นับเป็นตำนานเกม Action RPG ภาคใหม่ล่าสุดที่หลายคนจับตามอง เนื่องจากเกมภาคก่อนก็มีอายุมานาน 11 ปี และภาคนี้ก็ยังมีคนคาดหวังว่ามันจะกลับไปยอดเยี่ยมเหมือนตอนภาค 2 รวมทั้งเกมก็จะเปิดให้ลองเล่นได้ฟรีทุกคนแบบ Open Beta ในระหว่างวันที่ 24-26 มีนาคม 2023 แต่ถ้าใครอยากรู้ว่าเกมจะน่ารอเล่นหรือไม่ วันนี้ทางเราก็ขอเล่ามาเล่า Preview ตัวเกม Diablo 4 ที่เพิ่งเปิดให้ลองเล่นแบบ Early Access ในระหว่างวันที่ 17-20 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา!!! รับชมได้ที่ด้านล่างเลยว่าเกมจะดูดี และทำให้คุณอยากรอเล่นช่วง Open Beta หรือซื้อเกมตัวเต็มมาเล่นหรือไม่!
* ตัวเกมช่วง Early Access เหมือน Open Beta ให้เล่นได้ถึงแค่เลเวล 25 *
Diablo 4 คือเกมอะไร
เกมนี้เป็นแนว Isometric Action RPG ผสม Hack & Slash โดยจะให้ผู้เล่นมาถล่มฝูงมอน และเก็บ EXP มาอัปเลเวลเพื่อปลดล็อกสกิลใหม่ๆ พร้อมต้องฟาร์มหาไอเทมอาวุธกับชุดเกราะให้แข็งแกร่งเรื่อยๆ ซึ่งความเจ๋งหรือความสนุกของเกมแนวนี้คือด้านสกิลที่มันต้องหลากหลาย และมีลูกเล่นให้ผู้เล่นปั้นตัวละครได้หลายสาย หรือการที่คอนเทนต์ของเกมจะต้องมีอะไรให้เพลินยาวๆ แม้เนื้อเรื่องจะจบไปแล้ว เพราะงั้นเกมแนวนี้ถ้าจะยอดเยี่ยมก็ขึ้นอยู่กับความเจ๋งของเกมเพลย์ ไม่ต้องเจ๋งมากในด้านเนื้อเรื่องก็ได้นั่นเอง
เนื้อเรื่องดีจัดๆ
อย่างที่บอกไป เกมแนวนี้ไม่จำเป็นต้องทำเนื้อเรื่องออกมาเจ๋งก็ได้ แค่ทำเกมเพลย์ให้ยอดเยี่ยมสุดๆ ก็พอแล้ว แต่เนื้อเรื่องของ Diablo 4 มันกลับทำออกมาได้ดีมาก เกมนี้จะเล่าเรื่องหลังภาค 3 ที่จักรวาลในเกมกลับมาเกือบล่มสลายอีกครั้ง เนื่องจากมีอสูรสุดโหดระดับ Diablo นามว่า Lilith ที่จะหาทางเป็นใหญ่ของโลกนี้ โดยตอนภาค 3 เนื้อเรื่องก็ทำได้ดีน่าติดตามระดับหนึ่ง แต่ของเกมนี้จะถึงขั้นสร้างฉากน่าจดจำได้หลายฉากมาก ไม่ว่าจะทั้งของเควสหลักหรือเควสเสริม แถมถึงแม้เกม Diablo ทั้ง 3 ภาคก่อนจะทำเนื้อเรื่องหรือจักรวาลได้ดูดาร์ก แต่ของภาคนี้มันจะทำออกมาดาร์กได้อารมณ์แบบถึงขั้นสุดๆ เป็นครั้งแรกเลยที่คุณรู้สึกว่าจักรวาลนี้มันน่าหดหู่จริงๆ แล้วช่วงคัทซีนก็ยังมีการเล่นมุมกล้องให้ผู้เล่นรู้สึกว่ามันเล่าได้แบบแปลกใหม่ไปด้วย
* คุณจะได้สวมบทเป็นคนที่มีโอกาสฆ่า Lilith ให้โลกกลับมาสงบสุขได้
แต่ระหว่างทางมันก็จะหดหู่ลำบากมาก จนคุณอาจรู้สึกเลยว่าฉากจบเกมอาจไม่ดีเหมือนภาคก่อนๆ *
* ตัวร้าย Lilith จะโผล่มาให้เห็นตั้งช่วงแรกๆ ของเนื้อเรื่อง โดยจะทำให้คุณรู้สึกจดจำมาก
เพราะเธอไม่ได้มาโชว์เบ่งพลังเฉยๆ แต่จะโชว์ความวายร้ายฉลาดๆ จนบางคนอาจชอบมากกว่าเกลียด *
* แม้คุณจะประทับใจกับเควสเนื้อเรื่องหลัก แต่พวกเควสเสริมเกมนี้ก็ทำออกมาดี
อาจไม่เทพระดับเควสเสริมเกม The Witcher 3 แต่ก็สร้างฉากจดจำได้บ่อยๆ *
อย่างไรก็ตาม เกมช่วง Open Beta จะเล่นได้แค่จบช่วง ACT 1 แต่เกมยังมี ACT อื่นๆ อีกเพียบ ทำให้เราต้องมารอดูเกมตัวเต็มว่าจะออกมาดีไหม แล้วถึงในช่วง Early Access มันทำได้น่าประทับใจจริงๆ ตามที่บอกไป แต่ก็แอบรู้สึกเสียดายอย่างนึงคือ 'ภาคนี้ไม่มีเนื้อเรื่องต่างกันแต่ละอาชีพอีกแล้ว' เพราะตอนของเกมภาค 3 เนื้อเรื่องแต่ละตัวละครหรืออาชีพที่เราเลือกเล่น มันจะมีที่มาที่ไปไม่เหมือนกันด้วย แล้วมันจะส่งผลต่อบทสนทนาหรือเนื้อเรื่องให้พบเจอต่างกันในบางส่วน แต่ของเกมภาคนี้ไม่ว่าตัวละครหรืออาชีพไหนก็จะเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเพราะผู้พัฒนาทำไม่ทันหรือเปล่า แต่ก็อย่างที่บอกว่ามันไม่ใช่เกมขายเนื้อเรื่อง ทำได้เท่านี้ตลอดทั้งเกมก็น่าประทับใจแล้ว
ครั้งแรกที่ซีรี่ส์เกมทำบรรยากาศได้เยี่ยม
Diablo ทั้ง 3 ภาคก่อนมักจะถือว่าเป็นเกมที่ 'ทำภาพกราฟิกได้ตกยุค' เพราะอย่างเกมภาค 3 ที่วางขายตอนปี 2012 ก็ถือว่าเรื่องภาพสู้เกมอื่นไม่ได้เลย เนื่องจากเกมก็ใช้เวลาสร้างถึง 11 ปี แต่เกมภาค 4 นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่คุณจะรู้สึกว่า 'มันสวยล้ำหน้ากว่าบางเกมในยุคนี้' ตัวละครต่างๆ รวมถึงตัวผู้เล่นจะดูสมจริง และเป็นธรรมชาติมาก แล้วพวกฉากในเกมก็รายละเอียดเล็กน้อย หรือองค์ประกอบบรรยากาศต่างๆ จนคุณรู้สึกว่ามันสมจริงเหมือนกำลังดูหนังโรงเรื่องนึงอยู่เลย แถมอนิเมชั่นเกมนี้ก็ลื่นไหลพริ้วมาก โดยมันจะทำให้ระบบต่อสู้ดูดีขึ้นไปอีก แถมทำให้กล้าฟันธงได้เลยว่า Engine ของเกมนี้ถือว่ามันเจ๋งกว่าของเกมคู่แข่งอื่นสุดๆ แต่ไอ้ตรงนี้ก็ไม่ได้รับประกันว่าตอนเกมเต็มมันจะทำบรรยากาศได้ดีแบบนี้ตลอด แต่ถ้าทำได้ตลอดก็คือจะดีมากเลย
ภาพหรือฉากในเกมจะให้อารมณ์แบบสไตล์ Gothic ดูดาร์กๆ
ใครที่ชอบบรรยากาศแบบเกมภาคก่อน หรือเกมภาพสไตล์นี้จะถูกใจมากๆ แน่นอน
รายละเอียดเล็กน้อยเกี่ยวกับบรรยากาศนั้นเยอะมากจริงๆ
ยกตัวอย่างเดินบนหิมะก็จะเป็นรอยทำเป็นรูปได้เลย
มาดูเกมเพลย์กันบ้าง
เกมจะเริ่มมาด้วยการให้สร้างตัวละคร โดยเกมนี้มี 5 อาชีพคือ
อย่างไรก็ตาม เกมช่วง Early Access จะไม่มีอาชีพ Necromancer กับ Druid ให้ลองเล่น แต่ช่วง Open Beta จะมีให้ลองเล่นครบทั้ง 5 อาชีพแน่นอน โดยเมื่อเลือกแล้วเราจะได้สร้างตัวละคร และปรับแต่งหน้าตาได้พอสมควร ก่อนที่เราจะได้เข้าสู่จักรวาล Diablo ผจญภัยไปเรื่อยๆ จนเมื่อคุณ 'เลเวลอัป' สิ่งที่คุณจะได้รับคือแต้มไปเลือกอัปสกิลได้จำนวน 1 แต้ม และเมื่อคุณเปิดหน้าระบบสกิลขึ้นมาก็จะพบว่า ว้าว! สกิลมีให้เลือกอัปเยอะแยะไปหมดเลย และหลังจากอัปไประดับนึงจะปลดล็อกสกิลใหม่ๆ อีกจำนวนมากให้เลือกอัปได้อีก ยกตัวอย่างอาชีพจอมโจร Rogue ตอนแรกสุดจะมีให้เลือกอัปสกิลโจมตีด้วยธนู, โจมตีด้วยมีดคู่ หรือโจมตีแบบปามีดเป็นต้น โดยตรงนี้ก็ทำได้ดีตามเกมแนว Action RPG หรือตอนของเกมภาค 3 เลยทีเดียว
* ตัวอย่างช่วงสร้างตัวละคร *
* เกมจะยังมีให้เลือกความยาก 2 รูปแบบ โดยแบบซ้ายจะยากปกติ สามารถผจญภัยเรื่อยๆ แล้วผ่านได้สบาย
แต่อีกอันจะให้คุณต้องวางแผน หรือเลือกอัปสกิลให้ดี ไม่งั้นอาจไม่ผ่านบอสตั้งแต่ตัวแรกเลย *
* อีกส่วนนึงน่าสนใจมากคือเกมมีให้เลือกปรับความซับซ้อนในการผจญภัย
ถ้าอันซ้ายจะทำให้เราไม่หลงตอนทำเควสแต่อันขวาจะทำให้แผนที่มีหมอกมืดมองไม่เห็น
ต้องไปสำรวจเปิดก่อน และบางทีเราอาจหลงไปเจอทางตัน *
หลังจากนั้น เมื่อผู้เล่นผจญภัยไประดับหนึ่งก็จะได้เข้าเมืองใหญ่ที่มีให้พบเจอดังต่อไปนี้
จากด้านบน ตัวเกมช่วง Early Access นั้นจะยังไม่มีให้ลองกินยาพิเศษ เนื่องจากต้องเล่นถึงเลเวลเกิน 25 แต่ว่าระบบพวกนี้นั้นจะทำออกมาให้ใช้งานง่ายมาก และก็ส่งผลไปถึงระบบกระเป๋าเก็บของตัวละครที่จะใช้งานง่ายเหมือนภาค 3 แต่ว่าการที่เราจะรู้ว่าไอเทมชิ้นไหนแข็งแกร่งกว่ากันก็ยังสามารถดูได้ผ่าน 'แต้มคะแนน' ถ้ามันเยอะกว่าก็คือแข็งแกร่งกว่า ไม่จำเป็นต้องดู Stat ไอเทมชิ้นนั้นให้ปวดหัว แต่ตรงนี้ก็อาจเริ่มทำให้ชาวฮาร์ดคอร์ไม่ถูกใจ เพราะจริงๆ เอกลักษณ์ของเกมภาค 2 ก็คือการที่เราต้องจัดกระเป๋าเก็บของให้ดีๆ เนื่องจากภาค 2 ช่องเก็บมันน้อยมาก หรือต้องเช็คว่าไอเทมแต่ละชิ้นจะดีกว่ายังไงนั่นเอง
* ช่องกระเป๋าเก็บของของเกมภาค 4
ทำหน้าต่างใช้งานง่ายมาก *
กลับมาที่ระบบสกิลกันอีกรอบ โดยนอกจากระบบสกิลใช้งานที่มีให้เอาแต้มมาอัปหลังเลเวลขึ้น เกมก็ยังจะมีระบบที่เรียกว่า Expertise ที่ระบบนี้จะต่างกันไปแต่ละอาชีพ ถ้าของอาชีพ Barbarian จะเป็นระบบความชำนาญอาวุธ ให้ผู้เล่นใช้อาวุธชนิดนั้นๆ แล้วจะได้เลเวลอัปอาวุธชนิดนั้นให้แข็งแกร่งขึ้นได้! ส่วนอาชีพ Sorcerer จะเปลี่ยนเป็นระบบให้เอาสกิลกดใช้งานมาแปลงเป็นสกิลติดตัว ยกตัวอย่างสกิลเรียกฟ้าผ่ามาโจมตี ก็จะกลายเป็นสกิลติดตัวสุ่มเรียกฟ้าผ่ามาโจมตีศัตรู ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนให้แต่ละอาชีพมีระบบการเล่นต่างกันมากขึ้นไปอีก แต่ก็ยังมีลูกเล่นต่างกันอีกเพียบเลยนะ ยกตัวอย่าง Barbarian จะพกอาวุธพร้อมกันได้ถึง 3 รูปแบบคืออาวุธคู่, อาวุธ 2 มือเน้นรุนแรง และอาวุธ 2 มือเน้นสมดุล ส่วน Rogue จะพกอาวุธมีดคู่กับธนูได้พร้อมกันเป็นต้น ทำให้ถ้าผู้เล่นมีสกิลที่ล็อกว่าต้องใช้อาวุธชนิดนั้นๆ หลายสกิล ก็ทำให้ผู้เล่นไม่ต้องกดเปลี่ยนอาวุธให้เมื่อยนั่นเอง
* ภาพหน้าต่าง Expertise ของอาชีพ Barbarian
เมื่อช่องไหนเลเวลอัป จะทำให้การใช้อาวุธชนิดนั้นๆ ดีขึ้น *
การผจญภัยในเกมนี้ก็จะให้ผู้เล่นทำไปตามเควส และไปลุยดันเจี้ยนเช่นเคย โดยก็ยังมีดันเจี้ยนให้พบเจอเยอะระหว่างทาง และก็มีกิจกรรมสุ่มมาเซอร์ไพร์สผู้เล่นเหมือนตอนภาค 3 นะ แต่แผนที่ในเกมนี้รวมถึงดันเจี้ยน ผู้เขียนกลับรู้สึกว่ามันมีขนาดยาวใหญ่ แต่กลับทำได้ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ก่อนที่ผู้เขียนจะลองมาเช็คดูก็พบว่าจริงๆ แล้วแผนที่ดันเจี้ยนในเกมนี้บางทีมันเอาพื้นที่ซ้ำๆ กันมาต่อให้ยาวขึ้นด้วย!!! แล้วพวกกิจกรรมสุ่มก็รู้สึกว่ามันซ้ำซากไปหน่อย ทำให้การผจญภัยในเกมนี้รู้สึกน่าเบื่อมาก ทั้งๆ ที่ตอนเกมภาค 3 มันไม่น่าเบื่อเลย แล้วกิจกรรมสุ่มนานๆ ทีก็โผล่มาอีก ทั้งๆ ที่แผนที่มันใหญ่ยาวมาก ส่งผลให้ตรงนี้ถือว่าสอบไม่ผ่านอย่างแรง หวังว่าตอนเกมเปิดจะมีการแก้ไขตรงนี้ให้ไม่น่าเบื่อ
อีกส่วนนึงที่ต้องพูดถึงคือเกมภาคนี้จะมีความเป็น 'เกมออนไลน์' เพราะผู้เล่นจะเจอกันในเมือง และตอนออกไปผจญภัยก่อนเข้าดันเจี้ยนได้ ทำให้ผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในปาร์ตี้เดียวกันก็สามารถร่วมมือช่วยกันตีมอน โดยตรงนี้ก็ถือว่าดีมาก เพราะบางทีคนไม่มีเพื่อนก็อาจหาปาร์ตี้ไปช่วยลุยดันเจี้ยนได้ด้วย แต่ปัญหาคือเกมนี้ยังมี World Boss ให้ผู้เล่นรวมพลังกันไปฆ่าบอสสุดยาก แต่ระบบนี้กลับต้อง 'ต่อคิว' ที่ทำให้รู้สึกวุ่นวาย และระบบนี้ตอน Early Access ก็ไม่ค่อยเสถียร ทำให้การไปลุย World Boss มันน่าหงุดหงิดมากถ้าเทียบกับเกมอื่นๆ หวังว่าผู้สร้างจะแก้ไขตรงนี้เช่นกัน
ส่วนสุดท้ายที่อยากพูดในด้านเกมเพลย์คือ 'ระบบสกิล' ที่เราพูดไปตอนช่วงต้นแล้ว เนื่องจากระบบนี้มันดูน่าเป็นห่วงมาก เพราะระบบสกิลเกมนี้มันก็ทำมาไม่ซับซ้อน และไม่มีความหลากหลายให้เล่นได้หลายสายยิ่งกว่าของเกมภาค 3 ที่เป็นภาคที่คนมองว่ามันไม่หลากหลายเหมือนตอนภาค 2 โดยระบบนี้จริงๆ มันคือจุดขายของเกมแนวนี้เลย และถ้ามันยิ่งซับซ้อนหรือหลากหลายก็ยิ่งทำให้สาย RPG จะชอบมากๆ ซึ่งข้อดีของความเรียบง่ายคือเกมจะเข้าถึงเกมเมอร์ได้หลายรูปแบบ แต่คนชอบเกม RPG ระดับฮาร์ดคอร์ก็อาจไม่ปลื้มเลย แต่เกมก็จะยังมีระบบที่เรียกว่า Paragon ปลดล็อกตอนเลเวล 50 ที่จะเป็นระบบให้หาแต้มมาอัปสกิลติดตัวไปได้หลายสายคล้ายของเกม Path of Exile ทำให้เราต้องมารอดูระบบนี้ตอนเกมวางขายว่าทำมาดีขนาดไหน นี่จึงเป็นเกมภาคล่าสุดที่น่าเป็นห่วงว่าคนจะไม่ปลื้มเหมือนตอนภาค 3 นั่นเอง
* สกิลหลักมีหลายสกิลต่ออาชีพ แต่มันแบ่งเป็นได้แค่ประมาณ 5 รูปแบบ
แล้วสกิลนึงเล่นได้แค่ประมาณ 2 สาย *
เล่นลื่นๆ แต่แอบกำหมัดนิดๆ
ปี 2023 ถือเป็นยุคที่เกมทั้งกินเสปค และเกมส่วนใหญ่ก็ทำประสิทธิภาพเล่นไม่ลื่นกันเป็นว่าเล่นอย่างมาก ขณะที่เกม Diablo 4 กลับใช้เสปคน้อยมากๆ ระดับคอมเก่าเกิน 5 ปีก็ยังสามารถเล่นได้ลื่นๆ ส่วนผู้เขียนที่ใช้ i5-12400f กับ GTX 3070Ti สามารถปรับภาพสุดเล่นลื่นๆ ไม่มีปัญหาเลย แต่ช่วง Early Access จะมีบั๊กในเรื่อง Texture โหลดไม่ทัน แต่ตรงนี้ผู้เขียนเชื่อว่าตอนเกมเต็มจะแก้ปัญหาได้สบายๆ แถมเกมก็มี Option ให้ปรับภาพกราฟิกได้หลายรูปแบบ และก็รองรับ DLSS หรือ FSR อีกต่างหาก
แต่ถึงด้านเสปคจะเล่นลื่น เกมกลับมีส่วนนึงที่ทำให้รู้สึกว่าแม้เล่นลื่นก็อาจลำบากอยู่ดี เนื่องจากตอนเกมเปิดให้ลองเล่น Early Access ใหม่ๆ จะมีปัญหาต้องมาต่อคิวเข้าเซิร์ฟเวอร์แบบใช้เวลานานมาก ผู้เขียนเห็นบางคนต้องต่อกันเป็นชั่วโมงเลย แต่ตัวผู้เขียนนานสุดจะแค่ 10 นาที แต่หลังจากเกมเปิดไปได้ 1 วันก็เหมือนมีการ Patch ลดปัญหาในเรื่องนี้ และผู้พัฒนาก็แจ้งแล้วว่าตอนเกมวางขายจะมีการแก้ไขเรื่องนี้ด้วย ทำให้หวังว่าตอนเกมวางขายจะไม่มีเรื่องให้กำหมัดเลย
สรุป
Diablo 4 คือเกมที่ถ้าคุณได้ลองเล่นจะต้องประทับใจแน่นอน ไม่ว่าคุณจะชอบเกมแนว RPG หรือไม่ได้สนใจเกมแนวนี้เลยก็ตาม พร้อมกับเกมก็มีเนื้อเรื่องที่น่าประทับใจมากๆ อีก ถึงตรงนี้ก็น่าจะทำให้หลายคนอยากซื้อตัวเกมเต็มมาเล่นแล้ว แต่สำหรับสายฮาร์ดคอร์ ก็คงต้องพูดตามตรงว่าตอนนี้บางคนคงอาจไม่อยากซื้อ ด้วยความที่ระบบสกิลหลักนั้นดูไม่ค่อยเจ๋งหรือหลากหลาย ถ้าเทียบกับเกมคู่แข่งอื่นๆ หรือของเกม Diablo ภาคก่อน ซึ่งก็ต้องรอดูตอนเกมเต็มนู้นเลยว่าหลังเลเวลตันแล้วจะมีระบบสกิลใหม่ๆ หรือมีระบบอะไรทำให้เกมนั้นยอดเยี่ยมในด้านความเป็น RPG ได้เท่าเกมคู่แข่งหรือไม่
ภาพสวย หลายฉากเหมือนดูหนังดาร์กคุณภาพเยี่ยม
เนื้อเรื่องดีมาก น่าจดจำทั้งเควสหลักกับเสริม
อนิเมชั่นดี ทำให้ระบบต่อสู้ลื่นไหลดูสะใจ
เล่นลื่นไม่ค่อยมีปัญหาค้าง คอมเก่าหลายปีก็ยังเล่นไหว
ระบบสกิลไม่ค่อยหลากหลาย และทำได้ไม่เร้าใจ
การผจญภัยบางทีรู้สึกยืดเยื้อ และน่าเบื่อ
กิจกรรมหรือ Event รู้สึกซ้ำซากเกินไป
หลายระบบเรียบง่ายจนไม่สนุกเหมือนภาคก่อนๆ
นับเป็นตำนานเกม Action RPG ภาคใหม่ล่าสุดที่หลายคนจับตามอง เนื่องจากเกมภาคก่อนก็มีอายุมานาน 11 ปี และภาคนี้ก็ยังมีคนคาดหวังว่ามันจะกลับไปยอดเยี่ยมเหมือนตอนภาค 2 รวมทั้งเกมก็จะเปิดให้ลองเล่นได้ฟรีทุกคนแบบ Open Beta ในระหว่างวันที่ 24-26 มีนาคม 2023 แต่ถ้าใครอยากรู้ว่าเกมจะน่ารอเล่นหรือไม่ วันนี้ทางเราก็ขอเล่ามาเล่า Preview ตัวเกม Diablo 4 ที่เพิ่งเปิดให้ลองเล่นแบบ Early Access ในระหว่างวันที่ 17-20 มีนาคม 2023 ที่ผ่านมา!!! รับชมได้ที่ด้านล่างเลยว่าเกมจะดูดี และทำให้คุณอยากรอเล่นช่วง Open Beta หรือซื้อเกมตัวเต็มมาเล่นหรือไม่!
* ตัวเกมช่วง Early Access เหมือน Open Beta ให้เล่นได้ถึงแค่เลเวล 25 *
Diablo 4 คือเกมอะไร
เกมนี้เป็นแนว Isometric Action RPG ผสม Hack & Slash โดยจะให้ผู้เล่นมาถล่มฝูงมอน และเก็บ EXP มาอัปเลเวลเพื่อปลดล็อกสกิลใหม่ๆ พร้อมต้องฟาร์มหาไอเทมอาวุธกับชุดเกราะให้แข็งแกร่งเรื่อยๆ ซึ่งความเจ๋งหรือความสนุกของเกมแนวนี้คือด้านสกิลที่มันต้องหลากหลาย และมีลูกเล่นให้ผู้เล่นปั้นตัวละครได้หลายสาย หรือการที่คอนเทนต์ของเกมจะต้องมีอะไรให้เพลินยาวๆ แม้เนื้อเรื่องจะจบไปแล้ว เพราะงั้นเกมแนวนี้ถ้าจะยอดเยี่ยมก็ขึ้นอยู่กับความเจ๋งของเกมเพลย์ ไม่ต้องเจ๋งมากในด้านเนื้อเรื่องก็ได้นั่นเอง
เนื้อเรื่องดีจัดๆ
อย่างที่บอกไป เกมแนวนี้ไม่จำเป็นต้องทำเนื้อเรื่องออกมาเจ๋งก็ได้ แค่ทำเกมเพลย์ให้ยอดเยี่ยมสุดๆ ก็พอแล้ว แต่เนื้อเรื่องของ Diablo 4 มันกลับทำออกมาได้ดีมาก เกมนี้จะเล่าเรื่องหลังภาค 3 ที่จักรวาลในเกมกลับมาเกือบล่มสลายอีกครั้ง เนื่องจากมีอสูรสุดโหดระดับ Diablo นามว่า Lilith ที่จะหาทางเป็นใหญ่ของโลกนี้ โดยตอนภาค 3 เนื้อเรื่องก็ทำได้ดีน่าติดตามระดับหนึ่ง แต่ของเกมนี้จะถึงขั้นสร้างฉากน่าจดจำได้หลายฉากมาก ไม่ว่าจะทั้งของเควสหลักหรือเควสเสริม แถมถึงแม้เกม Diablo ทั้ง 3 ภาคก่อนจะทำเนื้อเรื่องหรือจักรวาลได้ดูดาร์ก แต่ของภาคนี้มันจะทำออกมาดาร์กได้อารมณ์แบบถึงขั้นสุดๆ เป็นครั้งแรกเลยที่คุณรู้สึกว่าจักรวาลนี้มันน่าหดหู่จริงๆ แล้วช่วงคัทซีนก็ยังมีการเล่นมุมกล้องให้ผู้เล่นรู้สึกว่ามันเล่าได้แบบแปลกใหม่ไปด้วย
* คุณจะได้สวมบทเป็นคนที่มีโอกาสฆ่า Lilith ให้โลกกลับมาสงบสุขได้
แต่ระหว่างทางมันก็จะหดหู่ลำบากมาก จนคุณอาจรู้สึกเลยว่าฉากจบเกมอาจไม่ดีเหมือนภาคก่อนๆ *
* ตัวร้าย Lilith จะโผล่มาให้เห็นตั้งช่วงแรกๆ ของเนื้อเรื่อง โดยจะทำให้คุณรู้สึกจดจำมาก
เพราะเธอไม่ได้มาโชว์เบ่งพลังเฉยๆ แต่จะโชว์ความวายร้ายฉลาดๆ จนบางคนอาจชอบมากกว่าเกลียด *
* แม้คุณจะประทับใจกับเควสเนื้อเรื่องหลัก แต่พวกเควสเสริมเกมนี้ก็ทำออกมาดี
อาจไม่เทพระดับเควสเสริมเกม The Witcher 3 แต่ก็สร้างฉากจดจำได้บ่อยๆ *
อย่างไรก็ตาม เกมช่วง Open Beta จะเล่นได้แค่จบช่วง ACT 1 แต่เกมยังมี ACT อื่นๆ อีกเพียบ ทำให้เราต้องมารอดูเกมตัวเต็มว่าจะออกมาดีไหม แล้วถึงในช่วง Early Access มันทำได้น่าประทับใจจริงๆ ตามที่บอกไป แต่ก็แอบรู้สึกเสียดายอย่างนึงคือ 'ภาคนี้ไม่มีเนื้อเรื่องต่างกันแต่ละอาชีพอีกแล้ว' เพราะตอนของเกมภาค 3 เนื้อเรื่องแต่ละตัวละครหรืออาชีพที่เราเลือกเล่น มันจะมีที่มาที่ไปไม่เหมือนกันด้วย แล้วมันจะส่งผลต่อบทสนทนาหรือเนื้อเรื่องให้พบเจอต่างกันในบางส่วน แต่ของเกมภาคนี้ไม่ว่าตัวละครหรืออาชีพไหนก็จะเหมือนกัน ไม่รู้ว่าเพราะผู้พัฒนาทำไม่ทันหรือเปล่า แต่ก็อย่างที่บอกว่ามันไม่ใช่เกมขายเนื้อเรื่อง ทำได้เท่านี้ตลอดทั้งเกมก็น่าประทับใจแล้ว
ครั้งแรกที่ซีรี่ส์เกมทำบรรยากาศได้เยี่ยม
Diablo ทั้ง 3 ภาคก่อนมักจะถือว่าเป็นเกมที่ 'ทำภาพกราฟิกได้ตกยุค' เพราะอย่างเกมภาค 3 ที่วางขายตอนปี 2012 ก็ถือว่าเรื่องภาพสู้เกมอื่นไม่ได้เลย เนื่องจากเกมก็ใช้เวลาสร้างถึง 11 ปี แต่เกมภาค 4 นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่คุณจะรู้สึกว่า 'มันสวยล้ำหน้ากว่าบางเกมในยุคนี้' ตัวละครต่างๆ รวมถึงตัวผู้เล่นจะดูสมจริง และเป็นธรรมชาติมาก แล้วพวกฉากในเกมก็รายละเอียดเล็กน้อย หรือองค์ประกอบบรรยากาศต่างๆ จนคุณรู้สึกว่ามันสมจริงเหมือนกำลังดูหนังโรงเรื่องนึงอยู่เลย แถมอนิเมชั่นเกมนี้ก็ลื่นไหลพริ้วมาก โดยมันจะทำให้ระบบต่อสู้ดูดีขึ้นไปอีก แถมทำให้กล้าฟันธงได้เลยว่า Engine ของเกมนี้ถือว่ามันเจ๋งกว่าของเกมคู่แข่งอื่นสุดๆ แต่ไอ้ตรงนี้ก็ไม่ได้รับประกันว่าตอนเกมเต็มมันจะทำบรรยากาศได้ดีแบบนี้ตลอด แต่ถ้าทำได้ตลอดก็คือจะดีมากเลย
ภาพหรือฉากในเกมจะให้อารมณ์แบบสไตล์ Gothic ดูดาร์กๆ
ใครที่ชอบบรรยากาศแบบเกมภาคก่อน หรือเกมภาพสไตล์นี้จะถูกใจมากๆ แน่นอน
รายละเอียดเล็กน้อยเกี่ยวกับบรรยากาศนั้นเยอะมากจริงๆ
ยกตัวอย่างเดินบนหิมะก็จะเป็นรอยทำเป็นรูปได้เลย
มาดูเกมเพลย์กันบ้าง
เกมจะเริ่มมาด้วยการให้สร้างตัวละคร โดยเกมนี้มี 5 อาชีพคือ
อย่างไรก็ตาม เกมช่วง Early Access จะไม่มีอาชีพ Necromancer กับ Druid ให้ลองเล่น แต่ช่วง Open Beta จะมีให้ลองเล่นครบทั้ง 5 อาชีพแน่นอน โดยเมื่อเลือกแล้วเราจะได้สร้างตัวละคร และปรับแต่งหน้าตาได้พอสมควร ก่อนที่เราจะได้เข้าสู่จักรวาล Diablo ผจญภัยไปเรื่อยๆ จนเมื่อคุณ 'เลเวลอัป' สิ่งที่คุณจะได้รับคือแต้มไปเลือกอัปสกิลได้จำนวน 1 แต้ม และเมื่อคุณเปิดหน้าระบบสกิลขึ้นมาก็จะพบว่า ว้าว! สกิลมีให้เลือกอัปเยอะแยะไปหมดเลย และหลังจากอัปไประดับนึงจะปลดล็อกสกิลใหม่ๆ อีกจำนวนมากให้เลือกอัปได้อีก ยกตัวอย่างอาชีพจอมโจร Rogue ตอนแรกสุดจะมีให้เลือกอัปสกิลโจมตีด้วยธนู, โจมตีด้วยมีดคู่ หรือโจมตีแบบปามีดเป็นต้น โดยตรงนี้ก็ทำได้ดีตามเกมแนว Action RPG หรือตอนของเกมภาค 3 เลยทีเดียว
* ตัวอย่างช่วงสร้างตัวละคร *
* เกมจะยังมีให้เลือกความยาก 2 รูปแบบ โดยแบบซ้ายจะยากปกติ สามารถผจญภัยเรื่อยๆ แล้วผ่านได้สบาย
แต่อีกอันจะให้คุณต้องวางแผน หรือเลือกอัปสกิลให้ดี ไม่งั้นอาจไม่ผ่านบอสตั้งแต่ตัวแรกเลย *
* อีกส่วนนึงน่าสนใจมากคือเกมมีให้เลือกปรับความซับซ้อนในการผจญภัย
ถ้าอันซ้ายจะทำให้เราไม่หลงตอนทำเควสแต่อันขวาจะทำให้แผนที่มีหมอกมืดมองไม่เห็น
ต้องไปสำรวจเปิดก่อน และบางทีเราอาจหลงไปเจอทางตัน *
หลังจากนั้น เมื่อผู้เล่นผจญภัยไประดับหนึ่งก็จะได้เข้าเมืองใหญ่ที่มีให้พบเจอดังต่อไปนี้
จากด้านบน ตัวเกมช่วง Early Access นั้นจะยังไม่มีให้ลองกินยาพิเศษ เนื่องจากต้องเล่นถึงเลเวลเกิน 25 แต่ว่าระบบพวกนี้นั้นจะทำออกมาให้ใช้งานง่ายมาก และก็ส่งผลไปถึงระบบกระเป๋าเก็บของตัวละครที่จะใช้งานง่ายเหมือนภาค 3 แต่ว่าการที่เราจะรู้ว่าไอเทมชิ้นไหนแข็งแกร่งกว่ากันก็ยังสามารถดูได้ผ่าน 'แต้มคะแนน' ถ้ามันเยอะกว่าก็คือแข็งแกร่งกว่า ไม่จำเป็นต้องดู Stat ไอเทมชิ้นนั้นให้ปวดหัว แต่ตรงนี้ก็อาจเริ่มทำให้ชาวฮาร์ดคอร์ไม่ถูกใจ เพราะจริงๆ เอกลักษณ์ของเกมภาค 2 ก็คือการที่เราต้องจัดกระเป๋าเก็บของให้ดีๆ เนื่องจากภาค 2 ช่องเก็บมันน้อยมาก หรือต้องเช็คว่าไอเทมแต่ละชิ้นจะดีกว่ายังไงนั่นเอง
* ช่องกระเป๋าเก็บของของเกมภาค 4
ทำหน้าต่างใช้งานง่ายมาก *
กลับมาที่ระบบสกิลกันอีกรอบ โดยนอกจากระบบสกิลใช้งานที่มีให้เอาแต้มมาอัปหลังเลเวลขึ้น เกมก็ยังจะมีระบบที่เรียกว่า Expertise ที่ระบบนี้จะต่างกันไปแต่ละอาชีพ ถ้าของอาชีพ Barbarian จะเป็นระบบความชำนาญอาวุธ ให้ผู้เล่นใช้อาวุธชนิดนั้นๆ แล้วจะได้เลเวลอัปอาวุธชนิดนั้นให้แข็งแกร่งขึ้นได้! ส่วนอาชีพ Sorcerer จะเปลี่ยนเป็นระบบให้เอาสกิลกดใช้งานมาแปลงเป็นสกิลติดตัว ยกตัวอย่างสกิลเรียกฟ้าผ่ามาโจมตี ก็จะกลายเป็นสกิลติดตัวสุ่มเรียกฟ้าผ่ามาโจมตีศัตรู ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนให้แต่ละอาชีพมีระบบการเล่นต่างกันมากขึ้นไปอีก แต่ก็ยังมีลูกเล่นต่างกันอีกเพียบเลยนะ ยกตัวอย่าง Barbarian จะพกอาวุธพร้อมกันได้ถึง 3 รูปแบบคืออาวุธคู่, อาวุธ 2 มือเน้นรุนแรง และอาวุธ 2 มือเน้นสมดุล ส่วน Rogue จะพกอาวุธมีดคู่กับธนูได้พร้อมกันเป็นต้น ทำให้ถ้าผู้เล่นมีสกิลที่ล็อกว่าต้องใช้อาวุธชนิดนั้นๆ หลายสกิล ก็ทำให้ผู้เล่นไม่ต้องกดเปลี่ยนอาวุธให้เมื่อยนั่นเอง
* ภาพหน้าต่าง Expertise ของอาชีพ Barbarian
เมื่อช่องไหนเลเวลอัป จะทำให้การใช้อาวุธชนิดนั้นๆ ดีขึ้น *
การผจญภัยในเกมนี้ก็จะให้ผู้เล่นทำไปตามเควส และไปลุยดันเจี้ยนเช่นเคย โดยก็ยังมีดันเจี้ยนให้พบเจอเยอะระหว่างทาง และก็มีกิจกรรมสุ่มมาเซอร์ไพร์สผู้เล่นเหมือนตอนภาค 3 นะ แต่แผนที่ในเกมนี้รวมถึงดันเจี้ยน ผู้เขียนกลับรู้สึกว่ามันมีขนาดยาวใหญ่ แต่กลับทำได้ไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ก่อนที่ผู้เขียนจะลองมาเช็คดูก็พบว่าจริงๆ แล้วแผนที่ดันเจี้ยนในเกมนี้บางทีมันเอาพื้นที่ซ้ำๆ กันมาต่อให้ยาวขึ้นด้วย!!! แล้วพวกกิจกรรมสุ่มก็รู้สึกว่ามันซ้ำซากไปหน่อย ทำให้การผจญภัยในเกมนี้รู้สึกน่าเบื่อมาก ทั้งๆ ที่ตอนเกมภาค 3 มันไม่น่าเบื่อเลย แล้วกิจกรรมสุ่มนานๆ ทีก็โผล่มาอีก ทั้งๆ ที่แผนที่มันใหญ่ยาวมาก ส่งผลให้ตรงนี้ถือว่าสอบไม่ผ่านอย่างแรง หวังว่าตอนเกมเปิดจะมีการแก้ไขตรงนี้ให้ไม่น่าเบื่อ
อีกส่วนนึงที่ต้องพูดถึงคือเกมภาคนี้จะมีความเป็น 'เกมออนไลน์' เพราะผู้เล่นจะเจอกันในเมือง และตอนออกไปผจญภัยก่อนเข้าดันเจี้ยนได้ ทำให้ผู้เล่นที่ไม่ได้อยู่ในปาร์ตี้เดียวกันก็สามารถร่วมมือช่วยกันตีมอน โดยตรงนี้ก็ถือว่าดีมาก เพราะบางทีคนไม่มีเพื่อนก็อาจหาปาร์ตี้ไปช่วยลุยดันเจี้ยนได้ด้วย แต่ปัญหาคือเกมนี้ยังมี World Boss ให้ผู้เล่นรวมพลังกันไปฆ่าบอสสุดยาก แต่ระบบนี้กลับต้อง 'ต่อคิว' ที่ทำให้รู้สึกวุ่นวาย และระบบนี้ตอน Early Access ก็ไม่ค่อยเสถียร ทำให้การไปลุย World Boss มันน่าหงุดหงิดมากถ้าเทียบกับเกมอื่นๆ หวังว่าผู้สร้างจะแก้ไขตรงนี้เช่นกัน
ส่วนสุดท้ายที่อยากพูดในด้านเกมเพลย์คือ 'ระบบสกิล' ที่เราพูดไปตอนช่วงต้นแล้ว เนื่องจากระบบนี้มันดูน่าเป็นห่วงมาก เพราะระบบสกิลเกมนี้มันก็ทำมาไม่ซับซ้อน และไม่มีความหลากหลายให้เล่นได้หลายสายยิ่งกว่าของเกมภาค 3 ที่เป็นภาคที่คนมองว่ามันไม่หลากหลายเหมือนตอนภาค 2 โดยระบบนี้จริงๆ มันคือจุดขายของเกมแนวนี้เลย และถ้ามันยิ่งซับซ้อนหรือหลากหลายก็ยิ่งทำให้สาย RPG จะชอบมากๆ ซึ่งข้อดีของความเรียบง่ายคือเกมจะเข้าถึงเกมเมอร์ได้หลายรูปแบบ แต่คนชอบเกม RPG ระดับฮาร์ดคอร์ก็อาจไม่ปลื้มเลย แต่เกมก็จะยังมีระบบที่เรียกว่า Paragon ปลดล็อกตอนเลเวล 50 ที่จะเป็นระบบให้หาแต้มมาอัปสกิลติดตัวไปได้หลายสายคล้ายของเกม Path of Exile ทำให้เราต้องมารอดูระบบนี้ตอนเกมวางขายว่าทำมาดีขนาดไหน นี่จึงเป็นเกมภาคล่าสุดที่น่าเป็นห่วงว่าคนจะไม่ปลื้มเหมือนตอนภาค 3 นั่นเอง
* สกิลหลักมีหลายสกิลต่ออาชีพ แต่มันแบ่งเป็นได้แค่ประมาณ 5 รูปแบบ
แล้วสกิลนึงเล่นได้แค่ประมาณ 2 สาย *
เล่นลื่นๆ แต่แอบกำหมัดนิดๆ
ปี 2023 ถือเป็นยุคที่เกมทั้งกินเสปค และเกมส่วนใหญ่ก็ทำประสิทธิภาพเล่นไม่ลื่นกันเป็นว่าเล่นอย่างมาก ขณะที่เกม Diablo 4 กลับใช้เสปคน้อยมากๆ ระดับคอมเก่าเกิน 5 ปีก็ยังสามารถเล่นได้ลื่นๆ ส่วนผู้เขียนที่ใช้ i5-12400f กับ GTX 3070Ti สามารถปรับภาพสุดเล่นลื่นๆ ไม่มีปัญหาเลย แต่ช่วง Early Access จะมีบั๊กในเรื่อง Texture โหลดไม่ทัน แต่ตรงนี้ผู้เขียนเชื่อว่าตอนเกมเต็มจะแก้ปัญหาได้สบายๆ แถมเกมก็มี Option ให้ปรับภาพกราฟิกได้หลายรูปแบบ และก็รองรับ DLSS หรือ FSR อีกต่างหาก
แต่ถึงด้านเสปคจะเล่นลื่น เกมกลับมีส่วนนึงที่ทำให้รู้สึกว่าแม้เล่นลื่นก็อาจลำบากอยู่ดี เนื่องจากตอนเกมเปิดให้ลองเล่น Early Access ใหม่ๆ จะมีปัญหาต้องมาต่อคิวเข้าเซิร์ฟเวอร์แบบใช้เวลานานมาก ผู้เขียนเห็นบางคนต้องต่อกันเป็นชั่วโมงเลย แต่ตัวผู้เขียนนานสุดจะแค่ 10 นาที แต่หลังจากเกมเปิดไปได้ 1 วันก็เหมือนมีการ Patch ลดปัญหาในเรื่องนี้ และผู้พัฒนาก็แจ้งแล้วว่าตอนเกมวางขายจะมีการแก้ไขเรื่องนี้ด้วย ทำให้หวังว่าตอนเกมวางขายจะไม่มีเรื่องให้กำหมัดเลย
สรุป
Diablo 4 คือเกมที่ถ้าคุณได้ลองเล่นจะต้องประทับใจแน่นอน ไม่ว่าคุณจะชอบเกมแนว RPG หรือไม่ได้สนใจเกมแนวนี้เลยก็ตาม พร้อมกับเกมก็มีเนื้อเรื่องที่น่าประทับใจมากๆ อีก ถึงตรงนี้ก็น่าจะทำให้หลายคนอยากซื้อตัวเกมเต็มมาเล่นแล้ว แต่สำหรับสายฮาร์ดคอร์ ก็คงต้องพูดตามตรงว่าตอนนี้บางคนคงอาจไม่อยากซื้อ ด้วยความที่ระบบสกิลหลักนั้นดูไม่ค่อยเจ๋งหรือหลากหลาย ถ้าเทียบกับเกมคู่แข่งอื่นๆ หรือของเกม Diablo ภาคก่อน ซึ่งก็ต้องรอดูตอนเกมเต็มนู้นเลยว่าหลังเลเวลตันแล้วจะมีระบบสกิลใหม่ๆ หรือมีระบบอะไรทำให้เกมนั้นยอดเยี่ยมในด้านความเป็น RPG ได้เท่าเกมคู่แข่งหรือไม่