GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวคีย์บอร์ด HyperX Alloy Origins [ Mechanical Blue Switch ]
ลงวันที่ 16/10/2020

ถ้าให้พูดถึงหนึ่งในแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ที่หลายๆ คนให้ความไว้วางใจ หนึ่งในชื่อที่จะต้องถูกพูดถึงมาเป็นอันดับแรกๆ ก็น่าจะเป็นแบรนด์อย่าง HyperX ที่เข้ามาตีตลาดบ้านเรามาหลายปีแล้ว แต่หนึ่งในโปรดักส์ที่หลายๆ คนชอบนั่นก็คือตัวคีย์บอร์ดเกมมิ่งเกียร์ Mechanical ที่วัสดุอันทนทานแข็งแรง และตัวคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ที่ทาง HyperX ส่งมาให้เรารีวิวนั่นก็คือ HyperX Alloy Origins ที่เป็นรุ่นอัพเกรดจากคีย์บอร์ด Hyperx Alloy FPS ที่เคยออกมาขายในปี 2017 แต่ในเวอร์ชั่นนี้มาพร้อมกับไฟ RGB สุดสวยงามที่มีลูกเล่นให้ปรับได้เยอะและละเอียดมากด้วย Software ที่ใช่คู่กัน ใครอยากรู้ประสิทธิภาพของคีบอร์ดตัวนี้ ตามพวกเรามาเลยครับ



HyperX Alloy Origins จริงๆ แล้วภายในรุ่นนี้จะมีให้เลือก Switch ทั้งหมด 3 แบบนั่นคือ Clicky (Blue Switch), Linear (Red Switch) และ Tactile (Green Switch) แต่ตัวที่เราได้รับมานั่นคือตัว Blue Switch ซึ่งเป็นสไตล์ที่เกมเมอร์ในท้องตลาดส่วนใหญ่เลือกใช้ ด้วยปุ่ม Mechanical ที่ทาง HyperX ผลิตขึ้นมาเอง รวมถึงยังมีความทนทานรองรับการกดได้มากถึง 80 ล้านครั้งเลยทีเดียว

รายละเอียด Switch HyperX Blue


Operation Style - Clicky

ควมแรงในการกด - 50g

ระยะสั่งการ - 1.8 mm

ระยะการเคลื่อนที่ - 3.8 mm

จำนวนการกด - 80 million


วัสดุและดีไซน์


ในด้านของวัสดุที่ทำตัว Body ของตัวคีย์บอร์ดนั้นจะเป็นอัลลูมีเนียมทั้งหมด ซึ่งมันให้ความรู้สึกที่แข็งแรงทนทาน แต่น้ำหนักของตัวมันเอง เอาจริงๆ มันไม่ได้หนักมากจนเกินไป ถ้าให้เปรียบเทียบกับคีย์บอร์ดอื่นๆ ที่ผู้เขียนได้ลองสัมผัสมา รวมถึงในด้านของดีไซน์ตัว Body เองจะเป็นหน้าตาแบบไร้ขอบ ซึ่งข้อดีของมันคือการดึงปุ่มกดออกมาง่าย รวมถึงการทำความสะอาดที่เพียงแค่เขย่าๆ ฝุ่นก็ออกมาทั้งหมดแล้ว


ด้านการกด


เรามาดูเรื่องของปุ่มกดกันก่อนดิกว่า โดยตัวผู้เขียนนั้นได้ลองเอามาใช้ในที่ทำงาน ได้ลองทั้งเล่นเกมและพิมพ์งานด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่าจากที่เคยได้ใช้ปุ่มคีย์บอร์ดยาง หรือคีย์บอร์ดจาก Notebook ความรู้สึกที่ได้ค่อนข้างแตกต่างจากเดิมเยอะมาก การกดพิมพ์งานหรือเล่นเกมตัวคีย์บอร์ดค่อนข้างตอบสนองได้ดีพอสมควร รวมถึงระยะห่างของคีย์บอร์ดเองอยู่ในระดับที่พอดี ทำให้เราพิมพ์ไม่รู้สึกติดขัดแต่อย่างใด ส่วนตัวคิดว่าในเรื่องของการพิมพ์งาน HyperX Alloy Origins [ Mechanical Blue Switch ] ค่อนข้างพิมพ์ได้ดีมากกว่าคีย์บอร์ดที่ใช้ Switch ของ Cherry ทั่วไปเสียอีก เพราะ Switch ของ HyperX มันใช้น้ำหนักในการกดที่น้อยกว่าถึง 10 กรัมเลยทีเดียว

ตัวคีบอร์ดมาพร้อมกันสาย USB Type-C ที่ถึงแม้ว่าผู้พัฒนาจะดีไซน์มาให้ถอดเสียบได้ แต่ตัวคีย์บอร์ดไม่ได้เป็นแบบ Wireless เราจะต้องเสียบไฟอยู่ตลอดเวลาในการใช้งาน แต่ที่ตัวคีย์บอร์มีสาย Type-C ให้เสียบเพราะเพื่อการส่งข้อมูลที่ไวกว่าเดิมนั่นเอง


ไฟ RGB


และเรามาพูดถึงจุดขายของตัวคีย์บอร์ดนี้กันดีกว่าครับ นั่นคือในเรื่องของไฟ RGB ที่สามารถปรับได้ค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียวด้วย Software ที่ชื่อว่า HyperX NGENUITY ซึ่งมันค่อนข้างปรับรายละเอียดได้เยอะมากๆ ซึ่งประกอบไปด้วย
Effect สีของปุ่ม

Breathing - เหมือนการหายใจเข้าออก ค่อยๆ ดับ ค่อยๆ สว่าง

Confetti - สีทุกปุ่มเปลี่ยน Random

Swipe - เกรดจากอีกสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง (ไม่ได้เปลี่ยนเป็นแบบคลื่น)

Twilight - สีกระพริบบางจุดแบบ Random

Wave - สีออกมาเป็นแบบคลื่น

Sun - สีแบบดวงอาทิตย์พื้นเป็นสีส้ม บางปุ่มจะเปลี่ยนเป็นสีแดง
Effect ในการกด

Fade - กดปุ่มไหน ปุ่มนั้นจะเปลี่ยนสี

Explosion กดแล้วจะเกิดคลื่นออกข้างๆ ไปจนถึงปุ่มสุดท้าย

Flame - กดแล้วจะเกิดคลื่นเปลี่ยนสีในระยะสั้นๆ เหมือนกระกายไฟ

No description available.

หรือจะเป็นการตั้งไฟแบบเฉพาะจุดที่เราสามารถกำหนดเลือกได้เองเลยว่าเราอยากให้ปุ่มนี้สีอะไร สามารถตั้งได้อย่างใจชอบเลยทีเดียว

รวมถึงยังสามารถตั้งค่า Preset ไว้บนคีย์บอร์ดได้ถึง 3 แบบ เวลาเราเอาคีย์บอร์ดตัวนี้ไปเสียบที่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เราเองก็สามารถใช้ Preset ที่เคยตั้งมาได้อย่างอัตโนมัติเลยทีเดียว



แต่ถ้าให้พูดถึงจุดสังเกตุเกี่ยวกับคีย์บอร์ดตัวนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของดีไซน์ ที่ตัวคีย์บอร์ดจะเป็นดีไซน์ไร้ขอบซึ่งข้อดีของมันคือการทำความสะอาดที่สามารถเคาะฝุ่นออกได้อย่างง่ายได้แต่ข้อเสียคือมันไม่ได้สวยงามในด้านของดีไซน์เสียเท่าไร ถ้าให้เปรียบเทียบกับคีย์บอร์ดที่มีขอบ ส่วนตัวคิดว่ามันอาจจะสวยงามกว่า

แต่ถ้าให้ดูในเรื่องของฟังชั่นก็ต้องบอกเลยว่า HyperX Alloy Origins มีลูกเล่นทุกอย่างที่ค่อนข้างครบครัน และเหมาะสมกับราคา 3290 บาทเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นคีย์บอร์ดราคาสบายกระเป๋า ใครอยากได้คีย์บอร์ด Mechanical จากแบรนด์ชั้นนำ ต้องบอกเลยว่า HyperX Alloy Origins น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกของทุกท่านได้ไม่ยาก โดย HyperX Alloy Origins สามารถหาซื้อได้แล้วตามร้าน Gaming Gears ชั้นนำ


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
รีวิวคีย์บอร์ด HyperX Alloy Origins [ Mechanical Blue Switch ]
16/10/2020

ถ้าให้พูดถึงหนึ่งในแบรนด์เกมมิ่งเกียร์ที่หลายๆ คนให้ความไว้วางใจ หนึ่งในชื่อที่จะต้องถูกพูดถึงมาเป็นอันดับแรกๆ ก็น่าจะเป็นแบรนด์อย่าง HyperX ที่เข้ามาตีตลาดบ้านเรามาหลายปีแล้ว แต่หนึ่งในโปรดักส์ที่หลายๆ คนชอบนั่นก็คือตัวคีย์บอร์ดเกมมิ่งเกียร์ Mechanical ที่วัสดุอันทนทานแข็งแรง และตัวคีย์บอร์ดรุ่นใหม่ที่ทาง HyperX ส่งมาให้เรารีวิวนั่นก็คือ HyperX Alloy Origins ที่เป็นรุ่นอัพเกรดจากคีย์บอร์ด Hyperx Alloy FPS ที่เคยออกมาขายในปี 2017 แต่ในเวอร์ชั่นนี้มาพร้อมกับไฟ RGB สุดสวยงามที่มีลูกเล่นให้ปรับได้เยอะและละเอียดมากด้วย Software ที่ใช่คู่กัน ใครอยากรู้ประสิทธิภาพของคีบอร์ดตัวนี้ ตามพวกเรามาเลยครับ



HyperX Alloy Origins จริงๆ แล้วภายในรุ่นนี้จะมีให้เลือก Switch ทั้งหมด 3 แบบนั่นคือ Clicky (Blue Switch), Linear (Red Switch) และ Tactile (Green Switch) แต่ตัวที่เราได้รับมานั่นคือตัว Blue Switch ซึ่งเป็นสไตล์ที่เกมเมอร์ในท้องตลาดส่วนใหญ่เลือกใช้ ด้วยปุ่ม Mechanical ที่ทาง HyperX ผลิตขึ้นมาเอง รวมถึงยังมีความทนทานรองรับการกดได้มากถึง 80 ล้านครั้งเลยทีเดียว

รายละเอียด Switch HyperX Blue


Operation Style - Clicky

ควมแรงในการกด - 50g

ระยะสั่งการ - 1.8 mm

ระยะการเคลื่อนที่ - 3.8 mm

จำนวนการกด - 80 million


วัสดุและดีไซน์


ในด้านของวัสดุที่ทำตัว Body ของตัวคีย์บอร์ดนั้นจะเป็นอัลลูมีเนียมทั้งหมด ซึ่งมันให้ความรู้สึกที่แข็งแรงทนทาน แต่น้ำหนักของตัวมันเอง เอาจริงๆ มันไม่ได้หนักมากจนเกินไป ถ้าให้เปรียบเทียบกับคีย์บอร์ดอื่นๆ ที่ผู้เขียนได้ลองสัมผัสมา รวมถึงในด้านของดีไซน์ตัว Body เองจะเป็นหน้าตาแบบไร้ขอบ ซึ่งข้อดีของมันคือการดึงปุ่มกดออกมาง่าย รวมถึงการทำความสะอาดที่เพียงแค่เขย่าๆ ฝุ่นก็ออกมาทั้งหมดแล้ว


ด้านการกด


เรามาดูเรื่องของปุ่มกดกันก่อนดิกว่า โดยตัวผู้เขียนนั้นได้ลองเอามาใช้ในที่ทำงาน ได้ลองทั้งเล่นเกมและพิมพ์งานด้วย ซึ่งต้องยอมรับว่าจากที่เคยได้ใช้ปุ่มคีย์บอร์ดยาง หรือคีย์บอร์ดจาก Notebook ความรู้สึกที่ได้ค่อนข้างแตกต่างจากเดิมเยอะมาก การกดพิมพ์งานหรือเล่นเกมตัวคีย์บอร์ดค่อนข้างตอบสนองได้ดีพอสมควร รวมถึงระยะห่างของคีย์บอร์ดเองอยู่ในระดับที่พอดี ทำให้เราพิมพ์ไม่รู้สึกติดขัดแต่อย่างใด ส่วนตัวคิดว่าในเรื่องของการพิมพ์งาน HyperX Alloy Origins [ Mechanical Blue Switch ] ค่อนข้างพิมพ์ได้ดีมากกว่าคีย์บอร์ดที่ใช้ Switch ของ Cherry ทั่วไปเสียอีก เพราะ Switch ของ HyperX มันใช้น้ำหนักในการกดที่น้อยกว่าถึง 10 กรัมเลยทีเดียว

ตัวคีบอร์ดมาพร้อมกันสาย USB Type-C ที่ถึงแม้ว่าผู้พัฒนาจะดีไซน์มาให้ถอดเสียบได้ แต่ตัวคีย์บอร์ดไม่ได้เป็นแบบ Wireless เราจะต้องเสียบไฟอยู่ตลอดเวลาในการใช้งาน แต่ที่ตัวคีย์บอร์มีสาย Type-C ให้เสียบเพราะเพื่อการส่งข้อมูลที่ไวกว่าเดิมนั่นเอง


ไฟ RGB


และเรามาพูดถึงจุดขายของตัวคีย์บอร์ดนี้กันดีกว่าครับ นั่นคือในเรื่องของไฟ RGB ที่สามารถปรับได้ค่อนข้างหลากหลายเลยทีเดียวด้วย Software ที่ชื่อว่า HyperX NGENUITY ซึ่งมันค่อนข้างปรับรายละเอียดได้เยอะมากๆ ซึ่งประกอบไปด้วย
Effect สีของปุ่ม

Breathing - เหมือนการหายใจเข้าออก ค่อยๆ ดับ ค่อยๆ สว่าง

Confetti - สีทุกปุ่มเปลี่ยน Random

Swipe - เกรดจากอีกสีหนึ่งไปอีกสีหนึ่ง (ไม่ได้เปลี่ยนเป็นแบบคลื่น)

Twilight - สีกระพริบบางจุดแบบ Random

Wave - สีออกมาเป็นแบบคลื่น

Sun - สีแบบดวงอาทิตย์พื้นเป็นสีส้ม บางปุ่มจะเปลี่ยนเป็นสีแดง
Effect ในการกด

Fade - กดปุ่มไหน ปุ่มนั้นจะเปลี่ยนสี

Explosion กดแล้วจะเกิดคลื่นออกข้างๆ ไปจนถึงปุ่มสุดท้าย

Flame - กดแล้วจะเกิดคลื่นเปลี่ยนสีในระยะสั้นๆ เหมือนกระกายไฟ

No description available.

หรือจะเป็นการตั้งไฟแบบเฉพาะจุดที่เราสามารถกำหนดเลือกได้เองเลยว่าเราอยากให้ปุ่มนี้สีอะไร สามารถตั้งได้อย่างใจชอบเลยทีเดียว

รวมถึงยังสามารถตั้งค่า Preset ไว้บนคีย์บอร์ดได้ถึง 3 แบบ เวลาเราเอาคีย์บอร์ดตัวนี้ไปเสียบที่คอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เราเองก็สามารถใช้ Preset ที่เคยตั้งมาได้อย่างอัตโนมัติเลยทีเดียว



แต่ถ้าให้พูดถึงจุดสังเกตุเกี่ยวกับคีย์บอร์ดตัวนี้ก็คงจะเป็นเรื่องของดีไซน์ ที่ตัวคีย์บอร์ดจะเป็นดีไซน์ไร้ขอบซึ่งข้อดีของมันคือการทำความสะอาดที่สามารถเคาะฝุ่นออกได้อย่างง่ายได้แต่ข้อเสียคือมันไม่ได้สวยงามในด้านของดีไซน์เสียเท่าไร ถ้าให้เปรียบเทียบกับคีย์บอร์ดที่มีขอบ ส่วนตัวคิดว่ามันอาจจะสวยงามกว่า

แต่ถ้าให้ดูในเรื่องของฟังชั่นก็ต้องบอกเลยว่า HyperX Alloy Origins มีลูกเล่นทุกอย่างที่ค่อนข้างครบครัน และเหมาะสมกับราคา 3290 บาทเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นคีย์บอร์ดราคาสบายกระเป๋า ใครอยากได้คีย์บอร์ด Mechanical จากแบรนด์ชั้นนำ ต้องบอกเลยว่า HyperX Alloy Origins น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกของทุกท่านได้ไม่ยาก โดย HyperX Alloy Origins สามารถหาซื้อได้แล้วตามร้าน Gaming Gears ชั้นนำ


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header