GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
[Beta Review] Call of Duty: Black Ops Cold War คล้ายเดิมเพิ่มเติมคือภาพสวย
ลงวันที่ 22/10/2020

เพิ่งจะมีเปิดให้ทดเล่นไปได้ไม่นานกับเกม Call of Duty: Black Ops Cold War แน่นอนว่าพวกเราทีมงาน GameFever Th เองก็มีโอกาสได้เข้าไปทดลองเล่นในรอบ Open Beta วันที่ 15 - 20 ตุลาคม 2020 มาเช่นกัน โดยต้องขอบอกตรงนี้เลยว่า "เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ " ครับ

จริงๆ ได้ชื่อว่าเป็น Call of Duty ก็การันตีความมันในเรื่องของเกมเพลย์อยู่แล้ว ซึ่งในรอบ Open Beta ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดโหมด Multiplayer ให้ผู้เล่นได้สัมผัสมากมายเลยไม่ว่าจะเป็น Team Deathmatch, Domination, VIP Escort, Kill Confirmed, และอื่นๆ โดยผมจะขอรีวิวให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันในบทความนี้ครับ


กราฟิก / การนำเสนอ

กราฟิกเอาจริงๆ คิดว่าคงไม่ต้องพูดเยอะ เพราะยังไงภาคนี้ก็ถือว่าเป็นเกมที่จะลงให้กับเครื่อง Xbox Series X กับ PS5 อยู่แล้ว ในเรื่องของภาพ และเอฟเฟคเรียกได้ว่าสวยงามเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าเปิด RTX On เวลาวิ่งผ่านน้ำ หรือแสงกระทบกับเหล็กบนตัวปืน ก็ยิงทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างมันสวยสมจริงไปหมดมากขึ้นไปอีก ที่น่าสนใจสุดคือ เกมนี้ไม่ได้กินสเปคมากมายอะไรขนาดนั้นด้วยครับ ด้วยสเปคเครื่องที่ไม่สูงอะไรมากมายการจะเล่นให้ได้ 60 FPS ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ถ้าหากต้องการภาพสุกจัดเต็มด้วย FPS ที่สูงกว่า 144 อันนี้ก็อาจจะต้องมีการ์ดจอที่ดีระดับหนึ่งครับ

ทางด้านการนำเสนอ ภาคนี้จะแตกต่างจาก Call of Duty Modern Warfare ที่วางขายในช่วงปีที่แล้ว ในเรื่องของความสมจริงที่มีมากกว่าครับ ซึ่งสามารถสังเกตในเกมเพลย์เลยยกตัวอย่างเช่น การขว้างระเบิดในภาคนี้ตัวละครเราจะใช้มือซ้ายเพียงข้างเดียวในการขวาง ซึ่งมือขวาจะยังจับปืนแล้วเล็งข้างหน้าอยู่ (ใช้ปากดึกสลักระเบิด) นอกจากนี้เรายังสามารถหยิบระเบิดที่ถูกขวางมา ปากลับไปใส่ศัตรูได้ด้วย

อีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การที่เวลาเรากด Reload ในขณะที่กำลังเข้า Scope ของปืนอยู่ ตัวละครของเราจะใช้มือซ้ายเพียงข้างเดียวในการ Relode ซึ่งในขณะนี้ตัวละครของเราจะไม่ทำการเอาหน้าออกจาก Scope ของปืนเลย นับเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทหารในโลกความจริงน่าจะทำกันครับ องค์ประกอบเหล่านี้มันทำให้รู้สึกว่าทีมพัฒนาได้ใส่ใจในรายละเอียดของการรบจริงอย่างเต็มที่ และมันทำให้ผู้เล่นอย่างเรารู้สึกอินไปกับเกมมากขึ้นไปด้วยครับ


เกมเพลย์

ในเรื่องของเกมเพลย์ ถ้าหากตัดการปาระเบิดใหม่ กับระบบ Reload ใหม่ที่สมจริงมากขึ้นแล้ว โดยรวมระบบเกมเพลย์จะแทบไม่ต่างจาก Call of Duty ภาคก่อนเท่าไหร่ครับ ยังเป็นเกมที่มีจังหวะดวลปืนที่เร็วมากเหมือนเดิม, ยังคงมีจังหวะวิ่งที่ไม่ต่างจากเดิมมากนัก, ยังสามารถวิ่งสไลด์ยิงได้เหมือนเดิม คือถ้าเกิดเคยเล่นเกม COD ภาคก่อนๆ มา ก็ไม่น่าจะต้องปรับตัวมากนัก

ในส่วนของระบบ Loadout ภาคนี้จะใช้ระบบแบบเดียวกับ Call of Duty Modern Warfare คือมี ปืนหลัก, ปืนรอง, Perk สามช่อง, Lethal และ Tactical แต่มีอุปกรณ์ให้เลือกใช้เพิ่มมา 2 ช่องครับ อันแรกเป็นอุปกรณ์พิเศษที่จะมี Cooldown อยู่ที่ 90 - 300 วินาที แล้วแต่ความเก่งของอุปกรณ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะช่วยให้เราสามารถเล่นได้ง่ายขึ้นเช่น กับระเบิด, อุปกรณ์ต่อต้านระเบิดมือ หรือป้อมปืนขนาดเล็ก ส่วนอีกหนึ่งช่องที่ถูกเพิ่มเขามาคือ ช่องความสามารถพิเศษ ที่จะให้ผลแตกต่างกันไป โดยจะทำงานคล้ายๆ กับ Perk เช่นสามารถพกระเบิดได้ 2 ลูก หรือพกอาวุธหลักได้ 2 ชิ้นเป็นต้น


โหมดทั้งหมดที่เปิดให้เล่นในรอบ Open Beta (15 - 20 ตุลาคม 2020)

น่าเสียดายที่ในช่วง Open Beta ไม่สามารถเข้าไปเล่นในโหมดเนื้อเรื่องของเกมได้ เราจึงมีโอกาสได้สัมผัสแค่โหมด Multiplayer เท่านั้น โดยมีทั้งหมด 8 แบบที่สามารถเล่นได้คือ Domination, Hardpoint, Kill Confirm, Control, Team Death Match, VIP Escort, Combined Arms และ Dirty Bomb

Domination, Hardpoint, Kill Confirm, Control, และ Team Death Match จะเป็นโหมดที่มี Objective ง่ายๆ ใช้เวลาทำความเข้าใจไม่นาน สามารถวิ่งเข้าไปบู๊แหลกแบบไม่ต้องคิดอะไรมากมายนัก กลุ่มนี้จะเล่นได้สูงสุดแบบ 6 Vs 6 และตายเกิดได้เรื่อยๆ เกมเพลย์โดยรวมในทั้ง 5 โหมดนี้จะเน้นความมันเอาไว้ก่อน หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือโหมดที่เอาไว้เล่นแก้เบื่อครับ



ส่วน Combined Arms และ Dirty Bomb จะเป็นโหมดที่ตาย และเกิดได้เรื่อยๆ เช่นกัน แต่จะมีจำนวนผู้เล่นสูงสุดมากกว่า 20 คน โดย Combined Arms จะเป็นโหมดที่แบ่งคนออกเป็น 2 ทีมแบบ 12 Vs 12 ซึ่งมี Objective ชนะเป็นยึดจุด ซึ่งเกมเพลย์จะมั่วกว่า 5 โหมดแรกมากๆ แต่ก็มันกว่าเช่นกัน

ส่วน Dirty Bomb จะเป็นโหมดที่แบ่งผู้เล่นออกเป็น 10 ทีม โดยแต่ละทีมจะมีสมาชิก 4 คน แผ่นที่ในโหมดนี้จะมีขนาดใหญ่ ทั้งยังใช้เวลาเล่นค่อนข้างนานมาก และมีเกมเพลย์ใกล้เคียงกับเกม Battle Royale แต่สามารถเกิดใหม่ได้เรื่อยๆ วิธีชนะในโหมดนี้คือเป็นกลุ่มที่มีแต้มสูงที่สุด ซึ่งแต้มสามารถหาได้จากการทำ Objective ในด่าน ซึ่งจุดที่ทำ Objective ได้จะมีเพียง 5 จุดเท่านั้นในด้าน ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ได้ปะทะกับผู้เล่นทีมอื่นอย่างแน่นอนครับ



สุดท้าย VIP Escort ถือว่าเป็นอะไรที่จริงจังมากสุดใน 8 แบบครับ โหมดนี้จะมีความคล้ายกับ โหมดวางระเบิดในเกมอื่นๆ คือ ตายแล้วไม่สามารถเกิดได้ ฝั่งหนึ่งต้องป้องกัน ส่วนอีกฝั่งต้องบุก แต่ต่างกันตรงที่ทีมบุกไม่ได้มีเป้าหมายเป็นการวางระเบิด หากแต่เป็นการนำผู้เล่นที่ถูกเลือกไปยังตำแหน่งเป้าหมายอย่างปลอดภัยครับ ดังนั้นถ้าหากว่าฝั่งป้องกันสามารถฆ่า VIP ได้ เกมก็จะจบลงเลยเช่นกัน


สรุป

โดนรวมแล้วผมคิดว่าเกมเพลย์แบบ Multiplayer ของภาคนี้สนุกดีครับ สิ่งแรกที่อยากชมก่อนเลย คือในเรื่องของความหลากหลาย ที่แม้จะเป็นรอบ Open Beta ก็ยังมีให้เราเลือกเล่นมากมายขนาดนี้ คิดว่าในตอนที่เกมออกน่าจะมีโหมดใหม่ๆ ถูกเพิ่มมาให้เราเล่นอีกด้วยแน่นอน ในส่วนของภาพ และกราฟิกเองก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน เรียกได้ว่าไม่เสียชื่อ "เกมที่จะลงให้กับเครื่องเจนใหม่" เลย

เป็นอย่างไรบ้างครับกับ [Beta Review] Call of Duty: Black Ops Cold War แน่นอนว่าทางเราจะมีการปล่อยรีวิวเต็มๆ ในช่วงที่เกมวางจำหน่ายด้วยอย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนว่าเกมนี้จะได้คะแนนจากเราเท่าไหร่คงต้องไปรอดูในบทความรีวิวตัวเต็มครับ สำหรับวันนี้ผมลาไปก่อนสวัสดีครับ

บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[Beta Review] Call of Duty: Black Ops Cold War คล้ายเดิมเพิ่มเติมคือภาพสวย
22/10/2020

เพิ่งจะมีเปิดให้ทดเล่นไปได้ไม่นานกับเกม Call of Duty: Black Ops Cold War แน่นอนว่าพวกเราทีมงาน GameFever Th เองก็มีโอกาสได้เข้าไปทดลองเล่นในรอบ Open Beta วันที่ 15 - 20 ตุลาคม 2020 มาเช่นกัน โดยต้องขอบอกตรงนี้เลยว่า "เป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ " ครับ

จริงๆ ได้ชื่อว่าเป็น Call of Duty ก็การันตีความมันในเรื่องของเกมเพลย์อยู่แล้ว ซึ่งในรอบ Open Beta ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดโหมด Multiplayer ให้ผู้เล่นได้สัมผัสมากมายเลยไม่ว่าจะเป็น Team Deathmatch, Domination, VIP Escort, Kill Confirmed, และอื่นๆ โดยผมจะขอรีวิวให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันในบทความนี้ครับ


กราฟิก / การนำเสนอ

กราฟิกเอาจริงๆ คิดว่าคงไม่ต้องพูดเยอะ เพราะยังไงภาคนี้ก็ถือว่าเป็นเกมที่จะลงให้กับเครื่อง Xbox Series X กับ PS5 อยู่แล้ว ในเรื่องของภาพ และเอฟเฟคเรียกได้ว่าสวยงามเป็นอย่างมาก ยิ่งถ้าเปิด RTX On เวลาวิ่งผ่านน้ำ หรือแสงกระทบกับเหล็กบนตัวปืน ก็ยิงทำให้รู้สึกว่าทุกอย่างมันสวยสมจริงไปหมดมากขึ้นไปอีก ที่น่าสนใจสุดคือ เกมนี้ไม่ได้กินสเปคมากมายอะไรขนาดนั้นด้วยครับ ด้วยสเปคเครื่องที่ไม่สูงอะไรมากมายการจะเล่นให้ได้ 60 FPS ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ถ้าหากต้องการภาพสุกจัดเต็มด้วย FPS ที่สูงกว่า 144 อันนี้ก็อาจจะต้องมีการ์ดจอที่ดีระดับหนึ่งครับ

ทางด้านการนำเสนอ ภาคนี้จะแตกต่างจาก Call of Duty Modern Warfare ที่วางขายในช่วงปีที่แล้ว ในเรื่องของความสมจริงที่มีมากกว่าครับ ซึ่งสามารถสังเกตในเกมเพลย์เลยยกตัวอย่างเช่น การขว้างระเบิดในภาคนี้ตัวละครเราจะใช้มือซ้ายเพียงข้างเดียวในการขวาง ซึ่งมือขวาจะยังจับปืนแล้วเล็งข้างหน้าอยู่ (ใช้ปากดึกสลักระเบิด) นอกจากนี้เรายังสามารถหยิบระเบิดที่ถูกขวางมา ปากลับไปใส่ศัตรูได้ด้วย

อีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การที่เวลาเรากด Reload ในขณะที่กำลังเข้า Scope ของปืนอยู่ ตัวละครของเราจะใช้มือซ้ายเพียงข้างเดียวในการ Relode ซึ่งในขณะนี้ตัวละครของเราจะไม่ทำการเอาหน้าออกจาก Scope ของปืนเลย นับเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทหารในโลกความจริงน่าจะทำกันครับ องค์ประกอบเหล่านี้มันทำให้รู้สึกว่าทีมพัฒนาได้ใส่ใจในรายละเอียดของการรบจริงอย่างเต็มที่ และมันทำให้ผู้เล่นอย่างเรารู้สึกอินไปกับเกมมากขึ้นไปด้วยครับ


เกมเพลย์

ในเรื่องของเกมเพลย์ ถ้าหากตัดการปาระเบิดใหม่ กับระบบ Reload ใหม่ที่สมจริงมากขึ้นแล้ว โดยรวมระบบเกมเพลย์จะแทบไม่ต่างจาก Call of Duty ภาคก่อนเท่าไหร่ครับ ยังเป็นเกมที่มีจังหวะดวลปืนที่เร็วมากเหมือนเดิม, ยังคงมีจังหวะวิ่งที่ไม่ต่างจากเดิมมากนัก, ยังสามารถวิ่งสไลด์ยิงได้เหมือนเดิม คือถ้าเกิดเคยเล่นเกม COD ภาคก่อนๆ มา ก็ไม่น่าจะต้องปรับตัวมากนัก

ในส่วนของระบบ Loadout ภาคนี้จะใช้ระบบแบบเดียวกับ Call of Duty Modern Warfare คือมี ปืนหลัก, ปืนรอง, Perk สามช่อง, Lethal และ Tactical แต่มีอุปกรณ์ให้เลือกใช้เพิ่มมา 2 ช่องครับ อันแรกเป็นอุปกรณ์พิเศษที่จะมี Cooldown อยู่ที่ 90 - 300 วินาที แล้วแต่ความเก่งของอุปกรณ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะช่วยให้เราสามารถเล่นได้ง่ายขึ้นเช่น กับระเบิด, อุปกรณ์ต่อต้านระเบิดมือ หรือป้อมปืนขนาดเล็ก ส่วนอีกหนึ่งช่องที่ถูกเพิ่มเขามาคือ ช่องความสามารถพิเศษ ที่จะให้ผลแตกต่างกันไป โดยจะทำงานคล้ายๆ กับ Perk เช่นสามารถพกระเบิดได้ 2 ลูก หรือพกอาวุธหลักได้ 2 ชิ้นเป็นต้น


โหมดทั้งหมดที่เปิดให้เล่นในรอบ Open Beta (15 - 20 ตุลาคม 2020)

น่าเสียดายที่ในช่วง Open Beta ไม่สามารถเข้าไปเล่นในโหมดเนื้อเรื่องของเกมได้ เราจึงมีโอกาสได้สัมผัสแค่โหมด Multiplayer เท่านั้น โดยมีทั้งหมด 8 แบบที่สามารถเล่นได้คือ Domination, Hardpoint, Kill Confirm, Control, Team Death Match, VIP Escort, Combined Arms และ Dirty Bomb

Domination, Hardpoint, Kill Confirm, Control, และ Team Death Match จะเป็นโหมดที่มี Objective ง่ายๆ ใช้เวลาทำความเข้าใจไม่นาน สามารถวิ่งเข้าไปบู๊แหลกแบบไม่ต้องคิดอะไรมากมายนัก กลุ่มนี้จะเล่นได้สูงสุดแบบ 6 Vs 6 และตายเกิดได้เรื่อยๆ เกมเพลย์โดยรวมในทั้ง 5 โหมดนี้จะเน้นความมันเอาไว้ก่อน หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆ คือโหมดที่เอาไว้เล่นแก้เบื่อครับ



ส่วน Combined Arms และ Dirty Bomb จะเป็นโหมดที่ตาย และเกิดได้เรื่อยๆ เช่นกัน แต่จะมีจำนวนผู้เล่นสูงสุดมากกว่า 20 คน โดย Combined Arms จะเป็นโหมดที่แบ่งคนออกเป็น 2 ทีมแบบ 12 Vs 12 ซึ่งมี Objective ชนะเป็นยึดจุด ซึ่งเกมเพลย์จะมั่วกว่า 5 โหมดแรกมากๆ แต่ก็มันกว่าเช่นกัน

ส่วน Dirty Bomb จะเป็นโหมดที่แบ่งผู้เล่นออกเป็น 10 ทีม โดยแต่ละทีมจะมีสมาชิก 4 คน แผ่นที่ในโหมดนี้จะมีขนาดใหญ่ ทั้งยังใช้เวลาเล่นค่อนข้างนานมาก และมีเกมเพลย์ใกล้เคียงกับเกม Battle Royale แต่สามารถเกิดใหม่ได้เรื่อยๆ วิธีชนะในโหมดนี้คือเป็นกลุ่มที่มีแต้มสูงที่สุด ซึ่งแต้มสามารถหาได้จากการทำ Objective ในด่าน ซึ่งจุดที่ทำ Objective ได้จะมีเพียง 5 จุดเท่านั้นในด้าน ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ได้ปะทะกับผู้เล่นทีมอื่นอย่างแน่นอนครับ



สุดท้าย VIP Escort ถือว่าเป็นอะไรที่จริงจังมากสุดใน 8 แบบครับ โหมดนี้จะมีความคล้ายกับ โหมดวางระเบิดในเกมอื่นๆ คือ ตายแล้วไม่สามารถเกิดได้ ฝั่งหนึ่งต้องป้องกัน ส่วนอีกฝั่งต้องบุก แต่ต่างกันตรงที่ทีมบุกไม่ได้มีเป้าหมายเป็นการวางระเบิด หากแต่เป็นการนำผู้เล่นที่ถูกเลือกไปยังตำแหน่งเป้าหมายอย่างปลอดภัยครับ ดังนั้นถ้าหากว่าฝั่งป้องกันสามารถฆ่า VIP ได้ เกมก็จะจบลงเลยเช่นกัน


สรุป

โดนรวมแล้วผมคิดว่าเกมเพลย์แบบ Multiplayer ของภาคนี้สนุกดีครับ สิ่งแรกที่อยากชมก่อนเลย คือในเรื่องของความหลากหลาย ที่แม้จะเป็นรอบ Open Beta ก็ยังมีให้เราเลือกเล่นมากมายขนาดนี้ คิดว่าในตอนที่เกมออกน่าจะมีโหมดใหม่ๆ ถูกเพิ่มมาให้เราเล่นอีกด้วยแน่นอน ในส่วนของภาพ และกราฟิกเองก็ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน เรียกได้ว่าไม่เสียชื่อ "เกมที่จะลงให้กับเครื่องเจนใหม่" เลย

เป็นอย่างไรบ้างครับกับ [Beta Review] Call of Duty: Black Ops Cold War แน่นอนว่าทางเราจะมีการปล่อยรีวิวเต็มๆ ในช่วงที่เกมวางจำหน่ายด้วยอย่างแน่นอน ซึ่งในส่วนว่าเกมนี้จะได้คะแนนจากเราเท่าไหร่คงต้องไปรอดูในบทความรีวิวตัวเต็มครับ สำหรับวันนี้ผมลาไปก่อนสวัสดีครับ


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header