หลังจากที่ไม่นานมานี้วงการโดตา 2 (DOTA 2) แถบภูมิภาค SEA เพิ่งได้มีข่าวดีเนื่องในโอกาสที่หนึ่งในการแข่งขัน 5 Major ใหญ่มาจัดที่กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งจะใช้ในการเก็บแต้ม Dota Pro circuit (DPC) วัด Ranking ทีมที่แข็งแกร่งที่สุด 12 ทีม เพื่อคัดเลือกเป็นทีมรับเชิญเข้าไปแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ The International ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการ Esports ล่าสุด Valve เพิ่งประกาศและปล่อยกฎชุดใหม่ออกมา ซึ่งทำให้รูปแบบการแข่งขันและการคัดเลือกทีม The International เปลี่ยนไป โดยมีรายละเอียดดังนี้
การเก็บแต้ม DPC
ในการแข่งขัน Dota Pro Circuit 2018-2019 ได้มีการเปลี่ยนแปลงหลักๆ คือในครั้งนี้คะแนนจะถูกแจกให้กับทีม ไม่ใช่ผู้เล่นเหมือนปีก่อนๆ และหากผู้เล่น Roster ย้ายทีมออกไป คะแนนของทีมก็จะยังคงอยู่ โดยในแต่ละ Major จะมี คะแนน15,000 แต้มจะถูกแจกจ่ายให้กับ 16 ทีม ส่วน 8 ทีมในการแข่งขัน Minor จะต้องไปแบ่ง 500 แต้ม โดยมีเปอร์เซนต์การแบ่งดังนี้
การแข่ง MAJOR มีแต้มรวมทั้งหมด 15,000 แต้ม
[caption id="attachment_5177" align="alignnone" width="1024"]
การแจกแต้ม DPC ในการแข่งขัน MAJOR ซึ่งมีทั้งหมด 15,000 แต้ม[/caption]
การแข่ง MINOR มีแต้มรวมทั้งหมด 500 แต้ม
[caption id="attachment_5178" align="alignnone" width="1024"]
การแจกแต้ม DPC ในการแข่งขัน MINOR ซึ่งมีทั้งหมด 500 แต้ม[/caption]
ยิ่งแต้ม DPC มาก ก็ยิ่งการันตีที่นั่งในงานแข่ง The International 2019 (TI 9)
ในฐานะโปรเพลเยอร์เกมโดตา 2 (DOTA 2) แล้ว อาจพูดได้ว่าความฝันสูงสุดของผู้เล่นฝีมือระดับโลก ก็คือการมุ่งสู่งานแข่ง DOTA 2 และการแข่ง Esports ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ นั่นก็คืองาน The International 2019 โดยการแข่งขัน Dota Pro Circuit (DPC) นี้ก็เป็นตัวตัดสินชะตาของทีมแข่งโดตามืออาชีพเหมือนกัน โดยหากได้คะแนน DPC ดี จะทำให้ได้เป็นทีมรับเชิญ นั่งเก้าอี้รออยู่ในการแข่ง TI เลยทีเดียว
ล่าสุด Valve ได้ทำการเปลี่ยนจำนวนทีมที่ได้รับการเชิญใน The International 2019 เป็น 12 ทีม ซึ่งทีมที่จะได้เข้าไปแข่งขันในงาน TI ทั้งหมดคือ 18 ทีมด้วยกัน ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเพราะเพิ่มโควต้าทีมรับเชิญขึ้นมาถึง 4 ทีม จากเดิมคือ 8 ทีม
ส่วนอีก 6 ทีมที่เหลือที่ไม่สามารถเก็บแต้ม DPC และครองตำแหน่งต้นๆ ของตารางได้ จะต้องไปเข้าแข่งรอบคัดเลือกจาก 6 ภูมิภาค ได้แก่ อเมริกาเหนือ (NA), อเมริกาใต้ (SA) เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEA), ยุโรป (EU), จีน (CN) และ ประเทศเครือรัฐเอกราช (CIS)
โดยมีเพียงผู้แข็งแกร่งเพียง 1 เดียวจากแต่ละภูมิภาคเท่านั้น ที่จะได้ตั๋วไปเข้าไปแย่งชิง Aegis เรียกได้ว่าหากสามารถทำผลงานตลอดปีจากการแข่งขัน Major และ Minor ได้ดี ก็มีสิทธิเข้าสู่ฝั่งฝันมากขึ้นนั่นเอง ซึ่งทางผู้พัฒนาเกม Valve ออกมาบอกว่าที่มีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มความสำคัญของการแข่งขันในแต่ละ Major
การเลือกทีมเข้าแข่ง Major และ Minor ประจำ Dota Pro Circuit
รายละเอียดทีมที่จะเข้าแข่งขัน Major
- 12 ทีม มาจากการคัดเลือกแบบภูมิภาค: ในรอบคัดเลือกจะมีทีมจากภูมิภาคเข้ามาอย่างน้อย 2 ทีม จาก 6 ภูมิภาค
- 3 ทีม มาจากโควต้าพิเศษที่ Valve เลือกเพิ่มให้ภูมิภาคนั้นๆ: ทางผู้พัฒนา Valve จะกำหนดโควต้าพิเศษเพิ่มให้ภูมิภาคต่างๆ ในแต่ละ Major เพื่อหาทีมมาเติม Major ให้เต็ม
- 1 ทีม มาจากผู้ชนะ Minor: ทีมที่ได้แชมป์ Minor จะได้รับสิทธิให้เข้ามาเป็นหนึ่งทีมที่เหลือในการแข่งขัน Major ซึ่งมีแต้มและเงินรางวัลมากกว่า
ส่วนสำหรับการแข่งขัน Minor จะมีทีมจากทุกภูมิภาคเข้ามาร่วมแข่งด้วยอย่างน้อย 1 ทีม (รวม 6 ทีม จาก 8 ทีม) ทั้งนี้ในการแข่งขันรอบคัดเลือกแบบภูมิภาคจะยังมีทีมรับเชิญอยู่ โดยแต้ม DPC อาจจะไม่ได้เป็นตัวกำหนดในการได้เป็นทีมรับเชิญ ทว่าก็ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญเหมือนกัน
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคะแนน DPC ของทีมไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้เล่นอีกต่อไป?
[caption id="attachment_5200" align="alignnone" width="1024"]
Ranking แต้ม DPC ของแต่ละทีมหลังจบการแข่ง Dota Pro Circuit 2017-2018 มาจากคะแนน DPC ที่มากที่สุดของผู้เล่น 3 คนรวมกัน[/caption]
สิ่งหนึ่งที่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญสำหรับข้อกำหนดใหม่ที่ Valve ออกมาใช้กับการแข่งโดตา Dota Pro Circuit 2018-2019 ก็คือ การที่แต้ม DPC จะไม่ได้กลายเป็นของผู้เล่น แต่จะเป็นของทีมแทน ซึ่งผู้พัฒนาเกมเองก็ออกมาบอกตรงๆ ว่าทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับ Roster ของแต่ละทีม
จากที่เห็นในภาพ เมื่อก่อนแต้ม DPC ของแต่ละทีมนั้นได้มาจากแต้ม DPC ของผู้เล่น 3 คนแรกที่มีคะแนนเก็บอยู่กับตัวมากที่สุด พอเอามารวมกันทำให้ทีมนั้นพลอยได้คะแนนเยอะและติดอันดับ Ranking ด้วย โดยทั้ง 8 ทีมนี้ คือทีมที่ได้รับเชิญเข้าไปร่วมแข่งขันใน The International 2018 หรือ TI 8 นั่นเอง
ดังนั้นจึงถือได้ว่ากฎที่ Valve ประกาศออกมาใหม่ ถือเป็นการยกเลิกระบบเดิม ส่งผลให้การเปลี่ยนมาให้คะแนน DPC กับทีมแทนที่จะให้คะแนนติดตัวผู้เล่นไป ถือเป็นการให้โอกาสแต่ละทีมปรับเปลี่ยนผู้เล่นเพื่อหาผู้เล่นที่เหมาะจะไปชิง Aegis นอกจากนี้ยังทำให้เวลาผู้เล่นออกจากทีมไป ทีมนั้นๆ จะไม่ต้องถูกตัดสิทธิ์จากการแข่งขันเพราะแต้ม DPC ไม่เพียงพอ
ในระบบที่เปลี่ยนใหม่นี้อนุญาตให้ทีมสามารถเปลี่ยนผู้เล่นได้ระหว่างการแข่งขัน ทว่ายังต้องมีการสมัครและกำหนดชื่อ Roster ให้ครบ 5 ตำแหน่งเหมือนเดิม ทั้งนี้หากผู้เล่นออก Roster ไป แต้มของทีมในตอนนั้นจะถูกหักออกไป 20% และการเพิ่มผู้เล่นใหม่เข้ามาจะไม่ทำให้ทีมได้รับแต้มใดๆ เพิ่มทั้งสิ้น
ทั้งนี้ในการแข่งขันรอบ Pro Circuit หากทีมลงแข่งโดยใช้ผู้เล่นที่อยู่นอกเหนือจาก Roster 5 คนที่ลงทะเบียนไว้ แต้มจากการแข่งนั้นๆ จะถูกปรับให้ลดลง 40% แต่ว่าผู้จัดการทีมยังมีสิทธิที่จะถอนผู้เล่นจาก Roster ของทีมตัวเองอยู่เหมือนเดิม ส่วนผู้เล่นก็สามารถลาออกจากทีมในระหว่างซีซั่นได้ เพียงแต่ในการแข่งขันทุกครั้ง ทีมจะต้องมีผู้เล่นที่ลงทะเบียนเป็น Roster อย่างน้อย 4 คนจากทั้งหมด 5 คน
โดยหากทาง Valve ส่งเทียบเชิญให้กับทีมทั้ง 12 ทีม และเปิดรอบคัดเลือกสำหรับงาน TI เมื่อไหร่ ทุกทีมจะหมดสิทธิในการเปลี่ยน Roster และจะต้องเล่นให้จบการแข่งขัน TI โดยใช้ Roster เดิม นอกจากนี้จะสามารถประกาศรายชื่อตัวสำรองในทีมได้หลังจากการแข่งขันรอบคัดเลือกของ TI จบลง และจะต้องได้รับการอนุมัติจาก Valve ทั้งนี้ทุกทีมจะต้องส่งรายชื่อและลงทะเบียน Roster ให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 16 กันยายน 2018 ก่อนเวลา 12:00 น.
ในการแข่งขัน Major และ Minor ครั้งนี้จะไม่มีการให้สิทธิแก่ทีมรับเชิญเหมือนปีก่อนๆ โดยจะจัดการแข่งขันรอบคัดเลือกของ Major ก่อน สำหรับทีมที่ไม่ผ่านรอบคัดเลือกจะสามารถไปลงแข่งรอบคัดเลือกของ Minor ได้ และอย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าทีมที่ได้อันดับหนึ่งของ Minor จะมีสิทธิเข้าไปแข่งใน Major อัตโนมัติ
ตารางการแข่งขัน
- 26 พฤศจิกายน - 30 พฤศจิกายน: Major Qualifier
- 1 ธันวาคม - 4 ธันวาคม: Minor Qualifier
- 7 มกราคม - 13 มกราคม: Minor Main Event
- 17 มกราคม - 27 มกราคม: Major Main Event
- 1 กุมภาพันธ์ - 5 กุมภาพันธ์: Major Qualifier
- 7 กุมภาพันธ์ - 10 กุมภาพันธ์: Minor Qualifier
- 4 มีนาคม - 10 มีนาคม: Minor Main Event
- 14 มีนาคม - 24 มีนาคม: Major Main Event
- 28 มีนาคม - 1 เมษายน: Major Qualifier
- 3 เมษยน - 6 เมษายน: Minor Qualifier
- 22 เมษายน - 28 เมษายน: Minor Main Event
- 2 พฤษภาคม - 12 พฤษภาคม: Major Main Event
- 15 พฤษภาคม - 19 พฤษภาคม: Major Qualifier
- 21 พฤษภาคม - 24 พฤษภาคม: Minor Qualifier
- 10 มิถุนายน - 16 มิถุนายน: Minor Main Event
- 20 มิถุนายน - 30 มิถุนายน: Major Main Event
สรุป: ด้วยข้อกำหนดใหม่ที่ Valve ประกาศออกมา ทำให้แต่ละทีมมีโอกาสแก้เกม ลองผิดลองถูกในการเล่นหรือลอง Line up ใหม่ๆ คาดเดาได้เลยว่าน่าจะมีการโยกย้ายตำแหน่งระหว่างแต่ละซีซั่นหากว่า Line up ที่วางมาตั้งแต่ตอนแรกทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทว่าก็ยังคงต้องคิดให้รอบคอบก่อนอยู่ดี เพราะการเปลี่ยนผู้เล่นนั้น แม้จะทำได้ในปัจจุบัน ทว่าก็ยังมีบทลงโทษและผลเสีย อย่างการหักคะแนน DPC ของทีม
นอกจากนี้ยังทำให้การแข่งขันรอบ Major และ Minor เข้มข้นขึ้นไปอีกขึ้น เพราะเป็นการแย่งชิงตำแหน่งเก้าอี้ใน TI 9 อีกด้วย เรียกได้ว่าผู้ชมจะได้เห็นการต่อสู้ที่จริงจังกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา
ทั้งนี้หากแฟนเกมโดตาคนไหนอยากเข้าไปสัมผัสประสบการณ์การแข่งขันระดับโลก และพบเจอกับทีมที่ชื่นชอบ สามารถติดตามการแข่งขัน Major Qualifier รอบ ได้ใน The Kuala Lumpur Major ช่วงวันที่ 8-19 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้
GameFever TH
นักเขียน
sdfkdfksfsdhfkjsdhf fsdfhdskfs df sfkjsdkf dskfjdskfj sdkfjskdf