ตั้งแต่ก่อนพวกสื่อบันเทิงจากแดนปลาดิบมักจะเป็นมังงะนำหน้ามาเสมอ ก่อนจะต่อยอดเป็นสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอนิเมะ ละครเวที ภาพยนตร์ฉบับคนแสดง หรือแม้กระทั่งเกมที่ตัวละครออกมาโลดแล่นและบังคับได้โดยมือของพวกเขาเอง นั่นจึงเป็นสิ่งที่เหล่าบริษัทต่าง ๆ สามารถใช้มันในการหาผลกำไรเพื่อพัฒนาตนเองตามปกติของคำว่า 'มันก็เป็นแค่ธุรกิจ'
แต่มันจะมีเสียสักกี่เกมกันที่จะประสบความสำเร็จและไม่โดนรุมทึ้งจากผู้บริโภค ซึ่งขอบอกตรง ๆ ว่ามันน้อยมากเพราะมันไม่ได้เป็นที่ตัวเกมอย่างเดียวที่ดีหรือไม่ดี แต่มันมี 'ความคาดหวัง' ของแฟนอนิเมะด้วย พื้นฐานของคำว่าเกมนี้คุ้มค่ามันจึงสูงมาก ไม่ต่างจากอนิเมะดาบพิฆาตอสูรนี้เช่นกัน
ใช่แล้ว Kimetsu no Yaiba หรือ ดาบพิฆาตอสูร ก็เป็นมังงะแนวโชเน็นที่ได้รับกระแสความโด่งดังครั้นเมื่อ Ufotable นำมาทำเป็นอนิเมะภาพงามและเกิดเป็นเกม Kimetsu no Yaiba - The Hinokami Chronicles ที่เรากำลังจะพูดถึงนี้เอง
ซึ่งถ้าพูดกันตรง ๆ แนวเนื้อเรื่องตัวเอกโดนระเบิดบ้าน แล้วแค้นนี้ต้องชำระมันก็มีเพียบบบ จนเกลื่อนตลาดมากและไม่ใช่ความแปลกใหม่เท่าไหร่ ดังนั้นการที่จะมาดัดแปลงเป็นเกมย่อมต้องเพิ่มความยูนิค เปิดโลกตัวเองให้มากขึ้น แต่ไม่เลย ที่นี่เราไม่ทำกันแบบนั้น
น่าเสียดายที่ต้องบอกตรงส่วนนี้ว่าตัวเกมแทบจะอิงเนื้อเรื่องจากอนิเมะมาทั้งหมด ยังไม่รวมองค์ประกอบในเกม ที่ภาพโปรไฟล์ยังแคปเจอร์มาจากอนิเมะให้เราใช้ ถึงอาจมีเพิ่มในส่วนของบทพูดหรือฉากคั่นเควสต์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับตัวเนื้อเรื่อง และพูดตรง ๆ ว่าหากคนไม่เคยดูอนิเมะหรืออ่านมังงะมาก่อน แต่โดนพ่อค้าแม่ค้ายัดแผ่นขายพร้อมเครื่อง ก็ยากมากที่จะเข้าใจเนื้อเรื่องทันที เนื่องจากตัวเกมเปิดมาก็ให้ฝึก แล้วบอกคนที่เราตามหาคนต้นเหตุแบบดื้อ ๆ ไม่มีอารัมภบทอะไรทั้งสิ้น แถมหลายฉากก็โดนตัดออกไปเยอะ
รวมถึงความที่อนิเมะยังไม่จบแต่อยากทำเกมขาย เลยมีจำนวนของด่านให้เล่นแค่ 8 ด่าน แบ่งตามพาร์ตของตัวอนิเมะ (การฝึกฝนบนเขา ถึง รถไฟนิรันดร์) ซึ่งในส่วนนี้ถ้าไม่เอาพาร์ตของอนิเมะที่จะฉายต่อในอนาคตมาอัปเดตฟรี หรือ ขายเป็น DLC ตัวเกมในราคากว่า $60 (ราว 2,000 บาท) ก็ถือว่าแพงเอาการ
Kimetsu no Yaiba - The Hinokami Chronicles เป็นเกมต่อสู้ที่สนุกและมีความเป็นตัวของตนเองงั้นหรอ? ก็ถูกส่วนหนึ่ง เพราะมีการใช้ตัวละคร และองค์ประกอบเป็นของตนเองอยู่แล้ว ก่อนจะพัฒนาเพิ่มในหลาย ๆ ส่วนเช่น สกิลของตัวละครที่ไม่เผยในอนิเมะ ท่าไม้ตายที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละตัว องค์ประกอบฉาก UX/UI ที่มีความเป็นญี่ปุ่นยุคโบราณ
แต่มันแค่ส่วนเดียวของเกมทั้งหมดเพราะนอกจากนั้นแล้วมันเหมือนกับพวกเกมต่อสู้อื่น ไม่ได้มีจุดยืนเป็นของตนเองเหมือนกับเกม Mortal Kombat กับเรต R และความน่าค้นหาของท่าปิดฉาก / Street Fighter ด้วยคอมโบที่ต่อเนื่องไม่มียึก ๆ ยัก ๆ ถ้าเราแจ๋วจริง / และ Super Smash Bros. ที่ผลักให้ชาวบ้านหลุดโลก ผสมกับบัฟและดีบัฟ ลูกเล่นไอเทม แผนที่ที่เปลี่ยนแปลงแทบจะได้ตลอดเวลา แต่เมื่อกลับกันหันมามองในส่วนของตัวเกมดาบพิฆาตอสูรนี้ก็เป็นเกมต่อสู้ ที่สู้ กดปุ่มให้ตรงตามจังหวะที่อีกฝั่งปล่อยสกิล และจบ ไม่มีอะไรเป็นความพิเศษของตนเอง
อันนี้ต้องขอชมเชยว่าแม้จะอยู่บนเครื่องที่กราฟิก 'มันได้เท่านี้' อย่าง Nintendo Switch ตัวเกมก็ปั้นโมเดลออกมาได้ไม่แย่ค่อนไปทางสวยและตรงตามอนิเมะ รวมถึงเอฟเฟ็กต์ของพวกสกิล การโจมตีปกติ หรือท่าทางต่างๆ ก็มีภาพที่อิงตามต้นฉบับเช่นกัน
ทั้งนี้ความพิเศษของระหว่างเล่นที่สังเกตเห็นได้เลยคือตัวภาพจะมีการสับเปลี่ยนโมเดล 3D กับภาพ 2D ได้แบบลงตัวและไม่ทำให้ความรู้สึกเราดรอปลงไปในระหว่างเล่น
ดังนั้นถ้าอยากเสพงานภาพที่ไม่ได้สมจริง ขอแค่ให้อินไปกับตัวอนิเมะ เกมนี้ก็ทำออกมาไม่เลวในฐานะเกมบนเครื่อง Nintendo Switch เลย
> นั่งลงดูแอนิเมชันเริ่มบท ที่แปลงมาจากตัวอนิเมะเป๊ะ ๆ
> ดูเสร็จเดินตามแผนที่ตบพวกปีศาจกี้กี้บังคับโดยบอตและไม่ได้มีความยาก ท้าทาย หรือพื้นที่แมพให้แตกต่างกัน
> คุยกับ NPC ให้ครบเพื่อเปิดทาง
> ตบบอสแมพ
> ดูแอนิเมชันจบบท แล้ววนลูป
ใช่ ตัวเกมมีเท่านี้จริง ๆ ไม่ได้มีอะไรให้หวือหวาเลย อาจจะมีแค่ให้เราตามหาชิ้นส่วนความทรงจำ (ฉากซ้ำในอนิเมะ) หรือแต้มเอาไปแลกของในหน้าแสตมป์ที่ตกตามแผนที่ ก็ไม่มีอะไรเลย อย่างน้อยขอพัซเซิลให้มานั่งใช้สมองคิดแทนที่เดินตามซอยหาคนก็ไม่มีนะเออ
แต่ถ้าพูดถึงในระหว่างการต่อสู้ ถ้าไม่นับตัวละครอสูรตามทางที่มีแต่ความน่าเบื่อและธรรมดา แต่มาพูดในส่วนของบอสประจำบทแต่ละบท ถือว่าตัวเกมทำออกมาได้สนุกอยู่ในระดับหนึ่ง ทั้งความสามารถและการออกแบบท่าทาง ควิกไทม์อีเวนต์ และสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องสู้และต่อกรกับบอสนั้นสนุกของมันอยู่ โดยเราอาจได้สู้แบบเดี่ยว หรือแบบพกตัวละครอีกคนมาคอยช่วยอัดสกิลหรือเปลี่ยนเป็นตัวนั้นๆ ตามบริบทเนื้อเรื่อง เราจึงไม่จำเป็นต้องยึดติดและเล่นได้แค่ทันจิโร่คนเดียว
ในส่วนของโหมด V.S. หรือต่อสู้กับชาวบ้าน หรือหยุมหัวเพื่อน อันนี้ก็อาจจะได้อารมณ์ขึ้นมาบ้างเพราะได้เจอคนจริง ๆ แต่คอมโบของตัวละครน้อยมาก ไม่ได้มีความรู้สึกว่า 'โอ้ ถ้าฉันกดคอมโบนี้ได้ เพื่อนฉันได้ปล่อยจอยแน่ 555' เช่นเดียวกับเกมต่อสู้จริง ๆ จัง ๆ อย่าง Tekken หรือ Street Fighter (ซึ่งก็อาจเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียแล้วแต่คนชอบ)
ปล. โหมดนี้ถ้าไม่เล่นกับบอต หรือแบ่งจอยกันเล่น ต้องสมัครสมาชิกเป็น Nintendo Switch Online รายเดือนเพิ่มด้วยนะจ๊ะ
จริง ๆ แล้วในระหว่างการเล่นช่วงแรกถือว่าน่าเบื่อมากเพราะมันไม่ค่อยมีอะไรทำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คอมโบน้อย ไม่ค่อยท้าทาย แต่เมื่อเกมเริ่มดำเนินมาถึงจุดที่เปิดให้เล่นตัวละครหลายตัวมากขึ้น เจอศัตรูแปลกใหม่มากขึ้น รวมถึงปุ่มที่ต้องกดให้ตรงจังหวะก็ดึงอารมณ์ร่วมมาได้อยู่ไม่ขาดไปหมด สนุกที่ได้เล่นไม่เสียเวลาเปล่า ๆ ไปกับเกมราคานี้ [แต่ส่วนตัวหวังให้มีอัปเดตเพิ่มในอนาคต]
ดังนั้นจึงพูดได้ว่า Kimetsu no Yaiba - The Hinokami Chronicles อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์สายเล่นเกมต่อสู้ แต่มีไว้เพื่อให้แฟนขาตายชาวอนิเมะดาบพิฆาตอสูรมากกว่า ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ ก็คงเป็นความคาดหวังของทั้งผู้พัฒนาเช่นกัน
ตัวเกม Kimetsu no Yaiba - The Hinokami Chronicles นอกจากจะวางขายบน Nintendo Switch แล้ว ยังมีขายบนร้านอื่นเช่น Playstation 4, Playstation 5, Xbox One, Xbox Series X/S และ PC ด้วย
ตอบโจทย์แฟนอนิเมะดาบพิฆาตอสูร
ภาพและกราฟิกสวยงาม ตามต้นฉบับ
สนุกกับการต่อสู้ตัวละครตามเนื้อเรื่องระดับหนึ่ง
ไม่มีความพิเศษในส่วนของเนื้อเรื่องหลัก หรือมีเพิ่มเสริมเติมเข้ามา
ไม่มีอะไรให้ทำมากในเกม ตัวเกมจบไวเกินไป
คอมโบ และความท้าทายต่ำ ด้อยกว่าเกมอื่นในฐานะเกมต่อสู้
ตั้งแต่ก่อนพวกสื่อบันเทิงจากแดนปลาดิบมักจะเป็นมังงะนำหน้ามาเสมอ ก่อนจะต่อยอดเป็นสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอนิเมะ ละครเวที ภาพยนตร์ฉบับคนแสดง หรือแม้กระทั่งเกมที่ตัวละครออกมาโลดแล่นและบังคับได้โดยมือของพวกเขาเอง นั่นจึงเป็นสิ่งที่เหล่าบริษัทต่าง ๆ สามารถใช้มันในการหาผลกำไรเพื่อพัฒนาตนเองตามปกติของคำว่า 'มันก็เป็นแค่ธุรกิจ'
แต่มันจะมีเสียสักกี่เกมกันที่จะประสบความสำเร็จและไม่โดนรุมทึ้งจากผู้บริโภค ซึ่งขอบอกตรง ๆ ว่ามันน้อยมากเพราะมันไม่ได้เป็นที่ตัวเกมอย่างเดียวที่ดีหรือไม่ดี แต่มันมี 'ความคาดหวัง' ของแฟนอนิเมะด้วย พื้นฐานของคำว่าเกมนี้คุ้มค่ามันจึงสูงมาก ไม่ต่างจากอนิเมะดาบพิฆาตอสูรนี้เช่นกัน
ใช่แล้ว Kimetsu no Yaiba หรือ ดาบพิฆาตอสูร ก็เป็นมังงะแนวโชเน็นที่ได้รับกระแสความโด่งดังครั้นเมื่อ Ufotable นำมาทำเป็นอนิเมะภาพงามและเกิดเป็นเกม Kimetsu no Yaiba - The Hinokami Chronicles ที่เรากำลังจะพูดถึงนี้เอง
ซึ่งถ้าพูดกันตรง ๆ แนวเนื้อเรื่องตัวเอกโดนระเบิดบ้าน แล้วแค้นนี้ต้องชำระมันก็มีเพียบบบ จนเกลื่อนตลาดมากและไม่ใช่ความแปลกใหม่เท่าไหร่ ดังนั้นการที่จะมาดัดแปลงเป็นเกมย่อมต้องเพิ่มความยูนิค เปิดโลกตัวเองให้มากขึ้น แต่ไม่เลย ที่นี่เราไม่ทำกันแบบนั้น
น่าเสียดายที่ต้องบอกตรงส่วนนี้ว่าตัวเกมแทบจะอิงเนื้อเรื่องจากอนิเมะมาทั้งหมด ยังไม่รวมองค์ประกอบในเกม ที่ภาพโปรไฟล์ยังแคปเจอร์มาจากอนิเมะให้เราใช้ ถึงอาจมีเพิ่มในส่วนของบทพูดหรือฉากคั่นเควสต์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ส่งผลอะไรกับตัวเนื้อเรื่อง และพูดตรง ๆ ว่าหากคนไม่เคยดูอนิเมะหรืออ่านมังงะมาก่อน แต่โดนพ่อค้าแม่ค้ายัดแผ่นขายพร้อมเครื่อง ก็ยากมากที่จะเข้าใจเนื้อเรื่องทันที เนื่องจากตัวเกมเปิดมาก็ให้ฝึก แล้วบอกคนที่เราตามหาคนต้นเหตุแบบดื้อ ๆ ไม่มีอารัมภบทอะไรทั้งสิ้น แถมหลายฉากก็โดนตัดออกไปเยอะ
รวมถึงความที่อนิเมะยังไม่จบแต่อยากทำเกมขาย เลยมีจำนวนของด่านให้เล่นแค่ 8 ด่าน แบ่งตามพาร์ตของตัวอนิเมะ (การฝึกฝนบนเขา ถึง รถไฟนิรันดร์) ซึ่งในส่วนนี้ถ้าไม่เอาพาร์ตของอนิเมะที่จะฉายต่อในอนาคตมาอัปเดตฟรี หรือ ขายเป็น DLC ตัวเกมในราคากว่า $60 (ราว 2,000 บาท) ก็ถือว่าแพงเอาการ
Kimetsu no Yaiba - The Hinokami Chronicles เป็นเกมต่อสู้ที่สนุกและมีความเป็นตัวของตนเองงั้นหรอ? ก็ถูกส่วนหนึ่ง เพราะมีการใช้ตัวละคร และองค์ประกอบเป็นของตนเองอยู่แล้ว ก่อนจะพัฒนาเพิ่มในหลาย ๆ ส่วนเช่น สกิลของตัวละครที่ไม่เผยในอนิเมะ ท่าไม้ตายที่แตกต่างกันออกไปของแต่ละตัว องค์ประกอบฉาก UX/UI ที่มีความเป็นญี่ปุ่นยุคโบราณ
แต่มันแค่ส่วนเดียวของเกมทั้งหมดเพราะนอกจากนั้นแล้วมันเหมือนกับพวกเกมต่อสู้อื่น ไม่ได้มีจุดยืนเป็นของตนเองเหมือนกับเกม Mortal Kombat กับเรต R และความน่าค้นหาของท่าปิดฉาก / Street Fighter ด้วยคอมโบที่ต่อเนื่องไม่มียึก ๆ ยัก ๆ ถ้าเราแจ๋วจริง / และ Super Smash Bros. ที่ผลักให้ชาวบ้านหลุดโลก ผสมกับบัฟและดีบัฟ ลูกเล่นไอเทม แผนที่ที่เปลี่ยนแปลงแทบจะได้ตลอดเวลา แต่เมื่อกลับกันหันมามองในส่วนของตัวเกมดาบพิฆาตอสูรนี้ก็เป็นเกมต่อสู้ ที่สู้ กดปุ่มให้ตรงตามจังหวะที่อีกฝั่งปล่อยสกิล และจบ ไม่มีอะไรเป็นความพิเศษของตนเอง
อันนี้ต้องขอชมเชยว่าแม้จะอยู่บนเครื่องที่กราฟิก 'มันได้เท่านี้' อย่าง Nintendo Switch ตัวเกมก็ปั้นโมเดลออกมาได้ไม่แย่ค่อนไปทางสวยและตรงตามอนิเมะ รวมถึงเอฟเฟ็กต์ของพวกสกิล การโจมตีปกติ หรือท่าทางต่างๆ ก็มีภาพที่อิงตามต้นฉบับเช่นกัน
ทั้งนี้ความพิเศษของระหว่างเล่นที่สังเกตเห็นได้เลยคือตัวภาพจะมีการสับเปลี่ยนโมเดล 3D กับภาพ 2D ได้แบบลงตัวและไม่ทำให้ความรู้สึกเราดรอปลงไปในระหว่างเล่น
ดังนั้นถ้าอยากเสพงานภาพที่ไม่ได้สมจริง ขอแค่ให้อินไปกับตัวอนิเมะ เกมนี้ก็ทำออกมาไม่เลวในฐานะเกมบนเครื่อง Nintendo Switch เลย
> นั่งลงดูแอนิเมชันเริ่มบท ที่แปลงมาจากตัวอนิเมะเป๊ะ ๆ
> ดูเสร็จเดินตามแผนที่ตบพวกปีศาจกี้กี้บังคับโดยบอตและไม่ได้มีความยาก ท้าทาย หรือพื้นที่แมพให้แตกต่างกัน
> คุยกับ NPC ให้ครบเพื่อเปิดทาง
> ตบบอสแมพ
> ดูแอนิเมชันจบบท แล้ววนลูป
ใช่ ตัวเกมมีเท่านี้จริง ๆ ไม่ได้มีอะไรให้หวือหวาเลย อาจจะมีแค่ให้เราตามหาชิ้นส่วนความทรงจำ (ฉากซ้ำในอนิเมะ) หรือแต้มเอาไปแลกของในหน้าแสตมป์ที่ตกตามแผนที่ ก็ไม่มีอะไรเลย อย่างน้อยขอพัซเซิลให้มานั่งใช้สมองคิดแทนที่เดินตามซอยหาคนก็ไม่มีนะเออ
แต่ถ้าพูดถึงในระหว่างการต่อสู้ ถ้าไม่นับตัวละครอสูรตามทางที่มีแต่ความน่าเบื่อและธรรมดา แต่มาพูดในส่วนของบอสประจำบทแต่ละบท ถือว่าตัวเกมทำออกมาได้สนุกอยู่ในระดับหนึ่ง ทั้งความสามารถและการออกแบบท่าทาง ควิกไทม์อีเวนต์ และสิ่งต่าง ๆ ที่เราต้องสู้และต่อกรกับบอสนั้นสนุกของมันอยู่ โดยเราอาจได้สู้แบบเดี่ยว หรือแบบพกตัวละครอีกคนมาคอยช่วยอัดสกิลหรือเปลี่ยนเป็นตัวนั้นๆ ตามบริบทเนื้อเรื่อง เราจึงไม่จำเป็นต้องยึดติดและเล่นได้แค่ทันจิโร่คนเดียว
ในส่วนของโหมด V.S. หรือต่อสู้กับชาวบ้าน หรือหยุมหัวเพื่อน อันนี้ก็อาจจะได้อารมณ์ขึ้นมาบ้างเพราะได้เจอคนจริง ๆ แต่คอมโบของตัวละครน้อยมาก ไม่ได้มีความรู้สึกว่า 'โอ้ ถ้าฉันกดคอมโบนี้ได้ เพื่อนฉันได้ปล่อยจอยแน่ 555' เช่นเดียวกับเกมต่อสู้จริง ๆ จัง ๆ อย่าง Tekken หรือ Street Fighter (ซึ่งก็อาจเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียแล้วแต่คนชอบ)
ปล. โหมดนี้ถ้าไม่เล่นกับบอต หรือแบ่งจอยกันเล่น ต้องสมัครสมาชิกเป็น Nintendo Switch Online รายเดือนเพิ่มด้วยนะจ๊ะ
จริง ๆ แล้วในระหว่างการเล่นช่วงแรกถือว่าน่าเบื่อมากเพราะมันไม่ค่อยมีอะไรทำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คอมโบน้อย ไม่ค่อยท้าทาย แต่เมื่อเกมเริ่มดำเนินมาถึงจุดที่เปิดให้เล่นตัวละครหลายตัวมากขึ้น เจอศัตรูแปลกใหม่มากขึ้น รวมถึงปุ่มที่ต้องกดให้ตรงจังหวะก็ดึงอารมณ์ร่วมมาได้อยู่ไม่ขาดไปหมด สนุกที่ได้เล่นไม่เสียเวลาเปล่า ๆ ไปกับเกมราคานี้ [แต่ส่วนตัวหวังให้มีอัปเดตเพิ่มในอนาคต]
ดังนั้นจึงพูดได้ว่า Kimetsu no Yaiba - The Hinokami Chronicles อาจจะไม่ได้ตอบโจทย์สายเล่นเกมต่อสู้ แต่มีไว้เพื่อให้แฟนขาตายชาวอนิเมะดาบพิฆาตอสูรมากกว่า ซึ่งเอาเข้าจริง ๆ ก็คงเป็นความคาดหวังของทั้งผู้พัฒนาเช่นกัน
ตัวเกม Kimetsu no Yaiba - The Hinokami Chronicles นอกจากจะวางขายบน Nintendo Switch แล้ว ยังมีขายบนร้านอื่นเช่น Playstation 4, Playstation 5, Xbox One, Xbox Series X/S และ PC ด้วย