ย้อนไปในปี 2017 แฟนเกม Survival Horror ส่วนใหญ่น่าจะตื่นเต้นเป็นพิเศษกับการมาของ Resident Evil 7 ตั้งแต่ช่วงต้นปีเลย (23 มกราคม 2017) ซึ่งเกมก็สามารถครองใจแฟน ๆ เกมสยองขวัญอย่างอยู่หมัดไปนานหลายปี และกลายเป็นเกมสยองขวัญที่ประสบความสำเร็จมากเป็นอันดับต้น ๆ ในประวัติศาสตร์ไปโดยปริยาย

หลังจากที่เวลาผ่านไป 5 เดือน หลังจากที่ RE7 วางจำหน่าย มีอีกหนึ่งเกมแนว Survival Horror เคราะห์ร้ายเกมหนึ่งที่วางจำหน่ายตามหลังออกมา และก็ถูกกระแสของ RE7 กลบมิดไปตามระเบียบ จนกระทั่งเวลาผ่านไป โลกถึงได้รู้จักว่านี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะแฟนเกม Survival (เอาตัวรอด) หรือแนวแอคชั่นสยองขวัญก็ตามที และเนื่องจากว่าตอนนี้ Epic Games Store ได้นำเกมนี้มาแจกให้เล่นกันแบบฟรี ๆ เราจึงขอหยิบเกมนี้มาพูดถึงกันอีกครั้งกับ PREY ผลงานเกมสยองไซไฟจากค่าย Arkane Studios เจ้าของผลงาน Game of the Year อย่าง Deathloop นั่นเอง!

เกมรุ่นเก๋า ที่ถูกมองข้ามมาตั้งแต่ปี 2006

Prey ไม่ใช่ชื่อของเกมใหม่แกะกล่อง เพราะมันเคยมีเกมชื่อเดียวกันนี้ออกมาแล้วในปี 2006 โดยเป็นผลงานของ 2K Games ซึ่งจะพูดว่าเวอร์ชั่นปี 2017 นี้เป็นเวอร์ชั่น Reboot ของเกมนั้นก็ว่าได้ เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่ของเวอร์ชั่นปี 2017 นี้ แทบไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยกับเกมดั้งเดิม โดยลิขสิทธิ์ของเกมนี้ตกมาถึงมือ Arkane Studios และพวกเขาตัดสินใจที่จะทำให้มันกลายเป็นการสานต่อจิตวิญญาณของเกมชื่อดังอย่าง System Shock และตีความยานอวกาศ Talos I ใหม่ทั้งหมด ทำให้ Prey เวอร์ชั่นปี 2017 เปรียบเสมือนกับการ Reboot โดยสมบูรณ์แบบ และผู้เล่นทุกคนสามารถเริ่มเล่นที่ภาคนี้ได้เลย ไม่จำเป็นจะต้องไปขุดรื้อภาคเก่า ๆ ขึ้นมาเล่น

ฉากหลังของเกมนี้คือเรื่องราวในอนาคตปี 2032 ว่าด้วยเรื่องราวของ Morgan Yu ที่ได้รับการคัดเลือกจากพี่ชายของเขาเอง ให้เข้าร่วมทีมวิจัยของบริษัท TranStar บนยานอวกาศ Talos I แต่แล้วในวันทดลองวิจัย ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อบุคลากรคนหนึ่งถูกโจมตีโดยสิ่งมีชีวิตปริศนานามว่า Typhoon ก่อนที่เขาจะหมดสติไป และตื่นขึ้นมาเพื่อพบว่าอยู่ในปี 2035 ซะแล้ว โดยเขาได้รับการติดต่อจากเอไอลึกลับ January และรู้ความจริงว่า ยาน Talos I ถูกเหล่า Typhoon โจมตีและยึดครองไว้หมดแล้ว เขาจึงต้องทำภารกิจเสี่ยงตายในการสร้างเครื่องมือเพื่อหยุดยั้งเหล่า Typhoon และต้องฝ่าฟันเอาตัวรอด ไปพร้อมกับช่วยเหลือชีวิตที่ยังเหลืออยู่บนยานอวกาศแห่งนี้

การเอาตัวรอดในสถานที่ที่ "ทุกอย่าง" อาจฆ่าคุณได้ทุกเมื่อ 

สิ่งที่ทำให้เกมนี้กลายเป็นที่น่าจดจำ และพูดกันแบบปากต่อปากเรื่อยมาตั้งแต่ช่วงที่เกมออก คือประสบการณ์และการนำเสนอที่ Prey มอบให้ผู้เล่น ที่ถือว่าเป็นจุดลงตัวของความเป็น Survival Horror / Action Horror และ Immersive Sim ได้อย่างลงตัว ตัวเกมถูกนำเสนอด้วยมุมมอง First Person และมอบทางเลือกให้กับผู้เล่นได้หลากหลายทาง จะจับปืนบู๊แหลก หรือลอบเร้นเพื่อลดความเสียหายจากการปะทะก็ทำได้ เพียงแต่ในช่วงแรกของเกมนั้น เรื่องของความสยองขวัญและจังหวะสะดุ้งของเกมนี้ไม่เป็นสองรองใครแน่นอน

ศัตรูในช่วงแรกของเราคือ Typhoon เจ้าสิ่งมีชีวิตสีดำคล้ายแมงมุมตัวนี้ จะมีความสามารถในการเนียน หรือปลอมตัวเป็นสิ่งของต่าง ๆ ภายในฉาก และหากเราเดินไปสำรวจข้าวของแบบไม่ระมัดระวัง มันก็พร้อมจะกระโจนใส่เราได้ทุกเมื่อ ให้พูดกันแบบตรง ๆ เลย คนเล่นเกมนี้ครั้งแรกน่าจะได้สะดุ้งกันตัวเกร็งไปหมดแน่นอน

ในช่วงแรก ตัวละคร Morgan ของเราจะมีพลังค่อนข้างน้อยมาก อาวุธก็ไม่กี่อย่าง เช่นประแจกู้โลก ปืนยิงกาว เอาไว้ชะลอศัตรู ปืนพกที่ได้มา กระสุนก็ค่อนข้างน้อย จะยิงทีต้องคิดแล้วคิดอีก ทำให้มันได้กลิ่นอายของความเป็น Survival Horror อยู่มากในช่วงแรก การหลีกเลี่ยงการปะทะ การค่อย ๆ หาของ หรือลอบเร้นกำจัดศัตรูโดยใช้กระสุนน้อยที่สุดคือทางเลือกที่ดีสุด

ในขณะที่ช่วงกลางเกมไปจนถึงท้ายเกม อาจจะเปลี่ยนรูปแบบเกมจนกลายเป็น Action Horror เพราะเราจะได้อาวุธครบมือมากขึ้น แต่ศัตรูเองก็ทวีความโหดมากยิ่งขึ้น และยังไม่ลืมที่จะใส่ความสยองขวัญเข้ามาผสมอยู่ด้วย ทำให้บางครั้ง แม้แต่เราที่อาวุธครบมือก็ยังต้องสะดุ้งกันบ้าง และยิ่งกว่านั้นคือ หากเราเน้นยิงแหลก ไม่ออกสำรวจ ไม่ช่วยเหลือใครเลย นอกจากกระสุนเราจะไม่พอ พลังจะไม่ได้เพิ่มแล้ว ยังอาจได้ตอนจบที่ไม่ค่อยจะดีสักเท่าไรนัก

ผสมผสานการออกสำรวจในพื้นที่เปิดกว้าง

หากเราหยิบเกมนี้มาเล่นกันในปี 2022 นี้ เราอาจรู้สึกสงสัยว่า Prey มีส่วนคล้ายกันกับเกมอะไร คำตอบที่ได้คือ มันเหมือนได้แรงบันดาลใจทั้งจากซีรีส์ Resident Evil ผสมผสานเข้ากับ The Evil Within ภาค 2 

เกมจะมีองค์ประกอบให้เราได้ออกสำรวจพื้นที่เปิดกว้าง และมอบรางวัลให้กับคนช่างสำรวจทั้งหลาย เราอาจจะได้กระสุน ไอเทม หรืออาวุธบางประเภทที่ยังไม่ควรได้ หากเราเป็นคนช่างสำรวจ และตัวละคร Morgan จะมีความสามารถในการใช ้Neuromods ในการพัฒนาขีดจำกัดของตัวเอง หรือก็คือการอัปเกรดสกิล สำหรับสกิลก็จะมีแตกออกไปอีกหลายทาง เช่น สายแฮ็คอุปกรณ์ ทำให้เราเข้าถึงพื้นที่บางพื้นที่ ตู้เซฟ หรือคอมพิวเตอร์ เพื่อเจาะเอาข้อมูลสำคัญออกมาได้ สายยกของหนักที่ทำให้เราแบกของออกจากทางเดินทั้งหลายได้ และเข้าถึงบางพื้นที่ได้เลย หรือจะเป็นสกิลเสริมสมรรถภาพในการต่อสู้ เช่น เพิ่มพลังชีวิตสูงสุด หรืออื่น ๆ ก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งอุปกรณ์อัปเกรดนั้น ได้มาจากการออกสำรวจ ระบบนี้จะคล้าย ๆ กับ The Evil Within 2 ที่ตัวเกมมีพื้นที่เปิดกว้างให้เราได้สำรวจเพื่อหาของ

ในขณะที่แรงบันดาลใจจาก Resident Evil เอง ก็มีอยู่บ้างไม่มากก็น้อย ที่เห็นได้ชัด คือการผสมผสานกันระหว่างความน่าสะพรึงกลัว กับการบู๊ ที่เหมือนกับ Resident Evil 7 ที่ค่อนข้างกลมกล่อมลงตัว และระบบบริหารจัดการทรัพยากร ช่องเก็บของ ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาจาก Resident Evil 4 แบบเป๊ะ ๆ แต่หากพินิจพิจารณาดูดี ๆ ก็มีความคล้ายคลึงกันอยู่บ้าง

Prey เวอร์ชั่น Reboot ของปี 2017 จึงเปรียบเสมือนกับการผสมผสานกันหลาย ๆ อย่างของหลากหลายเกม และนำมาตีความใหม่ให้สมกับเป็นเกมจากฝีไม้ลายมือของ Arkane Studios ได้เป็นอย่างดี แต่น่าเสียดายที่ปีนั้น เหมือนคนจะเต็มอิ่มกับ Resident Evil 7 กันอยู่ ช่วงที่เกมนี้ออกวางจำหน่าย จึงไม่ได้รับกระแสตอบรับที่ดีนัก ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเกมระดับคุณภาพเลยทีเดียว

โอกาสอันดี สำหรับคนที่ยังไม่เคยเล่น เพราะตอนนี้ แจกฟรี !

ในขณะที่กำลังเขียนบทความตัวนี้อยู่ แฟน ๆ สายรับเกมฟรีทั้งหลาย ก็คงเห็นประกาศกันไปแล้วว่า Prey นี้ จะแจกฟรีให้ได้รับไปเล่นกันบนแพลตฟอร์ม Epic Games Store ถือว่าเป็นโอกาสอันเหมาะสมแล้ว ที่คุณจะได้ทำความรู้จักกับเกมดีเกมนี้ โดยนอกจากตัวเกมหลักแล้ว เกมนี้ยังมี DLC ออกมาเพิ่มอีกตัวในชื่อว่า Mooncrash ก็เอาเป็นว่าถ้าลองเล่นเกมเต็มแล้วชอบ ค่อยไปเสียเงินซื้อเพิ่ม แต่แค่เนื้อเรื่องหลักของเกม ก็บอกได้เลยว่า คุ้มแล้ว สำหรับการรับมาเล่นฟรี ๆ