หลังจากที่เคยรีวิวเครื่องเล่น Digital Monster Pendulum Z หรือ Digimon Pendulum Z กันมาแล้ว คราวนี้ก็มาถึงคิวของเครื่องเล่นที่ผู้คนต่างรอคอย ( และทางนี้ก็รอคอยเหมือนกัน ) นั้นก็คือ Digital Monster X หรือ Digimon X นั้นเองซึ่งธีมของเครื่องเล่นนี้จะเกี่ยวข้องกับดิจิมอนร่าง X-Antibody โดยมีเนื้อเรื่องเป็นของตัวเองด้วยเช่นกัน ที่สำคัญคือมีภาษาอังกฤษด้วย
บทความนี้จะมาย้อนรอยของเล่นยุค 90 ที่ถูกอัพเกรดจนมีลูกเล่นมากกว่าเดิมอย่าง Digimon X ที่ปัจจุบันได้ถูกอัพเดตเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเข้ามาแล้ว มาดูกันบ้างว่าข้างในมีอะไร และเมนูต่าง ๆ ของตัวเกมมีอะไรกันบ้าง
======================================
นี่คือหน้าตอแพคเกจของเครื่องเล่น Digimon X ซึ่งเป็นกล่องแพคเกจเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ กล่องใหญ่กว่าตัวเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นอีก มีความคลาสิคแบบเด็ก 90 ที่กำลังจะได้จับของเล่นจริง ๆ โดยธีมของเครื่องเล่นนี้คือ Digimon-X อย่างที่กล่าวมา โดยมีเนื้อเรื่องถึงโลกดิจิตอลเซิร์ฟเวอร์หนึ่ง (โลกคู่ขนานของดิจิมอนภาคอนิเมะหลัก) ซึ่งเมื่อโลกดิจิตอลมีประชากรดิจิมอนมากเกินไป ทำให้อิกดราซิลซึ่งเป็นผู้ปกครองเซิร์ฟเวอร์โลกดิจิตอลแห่งนี้ทำการปล่อยไวรัส X เพื่อลดประชากรจำนวนดิจิมอน แต่ว่าทำให้ดิจิมอนเกือบสูญพันธุ์และพวกที่เหลือรอดก็ได้กลายพันธุ์ทำให้แข็งแกร่งขึ้นจนมีชื่อเรียกเล่นว่า X-Antibody ทำให้อิกดราซิลสั่งให้อัศวินทั้ง 12 นำโดย Omegamon X (อัศวินทั้ง 12 จะได้รับ X-Antibody จากอิกดราซิลโดยตรง) เข้าไปกวาดล้างพวกกลายพันธุ์นี้ให้สิ้น แต่ว่าก็ทำให้เกิดความเคลือบแคลนสงสัยนำมาสู่จะเปลี่ยนของสงครามในที่สุด โดยปัจจุบันเนื้อเรื่องของดิจิมอนภาคนี้ ยังดำเนินต่อไปในรูปแบบนิยายและมังงะสั้นในชื่อ X Chronicle อาจจะหาดูหาอ่านยากหน่อย
แพคเกจด้านหลังก็บอกถึงฟีเจอร์ในการเล่นทั้งสามภาษา มีอังกฤษ, ฝรั่งเศสและสเปน
ภายในแพคเกจเมื่อแกะกล่องออกมาก็พบกับ....อื้อหือ กล่องใหญ่แต่ไซส์ของเล่นนิดเดียว โดยจะมีตัวเครื่องเล่น Digimon X พร้อมกับตัวห้อยกุญแจและคู่มือการเล่นสามภาษา อังกฤษ, ฝรั่งเศสและสเปน เหมือนเช่นกัน โดยจะมีความแตกต่างจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่นคือ ไม่มีแถมมังงะสั้นให้อ่าน ซึ่งเป็นอะไรที่เสียดายมาก น่าจะแถมมานะสำหรับสายเก็บเนื้อเรื่องอย่างเรา...
ส่วนเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะมีทั้งหมด 4 สีนั้นก็คือ ดำ-แดง, ม่วง-แดง, ขาว-น้ำเงิน และ เขียว-น้ำเงิน ซึ่งทางนี้ได้ซื้อสีม่วง-แดง และเขียว-น้ำเงินมา เพราะทั้งสองเวอร์ชั่นนี้จะมีดิจิมอนให้เลี้ยงที่แตกต่างกัน ส่วนดำ-แดง และ ขาว-น้ำเงินก็ไม่ได้ต่างกันนักนอกจากสี และทางนี้ชอบสีม่วงและสีเขียวมากกว่า
เวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่มักมีปัญหาสีตัว X หลุดลอกง่าย ก็ได้รับการแก้ไขในเวอร์ชั่นอังกฤษด้วยการเคลือบสีทำให้หลุดล่อนออกยากมาก เอาเล็บขูดยังไม่ออกเลย ( แต่ไม่แนะนำให้ทำนะหากใครคิดจะซื้อมา มันคือการทดลองเฉย ๆ )
สภาพด้านหลังเครื่อง โดยตัวเครื่องใช้ถ่านกระดุมแบบ CR2032 ซึ่งแถมมาให้ในเครื่อง ซึ่งตัวถ่านมีอายุการใช้งานร่วมเดือน หากถ่านหมด ก็สามารถหาได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป
อันนี้คือมุมมองจากด้านบนเครื่อง ยังคงใช้ขั่ว Connection แบบ 2 หัวเหมือนเครื่อง Digimon ยุคแรก ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง
เอาล่ะ การแกะเครื่องมาชมกันก็หมดแล้ว ก็มาถึงส่วนการรีวิวฟีเจอร์และเมนูต่าง ๆ ภายในเครื่องเล่น Digimon X กันบ้าง
รีวิวรอบนี้จะขอโชว์เมนูและฟีเจอร์ต่าง ๆ เพียงเครื่องเดียวเพราะว่ามันเหมือนกันทุกประกาศ ต่างกันแค่ดิจิมอนที่เลี้ยง โดยรวม ๆ จะมีดิจิมอนในเครื่องรวมกันเกือบ 100 ตัวเลยทีเดียว แต่เลี้ยงได้จริง ๆ นั้น ไม่ถึง 40 ตัว ส่วนที่เหลือคือจะเจอในเมนู Battle ซึ่งจะกล่าวในส่วนต่อไป
ปุ่มต่าง ๆ ภายในเครื่องจะมี 4 ปุ่มดังนี้
ฟังก์ชั่นปุ่มต่าง ๆ ที่ควรรู้
เมนูแรก Status สามารถเข้าไปดูชื่อดิจิมอนที่เราเลี้ยง ( ในภาพคือ Sakuyamon X หรือซาคุยะมันจากอนิเมะดิจิมอนภาค Taimer หากใครเคยดูล่ะนะ ) รวมถึงเช็คค่าสถานะความหิว, ความแข็งแรง, ความพยายาม, น้ำหนัก, อายุ และร่างที่พัฒนารวมถึงเลเวลดิจิมอนด้วย ( เครื่อง Digimon X มีเลเวลให้เก็บนะเออ )
เมนูที่สองคือ Food เป็นเมนูที่เราจะเพิ่มค่าความหิวและความแข็งแรงให้เต็มได้ด้วยเมนูนี้ เราสามารถป้อนเนื้อหรือวิตามินได้ นอกเหนือจากนี้ ยังสามารถให้ไอเท็มพิเศษที่หาได้จากเมนู Battle เพื่อเพิ่มสถานะพิเศษชั่วคราวได้อีกด้วย แต่อย่าให้ดิจิมอนกินเยอะจนน้ำหนักเกิน 99 g ล่ะ ไม่เช่นนั้นพวกมันจะติดสถานะป่วยได้
หากอยากเพิ่มค่าความแข็งแรงโดยไม่อยากเพิ่มน้ำหนักด้วย ก็ขอแนะนำเมนู Training ซึ่งจะมีสองรูปแบบก็คือ Normal ฝึกแบบปกติ และแบบ Excite ซึ่งทั้งสองแบบจะช่วยลดน้ำหนักดิจิมอน, เพิ่มค่าความแข็งแรง และยังเพิ่มค่าความพยายามอีกด้วย โดยแบบ Excite จะเพิ่มค่าความพยายามได้สูงกว่า
โดยรูปแบบการฝึกนั้น เราจะต้องกดปุ่ม B เพื่อให้เข็มนั้นชี้ไปที่เกจที่พุ่งขึ้นสูงที่สุด โดยความเร็วของเข็มนั้นจะขึ้นอยู่กับค่า XAI หรือ X-Antibody Indicator หรือพูดง่าย ๆ มันคือระบบทอยลูกเต๋าที่จะถูกสุ่มเมื่อหลังดิจิมอนตื่นนอน ถ้าได้ค่ายิ่งสูง เกจวิ่งก็จะวิ่งช้าลงให้กดง่าย ส่งผลทำให้การฝึกฝนเพิ่มค่าความพยายามนั้นไวขึ้น และระบบ XAI จะส่งผลต่อเมนู Battle ด้วย เพราะมันใช้ระบบเดียวกันนั้นเอง
และนี่คือเมนู Battle ขอพูดง่าย ๆ ว่าโหมดตะลุยด่าน จะมีการ Battle อยู่สองรูปแบบคือ แบบแรกจะเป็นการตะลุยด่านปกติ โดยจะมีด่านให้เล่นถึง 30 + 1 ด่าน และแต่ละด่านจะเจอศัตรูเฉลี่ย 3 ถึง 7 ตัวด้วยกัน การเอาชนะบอสในด่านต่าง ๆ ได้สำเร็จ ก็จะมีผลต่อการพัฒนาร่างของดิจิมอนเราด้วย ส่วนอีกหนึ่งด่านพิเศษ ต้องเอาเครื่อง Digimon X รุ่นเดียวกันอีกครั้ง โดยต้องเอาเครื่องที่มีรูปตัว X สีแดง และตัว X สีน้ำเงินมาเชื่อมต่อให้มาต่อสู้กันเท่านั้น อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ก็จะเป็นการปลดล็อคด่านพิเศษให้เราไปพิชิตได้ทันที
ส่วนการ Battle อีกรูปแบบคือ การเจอศัตรูแบบสุ่ม หลังดิจิมอนตื่นนอน ระบบ XAI หรือระบบลูกเต๋าจะให้เราสุ่ม ซึ่งถ้าสุ่มได้คะแนนเยอะ ก็มีโอกาสเจอศัตรูบ่อย แต่ถ้าสุ่มได้หนึ่ง ก็แทบไม่มีโอกาสได้เจอเลย แต่ว่าไม่ว่าจะสุ่มได้เลขอะไร อย่างน้อย ๆ ก็มีโอกาสได้ไอเท็มแบบสุ่มเช่นกัน
ซึ้งทั้งสองอย่าง การชนะศัตรูจะได้ EXP ไว้อัพเลเวลดิจิมอนให้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย โดยเลเวลสูงสุดอยู่ที่เลเวล 10 ซึ่งจะต้องเป็นดิจิมอนร่างสุดยอดหรือร่าง Mega เสียก่อน
เมนู Flush หรือเมนูล้างห้องน้ำ ซึ่งเมนูนี้ไม่มีอะไรมาก หากดิจิมอนเราเบ่งอุนจิออกมาก็ใช้เมนูนี้ทำความสะอาดเสียเพื่อสุขลักษณะที่ดีของดิจิมอนคุณเอง
เมนู Light จะเป็นการเปิดปิดไฟให้กับดิจิมอน หากดิจิมอนเริ่มง่วงนอน ก็ให้เราเข้าเมนูนี้เพื่อทำการปิดไฟให้ดิจิมอนหลับสบาย แต่หากกดปิดไฟตอนดิจิมอนยังตื่นอยู่ จะเป็นการเข้าสู่สถานะ Freeze Mode แทน ซึ่งนั้นก็คือการแช่แข็งดิจิมอน กรณีช่วงไหนเรายังไม่สะดวกเล่นเนื่องจากติดธุระ และมไ่มีเวลาดูแล ก็สามารถใช้ Freeze Mode นี้ได้เลย
เมนู Cure หรือการรักษา หากกรณีดิจิมอนเราเจ็บป่วยจากการไม่เก็บอุนจิจนเต็มจอหรือกินข้าวจนน้ำหนักตัวเกิน ก็จะเข้าสู่สถานะเจ็บป่วยหรือการต่อสู้แพ้มาก็มีโอกาสบาดเจ็บ จึงต้องรักษาดิจิมอนให้ตรงตามอาการว่า เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บมา สังเกตุได้จาก หากมีสถานะจุดสามสุด แสดงว่าป่วย แต่หากมีรูปหัวกะโหลก แสดงว่าบาดเจ็บมา หากไม่รักษาหรือปล่อยทิ้งไว้ 6 ชั่วโมงขึ้นไป ดิจิมอนก็จะตาย
เมนู Library รูปหนังสือ จะเป็นการเข้าไปเพื่อ Back up ดิจิมอน และเลือกเล่นดิจิมอนตัวใหม่ โดยสามารถเก็บได้สูงสุดสามตัวภายในเครื่อง แต่ออกมาเล่นได้ทีละตัว ส่วน Library ก็จะเป็นการเก็บข้อมูลดิจิมอนที่เราพบเจอในเครื่อง ส่วนเมนูย่อยอีกอันคือ Record ซึ่งเป็นการบันทึกสถิติว่าแพ้ชนะกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว
เมนู Connect ซึ่งจะเป็นการเอา Digimon อีกเครื่องมาต่อกันเพื่อทำการต่อสู้ระหว่างเครื่อง โดยจะมีสองโหมดคือ โหมด X ซึ่งไว้สู้กับเครื่อง Digimon X ด้วยกัน หรือโหมด Other ไว้ต่อสู้กับเครื่องเล่นดิจิมอนหรือ Digivice รุ่นอื่น ๆ ที่รองรับได้
เมนูสุดท้ายคือ Notification หรือการแจ้งเตือน หากดิจิมอนเราหิว, หมดแรงหรือง่วงนอน สถานะมุมล่างขวานี้จะแสดงออกมาพร้อมส่งเสียง ซึ่งหากเราไม่จัดการให้ไวจนสัญลักษณ์นี้หายไปเอง ก็จะได้รับสถานะ Care Mistake หรือดูแลไม่ดี 1 ครั้ง โดยจะมีผลต่อการพัฒนาร่างของดิจิมอนอีกด้วย
======================================
ทั้งหมดนี้คือการแกะกล่องและรีวิวฟีเจอร์ของเครื่องเล่น Digimon X เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ซึ่งพูดตรง ๆ ว่ามันคือการอัพเดตของเล่นให้มีลูกเล่นอะไรมากขึ้น เลี้ยงง่ายขึ้น และใช้เวลาในการพัฒนาร่างไวขึ้น แถมมี Freeze Mode เหมือนรู้ใจวัยทำงานอย่างเราที่ไม่ค่อยว่างแต่ก็ยังอยากเป็น เด็ก ( โข่ง ) ที่ถูกเลือก แม้ว่ามันจะดูง่าย แต่ว่าก้มีความท้าท้ายในการทำเงื่อนไขการพัฒนาร่างอยู่โดยเฉพาะเมนู Battle ซึ่งไม่ยากไม่ง่ายเกินไป ทำให้รู้สึกมีเป้าหมายในการเลี้ยงดูและพัฒนาดิจิมอนให้เติบโตในแบบที่เราต้องการได้
สรุปคือสนุกและเล่นเพลิน เหมาะสำหรับคนรัก Digimon หรือที่คอนโดนเขาไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ ก็เลี้ยงเจ้า Digimon X นี้แทนได้ ตอนนี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าออนไลน์ ราคาอยู่ที่หลักพักต้น ๆ เท่านั้นต่อเครื่อง ซึ่งราคาอาจจะดูสูงไปนิด แต่สำหรับคนรัก Digimon ถือว่าคุ้มค่ามากเลยล่ะ! หากมีโอกาส จะรีวิวโหมด Online ให้ชมกันนะ!
หลังจากที่เคยรีวิวเครื่องเล่น Digital Monster Pendulum Z หรือ Digimon Pendulum Z กันมาแล้ว คราวนี้ก็มาถึงคิวของเครื่องเล่นที่ผู้คนต่างรอคอย ( และทางนี้ก็รอคอยเหมือนกัน ) นั้นก็คือ Digital Monster X หรือ Digimon X นั้นเองซึ่งธีมของเครื่องเล่นนี้จะเกี่ยวข้องกับดิจิมอนร่าง X-Antibody โดยมีเนื้อเรื่องเป็นของตัวเองด้วยเช่นกัน ที่สำคัญคือมีภาษาอังกฤษด้วย
บทความนี้จะมาย้อนรอยของเล่นยุค 90 ที่ถูกอัพเกรดจนมีลูกเล่นมากกว่าเดิมอย่าง Digimon X ที่ปัจจุบันได้ถูกอัพเดตเป็นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษเข้ามาแล้ว มาดูกันบ้างว่าข้างในมีอะไร และเมนูต่าง ๆ ของตัวเกมมีอะไรกันบ้าง
======================================
นี่คือหน้าตอแพคเกจของเครื่องเล่น Digimon X ซึ่งเป็นกล่องแพคเกจเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ กล่องใหญ่กว่าตัวเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นอีก มีความคลาสิคแบบเด็ก 90 ที่กำลังจะได้จับของเล่นจริง ๆ โดยธีมของเครื่องเล่นนี้คือ Digimon-X อย่างที่กล่าวมา โดยมีเนื้อเรื่องถึงโลกดิจิตอลเซิร์ฟเวอร์หนึ่ง (โลกคู่ขนานของดิจิมอนภาคอนิเมะหลัก) ซึ่งเมื่อโลกดิจิตอลมีประชากรดิจิมอนมากเกินไป ทำให้อิกดราซิลซึ่งเป็นผู้ปกครองเซิร์ฟเวอร์โลกดิจิตอลแห่งนี้ทำการปล่อยไวรัส X เพื่อลดประชากรจำนวนดิจิมอน แต่ว่าทำให้ดิจิมอนเกือบสูญพันธุ์และพวกที่เหลือรอดก็ได้กลายพันธุ์ทำให้แข็งแกร่งขึ้นจนมีชื่อเรียกเล่นว่า X-Antibody ทำให้อิกดราซิลสั่งให้อัศวินทั้ง 12 นำโดย Omegamon X (อัศวินทั้ง 12 จะได้รับ X-Antibody จากอิกดราซิลโดยตรง) เข้าไปกวาดล้างพวกกลายพันธุ์นี้ให้สิ้น แต่ว่าก็ทำให้เกิดความเคลือบแคลนสงสัยนำมาสู่จะเปลี่ยนของสงครามในที่สุด โดยปัจจุบันเนื้อเรื่องของดิจิมอนภาคนี้ ยังดำเนินต่อไปในรูปแบบนิยายและมังงะสั้นในชื่อ X Chronicle อาจจะหาดูหาอ่านยากหน่อย
แพคเกจด้านหลังก็บอกถึงฟีเจอร์ในการเล่นทั้งสามภาษา มีอังกฤษ, ฝรั่งเศสและสเปน
ภายในแพคเกจเมื่อแกะกล่องออกมาก็พบกับ....อื้อหือ กล่องใหญ่แต่ไซส์ของเล่นนิดเดียว โดยจะมีตัวเครื่องเล่น Digimon X พร้อมกับตัวห้อยกุญแจและคู่มือการเล่นสามภาษา อังกฤษ, ฝรั่งเศสและสเปน เหมือนเช่นกัน โดยจะมีความแตกต่างจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่นคือ ไม่มีแถมมังงะสั้นให้อ่าน ซึ่งเป็นอะไรที่เสียดายมาก น่าจะแถมมานะสำหรับสายเก็บเนื้อเรื่องอย่างเรา...
ส่วนเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษจะมีทั้งหมด 4 สีนั้นก็คือ ดำ-แดง, ม่วง-แดง, ขาว-น้ำเงิน และ เขียว-น้ำเงิน ซึ่งทางนี้ได้ซื้อสีม่วง-แดง และเขียว-น้ำเงินมา เพราะทั้งสองเวอร์ชั่นนี้จะมีดิจิมอนให้เลี้ยงที่แตกต่างกัน ส่วนดำ-แดง และ ขาว-น้ำเงินก็ไม่ได้ต่างกันนักนอกจากสี และทางนี้ชอบสีม่วงและสีเขียวมากกว่า
เวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่มักมีปัญหาสีตัว X หลุดลอกง่าย ก็ได้รับการแก้ไขในเวอร์ชั่นอังกฤษด้วยการเคลือบสีทำให้หลุดล่อนออกยากมาก เอาเล็บขูดยังไม่ออกเลย ( แต่ไม่แนะนำให้ทำนะหากใครคิดจะซื้อมา มันคือการทดลองเฉย ๆ )
สภาพด้านหลังเครื่อง โดยตัวเครื่องใช้ถ่านกระดุมแบบ CR2032 ซึ่งแถมมาให้ในเครื่อง ซึ่งตัวถ่านมีอายุการใช้งานร่วมเดือน หากถ่านหมด ก็สามารถหาได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป
อันนี้คือมุมมองจากด้านบนเครื่อง ยังคงใช้ขั่ว Connection แบบ 2 หัวเหมือนเครื่อง Digimon ยุคแรก ๆ ไม่เปลี่ยนแปลง
เอาล่ะ การแกะเครื่องมาชมกันก็หมดแล้ว ก็มาถึงส่วนการรีวิวฟีเจอร์และเมนูต่าง ๆ ภายในเครื่องเล่น Digimon X กันบ้าง
รีวิวรอบนี้จะขอโชว์เมนูและฟีเจอร์ต่าง ๆ เพียงเครื่องเดียวเพราะว่ามันเหมือนกันทุกประกาศ ต่างกันแค่ดิจิมอนที่เลี้ยง โดยรวม ๆ จะมีดิจิมอนในเครื่องรวมกันเกือบ 100 ตัวเลยทีเดียว แต่เลี้ยงได้จริง ๆ นั้น ไม่ถึง 40 ตัว ส่วนที่เหลือคือจะเจอในเมนู Battle ซึ่งจะกล่าวในส่วนต่อไป
ปุ่มต่าง ๆ ภายในเครื่องจะมี 4 ปุ่มดังนี้
ฟังก์ชั่นปุ่มต่าง ๆ ที่ควรรู้
เมนูแรก Status สามารถเข้าไปดูชื่อดิจิมอนที่เราเลี้ยง ( ในภาพคือ Sakuyamon X หรือซาคุยะมันจากอนิเมะดิจิมอนภาค Taimer หากใครเคยดูล่ะนะ ) รวมถึงเช็คค่าสถานะความหิว, ความแข็งแรง, ความพยายาม, น้ำหนัก, อายุ และร่างที่พัฒนารวมถึงเลเวลดิจิมอนด้วย ( เครื่อง Digimon X มีเลเวลให้เก็บนะเออ )
เมนูที่สองคือ Food เป็นเมนูที่เราจะเพิ่มค่าความหิวและความแข็งแรงให้เต็มได้ด้วยเมนูนี้ เราสามารถป้อนเนื้อหรือวิตามินได้ นอกเหนือจากนี้ ยังสามารถให้ไอเท็มพิเศษที่หาได้จากเมนู Battle เพื่อเพิ่มสถานะพิเศษชั่วคราวได้อีกด้วย แต่อย่าให้ดิจิมอนกินเยอะจนน้ำหนักเกิน 99 g ล่ะ ไม่เช่นนั้นพวกมันจะติดสถานะป่วยได้
หากอยากเพิ่มค่าความแข็งแรงโดยไม่อยากเพิ่มน้ำหนักด้วย ก็ขอแนะนำเมนู Training ซึ่งจะมีสองรูปแบบก็คือ Normal ฝึกแบบปกติ และแบบ Excite ซึ่งทั้งสองแบบจะช่วยลดน้ำหนักดิจิมอน, เพิ่มค่าความแข็งแรง และยังเพิ่มค่าความพยายามอีกด้วย โดยแบบ Excite จะเพิ่มค่าความพยายามได้สูงกว่า
โดยรูปแบบการฝึกนั้น เราจะต้องกดปุ่ม B เพื่อให้เข็มนั้นชี้ไปที่เกจที่พุ่งขึ้นสูงที่สุด โดยความเร็วของเข็มนั้นจะขึ้นอยู่กับค่า XAI หรือ X-Antibody Indicator หรือพูดง่าย ๆ มันคือระบบทอยลูกเต๋าที่จะถูกสุ่มเมื่อหลังดิจิมอนตื่นนอน ถ้าได้ค่ายิ่งสูง เกจวิ่งก็จะวิ่งช้าลงให้กดง่าย ส่งผลทำให้การฝึกฝนเพิ่มค่าความพยายามนั้นไวขึ้น และระบบ XAI จะส่งผลต่อเมนู Battle ด้วย เพราะมันใช้ระบบเดียวกันนั้นเอง
และนี่คือเมนู Battle ขอพูดง่าย ๆ ว่าโหมดตะลุยด่าน จะมีการ Battle อยู่สองรูปแบบคือ แบบแรกจะเป็นการตะลุยด่านปกติ โดยจะมีด่านให้เล่นถึง 30 + 1 ด่าน และแต่ละด่านจะเจอศัตรูเฉลี่ย 3 ถึง 7 ตัวด้วยกัน การเอาชนะบอสในด่านต่าง ๆ ได้สำเร็จ ก็จะมีผลต่อการพัฒนาร่างของดิจิมอนเราด้วย ส่วนอีกหนึ่งด่านพิเศษ ต้องเอาเครื่อง Digimon X รุ่นเดียวกันอีกครั้ง โดยต้องเอาเครื่องที่มีรูปตัว X สีแดง และตัว X สีน้ำเงินมาเชื่อมต่อให้มาต่อสู้กันเท่านั้น อย่างน้อยหนึ่งครั้ง ก็จะเป็นการปลดล็อคด่านพิเศษให้เราไปพิชิตได้ทันที
ส่วนการ Battle อีกรูปแบบคือ การเจอศัตรูแบบสุ่ม หลังดิจิมอนตื่นนอน ระบบ XAI หรือระบบลูกเต๋าจะให้เราสุ่ม ซึ่งถ้าสุ่มได้คะแนนเยอะ ก็มีโอกาสเจอศัตรูบ่อย แต่ถ้าสุ่มได้หนึ่ง ก็แทบไม่มีโอกาสได้เจอเลย แต่ว่าไม่ว่าจะสุ่มได้เลขอะไร อย่างน้อย ๆ ก็มีโอกาสได้ไอเท็มแบบสุ่มเช่นกัน
ซึ้งทั้งสองอย่าง การชนะศัตรูจะได้ EXP ไว้อัพเลเวลดิจิมอนให้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย โดยเลเวลสูงสุดอยู่ที่เลเวล 10 ซึ่งจะต้องเป็นดิจิมอนร่างสุดยอดหรือร่าง Mega เสียก่อน
เมนู Flush หรือเมนูล้างห้องน้ำ ซึ่งเมนูนี้ไม่มีอะไรมาก หากดิจิมอนเราเบ่งอุนจิออกมาก็ใช้เมนูนี้ทำความสะอาดเสียเพื่อสุขลักษณะที่ดีของดิจิมอนคุณเอง
เมนู Light จะเป็นการเปิดปิดไฟให้กับดิจิมอน หากดิจิมอนเริ่มง่วงนอน ก็ให้เราเข้าเมนูนี้เพื่อทำการปิดไฟให้ดิจิมอนหลับสบาย แต่หากกดปิดไฟตอนดิจิมอนยังตื่นอยู่ จะเป็นการเข้าสู่สถานะ Freeze Mode แทน ซึ่งนั้นก็คือการแช่แข็งดิจิมอน กรณีช่วงไหนเรายังไม่สะดวกเล่นเนื่องจากติดธุระ และมไ่มีเวลาดูแล ก็สามารถใช้ Freeze Mode นี้ได้เลย
เมนู Cure หรือการรักษา หากกรณีดิจิมอนเราเจ็บป่วยจากการไม่เก็บอุนจิจนเต็มจอหรือกินข้าวจนน้ำหนักตัวเกิน ก็จะเข้าสู่สถานะเจ็บป่วยหรือการต่อสู้แพ้มาก็มีโอกาสบาดเจ็บ จึงต้องรักษาดิจิมอนให้ตรงตามอาการว่า เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บมา สังเกตุได้จาก หากมีสถานะจุดสามสุด แสดงว่าป่วย แต่หากมีรูปหัวกะโหลก แสดงว่าบาดเจ็บมา หากไม่รักษาหรือปล่อยทิ้งไว้ 6 ชั่วโมงขึ้นไป ดิจิมอนก็จะตาย
เมนู Library รูปหนังสือ จะเป็นการเข้าไปเพื่อ Back up ดิจิมอน และเลือกเล่นดิจิมอนตัวใหม่ โดยสามารถเก็บได้สูงสุดสามตัวภายในเครื่อง แต่ออกมาเล่นได้ทีละตัว ส่วน Library ก็จะเป็นการเก็บข้อมูลดิจิมอนที่เราพบเจอในเครื่อง ส่วนเมนูย่อยอีกอันคือ Record ซึ่งเป็นการบันทึกสถิติว่าแพ้ชนะกี่เปอร์เซ็นต์แล้ว
เมนู Connect ซึ่งจะเป็นการเอา Digimon อีกเครื่องมาต่อกันเพื่อทำการต่อสู้ระหว่างเครื่อง โดยจะมีสองโหมดคือ โหมด X ซึ่งไว้สู้กับเครื่อง Digimon X ด้วยกัน หรือโหมด Other ไว้ต่อสู้กับเครื่องเล่นดิจิมอนหรือ Digivice รุ่นอื่น ๆ ที่รองรับได้
เมนูสุดท้ายคือ Notification หรือการแจ้งเตือน หากดิจิมอนเราหิว, หมดแรงหรือง่วงนอน สถานะมุมล่างขวานี้จะแสดงออกมาพร้อมส่งเสียง ซึ่งหากเราไม่จัดการให้ไวจนสัญลักษณ์นี้หายไปเอง ก็จะได้รับสถานะ Care Mistake หรือดูแลไม่ดี 1 ครั้ง โดยจะมีผลต่อการพัฒนาร่างของดิจิมอนอีกด้วย
======================================
ทั้งหมดนี้คือการแกะกล่องและรีวิวฟีเจอร์ของเครื่องเล่น Digimon X เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ ซึ่งพูดตรง ๆ ว่ามันคือการอัพเดตของเล่นให้มีลูกเล่นอะไรมากขึ้น เลี้ยงง่ายขึ้น และใช้เวลาในการพัฒนาร่างไวขึ้น แถมมี Freeze Mode เหมือนรู้ใจวัยทำงานอย่างเราที่ไม่ค่อยว่างแต่ก็ยังอยากเป็น เด็ก ( โข่ง ) ที่ถูกเลือก แม้ว่ามันจะดูง่าย แต่ว่าก้มีความท้าท้ายในการทำเงื่อนไขการพัฒนาร่างอยู่โดยเฉพาะเมนู Battle ซึ่งไม่ยากไม่ง่ายเกินไป ทำให้รู้สึกมีเป้าหมายในการเลี้ยงดูและพัฒนาดิจิมอนให้เติบโตในแบบที่เราต้องการได้
สรุปคือสนุกและเล่นเพลิน เหมาะสำหรับคนรัก Digimon หรือที่คอนโดนเขาไม่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ ก็เลี้ยงเจ้า Digimon X นี้แทนได้ ตอนนี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านค้าออนไลน์ ราคาอยู่ที่หลักพักต้น ๆ เท่านั้นต่อเครื่อง ซึ่งราคาอาจจะดูสูงไปนิด แต่สำหรับคนรัก Digimon ถือว่าคุ้มค่ามากเลยล่ะ! หากมีโอกาส จะรีวิวโหมด Online ให้ชมกันนะ!