักของเกมก็คิดว่าคุ้มราคาแล้ว ข้อเสียเดียวของมันคือ ดันจบไม่สนิท จบไม่จริงนี่ล่ะการต่อสู้ระยะประชิดที่ดุดัน ไม่เกรงใจใคร !หาก Dead Space เป็นทำระบบการยิงตัดอวัยวะของศัตรูออกมาได้ดีมาก เกมนี้ก็เป็นเหมือนกับอีกความตั้งใจของผู้สร้างที่อยากให้มันออกมาเป็นขั้วตรงข้ามของ Dead Space ด้วยการเน้นและผลักดันการโจมตีระยะประชิดแทน จริงอยู่ว่าอาวุธปืนของเกมนี้มีให้ใช้งานตามปกติ แต่ความสะใจ ความดุดันจะไม่เท่ากับการใช้การโจมตีระยะประชิด เพราะมันออกแบบมาได้ลื่นไหล และมีฟิสิกส์ที่ดุดัน สะใจมาก การฟาดโจมตีศัตรูแต่ละครั้งเราจะสัมผัสได้เลยว่ามันรุนแรงจริง ๆ นอกเหนือไปจากการโจมตีระยะประชิด หลายสิ่งหลายอย่าง เหมือนกับทีมพัฒนาไม่อาจจะมูฟออนไปจาก Dead Space ได้ เพราะเราจะเห็นอะไรที่เหมือนหรือคล้ายคลึงกัน ถูกใส่เข้ามาแทนที่ตลอด อย่างระบบการกระทืบซ้ำก็ยังคงใส่เข้ามา การใช้พลัง GRP ที่เหมือนกับพลัง Slow ของ Dead Space หลายคนอาจจะรู้สึกว่าเราหยิบเกมนี้ไปเทียบกับ Dead Space เยอะเกินไปหรือไม่ แต่มันไม่อาจลีกเลี่ยงความจริงที่ว่า ตลอดเกมการเล่นของ The Callisto Protocol นั้น มันมีเงาของ Dead Space อยู่มากมายเหลือเกินสำหรับอาวุธหลัก ๆ ของเราจะอยู่ที่กระบองไฟฟ้าและปืน รวมไปถึง GRP ทั้งหมดนี้ผู้เล่นสามารถอัปเกรดได้ที่โต๊ะอัปเกรด โดยจะเป็นการเพิ่มความสามารถให้กับอาวุธ ไม่ว่าจะเป็นดาเมจ คอมโบ จำนวนกระสุน เมื่อมีการอัปเกรดเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เราต้องออกสำรวจ เพื่อหาเงิน เงินในเกมนี้ก็จะได้มาทั้งจากการได้เป็น Callisto Credit โดยตรง หรืออีกวิธีคือได้มาในรูปแบบของไอเทมที่เอาไว้ขายโดยเฉพาะ ให้เรานำไอเทมนั้นมาขายหาเงินโดยตรงได้เลยเรื่องของระบบการต่อสู้ อย่างที่บอกไปว่าเรามีไอเทมเป็นกระบองไฟฟ้าและปืน แต่ลูกเล่นของการต่อสู้ก็จะมีทั้งการกดหลบหลีก ซึ่งก็ใส่กลยุทธ์เข้ามานิดหน่อย คือถ้าหากเราจะกดหลบหลีกนั้น หากหลบทางเดียวกันซ้ำเกินสองรอบจะไม่สามารถหลบหลีกได้ กระตุ้นให้ผู้เล่นตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา หรือการกดถอยหลังขณะที่ศัตรูฟาดโจมตีเข้ามา ก็จะเป็นการบล็อกที่ช่วยลดดาเมจลงไปได้  แต่สิ่งที่เราอยากบอกผู้เล่นทุกคนว่า หากคุณไม่ใช่เกมเมอร์ที่ชื่นชอบความตึง การเล่นเกมนี้ด้วยโหมดง่ายนั้น ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย มันอาจจะทำให้เกมสนุกมากขึ้น การปรับโหมดยาก-ง่าย ของเกมนี้ อาจจะไม่ได้แสดงผลออกมาผ่านความอึดของศัตรู แต่ตัวละครของเรานี่แหละที่จะอึดขึ้นมาก ๆ ชนิดที่ว่าโดนรุมตบ 3-4 ที เลือดยังเขียวอยู่ก็มี ทำให้ความยากของเกมนี้ ถ้าปรับง่ายสุด เชื่อว่าทุกคนเล่นได้ และสนุกด้วย แต่ใครที่เก้งแล้ว เชี่ยวชาญแล้ว อยากลองของ โหมดยากก็พร้อมจะเสิร์ฟความเข้มข้นฉบับถึงเลือดถึงเนื้อให้ผู้เล่นด้วย แน่นอนว่าความสามารถในการกดคอมโบ ผสมผสานอาวุธและการใช้งาน GRP นั้น ขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นเอง และถ้าใครที่เป็นคนจิตแข็ง และไม่กลัวอะไรเลย เราก็สามารถเล่นแบบลุย ๆ ก็ได้ เพียงแต่การออกแบบเกมของทีมพัฒนานี้เขาไม่ได้ออกแบบมาให้เราบู๊แหลกอะไรขนาดนั้น ยิ่งเล่นโหมดยาก ไอเทมที่ได้ จำนวนกระสุน ความอึดศัตรู ความอึดเรา จะเป็นตัวแปรในการต่อสู้มากกว่า แต่ในเรื่องของบรรยากาศความน่ากลัวนั้นก็ถือว่าทำได้ดี จังหวะ Jump Scare จังหวะที่ศัตรูโผล่หน้าออกมา ทำให้เราสะดุ้งได้อยู่หลายครั้ง รวมไปถึงฉากและความมืดบางส่วนของเกม และความเลือดสาด ทำให้เกมนี้ ถ่ายทอดความดุเดือดออกมาได้ดี แต่ท้ายที่สุดแล้ว บรรยากาศ ภาพรวมและความกดดันของมัน กลับไม่ได้ยิ่งใหญ่ไปกว่า Dead Space เหมือนที่เราได้คาดหวังกันเอาไว้ ซึ่งคนจะมองแบบนี้ก็ไม่แปลก เพราะหลาย ๆ อย่าง เหมือนมันไม่ใช่การสร้างขึ้นมาใหม่ แต่เป็นการหยิบเอาของเก่าที่มีอยู่แล้วมาต่อยอด เลยทำให้เรารู้สึกว่า นี่ไม่ใช่เกมใหม่ซะทีเดียวภาพรวมของ The Callisto Protocol จึงดูเหมือเป็นเกมที่ตั้งใจทำ แต่ดันทำออกมาไม่สุดซะอย่างนั้น ไม่รู้ว่าเพราะไม่กล้ามูฟออนจากผลงานเก่าของตัวเอง หรือเพราะอยากคารวะผลงานเดิม ๆ เอาไว้ เลยทำให้มันออกมาเป็นแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้น นี่ไม่ใช่เกมที่แย่ แต่อาจบอกได้ว่า เราคาดหวังกับมันมากจนเกินไป ซึ่งพอมันออกมาธรรมดา จะผิดหวังบ้างก็ไม่แปลกอะไรนัก แต่สำหรับตัวผู้เขียนแล้วก็ถือว่าสนุกดี แต่ใจก็คาดหวังไปที่ Dead Space Remake แทนแล้วในตอนนี้ปัญหา Performance ที่ยังไม่หายสนิทในตอนนี้และสำหรับใครที่ติดตามข่าวสารของเกมนี้มาอย่างใกล้ชิด จะรู้ดีว่า The Callisto Protocol นั้น เปิดตัวได้ไม่สวยเอาซะเลย เพราะปัญหา Performance ปัญหาหลัก ๆ ของมันคือการที่เกมเกิดอาการกระตุกอย่างหนักในการเข้าไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ ซึ่งแน่นอนว่ามุกตลกชาวเกมอย่างการโหลดผียังคงใช้ได้กับเกมนี้ เพราะแทนที่มันจะกระตุกเฉย ๆ แต่มันกลับเป็นสัญญาณบอกว่ามีศัตรูรออยู่ข้างหน้าจริง ๆ ทำให้จังหวะที่ควรจะน่ากลัวก็ไม่น่ากลัวซะอย่างนั้นโชคดีที่แม้ว่าปัญหาอาการกระตุกตอนไปยังพื้นที่ใหม่ ๆ จะมีแพทช์แก้ในวันเดียว แต่สิ่งที่ยังแก้ไม่ขาดจริง ๆ เลยคืออาการเฟรมเรทดรอปตอนต่อสู้ อย่างที่เราบอกไปว่าเกมนี้ใช้การต่อสู้ระยะประชิดสูงมาก หากมีเฟรมเรทดรอป จะทำให้ส่งผลกระทบต่อเกมการเล่น อย่างน้อยที่สุดคือเสียอรรถรส ซึ่งอาจจะเพราะ Particle Effect หรืออะไรก็ตาม ทำให้เกมนี้ เกิดอาการเฟรมเรทดรอปตอนสู้อยู่เป็นประจำ อย่างน้อยแพทช์แก้ก็ทำให้ตัวเกมเข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นนั้น ใครที่มีปัญหาส่วนนี้ก็คงต้องรอการแก้ไขกันต่อไปThe Callisto Protocol อาจเป็นความพยายามในการก้าวออกจากเงาของผลงานตัวเอง แต่ท้ายที่สุดแล้ว เหมือนมันยังคงยึดติดอยู่กับผลงานเดิมของ Glen Schofield น่าเสียดายที่มันยังไม่สามารถทำให้เราจดจำมันได้ในแบบเดียวกันกับ Dead Space แต่มันก็ไม่ใช่เกมที่แย่ แค่มันธรรมดาจนเกินไป
10 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม Warhammer 40,000: Darktide ความมันส์ระดับ 10/10 แม้องค์ประกอบอื่นจะยังดิบไปหน่อยก็ตาม...
แม้จะไม่ได้โด่งดังแพร่หลายเท่าแฟรนไชส์ไซไฟชื่อก้องโลกหลาย ๆ แฟรนไชส์ แต่จักรวาลหรือแฟรนไชส์ Warhammer ทั้ง Fantasy และ 40,000 ก็นับเป็นแฟรนไชส์สุดอมตะที่อยู่คู่กับสังคมเกมเมอร์มาช้านาน และมีเกมออกมาให้ได้เล่นกันหลายภาคหลายแนวตลอดระยะเวลานับทศวรรษที่ผ่านมา โดยหนึ่งในผลงานเด่นที่หลายคนอาจจะรู้จักจากจักรวาลนี้ก็คือเกมแอคชัน FPS สุดระห่ำอย่าง Warhammer: Vermintide ของผู้พัฒนา Fatshark นั่นเอง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้พัฒนา Fatshark ก็ได้กลับมาอีกครั้ง โดยคราวนี้พวกเขาเลือกที่จะแฟรนไชส์ Warhammer อีกครั้งในรูปแบบของ Warhammer 40,000: Darktide เกม FPS Co-op สาดกระสุนสุดมันส์ ที่เพิ่งจะเปิดให้เล่นผ่าน PC (Steam และ Xbox Game Pass) ไปเมื่อไม่นานมานี้ แต่ผลงานใหม่นี้จะมาทำให้ซีรีส์นี้พัฒนาขึ้นไปในแนวทางไหน วันนี้เราจะมารีวิวให้ดูกันกับ Warhammer 40,000: Darktideเนื้อเรื่องของตัวละครที่ต่างที่มาที่ไป และเรากำหนดเองได้Warhammer 40,000: Darktide จะมุ่งเน้นไปที่เรื่องราวของกลุ่ม Inquistorial Agents ที่คอยสืบสวนและป้องกันการแทรกซึมของกองกำลัง Chaos ที่อาจสร้างหายนะให้กับดาว Atoma Prime แถมยังมีพวก Undead จำนวนมากบุกโจมตีดวงดาวอีกด้วย สำหรับใครที่มาเล่นเกมนี้แล้วรู้สึกว่า ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย ก็ไม่ต้องแปลกใจ ซีรีส์ต้นฉบับของ Warhammer 40,000 จริง ๆ แล้วคือบอร์ดเกมยอดนิยม และถูกนำมาดัดแปลงเป็นวิดีโอเกมออกมาเรื่อย ๆ ส่วนซีรีส์ 40,000 นี้ ส่วนมากจะถูกดัดแปลงออกมาเป็นเกมยิงมากกว่า อย่างเช่น Necromunda Hired Gun, Space Hulk เป็นต้นเรื่องราวของตัวละครที่เราจะสร้าง จะมีที่มาที่ไปต่างกัน ที่เราสามารถเลือกได้ตั้งแต่ตอนสร้างตัวละครแล้วว่าอยากให้ตัวละครของเราเกิดมามีปูมหลังยังไง และเป็นคนประเภทไหน ก่อนที่จะเริ่มเนื้อเรื่องหลักของเกมตามเหตุการณ์ที่เราเกริ่นไว้ข้างบนเกี่ยวกับดาว Atoma Prime เพียงแต่ด้วยรูปแบบการเล่นแบบ FPS Co-op แบบนี้ ทำให้มันเป็นข้อเสียในแง่ของการเล่าเรื่อง เพราะมันไม่สามารถเล่าเรื่องแบบเป็นเส้นตรงแบบเกมอื่น ๆ ได้ ผู้เล่นอาจจะต้องปะติดปะต่อเรื่องราวเอาเอง ซึ่งจากเดิมที่ใครงงเกี่ยวกับจักรวาล Warhammer อยู่แล้ว เจอการนำเสนอเนื้อเรื่องแบบนี้เข้าไป อาจจะงงหนักกว่าเดิมก็เป็นได้เอาเป็นว่าในส่วนของเนื้อเรื่องนั้น ไม่ใช่ปัญหา แม้ว่าคุณจะไม่ได้เข้าใจเรื่องราวและโลกของ Warhammer หรือ Warhammer 40,000 ดีสักเท่าไร แต่เราก็สามารถที่จะสนุกไปกับตัวเกมได้ เพียงแต่เราอาจจะไม่ได้อินในส่วนของเนื้อเรื่องนัก แต่ที่บอกว่าไม่ใ่ชปัญหา เพราะเกมเพลย์และ Progression ของเกมนี้ก็ถือว่าสนุก เข้มข้นไม่แพ้เกม FPS Co-op เกมอื่น ๆ เลยด้วยอีกหนึ่งรสชาติความสนุกของเกมแนว FPS Co-op ภายใต้ฉากหลังของโลก Warhammerความโดดเด่นของ Darktide ที่แตกต่างไปจากเกมอื่น ๆ คือการหยิบยืมเอาฉากหลังและโลกภายในจักรวาลของ Warhammer 40,000 มานำเสนอ ในภาคนี้แม้จะมีกลิ่นอายแบบ Sci-Fi ผสมอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่ Sci-Fi ล้ำอนาคต แต่เป็นเหมือนกับยุค Dystopian มากกว่า ใครทไม่ค่อยชอบความมืด ความอึมครึม และบรรยากาศที่น่าอึดอัด อาจจะไม่ถูกจริตกับเกมนี้ เพราะหาสถานที่สว่าง ๆ สดใสแทบจะไม่ได้เลย หลากหลายฉากภายในเกมจะเป็นพื้นที่ปิด หรือพื้นที่เปิดโล่งเพียงเล็กน้อย เอื้อต่อการทำภารกิจบางอย่างกับเราเพียงเท่านั้น การนำเสนอและโหมดการเล่นของเกมนี้จะคล้าย ๆ กับเกม FPS Co-op ทั่วไป คือเราจะหาห้องที่ผู้เล่นอื่นสร้างไว้ หรือเราจะสร้างขึ้นมาเองแล้วรอคนอื่นมา Join ก็ได้ ถ้าระหว่างนั้นไม่มีคนมา Join เล่นด้วย ก็จะเป็น Bot หรือ A.I. มาควบคุมแทน หรือถ้าใครหงุดหงิดกับเพื่อนร่วมทีมไม่เป็นงาน จะล็อกเป็น Private Game ลุยไปกับบอทเฉย ๆ เลยก็ทำได้ บอทเกมนี้ถ้าเทียบกับเกมอื่น ๆ แล้วก็ถือว่ามีความเฉลียวฉลาดอยู่บ้าง แต่ในสถานการณ์หนัก ๆ ก็อาจจะยังไม่ได้เรื่องได้ราวนัก แต่ถ้าเอาไว้เล่นฟาร์ม เก็บเลเวล หรือลุยเนื้อเรื่องคนเดียวก็ยังถือว่ามีประโยชน์อยู่ดีกราฟิก อาจจะเป็นจุดที่หลายคนต้องมานั่งถกเถียงกันว่า สรุปแล้วมันสวยหรือไม่สวยกันแน่ ในช่วงของเกมเพลย์การเล่นนั้น ไม่มีปัญหา ตัวเกมแสดงให้เห็นว่าภาพของเกมยุคปัจจุบันนี้จะออกมาเป็นยังไง สวยงามสมยุคสมัยแน่นอน แต่ที่ผู้เขียนรู้สึกแปลก ๆ คือเรื่องของฉากคัทซีต ที่มันมีการแสดงผล และมีความแปลกในส่วนของงานภาพ ที่ดูจะมีเส้นสีขาว ๆ เป็นเฉดหนาอยู่รอบตัวตลอดเวลา ทีแรกก็นึกว่าบั๊กกราฟิก แต่ที่ไหนได้ มันเป็นแบบนี้ทั้งเกม และดูจากของผู้เล่นอื่น ก็เป็นเหมือนกัน สำหรับส่วนนี้เป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล แต่สำหรับผู้เขียน รู้สึกว่ามันแปลกตาไปบ้างคอนเทนต์และเกมการเล่นตอนนี้ส่วนมากจะเป็นการตะลุยไปตามด่าน ทำภารกิจเนื้อเรื่องที่ได้รับมอบหมาย จากนั้นรับของรางวัล และอัปเกรดเลเวลตัวละครให้สูงขึ้น เพื่อปลดล็อคประสิทธิภาพและสกิลใหม่ ๆ ทำให้เกมการเล่นสะดวกขึ้น และกลับไปลุยด่านเดิม ๆ ซ้ำเพื่ออัปเกรดเป็นลูปวนไป ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของเกมแนวนี้อยู่แล้ว ใครที่ชอบก็จะชอบไปเลย ส่วนคนที่ไม่ชอบ เบื่อง่าย หรือไม่ชอบเล่นอะไรซ้ำ ๆ ก็อาจจะไม่ชอบไปเลยเช่นกัน ซึ่งปกติแล้วเกมแนวนี้ หากเก็บ Progression ได้ตามที่ต้องการแล้ว ถ้าคอนเทนต์ช่วง Endgame ไม่น่าสนใจ หรือไม่น่าดึงดูดพอก็อาจจะรั้งผู้เล่นไว้ได้ยากสักหน่อย แต่สำหรับทีม Fatshark ผู้ดูแล Vermintide 2 มาอย่างยาวนานกว่า 4 ปีเต็ม ก็เชื่อมือได้เลยว่าพวกเขาน่าจะทำแบบเดียวกันกับ Darktide นี้ด้วยดุเดือด นัว ระทึก มันส์ทั้งยิง และสู้ประชิดสำหรับเกมเพลย์ของ Darktide ต้องบอกว่า ไม่รู้จะบรรยายยังไงให้มันรู้สึกน่าเล่น ตื่นเต้น น่าเข้าไปลองเหมือนเกมอื่น ๆ เพราะหากคุณเป็นผู้เล่นเกม FPS Co-op มาแต่ไหนแต่ไร ผ่านเกมเด็ด ๆ มามากอย่าง Left 4 Dead, World War Z หรือแม้แต่ Back 4 Blood คุณก็น่าจะเข้าใจกฎกติการ และเกมการเล่นของเกมแนวนี้ดีอยู๋แล้ว หลัก ๆ คือจะเป็นการ Co-op ร่วมมือกันเอาตัวรอด ฝ่าด่านฝูงศัตรูที่เป็นพวก Undead และพวก Specialist สุดโหด ทำภารกิจและเงื่อนไขต่าง ๆ ให้ได้ เพื่อจบภารกิจและรับรางวัลสูงสุดสิ่งที่ต้องเรียนรู้กันก่อนคือเรื่องของคลาสตัวละครที่มีให้เลือกต่างกันถึง 4 คลาส และแต่ละคลาสก็จะเชี่ยวชาญความสามารถ และมีสกิลที่แตกต่างกันออกไป คลาสทั้งหมดแบ่งเป็น Psyker ที่เชี่ยวชาญในการต่อสู้กับศัตรูประเภท Elite หรือ Specialist - Veteran ที่เชี่ยวชาญการโจมตีระยะไกล - Zealot เชี่ยวชาญการโจมตีประชิดและฟื้นฟูพลังชีวิต + สู้กับศัตรูประเภทเกราะได้ดี - Ogryn เชี่ยวชาญการต่อสู้ตะลุมบอน และเหมาะกับการรับมือ Horde หรือฝูงศัตรูจะเห็นได้ว่าทั้ง 4 คลาสเชี่ยวชาญการต่อสู้ในแต่ละสถานการณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ที่จริงแล้วทุกสถานการณ์ที่แต่ละคลาสเชี่ยวชาญนั้น มักจะเจอแบบทุกอย่างในเกมการเล่นรอบเดียว หรือหนักกว่านั้นคือ ทั้ง 4 สถานการณ์นี้อาจจะเกิดขึ้นพร้อมกัน ความโกลาหล และความวุ่นวายนี้ เป็นบรรยากาศเดียวกันกับเกม FPS Co-op รุ่นพี่เกมอื่น ๆ แต่ก็ใส่ความเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองเข้ามา ยกตัวอย่างเช่นในบางเงื่อนไข จะต้องใช้เครื่องมือกดตัวอักษรให้ถูก ท่ามกลางบรรยากาศที่กดดัน ทั้งฝูงศัตรู ทั้งเพื่อนร่วมทีมที่อาจจะตายมิตายแหล่อยู่แล้ว บางอย่างของเกมนี้ก็มีจุดเด่นเป็นของตัวเองแบบนี้ความช่วยเหลือต่าง ๆ จะถูกวางไว้ระหว่างทางการเล่นของเกม และเกมนี้หากคุณเล่นคลาสที่ไม่ใช้อาวุธปืน มันจะกินกระสุนเยอะมาก เยอะเกินความจำเป็น อย่างเช่นตัวผู้เขียนที่เลือกเล่นคลาส Zealot ที่เน้นการโจมตีระยะประชิด อาวุธรองก็จะเป็นปืนกลเบา ที่มีความสามารถในระดับหนึ่ง แต่ไม่ได้โดดเด่นเท่า Veteran หากเจอศัตรูระดับ Elite การเข้าถึงตัวพวกมันก็จะเป็นเรื่องยาก ทำให้ Veteran โดดเด่นขึ้นมา หรือเมื่อเจอฝูง Horde ที่มากันแบบมืดฟ้ามัวดิน จึงเป็นหน่าที่ของ Ogryn ที่สามารถจัดการเวฟศัตรูได้รวดเร็ว Zealot เองอาจจะมีบทบาทในการล่อศัตรูเพราะพลังชีวิตเยอะ และเคลียร์ศัตรูได้ง่าย ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือว่าเป็นสูตรสำเร็จของเกม FPS Co-op ที่แต่ละตัวละครจะมีความสามารถที่ชัดเจน แต่อุปสรรคเองก็พร้อมจะสู้เรากลับเช่นกันระบบการบาดเจ็บของเกมนี้จะทำงานคล้าย ๆ กับ Back 4 Blood ตัวละครของผู้เล่นจะมีค่าพลังสองอย่าง อย่างแรกคือค่าเกราะ เมื่อเราถูกโจมตี ดาเมจจะไปลดตรงค่าเกราะก่อนเป็นอย่างแรก และค่าเกราะ หากไม่ถูกโจมตีสักระยะหนึ่ง มันจะรีเจ็นฟื้นขึ้นมาเองได้ จะมีความสามารถพิเศษของ Zealot ที่เวลาใช้การโจมตีประชิดสังหารศัตรูได้ จะช่วยฟื้นค่าเกราะให้ด้วย และหากเกราะหมด ความเสียหายก็จะไปหักลบพลังชีวิตแทน แต่ยังมีสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือการโจมตีแบบพิเศษ จำพวกสารพิษ หรือการโจมตีหนักจากศัตรูประเภทต่าง ๆ ที่จะไปลดพลังชีวิตสูงสุดของเราโดยตรง และถ้าพลังชีวิตสูงสุดของเราลดลงก็จะเป็นปัญหาทันที เพราะเราจะรับดาเมจได้น้อยลง วิธีเดียวที่จะฟื้นฟูพลังชีวิตสูงสุดของเราให้กลับคืนมาเต็มเหมือนเดิมได้ก็คือหาตู้ฟื้นพลังชีวิตที่อยู่ตามฉาก ซึ่งก็จะมีน้อยมาก และใน 1 ตู้จะใช้ได้ 4 ครั้ง เทียบเท่ากับจำนวนสมาชิกสูงสุดของทีม คล้าย ๆ Medical Cabinet ใน Back 4 Bloodในด้านความหลากหลายของศัตรู ก็ถือว่าเป็นการเอาของเก่าจากเกมอื่น ๆ มาต่อยอด ไม่ว่าจะเป็น Poxbuster ที่เหมือน Boomer ในเกมอื่น ๆ Pox Hound ที่จะทำให้เราล้มลงและตอบโต้อะไรไม่ได้ ต้องให้เพื่อนช่วยเท่านั้น ซึ่งตัวประเภท Pox Hound นั้น ยังมีอีกมากมาย เช่นศัตรูที่ใช้ตาข่ายไฟฟ้ารัดเราไว้ ต้องรอเพื่อนมาช่วยอย่างเดียว กล่าวคือเกมนี้ หัวใจสำคัญยังคงเป็นความพยายามในการผ่านด่านแบบร่วมมือกัน ไม่อย่างนั้นก็ไม่รอดแน่ ๆ แม้จะดูว่ามันมักง่ายไปหน่อยที่เอาของจากเกมอื่นมาใส่เป็นของตัวเอง แต่ก็ถือว่ายังเป็นมาตรฐานเกมที่เล่นสนุกได้อยู่ดีเมื่อเล่นจบในแต่ละรอบ เราจะได้รับ EXP ที่เอามาอัปเลเวล การอัปเลเวลจะทำให้เราปลดล็อคสกิลและความสามารถต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น และสุ่มได้รับอาวุธอุปกรณ์ใหม่ ๆ มา เราสามารถเปรียบเทียบกับอุปกรณ์ในตัวได้ว่าชิ้นไหนดีกว่า แม้บางชิ้นจะมีค่าพลังที่สูงกว่า แต่ก็อาจจะไม่ได้ดีกว่าเสมอไป ดังนั้นก่อนเปลี่ยนอุปกรณ์ต้องศึกษาดูให้ดี อย่ามองแค่ว่าตัวเลขพลังเยอะแล้วจะดีกว่า นอกจากนั้นเมื่อเลเวลเราสูงขึ้น จะปลดล็อคระบบต่าง ๆ ภายใน HUB หรือศูนย์กลางของผู้เล่น ที่จะมีการนำเอาอาวุธเก่าไปแลกเปลี่ยนเป็นของใหม่ หรือใช้เงินซื้อของดี ๆ มาใช้โดยตรงได้เลยด้วยข้อเสียของเกมนี้ที่ผู้เขียนสัมผัสได้คือ การใช้เวลาในการเคลียร์ฉากแต่ละฉากของเกมนี้จะนานกว่าเกมอื่น ๆ มาก อย่างต่ำเลยก็ 20 นาที ถ้ารอบไหนตึงมือ หรือเจอคนเล่นไม่เป็นงานก็อาจจะอยู่ที่ 30 นาทีขึ้นไปด้วยซ้ำ ยังไม่รวมมหากาพย์ระหว่างทาง ที่อาจจะเจอวิบากกรรมในการเล่นตลอดเวลา แต่อย่างน้อย หากมีผู้เล่นหลุดระหว่างเกมการเล่น เราสามารถที่จะ Reconnect กลับเข้ามาในเกมได้ตลอดเวลา แต่กับเกมแนว FPS Co-op ด้วยกันแล้ว เกมนี้ถือว่าใช้เวลาในการเล่นนานกว่ามากการ์ดจออาจไม่ต้องสุด แต่ CPU คุณต้องแรงพอส่งท้ายกันด้วยเรื่องประสิทธิภาพของตัวเกมกันหน่อย เพราะเดี๋ยวจะหาว่าเราไม่เตือน ส่วนของการ์ดจอนั้น แม้ตัวเกมจะต้องการสูงถึง RTX 2060 แต่การ์ดต่ำกว่านั้นก็สามารถเล่นได้ แถมไม่ได้กินแรงการ์ดจอมากขนาดนั้นด้วย แต่ที่มันกินหนักจริง ๆ คือ CPU อาจจะเพราะจำนวนพวก Undead ที่ปรากฎตัวออกมาอย่างล้นหลามในฉากเดียว รวมไปถึงการต่อสู้กับบอสและฉากใหญ่ ๆ นั้น มีค่อนข้างเยอะ ในขณะที่ฉากในเกมส่วนมากเป็นฉากปิด ไม่ใช่ Open World มันจึงไม่ได้กินแรงการ์ดจอเยอะ แต่กิน CPU มากเป็นพิเศษ ดังนั้นใครคิดจะเล่นเกมนี้ก็อยากให้เช็ค CPU มาเป็นอันดับแรก ส่วนการ์ดจอกลาง ๆ ยังไงก็ไหวแน่ ๆ และเป็นธรรมเนียมของเกมยุคสมัยใหม่ไปแล้ว ที่มักจะเกิดปัญหาตอนเกมเปิดตัวเสมอ Darktide นั้น เปิดให้เล่นกันมา 1 สัปดาห์ก่อนวันวางจำหน่ายจริง แต่ตัวเกมกลับมีปัญหาในด้าน Performance ด้วย ไม่ว่าจะเป็นอาการเฟรมเรทดรอป หรือกระตุก และบั๊กการแสดงผลกราฟิกต่าง ๆ แม้จะไมไ่ด้เละมากจนเล่นไม่ได้ แต่ก็โดนแฟนเกมวิจารณ์กันพอสมควรเลยทีเดียวสำหรับปัญหานี้สรุปว่า Warhammer 40,000: Darktide อาจไม่ใช่แนวเกมที่สดใหม่จนห้ามพลาด แต่สำหรับใครที่ชื่นชอบเกมแนว FPS Co-op ชอบบรรยากาศ กลิ่นอาย Dystopian ชอบบู๊แหลกไปกับคนอื่น ๆ มันก็ยังเป็นอีกเกมที่ถือว่าสนุก แต่อาจจะไม่น่าจดจำเท่าไรนัก และสำหรับสมาชิก Xbox Game Pass สามารถโหลดมาเล่นกันได้เลยด้วย ไม่ต้องเสียเงินซื้อ
07 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม Need for Speed Unbound ซีรีส์เกมซิ่งสุดเก๋า กับการยกเครื่องกราฟิกแนวการ์ตูนที่ไม่เหมือนใคร
ห่างหายไปนานถึง 3 ปีเต็ม สำหรับซีรีส์ Need for Speed เพราะถูกดึงทรัพยากรไปช่วยทำเกม Battlefield 2042 (ที่อาการสาหัสอยู่ในตอนนี้) และการกลับมาในรอบ 3 ปีที่มาพร้อมลุคใหม่ แนวทางใหม่ จะเป็นยังไง มาดูกันได้ในรีวิว Need for Speed Unboundเนื้อเรื่องที่สนใจก็ได้ ไม่สนใจก็ได้ ตามสูตรเดิมLakeshore เมืองสมมุติที่อ้างอิงและจำลองมาเมืองชิคาโกของสหรัฐอเมริกา กลายเป็นฉากหลังของเหล่านักซิ่งและกลายเป็นสนามประลองของเหล่าตีนผีที่พร้อมจะปั่นป่วนถนนให้ลุกเป็นไฟทั้งในเวลากลางวันและกลางคืน ผู้เล่นจะรับบทเป็นหนึ่งในนักซิ่งโนเนมที่มีเป้าหมายในการไต่เต้าขึ้นเป็นยอดนักขับที่มีชื่อเสียงและร่ำรวยในเวลาเดียวกัน การตระเวณแข่งรถ เพื่อขึ้นสู่จุดสูงสุดจึงเริ่มต้นขึ้น ณ เมือง Lakeshore แห่งนี้แต่เดิมนั้น Need for Speed ก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากในด้านการเล่าเรื่องอยู่แล้ว ในภาคนี้เองก็เหมือนจะเป็นอย่างนั้นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคนี้ที่เราไม่ได้ออกแบบตัวละครเองได้อย่างอิสระ แต่มี Preset ตัวละครที่หลากหลายมาให้เราเลือกใช้งานแทน และอย่าแปลกใจถ้าเกิดว่าคุณลุยเล่นเกมนี้จนจบแล้ว ก็ยังจับต้นชนปลายหรือจำหน้า หรือตัวละครบางตัวไม่ได้เลย เพราะเกมนี้มีคัทซีนให้ได้ดูกันน้อยมาก ๆ ตลอดทั้งเกม รวมกันแล้วอาจจะมีอยู่เพียง 20-30 นาทีเท่านั้น และด้วยการนำเสนอกราฟิกแบบใหม่ ที่เป็นการนำเสนอกึ่งการ์ตูน กึ่งสมจริง (Official เรียกว่าการนำเสนอแบบกราฟิตี้) ยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าตัวละครแต่ละตัว หรือแม้กระทั่งตัวเราเองนั้น ไม่น่าจดจำเอาซะเลย ดังนั้นอย่าแปลกใจว่า ทำไมเนื้อเรื่องมันดูไม่ค่อยมีอะไร หรือธรรมดาไปเสียหน่อย เพราะหากวัดกันแค่เนื้อเรื่องแล้วล่ะก็ Need for Speed Unbound ก็อาจจะเป็นบทหรือพล็อตสำเร็จรูปที่ไม่ได้หวือหวาอะไร แม้ว่าหลายคนจะอยากให้เนื้อเรื่องของเกมนี้เข้มข้น และระทึกขึ้นมาบ้าง แต่หากเป็นแบบนั้น เราอาจจะได้เนื้อหาแบบภาค The Run แทน ซึ่งก็ไม่อาจจะการันตีใด ๆ ได้ว่ามันจะออกมาดีทำให้เนื้อเรื่อง แม้จะเป็นอีกครั้งที่ Need for Speed ทำได้ธรรมดามาก ๆ แต่ไปโดดเด่นอย่างมากในแง่ของการนำเสนอและเกมเพลย์แทนที่เรากำลังจะพูดถึงต่อจากนี้การนำเสนอที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ ต่อยอดของเดิมที่มีอยู่สิ่งที่ Need for Speed โดดเด่นมาทุกภาค คือเรื่องของการนำเสนอที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองมาทุกภาค แม้บางภาคจะจืดไปบ้าง แต่ก็ถือว่าทุกภาคล้วนน่าสนใจ และมีจุดขายและจุดจดจำประจำภาค นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ภาคนี้ฉีกแนวไปแบบสุดทาง และเมื่อตอนเปิดตัวอาจจะทำให้ใครหลายคนถึงขั้นไม่ชอบเลยด้วยซ้ำ ก็คือการนำเสนอในรูปแบบกึ่งการ์ตูนกึ่งสมจริง หรือแบบกราฟิตี้ ที่ทำให้ตัวเกมมีความเป็นการ์ตูนที่มีเส้นหนารอบ ๆ หรือ Cell Shade แต่ถึงจะเป็นการนำเสนอแบบกราฟิตี้ก็ใช่ว่าจะตัดความสมจริงไปเลย เพราะกราฟิกที่นำเสนอแบบกราฟิตี้นั้น จะถูกใช้กับส่วนของตัวละครและคาแรคเตอร์ต่าง ๆ เท่านั้น แต่โมเดลรถและบรรยากาศภายในเมือง รวมไปถึงวัตถุต่าง ๆ จะยังคงเป็นแบบสมจริงอยู่ เรียกได้ว่าเป็นการพบกันครึ่งทางระหว่างคนชอบกราฟิกแบบสมจริงและกราฟิกแบบการ์ตูนและสิ่งที่ผู้เล่นเลือกที่จะปรับเปิด-ปิดได้ตามใจชอบ คือกราฟิกแบบกราฟิตี้ แต่ถูกแสดงออกมาผ่านการแข่งขัน เป็นเอฟเฟคท์ของรถ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าโค้ง การดริฟท์ การกดไนตรัส หรือแม้กระทั่งการทะยานไปบนอากาศแล้วร่วงลงมา ก็จะมีกราฟิกแบบกราฟิตี้ต่าง ๆ แน่นอนว่าระบบนี้ถือเป็นอะไรที่แปลกใหม่มากในซีรีส์ Need For Speed แต่เราเห็นได้ชัดเจนนับตั้งแต่การเปิดตัวเลยว่า มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ ซึ่งโชคดีมากที่ตัวเกมสามารถเลือกที่จะ เปิด-ปิด กราฟิกเหล่านี้ได้ และสิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้กราฟิกเลยก็คือเรื่องของเพลง โดยในภาคนี้ได้ A$AP Rocky มาร่วมทำเพลงให้ แถมยังเป็นตัวละครอยู่ในเกมด้วย รวมไปถึงแรปเปอร์และศิลปินชื่อดังอีกมากมาย แฟนเกมที่เป็นแฟนเพลงสายแร็พอยู่แล้ว น่าจะจุใจกับเกมนี้แน่นอน ทีนี้มาดูเรื่องบรรยากาศภายในเมืองกันบ้าง อย่างที่บอกไปว่า ภาคนี้ Lakeshore คือเมืองที่จำลองมาจากชิคาโก เรื่องของความหรูหราอลังการของบรรยากาศในเมืองภาคนี้ ก็ต้องบอกว่าไม่เป็นสองรองเกมไหน ๆ และที่หลายคนบ่นอุบมาหลายภาค ว่าตัวเมืองดูไม่ค่อยจะมีชีวิตชีวาเอาซะเลย ภาคนี้ก็ถือว่าปรับปรุงมาได้ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่สุดอยู่ดี จริงอยู่ว่า เราได้เห็นเมือง Lakeshore ที่มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น เราได้เห็นผู้คนสัญจรไปมาในตัวเมืองมากขึ้น แต่มันก็ยังไม่ได้สมจริงสมจัง หรือกลายเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวามากขนาดนั้น บางจุดที่ควรจะมีคนก็แห้งแล้ง ไร้ซึ่งบรรยากาศหรือสัญญาณของชีวิต ในขณะที่บางจุดดูไม่น่าจะมีคนก็มีคนขึ้นมาซะเฉย ๆ และโชคดีที่เกมนี้ไม่ได้โหดร้ายอะไรมากขนาดนั้น เพราะทุกครั้งที่รถผู้เล่นโฉบเข้าไปใกล้ หรือทำท่าจะชน ตัวละคร NPC ที่เป็นชาวเมืองเหล่านั้นก็จะกระโดดหลบได้ราวกับพระเอก นางเอกหนังบู๊ ไม่มีการชนกันจนถึงเลือดตกยางออกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่น่ารำคาญใจแทน คือเรื่องของอัตราการเกิดของจำนวนคน ที่บางทีก็เกิดผิดที่ผิดทาง ทำให้บรรยากาศและอารมณ์ร่วมขาดหายไปพอสมควรเลยทีเดียวไม่ใช่แค่ในส่วนของผู้คนเท่านั้น แต่เหล่ารถราในเมืองที่เป็น NPC เองก็ด้วย บางช่วงก็ดูหนาแน่น จนทำให้การขับขี่ของเราลำบาก แต่บางช่วงก็โล่งอย่างกับเมืองผีสิง หรือบางทีก็มันเกิดเยอะ ๆ ตอนเรากำลังทำภารกิจแข่งขันอยู่ บอกได้ว่าการ Spawn ของ A.I. เกมนี้ มันไม่แน่นอนเอาซะเลย ถ้าตรงนี้ถูกปรับปรุงแก้ไข หรือขัดเกลามาดีกว่านี้ การนำเสนอของภาคนี้จะเข้าขั้นยอดเยี่ยมเลยทีเดียว น่าเสียดายที่หากจะต้องรีวิวแบบตัดคะแนน ตรงนี้จะเป็นส่วนที่โดนตัดไปและด้วยบรรยากาศตัวเมืองยุคปัจจุบัน กับการเลือกใส่กราฟิกแบบลูกเล่นแบบกราฟิตี้ Need for Speed Unbound จึงกลายเป็นอีกเกมที่มีเอกลักษณ์ในด้าน Presentation สูงมาก ทีนี้ก็อยู่ที่จริตของผู้เล่น ว่าจะชอบ หรือไม่ชอบ เพราะแม้จะตั้งค่าเปิด-ปิด ได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกอย่าง หรือทุกส่วนอยู่ดีเกมเพลย์ที่ถูกปรับปรุงให้เล่นได้ง่ายขึ้น ไม่ใช่แฟนเกมขับรถก็สนุกได้ต้องออกตัวก่อนว่าผู้เขียนอาจไม่ใช่แฟนตัวยงของ Need for Speed สักเท่าไรนัก ภาค Heat ก็ไม่ได้ชอบมากขนาดนั้น แต่ในภาค Unbound นี้ กลับกลายเป็นภาคที่สามารถนั่งเล่นได้ยาว ๆ แบบไม่มีเบื่อ ซึ่งต้องยอมรับว่ามันเป็นผลมาจากการนำเสนอของภาคนี้ด้วยในระดับหนึ่ง (ใช่แล้ว ผมชอบกราฟิตี้) แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้สนุกขึ้น เหมือนจะเป็นการปรับปรุงระบบบางอย่างให้อยู่ตรงกลางระหว่างคนเล่นเก่าและใหม่ในภาค Heat นั้น สิ่งที่คนพูดถึงกันมากพอสมควร คือเรื่องความโหดของพวกตำรวจที่ไล่ล่าผู้เล่นชนิดกัดไม่ปล่อย กว่าจะสลัดหลุดได้ ทำเอาเหนื่อยจนอยากเลิกเล่นไปทำอย่างอื่น แต่พอมากภาคนี้ ตำรวจก็โดนเนิร์ฟลงไปมากพอสมควรเลยทีเดียว เอาแค่ช่วงแรก ขับหนีแปปเดียวก็สลัดหลุดได้ง่าย ๆ แล้ว ใครที่เกลียดตำรวจโหดภาคที่แล้ว มาภาคนี้รับรองว่าง่ายสมใจ แต่อาจจะหงุดหงิดเพราะมันง่ายเกินไปด้วยก็มีแน่ ๆเกมเพลย์ของ Need For Speed จะเป็นอะไรไปอีกได้ นอกจากการแข่งรถ และขับรถไปทั่วเมือง ในเกมนี้จะมีการแบ่งเวลาเป็นทั้งกลางวัน และกลางคืน แต่ละช่วงเวลาจะมีอีเวนท์ต่าง ๆ เกิดขึ้นไม่เหมือนกัน เอาที่โดดเด่นและเด่นชัดมากคือช่วงเวลากลางคืนนั้น จะมีตำรวจออกมาเพ่นพ่านคอยไล่ล่าผู้เล่นมากกว่าปกติ ส่วนเวลากลางวันนั้นก็มีบ้าง และบรรยากาศของทั้งสองช่วงเวลาจะแตกต่างกันด้วย สำหรับการแข่งขันในภาคนี้ จะมีการวางเงินเดิมพัน และหากแพ้ก็อาจจะเสียเงินเดิมพันไปด้วย แต่เกมก็ไม่ได้ใจร้ายกับเราขนาดนั้น เพราะรายการไหนที่ใช้เงินเดิมพันสูง จะมีการเตือนก่อน และถ้าเงินเราไม่พอจะวางเดิมพันก็ลงแข่งไม่ได้ด้วย อย่าหวังจะกินเงินก้อนใหญ่ฟรี ๆ ในระหว่างการแข่งเอง เราก็สามารถสะสมไนตรัสเอาไว้เร่งความเร็วได้จากหลากหลายวิธี แน่นอนว่ายังคงเป็นวิธีเสี่ยงอันตรายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นขับรถสวนเลน การดราฟท์หรือการจ่อท้ายรถคันอื่นไปเรื่อย ๆ หรือแม้กระทั่งการดริฟท์ต่าง ๆ และการเล่นท่ายากระหว่างการแข่งขันจะเป็นตัวช่วยเติมไนตรัสของเราทั้งสิ้น โหมดการแข่งขันต่าง ๆ ก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม บางโหมดก็อาจจะต้องพึ่งสไตล์รถที่ต่างกัน เน้นดริฟท์ เน้นทางตรง เน้นการเข้าโค้ง ซึ่งผู้เล่นแต่ละคนก็อาจจะต้องเลือกรถแต่ละคันมาใช้งานเอาเองว่าคันไหนที่เหมาะกับการแข่งแต่ละรอบหากแข่งในเวลากลางวัน จบแล้วอาจจะไม่มีอะไรมาก แต่หากแข่งจบในเวลากลางคืน เราอาจจะต้องซิ่งกันต่อก๊อกที่ 2 เพราะตำรวจจะเริ่มไล่ล่าเราต่อทันทีหลังการแข่งขันจบลง แต่ก็อย่างที่กล่าวไว้ด้านบน ตำรวจภาคนี้มันดูไม่ค่อยจะโหดสักเท่าไร เว้นแต่คุณปรับความยาก ใครที่อยากโหด อยากมัน ก็อาจจะผิดหวังนิดหน่อย และเช่นเดิมกับภาค Heat เมื่อผ่านพ้นเวลากลางคืน และกลับไปที่โรงรถได้ เกมก็จะสรุปกิจกรรมต่าง ๆ ที่เราทำในคืนนั้น คำนวณเงินและค่าประสบการณ์ให้ ซึ่งนำไปสู่ระบบต่อไปที่สำคัญสำหรับแฟนเกมนี้ คือเรื่องของการแต่งรถบอกเลยว่าใครที่เป็นเนิร์ดเกี่ยวกับรถยนต์ ชื่นชอบการแต่งรถ ภาคนี้ก็จะยังสนุกกับระบบนี้ได้อย่างเต็มที่ เพราะการแต่งรถภาคนี้ยังคงจัดหนัก จัดเต็ม และละเอียดมาก แต่งได้แทบจะทุกส่วนเลยก็ว่าได้ ฝากระโปรงหน้าหลัง สปอยเลอร์ หน้าต่าง กระจก ประตู ได้หมด และภาคนี้เป็นภาคแรกที่สามารถถอดกระจังหน้าได้ด้วย ใครอยากแต่งรถสายแปลก ๆ ให้มันออกมาหน้าตาประหลาด ๆ ก็ทำได้ หรืออยากแต่งรถโคตรหรู แต่เสียงแตรเป็นรถไอศกรีมกรุ๊งกริ๊งก็ทำได้เช่นกันและภาคนี้ยังมาพร้อมระบบสำหรับคนขี้เกียจแต่งจริง ๆ ด้วยการมาถึงของ Bodykit สำเร็จรูป ระบบนี้จะคล้าย ๆ กับ Blueprint หรือพิมพ์เขียวของรถคันนั้น เพียงจ่ายเงินซื้อมา และกดติดตั้ง รถของเราก็จะถูกปรับแต่งให้เป็นแบบที่เลือกไว้ ขจัดปัญหาขี้เกียจแต่งได้เป็นอย่างดี ส่วนการจูนรถ ปรับรถ ก็ไปทำกันต่อด้วยตัวเองได้เช่นกัน งานนี้เอาใจครบทั้งคนที่อยากแต่งเองอย่างเต็มที่ หรือขี้เกียจแต่ง อยากเล่นเฉย ๆ สำหรับข้อเสียของภาคน้ก็ต้องบอกว่ามีบ้าง แต่ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไปนัก เอาที่เด่นชัดที่สุดเลยคือ ความมืดของสนามแข่งในช่วงตอนกลางคืน หากเราไม่ปรับความาสว่างของหน้าจอ มันก็จะมืดมาก มืดจนแทบมองไม่เห็นทางด้านหน้า และหากเป็นการแข่ง Night Racing รับรองว่ามีแหกโค้ง ชนกันยับบ้างแน่นอน จนกว่าเราจะชินสนามไปเอง เราอาจจะปรับตั้งค่าตัวเกมเองได้ แต่ความเห็นส่วนตัวผู้เขียนรู้สึกว่ามันก็ยังมืดเกินไปอยู่ดี ใครจะเล่นช่วงกลางคืนอาจจะต้องปรับแสงสว่างเพิ่่มขึ้นสักเล็กน้อยNeed For Speed Unbound เป็นการกลับมาในรอบ 3 ปีของซีรีส์ Need For Speed ที่ต้องบอกว่าน่าประทับใจ และเหมือนว่าทีมสร้างหาจุดลงตัวระหว่างคนเล่นเก่าและคนเล่นใหม่ได้เป็นอย่างดี ทีนี้ก็ต้องวัดกันต่อในระยะยาวว่า คอนเทนต์ที่จะมาถึงในอนาคตนั้น จะมัดใจแฟนเกมนี้ไว้ได้นานแค่ไหน
06 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม Marvel's Midnight Suns เกมการ์ดซุปเปอร์ฮีโร่ที่สนุกและชวนง่วงในเวลาเดียวกัน
เมื่อพูดถึงเกมที่สร้างโดยอิงจาก IP หรือแฟรนไชส์ชื่อดัง ๆ สิ่งหนึ่งที่แฟน ๆ ของแฟรนไชส์เหล่านี้คาดหวังจะได้เห็น คือการที่ทีมงานผู้รับผิดชอบโปรเจกต์มี 'แพชชัน' หรือใจรักให้กับแฟรนไชส์ที่พวกเขากำลังจะดัดแปลง ซึ่งก็ในทางทฤษฏีก็จะนำไปสู่ผลงานที่เคารพและเข้าใจความคาดหวังของแฟนแฟรนไชส์ เพราะพวกเขาเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มแฟนที่ว่านี้ซะเองเช่นเดียวกันแต่ในบางครั้ง การที่ผู้รับผิดชอบโปรเจกต์เหล่านี้เป็นแฟนตัวยงของแฟรนไชส์ที่ตัวเองกำลังดัดแปลง ก็อาจจะส่งผลเสียต่อตัวเกมได้เช่นกัน ซึ่ง Marvel Midnight's Suns อาจเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของปรากฏการณ์นี้ที่ผู้เขียนได้พบมาในรอบหลายปีเลยทีเดียว โดยแม้ว่าเกมจะมีระบบเกมเพลย์สไตล์การ์ดเกมที่สนุกเพลิดเพลิน รวมถึงบทพูดและตัวละครที่มีเสน่ห์ แต่เกมเพลย์ฟาก Social Sim (จำลองการใช้ชีวิต) ของเกมกลับตกม้าตายอย่างน่าเสียดาย จากการที่เกมมีบทพูดและฉากสนทนาเยอะมากเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่มีเป้าหมายเพื่อเล่นมุขหรือปล่อย Easter Egg เอาใจแฟน Marvel เท่านั้น จนรู้สึกว่าผู้พัฒนาอาจจะเขียนบทมันส์มือกันไปหน่อย และทำให้ประสบการณ์โดยรวมของเกมมีความไม่สม่ำเสมอเป็นอย่างมากหากคุณเป็นแฟนตัวยงของจักรวาลมาร์เวล โดยเฉพาะในส่วนของหนังสือการ์ตูน รับประกันว่า Marvel's Midnight Suns จะมีอะไรให้คุณได้ตื่นเต้นอมยิ้มเต็มอิ่มอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าคุณไม่ได้อินจักรวาลมาร์เวลระดับซุปเปอร์แฟน ที่สามารถนั่งอ่าน/ดู/ฟังบทสนทนาระหว่างตัวละครฮีโร่ชื่อดังเหล่านี้ได้เรื่อย ๆ เกมนี้ก็อาจจะมีอะไรให้รู้สึกติดขัดน่ารำคสญอยู่ไม่น้อยเช่นกันเนื้อเรื่องสูตรสำเร็จสไตล์มาร์เวล ให้คุณเสพจนลงแดงกันไปข้างเกม Marvel's Midnight Suns จะให้ผู้เล่นรับบทเป็นฮีโร่ใหม่ที่สร้างขึ้นเอง ซึ่งจะมีชื่อว่า 'The Hunter' นักรบลูกผสมระหว่างมนุษย์กับปีศาจ ผู้ซึ่งถูกชุบชีวิตขึ้นมาจากการหลับไหลเพื่อต่อสู้กับ Lilith แม่มดร้ายผู้ถูกชุบชีวิตขึ้นมาโดยองค์กรชั่ว Hydra เพื่อครองโลก โดยผู้เล่นจะได้ร่วมทีมกับเหล่าฮีโร่ชื่อดังจากจักรวาล Marvel มากกว่า 13 ชีวิตด้วยกัน ตั้งแต่ฮีโร่ชื่อดังที่ทุกคนรู้จักอย่าง Iron Man, Captain America, หรือ Wolverine ไปจนถึงฮีโร่ที่หลายคนอาจจะไม่รู้จักนักอย่าง Magik, Blade, หรือ Nico Minoru เพื่อก่อตั้งกลุ่ม Midnight Suns นั่นเองแม้ว่าเนื้อเรื่องของเกม Marvel's Midnight Suns จะดำเนินไปตามสูตรของหนัง/การ์ตูนฮีโร่แทบจะเป๊ะ ๆ จนรู้สึกว่าเดาทุกอย่างได้ตั้งแต่ช่วงเริ่มเกม แต่ก็ไม่ได้ถึงกับแย่ไปเลยเช่นเดียวกัน ซึ่งส่วนหนึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับบทพูดของตัวละครฮีโร่ทั้งหลาย ที่เขียนมาได้ตลก คมคาย และแสดงออกถึงอุปนิสัยและเสน่ห์ของตัวละครแต่ละตัวได้อย่างที่แฟนของจักรวาลมาร์เวลจริง ๆ เท่านั้นที่จะสามารถทำได้ ซึ่งก็ทำให้บทสนทนาในหลาย ๆ ช่วงของเกมมีความน่าจดจำอยู่บ้าง เช่นการที่ Iron Man และ Doctor Strange เถียงกันเรื่องวิทยาศาสตร์และเวทมนต์ตลอดเวลา หรือการที่ Blade แอบชอบ Captain Marvel เป็นต้นแต่ปัญหาของเกมอาจไม่ใช่เรื่องของ 'คุณภาพ' ของเนื้อเรื่องหรือบทสนทนา แต่คือเรื่องของ 'ปริมาณ' มากกว่า ด้วยตัวละครมากกว่า 10 ตัวที่ผู้พัฒนาต้องพยายามพัฒนาให้ผู้เล่นรู้สึกผูกพันธ์ในระดับเท่า ๆ กัน ซึ่งก็ใช่ว่าจะทำออกมาได้ไม่ดี แต่ในหลาย ๆ จังหวะผู้เขียนก็พบว่าตัวเองต้องกลั้นใจไม่กดข้ามบทสนทนาอยู่บ่อยครั้ง เพราะอยากจะรีบ ๆ กลับไปเล่นเกมต่อซะที โดยผู้พัฒนา Firaxis Games ได้เคยเปิดเผยออกมาว่าเกมมีบทพูดมากถึง 65,000 ประโยค ซึ่งถ้าตัดออกไปได้ซักครึ่งหนึ่งอาจจะทำให้เกมรู้สึกลื่นไหลกว่านี้มากเอาเข้าจริง ผู้เขียนรู้สึกได้ถึงความ 'เยอะ' ของบทพูดในเกมตั้งแต่ยังไม่ถึงครึ่งเกมด้วยซ้ำ ซึ่งแน่นอนว่าเวลาอีกมากกว่า 30 ชั่วโมงที่เหลือที่ใช้ในการเล่นเนื้อเรื่อง (ใช้เวลารวมราว 50 ชั่วโมง) ก็ไม่ได้ทำให้ผู้เขียนเปลี่ยนความรู้สึกไปในทางที่ดีขึ้นเลย นับเป็นเรื่องหายากเหมือนกันที่เกมซักเกมจะมีปัญหาเรื่องการพัฒนาตัวละครมากเกินไปจนเกินความจำเป็น แทนที่จะเป็นการพัฒนาไม่พอเหมือนในเกมหลาย ๆ เกมเกมเพลย์แนวการ์ดที่สนุกจนเสพติด!ในส่วนของเกมเพลย์ เกม Marvel’s Midnight Suns มีความใกล้เคียงกับเกมการ์ดหรือเกมพัซเซิ่ล มากกว่าเกม RPG แนววางแผนแบบที่เราคุ้นเคยกัน ซึ่งเป็นความแตกต่างที่สำคัญมาก ๆ ที่ผู้เล่นควรทำความเข้าใจซะก่อนที่จะกดซื้อเกมมาเล่น แต่จะเป็นข้อดีหรือข้อเสียก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นแต่ละคนชื่นชอบเกมแนวการ์ดแค่ไหน ระบบการ์ดของ Midnight Suns มีความลึกและสนุกกว่าที่คาดเอาไว้พอสมควรคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมการ์ดหรือเกมวางแผนเข้มข้น ๆ น่าจะรู้สึกสนุกกับการเล่นเกมแนวนี้เป็นพิเศษ เพราะการต่อสู้แต่ละด่านมักให้ความรู้สึกเหมือนเกมพัซเซิ่ล ที่บังคับให้ผู้เล่นใช้การ์ดที่เล่นได้จำนวนจำกัดต่อตา ร่วมกับสภาพแวดล้อม เพื่อทำความเสียหายให้ได้มากที่สุด ชั่วโมงแรก ๆ ของเกมอาจรู้สึกจำกัดอยู่บ้าง จากการที่ผู้เล่นยังทำความเคยชินกับกฏกติกามากมายที่เชื่อมโยงกันไปมาตามฉบับของเกมการ์ด และจะเริ่มสนุกจริง ๆ ก็เมื่อผู้เล่นมีโอกาสสะสมการ์ดเพิ่มขึ้นมากพอจะจัดคอมโบของตัวเอง โดยในช่วงหลัง ๆ ผู้เขียนแทบจะสามารถกำจัดศัตรูได้ทั้งด่านในเทิร์นเดียวจากการผสมผสานคอมโบการ์ดของฮีโร่แต่ละตัวเข้าด้วยกันเลยทีเดียว แถมเกมยังมีระดับความยากให้ปรับได้ตลอดเวลาหลากหลายระดับ จึงไม่เคยรู้สึกว่าเกมง่ายเกินไปแม้จะมีคอมโบเด็ดแล้วก็ตามนอกจากนี้ จำนวนฮีโร่ที่มีให้เลือกถึง 13 ตัว ซึ่งล้วนมาพร้อมจุดเด่นและความถนัดของตัวเอง ทำให้ผู้เล่นมีพื้นที่ในการพลิกแพลงแผนการเล่นได้อย่างหลากหลายมาก ยกตัวอย่างเช่นตัวละคร Captain America ที่เป็นเหมืองตัวแทงค์ มีการ์ดที่ช่วยดึงดูดให้ศัตรูมาโจมตีตัวเองพร้อมกับช่วยเสริมการป้องกันของตัวเองไปด้วย หรือ Ghost Rider ที่มีความสามารถในการโจมตีรุนแรงที่สุดในหมู่ฮีโร่ทุกตัว แต่การโจมตีแต่ละครั้งต้องใช้ HP ของตัวเองเข้าแลกเป็นต้น โดยต้องชมผู้พัฒนาที่สามารถออกแบบฮีโร่ออกมาได้ค่อนข้างสมดุล ไม่ได้รู้สึกว่ามีฮีโร่ตัวใดตัวหนึ่งที่เก่งหรืออ่อนกว่าคนอื่น ทำให้ผู้เล่นสามารถจัดทีมและการ์ดตามความชอบของตัวเองได้อย่างเต็มที่ และทำให้เกมสามารถเล่นซ้ำได้หลายครั้งด้วยทีมหรือชุดการ์ดใหม่ ๆทั้งนี้ เกม Marvel's Midnight Suns ก็มีส่วนที่แอบรู้สึกจำกัดอยู่เหมือนกันเมื่อเทียบกับเกมวางแผนคล้าย ๆ กัน ซึ่งก็คือเรื่องของแผนที่ในเกม ที่มีลักษณะเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมโล่ง ๆ กว้าง ๆ เหมือนกันหมด จะแตกต่างก็เพียงตำแหน่งของสิ่งของที่กระจัดกระจายอยู่ในฉาก ที่เราสามารถใช้เพื่อโจมตีศัตรูได้ (เช่นปากล่องลังใส่ศัตรู หรือถีบศัตรูให้กระเด็นไปโดนถังแก๊ซระเบิด) ซึ่งส่งผลให้เกมขาดมิติในเรื่องของการเคลื่อนที่ รวมไปถึงรูปแบบของภารกิจที่แม้จะเป้าหมายแตกต่างกัน เช่นด่านหนึ่งอาจต้องแฮ๊คคอมพิวเตอร์สามเครื่อง ในขณะที่อีกด่านให้จับศัตรูมาสอบสวน แต่เมื่อเอาเข้าจริงกลับเล่นไม่ต่างกันเลย ยิ่งเล่นไปถึงช่วงท้าย ๆ ที่เริ่มจัดชุดการ์ดเป็นเรื่องเป็นราว ยิ่งแทบไม่ต้องสนใจภารกิจเลย เพราะสามารถจำกัดศัตรูแทบหมดด่านได้ตั้งแต่ตาแรกกราฟิกไม่ดี ใครว่าไม่มีผลต่อเกมเพลย์ในระหว่างการต่อสู้แต่ละด่าน ผู้เล่นจะถูกพาไปยังฐานทัพของกลุ่ม Midnight Suns ที่ชื่อว่า The Abbey ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่ให้ผู้เล่นเปิดหาการ์ดใหม่และจัดชุดการ์ดของฮีโร่แต่ละตัวแล้ว ผู้เล่นยังสามารถทำการค้นกว้า (Research) หลากหลายรูปแบบเพื่อรับทักษะแบบติดตัวได้หลากหลายชนิด เช่นการเพิ่มจำนวนไอเทมที่ใช้ได้ในแต่ละด่าน หรือเพิ่มปริมาณทรัพยากรณ์ที่ได้หลังผ่านด่านในเกมเป็นต้น ที่สำคัญคือผู้เล่นจะสามารถชวนฮีโร่ในทีมทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่นการเล่นไพ่ ดูหนัง กินเหล่า หรืออ่านหนังสือ เพื่อพัฒนาระดับ Friendship Level ระหว่าง The Hunter และฮีโร่นั้น ๆ ซึ่งก็จะปลดล๊อคทักษะติดตัวให้ฮีโร่แต่ละตัวนั่นเอง ซึ่งคนที่เคยเล่นเกมซีรีส์ XCOM ของผู้พัฒนา Firaxis Games น่าจะคุ้นเคยกับระบบตรงนี้ดีความแตกต่างสำคัญระหว่าง The Abbey และฐานทัพในเกม XCOM คือการที่ผู้เล่นจะสามารถสำรวจ The Abbey ได้อย่างอิสระในมุมมองบุคคลที่ 3 แทนที่จะเป็นเพียงการกดหน้าเมนูอย่างเดียวเหมือนใน XCOM ซึ่งในความเห็นของผู้เขียน (ในฐานะคนที่เป็นแฟนเกม XCOM ด้วย) รู้สึกว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด และทำให้เกมเพลย์ฝั่ง Abbey รู้สึกยุ่งยากและใช้เวลาเกินความจำเป็นไปหน่อย เพราะผู้เล่นต้องคอยวิ่งไปมาระหว่าง NPC หลายตัวซ้ำ ๆ ระหว่างการต่อสู้ทุกครั้งตลอดเกมเพื่อเปิดซองการ์ด อัปเกรดการ์ด ทำการค้นคว้าหลาย ๆ อย่าง เข้าฉาก Hangout กับฮีโร่ และอีกมากมาย แทนที่จะสามารถกดเลือกจากเมนูได้อย่างรวดเร็วจะได้รีบกลับเข้าฉากต่อสู้อันที่จริงผู้เขียนรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลใด ๆ เลยที่ฉาก The Abbey จำเป็นต้องเปิดให้สำรวจได้แบบ 3D เช่นนี้ เพราะทุกสิ่งที่สามารถทำได้ใน Abbey สามารถทำได้ง่ายกว่าจากหน้าเมนู โดยสิ่งเดียวที่ดูจะทำได้เฉพาะในระบบมุมมองบุคคลที่ 3 คือระบบการแก้พัซเซิ่ลและหาของสะสมจำนวนมากที่ซ่อนอยู่รอบ ๆ ฉาก The Abbey ที่จะปลดล๊อคเนื้อเรื่องเบื้องหลังตัวละคร The Hunter, The Caretaker, และ Lilith เท่านั้น (ทั้ง 3 เป็นตัวละครใหม่สำหรับเกม) ซึ่งผู้เขียนไม่ได้รู้สึกว่าน่าสนใจเท่าไหร่ แถมพัซเซิ่ลที่ว่านี้ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบที่สามารถแก้ได้ในคลิ๊กเดียวด้วย ทั้งหมดทั้งมวลรวมกันจึงรู้สึว่าฉาก The Abbey มีความยืดยาวเกินจำเป็นไปมาก อันเป็นเหตุจากการออกแบบของผู้พัฒนาเองการสำรวจฉาก Abbey อาจจะรู้สึกราบรื่นกว่านี้ ถ้ากราฟิกในเกมมีความสวยงามทันสมัยเหมือนเกม AAA หลายเกมในตลอด หรืออย่างน้อยก็มากพอจะทำให้ฉากรู้สึกสวยงามน่าประทับใจกว่านี้ แต่กราฟิกใน Midnight Suns กลับดูเหมือนหลุดมาจากปี 2014 มากกว่าเป็นเกมฟอร์มใหญ่ของปี 2022 ด้วยกราฟิกพื้นผิวและโมเดลตัวละครที่ออกจะหยาบ ๆ แข็ง ๆ อยู่ไม่น้อย แถมการออกแบบแผนที่ก็มักเป็นทางเดินแคบ ๆ อันว่างเปล่า ไม่มีอะไรให้มองหรือทำเลย ซึ่งก็ทำให้ฉาก Abbey โดยรวมไม่น่าสนใจไปด้วย บอกตามตรงว่าถ้าเกมเพลย์ฝั่ง Abbey ถูกปรับให้กระชับกว่านี้ เกมคงได้คะแนนจากผู้เขียนไปมากกว่านี้พอสมควรหากคุณเป็นแฟนตัวยงของจักรวาลมาร์เวล หรือเป็นคนที่ชื่นชอบการเล่นการ์ดเกมเป็นชีวิตจิตใจ Marvel's Midnight Suns ถือเป็นเกมที่สร้างมาโดยคนแบบคุณ เพื่อคนแบบคุณเลย แต่สำหรับคนอื่น ๆ ก็อาจต้องลองถามใจตัวเองว่าเราชอบฮีโร่เหล่านี้แค่ไหน ชอบในระดับที่จะอดทนฟังพวกเขาร่ายยาวเกี่ยวกับสิ่งนั้นสิ่งนี้ทีละ 5-10 นาทีได้ไหม ไม่อย่างงั้นคงได้กดข้ามฉากคัตซีนจนไม่รู้เรื่องแน่ ๆ
01 Dec 2022
[Review] รีวิวเกม Gungrave G.O.R.E. การกลับมาของซีรีส์เกมดัง ที่แทบไม่พัฒนาอะไรเลยจากยุค PS2?!
แม้ว่าเกมเมอร์รุ่นใหม่หลาย ๆ คนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน แต่แท้จริงแล้ว Gungrave G.O.R.E นี้ ไม่ใช่เกมภาคแรก หรือ IP ใหม่แต่อย่างใด แต่เป็นเกมเก่าตั้งแต่สมัยยุค PlayStation 2 แล้ว แถมยังเป็นเกมที่มียักษ์ใหญ่ในวงการเกมอย่าง SEGA และ Sony ช่วยจัดจำหน่ายในโซนอเมริกาและเกาหลีอีกต่างหาก ตัวเกมว่าด้วยเรื่องราวของโลกที่เต็มไปด้วยอาชญากรและตัวยาลึกลับที่รู้จักกันในชื่อ Seed และเล่าเรื่องราวของมือปืนลึกลับผู้ถูกชุบชีวิตขึ้นจากความตายชื่อ Grave ผู้ซึ่งออกเดินทางตามหา Harry Macdowell ชายลึกลับผู้ฆ่าเขา ตัวเกมต้นฉบับนั้นได้ Red Entertainment รับหน้าที่พัฒนา แต่ในภาค G.O.R.E. นี้ Iggymob สตูดิโอภายใต้การดูแลของ Red Entertainment รับหน้าที่ฟื้นฟูซีรีส์เกมนี้ขึ้นมาใหม่ เริ่มจาก Gungrave VR เมื่อปี 2017 และเปิดตัวภาคต่ออย่าง Gungrave G.O.R.E. (Gunslinger of REsurrection) กล่าวคือภาคนี้เป็นภาคต่ออย่างเป็นทางการนั่นเองตอนแรกคิดว่าจะเป็นเกมแอ็คชั่นเข้ม ๆ มีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจและให้ทำ แต่พอได้ลองเล่นดูแล้ว นอกจากจะเซ็งเพราะมันธรรมดากว่าที่คิด ยังอาจจะต้องเปลี่ยนเมาส์ใหม่กันด้วย เหตุใดล่ะถึงเป็นแบบนั้น มาหาคำตอบกันใน Gungrave G.O.R.E ทำความรู้จักกับชื่อของ Gungraveสำหรับเรื่องราวในภาคนี้ ยังคงเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ SEED ยาเสพติดที่รุนแรงถึงขั้นทำลายจิตวิญญาณ ตอนแรผู้คนต่างคิดว่ามันหายสาบสูญไปแล้ว แต่มันก็กลับมาอีกโดยไม่ทราบสาเหตุ Mika Asagi ได้ก่อตั้ง El-Alcangel องค์กรพิเศษที่เอาไว้ตามล่าเบาะแสเกี่ยวกับ SEED โดยเฉพาะ จนในที่สุดก็พบว่า Raven Clan ของ Ganpo Essex อยู่เบื้องหลัง งานนี้สงครามกวาดล้างยานรกจึงเปิดฉากขึ้นอีกครั้งแม้ว่าเนื้อเรื่องจะดูเยอะ ยิ่งใหญ่ราวกับหนังฟอร์มยักษ์ แต่น่าเสียดายที่ในภาคใหม่อย่าง Gungrave G.O.R.E นี้ ดันสอบตกในหลาย ๆ ด้าน และไม่เป็นมิตรกับผู้เล่นหน้าใหม่ หรือบางทีผู้เล่นหน้าเก่ายังอาจจะงงซะเอง ว่าเหตุการณ์ภาคนี้มันมีที่มาที่ไปยังไงกันแน่ เพราะเนื้อหามันขาดช่วงและห่างจากภาคที่แล้วมานานเกินไป และตัวเกมเองก็ไม่ได้มีการ Recap หรือสรุปอะไรให้เราฟังก่อนเลย โครงเรื่องและเนื้อเรื่องของ Gungrave G.O.R.E. นั้น ไม่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย ตัวละครเอกที่พูดน้อย เน้นยิงก็ยิ่งทำให้เกมขาดความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีก เอาเป็นว่าใครเห็นปกเกมเท่ ๆ คิดว่าจะได้เห็นเนื้อเรื่องคูล ๆ ด้วยแล้วล่ะก็ คุณอาจจะผิดหวังกันตั้งแต่ส่วนของเนื้อเรื่องเลยก็ได้แม้ตัวเกมจะมาพร้อมความยาวที่เกิน 10 ชั่วโมงขึ้นไป แต่ด้วยความที่มันไม่เป็นมิตรกับคนเล่นใหม่เลยแม้แต่น้อย รวมไปถึงเกมเพลย์ที่เรียกได้ว่า ห่างไกลจากคำว่าไม่ควรพลาด หากนำไปเทียบชั้นกับเกมอื่น ๆ ที่ออกมาในยุคหลัง ๆ นี้ จึงเป็นการยากจริง ๆ ที่เราจะแนะนำเกมนี้ให้ใครก็ตามได้ลองเล่นดู รวมไปถึงน่าจะสร้างฐานแฟน ๆ หน้าใหม่ได้ยากตามลีลามากมาย ความหมายเท่าเดิม ต้องบอกว่า ไม่ใช่แค่ Gungrave G.O.R.E. ที่ใช้รูปแบบการเล่นแบบนี้ แต่ Gungrave ตั้งแต่สมัย PS2 ก็มีรูปแบบการเล่นแบบนี้มาแต่แรกแล้ว ผู้เขียนมองว่ามันคือเกมกึ่ง Rail Shooter สำหรับ Rail Shooter นั้น จะเป็นเกมที่ตัวละครจะเคลื่อนที่ไปเอง เรามีหน้าที่แค่ยิงโจมตี ส่วน Gungrave นั้นจะนำเสนอคล้ายกัน แต่ต่างกันตรงที่เราเดินได้ ควบคุมตัวละครหลักได้ และไม่ใช่แค่ยิงเท่านั้น ใน Gungrave ภาคใหม่นี้ ตัวละครเอกยังมีสกิลและความสามารถอื่น ๆ เพิ่มเข้ามา รองรับฉากแอ็คชั่นและรูปแบบการต่อสู้ที่ค่อนข้างหลากหลายอยู่พอสมควรฉากหลังของ Gungrave G.O.R.E. จะเป็นโลกยุคอนาคตที่แม้จะออกแบบมาดี แต่ท้ายที่สุดมันกลับไม่ได้ถูกใช้งานให้เหมาะสมเท่าที่ควร เพราะการนำเสนอตัวเกมแบบเป็นเส้นตรงตลอดเกมการเล่น แถมการประเคนศัตรูออกมาแบบมืดฟ้ามัวดิน ก็อย่าหวังว่าเราจะได้พักหายใจหายคอในการไปกินลมชมวิว เสพบรรยากาศระหว่างฉาก แต่ถ้าว่ากันตรง ๆ มันก็ไม่มีอะไรให้เสพด้วยซ้ำไปแต่ที่ผู้เขียนคาใจไม่ใช่น้อย นั่นคือ Gameplay การเล่นของ Gungrave G.O.R.E. นั้น พยายามอย่างมากที่จะใส่ลีลาการต่อสู้อันหลากหลายของตัวเอกอย่าง Grave เข้ามา เราสามารถออกลีลาแอ็คชั่นได้เยอะสุด ๆ ใช้ปืนยิง กระโดดยิง ใช้โลงศพฟาดโจมตี ใช้ท่าไม้ตายแบบพิเศษ หรือแม้แต่การกระชากหรือเข้าหาตัวศัตรู และคอมโบสุดเท่อีกมากมาย แต่ศัตรูที่เกมนี้มีมาให้ มักจะเป็นเหมือนพวกลูกกระจ๊อกที่พร้อมเดินหน้ามาให้เราฆ่ายับ ๆ แถมยังรีไซเคิลกันแบบเห็น ๆ เช่นช่วงแรก เราอาจจะเจอศัตรูที่ใช้เครื่องยิงจรวด 1 ลูก แต่พอไปด่านหลัง ๆ มันก็ตัวเดิม แค่ใช้เครื่องยิงจรวด 4 ลูก ไม่ได้โหดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ทำให้รูปแบบการโจมตีอันมากมายหลากหลายของ Grave นั้น แทบไม่มีความหมาย เรียกได้ว่าลีลามากมาย แต่ความหมายเท่าเดิมของจริง เพราะเอาจริง ๆ ผู้เล่นสามารถจบทั้งเกมได้ด้วยการคลิกเมาส์รัว ๆ และเดินแบบ W-A-S-D กับกด Spacebar เพื่อหลบได้แบบชิล ๆ ส่วนการต่อสู้กับศัตรูระดับ Boss ก็ใช่ว่าจะดีไปกว่ากัน นอกจากหลอดพลังชีวิตที่ยาวยืด กับไซส์ของมันที่ใหญ่ระดับมหึมา วิธีการกำจัดก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการสแปมคลิกเมาส์รัว ๆ คอยกำจัดลูกน้องที่มัน Spawn ออกมา ก็สามารถเอาชนะมันได้แล้ว คุณจะหาเกมไหนที่มันง่ายดายในการออกแบบไปมากกว่านี้อีกกัน !?แถมมันยังจืดชืดได้มากกว่านั้นอีก เมื่อภารกิจหลัก ๆ ในแต่ละ Chapter นั้น แทบไม่มีอะไรมากไปกว่าการเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งแบบเป็นเส้นตรง รวมไปถึงบทสนทนาที่สุดแสนจะน่ารำคาญ เกือบทั้งเกมคุณจะได้ยินเสียง Grave! Grave! นั้นนี่ จนหลอนดูไปหมด แถมพูดคำเดิมซ็ำ ๆ เหมือนก๊อปปี้แล้วตั้งเวลาให้มันพูดซ้ำเรื่อย ๆ ทีมพัฒนาเกมพยายามสร้างอะไรก็ตามที่มีความหลากหลายมากขึ้นโดยไม่ใช่แค่การฆ่าอย่างเดียว นั่นคือการเก็บเกจคอมโบ การรักษาเกจคอมโบไว้ได้นั้น บีบให้ผู้เล่นต้องฆ่าศัตรูที่ดาหน้าเข้ามาอย่างต่อเนื่องโดยไม่พลาดถูกโจมตี หรือห้ามหลุดคอมโบ ตรงส่วนนี้ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี และสนุกในระดับหนึ่ง แต่ท้ายที่สุด มันจะเป็นแบบนี้ไปตลอดการเล่นทั้งเกมกว่า 10 ชั่วโมง ก็ลองคิดดูว่า มันสนุกจริงหรือคุณจะชิงเบื่อมันไปซะก่อนจริงอยู่ว่าการดีไซน์ด่านต่าง ๆ ของเกมนี้ทำออกมาได้ดีมาก อย่างน้อยใแแง่ของการนำเสนองานศิลป์จากการออกแบบฉากต่าง ๆ แม้ว่ามันจะเป็นเส้นตรง ไม่มีอะไรให้สำรวจ แต่นับตั้งแต่ย่านสลัม ท่อระบายน้ำ โรงงาน ไปจนถึงพวกเมืองหลวง ถือว่าเกมใส่ใจในการออกแบบมาก ๆ ปัญหาคือการออกแบบงานศิลป์ที่ดี แต่กลับติดขัดที่เกมเพลย์อย่างที่บอกไป เพราะมันมีแต่ภารกิจรูปแบบเดียว คือ A ไป B จบด้วยบทสนทนาที่วนไปวนมาอยู่กับคำเดิม ๆ ทำให้การดีไซน์ตรงส่วนนี้ถูกเหมารวมว่าแย่ไปด้วย ที่หนักกว่านั้นคือ เกมนี้มันไม่มีอะไรให้เราทำเลย มีแค่ลุย กับฆ่าแหลกผ่านด่านให้มันจบ ๆ ไป ไม่มี Secret Item ให้เก็บ ไม่มี Objective อะไรให้ทำ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น นอกจากเดินหน้าลุยไปให้สุดทางพร้อมกับ Waypoint นำทางที่ชดเจนและคำเตือนสำหรับคนที่หงุดหงิดหัวร้อนง่าย หากคุณอยากจะเล่นเกมนี้แบบชิล ๆ ไถเอาจบ หรือลองเล่นขำ ๆ บอกเลยว่าโหมด Easy หรือง่ายสุดคือทางออก เพราะในช่วงแรก เกมจะยังไม่มอบสกิลหรือความสามารถใด ๆ มาให้คุณ ทำให้เกมยากขึ้นโดยไม่จำเป็น บางฉากมันส่งศัตรูเข้ามามากเกินไป มากเกินกว่าที่เราจะเคลียร์ได้ไหว สำหรับผู้เล่นบางคน อาจจะรู้สึกเซ็งไม่น้อย ที่การเล่นเกมแล้วต้องดรอปความยากลง ไม่ใช่เพราะฝีมือไม่ถึง แต่เพราะดีไซน์เกมที่มันขาดความสมดุลอย่างหนักจริง ๆ โชคดีที่ในด้านของ Performance นั้น ตัวเกมถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี แต่.. จะว่าดีก็ได้ไม่เต็มปาก เพราะดูจากคุณภาพกราฟิก หรือรูปแบบเล่นของตัวเกม ก็สมควรแล้วที่มันควรจะไม่มีปัญหาใด ๆ เพราะบางฉาก บางช่วง ก็เห็นกันจะ ๆ เลยว่ากราฟิกมันหยาบกระด้าง เหมือนงานเผาอย่างไรอย่างนั้นแม้จะเป็นการกลับมาในรอบหลายปี แต่สำหรับ Gungrave G.O.R.E. นั้น บอกได้แค่ว่ามันเป็นการกลับมาที่เพียงแค่ทำให้แฟนเกมเดิม ๆ หายคิดถึง หรืออาจจะผิดหวังด้วยซ้ำที่ซีรีส์มันไม่ได้ก้าวน่าไปไหนเลย รวมไปถึงแฟนเกมหน้าใหม่ก็คงไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก ในเมื่อมีเกมอื่น ๆ ที่ดีกว่าให้ได้เล่นกันอยู่แล้ว สำหรับเกมนี้ก็มีให้บริการกันบนระบบ Xbox Game Pass / PC Game Pass ใครที่ไม่อยากเสียเงินเต็มก้อนเล่น ก็สามารถไปดาวน์โหลดมาเล่นกันได้วันนี้
30 Nov 2022
[Review] รีวิว Land of the Vikings เกมสร้างเมืองภาพสวย สไตล์ไวกิ้ง
หลังจากที่ผู้เขียนห่างหายไปนานเนื่องจากช่วงนี้อดตาหลับขับตานอนตรากตรำทำงานทั้งงานราษฎร์ งานหลวง จนไม่มีเวลาได้เปิดเกมเล่น วันนี้ผมเครียร์งานหมดแล้วครับทุกคน เล็ง ๆ เกมใน Steam เอาไว้อยู่นาน นั่นก็คือ Land of the Vikings ในที่สุดวันนี้ผมก็ได้เล่นมันสักที (ฮั่นแหนะ ทุกคนผู้เขียนเล่นเกมเกี่ยวกับไวกิ้งนะครับ ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนคิดกัน ไวกิ้งนะครับ โนกิ้งอื่น สวงสวิง อะไรไม่ใช่นะครับ ฮ่า ๆ)Land of the Vikings วางจำหน่ายบน Steam เมื่อวันที่ 8 พ.ย. 2022 ในแบบ Early Access และติดเทรนด์บน Steam ในช่วงเวลานั้นด้วย ผู้เขียนอยากเล่นมาก ๆ และในที่สุดก็มีเวลาได้มาเล่นมันสักทีครับ ใครที่กำลังหาเกมสร้างเมืองใหม่ ๆ เล่นอยู่ มาอ่านรีวิวในบทความนี้ท่องโลกไวกิ้งไปกับผมก่อนได้เลยจงลืมภาพจำไวกิ้งที่เคยมีมา ลบมันออกจากหัวไปให้หมดเมื่อมาเล่นเกมนี้ชนเผ่าไวกิ้งในเกมนี้นั้นอาจจะดูไม่ได้ดุดันเหมือนในภาพจำของเราเท่าไหร่นัก ไม่ได้โหดร้ายป่าเถื่อนถือขวานปล้นฆ่า ขับเรือไล่ล่าอาณานิคมแบบโคตรพี่เบิ้มตามในภาพยนตร์ต่าง ๆ ที่พวกเราเคยดูมา เกมนี้เราแค่เป็นชนเผ่าที่มีชื่อว่าไวกิ้งลงหลักปักฐานเพื่อสร้างเมืองอย่างสงบเมื่อเข้าเกมมาจะไม่มีโหมดให้เราเลือกครับ แต่มีแผนที่ให้เราได้เลือกเล่นแบ่งตามระดับความยากง่ายด้วยความใหญ่ของแผนที่ (ความยากง่ายของการหาทรัพยากร) เราสามารถสร้างสัญลักษณ์ และตั้งชื่อหมู่บ้านได้ตั้งแต่เริ่มเกม แต่อย่าคาดหวังนะครับเพราะมันไม่ได้มีให้เราเลือกมากนัก ฮ่า ๆ มีเควสให้เราได้ทำว่าควรสร้างอะไรสิ่งไหนก่อน เป็นกึ่ง ๆ Toturial ที่จะคอยสอนการเล่นเกมให้เราไปในตัวด้วยครับการสั่ง Ai ให้ไปหาทรัพยากรต่าง ๆ ทำได้ง่ายไม่ยุ่งยากระบบต่าง ๆ ในการหาทรัพยากรของเกมนี้ ดูออกแบบมาให้ง่ายต่อผู้เล่นเกมครับ เหมือนเอาข้อดีของเกมอื่น ๆ ที่ยังไม่ค่อยสมบูรณ์มาดัดแปลงใส่ในเกมตัวเองให้ใช้งานง่ายขึ้น (ไม่ใช่ว่าเกมอื่น ๆ ยากหรือไม่ดีนะครับ แต่บางเกมมีคีย์ลัดในการลากคลุมบริเวณพื้นที่อาจจะค่อนข้างทำให้เราวุ่นวาย) เกมนี้เราแค่กดปุ่มตามอุปกรณ์ที่เราต้องการแล้วก็ลากคลุมพื้นที่ในบริเวณที่เราต้องการให้ชาวบ้านในหมู่บ้านไวกิ้งของเราไปหาทรัพยากรไม่ว่าจะเป็น ตัดไม้, ขุดหิน, หรือแม้แต่การหาของป่า เป็นต้น คลุมพื้นที่ปุ๊บจะมีสัญลักษณ์ขึ้นแจ้งให้เราทราบทันทีทันใดว่าระบบได้ทำการมาร์กพื้นที่บริเวณนี้ไว้แล้ว ชาวบ้านจะเดินฉึบฉับ ๆ มาช่วยกันขนทรัพยากรกลับไปครับมีระบบอัพเกรดเหมือนเกมอื่น ๆ เลยไม่ได้ทำให้ประหลาดใจในส่วนนี้มากนักจากที่เล่นมานั้นผู้เขียนคิดว่า Dev ค่อนข้างเน้นกับสิ่งนี้อยู่เหมือนกันครับ จากรูปแบบ Skill Tree ที่ทำเป็นรูปต้นไม้เป็นเงาอยู่ด้านหลัง เมื่อเราเล่นเกมไปเรื่อย ๆ จะได้แต้มมาอัพในส่วนนี้ครับ อัพเพื่อปลดล็อค Decorate (ของตกแต่งต่าง ๆ) หรืออัพทักษะให้ชาวบ้าน เช่น ความสุขเพิ่มขึ้น 1% ความรวดเร็วเพิ่มขึ้น 1% เป็นต้นครับ ไม่อัพก็ได้ครับแต่จะไปไหนต่อไม่ได้เลยเพราะไม่ผ่านเควส ฮ่า ๆ ๆคอมต้องแรงระดับหนึ่ง ถ้าไม่อยากรอโหลดนาน ๆ ดับฝันคอมคุณปู่อย่างไม่ใยดีเกมนี้เป็นเกม 3D จำลองสถานการณ์อาณานิคม ที่มีมุมมองจากด้านบนลงมาครับ ซึ่งยังเป็นตัวเกมแบบ Early Access อยู่ครับ ถึงแม้ว่าตัวเกมจะไม่ได้รีเควสความต้องการของระบบที่สูงอะไร แต่ Frame Rate ค่อนข้างตกบ่อยมาก ๆ สำหรับคอมของผู้เขียน ช่วงโหลดเข้าเกมก็จะรอนานมาก ๆ ครับ ถึงแม้ว่าความต้องการของระบบจะผ่าน แต่ผมมองว่าถ้าใครไม่ชอบเล่นเกมที่กระตุกบ้างเป็นบางจังหวะ ผมแนะนำให้ข้ามเกมนี้ไปก่อน รอดูว่าผู้พัฒนาจะมีการแก้ไขอะไรในส่วนนี้ในอนาคตหรือไม่? แล้วถึงตอนนั้นค่อยตัดสินใจอีกทีก็ได้ครับระบบการควบคุมของเกมนี้ไม่ได้ใช้งานยากเลยครับ ถ้าใครเคยเล่นเกมแนว ๆ นี้มาแล้วแทบจะไม่ต้องปรับตัวอะไรเลย การ interact (ปฏิสัมพันธ์) กับสิ่งปลูกสร้าง หรือของตกแต่งต่าง ๆ หรือการลากคลุมก็ไม่ต้องจำคีย์ลัดให้วุ่นวายเลย เพราะมี Hint การใช้งานอยู่ขวามือบอกเราอยู่ตลอดครับ มีเควสเป็นกึ่ง ๆ Toturial คอยสอนเราเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับเราจนเราชำนาญเลยครับ ฮ่า ๆUser interface ของเกมนี้เรียบง่ายครับ ใช้งานง่ายอีกด้วย ไม่ต้องกลัวลืมปุ่มต่าง ๆ เพราะตัวเกมจะมีข้อความคอยบอกเราตลอดว่าต้องกดปุ่มไหนยังไง หมุนมุมกล้องใช้ปุ่มไหน หลังจากที่เรากดเลือกกิจกรรมต่าง ๆ ไปแล้ว เช่น เราต้องการสร้างสิ่งปลูกสร้างจะมีข้อความทางด้านขวามือแจ้งบอกเราเลยว่า Rotate ปุ่มไหน เป็นต้น สะดวกสบายจริงจริ๊งงงงงสรุปสำหรับตัวผู้เขียนยังรู้สึกว่าไม่มีอะไรแปลกใหม่กับเกมนี้ครับ ไม่แตกต่างอะไรจากเกมอื่นมากนัก แต่ผมกลับชอบระบบต่าง ๆ ในการเล่นเกมไม่ว่าจะคีย์ลัดต่าง ๆ ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่ายกับผู้เล่นอย่างเราจริง ๆ ครับ ถึงแม้จะไม่ใช่ไวกิ้งในภาพจำอย่างที่เราเคยเห็นมาในภาพยนต์ หรือตามหนังสือการ์ตูนต่าง ๆ เกมนี้มันคือการสร้างอาณานิคมแบบไวกิ้งซึ่งมีสิ่งปลูกสร้างตามวัฒนธรรมในแบบสแกนดิเนเวียใครชอบเกมแนวนี้ ผมว่าเกมนี้ถึงแม้การเล่นภายในจะไม่ต่างจากเกมอื่นมากนัก และมีบัคให้ได้เห็นแบบละลานตาเพราะอยู่ในช่วง Early Access แต่ก็เป็นอีกเกมหนึ่งที่น่าสะสมไว้ในคลังใช้เล่นแก้เบื่อฆ่าเวลาได้อยู่ครับ อาจจะไม่ได้ดีมากแต่มันก็ทดแทนด้วยระบบ User interface ที่ออกแบบมาให้ผู้เล่นอย่างเราเราใช้งานได้ง่าย ก็ถือว่าทำให้การเล่นเกมไม่น่ารำคาญและไม่ต้องไปงมกับมันมากว่าปุ่มอยู่ไหนใช้งานยังไง และถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์ของเราจะผ่านความต้องการของระบบ นั่นก็ไม่ได้หมายถึงว่าเราจะได้ Frame Rate ที่เราคาดหวังเอาไว้นะครับ ถ้าใครทนเล่นเกมที่จะมีการกระตุกอยู่เรื่อย ๆ และต้องรอโหลดที่นานกว่าปกติ ผมบอกเลยว่าเกมนี้จะไม่ใช่ไทป์ของเพื่อน ๆ แน่นอนใครสนใจสามารถสั่งซื้อได้ใน Steam ราคา 289 บาทเท่านั้นครับ ไม่แพงใช่ไหมล่ะครับ (ซึ่งผมก็มองว่ามันไม่ได้แพงเกินไป) ถึง User interface จะเรียบง่ายไปหน่อยแต่ก็ถือว่าสมราคาแหละครับ แต่ตอนนี้เป็นช่วงปลายปีมี Sale ใหญ่ ๆ ใน Steam เยอะแยะมากมายไม่ว่าจะเป็น Black Friday Sale, Winter Sale ยาวกันไปถึง New Year Sale ถ้าอยากสะสมติดคลังไว้ผู้เขียนบอกเลยว่านี่เป็นช่วงเวลาทองของคุณแล้วครับ ฮ่า ๆสั่งซื้อhttps://store.steampowered.com/app/1981570/Land_of_the_Vikings/
26 Nov 2022
[Review] รีวิว Call of Duty: Warzone 2.0 & DMZ สองโหมดเล่นฟรี !! คุณภาพคับแก้วจาก Call of Duty
หลังจากปล่อยให้แฟนเกมทั่วโลกที่ยอมเสียเงินไปดุเดือดกันในโหมด Multiplayer กันมาแล้ว คราวนี้แฟนเกมสายฟรีก็ถึงเวลาจะได้สัมผัสกับซีรีส์เกมยิงแห่งปีอย่าง Call of Duty กันบ้างใน Modern Warfare II ฉบับเล่นฟรี ที่มีให้เล่นกันถึง 2 โหมดอย่าง DMZ และ Warzone 2.0 ที่เป็นการยกเครื่องใหม่จาก Warzone ภาคแรก แต่ทั้งสองโหมดนี้มันจะยอดเยี่ยมแค่ไหน เราเล่นมาแล้ว เราจะมาเล่าและรีวิวให้ได้ดูกันDMZ โหมดใหม่สดระทึกกับเกมการเล่นแบบ PvPvEเริ่มกันที่โหมดแรกที่มาในรูปแบบเล่นฟรีก่อนเลย คือโหมด DMZ หรือเรียกอย่างเป็นทางการได้ว่า Extraction Mode หากใครนึกภาพไม่ออก ให้นึกถึงพื้นที่ Dark Zone ในเกม The Division หรือเกมเพลย์การเล่นที่ "คล้าย" กันกับ Escape from Tarkov เป้าหมายของเกมนี้ไม่มีความตายตัวหรือแน่นอน ขึ้นอยู่กับผู้เล่นว่า อยากจะทำอะไรในโหมดนี้ แต่หลัก ๆ แล้ว จะมีภารกิจของ Faction ต่าง ๆ มาให้เราทำ และเราก็ต้องเข้าไปลูทของ หาของในฉาก จากนั้นพยายามหลบหนีออกมาจากแผนที่Loadout ในโหมดนี้จะถูกแบ่งแยกออกมาจากเกมหลักและ Warzone เพราะรปแบบการเล่นที่ต่างกัน จึงใช้ระบบที่ต่างกัน ในโหมดนี้ ผู้เล่นจะได้รับอาวุธประเภท Contraband Weapon หรืออาวุธเถื่อน ได้จากการเข้าไปหาตามฉากเท่านั้น อาวุธประเภทนี้หากพลาดท่าตายขึ้นมาในเกมรอบนั้นจะหายไปเลย ไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้ ต้องไปหาใหม่เท่านั้น และอีกประเภทคือ Insured Weapon หรืออาวุธมีประกัน อาวุธประเภทนี้ก็จะเหมือนกับอาวุธใน Loadout ของเราที่สามารถเอาเข้าไปใช้ได้ แต่ถ้าพลาดท่าตายขึ้นมา มันจะไม่หายไป แต่จะติดคูลดาวน์ใช้งานไม่ได้ไป 2 ชั่วโมงแทนสำหรับโหมดนี้จะรองรับผู้เล่นสูงสุด 3 คน แต่ใครคิดว่าแน่พอ สามารถไปลุยคนเดียวได้ ก่อนเริ่มเกมเราจะได้จัด Mission List ที่เราจะรับเข้าไปทำในเกม รวมไปถึงจัด Loadout สิ่งของที่เราจะพกเข้าไปได้ และเมื่อเข้าสู่เกมแล้ว ผู้เล่นอยากจะทำอะไร หรือเล่นแบบไหน ก็แล้วแต่ผู้เล่นจะกำหนดเองเลย สำหรับแผนที่ในเกมนี้ก็คือ Al-Mazrah เป็นแผนที่ที่เราได้เล่นกันในโหมด Multiplayer หรือ Warzone อยู่ดี แต่จะไม่มีวงบีบ แต่มีเวลามาจำกัดแทน เกมการเล่นแต่ละรอบจะมีเวลาอยู่ที่ 25 นาที และเมื่อเวลาหมด 25 นาทีแล้ว หมอกพิษหรือวงบีบจะค่อย ๆ หดตัวเข้ามาในแผนที่ ซึ่งจะมีเวลาให้เราหาทางหลบหนีได้อีก 8 นาที รวม ๆ แล้วเกมการเล่น 1 รอบ ถ้าผู้เล่นเล่นแบบจัดเต็มก็จะใช้เวลาประมาณ 25 นาที แต่ถ้าเอ้อระเหยลอยชาย ลืมดูเวลา ก็อาจจะกินเวลาเป็นครึ่งชั่วโมงอย่างที่บอกไปว่าเกมนี้ไม่มีการระบุชัดเจนว่าผู้เล่นต้องทำอะไร แต่สิ่งสำคัญคือการทำภารกิจ Faction ให้สำเร็จ เพราะภารกิจ Faction นั้น ให้รางวัลตอบแทนที่สูงมาก แต่ยิ่งทำไปไกลก็ยิ่งมีเงื่อนไขที่ยากขึ้น เช่นการบุกไปยังสถานที่เฉพาะ การค้นหาของและ Exfil หรือหลบหนีออกมาด้วย ผู้เล่นอาจจะเข้าไปเล่นโดยไม่ต้องวางแผนอะไรเลยก็ได้ แต่ถ้าคิดไว้ก่อนว่าจะทำอะไร จะดีกว่า เพราะแผนที่ภายในเกมนั้นใหญ่มาก หากเล่นโดยไม่วางแผนไว้ก่อน เราอาจจะไม่ค่อยได้อะไรกลับออกมาเลย นอกจากเงินเล็กน้อย และค่า EXP เท่านั้น แต่หากทำภารกิจ เรามีโอกาสได้ทั้งเงินและ EXP ที่สูงกว่า และอาจจะได้อาวุธ Contraband ใหม่ ๆ มาใช้  กรณีที่เราสามารถ Exfil หรือหลบหนีออกจากพื้นที่ได้ ไอเทมทั้งหมดที่ได้มา จะถูกเก็บไว้ใช้ในรอบต่อไป แต่เราก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเอาของทั้งหมดไปใช้ เราอาจจะเลือกเก็บบางอย่างไว้ และเอาบางอย่างไปใช้ เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของเกมรอบนั้น ๆ และโหมดนี้คือโหมดที่ผู้เล่นจะได้เจอทั้งศัตรูที่เป็น A.I. และศัตรูที่เป็นผู้เล่นด้วยกัน มันคือแนว PvPvE นั่นเอง แต่สำหรับคนที่เคยเล่น DMZ มาแล้ว น่าจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า สิ่งที่ทำให้เกมนี้น่ากลัวอย่างมาก คือ A.I. เพราะ A.I. เกมนี้มีหลากหลายแบบ แต่ความแม่นยำในการยิงผู้เล่นอย่างเรา ๆ นั้น เข้าขั้น Aimbot กันเลยก็ว่าได้ บางครั้งหลบอยู่หลัง Cover มันก็ยังยิงทะลุมาได้อยู่ดี แถมพวก A.I. ในพื้นที่โหด ๆ อย่าง Stronghold นั้น ถึงขั้นใส่เกราะหนา ชนิดที่ว่า สไนเปอร์ยิงหัวนัดเดียวแล้วยังไม่ตาย ดังนั้นโหมด DMZ นี้ หากคิดจะเล่นคนเดียวก็ถือว่ายากพอสมควร เพราะบอทโหดไม่พอ เจอผู้เล่นด้วยกันเองก็ตึงไม่แพ้กันแต่หัวใจสำคัญและไอเทมที่โดดเด่นในโหมดนี้คือ Weapon Caseสีทองที่ถูกระบุชัดเจนอยู่ในพื้นที่ หากมีทีมผู้เล่นคนใดก็ตามไปเอามาได้ จะถูกหมายหัวให้ผู้เล่นทั้งหมดที่เหลืออยู่ทราบถึงตำแหน่งที่อยู่ เอาง่าย ๆคือเราจะตกเป็นเป้าล่าของคนทั้งเกมในรอบนั้น ๆ ดังนั้นใครที่คิดจะไปเก็บ Weapon Case ก็ต้องใจถึงพึ่งได้กันทั้งทีม เพื่อหลบหนีออกมา ของตอบแทนก็จะเป็นสกินแบบพิเศษที่เท่โดนใจ คุ้มกับความยากลำบากในการฝ่าไปเอามันมาแน่ ๆ นอกจากนั้นอีกอย่างที่สำคัญคือ Radiation Zone ที่ตอนนี้เป็นพื้นที่ยอดฮิตในการเข้าไปเก็บอาวุธปืน Assault Rifle ที่เพิ่งอัปเดตเข้ามาในเกมอย่าง M13B Assault Rifle ด้วยแต่สำหรับคนที่ไม่ชอบไปแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับใคร เอาแค่ภารกิจ Faction ที่เรารับมา การไปสู้กับบอท หาของไปขายในตอนจบ ก็ถือว่าเป็นโหมดที่สนุกและระทึกตื่นเต้นมาก ๆ ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า วินาทีที่เราพอใจกับรอบนั้นแล้ว และต้องไปยังจุดส่งตัว เพื่อหนีออกจากแผนที่ ในขณะเรียกเฮลิคอปเตอร์มารับ และรอลุ้นว่าจะโดนดักโจมตี หรือจ๊ะเอ๋กับผู้เล่นอื่นระหว่างรอหรือไม่ เมื่อผสมผสานกับเกมเพลย์อันดุเดือดของ Call of Duty คงบอกได้แค่ว่า Call of Duty นั้น ยืมจุดเด่นของเกมดัง ๆ และสไตล์เกมอื่น ๆ มาประยุกต์ใช้กับตัวเองได้อย่างลงตัวจริง ๆ โหมด Warzone 2.0 เกือบเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือปรับหลายอย่างให้ดีขึ้นและสนุกขึ้นมาต่อกันอีกทีอีกโหมดที่ชาวเกมสายฟรีได้สัมผัสกันกับ Warzone 2.0 แน่นอนว่าชื่อของ Warzone นั้นอยู่คู่กับซีรีส์ Call of Duty มาได้กว่า 2 ปีแล้ว นับตั้งแต่ภาค Modern Warfare 2019 ลากยาวมาจนถึงภาค Vanguard ซึ่ง Warzone 2.0 นั้น จะแยกตัวออกมา และพ่วงกับตัวเกมภาค Modern Warfare II (2022) นี้แทนสำหรับโหมดนี้ ต้องบอกว่าอาจจะไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมาก เริ่มจากเรื่องของแผนที่ ยังคงเป็น Al-Mazrah เหมือนกับโหมด DMZ สำหรับแผนที่นี้ก็ถือว่าเป็นแผนที่ที่เล่นสนุกอยู่เหมือนกัน เพราะมีรูปแบบดีไซน์แผนที่ที่หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เปิดโล่ง ตัวเมืองขนาดเล็ก ที่มีอาคารชั้นเดียว หรือตัวเมืองขนาดใหญ่ที่มีอาคารหลากหลายชั้น ทำให้เกมเพลย์การเล่นในรูปแบบ Battle Royale ของ Warzone 2.0 นั้น มีหลากหลายสถานการณ์ให้เราปะทะด้วยอย่างน่าตื่นเต้นอย่างแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงไปเลยคือ เรื่องของ Loadout ที่เหมือนจะลดความเหลื่อมล้ำระหว่างผู้เล่นสายฟรี กับผู้เล่นที่มีเกมเต็ม เพราะคราวนี้ Loadout ที่แต่งมาอย่างสมบูรณ์แล้ว จะมีวิธีในการเข้าถึงที่หลากหลายกว่า แต่ก็ยากกว่า อย่างภาคแรก ผู้เล่นสามารถกดซื้อได้จาก Buy Station ได้เลย แต่ภาคนี้ การซื้อจาก Buy Station จะได้เพียงอาวุธชิ้นแรกใน Loadout นั้นเท่านั้น การจะได้ Loadout แบบเต็ม ๆ ที่เราแต่งไว้ จะต้องไปวิ่งหาจาก Loadout Drop Incoming ที่เหมือนกับ Airdrop ในเกมอื่น ๆ และอีกวิธีคือการบุกตี Stronghold ที่เป็นฐานที่มั่นของพวก A.I. แต่ก็มีความเสี่ยงในการโดนผู้เล่นอื่นบุกมาตลบหลังอีกทีด้วยนอกจากนั้น Buy Station แต่ละจุดยังมีไอเทมที่มีความสำคัญขายอยู่อย่างจำกัด อย่างเช่น UAV ที่เป็นไอเทมสแกนพื้นที่รอบ ๆ เพื่อเปิดเผยตำแหน่งของศัตรู หากตรงไหนมีคนซื้อไปแล้ว ก็จะไม่สามารถซื้อซ้ำอีกได้ ทำให้เราอาจจะต้องวางแผนกันตั้งแต่ Landing ลงพื้นแล้วว่าจะลงตรงไหน เพื่อสร้างความได้เปรียบที่ดีที่สุดให้กับเราหรือทีมอีกส่วนสำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างชัดเจนเลยคือเรื่องของคุก Gulag จากที่เป็นการดวล Gunfight 1vs1 แต่ในภาคนี้ สิ่งที่เปลี่ยนไปจะเป็นการจับคู่กับคนอื่นแบบ 2vs2 แทน ถ้าเกิดเรากับเพื่อนในทีมตายมาด้วยกันหรือพร้อมกันก็จะได้จับคู่กันแน่นอน แต่ถ้าไม่ใช่เราก็จะได้จับทีมกับผู้เล่นอื่นแบบสุ่ม และได้อาวุธแบบสุ่มมาใช้ ซึ่งส่วนมากจะเป็นปืนพก จากนั้นการต่อสู้ก็จะเริ่มต้นขึ้น และหากภายในระยะเวลาที่กำหนด ทั้งสองทีมยังไม่สามารถจัดการกันเองได้ ก็จะมี Jailer หรือผู้คุมคุกออกมา คราวนี้เราสามารถเลือกได้ว่าจะร่วมมือกับทีมศัตรู แล้วโค่นผู้คุมคุกและหนีออกไปด้วยกันทั้ง 4 คน หรือจะฆ่ากันให้ตายเหมือนเดิมแล้วออกมาทีมเดียว เรียกได้ว่าเป็นอีกทางเลือที่สนุกและสร้างสีสันให้ไม่น้อยนอกจากนั้น สิ่งที่ยังคงอยู่ แต่ถูกเพิ่มเข้ามา หรือปรับเปลี่ยนบาลานซ์ให้เหมาะสมขึ้น ก็คือเรื่องของ Contract Mission หรือภารกิจต่าง ๆ ที่อยู่ในเกม ในภาคนี้หากคิดจะหาเงินในเกมให้ได้เยอะขึ้น การทำภารกิจดูจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด จากในภาคที่แล้ว การหาเงินจะทำได้ง่าย ๆ โดยการเปิดกล่องลูทของตามฉาก แต่ภาคนี้ การได้เงินจะยากขึ้นมาก ทำให้การชุบเพื่อน การซื้อของชิ้นต่าง ๆ จะต้องใช้เวลามากขึ้น แต่การทำพวก Contract Mission จะทำให้ได้เงินมากขึ้น แต่ก็เสี่ยงกับการเจอผู้คนมากขึ้นด้วยสำหรับ Warzone 2.0 นั้น อาจจะไม่ได้มีความแตกต่างจากภาคแรกมากนัก แต่เป็นการปรับปรุงในหลาย ๆ ด้าน หลาย ๆ ส่วน ให้ดีขึ้น และลดความเหลื่อมล้ำระหว่างคนที่มีเกมเต็มกับเล่นฟรีในภาคแรก บอกได้เลยว่า Call of Duty: Modern Warfare II ปีนี้ จัดเต็มทั้งเกมหลัก และเกมแยกสำหรับคนเล่นฟรีจริง ๆ ใครกำลังมองหาเกมฟรีเล่นอยู่ บอกเลยว่า จัดเต็มสำหรับเกมนี้
24 Nov 2022
[Review] Pokémon Scarlet & Violet ก้าวแรกสู่ Open-World แท้ของซีรีส์โปเกม่อน ที่อาจไม่สวยงาม แต่ยังสนุกตามสูตร
และแล้ว เวลาที่เหล่าโปเกม่อนเทรนเนอร์ทั้งหลายรอคอยก็มาถึง กับการมาของเกมในซีรีส์ภาคใหม่แกะกล่องบนเครื่อง Nintendo Switch ที่ได้มีการโปรโมตอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเปลี่ยนแปลงระบบเกมให้เป็นแบบ 'โลกเปิด' กับ Pokémon Scarlet & Violet นั่นเองหากบางคนยังไม่เข้าใจกับคำว่าโลกเปิด หรือ Open-World เราก็พร้อมที่จะแถลงไข ถ้ากล่าวแบบง่าย ๆ เลย คือรูปแบบของเกมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นจะทำอะไรก็ได้ มีอิสระในการเลือกว่าจะทำหรือไม่ทำ ไม่มีภารกิจอะไรมาบังคับให้ต้องทำเพื่อผ่านไปยังพื้นที่ถัดไปภายในเกมซึ่งปกติแล้วเกมซีรีส์ Pokémon เป็นระบบ 'คุณจะต้องไปจุด 1 แล้วไป 2 ต่อด้วย 3' และสานต่อไปเรื่อย ๆ มาแทบทุกภาค แต่ล่าสุดกับการโยนหินถามทางสร้างเกม Pokémon : Legend Arceus ในช่วงต้นปี 2022 ที่เป็นเกมกึ่งโลกเปิด ก็ทำให้พวกเขาได้นำมาปรับปรุงและสานต่อความสนุกในภาคใหม่นี้ได้ถูกทางแล้วนั่นเอง!การพัฒนาจากการนำสิ่งที่เคยสร้างมาเป็นพื้นฐานจากการที่ผู้เขียนได้สัมผัสเกม Pokémon ในเจนหลัก ๆ 1-8 มาครบแล้วนั้น สามารถบอกได้เลยว่าทางผู้พัฒนามีความใส่ใจในการเอารูปแบบการเล่น ความสนุกและน่าสนใจจากภาคเก่า ๆ มาดัดแปลงให้ผู้เล่นได้เพลิดเพลินจนอาจไม่ได้สังเกตเลยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็น ระบบโลกเปิด อิสระในการเล่นตามใจ พัฒนามาจากภาค Legend Arceus ตามที่กล่าวไปในข้างต้น, ระบบโปเกม่อนเดินตามและคอยเก็บของตามเราสั่งจากภาค Heart Gold & Soul Silver, ระบบถ่ายและแต่งรูปภาพจาก XY, ระบบแชร์เลเวลและจดจำท่าที่เคยมี, ระบบสภาพอากาศ กลางวันและกลางคืนจากทั้งภาค Sun & Moon และ Sword & Shield และอื่น ๆแต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะมีแค่ของเก่านะ! เพราะระบบที่เพิ่มเข้ามาอย่าง Terastallize ที่จะเพิ่มความสามารถให้โปเกม่อนของเราเปลี่ยนธาตุกลายเป็นธาตุอื่น เสริมความได้เปรียบในการต่อสู้มากขึ้น, ระบบส่งโปเกม่อนสู้ตามเส้นทางอัตโนมัติ ไม่ต้องเข้าหน้าแบทเทิล หรือจะเป็นระบบ Picnic ที่เปิดให้เราได้สานความสัมพันธ์กับโปเกม่อนด้วยการเล่นบอลและอาบน้ำ ซึ่งหากค่าความสัมพันธ์เราสูงถึงระดับหนึ่งมันจะช่วยในการต่อสู้ด้วย (เช่น โปเกม่อนของเราจะไม่ยอมสลบ แม้จะโดนโจมตีที่ควรสู่ขิตแล้วก็ตาม) รวมไปถึงการทำแซนด์วิช เพิ่มบัฟในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น โอกาสการเจอโปเกม่อนหายาก, จับง่ายขึ้น, เลเวลสูงขึ้น และอื่น ๆรูปแบบการเล่นที่ไม่จำกัดคือเสน่ห์ของภาคนี้บางครั้ง ผู้เล่นอย่างเรา ๆ ก็อาจจะเคยคิดว่าทำไมเราต้องเดินตามรูปเกมที่กำหนดมาเสมอ หรือทำไมฉันต้องไปตามขจัดปัญหาร้อยแปดก่อนจะได้สู้กับยิมลีดเดอร์ด้วย? แน่นอน ยังไม่รวมถึงความยากลำบากหากเราเลือกโปเกม่อนตั้งต้นที่แพ้ทางยิมแรกและยิมอื่น ๆ ในช่วงต้นเกมจนไม่อาจผ่านไปได้ง่าย ๆ คงจะหงุดหงิดไม่น้อยแต่สำหรับภาค Scarlet & Violet ผู้เล่นจะได้ลิขิตชีวิตของต้นเองว่าจะเดินทางไปในระดับความง่ายไปยาก หรือท้าทายด้วยยากไปง่าย เพราะคุณจะสามารถเดินทางไปได้ทุกที่ ทำอะไรก็ได้ตามใจไม่จำกัดก่อนหลัง อย่างที่ผู้เขียนเองก็ซนจัด ๆ ไปตียิมที่ยากที่สุดในเกมเป็นยิมที่สาม จนเล่นเอาเหงื่อตก แต่ก็ตื่นเต้นใช่ย่อย!แต่ว่า หากใครคิดว่าตัวเกมจะมีแกนหลักให้เราตียิม ตีจตุรเทพ แล้วก้าวเป็นแชมเปียนส์เหมือนภาคก่อน ๆ อย่างเดียว คุณคิดผิด! เพราะในภาคนี้จะมีเส้นทางเนื้อเรื่องหลักสามเส้นให้คุณได้เลือกออกเดินทาง โดยสามารถทำไขว้-สลับกันก็ได้ ได้แก่Victory Road - เส้นทางคว้าชัย ออกเดินทางตียิมทั้งแปด ก่อนเข้าชิงชัยเพื่อเป็นแชมเปียนส์ประจำภูมิภาคPath of Legends - ออกเดินทางตามหาสมุนไพรวิเศษ เผชิญหน้ากับโปเกม่อนยักษ์กลายพันธุ์ทั้งห้า อัพเกรดโปเกม่อนมอเตอร์ไซค์คู่ใจ Koraidon หรือ Mairaidon ให้มีความสามารถเดินทางได้ง่ายยิ่งขึ้นStarfall Street - ภารกิจถล่มแก๊งเด็กหัวต่อต้าน Star ที่รวมพลเหล่าเด็กที่ถูกกลั่นแกล้งและโต้กลับ จนสามารถเอาชนะพวกเกเรได้ แต่กลายเป็นกลุ่มเกเรซะเอง!แค่สามเส้นทางนี้ก็ได้มอบประสบการณ์ที่มากมายให้ผู้เล่นแล้ว แต่มันยังไม่หมด เพราะใน Scarlet & Violet สถานะของผู้เล่นนั้นเป็น 'นักศึกษา' หมายความว่าเราก็ต้องเรียนเช่นกัน! เข้าคลาสรูมในแต่ละวิชา ตอบคำถาม รวมไปถึงสอบกลางภาคและปลายภาคเพื่อรางวัลสุดคุ้มค่าก็น่าเลือกเล่นเช่นกัน ทั้งนี้สำหรับการจบเกมแบบขึ้น End Credit และรู้เนื้อเรื่องหลักทั้งหมด ผู้เล่นจำเป็นต้องสำเร็จเส้นทางชีวิตหลัก ๆ ทั้งสามตามที่กล่าวมาต้อนรับการกลับมาของเนื้อเรื่องสุดสนุกและเข้าถึงอารมณ์ต้องกล่าวว่านับตั้งแต่เกมเจนที่ 5 ของซีรีส์ ที่ได้รับการขนานนามว่าเนื้อเรื่องดีที่สุดนั้น ก็ยังไม่มีภาคต่อมาภาคไหน ๆ ที่เข้าไปถึงหัวอกหัวใจเทียบเท่ากับภาค Scarlet & Violet นี้เลย อิงจากเนื้อเรื่องที่เรา นักเรียน ที่มีความฝันได้เข้าไปโลดแล่นในโลกที่มีผู้คนมากมาย และหลายมุมมอง เชื่อมความสัมพันธ์กับโปเกม่อน เป็นเพื่อนได้มากกว่าเดิม เกินกว่าภาคอื่น ๆ ที่มีพวกเขาเป็นเหมือนแค่เครื่องมือเท่านั้นด้วยการที่ผู้พัฒนาเลือกที่จะเขียนบทซึ่งมีความใกล้เคียงกับชีวิตคนจริง ๆ มากขึ้นกว่าเดิม รวมไปถึงการจี้จุดอารมณ์ได้อย่างถูกจังหวะ มันจึงทำให้เกมภาคนี้เหมือนเป็นดั่ง 'รถไฟเหาะของความรู้สึก' จริง ๆ มีทั้งอารมณ์สนุก ตลก ครินจ์ (อายแทน) และปวดตับ ซึ่งผู้เขียนเองที่ไม่เคยน้ำตาแตกในซีรีส์เกมโปเกม่อนมาก่อน ยังไม่รอดกับภาคนี้ประสิทธิภาพเกมหลักสิบ ราคาเกมหลักพัน บัคหลักล้านโอ้ ไม่... ข้อเสียอย่างยิ่งใหญ่ของเกมภาคนี้ที่ทางเราไม่สามารถปล่อยผ่านได้ก็คือประสิทธิภาพเกมที่ถูกปล่อยออกมาได้แบบน่าหยุมหัวมาก ๆ แม้ภาพและกราฟิกจะอยู่ในขั้นที่พอรับได้ตามสภาพเครื่อง Nintendo Switch ซึ่งวิ่งได้แค่นั้น และภาพก็ไม่ได้ต่างจาก Pokémon : Legend Arceus เท่าไหร่นัก แต่ทั้งความเสถียรของภาพ FPS อาการหน่วง แลค และเด้งหลุด กลับผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดจนน่ารำคาญใจนี่ยังไม่รวมไปถึงบัคอันหลากหลายที่อาจทำลายความสนุกของผู้เล่นได้ เช่นเดินตกแมพ อนิเมชั่นตัวละครไม่โหลด ตัวละครบิดเบี้ยวกลายเป็นไททัน NPC ที่เดินเข้ามาในสนามต่อสู้แบบงง ๆ และอื่น ๆ อีกเพียบจนมันกลายเป็นสีสัน และมีมในโลกอินเทอร์เน็ตเต็มไปหมดภายในวันเดียวที่ปล่อยเกมเอาเป็นว่า ถ้าใจให้กล่าวตรง ๆ นั้น Pokémon Scarlet & Violet ระบบเกมเพลย์และเนื้อเรื่องไม่แย่ แต่ห่วยแตกทางด้านประสิทธิภาพ หากใครที่รู้สึกว่าสามารถรับและทนได้กับความกระตุกหรือหน่วงเป็นบางครั้ง การเลือกภาคนี้มาเล่นก็ไม่ได้แย่เลยทีเดียว เพราะทางตัวเกมเองก็อาจจะปล่อยแพทช์อัปเดตมาในอนาคตสำหรับใครที่สงสัยว่าภาค Scarlet & Violet นั้นต่างกันยังไง เลือกภาคไหนดี ทางเราสามารถบอกได้ว่าจะต่างกันแค่ในส่วนของสีธีมส้มหรือม่วง, เนื้อเรื่องและตัวละครธีมอดีตและอนาคต และโปเกม่อนเฉพาะประจำภาค สุดแล้วแต่จะเลือกชอบและเล่นนั่นเอง ถ้าเลือกไม่ได้จริง ๆ ก็จัดทั้งสองภาคผ่านทางร้านค้า Nintendo eShop หรือร้านค้าแผ่นเกมทั่วไปเลย!
23 Nov 2022
[Review] รีวิวเกม Somerville ประสบการณ์เกมพัซเซิลอันเต็มไปด้วยปริศนาที่รอการตีความของคุณ
ถือว่าเป็นเกมอินดี้ที่เปิดตัวมาได้อย่างน่าสนใจมานานหลายปี แต่เมื่อถึงเวลาที่เกมนี้จะต้องวางจำหน่ายสู่สายตาชาวโลก เกมนี้มีดีอะไร และสมควรเสียเวลาจะลองเล่นหรือไม่ ก็ลองมาดูกันได้กับรีวิว Somervilleผู้เล่นจะได้รับบทเป็นครอบครัวธรรมดาทั่วไป พ่อ แม่ ลูกตัวน้อย และสุนัขประจำครอบครัว อยู่มาวันหนึ่งขณะที่พวกเขากลับจากไปเที่ยวกันมาอย่างสบายใจ ทั้งครอบครัวเผลอหลับไปหน้าทีวี ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ประหลาด เมื่อยานรบขนาดยักษ์ปรากฎตัว แถมกองกำลังมนุษย์ก็หันมาสู้กลับ พื้นที่บ้านของพวกเขากลายเป็นสนามรบโดยทันที ขณะที่ฝั่งต่างดาวคนหนึ่งโดนลูกหลงตกลงมาที่บ้านของชายผู้เป็นหัวหน้าครอบครัว ก่อนตายเขาได้ยื่นมือมาจับมือของชายหนุ่ม และส่งมอบพลังปริศนาให้ ซึ่งมันรุนแรงจนชายผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวหมดสติไป เมื่อฟื้นขึ้นมา ภรรยาและลูกของเขาไม่อยู่แล้ว เหลือเพียงน้องหมา ไม่มีใครรู้ว่าเขาสลบไปนานแค่ไหน เมื่อตื่นขึ้นมา การเดินทางตามหาครอบครัวที่หายไปของเขา พร้อมกับพลังของมนุษย์ต่างดาวในตัวจึงได้เริ่มต้นขึ้น อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นอีกครั้งที่เราได้เห็นความพยายามในการนำเสนอศิลปะและการถ่ายทอดเรื่องราวที่คล้ายกับภาพยนตร์หรือซีรีส์ แต่ใช้วิธีถ่ายทอดด้วยวิดีโอเกมแทน ตลอดทั้งเกมของ Somerville ผู้เล่นจะได้เห็นเพียงฉากคัทซีนที่โชว์ให้เราเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างเท่านั้น ไม่มีบทสนทนา ไม่มี Subtitle ไม่มีคำบรรยายเหตุการณ์หรืออธิบายให้ผู้เล่นเข้าใจใด ๆ ว่าเรากำลังเจอกับอะไร สำหรับคนที่อยากรู้อยากเห็น เกมนี้ถือว่ามาเพื่อกระตุ้นต่อมนั้นของผู้เล่นทุกคน แต่สำหรับคนที่ชอบเล่นเกม ผู้เขียนคิดว่าเกมนี้อาจไม่เหมาะกับทุกคนแน่นอน เพราะการนำเสนอสุดแสนจะอินดี้ ชนิดที่ว่าถ้าใครเข้าไม่ถึงก็อาจจะถอดใจเลิกเล่นกันตั้งแต่แรกไปเลยก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม นี่ไม่ใช่เกมยาว ที่เราจะได้นั่งเล่นกันเป็นวัน หากคุณเป็นคนที่เชี่ยวชาญการไขปริศนาและ Puzzle อาจจะสามารถจบเกมนี้ได้ในเวล่า 4-5 ชั่วโมง หรือน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำไป แต่ต่อให้คุณอยากเป็นคนที่เสพเนื้อหาของเกมมากน้อยแค่ไหน ก็ต้องยอมรับว่าเกมนี้ใช้ความพยายามในการเล่นสูงพอสมควรเลยทีเดียว ใครไม่อดทนพอ อาจจะเลิกกันตั้งแต่ฉากเปิดเกมแล้วโชคดีที่เนื้อเรื่องของมันยังมีความน่าสนใจอยู่ระดับหนึ่ง รวมไปถึงการมีตอนจบที่มีแบบ True Ending ด้วย โดยวิธีการได้ก็อาจจะต้องไปลองศึกษากันเอาเอง แต่ไม่ยากอย่างที่คิด และถือเป็นอีกหนึ่งผลงานเกมอินด้ขายไอเดียที่น่าประทับใจไม่น้อยเลยทีเดียวเน้นบรรยากาศและการนำเสนอ ส่วนเกมเพลย์อยู่ในขั้นมาตรฐานด้วยความที่เกมนี้สั้นมาก นั่งเล่นกันอย่างจริงจังเพียง 4-5 ชั่วโมงก็จบแล้ว (บางรายใน YouTube เพียง 2 ชั่วโมง) เราจะขอเล่าถึงส่วนของการนำเสนอและเกมเพลย์ไปพร้อม ๆ กัน Somerville เป็นเกมที่เน้นการนำเสนออย่างเต็มที่ อย่างที่บอกไปว่าตลอดทั้งเกม ผู้เล่นจะไม่เจอกับคำพูด ศัพท์บรรยายใด ๆ ในเกมนี้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างดึงดูดให้ผู้เล่นไม่อาจละสายตาจากหน้าจอไปได้ ไม่อย่างนั้นอาจพลาดเหตุการณ์สำคัญ โดยไม่เข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในเกมบ้าง ซึ่งหากว่ากันตรง ๆ แล้วก็ทำให้เกมนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียอย่างชัดเจน ข้อดีของมันคือการพยายามทำให้ผู้เล่นโฟกัสอยู่กับเกม อยู่กับเนื้อหาและเหตุการณ์ตรงหน้า ส่วนข้อเสียคือ คนที่ขี้เกียจเล่น หรือขี้เกียจตีความ ก็อาจจะเบื่อจนเลิกเล่นไปก่อนได้ในขณะที่เกมเพลย์ของ Somerville นั้น หลัก ๆ จะอยู่ที่การไขปริศนา เพื่อปลดล็อคเส้นทางในการไปต่อ ไม่ได้มีแอ็คชั่น ไม่ได้มีการต่อสู้อะไร แต่สิ่งที่เกมทำได้ดีคือการเลือกใส่จังหวะลุ้นระทึกต่าง ๆ ผ่านสถานการณ์โดยตรง แต่ข้อเสียเลยคือความคลีนของหน้าจอที่ไม่มี HUD ไม่มี UX / UI อะไรเลย อาจทำให้หลายคนงงจนตาแตกว่าเกมให้ทำอะไร ทำให้ผู้เล่นต้องคอยสังเกตอยู่ตลอดเวลาว่าเกมมันให้เราทำอะไร หรือตรงไหนเป็นจุดที่น่าจะไป Interact ด้วย แล้วไปต่อได้ ซึ่งหากใครที่เคยเล่นเกมอย่าง Limbo หรือ Inside มา จะคุ้นเคยกับแนวเกมการเล่นแบบนี้ดี เกมจะเป็นมุมมองบุคคลที่ 3 ที่คล้ายกับเกมตะลุยแพลตฟอร์มและไขปริศนา ไม่มีบทสนทนา ใช้ฉาก สภาพแวดล้อมเป็นตัวเล่าเรื่อง ศัตรูของเราก็คือพวกจักรกลต่างดาว และพลังที่เราได้รับจากพวกต่างดาว จะทำให้เราสามารถเปลี่ยนสถานะสารให้เป็นของเหลวและของแข็งได้ เพื่อใช้แก้ปริศนาไปสู่ฉากถัดไป ซึ่งจริงอยู่ว่า การนำเสนอเกมแบบ Limbo หรือ Inside นั้นยอดเยี่ยมมาก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเกม Somerville กลับเหมือนขาดความประณีตไปสักเล็กน้อย ในเรื่องของการจัดวางมุมกล้อง และการควบคุมต่าง ๆ มีหลายครั้ง หลายหนที่เราพยายามควบคุมตัวละครให้ไปยังจุดต่าง ๆ แต่กลับเดินติดโน่น ติดนี่ โดยที่มองไม่เห็นว่ามันติดอะไร สร้างความน่ารำคาญใจให้ไม่น้อยเลยทีเดียวส่วนของการไขปริศนานั้น นับว่าไม่ได้ยากเย็นจนเกินไป ภายในฉากมักจะมีอะไรแปลก ๆ โดดเด่นออกมาเป็นคำใบ้พอให้เราเดาได้กันอยู่แล้ว หรือบางครั้งอาจจะไม่ต้องให้เกมช่วยใบ้ แต่ให้ Common Sense ของเราเป็นตัวจัดการ ว่าตรงนี้เราควรจะทำอะไรถึงจะผ่านมันไปได้ บางอันก็ถือว่าดีไซน์มาได้ฉลาดมากจริง ๆ ต้องยอมใจคนดีไซน์เกมเพลย์แต่ถ้าให้พูดกันตามตรงแล้ว Somerville นั้น เหมือนจะเป็นผลงานขายงานศิลป์และเนื้อเรื่องและการนำเสนอมากกว่า ในแง่ของเกมเพลย์ เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะสนุกไปกับเกมนี้แน่ ๆ แต่ในเรื่องของการนำเสนอ และบรรยากาศของเกม บอกได้เลยว่านี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่น่าเสียดายไม่น้อยที่มันไม่ได้เข้าชิงรางวัลอะไรเลยในเวทีต่าง ๆ ประจำปีนี้Somerville วางจำหน่ายแล้ววันนี้บน PC และ Console และสามารถเล่นได้บน PC Game Pass
22 Nov 2022
[Review] รีวิวเกม Marvel's Spider-Man: Miles Morales บน PC เมื่อสไปเดอร์แมนรุ่นน้อง ต้องดูแลทั้งเมืองให้รุ่นพี่!
Marvel's Spider-Man: Miles Morales เกมภาคแยกของเกมซุปเปอร์ฮีโร่ชื่อดังจากค่าย Sony PlayStation อย่าง Marvel's Spider-Man โดยเกมภาคนี้ก็ยังเป็นหนึ่งในเกมที่วางขายพร้อม PlayStation 5 และก็สร้างมาเพื่อโชว์พลังศักยภาพตัวเครื่อง PlayStation 5 ว่ายอดเยี่ยมขนาดไหน ซึ่งหลังจากวางขายไปครบ 2 ปี ในที่สุดเกมภาคนี้ก็ได้มาวางขายบนฝั่ง PC บ้างแล้วเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2022อย่างไรก็ตาม หลายคนก็น่าจะยังสงสัยว่าแล้ว Marvel's Spider-Man: Miles Morales เป็นเกมภาคที่ดีเหมือนภาคหลักไหม และตัวเกมที่พอร์ทมาลง PC จะดีให้น่าซื้อราคาเต็มหรือเปล่า วันนี้ทาง GameFever จึงขอพาทุกคนมาชมรีวิว Marvel's Spider-Man: Miles Morales ฉบับบน PC เกมจะดีหรือแย่ก็ดูกันได้ที่ด้านล่างเลย!!!มาดูกันที่ด้านคุณภาพตัวเกมฝั่งเนื้อเรื่องกันก่อนMarvel's Spider-Man: Miles Morales คือเกมที่เปลี่ยนตัวเอกมาเป็นสไปเดอร์แมนรุ่นน้องอย่าง Miles Morales ที่ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์มาก และมีเนื้อเรื่องเล่าว่ารุ่นพี่ผ่านศึกมาเยอะอย่าง Peter Parker ได้ขอลาไปเที่ยวยุโรป แล้วช่วงที่รุ่นพี่ไม่อยู่ก็ดันมีวายร้ายวางแผนจะก่อเหตุการณ์ขั้นรุนแรงให้เกิดขึ้นในเมืองนิวยอร์ก จึงส่งผลให้รุ่นน้องที่ประสบการณ์ยังน้อยต้องทำทุกอย่าง เพื่อหยุดแผนร้ายนี้ให้ได้สำเร็จถือเป็นพอร์ทเรื่องที่น่าสนใจ และน่าจะเข้าถึงผู้เล่นหลายกลุ่มได้ดีกว่าภาคหลักอย่างมาก แล้วตัวเกมภาคนี้ก็สามารถทำแบบนั้นได้จริงๆ เพราะเนื้อเรื่องภาคนี้ก็ถือว่าทำออกมาดีมีภาพน่าจดจำเยอะ แถมคุณก็จะได้รู้สึกถึงความน่าติดตามตลอดการเล่น และก็ยังจะได้อินกับมิตรภาพตัวละครต่างๆ โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องรู้จักใครมาก่อนเลย เนื่องจากทุกตัวละคร NPC ในเกมนี้มีเสน่ห์สุดๆที่แจ้งไปด้านบนนั้นไม่ใช่แค่เนื้อเรื่องหลักนะ แต่ในทุกๆ เนื้อเรื่องเสริม NPC ทุกคนก็มีเสน่ห์ และทำให้ทุกภารกิจนั้นน่าติดตาม หรือพวกฝ่ายตัวร้ายทุกฝั่งก็มีเอกลักษณ์ แถมทำให้คุณอินกับอุดมการณ์ของพวกเขาได้ ถือว่าเกมนี้มีจุดแข็งด้านดีไซน์ตัวละครจริงๆ เพราะสามารถทำให้คุณอินทุกซอกทุกมุมได้เก่งมากเนื้อเรื่องภาคนี้ยังมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะด้านครอบครัวของตัวเอกที่มีให้เห็นความสัมพันธ์ในหลายฉาก และเพื่อนของตัวเอกที่ไม่ได้มีพลังวิเศษ แต่ก็จะพยายามคอยช่วยตัวเอกตลอดเวลาจนดูเป็นอีกหนึ่งตัวละครน่าประทับใจ โดยถือเป็นการเล่าเรื่องในสเกลขนาดเล็กกว่าภาคหลักทั้งหมด แต่ก็กลับทำได้ทรงพลังจนทำให้ผู้เล่นรู้สึกอบอุ่นตลอดการเล่นอย่างไรก็ตาม เนื้อเรื่องของเกมนี้ก็กลับสั้นมากๆ เพราะมีแค่ 17 ภารกิจหลักเท่านั้น และคุณก็สามารถเล่นเกมนี้จบได้ภายในไม่ถึง 10 ชั่วโมง แถมช่วงท้ายๆ ภารกิจหลัก เราก็จะพบว่ามันเริ่มอิ่มหมดมุกแล้ว และเกมก็ยังจบได้ไม่ดีเท่าที่ควรเสียอย่างงั้น แต่ถึงจะมีข้อเสียตามที่บอกไป ยังไงเกมนี้ก็สามารถสร้างภาพจำอันงดงามดีๆ ให้คนเล่นมองข้ามสิ่งพวกนี้ไปได้อยู่จุดนำเสนอของเกมนี้ (ถ้าเคยเล่นภาคหลักข้ามหัวข้อนี้ไปได้เลย)นอกจากด้านเนื้อเรื่อง เกมนี้ก็ทำระบบ Open World ออกมาได้ดีอย่างมาก โดยตัวเมืองนิวยอร์กนั้นจะมีแลนด์มาร์กที่น่าสนใจให้พบตามโลกจริง และหลายๆ สถานที่ในเกมนี้ก็ยังใส่รายละเอียดเอาไว้ได้อย่างเต็มที่ ซึงในช่วงที่คุณลงมาเดินสำรวจตามถนนต่างๆ จะเห็นได้เลยว่าเหล่าชาวเมือง NPC นั้นใช้ชีวิตกันแบบดูได้อรรถรสสมจริง ถือเป็นเซอร์ไพร์สที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นในเกมสไปเดอร์แมนถ้าคุณรู้เรื่องจักรวาล Marvel มาพอสมควร หรือเคยดูภาพยนตร์ต่างๆ มาก่อน คุณก็จะได้พบหลายๆ สถานที่ที่เคยเห็น และในเกมนี้ก็ยังมีการใส่สถานที่อย่างตึก Avenger Tower หรืออื่นๆ มาด้วย ทำให้การเล่นของคุณนั้นจะอินขึ้นไปอย่างมาก แต่ถ้าคุณไม่รู้เรื่องจักรวาล Marvel ก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงเกมนี้ก็จะทำให้คุณสนุก และอินได้อยู่ในตามด้านเนื้อเรื่องที่ได้บอกไป แถมนี่อาจเป็นก้าวแรกให้คุณหลงรัก Marvel ก็เป็นได้มาที่ส่วนเกมเพลย์กันบ้าง เราจะมีอิสระสามารถไปตามสถานที่ต่างๆ ด้วยการโหนไย โดยระบบเดินทางเกมนี้ก็ทำออกมาได้ลื่นไหล และเต็มอิ่มกับอรรถรสสุดๆ เลย แถมในช่วงโหนไยก็มีให้เล่นท่าสวยๆ ด้วย ซึ่งมันช่วยทำให้การเดินทางนั้นดูไม่น่าเบื่อ แล้วก็จะมีความสามารถตามสไปเดอร์แมนอย่างการไต่ตึกเป็นต้นส่วนระบบต่อสู้เกมนี้คือจุดเด่นอันดับต้นๆ เลย ระบบต่อสู้นั้นจะรวดเร็ว และเน้นทำคอมโบมันส์ๆ โดยที่พวกอนิเมชั่นจะดูสมจริงได้อรรถรสไม่ต่างจากการดูภาพยนตร์ แล้วพวกศัตรูนั้นจะมีหลายฝ่ายหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดจะมีแนวทางการต่อสู้กันไปอีก ทำให้เราต้องใช้ทักษะต่อยเตะ หรือใช้อุปกรณ์ต่างๆ มาแก้ทางอยู่เรื่อย จุดนี้แน่นอนว่ายอดเยี่ยมสุดๆเอกลักษณ์ของเกมภาคนี้ในเกมภาคนี้จะนำเสนอระบบ 'พลังไฟฟ้า' ที่เป็นพลังวิเศษของตัวเอกภาคนี้ โดยเมื่อเรามีเกจพลังไฟฟ้าเต็ม 1 หลอด จะทำให้สามารถใช้ไม้ตายเป็นท่าต่างๆ ในการต่อสู้เพื่อสร้างความได้เปรียบหรือแก้ทางศัตรู แถมมันยังเอาไว้ใช้ในตอนเดินทางให้เคลื่อนที่เร็วกว่าเดิมได้ด้วย รวมทั้งก็จะมีให้เอาไปแก้ปริศนาอีกเพียบ ซึ่งระบบนี้เป็นเอกลักษณ์แปลกใหม่ที่จะทำให้คนเล่นฟินระดับหนึ่งเลยนอกนั้นก็คือเหล่ากิจกรรมต่างๆ ในแผนที่ที่ก็มีให้ทำระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นตามหาของมาอัปเกรดตัวละคร หรือไปกำราบฐานศัตรูตามจำนวนต่างๆ และเหล่าปริศนาให้เราตามเก็บจนเต็ม 100% แต่สิ่งพวกนี้จะทำได้หลังจากเล่นเนื้อเรื่องไประดับหนึ่ง แล้วเกมภาคนี้ยังมีระบบ 'มือถือ' ให้เรารับงานเควสเสริมหรือรับงานกำจัดโจรตามภารกิจสุ่ม ซึ่งก็ทำให้ผู้เล่นอินกับการผจญภัยในโลก Open World เกมนี้ได้เป็นอย่างดีอย่างไรก็ตาม คอนเทนต์พวกกิจกรรมต่างๆ ก็ให้ความรู้สึกน้อยอย่างเห็นได้ชัดถ้าคุณเคยเล่นภาคหลักมาก่อน เพราะกิจกรรมจะแบ่งออกมาใหญ่ๆ ได้ประมาณ 6 กิจกรรมเท่านั้น แล้วจุดนี้พอบวกกับเนื้อเรื่องที่สั้นมากๆ ก็เห็นได้ชัดเลยว่าเกมภาคนี้ไม่ต่างอะไรกับการเป็นภาคเสริมเลย ทำให้ถ้าคุณจะซื้อในราคาหลัก 1,000 ขึ้นไปต้องคิดดีๆ กับตรงนี้หน่อย เนื่องจากเกมอื่นในราคาใกล้ๆ กันหรือเกมภาคหลักจะให้คุณได้เต็มอิ่มกับเนื้อหามากกว่านั่นเองแต่เกมภาคนี้ก็มี New Game Plus หรือระดับความยากหลายรูปแบบอยู่นะ ทำให้คนเล่นก็อยากกลับมาเล่นวนอีกรอบได้อยู่ รวมทั้งนี่ก็เป็นหนึ่งในเกมที่น่าถ่ายรูปสวยหลายจุด และก็มีโหมดถ่ายรูปแจ่มๆ มาให้ด้วย ส่งผลให้ถ้าใครเคยเล่นภาคหลักมาก่อน และมีทุนเยอะอยู่ระดับหนึ่ง จะซื้อมาเล่นก็ถือว่าคุ้มประสบการณ์บนฝั่ง PCเป็นอีกหนึ่งเกมจากทาง PlayStation Sony ที่พอร์ทลง PC มาได้ดีมากๆ โดย PC ที่ทางผู้เขียนใช้เล่นนั้นไม่พบปัญหาขณะเล่นหรือบั๊กอะไรเลย โดยสเปคเครื่องของผู้เขียนยังเล่นได้ที่ภาพระดับ 1080p 60fps สบายๆ แต่ตอนที่ลองเล่นทาง AMD ไม่ได้ปล่อยไดรเวอร์สำหรับเกมนี้มาให้อัปเดตเสียที จึงทำให้บางทีตอนโหนไยจะมีเฟรมหล่นไป 50fps แต่ก็นานๆ ทีถึงจะเป็นแบบนั้นสเปคที่ทางเราใช้เล่นเกมนี้ระบบปฎิบัติการ : Windows 10 64-bitโปรเซสเซอร์ : AMD Ryzen 5 5600Xหน่วยความจำ : แรม 16 GBการ์ดจอ : AMD Radeon RX 6600 XTพื้นที่จัดเก็บข้อมูล : SSDภาพกราฟิกบน PC นั้นจะเหมือนกับของเกม PlayStation 5 ในทุกส่วน ไม่ได้มีความสวยกว่าอะไรแบบนั้นให้เห็น แต่พวก Ray Tracing อันนี้ทางผู้เขียนใช้การ์ดจอ AMD จึงเปิดไม่ได้ (จริงๆ เปิดได้ แต่พวกประสิทธิจะไม่ดี เนื่องจาก AMD ไม่ได้รองรับ) แต่ทางผู้เขียนไปลองผ่าน PC การ์ดจอ GTX 3080 ก็พบว่าประสิทธิภาพนั้นทำดีมากๆ ไม่ต่างจากของ PlayStation 5 เช่นกันระบบการปรับภาพกราฟิกของเกมภาคนี้ก็ทำมาได้ดีตามมาตรฐาน และเหล่าพวก Ray Tracing ก็ให้ปรับได้หลากหลายสไตล์พอสมควร รวมทั้งเกมภาคนี้ยังรองรับระบบ DLSS ให้สามารถเล่นเกมนี้ได้ลื่นขึ้นอีกด้วย ส่วนพวกระบบเสียงในเกมก็มีให้ปรับได้หลากหลายตามสไตล์ของเกม Sony เช่นกัน เพื่อให้ผู้เล่นได้อรรถรสเสียงในเกมแบบเต็มประสบการณ์ แต่เกมนี้ก็ปรับได้ตามมาตรฐานเกม Sony ไม่ได้ถึงขั้นให้ปรับแยกได้เยอะแบบ Uncharted 4 หรือ The Last of Us 2 นะแล้วด้วยความที่เกมนี้เป็นเกมโชว์ศักยภาพ PlayStation 5 หรือ SSD อย่างเต็มรูปแบบ ถ้าสเปค PC ของคุณถึงตามระดับที่เกมต้องการ ก็จะทำให้เล่นเกมนี้ได้ฟินไม่ต่างจากบน PlayStation 5 เลย ไม่ว่าจะตัวเกมที่ทำระบบมาให้เห็นว่าไม่มีฉากโหลดมากวนใจ หรือพวกภาพกราฟิกที่จัดเต็มตลอดเวลา แล้วสิ่งพวกนี้ก็เป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ค่อยได้เห็นในเกมภาคหลักด้วยสรุปMarvel's Spider-Man: Miles Morales ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเกมดีที่สมการรอคอยมาลงบน PC แน่นอน แต่ปัญหาเดียวเลยคือมันเหมือนเกมภาคเสริม เพราะเนื้อเรื่องที่สั้น รวมทั้งคอนเทนต์ที่น้อย ทำให้ใครไม่เคยเล่นภาคหลักก็ควรไปสัมผัสภาคหลักก่อน แต่เกมภาคนี้ก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง รวมทั้งเป็นภาคที่โชว์ขุมพลัง PlayStation 5 กับ SSD จึงทำให้ภาคนี้จะมีอะไรให้ฟินต่างกับภาคหลักแน่นอน
21 Nov 2022
[Review] รีวิวเกม Call of Duty: Modern Warfare II ภาคต่อเจ้าพ่อ FPS สุดมันส์ แต่ดันพังเพราะบั๊ค?!
กลับมาอีกครั้งกับแฟรนไชส์เกมยิงสุดเดือด และภาคนี้ถือว่าเป็นภาคที่หลายคนรอคอย เพราะคือการสานต่อชื่อจาก Call of Duty ภาคที่โด่งดังที่สุดภาคหนึ่งอย่าง Modern Warfare II อีกครั้ง ซึ่งก็ทำให้เกมต้องแบกรับความคาดหวังจากแฟนซีรีส์อย่างมาก แต่การกลับมาคราวนี้จะเป็นยังไง ยอดเยี่ยมสมการรอคอยมากน้อยแค่ไหน ต้องลองมาอ่านรีวิวของเรากันเนื้อเรื่องที่สานต่อจากภาค Modern Warfare 2019เนื่องจากภาคนี้เป็นภาคต่อจากภาค Reboot เมื่อปี 2019 เนื้อหาจึงดำเนินเรื่องราวต่อกัน ในภาคนี้เราจะได้รับบทเป็นสมาชิกทีม Task Force 141 แต่จะได้เล่นเป็นคใร ตัวละครไหน ก็แล้วแต่ฉากและภารกิจนั้น ๆ เนื้อเรื่องในภาคนี้จะว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มก่อการร้าย Quds ที่นำโดย Hassan Zyani ที่อยู่ดี ๆ เขาก็มีอาวุธขีปนาวุธร้ายแรงของอเมริกาอยู่ภายในมือ ทำให้สมาชิกทีม Task Force 141 ถูกเรียกออกปฏิบัติการเพื่อสืบหาที่มาที่ไปว่า เหตุใดอาวุธของอเมริกาจึงตกไปอยู่ในมือของผู้ก่อการร้าย และยังต้องร่วมมือกับหน่วยรบมากฝีมือจากเม็กซิโกสำหรับเนื้อเรื่องของภาคนี้ เสียงวิจารณ์นั้นค่อนข้างแตกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน คนที่ชอบก็ชอบ คนที่ไม่ชอบก็คือไม่ชอบไปเลย แต่สำหรับผู้เขียนมองว่า ภาคนี้ตั้งใจนำเสนอแนวทางที่ต่างจากภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด ในภาคที่แล้ว เราจะได้ทำภารกิจแบบบู๊ระห่ำ เดินหน้าลุย ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ในขณะที่ภาคนี้ เกมเน้นความเป็นกลยุทธ์ ความ Tactical ในภารกิจต่าง ๆ มากกว่า ทำให้รสชาติและอารมณ์ในการเล่นนั้น แตกต่างกันอย่างชัดเจน จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนอาจจะไม่ชอบ เพราะจากที่ได้บู๊มัน ๆ ก็ต้องมานั่งเล่นกันแบบกลยุทธ์ ไม่ได้วิ่งยิงเหมือนภาคแรกและตัวเกมยังเหมือนถูกออกแบบมาเพื่อประการนี้ ผู้เล่นจะรู้เลยว่าการถูกยิงแต่ละครั้งทำให้ตัวละครที่เราเล่น ดูขาดความเป็นมืออาชีพกันแบบสุด ๆ เพราะการนำเสนอที่เปลี่ยนไปของเนื้อหาในเกมภาคนี้ จึงไม่แปลกที่หลายคนจะไม่ชอบ นอกจากนั้นเกมเพลย์บางส่วนยังฉีกแนวไปจากเดิม ซึ่งคาดว่าเป็นการตั้งใจนำเสนอเพื่อให้ผู้เล่นคุ้นชินกับระบบต่าง ๆ ที่จะมาใน Warzone 2.0ด้วยเหตุนี้ทำให้โหมดเนื้อเรื่องของเกม ดูเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจขายเนื้อเรื่องจริง ๆ แต่ไปเน้นเกมเพลย์ที่ตั้งใจนำเสนอโหมดอื่น บวกกับเนื้อหาที่เปลี่ยนแปลงการนำเสนอ จึงไม่แปลกใจที่แฟน ๆ หลายคนจะเสียงแตกกันขนาดนี้ แต่อย่างน้อยมันก็ปูทางไปสู่ภาคต่อ (หรือ DLC) ได้อย่างน่าติดตามเหมือนเดิม และถือเป็น Call of Duty อีกภาคที่ประสบความสำเร็จในด้านการทำแคมเปญเนื้อเรื่องเกมราคาแพง แต่อัดแน่นไปด้วยคอนเทนต์ที่คุ้มค่าเกินราคาในยุคที่เศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีเท่าไรในยุคนี้ เชื่อเหลือเกินว่าแฟนเกมบางคนต่อให้อยากเล่นแค่ไหน แต่เจอราคาขั้นต่ำ 2,300 บาทเข้าไป ก็ต้องมีคิดแล้วคิดอีกกันอยู่บ้าง แต่ใครที่เงินถึงแต่ยังลังเลว่ามันจะคุ้มค่าหรือไม่ เราก็ตอบให้ตรง ๆ ตรงนี้เลยว่ามันคุ้มค่ามาก ๆ โหมดเนื้อเรื่องหรือแคมเปญหลักของเกมนั้น อาจจะมีความยาวอยู่ที่ 4-5 ชั่วโมง แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น สำหรับแฟน ๆ Call of Duty ที่เเล่นมาหลายภาคจะรู้ดีอยู่แล้วว่า Call of Duty นั้น สนับสนุนเนื้อหาในโหมด Multiplayer ยาวกันเป็นปี ๆ ดังนั้นคำเตือนสำหรับคนที่คิดจะซื้อมาเล่นจริง ๆ ก็คือ คุณต้องแน่ใจว่าคุณจะเล่นโหมดออนไลน์ของเกมนี้จริง ๆ และเล่นในระยะยาวด้วย ไม่อย่างนั้นซื้อมาเล่นแค่เนื้อเรื่องมันจะไม่ค่อยคุ้มค่าสักเท่าไรแต่ถ้าคุณเป็นคนที่ชอบเกม FPS Multiplayer สำหรับ Call of Duty นั้น แทบจะมีทุกโหมด เกมการเล่นแทบจะทุกแบบให้คุณแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโหมด Co-op ที่เอาไว้เล่นเก็บสะสมของรางวัลประจำสัปดาห์ และเนื้อหาบางช่วงจะต่อจากแคมเปญเนื้อเรื่องหลัก โหมด Multiplayer ที่อัดแน่นไปด้วยโหมดต่าง ๆ มากมายให้เราได้สนุกกัน หรือแม้แต่โหมดขนาดใหญ่อย่าง Invasion หรือ Ground War เรียกได้ว่าคอนเทนต์ Multiplayer ของเกมนี้ อัดแน่นไปด้วยรูปแบบเกมการเล่นที่ครบเครื่อง คือถ้าคุณซื้อมาแล้วเล่น ยังไงก็คุ้มค่าแน่นอน ยังไม่รวมถึงระบบต่าง ๆ นา ๆ ที่จะทำให้คุณเสียเวลาชีวิตไปเป็นร้อยชั่วโมงกับระบบของเกมนี้เอาง่าย ๆ คือแม้จะมีราคาสูงถึง 2,000 บาทขึ้นไป แต่สำหรับแฟนเกมยิงออนไลน์แล้วล่ะก็ นี่คือเกมที่คอนเทนต์คุ้มค่าอย่างมาก เพราะมันมีอะไรต่อมิอะไรให้คุณได้ทำเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเลเวลตัวละคร เลเวลอาวุธ และอื่น ๆ อีกมากมาย หากคุณเป็นแฟน Call of Duty และอยากลงหลักปักฐานกับเกมอะไรสักเกมที่มีอนาคตยาวไกลแล้วล่ะก็ Call of Duty: Modern Warfare II ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้แล้วเกมเพลย์ที่รองรับคนทุกประเภท อยากเล่นอะไร COD มีให้หมดนอกจากคอนเทนต์จะอัดแน่นแล้ว สิ่งที่ตามมากับคอนเทนต์ที่เยอะมาก ๆ คือเกมเพลย์ สำหรับเกมเพลย์ของ Call of Duty นั้น แต่ไหนแต่ไรก็เอาใจผู้เล่นทุกกลุ่ม ทุกประเภทกันอยู่แล้ว อยากเล่นโหมดไหน กี่คน เล่นยังไง มีหมด ไม่ว่าจะเป็นโหมดพื้นฐานทั่วไปอย่าง Team Deathmatch หรือ Domination หรือจะเป็นโหมดที่เน้นวิ่งลุย ยิงกันตลอดเวลาอย่าง Hardpoint หรือจะไปโหมดจริงจังก็มี Search & Destroy หรือโหมดวางระเบิด และกับโหมดใหม่อย่าง Prisoner Rescue ที่เป็นโหมดชิงตัวประกัน ที่เราสามารถยิงล้มและชุบกันได้ 1 ครั้ง / 1 รอบการเล่น เรียกได้ว่า Call of Duty จัดเต็ม ใส่ทุกอย่างเท่าที่เกมยิงจะมีได้เข้ามาแล้วยังไม่รวมถึงโหมดเกมยิบย่อยอย่างเช่น Co-op ที่เป็นการป้องกันจุด ทำให้ได้อารมณ์เกมแนว Tower Defense หรือภารกิจปลดชนวนมิสไซล์ที่กลายเป็นเกม Co-op ตะลุยด่าน คือบอกได้เลยว่า ไม่ว่าคุณจะเป็นเกมเมอร์สายอะไร เกมนี้มีทุกอย่างให้คุณเล่นแต่สำหรับหัวใจหลักของโหมด Multiplayer ยังไงก็น่าจะหนีไม่พ้นโหมดเกมหลัก ๆ ที่มีให้เลือกเล่นกว่า 9 โมหด แต่ส่วนมากแล้วในโซนเอเชียของเรานี้ จะเจออยู่แค่โหมด Domination / Hardpoint / Kill Confirmed หรือ Team Deathmatch เพราะเล่นง่าย สนุก จบไว ได้สู้กันตลอด เกมเพลย์ของภาคนี้ก็ยังคงความดุเดือดเอาไว้เหมือนกับภาค 2019 แต่ความเร็วอาจจะถูกลดลงมาเล็กน้อย ใครที่ไม่เคยเล่น หรือไม่ได้สังเกตจริง ๆ อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำไป หรือใครที่อยากเล่นกับเพื่อนสนุก ๆ อยากยิงบอทก็สามารถไปเล่นโหมด Co-op ที่เล่นกัน 2 คนได้ เกมเพลย์การเล่นในโหมด Co-op นี้ก็ยังใส่ระบบอย่างกการป้องกัน หรือ Tower Defense ใส่เอาไว้ด้วย แถมในอนาคตยังมีโหมดฟรีอย่าง Warzone / DMZ ตามเข้ามาอีก ครบทุกอย่างที่แฟนเกมต้องการสิ่งสำคัญจริง ๆ ของภาคนี้คือระบบของอาวุธ หรือ Gunsmith 2.0 ที่ทางตัวเกมภูมิใจเสนอตั้งแต่เกมยังไม่ออก ระบบ Gunsmith ภาคนี้ จะส่งผลให้ผู้เล่นต้องเล่นปืนหลากหลายกระบอก เพื่อปลดล็อคของแต่งปืน อย่างเช่น คุณต้องการของแต่งปืนกระบอกแรก ก็อาจจะต้องไปเล่นปืนกระบอกที่ 2 แต่ปืนกระบอกที่ 2 เองก็ยังไม่ได้ปลด ต้องไปเล่นปืนกระบอกที่ 3 เป็นต้น ด้วยระบบนี้ แม้ว่ามันจะดูยุ่งยากซับซ้อนไปซะหน่อย แต่อีกมุมหนึ่ง มันทำให้ผู้เล่นไม่ยึดติดอยู่กับการเล่นปืนกระบอกเดียวมากเกินไป และตอนนี้ เอาแค่แพทช์ ณ ปัจจุบันก่อน Season 1 เกมก็มีปืนให้เลือกใช้มากมายอยู่แล้ว เพิ่มความหลากหลายและทำให้ผู้เล่นติดพันมากยิ่งขึ้นกว่าภาคก่อนหน้าสำหรับเกมเพลย์ของการยิงก็ดูจะไม่ค่อยต่างจากภาคก่อนหน้านี้สักเท่าไร มีเพียงการ Mantling หรือการเกาะขอบต่าง ๆ ช่วยเพิ่มลูกเล่นในการเล่นให้มีสีสันมากขึ้น เพียงแต่การ Mantling นั้น จะทำให้เราใช้ได้แต่อาวุธรองเท่านั้น ระบบอื่น ๆ อย่าง Killstreak / Scorestreak เองก็ยังอยู่ครบ และสลับไปมาได้ เลือกได้ว่าจะฆ่าให้ได้เยอะ หรือเอาคะแนนแทน อย่างที่บอวก่าเกมเพลย์ของ Modern Warfare II นั้น รองรับผู้เล่นแทบจะทุกกลุ่ม ทุกไซส์ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังมีไม่ครบ แต่ในอนาคต ในการอัปเดต รับรองว่ามาอีกเพียบ เล่นกันได้หมด ทั้งคนเสียเงินซื้อหรือเล่นฟรี และเราคงต้องบอกกันอีกรอบว่า ใครกำลังมองหาเกมยิงเล่นระยะยาวชนิดที่ว่าเล่นได้เป็ฯปี ๆ โดยคุณไม่เบื่อก่อน ก็ต้อง Call of Duty: Modern Warfare II นี่แหละแม้จะสอบผ่านด้าน Performance แต่ปัญหาจุกจิกก็มีเพียบจนถึงปัจจุบันข้อดีของ Modern Warfare II คือ เครื่องคอมพิวเตอร์ระดับกลาง ๆ ก็ยังคงเล่นได้ อาจเพราะตัวเกมยังคงต้องลงให้กับเครื่องเจ็นเก่าอย่าง PlayStation 4 อยู่ด้วย และคอมพิวเตอร์ระดับกลาง หรือต่ำ ปรับ ๆ หลาย ๆ อย่างใน Setting Menu หน่อยก็พอจะเล่นได้บ้าง แต่กราฟิกจะออกมาประมาณไหนก็ต้องไปดูกันเอาเองแต่ Performance ของเกมที่มีปัญหาจริง ๆ อยู่ที่บั๊กต่าง ๆ ของเกมที่เปิดตัวมาด้วยปัญหาต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกมแครช เกมเด้ง หลุด ค้าง ที่โดนกันถ้วนหน้า หรือภาพกะพริบที่ชาว Nvidia ต้องอัปเดตไดรเวอร์การ์ดจอแก้กันอย่างสนุกสนาน โชคดีที่ปัญหาด้านเฟรมเรทตก หรือตัวเกมขณะเล่นนั้น ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่จะมามีปัญหาตรงพวก Error ต่าง ๆ นี้เยอะไปซะหน่อย จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะแก้ไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังมีคนเจอปัญหานี้อยู่บ้าง ซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาแก้ไขกันต่อไปCall of Duty: Modern Warfare II เป็นอีกหนึ่งเกมยิงแห่งปีที่หากคุณชื่นชอบเกมออนไลน์ เกมยิง ยังไงก็ต้องเกมนี้ แต่อาจจะต้องทนรับสภาพปัญหาบั๊กกันสักหน่อยในตอนนี้
14 Nov 2022
[บทความ] แนะนำ Anthem เกมสุดพัง แต่ก็ยังมีความปังให้น่าซื้อมาเล่น!
Anthem ชื่อนี้คงน่าจะทำให้ใครหลายคนเห็นภาพถึงหนึ่งในเกมประสบความล้มเหลวจากค่าย EA เนื่องจากตัวเกมตอนออกมาวางขายมีแต่ข่าวเสียๆ เต็มไปหมด อารมณ์เหมือนเกมนั้นยังสร้างไม่ทันเสร็จดี และหลังผ่านไปหลายปี EA ก็ยังประกาศเลิกอัปเดตเกมนี้ไปดื้อๆ จนเกมไม่ได้มีการแก้ตัวให้กลายมาเป็นยอดเยี่ยมแบบเกมอย่าง No Man's Sky หรือ Cyberpunk 2077 โดยก็ถือเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมากอย่างไรก็ตาม เกมๆ นี้แม้จะพังไปขนาดไหน แต่มันก็ยังมีความปังให้น่าซื้อมาเล่นในช่วงเวลานี้อยู่นะ!!! แถมตอนเกมลดราคาก็จะเหลืออยู่ที่ประมาณ 100-300 บาททั้งบน PC โปรแกรม Origin หรือบน PlayStation กับ XBOX แถมเกมนี้ก็มีอยู่ในบริการรายเดือน EA Play อีกด้วย โดยใครที่สงสัยว่าแล้วเกมนี้มันมีความปังอะไรบ้าง!? รับชมเต็มๆ กันได้ที่ด้านล่างเลย[บทความนี้เป็นการแนะนำกึ่งรีวิวนะถ้าไม่ชอบอ่านอะไรยาวๆ ก็ไปดูสรุปสั้นๆ และคะแนนความน่าซื้อได้ที่ด้านล่างเลย]ชุดเกราะสุดไฮเทค Exosuit คือพระเอกของเกมนี้แบบสุดๆขอพูดตั้งแต่แรกเลยว่าถ้าคุณชอบ Iron Man และอยากเล่นเกมที่ให้เป็น Iron Man เกมนี้สามารถเล่นได้ทดแทนสูงอย่างมาก โดยจะเพราะอะไรให้ดูตามที่ด้านล่างๆ (ชุดเกราะ Exosuit เกมนี้มีชื่อเรียกใหญ่ๆ ว่า Javelin)เกมนี้จะแบ่งชุดเกราะ Exosuit 4 รูปแบบ โดยทุกรูปแบบจะมีวิธีต่อสู้ต่างกัน เหมือนกับการแบ่งอาชีพในเกม RPG เลย โดย 2 แบบแรกนั้นได้แรงบันดาลมาจาก Iron Man ด้วยนั่นคือ Ranger เกราะเก่งรอบด้าน และ Colossus เกราะเน้นถึก ส่วนอีก 2 คือ Storm เกราะจอมเวทย์ และ Intercepter เกราะเน้นความเร็วถือมีดไปไล่ซัดหน้าภาพเกราะ Rangerภาพเกราะ Colossusภาพเกราะ Stormภาพเกราะ Intercepterทุกเกราะจะมีวิธีต่อสู้ต่างกันไปหมด ต่างกันยันรูปแบบการเคลื่อนที่ ยกตัวอย่าง Storm ที่จะเป็นเกราะสไตล์จอมเวทย์ (แต่เวทย์วิทยาศาสตร์นะไม่ใช่แฟนตาซีหลุดโลก) ทำให้เราจะมีบาเรียรอบตัว และเวลาเคลื่อนที่ไวจะเป็นการลอยตัวพุ่งไปข้างหน้าเท่ๆ รวมทั้งสกิลโจมตีส่วนใหญ่จะเป็นการใช้พลังธาตุต่างๆ ประกอบด้วยไฟ, ไฟฟ้า และน้ำแข็งที่ใช้ได้เรื่อยๆ จนแทบไม่ต้องจับปืน แล้วตอนใช้ไม้ตายจะเป็นการคอมโบทั้ง 3 ธาตุ ซึ่งตรงนี้คนอ่านจะยังสงสัยว่าจุดเด่นรวมๆ เป็นยังไง แต่จะเห็นได้ชัดว่าชนิดชุดเกราะแบบนึงจะให้อารมณ์การเล่นต่างกันไปหลายส่วนเลยอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ระบบชุดเกราะ Exosuit ในเกมนี้แจ่มสุดๆ คือมันให้อรรถรสในการเล่นอย่างมาก ไม่ว่าจะอนิเมชั่น และฟิสิกส์ในการทำอะไรต่างๆ ยกตัวอย่างตอนที่ผู้เล่นบินจะฟินสุดๆ แถมไม่ว่าคุณจะเล่นด้วยจอยหรือคีย์บอร์ด เกมก็ยังทำให้คุณได้ฟิลน้ำหนักของชุดเกราะด้วย ทำให้ถ้าใครอยากเล่นเกมได้สวมเกราะ Exosuit เจ๋งๆ หรืออยากเป็น Iron Man นี่คือเกมที่จะตอบโจทย์คุณจริงๆ สุดท้ายคือเกมนี้จะมีร้านค้าสกิน Exosuit ที่สกินต่างๆ จะสวยงาม และเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปได้ทั้งตัวด้วย รวมทั้งเรายังเปลี่ยนแค่เฉพาะส่วนต่างๆ ได้ (ส่วนหัวหรือแค่ขาเป็นต้น) โดยสกินพวกนี้หาซื้อได้ด้วยการเติมหรือฟาร์มค่าเงินในเกมไปซื้อ แล้วตัวชุดเกราะยังปรับแต่งพวกสีหรือชนิดชิ้นส่วนๆ นั้นได้ (ชิ้นส่วนทำมาจากผ้าจะทำให้สีดูบางๆ หรือหนังสัตว์จะทำให้ดูสีเข้มๆ อะไรแบบนี้) ทำให้ถ้าคุณเป็นสายแต่ง เกมนี้ตอบโจทย์เอาเรื่องหน้าตาร้านค้าหน้าตาชุดสกินของเกราะ Ranger ถ้าคุณซื้อเกมแบบเวอร์ชั่น Deluxeแล้วก็สามารถปรับแต่งสี หรือใส่แแค่บางส่วนแล้วไปผสมกับสกินอื่นได้อิสระการออกแบบโลกในเกมที่น่าสำรวจมากๆหัวข้อนี้เราจะพูดกันทั้งเรื่องโลกในเกม และเนื้อเรื่องในเกม โดยเริ่มที่เนื้อเรื่องก่อนว่าเราจะได้เป็นฮีโร่ตกอับ แต่ก็เพิ่งกลับมาได้รับงานให้ไปหยุดพวกลัทธิตามหาพลังยึดโลก ซึ่งระหว่างทางเราจะได้ผจญภัย และรับภารกิจแปลกๆ ตลอดเวลา แถมตรงนี้ก็ทำออกมาได้ดีแบบเสพเพลินๆ เหมือนเรากำลังดูภาพยนตร์ Sci-FI อย่าง Star Wars หรือ Avatar อะไรทำนองนี้เลยเราจะได้พบเจอกับ NPC มากมาย และทุกคนจะมีให้เราได้สร้างความสัมพันธ์เรื่อยๆ และตรงนี้ก็มีเซอร์ไพร์สให้พบเจอเยอะมาก โดยบางบทสนทนาจะมีให้เราเลือกตอบแบบคนมองโลกแง่ดีกับแง่ร้ายได้ด้วย ซึ่งมันอาจไม่ส่งผลอะไรต่อเกมเลย แต่ก็จะทำให้ผู้เล่นอินไปกับจักรวาลในเกมเอาเรื่อง ส่งผลให้ใครเก่งอังกฤษ และชอบตีสนิทกับ NPC จะชอบเกมนี้เป็นพิเศษด้วย เพราะมันมีเยอะจนคาดไม่ถึง.มาต่อกันที่จักรวาลภายในเกม จักรวาลเกมนี้จะเป็นแนวยุคอนาคต แต่โลกในเกมจะแนวแบบมีเมืองเล็กๆ และเต็มไปด้วยป่าที่มีสิ่งสวยงามกับสัตว์ประหลาด โดยทั้งฉากตอนอยู่ในเมืองกับในป่า ทุกฉากสวยอลังมากๆ รวมทั้งในฉากจะมีการซ่อนสิ่งของเป็นเรื่องราวน่าสนใจให้ชมหรืออ่านศึกษาประวัติของมันกัน ทำให้ใครเป็นชอบอ่านก็จะอินเกมนี้เพิ่มไปอีกภาพฉากในเมืองภาพฉากในป่าพวกศัตรูในเกมนี้ก็มีหลายฝ่าย และหลายแบบพอสมควร โดยศัตรูจะมีฝ่ายให้อารมณ์แบบเป็นโจรมาหาปล้นสะดม หรือวายร้ายที่จะคว้าพลังยึดครองโลก ซึ่งทุกฝ่ายจะมีชนิดศัตรูต่างกันไป แล้วบางสถานที่อาจมีเป็นป้อมปืนสู้กับเราอะไรแบบนี้ แล้วก็ยังมีพวกมอนสเตอร์ตามจุดต่างๆ ในป่า ที่หลายตัวไม่เกีย่วกับเนื้อเรื่องเลย แต่มันก็มีเอกลักษณ์ต่อสู้ต่างกันสุดๆ แถมยังมีเป็นระดับไททันยักษ์เลยนั่นเองสุดท้ายนี้ อีกสิ่งที่อยากจะชมคือแม้ผู้สร้างจะดูทำเกมนี้ไม่เสร็จ แต่พวกเขาก็ทำให้จักรวาลเกมนี้มีมิติหลายอย่างที่สมบูรณ์แบบมากเลย ไม่ว่าจะด้านคนในเมืองที่ยังจะมีแบ่งเป็นฝ่ายตำรวจ, ฝ่ายนักสำรวจ, หรือฝ่ายฮีโร่สวมเกราะ Exosuit ทุกอย่างมันมีอะไรให้ค้นพบเต็มไปหมด จึงส่งผลให้สายเนื้อเรื่องน่าจะชอบเกมนี้เอาเรื่อง แต่ว่าสุดท้ายแล้วเนื้อเรื่องเกมนี้ก็สั้นเอาเรื่องอยู่นะ เพราะงั้นอย่าหวังว่าจะได้เต็มอิ่มมากขนาดนั้น แม้จักรวาลมันจะมิติเยอะระบบ RPG ที่ทำให้เกมเล่นได้เพลินเอาเรื่องอยู่ระบบ RPG ในเกมนี้อาจไม่ได้เทพมาก แต่ก็ถือว่าทำให้เกมน่าเล่นไปเรื่อยๆ โดยจะมีทั้งตัวระบบการทำดาเมจศัตรู, การคอมโบโจมตี และการฟาร์มหรือคคราฟไอเทมมาเริ่มที่ระบบแรกคือการทำดาเมจศัตรู โดยจะทำให้ศัตรูทุกตัวมีหลอดเลือด และเราจะทำดาเมจแบบปกติหรือ Critical ได้ (ถ้ายิงโดนหัวก็นับเป็น Critical) แล้วเกมจะมีระบบคอมโบโจมตีด้วย ซึ่งจะเกิดจากการเราใช้สกิลที่มีชนิดพลังต่างกัน แล้วจะเกิดเป็นปฎิกิริยาต่างๆ มาทำพลังดาเมจที่รุนแรงมาก (อารมณ์เหมือนคอมโบธาตุของเกม Genshin Impact เลย แต่เกมนี้มาจากสกิลที่ชนิดพลังต่างกันจากตัวละครเดียว)ตารางการคอมโบโจมตีส่วนการฟาร์มเกมนี้ก็จะให้ฟาร์มพวกอาวุธปืน, อาวุธประชิต, อาวุธสกิล, สกิลช่วยให้รอดตาย และชิ้นส่วนเสริมพลังเกราะ โดยพวกอาวุธปืนก็มีหลายชนิด ส่วนอาวุธสกิลจะส่งผลให้มีการโจมตีต่างกันสิ้นเชิงไปเลย ยกตัวอย่างของ Ranger มีสกิลยิงจรวด แต่เราเปลี่ยนเป็นสกิลยิงเลเซอร์แทนได้ แถมสกิลทุกอันของแต่ละอาชีพยังไม่เหมือนกันอีก ส่วนชิ้นส่วนเสริมพลังเกราะ จะมอบสกิลติดตัวพิเศษให้เรา ยกตัวอย่างใส่แล้วจะบินได้นานขึ้นเป็นต้นจากด้านบน ทุกชิ้นจะมีความแกร่งขึ้นอยู่กับเลเวล และจะมีระดับสีความเก่งที่ต่างกันไป ทำให้การฟาร์มเกมนี้มีมิติให้เล่นเพลินได้เรื่อยๆ แล้วช่วงท้ายเกมก็มีคอนเทนต์ยากๆ ที่เราต้องไปลุยอยู่ รวมทั้งมีให้ปรับความยากที่สูงขึ้นเรื่อยๆ อยู่ระดับหนึ่ง ซึ่งเราก็ต้องฟาร์มจนมีค่าพลังให้ถึงตามความยากนั้นๆ ก่อนด้วยเกมยังมีเควสหลายรูปแบบเพียบ และมีเควสประจำวันอะไรแบบนี้ให้ได้ค่าเงินไปซื้อสกินสวยๆ มาใส่ โดยจุดนี้ถือเป็นคอนเทนต์ท้ายเกมให้เล่นได้เรื่อยๆ แล้วเกมก็ยังมีโหมดอารมณ์แบบ Open World ให้เราบินไปทำเควสสุ่มหรือเควสท้าทายต่างๆ ได้สิ่งที่ควรเตรียมใจก่อนซื้อเกมนี้บน PC สามารถเล่นได้ลื่นๆ ไม่มีปัญหาอะไรหากคอมสเปคตรงตามที่เกมต้องการ แต่บน Console ไม่ว่าจะยุคเก่าหรือใหม่ เกมนี้จะเล่นได้เพียงแบบล็อก 30FPS เท่านั้น เนื่องจากเกมไม่มีอัปเดตให้ PlayStation 5 หรือ XBOX Series X l S แต่ภาพที่เล่นได้จะเป็น 4K อยู่ (บน XBOX Series X สามารถปลด 60FPS ได้ด้วยระบบพิเศษของเครื่อง แต่ความละเอียดภาพจะหล่นไปต่ำกว่า 1080P เสียอีก ทำให้ภาพในเกมแย่ถ้าเล่นบนจอสูงๆ)ตอนเล่นเกมนี้ในโหมดออนไลน์ คุณจะรู้สึกว่าตัวเองมีปิงที่สูงอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ดีเลย์ให้เห็นจนน่าหงุดหงิดอะไรแบบนั้นสุดท้ายคือเกมนี้ไม่มีอัปเดตใหม่ๆ อีกแล้วแน่นอนเกมนี้รองรับ Coop ในทุกโหมด แม้โหมดเนื้อเรื่องก็ยัง Coop ได้ แต่เกมก็สามารถเล่นคนเดียวได้ด้วย แต่ถ้าจะเล่นคนเดียวต้องเข้าใจก่อนว่าระดับความยากต่างๆ ที่เกมมีให้เลือกจะทำมาเพื่อ Coop ทำให้ช่วงแรกๆ บางชุดเกราะจะลุยระดับ Hard ได้สบาย แต่บางชุดต้องระดับ Easy ถึงจะเล่นได้แฟร์ๆสรุปจากด้านบน เห็นได้ชัดว่า Anthem มันก็มีของดีของเด็ดอยู่นะ และทำให้น่าซื้อมาเล่นมากๆ ในราคาลดเหลือ 100-300 บาท โดยผู้เขียนก็ซื้อตอนลดมาแล้ว 2 รอบบน PC กับ PlayStation แล้วก็รู้สึกว่ามันเกินคุ้มไปเลยในราคานี้ ทำให้ใครหาเกมสวมเกราะเท่ๆ และจะไปลุยเดี่ยวหรือกับเพื่อน ก็แนะนำว่าอย่ามองข้ามเกมนี้ไป!!! แต่ยังไงเกมก็มีปัญหาตามที่แจ้งไป และก็มีเรื่องที่น่าผิดหวังนั่นแหละ
10 Nov 2022
[Review] รีวิวเกม Sonic Frontiers นี่คือเกมจากซีรีส์เจ้าเม่นสีฟ้า ที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ถ้าให้พูดถึงเกมจากซีรีส์เจ้าเม่นสีฟ้า Sonic The Hedgehog ตัวซีรีส์มันก็อยู่กับเรามานานกว่า 30 ปีเข้าไปแล้วตั้งแต่เกมภาคแรกในปี 1991 ซึ่งตัวเกมก็ได้มีภาคต่อออกมาเรื่อย ๆ ทั้งดีบ้าง แป๊กบ้าง ซึ่งหนึ่งในจุดเด่นของตัวละครซีรีส์นี้ก็คงจะเป็นสปีดความเร็วของตัวละคร และภาพเคลื่อนไหวนั้นค่อนข้างเร็วกว่าเกม Platformer อื่น ๆ ในสมัยนั้น และในปี 2022 ทางผู้พัฒนาอย่าง SEGA ก็ได้ปล่อยเกมภาคใหม่อย่าง Sonic Frontiers ที่ในภาคนี้พวกเขาได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบของเกมให้เรามีอิสระและพื้นที่เปิดกว้างในการสำรวจมากขึ้น รวมถึงยังใส่กลไกการต่อสู้ องค์ประกอบความเป็น RPG ด้วย ซึ่งในวันนี้พวกเรา GameFever TH จะมารีวิวเกมนี้ให้ทุกท่านได้ทราบกันว่ามันควรค่าแก่การซื้อหรือไม่!?กราฟิก / การนำเสนอในด้านของกราฟิกใครที่เห็นภาพบรรยากาศของเกมมาบ้างแล้ว ท่านก็น่าจะเห็นความสวยงามของฉากที่ทำออกมาได้ค่อนข้างมีความสมจริงมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นส่วนตัวก็ยังรู้สึกขัด ๆ กับโมเดลของตัวละครที่ค่อยข้างดูมีความเป็นการ์ตูนมากเกินไป จนบางครั้งสีสันของตัวละครเอก มันอาจจะไปขัดกับศัตรูภายในเกม ขัดกับฉากต่าง ๆ พอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นหนึ่งในสิ่งที่ต้อง=มก็คงจะเป็นในด้านของ Effect สกิลต่าง ๆ ที่ทำสีสันได้สวยงามมาก ๆ รวมถึงอีกหนึ่งสิ่งที่ขัดใจก็คงจะเป็นบรรยากาศภายในเกมที่มันค่อนข้างดูอ้างว้าง ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใด ๆ เลย แน่นอนว่าภายในเนื้อเรื่องของเกมก็จะมีการให้เหตุผลถึงบรรยากาศของดินแดนอันอ้างว้างนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันทำให้ตัวเกมขาดสีสันไปมากพอสมควร เนื้อเรื่องโดยเนื้อเรื่องของเกม Sonic Frontiers จะเล่าเรื่องราวของเจ้าเม่นสีฟ้า Sonic, Tails และ Amy ที่ตรวจจับสัญญาณบางอย่างในหมู่เกาะ Stafall Island แต่อยู่ดี ๆ ก็มีประตูมิติเกิดขึ้นและทำให้ทั้งหมดทุกดูดเข้าไปใน Cyber Space ถึงอย่างนั้นทาง Sonic เองก็ดันหลุดออกมาได้ แต่เพื่อน ๆ เขานั้นได้ติดกับดักทำให้เรานั้นจะต้องช่วยเหลือพวกเขา โดยเนื้อเรื่องของเกมจะค่อย ๆ เปิดเผยมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ต้องพูดตามตรงว่าเนื้อเรื่องของเกมภาคนี้ทางผู้พัฒนาพยายามคุมโทนให้ดูมีความซีเรียสนิด ๆ ใครที่ติดภาพเรื่องราว Sonic The Hedgehog ในแบบฉบับภาพยนตร์มาก่อนต้องยอมรับว่าตัวเกมภาคนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง เนื้อเรื่องของเกมจะเน้นดราม่า ความจริงจัง และความซึ้งซะส่วนใหญ่โลกที่เปิดกว้าง ให้อิสระในการวิ่ง !!!!อย่างที่ทราบว่าเกม Sonic Frontiers ถูกดีไซน์แผนที่ให้มีความเป็นโลกเปิดมากขึ้น ทำให้เราจะได้มีอิสระในการสำรวจสิ่งต่าง ๆ มากมาย แต่ถึงอย่างนั้นถ้าจะให้พูดว่าตัวเกมเป็น Open World เต็มตัวก็คงไม่ได้ เพราะตัวเกมจะถูกแบ่งออกเป็น 5 โซนใหญ่ ๆ ซึ่งถ้าหากเรานั้นเล่นเนื้อเรื่องของโซนนั้นผ่านไปแล้ว เราจะไม่สามารถกลับไปโซนเดิมได้อีกนั่นเอง แต่ถึงอย่างนั้นภายในแต่ละโซนก็จะมีอะไรให้เราทำมากพอสมควร โดยเนื้อเรื่องภายในเกมนั้นจะต้องให้เราไปหาเก็บพลังชีวิตเพื่อช่วยเหลือเพื่อนที่ติดกับดักอยู่ โดยพลังชีวิตเหล่านี้เราก็จะอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในแผนที่ โดยเราก็จะต้องใช้พลังวิ่งเร็วของเจ้าโซนิคนี่แหละในการกระโดดเก็บบ้าง บางอันเก็บง่าย ๆ บางอันเก็บยาก และมันก็เหมือนกับปริศนาย่อม ๆ ให้เราต้องคิดด้วยว่า การเก็บพลังชีวิตจุดนี้ จะต้องไปเริ่มจากจุดไหนรวมถึงเราจะต้องทำการไปวิ่งเปิดแผนที่ด้วยตัวเอง ซึ่งการเปิดแผนที่ก็จะอยู๋ตามจุดเช่นกัน โดยการเปิดแผนที่เราเองก็อาจจะต้องทำชาเลนซ์เล็ก ๆ อย่างเช่นไปตรงจุด ๆ นี้ให้ถึงเวลา เตะลูกบอลให้เข้าห่วง หรือเล่นมินิเกมบางอย่างก็จะสามารถเปิดได้ ซึ่งหลัก ๆ ในการผจญภัยส่วนใหญ่จะอยู่กับการหาพลังชีวิตเพื่อช่วยเพื่อน และเปิดแผนที่นั่นเองกลไกการต่อสู้ที่น่าสนใจ และมอนสเตอร์สุดอลังการณ์สำหรับการต่อสู้ตัวเกมก็ใช้องค์ประกอบของความเป็น Action Hack and Slash เข้ามาผสมอยู่ด้วย โดยเราจะได้เจอกับเหล่ามอนสเตอร์ที่จะเกิดขึ้นมาและโจมตีเราอยู่ตลอด (หรือมอนสเตอร์บางตัวก็จะอยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว) โดยระบบการโจมตี ตัวเกมจะเน้นการใช้คอมโบจากสกิลต่าง ๆ ที่เราได้อัปเกรดมาผสมผสานกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบคอมโบโจมตีรัว ๆ อย่าง Phantom Rush การใช้พลังอย่าง Sonic Boom ในการโจมตี หรือจะใช้สกิล Wils Rush พุ่งโจมตีไปทำดาเมจใส่ศัตรู ซึ่งแล้วแต่คุณจะจินตนาการออก แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับคนที่ไม่ได้เก่งอะไรมาก การกดโจมตีธรรมดามันก็สามารถทำให้คุณผ่านด่านได้เช่นกัน ถึงแม้ว่าอาจจะช้ากว่าเดิมนิดหน่อย ส่วนอีกหนึ่งที่น่าจะเป็นไฮไลท์ของเกมก็คือเหล่ามอนสเตอร์ที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์ และแพทเทิร์นการโจมตีที่แตกต่างกัน โดยเราจะต้องศึกษา และเรียนรู้ศัตรูในการจัดการ และพิเศษมาก ๆ ก็คงจะเป็นเหล่ามินิบอสในเกมตัวมหึมาที่เวลาต่อสู้ เรานั้นจะต้องพยายามปีนขึ้นไปบนตัวมันเพื่อทำดาเมจใส่จุดอ่อนที่อยู่ด้านบน หรือมินิบอสบางตัวที่จะบินวนไปมา โดยเราจะต้องหาที่สูงเพื่อหาจังหวะกระโดนปีนขึ้นไปบนหางเพื่อต่อสู้กับบอสตัวนั้นได้ หรือจะเป็นบอสบางตัวที่จะอยู่ในพื้นดินทะเลทรายก็มีเช่นกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าบอสเหล่านี้ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว ซึ่งการต่อสู้มีความสนุกและตื่นเต้นทุกครั้งตะลุยด่านต่าง ๆ ในประตูมิติอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่พูดไม่ได้ ของเกม Sonic Frontiers ที่มันชวนทำให้คิดถึงเกมเพลย์แนว Platformer สมัยก่อน นั่นก็คือประตูมิติที่จะให้เรานั้นได้เข้าไปตะลุยด่านแต่ละด่าน (โดยโซนพื้นที่หนึ่งจะมีราว ๆ 7 ด่าน) ที่ทางเข้านั้นจะตั้งอยู่ทั่วแผนที่ ซึ่งมันจะให้ความรู้สึกถึงเกมแพลตฟอร์มเมอร์สมัยก่อน วิ่งกระโดดเก็บเหรียญ กระโดดเหยียบโจมตีศัตรู หรือการใช้สปีดของโซนิคพุ่งตะลุยในจุดต่าง ๆ ซึ่งจุดประสงค์ที่เราจะต้องเข้าไปก็เพราะเราต้องเก็บกุญแจเพื่อเอามาปลดล็อคเนื้อเรื่องต่อนั่นเอง โดยเราจะต้องทำชาเลนซ์ต่าง ๆ ภายในด่านอย่างเช่นการเก็บเหรียญในด่านนั้นให้ครบตามกำหนด การเก็บเหรียญสีแดงในแผนที่ให้ครบต่อการวิ่งครั้งเดียว หรือการเล่นด่านให้จบเป็นต้น สรุปถ้าให้พูดถึงเกม Sonic Frontiers เปรียบเทียบกับเกมแนว Action Adventure อื่น ๆ ตัวเกมก็ไม่ได้มีรายละเอียดที่ลึกซึ้งใด ๆ แต่ถึงอย่างนั้นถ้าให้เปรียบเทียบกับเกม Platformer ด้วยกัน หรือเปรียบเทียบกับเกมโซนิคด้วยกันเอง ต้องยอมรับเลยว่า Sonic Frontiers นั้นยกระดับคุณภาพออกมาได้อย่างดี ถึงแม้ว่ารายละเอียดในเชิงลึกของเกมอาจจะยังไม่สูงมาก แต่โดยรวมตัวเกมก็มีลูกเล่นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ของเหล่ามอนสเตอร์ที่ทำออกมาได้ดีมาก ๆ อย่างเช่นพวกบอสในเกมตัวมหิมาอย่างที่กล่าวไป หรือแพลตเทิร์นการโจมตีที่ต่างกันไปอีก รวมถึงอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ทำให้โซนิคไม่เหมือนเกมตระกูล Platformer อื่น ๆ ก็คงจะเป็นในเรื่องของสปีดความเร็วของเกมที่เป็นเอกลักษณ์ของเกมโซนิค แน่นอนว่าสำหรับใครที่มองภาพของเกมที่เร็วมากไม่ได้ ท่านก็อาจจะมีปวดหัวกันบ้าง แต่ส่วนตัวแล้วเป็นคนไม่ค่อนเล่นเกมแนวนี้ เรื่องจากความช้าของมัน แต่โซนิคมากลบสิ่งที่ส่วนตัวไม่ชอบตรงนี้และถ้าจะให้พูดถึงข้อเสียแน่นอนว่าในด้านกราฟิกของเกมที่มันดูขัดกันแปลก ๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านของบรรยากาศของเกมที่มันดูอ้างว้างมากเกินไป ถึงแม้ว่าภายในเกมจะมีเนื้อเรื่องเหตุผลมารองรับ แต่เชื่อว่าการได้ผจญภัยในดินแดนที่พบเจอผู้คน (หรือจะไปวิ่งภายในเมืองเลย) อาจจะทำให้ตัวเกมดูน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่านี้ รวมถึงในด้านเนื้อเรื่องที่ผู้เขียนมองว่าการปูธีมของเกมที่จะเน้นความจริงจัง บทพูดที่ดูชวนซึ่งและซีเรียส แน่นอนว่าผู้เขียนอาจจะไม่เชี่ยวชาญเกมโซนิคภาคก่อน ๆ ว่ามีการทำเนื้อเรื่องสไตล์นี้ไหม แต่ภาพจำของผู้เขียนต่อโซนิคไม่ว่าจะเป็นการนำเสนอที่ออกมา หรือภาพยนตร์ตัวเกมมันดูน่ารัก และบทพูดที่มีความตลกชวนจิกกัดซึ่งมันน่าสนใจมากกว่า
08 Nov 2022
[Review] รีวิวเกม The Tenants ปล่อยเช่าก็ได้ ซื้อขายก็ดี เกมจำลองชีวิตนักอสังหาที่เพลินเกินคาดคิด
The Tenants ผู้เขียนไปเห็นว่ามันเป็นเกมแนะนำช่วงลดราคาเลยไปหาอ่านศึกษาคอนเซปต์ของเกมดู ซึ่งมันมีความน่าสนใจมาก ๆ ครับ ถึงแม้จะวางขายมานานเป็นปีแล้ว ซึ่งในเกมนี้เราจะต้องรับบทเป็นนักอสังหาริมทรัพย์ท่านหนึ่ง ที่จะต้องรีโนเวทสิ่งปลูกสร้าง ปล่อยเช่า ปล่อยขาย แล้วเมคมันนีกับสินทรัพย์ของเราครับผมลองดูภาพจาก Trailer ก่อนตัดสินใจซื้อมันมาก็คิดว่า เออถ้าไม่ได้เล่นเนี่ย เสียใจแน่ ๆ เลย เพราะภาพของเกมเป็นแนวที่ผมค่อนข้างชอบเพราะ The Tenants มีภาพน่ารักดูเข้าถึงง่าย ไม่จริงจังแบบเกมระดับ AAA (ไม่ใช่ไม่อยากเล่นนะครับ แต่เครื่องผมเกมระดับ AAA มันเล่นไม่ไหว ฮ่า ๆ)ถึงแม้จะวางขายกันมาตั้งแต่ 25 มี.ค. 2021 แต่ผู้เขียนเชื่อว่ามันยังเป็นเกมที่น่าเล่นอยู่ครับ เลยอยากจะมารีวิวชวนเพื่อน ๆ มาเล่นด้วยกัน บรรยากาศในเกมเป็นยังไงนั้นเราไปดูกันดีกว่าครับเพลินกว่าที่คิด มีระบบที่หลากหลาย อาจจะต้องทำความเข้าใจอยู่บ้าง แต่ไม่ยากจนเกินไปเกมเพลย์ในเกมนี้มีให้เราได้เลือกเล่นอยู่ 2 โหมดด้วยกันครับ ได้แก่Default Mode - ซึ่งเป็นโหมดเนื้อเรื่องนะครับ เราจะได้รับบทบาทเป็น Landlord (เจ้าของบ้านเช่า หรือเจ้าของที่ดิน) ท่านหนึ่ง สามารถเลือก Avatar ได้ แต่ค่อนข้างมีให้เลือกจำกัดครับ โดยเริ่มแรกในเกมนั้นจะมีคุณลุง Steve มาคอยเป็นไกด์สอนงานเรา แผนที่จะปลดล็อคเมืองให้เราเล่นไปเรื่อย ๆ ครับ จากที่เล่นดูคร่าว ๆ ผมคาดเดาว่ามีประมาณ 3 เมืองครับ ช่วงแรก ๆ นั้นเราก็จะเน้นหลัก ๆ ไปที่การรับรีโนเวทบ้านของลูกค้าผู้จ้างวานเรา ให้ช่วยปรับปรุงหรือต่อเติมบ้านของพวกเขาครับ เมื่อเราเก็บเงินได้จำนวนหนึ่งแล้ว เราสามารถนำเงินที่หามาได้ไปประมูลที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์ต่าง ๆ ภายในเมือง ถ้าเราประมูลชนะเรียบร้อย เราก็แค่ปรับปรุงบ้านที่เราได้มาให้สวยงามแล้วจะปล่อยเช่า หรือปล่อยขายก็ได้ตามแต่ใจเราเลยครับ มีระบบอัพ Skill ทั้งของตัวเราเอง (Player) และของลุง Steve ผมบอกเลยว่าเพลินมาก ๆ เพราะมีอะไรให้ทำเยอะมาก ช่วงแรก ๆ อาจจะต้องใช้ความเข้าใจกับระบบของเกมหน่อยครับ เพราะมีระบบให้คนมาเช่าบ้านต้องต่อรองเรื่องราคากัน เมื่อเลเวลอัพของตกแต่งจะปลดล็อคมาให้เราเลือกใช้เพิ่มมากขึ้น พอปรับตัวกับระบบของเกมได้ทีนี้เราจะลืมวันลืมเวลาไปเลยครับ ฮ่า ๆCustomizable Mode - สร้างเอาสวยอย่างเดียวเลยครับ ไม่มีอะไรมากเหมาะกับคนที่ชอบแต่งบ้าน ทุกอย่างจะปลดล็อคมาให้เราใช้งานหมดแล้ว สำหรับผู้เขียนไม่ได้ชอบเล่นสไตล์นี้เท่าไหร่ เพราะไม่มีชาเลนจ์ความท้าทายอะไรให้เราทำเลยไม่ใช่จะสร้างอะไรก็ได้ เรตติ้งหายกำไรหดการรับงานผู้ว่าจ้างจะรีเควสลิสต์สิ่งที่เขาต้องการไว้ให้เราครับ ชอบสีอะไร ไม่ชอบสไตล์วินเทจ หรือสามารถรีโนเวทได้ทั้งสไตล์โมเดิลและสไตล์พื้นบ้าน ตรงนี้จะมีแจ้งเอาไว้ให้เราอ่านในเกมครับ เราก็แค่เทียบเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ให้ดีก่อนว่าเป็นสไตล์ไหน เพราะถ้าใส่ผิดเรตติ้งหลังจบงานก็จะน้อย เพราะในเกมนี้เราต้องการผู้ว่าจ้างระดับ Elite (เหล่าคนรวย หรือคนดัง) ในเกม เพราะเงินดีเงินถึง เพราะเราต้องการเงินตรงนี้เพื่อที่จะนำไปประมูลอสังหาฯ ต่าง ๆ ในเกมครับ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเช่า ที่ดิน หรือแม้แต่อพาร์ทเมนต์ ฉะนั้นอย่าลืมดูลิสต์รีเควสดีดีนะครับเกมนี้มีระบบเลเวล และระบบอัพสกิลด้วยพอเราจบงานเราจะได้รับเงินใช่ไหมครับ นอกจากเงินที่เราได้รับแล้วเราจะได้รับเลเวลด้วย ทุก ๆ เลเวลที่อัพจะได้รับการปลดล็อคของตกแต่งบ้านใหม่ ๆ ส่วนสกิลก็จะแบ่งออกเป็นหลาย ๆ ส่วนครับ ไม่ว่าจะเป็นของเรา ของลุงสตีฟ (เพราะลุงสตีฟจะเป็นคนช่วยซ่อมบ้าน และทำความสะอาดบ้าน) และส่วนของการซื้อสิ่งปลูกสร้างครับ อย่างเช่น ของลุงสตีฟเนี่ย ถ้าเราอัพแล้วลุงก็จะทำความสะอาดได้ว่องไวขึ้น ซ่อมบ้านรวดเร็วขึ้น ชึบ ๆ ชับ ๆ ส่วนของเราเนี่ยเราจะต่อรองราคาการเช่าซื้อ ค่าเช่ารายเดือนกับลูกค้าที่ต้องการเช่าบ้านเราได้ดีขึ้น เป็นต้นครับระบบการปล่อยเช่า และการเป็นแลนด์ลอร์ดท่านหนึ่งเมื่อเราประมูลสินทรัพย์มาไว้ในครอบครอง และรีโนเวทเรียบร้อยพร้อมปล่อยให้เช่าแล้ว ทีนี้เราก็ต้องเปิด Open House (ให้คนเข้าชมบ้าน) เราก็ต้องคอยสังเกตท่าทีกันสักนิดหนึ่งว่าใครดูจะปิ๊งปั๊งกับบ้านของเรามากเป็นพิเศษ (มองหาตัวตึงคนรักบ้าน) มันจะมีอีโมจิแสดงขึ้นมาเรื่อย ๆ แต่ละคนก็จะมีสไตล์การชอบศิลปะภายในบ้านแตกต่างกันไป ผู้เขียนแนะนำว่าให้รีโนเวทบ้านเป็นสไตล์ใดสไตล์หนึ่งไปเลย เพราะมันจะง่ายกับเราครับ เมื่อเราเจอผู้เช่าที่ถูกตาต้องใจแล้ว อย่าลืมเช็คว่าผู้เช่ามีการมีงานทำหรือเปล่า นิสัยเป็นยังไงบ้าง เช่น ถ้าติดเหล้า ก็อาจจะทำบ้านเลอะเทอะ หรือข้าวของพังเสียหายบ่อย ๆ ครับ หลังจากจด ๆ จ้อง ๆ ดูใจกันจนถูกตาต้องใจกับผู้เช่าคนไหนแล้ว เราสามารถเสนอราคาเพื่อดีลงานกับผู้เช่าได้เลยครับ ซึ่งราคาจะโดนกดยับ ๆ เลย แต่ว่าเราก็หาราคาที่เราพอใจที่สุดแล้วปิดจ็อบไปครับบิลต่าง ๆ แลนด์ลอร์ดอย่างเราต้องเป็นคนจ่ายครับ ซึ่งเราก็คิดมาจากค่าเช่าบ้าน + กำไรเรียบร้อยแล้ว แค่เราต้องคอยดูอาการของลูกบ้านให้ดีว่าจะเบี้ยวค่าเช่าเราไหม แต่บางคนน่ารักครับ เขาแค่หมุนเงินไม่ทันพอมีเงินเขาก็รีบจ่ายให้เราทันทีเลย แหม! มันสมจริงสุด ๆ ฮ่า ๆระบบต่าง ๆ อาจจะมีบางอย่างชวนหงุดหงิดอยู่บ้างThe Tenants เป็นเกม 3D Polygon Simulation จำลองสถานการณ์ ที่เราจะรับบทเป็นแลนด์ลอร์ดรูปงามท่านหนึ่ง (อ้างอิงจากการส่องกระจกเมื่อเช้าครับ ฮ่า ๆ ๆ ๆ) มีระบบการบังคับแบบมองจากด้านบนลงมา ตัวเกมมีภาพน่ารักครับ สบายตา สีสันสดใส ชื่นตาชื่นใจสุด ๆ เครื่องไม่ต้องเทพระดับ i9 ก็เล่นได้ ระบบการบังคับต่าง ๆ เหมือนกับเกมอื่น ๆ แนวสร้างเมือง สร้างบ้าน ที่มีอยู่มากมายในท้องตลาด ใช้ W,A,S,D เคลื่อนย้ายมุมกล้อง ลูกกลิ้งเมาส์ใช้ซูมเข้าออก Q,E หมุนมุมกล้อง อาจจะมีการ Interact บางอย่างที่อาจจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอยู่บ้างครับ แต่พอเล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะเข้าใจได้ ตัวเกมมีตาลุง Steve เป็นกึ่ง ๆ Tutorial คอยไกด์งานสั่งสอนเราตลอดหน้าเมนูต่าง ๆ ก็ออกแบบมาได้สวยงามดี ติดนิดเดียวที่น่ารำคาญก็คือ ค่อนข้างกดสั่งการยากไปหน่อย ถ้าเราสั่งงานล่วงหน้าไว้แล้วถ้าเรากดผิดนิดหนึ่งมันจะยกเลิกทุกอย่างที่เราสั่งไว้หมดเลย อันนี้ผู้เขียนว่ามันสร้างความยุ่งยากให้กับคนเล่นอย่างเรามาก ๆ ครับ เพราะแค่กดให้ลุงสตีฟเดิน อะไรที่สั่งการเอาไว้ก็จะถูกยกเลิกทั้งหมด ซึ่งไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไม แต่ไม่โอเคมาก ๆ ครับสรุปThe Tenants ถ้าผู้เขียนมีโอกาสได้ซื้อในช่วงที่มันไม่ลดราคา ผมก็บอกเลยว่าผมไม่เสียดายเงินแม้แต่บาทเดียวเลยครับกับเกมนี้ เป็นเกมดีดีอีกหนึ่งเกมที่ผมอยากให้เพื่อน ๆ ที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะซื้อดีไหม? อย่าไปลังเลครับ ซื้อไปเลยยยยย (แบบตะโกน) ฮ่า ๆ ๆ อวยกันสุดฤทธิ์ เกมราคาไม่แพงด้วย 319 บาทเท่านั้นเอง! หรือจะรอสอยตอนช่วงลดราคาก็ได้จะได้ประหยัดอีกนิดครับ มันมีความน่าสนใจอยู่ตรงที่ ผู้เขียนแอบมีมุมที่คิดว่า"เออ ถ้าเรามีเงินทุน การทำอสังหาริมทรัพย์ในชีวิตจริง มันก็คงประมาณนี้แหละ"แต่การลงทุนทุกอย่างมีความเสี่ยงนะครับ (และในเกมก็ไม่ได้สอนแบบลึกซึ้งขนาดนั้น) ถ้าเล่นจากในเกมแล้วมีความสนใจจะเป็นแลนด์ลอร์ดจริง ๆ อย่าลืมศึกษาให้ดี ๆ เพราะถ้าเป็นคนทั่วไปอย่างเรา ๆ เวลาล้ม มันล้มแบบไม่มีฟูกมารองรับ เพราะในเกมเรากดเล่นใหม่ได้ตลอด ชีวิตจริงนี่เจ๊งแล้วเจ๊งเลย แต่ผมมองว่าเกมนี้ก็เป็นไอเดียที่ดีที่ทำให้เราได้เห็นถึงลำดับขั้นตอนการทำงานบางส่วนของอาชีพนี้ครับ น้อง ๆ รุ่นใหม่ ๆ มาเล่นอาจจะได้รับแรงบันดาลใจเป็นหนึ่งความฝันให้กับเราได้ครับ ผู้เขียนแอบซ้อมในเกมไว้ก่อน เรากำลังจะขายที่ดินให้ชาวต่างชาติได้แล้วฮะ (เอ๊ะ! ฟังดูคุ้น ๆ ไหมครับ ฮ่า ๆ)
07 Nov 2022
[Review] รีวิว Gotham Knights เกม Open World Coop ที่ 4 ลูกศิษย์แบทแมนต้องมาดูแลเมือง และสู้วายร้ายแทน!
เรียกว่าเป็นเกมฟอร์มยักษ์แห่งปี 2022 ที่หลายคนน่าจะมองว่าประสบความล้มเหลว และไม่น่าจับตามองกันไปแล้วสำหรับ Gotham Knights เกมซุปเปอร์ฮีโร่ Open World Coop จากค่าย Warner Bros. Games ที่ก่อนเกมวางจำหน่ายดันมีข่าวถึงเรื่องการกินสเปค PC สูงอย่างมาก แถมบน Console รุ่นใหม่อย่าง PS5 กับ XBOX Series X l S ก็ดันมีให้เล่นได้แค่แบบล็อกเฟรมเรท 30FPS เท่านั้น บวกกับคะแนนรีวิวจากสื่อใหญ่ๆ ก็ให้กันไม่เยอะ จึงส่งผลให้หลังเกมวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2022 ก็มีกระแสที่ดูเงียบหายไปเร็วอย่างมากเลยทีเดียวอย่างไรก็ตาม ทางเรายังเชื่อว่าคงมีหลายคนที่สงสัยว่าแล้วเกม Gotham Knights จะมีส่วนไหนที่สนุกจนน่าสนใจบ้างหรือเปล่า และจะไม่มีอะไรที่ทำให้น่าซื้อมาเล่นเลยหรือ? วันนี้ทาง GameFever จึงขอพาทุกคนมาดูรีวิวเกม Gotham Knights กัน!!! รับชมได้ที่ด้านล่างเลย(บอกไว้ก่อน)รีวิวนี้ ผู้เขียนเป็นคนชอบเกมแนว RPG อย่างมาก และเคยผ่านเกมอย่าง Marvel's Avenger อย่างติดใจมาแล้วส่งผลให้ผู้เขียนจะรีวิวเกมนี้อย่างเข้าใจจุดนำเสนอแน่นอน และไม่เอาไปเทียบกับเกมอย่าง Marvel's Spider-man!มาดูที่ด้านเนื้อเรื่องกันก่อนGotham Knights เป็นเกมที่เล่าว่า Batman ซุปเปอร์ฮีโร่ที่ดูแลเมือง Gotham มาโดยตลอดได้หายตัวไป และผู้ที่จะมาต่อสู้กับเหล่าวายร้ายพร้อมดูแลเมืองแทนได้ก็มีเพียง 4 ลูกศิษย์ของ Batman อย่าง Robin, Batgirl, Nightwing และ Red Hood ในฉบับต้องมาร่วมมือกันเท่านั้นถือว่าเป็นพอร์ทเนื้อเรื่องที่น่าสนใจมาก เพราะหลังจากที่ Batman หายตัวไป เหล่าวายร้ายก็ออกมาเต็มเมืองไปหมดด้วยเนื่องจากไม่มี Batman ให้ต้องกลัวอีกแล้ว และยิ่งเราเล่นไปเรื่อยๆ เราก็จะได้พบกับตัวร้ายลึกลับแบบไม่คาดฝัน หรือมีการขยี้ปมตัวเอกทั้ง 4 อยู่เยอะพอสมควร ส่งให้ผลถ้าคุณเป็นแฟนจักรวาลแบทแมน หรือเคยเล่นซีรี่ส์เกม Batman Arkham มาก่อนจะรู้สึกชอบกับอะไรพวกนี้มากแต่กลับกัน ถ้าคุณไม่รู้เรื่องจักรวาลแบทแมน หรือเคยเล่นซีรี่ส์เกม Batman Arkham คุณจะรู้สึกว่าในด้านเนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรเซอร์ไพร์สเลย และคุณก็อาจไม่อินกับการเล่นเป็น 4 ตัวละครเอกของเกมนี้ด้วย เพราะเนื้อเรื่องในเกมนี้ก็ไม่ได้น่าสนใจหรือรู้สึกว่ามีจุดสำคัญมากขนาดนั้น และไม่ว่าคุณจะรู้เรื่องหรือไม่รู้เรื่องจักรวาลแบทแมนก็ตาม คุณจะรู้สึกได้เลยว่าเนื้อเรื่องในเกมนี้จบได้บ้านๆ มาก อย่างกับไม่ใช่เกมที่ต้องจ่ายราคาหลักพันขึ้น!อีกจุดนึงที่น่าผิดหวังคือตัวเอกทั้ง 4 นั้นเริ่มเกมมาก็ร่วมมือกันแล้ว และก็ไม่มีประเด็นแตกคอน่าสนใจออกมาให้เห็นเลย ทำให้ด้านความสัมพันธ์ของตัวเอกนั้นจะดูธรรมดามาก ทั้งๆ ที่ในคอมมิกเราจะเห็นว่าทั้ง 4 มีประเด็นขัดแย้งต่างๆ ให้คนเล่นอินได้ตั้งเยอะ แถมช่วงที่เล่นไปเราก็จะได้พบฉากที่ทั้ง 4 มาสร้างมิตรภาพแบบครอบครัวร่วมกันด้วย แต่ฉากต่างๆ ก็ไม่ได้มีพลังทำให้คนเล่นรู้สึกผูกพันกินใจอะไรเลย เพราะฉากก็สั้นๆ ห้วนๆ มากจากด้านบน จึงส่งผลให้เราจะเห็นได้ชัดว่า Gotham Knights มีเนื้อเรื่องที่บอบบางมาก และล้มเหลวในสิ่งที่ควรจะเล่าออกมาให้ดี แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าในเนื้อเรื่องยังมีเซอร์ไพร์ส และมีการขยี้ปมตัวเอกทั้ง 4 ให้พบเจออยู่ด้วย ส่งผลให้ถ้าบวกรวมกับด้านเกมเพลย์หรือจุดนำเสนออื่นๆ ก็จะทำให้เกมน่าเล่นไปจนจบได้อยู่ ผู้เขียนจึงแนะนำว่าคนเล่นควรไปติวเข้มจักรวาลแบทแมนมาก่อนดีกว่า จะได้ไม่รู้สึกเฉยๆ กับเนื้อเรื่องในเกมนี้ในตอนเล่น!จุดนำเสนอทั้งหมดของเกมนี้Gotham Knights เป็นเกมที่เล่นได้ทั้งแบบคนเดียว และ Coop สูงสุด 2 คน โดยจะให้ผู้เล่นมาผจญภัยในโลก Open World นั่นก็คือเมือง Gotham ซึ่งผู้เล่นก็มีอิสระจะเลือกเล่นเป็นตัวเอกคนไหนก็ได้ รวมทั้งจะรับเควสหลักหรือเควสเสริม หรือไปหยุดอาชญากรรมตรงไหนก็ได้ตลอดเวลา โดยขอชมเรื่องหนึ่งก่อนเลยคือเมือง Gotham มีการออกแบบสถานที่ต่างๆ มาได้ดีอย่างมากที่เกม Coop ได้แค่สูงสุด 2 คน ก็เพราะเกมเป็น Open World ให้ผู้เล่น Coop เล่นด้วยกันได้ทุกภารกิจด้วยแต่อนาคตจะมีเพิ่มโหมด Coop พิเศษให้เล่นได้สูงสุดเป็น 4 คนจุดเด่นที่ผู้เขียนชอบมากคือเกมไม่มีบังคับให้เล่นเป็นตัวไหนเลย เราสามารถเล่นเป็นตัวไหนในเควสไหนก็ได้ และนั่นก็ยังส่งผลให้บทพูดต่างกันไปด้วย ยกตัวอย่างเควสที่เราเอา Nightwing ไปพบหน้าวายร้ายคนหนึ่งแล้วจะมีบทพูดแบบกวนๆ ถ้าเราเอา Batgirl ไปพบแทนก็จะเป็นบทพูดอีกแบบออกแนวห้าวๆ ตามนิสัยตัวละคร จุดนี้ทำให้เห็นว่าทีมงานใส่ใจในรายละเอียด และการมอบอิสระให้คนเล่นมากส่วนระบบต่อสู้ในเกมนี้อาจทำให้แฟนซีรี่ส์เกม Batman Arkham แอบเสียใจหน่อย เพราะระบบต่อสู้ได้เปลี่ยนใหม่มาเป็นแนว Action RPG เน้นทำดาเมจ Critical หรือดาเมจให้ติดสถานะธาตุ (ยกตัวอย่างไฟหรือน้ำแข็ง) รวมทั้งยังเน้นเก็บเกจเพื่อใช้สกิลไม้ตายต่างๆ โดยระบบต่อสู้จะมีความเชื่องช้ากว่าเพื่อให้เล่นแบบ Coop ได้ไม่เวียนหัว แต่ระบบต่อสู้ก็ถือว่าทำออกมาดีไม่น่าเบื่อ แถมยังช่วยให้ตัวละครทั้ง 4 มีแนวการต่อสู้ต่างกันยิ่งกว่าเดิมด้วยความที่ทั้ง 4 คือลูกศิษย์ Batman ในเกมนี้จึงจะยังมีระบบลอบเร้นอยู่ด้วย และก็ถือว่าระบบนี้ทำออกมาได้ลื่นไหลอยู่ ส่งผลให้สายถลกหลังจะชอบเกมนี้อยู่พอสมควร รวมทั้งตัวละครอย่าง Robin ก็จะมีสกิลด้านลอบเร้นเพิ่มเติมด้วย ส่วน Batgirl จะสกิลช่วยปิดกล้องวงจรหรือปิดป้อมปืนศัตรูขณะลอบเร้นด้วยความเป็นแนว Action RPG ก็ยังมีให้ผู้เล่นต้องมาฟาร์มอาวุธกับชุดด้วย แต่ช้าก่อน! เพราะเกมนี้พวกอาวุธกับชุดไม่ได้ส่งผลต่อการต่อสู้มากขนาดนั้น และผู้เล่นจะได้รับเรื่อยๆ อยู่แล้วไม่ว่าจะเล่นเควสแบบไหน ส่งผลให้ระบบนี้ไม่ได้จะผลักดันให้ผู้เล่นต้องไปฟาร์มซ้ำๆ ซากๆ อะไรแบบนั้น แต่ตรงนี้จะเป็นข้อดีมากกว่า เพราะชุดกับอาวุธจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวละคร และชุดแต่ละแบบนั้นดีไซน์มาเท่มาก แถมเรายังปรับแต่งได้หลายชุดด้วย!ภาพหนึ่งในชุดเกราะสุดเท่ของตัวละคร Robinแล้วเราจะปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ส่วนหัว/แขน/ขา ได้ชุดละ 3 แบบแถมเปลี่ยนสีชุดได้หลายแบบด้วย แต่ต้องไปปลดล็อกสีก่อนอีกข้อดีนึงที่ผู้เขียนชอบมากๆ คือเกมนี้ให้อรรถรสให้ผู้เล่นได้ดีสุดๆ ยกตัวอย่างผู้เขียนไปทำเควสสุ่มที่มีโจรมาปล้นธนาคาร โจรจะเข้ามาปล้นทางประตูหน้า และจะเข้าไปขนเงินมาขึ้นรถ แต่เรานั้นก็สามารถเข้าไปบู๊ด้านหน้าตรงๆ หรือจะเข้าจากหลังคามาลอบเร้นตบทีละคนก็ได้ แต่หลังจัดการเสร็จจะมีตำรวจมาจับคนร้ายในพื้นที่ด้วย ทำให้เราที่ไม่ถูกกับตำรวจจึงต้องหลบหนีไปให้ได้ ถือว่าเป็นอะไรที่เร้าใจมากเลย!อย่างไรก็ตาม แม้เกมนี้จะเป็นแนว Action RPG แต่ผู้เล่นก็จะไม่ได้มาสร้าง Build การเล่นแต่ละตัวละครที่ต่างกันได้มากอะไรขนาดนั้น เนื่องจากทุกตัวละครจะชุดสกิลที่ตายตัวมาให้แล้ว ถ้าจะต่างกันได้ก็แค่ไปทางเน้นโจมตีแรงๆ หรือมีพลังชีวิตเยอะเป็นพิเศษเสียมากกว่า ส่งผลให้ใครหวังว่าเกมจะมีระบบ RPG ลุ่มลึกแบบ Marvel's Avenger ก็ควรคิดใหม่ รวมทั้งเกมนี้เมื่อจบแล้วก็คือเคลียร์เควสเสริม และเน้นไปเล่น New Game+ ต่อเลยภาพสกิลตัวละคร Robinสกิลคือตายตัวมาเลยว่าเป็นตัวละครเน้นต่อสู้ + ลอบเร้น + ทำให้ศัตรูติดสถานะธาตุต่างๆ ได้ไวมากจุดน่าสนใจเพิ่มเติมของเกมนี้จากด้านบน หลายคนอาจรู้สึกว่าเกมนี้ยังไม่ได้มีอะไรน่าสนใจเหมือนเกมอื่นๆ และช่วงต้นของเกมนี้ผู้เขียนก็ขอบอกเลยว่าเกมดูไม่มีอะไรอย่างมาก แต่เมื่อเราเล่นไปเรื่อยๆ เราจะได้พบกับศัตรูฝ่ายใหม่ และศัตรูชนิดใหม่ที่มีให้พบเจอนับหลักสิบขึ้นไปเลย และบางศัตรูเราต้องใช้สกิลมาแก้ทางด้วย ซึ่งพูดง่ายๆ คือยิ่งเราเล่นไปเยอะขึ้น เราจะยิ่งพบว่าเกมมีอะไรให้พบเจอเยอะขึ้นจนไม่น่าเบื่อยิ่งเราเล่นตัวเอกทั้ง 4 ไปเรื่อยๆ ทุกตัวละครก็จะมีการปลดล็อกชุดสกิลใหม่ และอุปกรณ์เดินทางลอยฟ้าใหม่อีกต่างหาก ยกตัวอย่างของ Robin ที่จะวาร์ปไปสถานีอวกาศ และสามารถวาร์ปมาจุดไหนก็ได้ แถมวาร์ปมาโจมตีศัตรูได้อีก หรือของ Nightwing ที่จะเป็นเครื่องร่อนบินขึ้นลงได้อิสระ ส่งผลให้เราไม่ต้องใช้มอเตอร์ไซค์ หรือยิงสลิงโหนไปตามตึกต่างๆ ในการเดินทางอย่างเดียว (มอเตอร์ไซค์เกมนี้เดินทางช้ามาก ถ้าได้ขี่มีกำหมัด)นอกจากนี้ ในแผนที่ยังมีความลับจากแบทแมนให้เราไปตามหามากมาย โดยบางอันก็จะเป็นปริศนา หรือบางอันก็จะเป็นภารกิจท้าทายให้เราเดินทางไปจุดหนึ่งให้ทันเวลาด้วยวิธีต่างๆ พร้อมได้รางวัลเป็นสกินชุดหรือสีชุดต่างๆ ที่เท่มาก ส่งผลให้เกมนี้มีอะไรน่าทำไม่ใช่แค่การต่อสู้อย่างเดียวอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องพูดถึงคือปริศนาในเกมนี้ทุกรูปแบบ รวมทั้งที่พบในเควสจะทำออกมาท้าทายมาก และให้ผู้เล่นต้องใช้หัวคิดเอาเรื่อง แต่บางปริศนาที่เป็นการให้เราจับคู่เบาะแสหรือหาว่าอันไหนคือเบาะแสไปเจอคนร้าย เมื่อเราหาผิดไป 2 ครั้งจะมีให้เรากด Skip ข้ามไปเลยก็ได้ ส่งผลให้ผู้เล่นเกมนี้ที่ไม่ชอบแก้ปริศนาก็สามารถเล่นได้เพลินๆ อยู่จะเห็นได้ว่าผู้เขียนไม่ได้ติอะไรเกี่ยวกับจุดนำเสนอหรือจุดน่าสนใจของเกมนี้เลย แต่เอาจริงๆ สิ่งที่ผู้เขียนกล่าวไปมันก็ถือว่าเป็นอะไรปกติที่เราพบเห็นได้ปกติในเกมทั่วไปอยู่ดี ส่งผลให้อะไรพวกนี้ผู้เขียนมองว่ามันก็ไม่ใช่จุดขายจนทำให้เกมนี้ต้องซื้อมาเล่นให้ได้ แต่ก็น่าจะเป็นจุดที่ทำให้คนอยากสวมบทเป็น Robin, Batgirl, Robin และ Red Hood รู้สึกว่ามีอะไรที่ทำให้น่าเล่นเกมนี้เพลินๆ ได้แล้ว!มาดูประเด็นสำคัญของเกมนี้อย่าง 'ประสิทธิภาพ' กันเถอะ!อย่างที่กล่าวไปว่าเกมนี้มีข่าวเรื่องกินสเปค PC เกินไป และล็อกเฟรมเรท 30FPS บนคอนโซลยุคใหม่ตั้งแต่ก่อนวางจำหน่าย ทำให้หลายๆ คนได้มองข้ามเกมนี้ไปเลยทันที โดยขณะที่ผู้เขียนได้มาลองเกมนี้ช่วงแพทช์ 1.0 ก็พบว่าเกมนี้กินสเปคแบบไม่คุ้มกับภาพกราฟิกที่ได้รับเลยจริงๆ เหมือนผู้สร้างเกมนี้ไม่มีความชำนาญทำเกมให้เล่นลื่น แต่ผู้เขียนก็ยังมองว่าถ้าสเปคผ่านขั้นแนะนำ ก็จะสามารถเล่นเกมนี้ได้ไม่น่าหงุดหงิดอย่างที่คิดนะ!สเปคที่ทางเราใช้เล่นเกมนี้ระบบปฎิบัติการ : Windows 10 64-bitโปรเซสเซอร์ : AMD Ryzen 5 5600Xหน่วยความจำ : แรม 16 GBการ์ดจอ : AMD Radeon RX 6600 XTพื้นที่จัดเก็บข้อมูล : SSDผู้เขียนได้ปรับภาพเกมนี้อยู่ที่ระดับ 1080P ตามขนาดมอนิเตอร์ และส่วนใหญ่ปรับภาพระดับ High-Medium สิ่งที่ผู้เขียนพบคือช่วงต่อสู้หรือช่วงอยู่ในสถานที่ต่างๆ เฟรมเรทจะลื่นไหลปกติดีเลย แต่ช่วงที่ต้องเดินทางด้วยวิธีต่างๆ จะมีเฟรมเรทหล่นไปที่ 40-50 FPS ทำให้ช่วงเดินทางในเกมนี้จะเป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดพอสมควร แต่ตอนที่ปลดระบบ Fast Travel ก็จะทำให้ไม่ค่อยได้มาหงุดหงิดอะไรตรงนี้เท่าไหร่นอกจากนี้ ผู้เขียนก็มีพบบั๊กอยู่บ้างจนทำให้บางเควสเล่นไม่ผ่าน แต่ก็ไม่ใช่เควสหลัก และก็ยังมีบั๊ก Fast Travel ที่ทำให้ Crash ออกจากเกมหน้าตาเฉยตอนเล่นเป็น Batgirl ส่วนตอนเล่นเป็นตัวละครอื่นไม่มีปัญหา Fast Travel เลย (การ Fast Travel เกมนี้เท่มากๆ ด้วย จะเป็นการให้เราใช้เครื่องร่อนขนาดอลังหล่นมาจากฟ้า)จากด้านบน ผู้เขียนจึงมองว่าแม้เกมนี้จะมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพเอาเรื่อง แต่ก็สามารถเล่นได้จนจบโดยไม่รู้สึกหงุดหงิดอะไรขนาดนั้น โดยก็ต่างกับตอนเกม Batman Arkham Knights ลง PC ใหม่ๆ ที่ตอนนั้นเกมมีปัญหาจนเล่นจบแทบไม่ไหวเลยนั่นเอง แต่ผู้เขียนก็หวังว่า Gotham Knights จะมีการอัปเดตแพทช์แก้ปัญหาในตรงนี้ด้วย!สรุปจากด้านบนทั้งหมด เราจึงเห็นได้ว่าเกม Gotham Knights ต่อให้ไม่มีปัญหาเรื่องกินสเปคบน PC หรือมีแค่ล็อก 30FPS บนคอนโซลยุคใหม่ เกมนั้นก็ยังมีปัญหาด้านเนื้อเรื่องไม่ได้น่าสนใจมาก และเกมเพลย์การนำเสนอต่างๆ ที่ไม่ได้ยอดเยี่ยมจนเป็นเกมต้องหามาเล่นให้ได้อยู่ดี แต่ถ้าคุณชอบที่จะได้เล่นเป็นลูกศิษย์ทั้ง 4 ของแบทแมนคนใดก็ได้ หรืออยากเล่นเกมสวมบทซุปเปอร์ฮีโร่กับเพื่อนแบบเพลินๆ เกมนี้ก็ถือว่าทำมาตอบโจทย์ได้ดีพอสมควร แต่ก็ไม่ควรหวังถึงความยอดเยี่ยมอะไรตามที่กล่าวไว้นั่นเอง!
06 Nov 2022
[Review] รีวิวเกม Isle of Arrows ลูกผสม Tower Defense และ Roguelike พร้อมงานภาพสุดสบายตา
Isle of Arrows เกมเกาะแห่งลูกธนูเกมนี้เป็นเกมอินดี้ที่ผสานแนว Tower Defense และ Roguelike เข้าด้วยกัน เราจะรับบทเป็นผู้สร้างป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เหล่าผู้บุกรุกบุกเข้ามาทำลายพวกเรา ต้องวางแผนการตีถนน วางป้อมและสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพื่อดึงประโยชน์ของมันออกมาใช้งานได้อย่างสูงสุดจากตัวเลือกที่สุ่มได้แค่อ่านก็รู้สึกน่าสนใจแล้ว แถมไม่ค่อยมีเกมที่นำสองแนวเกมนี้มาผสมกันเท่าไหร่ ซึ่งเกมนี้ทำออกมาเป็นอย่างไรนั้น งั้นไปอ่านกันต่อเลย! (สายพกพาเองก็ห้ามพลาด เพราะเกมลงสมาร์ทโฟนด้วย)เมื่อเรากดเริ่มเกม บนแถบข้างบนจะบอกถึงทรัพยากรที่เรามี ดังนี้หัวใจ (Heart) พลังชีวิตของเรา จะลดเมื่อมีศัตรูบุกมาถึงฐาน 1 ตัวต่อ 1 หัวใจ ถ้าหมดคือจบเกมเหรียญทอง (Coin) เงินของเราที่ใช้แลกเปลี่ยน ตัวเกมมีระบบดอกเบี้ยด้วยตามจำนวนเงินที่เก็บไว้ ระดับปกติ +1, 10-20: +2, 21-30: +3, 31 ขึ้นไป: +4สะพาน (Bridge) สามารถวางแผ่นสิ่งก่อสร้างบนช่องที่ไม่มีพื้นได้ เสีย 1 อันต่อ 1 ช่อง สมมติว่าการ์ดที่วางมีสองช่องก็จะเสียสะพานสองอันระเบิด (Bomb) สามารถวางทับสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่ก่อนได้ เสีย 1 อันต่อ 1 ช่องเช่นกันรอบการบุก (Wave) จะมีบอกว่ารอบต่อไปจะเป็นรอบที่เท่าไหร่ ซึ่งเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะพบกับเหตุการณ์ต่างๆ สอดแทรกที่จะสุ่มทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นหรือลำบากยิ่งกว่าเดิมมันจบแล้วอนาคิน ป้อมยิงธนูข้าอยู่ที่สูงกว่า! ปกติยิงได้แค่ 8 ช่องรอบตัวเองนะ ฉะนั้นใช้ความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ซะ!Tower Defense: ป้อมปะทะศัตรูวีธีการเล่นเกมนี้นั้นก็เหมือนกับเกมแนว Tower Defense ทั่วไปคือ มีทางเดิน มีฐานและมีศัตรู งานของเราคือการวางป้อมเพื่อจัดการกับเหล่าศัตรูก่อนจะเดินถึงฐาน (ซึ่งในเกมนี้คือแท่งคริสตัล) ซึ่งป้อมปราการในเกมนี้ก็ค่อนข้างมีหลากหลายทีเดียว ตั้งแต่ป้อมยิงธนูธรรมดา ป้อมยิงลูกระเบิดไปจนถึงป้อมปล่อยหินกลิ้ง แต่ละป้อมเองก็มีแนวการยิงของตัวเองที่แตกต่างกันไปให้เราต้องเลือกหาตำแหน่งวางที่เหมาะสมที่สุด เพราะยิ่งเล่นนานๆ ไป จำนวนศัตรูจะยิ่งมากและเริ่มมีตัวที่แข็งแกร่งปรากฏกาย นอกจากนี้ยังมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่ช่วยรับมือศัตรูด้วย เช่น กับดักน้ำแข็ง (Ice Trap) ที่จะทำให้ศัตรูเดินช้าลง, กับดักหนาม (Spike Trap) ที่จะทำดาเมจใส่ศัตรูที่เดินชนRoguelike: การสุ่มการ์ดสิ่งก่อสร้างท่ามกลางความเป็นไปได้อันมากมายจั่วหัวมาตั้งแต่แรกว่าเป็นแนว Roguelike ก็บอกเลยว่าการวางป้อมเพื่อจัดการศัตรูก็ต้องปรับเปลี่ยนไปตามการ์ดที่สุ่มได้ด้วย ในแต่ละรอบจะวางได้หนึ่งใบพร้อมกับได้รู้ว่ารอบหน้าเราจะได้การ์ดอะไร ถ้าอยากหยิบใบต่อไปมาใช้โดยไม่ต้องรอก็จ่าย 2 เหรียญทองเพื่อหยิบมาใช้ได้เลยสังเกตเห็นว่าสิ่งก่อสร้างบางอย่างก็ไม่ได้มาเปล่าแต่มีบล็อกน้ำ (Water) ติดมาด้วย อาจจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อยที่สิ่งกีดขวางนี้ทำให้เราวางสิ่งก่อสร้างได้ยุ่งยากขึ้น แต่ก็มีบางสิ่งก่อสร้างที่ต้องใช้น้ำในการแสดงผลเอฟเฟคด้วย ถ้าวางน้ำดีๆ ก็จะสามารถใช้ประโยชน์จากมันได้นะซึ่งการ์ดในเกมนี้ก็มีจำนวนที่หลากหลายมากกว่า 50 ใบเลยทีเดียว แค่แผ่นถนนก็มีตั้งหลายแบบแล้ว งั้นมาพูดถึงสิ่งก่อสร้างตั้งต้นที่พบเจอได้บ่อยๆ หน่อยดีกว่าธง (Flag) วางแล้วเพิ่มอาณาเขตเกาะสวน (Garden) วางแล้วเพิ่ม 1 เหรียญทองทันทีโรงปฏิบัติงาน (Workshop) หากมีน้ำ 2 ช่องอยู่ติดสิ่งก่อสร้างนี้ จะเลือกแผ่นทางเดินเพิ่มได้ฟรีกระท่อมตกปลา (Fishing Hut) ได้รับ 2 เหรียญทองตามจำนวนน้ำที่อยู่ติดสิ่งก่อสร้างนี้ป้อมสอดส่อง (Watchpost) ป้อมปราการที่อยู่ติดสิ่งก่อสร้างนี้ จะยิงแรงขึ้น 10% และเล็งไปที่เป้าหมายเลือดมากก่อน (บางป้อมจะเล็งตัวเลือดน้อยก่อน)ตลาดนัด (Market Square) หากมีการวางสิ่งก่อสร้างครบ 8 ช่องรอบตัว จะเข้าสู่ตลาดมืด (Black Market) เพื่อซื้อของได้ทันทีอนุสาวรีย์ (Monument) หากมีการวางสิ่งก่อสร้างครบ 8 ช่องรอบตัว จะได้รับสะพาน 3 อันโกดัง (Storehouse) หากมีป้อมปราการ 2 ช่องอยู่ติดสิ่งก่อสร้างนี้ จะเลือกการ์ดโบนัสได้ฟรีรูปปั้น (Statue) หากมีการวางสิ่งก่อสร้างครบ 8 ช่องรอบตัว จะได้รับระเบิด 2 ลูกน้ำพุ (Fountain) หากมีการวางสิ่งก่อสร้างครบ 8 ช่องรอบตัว จะได้รับ 2 หัวใจสิ่งก่อสร้างแต่ละอย่างก็มีเอฟเฟคและเงื่อนไขการใช้งานแตกต่างกัน อย่าลืมกดเครื่องหมาย ? ตรงมุมการ์ดเพื่ออ่านก่อนวางด้วยล่ะจ๊ะเอ๋ตัวเอง! โผล่มาแบบนี้ ป้องกันทางเดียวมันยังไม่ปวดหัวพอใช่มั้ย!?ในขณะที่เรากำลังวางแผนเส้นทางที่มีเพียงหนึ่งอย่างหัวหมุน จู่ๆ เกมก็เกิดจุดที่สองมาให้เราดูแลเฉยเลย ทำให้เราต้องวางทางเดินหรือป้อมในทางใหม่ด้วย ป้องกันทางหนึ่งได้แต่อีกทางโดนบุกเละไม่ได้นะ ซึ่งพอเล่นไปเรื่อยๆ ก็จะมีจุดที่สามโผล่มาให้เราป้องกันด้วย เอาล่ะวางแผนขยายเกาะและวางทางวางป้อมกันดีๆ ล่ะเซอร์ไพร์สที่จะทำให้เกมง่ายขึ้น.. หรือแม้แต่ยากยิ่งกว่าเดิมเมื่อแต่ละรอบผ่านไปสักระยะหนึ่ง เราจะได้เจอกับเหตุการณ์แบบสุ่มที่อาจจะช่วยชีวิตเรา หรือแม้แต่การเสี่ยงโชค (เพราะ High Risk High Reward ยังไงล่ะ!) ซึ่งมีทั้งหมด 3 แบบ ดังนี้การ์ดโบนัส (Bonus Cards) จะมีการ์ด 3 ใบมาให้เลือก ซึ่งเลือกได้เพียงใบเดียว ต้องการอะไรอยู่ก็หยิบเลยของโบราณ (Relics) เลือกแล้วจะได้บัพที่มีผลทันทีหรือตลอดเกมแล้วแต่เอฟเฟค เลือกให้ถูกใจตามสไตล์การเล่นของตัวเองแล้วกันการเผชิญหน้า (Encounters) ต้องแลกทรัพยากรที่เรามีหรือเสี่ยงทายหัวก้อยเพื่อสิ่งที่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร ถ้าได้ของดีก็ดีไป หากใครไม่ชอบความเสี่ยงก็สามารถกดข้ามได้ซ้ายก็ดี ขวาก็น่าสนใจเรตการสุ่ม: โซ่ตรวนสำคัญที่ทำให้เกมแนว Roguelike ถ้าไม่สนุกก็หัวร้อนไปเลยลองจินตนาการว่าตอนเริ่มเกมมา นอกจากป้อมที่ตั้งต้นให้อันนึงแล้ว การ์ดที่เกมสุ่มมาให้คุณก็มีแต่ทาง ทางและทาง จนศัตรูเริ่มเยอะเกินที่ป้อมป้อมเดียวจะกันได้แล้ว ป้อมอันที่สองก็ยังไม่โผล่ ช่วงแรกเงินก็น้อยนิดเหลือเกินยังจะต้องมากดข้ามเพื่อหาป้อมอีก เฮ้อ รีเกมดีกว่าแต่ท้ายเกมจะรีก็ไม่ได้น่ะสิ บางทีกว่าจะได้การ์ดที่ต้องการคือสุ่มกันตาเหลือก ยิ่งท้ายเกมที่มีสามทางต้องกันและศัตรูที่แข็งแกร่งขึ้น การที่ผู้เล่นสุ่มไม่ได้ป้อมปราการเลยคือแทบจะสิ้นหวัง จบกันที่พยายามมาทั้งหมด แต่ถ้าใครบริหารการเงินดีๆ ท้ายเกมก็อาจมีเงินพอรีหาการ์ดที่ต้องการก่อนจะจบตาที่ 40เรตการสุ่มของเกมนี้ยังอยู่ในจุดที่ใจร้ายมากนัก จริงอยู่ที่เกมต้องมีเรตสุ่มในระดับที่ไม่ทำให้ผู้เล่นเอาชนะเกมแต่ละตาด้วยการวางแบบเดิมๆ แต่การได้การ์ดเส้นทางติดกันห้าหกอันในช่วงท้ายเกมมันทำให้หัวเสียไม่น้อย เป็นสิ่งเดียวจริงๆ ที่ทำให้เกมมอบประสบการ์ณหงุดหงิดใจมากกว่าสนุกในบางจังหวะสรุป: การผสมผสานของเกมสองแนวผ่านงานภาพสุดมินิมอลที่ทำออกมาได้น่าสนใจเกม Isle of Arrows เป็นเกมแนว Tower Defense ที่ทำให้เราต้องปรับแผนการเล่นอยู่เสมอเนื่องจากลูกเล่น Roguelike ที่สอดแทรกอยู่ในทุกกระเบียดนิ้วของเกม เป็นเกมที่ทั้งท้าทายและหัวร้อนกับการสุ่มอยู่หน่อยๆ เพราะบางทีเกมก็ไม่สุ่มการ์ดที่เราต้องการมาให้สักที ต้องการป้อมนะไม่ใช่ถนน ขอป้อมยิงหน่อย! ป้อมอยู่ไหนเนี่ย!! (ไม่รู้ๆๆ)นอกจากนี้ตัวเกมก็มีหลายโหมดการเล่นเลยทีเดียวให้เราได้เลือกซึ่งจะเรียกว่ากิลด์ (Guild) ซึ่งจะมีคุณสมบัติตั้งต้นและการ์ดที่เราจะได้เจอระหว่างการเล่นไม่เหมือนกัน เรียกได้ว่าเปลี่ยนโหมดเปลี่ยนรสชาติ ทำให้แต่ละตาที่ได้เล่นก็จะพบกับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน แอบดูดเวลาเหมือนกันนะเพราะตาหนึ่งก็กินเวลาไม่น้อยประกอบกับงานภาพที่มองแล้วสบายตา บางคนอาจจะคุ้นๆ กราฟิคหน้าตาแบบนี้ เพราะมีผู้พัฒนาคือคุณ Daniel Lutz ที่เคยเป็น Creative Director ของเกม Hitman GO และ Lara Croft GO มาก่อนนั่นเอง การออกแบบมองเพลินแต่เกมเพลย์ไม่เพลินเลยนะคุณพี่ (แซว)ซึ่งเกมนี้นอกจากบน PC ก็ยังมีบนสมาร์ทโฟนด้วย แบบนี้สายพกพายิ่งพลาดไม่ได้แล้ว!โดยรวมแล้วเป็นเกมที่น่าสนใจเกมหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าเกม Tower Defense แบบปกติมันท้าทายไม่พอ เกมเกาะแห่งลูกธนูที่เสริมรสชาติด้วยแนว Roguelike เกมนี้คงจะพอทำให้ชีวิตตื่นเต้นได้นะ!Isle of Arrows โดยผู้พัฒนา Gridpopราคา: 219 บาท (Steam และ App Store), 250 บาท (Google Play)แพลตฟอร์มเกม: PC บนร้านค้า Steam, iOS, Androidรีวิวบน Steam: Very Positiveแท็กเกม: Tower Defense, Roguelike, Puzzle, Board Game เล่นได้เรื่อยๆ เลยเกมนี้!
05 Nov 2022
[Review] รีวิวเกม DORAEMON STORY OF SEASONS: Friend of the Great Kingdom
แมวสีฟ้าโดราเอมอน การ์ตูนในดวงใจของใครหลายคนที่ถูกหยิบมาดัดแปลงเป็นเกมยุคปัจจุบันอีกครั้ง โดยสร้างความประทับใจให้กับแฟน ๆ มาแล้วในภาคแรกอย่าง DORAEMON STORY OF SEASONS ซึ่งคราวนี้ตัวเกมกลับมาพร้อมภาคต่ออย่าง Friend of the Great Kingdom แต่การกลับมาของโดราเอมอนและผองเพื่อนนั้นจะสนุกเพลิดเพลินแค่ไหน ก็มาดูรีวิวของเรากันได้เลยพักร้อนสุดน่าเบื่อของโนบิตะและผองเพื่อนเรื่องราวของเกมภาคนี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อถึงช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน แทนที่จะได้หยุดพักผ่อน แต่เหล่าเด็ก ๆ กลับต้องทำงานหลายสิ่งหลายอย่างที่พ่อแม่ของพวกเขาสั่งให้ทำ เด็ก ๆ เบื่อเหลือทน จึงร้องเรียกของวิเศษจากโดราเอมอน โดราเอมอนที่หยิบกระสวยอวกาศออกมา และพาเด็ก ๆ ไปพักผ่อนหย่อนใจนอกโลก ก็บังเอิญหลุดไปยังดาวเคราะห์ดวงใหม่ และบังเอิญไปพบกับเด็กหนุ่มนามว่าไลท์ ที่หมดสติอยู่ พวกโดราเอมอนได้เข้าไปช่วยเหลือ และด้วยความชิลล์ตามสไตล์การ์ตูน โดราเอมอน โนบิตะและผองเพื่อนจึงตัดสินใจว่าจะช่วยเหลิองานด้านเกษตรกรรม และทำฟาร์มเพื่อสานต่อหน้าที่ที่คุณพ่อของไลท์ได้ฝากทิ้งไว้ให้ ชีวิตช่วงพักร้อนของพวกโนบิตะที่แท้จริง ได้เริ่มต้นที่ดวงดาวแห่งนี้ต้องบอกว่าเป็นเกมที่เนื้อเรื่องไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก เราแค่ถูกส่งมาต่างดาว และเรริ่มต้นชีวิตการปลูกผักทำฟาร์ม เหมือนกับเกมที่เกมอื่น ๆ ทำ แต่จะต่างตรงที่เกมมอื่นตรงที่ ถ้าเป็นเกมอื่น เราก็แค่ย้ายไปชนบท แต่เกมนี้ย้ายดวงดาวกันเลยทีเดียว แต่มันก็ไม่ได้ให้อารมณ์ความรู้สึกที่แตกต่างกันสักเท่าไรอยู่ดีเนื้อเรื่องของเกมนี้ก็จะคล้าย ๆ กับเกมปลูกผักทำฟาร์มเกมอื่น ๆ เริ่มจากรับมรดกเป็นบ้านหลังเก่า ๆ แบบฟรี ๆ รับอุปกรณ์ทำไร่ทำสวน จากนั้นก็ค่อย ๆ ไปทำความรู้จักกับสมาชิกในหมู่บ้าน โดยเกมจะเล่าผ่านตัวละครของโนบิตะเป็นหลัก และด้วยความที่เป็นเกมที่อิงพื้นฐานจากโดราเอมอน ทำให้คาแรคเตอร์ตัวละคร นิสัยใจคอ จะอิงจากซีรีส์โดราเอมอนเป็นหลักทั้งสิ้น ใครที่เป็นโดราเอมอนอยู่แล้ว จะอินกับเกมนี้ได้มากกว่าคนอื่น และการพาให้ผู้เล่นได้รู้จักกับตัวละครต่าง ๆ ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี โดยมันเป็นภารกิจหลักที่จะให้ผู้เล่นต้องไปหา NPC ตัวนั้น ๆ และเรียนรู้เรื่องราว หรือชีวิตของตัวละครตัวนั้นเลยว่าพวกเขามีกิจวัตรอะไร ทำงานอะไร มีใครรอบตัวบ้าง จุดนี้เป็นสิ่งที่เกมทำออกมาได้ดี ทำให้เราอินกับเนื้อเรื่องได้มากขึ้น และค่อย ๆ ชอบตัวละครตัวนั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ และเผยความจริงในสไตล์ของการ์ตูน แต่หากจะให้พูดถึงข้อเสียเล็กน้อยคือ ภาคนี้ยังคงใช้เวลาในการเกริ่นเนื้อเรื่องนานพอสมควร แม้จะไม่นานเท่าภาคแรก แต่ก็ยังเยอะอยู่ดี จริงอยู่ว่าสามารถข้ามได้ แต่ก็ถือว่าเยอะ โดยเฉพาะคนที่เคยเล่นเกมปลูกผักมาก่อน อาจจะเบื่อเอาตั้งแต่ช่วงแรกเลยก็ได้ โลกของเกมปลูกผักทำฟาร์มเมื่อนำเสนอผ่านตัวละครโดราเอมอนฉากหลังของเกมภาคนี้คือดาวเคราะห์ที่ไม่มีใครรู้จัก แต่หากไม่บอกว่าเป็นดาวเคราะห์อื่น เราก็คงเดากันไม่ได้ เพราะทุกอย่างภายในเกมนี้มันช่างเหมือนโลกมนุษย์อันปกติสุขมาก ในเกมนี้จะมีชนเผ่าที่ต่างกัน 4 ชนเผ่า เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินเรื่อง และขนาดแผนที่ที่ถือว่ามีขนาดกลาง ๆ ไม่เล็ก ไม่ใหญ่จนเกินไป แต่สิ่งที่ผู้เขียนชอบเป็นพิเศษคือการสลับสับเปลี่ยนมุมมองของฉากในบางช่วง จากที่เป็นมุมมอง Isometric แบบ Top-Down อยู่ บางฉากของเมืองก็จะเปลี่ยนกลายไปเป็นเหมือนเกม Action RPG ซะอย่างนั้น ถือเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศในระหว่างการเล่นได้สำหรับตัวเกมก็จะเหมือนกับเกมปลูกผักทำฟาร์มทั้งหลาย ใครที่เคยผ่านเกมแนวนี้มาเยอะ ๆ โดยเฉพาะซีรีส์ STORY OF SEASONS ก็จะรู้แทบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการปลูกผักทำฟาร์ม การสนทนาสร้างความสัมพันธ์กับเหล่าตัวละครต่าง ๆ ปฏิทินกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในเมือง ทั้งเทศกาลนักแม่นปืน ล่าสัตว์ แข่งม้า คือสิ่งที่เกมนี้นำจากเกมอื่นมาต่อยอด และใส่ความเป็นโดราเอมอนลงไปแทนทั้งหมด และแฟน ๆ โดราเอมอนจะต้องชื่นชอบ คือเกมนี้จะมีความพิถีพิถันในเรื่องของนิสัยใจคอของตัวละคร เรียกได้ว่าแทบจะถอดแบบจากการ์ตูนมาเลยก็ว่าได้ หากคุณเคยดูหรือเคยอ่านโดราเอมอนแล้วพบว่านิสัยใจคอตัวละครในการ์ตูนเป็นอย่างไร ในเกมก็จะเป็นแบบนั้น แต่บางตัวอาจจะซอฟต์ ๆ ลงมาหน่อย ให้เหมาะสมกับบริบทของเกม ส่วนของการเล่าเรื่องบางช่วงก็จะเล่าเรื่องเหมือนกับเราอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่เลยก็ว่าได้ เป็นอีกเสน่ห์ที่เกมนี้มอบให้กับเราขนาดแผนที่ภายในเกมนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก เราสามารถออกสำรวจได้เกือบทั้งหมดตั้งแต่แรก และกิจกรรมที่มีให้ทำก็ไม่ได้เยอะเกินกว่าพลังชีวิตที่เรามี  ทำให้เกมนี้ค่อนข้างผ่อนคลายและเป็นมิตรกับผู้เล่นทุกคนมาก ๆ และด้วยความที่เป็นเกมจากโดราเอมอน มันจึงถูกทำออกมาหใ้ทุกคนเข้าถึงได้ ผ่อนคลายจนเข้าข่าย Slow life ไปเลยก็ได้ อย่างผู้เขียนเอง กว่าจะเล่นจนถึงวันที่ 8 (ภายในเกม) ก็ใช้เวลาไป 3-4 ชั่วโมง ซึ่งเล่นไปขนาดนั้นแล้ว ยังเพิ่งจะปลดล็อคคอนเทนต์บางอย่างของเกมมา และเจอตัวละครใหม่อยู่เรื่อย ๆ เรียกได้ว่าใช้เวลากันสุด ๆ สำหรับเกมแนวนี้ ใครที่ชอบเล่นเกมแนวผ่อนคลาย ปลูกผัก ทำฟาร์ม และรักโดราเอมอนด้วย บอกเลยว่าเกมนี้คุ้มเกินคุ้มไปเลยและหลังจากที่ BANDAI Namco บุกตีตลาดแฟนเกมชาวไทยมาตั้งแต่ปี 2020 ทำให้ส่วนใหญ่ เกมจากอนิเมะและแฟรนไชส์ดัง ๆ ของค่ายนี้จะได้รับการแปลเป็นภาษาไทยอยู่เสมอ และเกมนี้เองก็เช่นกัน และมาตรฐานการแปลไทยของ BANDAI Namco ต้องบอกว่า ไม่มีตก แปลได้ดีอย่างยอดเยี่ยม คำผิดแทบไม่มีให้เห็น และมีการแปลชื่อตัวละครบางตัวให้มีความเป็นไทยในสไตล์โดราเอมอนอีกด้วย อย่างเช่นตัวละคร Gidal และ Gogmir ก็มีการตั้งชื่อไทยให้ว่าโกก๊องและกากั๊ง หรือทหารยามในเมือง ก็ตั้งชื่อไทยให้ว่าหยุดยั้ง และปกป้อง แม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนชื่อตัวละคร แต่สำหรับแฟน ๆ โดราเอมอนแล้วจะรู้สึกชอบและทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นและเพราะเกมภาคนี้มีฉากคัทซีนที่ค่อนข้างยืดยาวและคุยกันเยอะมาก การมีภาษาไทย ช่วยให้เราเสพเนื้อเรื่องได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้น แต่ถึงจะมีแปลไทย แต่บางฉากก็คุยกันยาวเกินจนแอบน่าเบื่ออยู๋เหมือนกัน แต่ในเรื่องของการแปลไทย ต้องบอกเลยว่าเต็มสิบไม่หักสำหรับเกมนี้เกมเพลย์สุดผ่อนคลายที่แฟน ๆ STORY OF SEASONS จะต้องชื่นชอบสำหรับเกมเพลย์ของเกมนี้ เชื่อว่าไม่ต้องอธิบายอะไรมากเลย สำหรับคนที่เป็นแฟนเกม STORY OF SEASONS อยู่แล้ว ระบบทุกอย่างแทบจะเหมือนเดิมเกือบหมด แต่สำหรับคนที่ไม่เคยเล่น เราก็จะรีวิวให้ฟัง เกมนี้จะพิเศษตรงที่เราจะไม่ค่อยเหงาเท่าไร ปกติแล้วบ้านพักของเราในเกมปลูกผักเกมอื่น เราจะอยู่คนเดียว แต่เกมนี้ เราจะอยู่กับพลพรรคผองเพื่อนของเราทั้งแก๊ง แต่ช่วงเวลากลางวัน ทุกคนจะแยกย้ายไปทำงานของตัวเอง ส่วนกลางคืนจะกลับมานอนร่วมกัน และทุกเย็นกับทุกเช้าจะเป็นเวลาทานอาหารร่วมกัน รู้สึกอบอุ่นแบบที่เกมอื่นให้ไม่ได้ตัวละครหลักที่เราจะได้เล่นก็คือโนบิตะ และเหมือนกันกับเกมทำฟาร์มเกมอื่น ๆ ใน 1 วัน เราจะเริ่มตั้งแต่ 6 โมงเช้า และมีพลังงานจำกัด แน่นอนว่าต้องแบ่งปันส่วนหนึ่งไปใช้รดน้ำ ปลูกผัก ทำฟาร์ม ส่วนที่เหลือจะเอาไปทำอะไรก็แล้วแต่ผู้เล่น ที่มีทางเลือกในการเล่นอย่างหลากหลาย เช่นไปคุยกับชาวบ้าน เพิ่มความสัมพันธ์ ช่วยเหลือด้านคำร้องขอ โดยจัดหาไอเทมไปส่งให้เพื่อเพิ่มค่าความสนิทสนม หรือจะไปตกปลา ขุดเหมือง ไล่จับแมลง ได้หมด อิสระอยู่ที่ตัวผู้เล่น ทำให้เราต้องบริหารจัดการเอาเองว่าวันนี้จะทำกิจกรรมอะไร หาเงิน หรือไปทำอย่างอื่น เพราะโลกในเกมก็มีกิจกรรมมากมายให้ทำ และใช้พลังงานของโนบิตะแต่ถึงอย่างนั้นเกมก็มอบอิสระให้ผู้เล่นอยู่ดี พลังงานที่ให้มาใช้ในแต่ละวันถือว่ามากเพียงพออยู่แล้ว หลัก ๆ เราจะหมดไปกับงานหนัก ๆ และได้เงินดีอย่างขุดแร่ หรือตกปลา ที่เหลือก็เดินชิลล์ หรือจะใช้ในการตัดต้นไม้ ทุบหินในบ้าน เพื่อจัดสรรพื้นที่ในบ้านเราให้สวยงามมากยิ่งขึ้น การปลูกผัก