หากจะพูดถึง 'เกมที่ไม่มีใครคาดหวังจะได้เห็น' ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เชื่อว่าเกม Rainbow Six: Extraction น่าจะเป็นหนึ่งในเกมที่ติดโผของหลายๆ คน ในฐานะเกมที่ผสมผสานเกมเพลย์แนว FPS แบบกลยุทธ์อันโด่งดังของซีรีส์ Rainbow Six เข้ากับเกมเพลย์แนว 'ยิงผี' คล้ายเกมอย่าง Back 4 Blood หรือ Left 4 Dead นั่นเอง โดยเกมมีกำหนดวางจำหน่ายในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ข้างหน้านี่แล้ว!

เมื่อช่วงปลายปี 2021 ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้มีโอกาสเข้าร่วมทดสอบเกม Rainbow Six: Extraction ร่วมกับสื่อไทยและนานาชาติหลากหลายสำนัก เป็นเวลาราวๆ 3-4 ชั่วโมง ซึ่งทำให้ 'เห็นภาพ' ระบบเกมเพลย์ของเกมมากขึ้นพอสมควร และแม้ว่าบางองค์ประกอบจะยังขาดๆ เกินๆ ไปบ้างในเวอร์ชั่นทดสอบที่ได้ลองเล่น (อาจมีการปรับในเกมเต็ม) แต่เกม Rainbow Six: Extraction ก็สามารถใช้ตัวตนความเป็น Rainbow Six ของตัวเองได้อย่างน่าสนใจกว่าที่คาดเอาไว้ และอาจจะเป็นเกมที่น่าจับตามองสำหรับเกมเมอร์สาย Co-op หลายๆ คนในช่วงต้นปีนี้

วันนี้เราจะมาย่อยข้อดีและข้อเสียของเกม Rainbow Six: Extraction ให้ทุกท่านได้อ่านกันทีละข้อ ให้รู้ไปเลยว่าเกมนี้จะน่าสนใจมากน้อยแค่ไหนสำหรับคุณ

ข้อดี: DNA ความเป็น RB6 อันเข้มข้น

หากลองพิจารณาดูเผินๆ เชื่อว่าหลายคนคงจะเห็นด้วยกับผู้เขียนว่า 'ตัวตน' ของ Rainbow Six ไม่น่าจะเข้ากับเกมแนวยิงเอเลี่ยนหลุดโลกของ Extraction ได้เลย ซึ่งผู้เขียนเองก็เป็นคนหนึ่งที่คิดเช่นนี้ และคาดการณ์ไปแล้วก่อนจะเล่นว่าเกมคงต้องเจือจางเอกลักษณ์ของซีรีส์ RB6 ไปไม่มากก็น้อยเพื่อให้เข้ากับเกมเพลย์แนวใหม่นี้

สิ่งที่ผู้เขียนไม่คาดคิดคือการที่ Extraction สามารถประยุกต์ดัดแปลงตัวตนเหล่านั้นมาใช้ในแนวเกมยิงเอเลี่ยนของตัวเองได้อย่างลงตัวกว่าที่คิด และต้องใช้ 'กลยุทธ์' (Tactics) มากกว่าเกมแนวยิงผีทั่วไปพอสมควร

โครงสร้างของเกม RB6: Extraction จะให้ผู้เล่นจับกลุ่มเป็นทีม 3 คนเพื่อทำภารกิจใน 'เขตติดเชื้อ' (Contamination Zone) ต่างๆ ซึ่งจะมีด่านและภารกิจแบบสุ่มมาเรื่อยๆ โดยในการเล่นแต่ละ 'ด่าน' จะแบ่งออกเป็นโซนเล็กๆ 3 โซน ซึ่งมีภารกิจย่อยที่ต้องทำก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังโซนต่อไปได้ ผู้เล่นจะสามารถ 'ถอนตัว' (Extract) ออกจากภารกิจเมื่อไหร่ก็ได้ แต่แน่นอนว่ายิ่งทำภารกิจย่อยได้เยอะเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้ของรางวัลตอนจบมากขึ้นไปด้วย

ภารกิจที่ผู้เล่นจะได้พบจะถูกสุ่มไปเรื่อยๆ ในแต่ละด่าน เช่นการกำจัด 'รัง' ของเอเลี่ยนทั้งหมดในพื้นที่ หรือการตามล่าเอเลี่ยนระดับบอสเป็นต้น สิ่งที่ทำให้เกม RB6: Extraction แตกต่างจาก 'เกมยิงผี' กระแสหลักอื่นๆ คือการที่เกมให้ความสำคัญกับการลอบเร้นเป็นอย่างมาก ผู้เล่นแต่ละคนจะมีอุปกรณ์ที่คุ้นเคยอย่าง 'โดรน' ในการใช้สำรวจแผนที่ล่วงหน้าเพื่อหาตำแหน่งของเป้าหมายและศัตรูในแผนที่ ซึ่งสำคัญมากๆ เพราะตัวละครผู้เล่นในเกมนี้ 'ตายง่ายมากๆ' แม้แต่ตัวละคร Operator ที่มีค่าเกราะสูงๆ (และใส่ไอเทมเกราะเพิ่มอีก) ยังสามารถรับการโจมตีได้ไม่ถึง 10 ครั้งกระทั่งในระดับง่ายสุด และถ้าหากถูกศัตรูพบเข้าซักที พวกมันจะเรียกเพื่อนมารุมเราทั้งด่านเลย ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ส่งเสริมการวางแผนภายในทีมผู้เล่น ไม่ต่างกับในเกมอย่าง RB6: Siege ที่ส่งเสริมการสำรวจแผนที่และการสื่อสารระหว่างทีม

ข้อดี: ตัวละคร Operator ที่แตกต่างอย่างมีความหมาย

อีกหนึ่งจุดที่ทำให้เกมมีจุดเชื่อมกับซีรีส์ Rainbow Six ในปัจจุบันคือการนำตัวละคร "โอเปอเรเตอร์" (Operator) จากเกม Rainbow Six Siege มาให้เล่นกันในเกมนี้ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาพร้อมกับความสามารถประจำตัวที่ทุกคนรู้จักกันดี อย่างเช่น Sledge ผู้มาพร้อมกับค้อนอันใหญ่สำหรับทุบกำแพง หรือ Lion และหุ่น EE-ONE-D ที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนที่ของศัตรูได้เป็นต้น

ความสามารถเหล่านี้ได้รับการดัดแปลงเล็กน้อยเพื่อให้เข้ากับเกมเพลย์แนวใหม่มากขึ้น เช่นโดรน EE-ONE-D ที่ในเกม Siege สามารถแสดงผลได้เพียงระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่วินาที แต่ใน Extraction เรียกว่าแทบจะเปิดทิ้งเอาไว้ได้ตลอดเลย โดยความสามารถของโอเปอเรเตอร์แต่ละคนล้วนมีประโยชน์ในแบบของตัวเอง ยิ่งในทีมที่สื่อสารและวางแผนผสมผสานความสามารถของตัวละครได้ดี ซึ่งก็จะทำให้พิชิตภารกิจต่างๆ ได้ง่ายและเร็วขึ้นมาก

เหล่าโอเปอเรเตอร์ทั้งหลายยังมาพร้อมกับค่าเกราะ (Armor) และความเร็ว (Speed) ของตัวเองเช่นเดียวกับใน Rainbow Six Siege เช่นกัน และแน่นอนว่ามีอาวุธที่ใช้ได้แตกต่างกันเล็กน้อยด้วย ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ทำให้เกมมีความหลากหลายขึ้นบ้าง

ข้อเสีย: ด่านและภารกิจไม่ค่อยหลากหลาย

เช่นเดียวกับที่มักได้ยินคนตำหนิเกมของ Ubisoft หลายๆ เกม Rainbow Six: Extraction มีจุดอ่อนใหญ่ๆ ในแง่ของความ "จำเจ" โดยเฉพาะในด้านชนิดของภารกิจและหน้าตาของฉากที่ผู้เล่นพบ

ในการเลือกเล่นภารกิจ ผู้เล่นจะต้องเริ่มจากการเลือก "พื้นที่การระบาด" ซึ่งปลดล๊อคตามเเลเวลโดยรวมของผู้เล่น (คนละเรื่องกับเลเวลของโอเปอเรเตอร์ จะอธิบายภายหลัง) ก่อนที่จะเลือกทำภารกิจแบบสุ่มในพื้นที่การระบาดนั้นๆ อีกที ซึ่งการจัดวางสิ่งของหรืออาคารภายในฉากของแต่ละภารกิจจะสุ่มไปด้วยเช่นกัน แต่จะคงไว้ซึ่งสไตล์หรือองค์ประกอบของพื้นที่นั้นๆ เอาไว้

ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าแผนที่ใน "พื้นที่การระบาด" เดียวกัน มักจะมีหน้าตาและการจัดวางที่คล้ายกันมากๆ แถมบางครั้งยังโดนสุ่มแผนที่เดิมกับที่เคยเจอในภารกิจก่อนหน้า ต่างกันแค่เปลี่ยนจุดเกิดเป็นต้น ซึ่งก็ทำให้ทุกภารกิจแอบรู่สึกซ้ำซากได้เมื่อเล่นติดกันเป็นระยะเวลานานๆ

นอกจากนี้ เป้าหมายภารกิจที่สุ่มมาให้ยังมีอยู่ค่อนข้างน้อย ซึ่งอาจเป็นเพราะผู้เขียนและสื่อมวลชนสำนักอื่นๆ ต่างมีเวลาเล่นเกมจำกัด จึงยังไม่ได้ทดลองเล่นระดับความยากสูงๆ ที่อาจจะมีเป้าหมายภารกิจแตกต่างจากในระดับต้น แต่ถ้าเกมจะวนเวียนภารกิจให้เล่นอยู่เฉพาะที่เห็นในช่วงทดลองก็รู้สึกว่าคงรักษาฐานผู้เล่นได้ยาก

ข้อเสีย: ระบบเก็บเลเวลโอเปอเรเตอร์ที่ยุ่งยากมากกว่าจะสนุก

จุดอ่อนใหญ่สำหรับผู้เขียนจากการทดลองเล่นเกมมา คือระบบการเก็บเลเวลโอเปอเรเตอร์แต่ละคนแยกจากกัน ซึ่งเมื่อนำมารวมกับระบบปลีกย่อยอื่นๆ ในเกมแล้ว ส่งผลให้การเก็บเลเวลเป็นไปอย่างล่าช้าและยากลำบากเกินไปมาก

อย่างแรกคือระบบการ "บาดเจ็บ" ของโอเปอเรเตอร์ อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ว่าผู้เล่นในเกม Extraction นั้นตายง่ายมากๆ โดนศัตรูโจมตีไม่กี่ทีก็ตายแล้ว แต่ต่อให้คุณรอดมาได้ โอเปอเรเตอร์ที่คุณเล่นก็อาจจะต้องรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บที่ได้รับระหว่างภารกิจ ทำให้เราไม่สามารถเลือกเล่นโอเปอเรเตอร์ตัวนั้นได้ระยะหนึ่งขึ้นอยู่กับว่าได้รับความเสียหายมากขนาดไหน

ผลลัพธ์คือผู้เขียนแทบจะเก็บเลเวลตัวละครตัวใดตัวหนึ่งอย่างจริงจังไม่ได้เลย เพราะพอเล่นภารกิจหนึ่งก็ต้องรอให้ตัวละครนั้นพักฟื้นไปอีก 3-4 ภารกิจกว่าจะเล่นได้ และทำให้ผู้เขียนสามารถเก็บเลเวลโอเปอเรเตอร์ได้ถึงเลเวล 2 เพียงตัวเดียวเท่านั้นตลอด 3-4  ชั่วโมงที่เล่นเกม และทำให้ไม่สามารถปลดล๊อคปืนหรืออุปกรณ์เสริมใหม่ๆ ให้กับโอเปอเรเตอร์ตัวไหนเลยด้วย

ทั้งนี้ทั้งนั้น ปัญหานี้คงจะเป็นเพียงเรื่องของการปรับสมดุลหลังบ้านเกม ซึ่งสามารถแก้ไขได้ไม่ยากสำหรับเกมเวอร์ชั่นเต็ม คงต้องรอดูกันต่อไปว่าจุดนี้จะยังเป็นปัญหาแค่ไหนในอนาคต

================================================

สรุป: น่าจับตามองแค่ไหน? เหมาะกับใครบ้าง?

จากที่ได้ทดลองมาเบื้องต้น ผู้เขียนคงสามารถสรุปความเห็นเกี่ยวกับเกม Rainbow Six: Extraction ออกมาได้ว่า "มีอะไรมากกว่าที่คิด" แต่ก็ยังมีความขาดๆ เกินๆ ในแบบของเกม Ubisoft อยู่พอสมควร ซึ่งก็ทำให้รู้สึกเป็นห่วงเกมในระยะยาวอยู่เหมือนกันว่าจะสามารถรักษาฐานผู้เล่นได้ดีแค่ไหน แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบเกมเพลย์การยิงปืนในสไตล์ของ Rainbow Six Siege เชื่อว่าเกม Extraction อาจจะมอบประสบการณ์ที่ "คุ้นเคยแต่แปลกใหม่" ได้มากกว่าที่หลายคนคิด

Rainbow Six: Extraction จะวางจำหน่ายในวันที่ 20 มกราคมนี้สำหรับ PlayStation, Xbox, PC