เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่าน เรียกได้ว่ามีเหตุการณ์ใหญ่สะเทือนคอมมูนิตี้ GameFi และ NFTs Game กันพอสมควร เมื่อเกม CryptoMines ประกาศบ๊ายบายเวอร์ชั่นปัจจุบัน และรอเจอกันในเวอร์ชั่นใหม่ชื่อว่า CryptoMines Reborn หลังจากที่สถานการณ์ในเกมย่ำแย่จน Developer ยื้อไว้ไม่ไหว มันเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงต้องเปิดเกมภาคใหม่? และทำไมเรื่องนี้จึงเป็นที่น่าสนใจ วันนี้ GameFever จะมาเล่าให้ฟังเอง
เป็นเกม Play-to-Earn แนว Sci-Fi ที่รันอยู่บน Binance Smart Chain (BSC) โดยรูปแบบการเล่นคือ ผู้เล่นต้องสะสมคนงาน (Worker) และยาน (Spaceships) เพื่อไปขุดแร่ Ethernal ตามดาวต่างๆ และแร่ที่เราขุดได้นี่แหละ คือ Crypto Token ของเกมนี้ ที่เราสามารถนำไปใช้จ่ายใน Marketplace, สุ่ม Worker หรือ Spaceships, ต่อสัญญากับ Worker, เติมน้ำมันยาน ไปจนถึงแลกออกมาเป็นเงินหรือเหรียญคริโตอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ Worker และ Spaceships ของเรา ยังสามารถ mint เพื่อขายเป็น NFT ได้ ทั้งแบบ NFT ชิ้นเดียว หรือจะมัดรวมแพคเกจที่เรียกว่า Fleet ก็ได้เช่นกัน
ซึ่ง Crypto Mines ได้เปิดตัวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม และมีแนวโน้มการขับเคลื่อนเกมที่ดีมาโดยตลอดจนถึงขั้นเป็นหนึ่งในเกม Recommend ที่ทุกคนแนะนำ แถมในช่วงเดือนพฤศจิกายน Crypto Mines ยังเป็นเกมที่มี Active User สูงที่สุดบน BSC ติดต่อกันรัวๆ แซงหน้าเกมอื่นบนเชนไปลิบลิ่วเลย นั่นจึงทำให้ตัวเกมได้รับความไว้วางใจจากพาร์ทเนอร์ และพาเหรียญ ETERNAL ได้ไปโลดเล่นบนกระดานเทรด (Decentralized Exchange) เจ้าใหญ่ๆ หลายเจ้า แนวโน้มดีขนาดนี้ทีม Developer เขาเลยมีแผนพัฒนาเกมยาวไปจนถึงปี 2022 นู่นเลยล่ะ
อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของเกมนี้ก็ช่างน่ากลัวยิ่งนัก เมื่อเกมได้รับความนิยม คนที่เข้ามาขุด ETERNAL จนกราฟพุ่งทะยานขึ้นสูงมาก (อารมณ์คล้ายๆเงินเฟ้อในสกุลเงินจริง) เมื่อราคาเหรียญขึ้นคนจึงพร้อมใจกันเทขายและทำให้กราฟดิ่งลงภายในเวลาไม่นาน หรือที่หลายคนเรียกว่าภาวะ "ติดดอย" นั่นเอง ผู้เล่นบางคนที่ Panic ก็รีบขายออกก่อนที่ตัวเองจะขาดทุน เป็นการซ้ำแผลเศรษฐกิจของเกมเข้าไปอีก นั่นทำให้ความน่าเชื่อถือของเกมวูบหายไปชั่วข้ามคืน เมื่อไม่มีผู้ลงทุนหน้าใหม่เข้ามาเพิ่ม NFT เริ่มไม่มีราคา ทำให้ไม่เกิดการหมุนเวียนของเงินทุนและทรัพยากรภายในเกม ทาง Developer ที่พยายามยื้อสุดชีวิตแล้ว จึงตัดสินใจเปิด Voting ให้ผู้เล่นที่ยังคงรักเกมนี้อยู่ช่วยกันตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ ซึ่งมติที่ออกมาก็คือผู้เล่นยินดีที่จะย้ายไปยังเกมเวอร์ชั่นใหม่ ดีกว่าอยู่กับเศรษฐกิจเกมพังๆที่ไม่รู้ว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้ไหม
นั่นจึงทำให้ Crypto Mines ประกาศจะปิดตัวเวอร์ชั่นปัจจุบัน (Legacy) และเตรียมพัฒนาเวอร์ชั่นใหม่ในชื่อ CryptoMines Reborn อย่างเป็นทางการ
1. คำว่า "Oracle" ถูกพูดถึงมากขึ้นในหมู่ผู้เล่นเกม Play-to-Earn
ระบบ Oracle คือการปรับสมดุลราคาของในเกมให้คงที่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งมีผลดีที่ผู้เล่นใหม่สามารถลงทุนและเริ่มเกมได้อย่างเสมอภาคกับผู้เล่นเดิม แต่ปัญหาคือ วิธีการนี้จะทำให้เหรียญเข้าและออกจากระบบอย่างรวดเร็ว และถ้าหากไม่มีผู้เล่นใหม่เข้ามาเพิ่มก็จะทำให้ราคาเหรียญตกลงอย่างรวดเร็ว เมื่อราคาเหรียญเริ่มดิ่งคนก็เริ่มเทขายจนหมด Pool
เหตุนี้เอง จึงทำให้เกิดการถกเถียงกันมากขึ้นว่าระบบนี้ "ดีจริงหรือไม่?" และได้มีการเปรียบเทียบกับระบบของเกมอื่นๆ ว่าดีหรือเสี่ยงกว่าแบบ Oracle แค่ไหน เพื่อจะได้รู้เท่าทันเกมใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยนั่นเอง
2. เกมที่คนอวยมาก ใช่ว่าจะอยู่รอดเสมอไป
จากกรณีครั้งนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเกมที่มีสถิติดี รีวิวดี คนแนะนำเยอะ ก็มีโอกาสแตก (ปิดตัว) ไปได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ที่จะเข้ามาในวงการ Play-to-Earn ตระหนักถึงการศึกษาข้อมูลเกมและประเมินความเสี่ยงมากขึ้นกว่าช่วงก่อน
3. การเล่นเกม vs. การลงทุน
เป็นอีกหนึ่งข้อสังเกตที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคุยกันมากขึ้น ว่าการมาของ "GameFi" นั้นทำให้การเล่นเกมเพื่อหารายได้มันเกิดขึ้นจริง แต่ถ้าคนที่อยู่ในเกมมีแต่นายทุนล่ะ? แน่นอนมันก็จะไม่ใช่เกมแบบที่เราเคยรู้จักอีกต่อไป เพราะแทนที่ทุกคนจะได้เข้ามาสนุก แลกเปลี่ยนของสะสมภายในเกม และได้กำไรเป็นรายได้จากมัน กลับกลายเป็นว่ามีแต่คนเข้ามาเพื่อหวังกอบโกย ทำให้เศรษฐกิจพัง ความเป็นเกมพัง และเมื่อไหร่ที่นายทุนเหล่านั้นเทเกม เหล่าคนที่กลัวขาดทุนก็พร้อมจะเทตามทันที ทั้งหมดนี้ต่างเป็นสาเหตุให้เกม Play-to-Earn แตกมานักต่อนักแล้ว เพียงแต่ CryptoMines เป็นเกมที่กระแสแรงจึงทำให้ถูกพูดถึงมากกว่านั่นเอง
4. ความเสี่ยงในการเล่นเกม NFTs
อย่างที่เราบอกทุกครั้งว่า "ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษารายละเอียดก่อนการทำธุรกรรม" ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย และเป็นกฎที่ผู้มีความต้องการลงทุนทุกคนต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1
ฉะนั้น จากนี้แม้จะมีรายละเอียดเกม NFTs ไม่ว่าเก่าหรือใหม่เข้ามา "อย่าเพิ่งลงทุน" ถ้ายังไม่ได้ศึกษาจนมั่นใจ หรือประเมินความเสี่ยงว่าเรารับได้ เช่น ซื้อยาน 1 ลำ ด้วยเงิน 5,000 บาท โดยเป็นจำนวนเงินที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ (เงินเย็น) ซึ่งถ้าได้ก็กำไร เสียไปก็ถือว่าสนับสนุนผู้พัฒนาเช่นเดียวกับการเล่นเกมอื่นๆ แต่ถ้าไม่มีจริงๆ ให้เล่นแบบสายฟรีโดยไม่หวังกำไรจะดีกว่า หากผู้เล่นต่างหมุนเวียนเข้าเกมมาด้วย mindset นี้ จะทำให้สังคมเกมน่าอยู่และเกิดเศรษฐกิจที่ยั่งยืนกว่าด้วย
5. Content เกี่ยวกับ "พื้นฐาน GameFi ที่ควรรู้" ถูกสร้างมากขึ้น
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ Creator สาย NFTs Game หลายท่านได้ออกมาทำคลิปแนะแนวทางการ Play-to-Earn มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่องที่เริ่มต้นจากเรื่องนี้อย่าง AE-AH Crypto & GameFi ที่จะมาอัปเดตเกี่ยวกับเกม CryptoMines และพูดถึงกรณีศึกษาของเกมต่างๆ หรือช่อง TopGame Thailand ที่ได้เพิ่มรายการ "GameFi Clinic" เพื่อมาให้ความรู้เรื่องนี้โดยเฉพาะ เรียกได้ว่าเราจะสามารถหาข้อมูลได้ง่ายและหลากหลายกันมากขึ้น ถือว่าเป็นข้อดีที่จะช่วยเสริมเกราะป้องกันและความมั่นใจให้กับมือใหม่ในวงการ NFTs Game ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยล่ะ
- ทาง Developer ได้กำหนดเหรียญใหม่สำหรับ CryptoMines Reborn ออกมาแล้ว ชื่อว่า "Dark Matter"
- สำหรับผู้เล่นเก่าในตอนนี้ สามารถเข้าร่วม Stake ทรัพยากรเพื่อแลกรับโทเค็นใหม่ โดยจะมีระยะเวลา 6 เดือนในการทำกิจกรรม
- ในตัวเกมใหม่ จะพัฒนาระบบให้มีความปลอดภัย รัดกุม ป้องกันวาฬ (ผู้ที่ถือเหรียญจำนวนมาก) และเป็นเกมที่มีระบบเศรษฐกิจที่มีสภาพคล่องมากขึ้น
============================================================
ก็มารอลุ้นกันว่า CryptoMines Reborn จะสามารถแก้ปัญหาจากบทเรียนที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ดีแค่ไหน? แล้วภาคใหม่จะน่าลงทุนกว่าภาคเก่าหรือเปล่า? ซึ่งถ้าใครรอคอยอยู่ก็ขอให้ประสบกับโชคดีในเวอร์ชั่นใหม่ ส่วนใครที่ยังไม่มั่นใจ เราก็มาติดตามข่าวและเอาใจช่วยทีม Developer ไปด้วยกันดีกว่า!
เมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่าน เรียกได้ว่ามีเหตุการณ์ใหญ่สะเทือนคอมมูนิตี้ GameFi และ NFTs Game กันพอสมควร เมื่อเกม CryptoMines ประกาศบ๊ายบายเวอร์ชั่นปัจจุบัน และรอเจอกันในเวอร์ชั่นใหม่ชื่อว่า CryptoMines Reborn หลังจากที่สถานการณ์ในเกมย่ำแย่จน Developer ยื้อไว้ไม่ไหว มันเกิดอะไรขึ้น? เหตุใดจึงต้องเปิดเกมภาคใหม่? และทำไมเรื่องนี้จึงเป็นที่น่าสนใจ วันนี้ GameFever จะมาเล่าให้ฟังเอง
เป็นเกม Play-to-Earn แนว Sci-Fi ที่รันอยู่บน Binance Smart Chain (BSC) โดยรูปแบบการเล่นคือ ผู้เล่นต้องสะสมคนงาน (Worker) และยาน (Spaceships) เพื่อไปขุดแร่ Ethernal ตามดาวต่างๆ และแร่ที่เราขุดได้นี่แหละ คือ Crypto Token ของเกมนี้ ที่เราสามารถนำไปใช้จ่ายใน Marketplace, สุ่ม Worker หรือ Spaceships, ต่อสัญญากับ Worker, เติมน้ำมันยาน ไปจนถึงแลกออกมาเป็นเงินหรือเหรียญคริโตอื่นๆ ได้ นอกจากนี้ Worker และ Spaceships ของเรา ยังสามารถ mint เพื่อขายเป็น NFT ได้ ทั้งแบบ NFT ชิ้นเดียว หรือจะมัดรวมแพคเกจที่เรียกว่า Fleet ก็ได้เช่นกัน
ซึ่ง Crypto Mines ได้เปิดตัวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม และมีแนวโน้มการขับเคลื่อนเกมที่ดีมาโดยตลอดจนถึงขั้นเป็นหนึ่งในเกม Recommend ที่ทุกคนแนะนำ แถมในช่วงเดือนพฤศจิกายน Crypto Mines ยังเป็นเกมที่มี Active User สูงที่สุดบน BSC ติดต่อกันรัวๆ แซงหน้าเกมอื่นบนเชนไปลิบลิ่วเลย นั่นจึงทำให้ตัวเกมได้รับความไว้วางใจจากพาร์ทเนอร์ และพาเหรียญ ETERNAL ได้ไปโลดเล่นบนกระดานเทรด (Decentralized Exchange) เจ้าใหญ่ๆ หลายเจ้า แนวโน้มดีขนาดนี้ทีม Developer เขาเลยมีแผนพัฒนาเกมยาวไปจนถึงปี 2022 นู่นเลยล่ะ
อย่างไรก็ตาม อัตราการเติบโตของเกมนี้ก็ช่างน่ากลัวยิ่งนัก เมื่อเกมได้รับความนิยม คนที่เข้ามาขุด ETERNAL จนกราฟพุ่งทะยานขึ้นสูงมาก (อารมณ์คล้ายๆเงินเฟ้อในสกุลเงินจริง) เมื่อราคาเหรียญขึ้นคนจึงพร้อมใจกันเทขายและทำให้กราฟดิ่งลงภายในเวลาไม่นาน หรือที่หลายคนเรียกว่าภาวะ "ติดดอย" นั่นเอง ผู้เล่นบางคนที่ Panic ก็รีบขายออกก่อนที่ตัวเองจะขาดทุน เป็นการซ้ำแผลเศรษฐกิจของเกมเข้าไปอีก นั่นทำให้ความน่าเชื่อถือของเกมวูบหายไปชั่วข้ามคืน เมื่อไม่มีผู้ลงทุนหน้าใหม่เข้ามาเพิ่ม NFT เริ่มไม่มีราคา ทำให้ไม่เกิดการหมุนเวียนของเงินทุนและทรัพยากรภายในเกม ทาง Developer ที่พยายามยื้อสุดชีวิตแล้ว จึงตัดสินใจเปิด Voting ให้ผู้เล่นที่ยังคงรักเกมนี้อยู่ช่วยกันตัดสินใจว่าจะไปต่อหรือพอแค่นี้ ซึ่งมติที่ออกมาก็คือผู้เล่นยินดีที่จะย้ายไปยังเกมเวอร์ชั่นใหม่ ดีกว่าอยู่กับเศรษฐกิจเกมพังๆที่ไม่รู้ว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้ไหม
นั่นจึงทำให้ Crypto Mines ประกาศจะปิดตัวเวอร์ชั่นปัจจุบัน (Legacy) และเตรียมพัฒนาเวอร์ชั่นใหม่ในชื่อ CryptoMines Reborn อย่างเป็นทางการ
1. คำว่า "Oracle" ถูกพูดถึงมากขึ้นในหมู่ผู้เล่นเกม Play-to-Earn
ระบบ Oracle คือการปรับสมดุลราคาของในเกมให้คงที่อยู่ตลอดเวลา ซึ่งมีผลดีที่ผู้เล่นใหม่สามารถลงทุนและเริ่มเกมได้อย่างเสมอภาคกับผู้เล่นเดิม แต่ปัญหาคือ วิธีการนี้จะทำให้เหรียญเข้าและออกจากระบบอย่างรวดเร็ว และถ้าหากไม่มีผู้เล่นใหม่เข้ามาเพิ่มก็จะทำให้ราคาเหรียญตกลงอย่างรวดเร็ว เมื่อราคาเหรียญเริ่มดิ่งคนก็เริ่มเทขายจนหมด Pool
เหตุนี้เอง จึงทำให้เกิดการถกเถียงกันมากขึ้นว่าระบบนี้ "ดีจริงหรือไม่?" และได้มีการเปรียบเทียบกับระบบของเกมอื่นๆ ว่าดีหรือเสี่ยงกว่าแบบ Oracle แค่ไหน เพื่อจะได้รู้เท่าทันเกมใหม่ๆที่กำลังจะเกิดขึ้นด้วยนั่นเอง
2. เกมที่คนอวยมาก ใช่ว่าจะอยู่รอดเสมอไป
จากกรณีครั้งนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าเกมที่มีสถิติดี รีวิวดี คนแนะนำเยอะ ก็มีโอกาสแตก (ปิดตัว) ไปได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่ที่จะเข้ามาในวงการ Play-to-Earn ตระหนักถึงการศึกษาข้อมูลเกมและประเมินความเสี่ยงมากขึ้นกว่าช่วงก่อน
3. การเล่นเกม vs. การลงทุน
เป็นอีกหนึ่งข้อสังเกตที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคุยกันมากขึ้น ว่าการมาของ "GameFi" นั้นทำให้การเล่นเกมเพื่อหารายได้มันเกิดขึ้นจริง แต่ถ้าคนที่อยู่ในเกมมีแต่นายทุนล่ะ? แน่นอนมันก็จะไม่ใช่เกมแบบที่เราเคยรู้จักอีกต่อไป เพราะแทนที่ทุกคนจะได้เข้ามาสนุก แลกเปลี่ยนของสะสมภายในเกม และได้กำไรเป็นรายได้จากมัน กลับกลายเป็นว่ามีแต่คนเข้ามาเพื่อหวังกอบโกย ทำให้เศรษฐกิจพัง ความเป็นเกมพัง และเมื่อไหร่ที่นายทุนเหล่านั้นเทเกม เหล่าคนที่กลัวขาดทุนก็พร้อมจะเทตามทันที ทั้งหมดนี้ต่างเป็นสาเหตุให้เกม Play-to-Earn แตกมานักต่อนักแล้ว เพียงแต่ CryptoMines เป็นเกมที่กระแสแรงจึงทำให้ถูกพูดถึงมากกว่านั่นเอง
4. ความเสี่ยงในการเล่นเกม NFTs
อย่างที่เราบอกทุกครั้งว่า "ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ควรศึกษารายละเอียดก่อนการทำธุรกรรม" ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลย และเป็นกฎที่ผู้มีความต้องการลงทุนทุกคนต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับ 1
ฉะนั้น จากนี้แม้จะมีรายละเอียดเกม NFTs ไม่ว่าเก่าหรือใหม่เข้ามา "อย่าเพิ่งลงทุน" ถ้ายังไม่ได้ศึกษาจนมั่นใจ หรือประเมินความเสี่ยงว่าเรารับได้ เช่น ซื้อยาน 1 ลำ ด้วยเงิน 5,000 บาท โดยเป็นจำนวนเงินที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ (เงินเย็น) ซึ่งถ้าได้ก็กำไร เสียไปก็ถือว่าสนับสนุนผู้พัฒนาเช่นเดียวกับการเล่นเกมอื่นๆ แต่ถ้าไม่มีจริงๆ ให้เล่นแบบสายฟรีโดยไม่หวังกำไรจะดีกว่า หากผู้เล่นต่างหมุนเวียนเข้าเกมมาด้วย mindset นี้ จะทำให้สังคมเกมน่าอยู่และเกิดเศรษฐกิจที่ยั่งยืนกว่าด้วย
5. Content เกี่ยวกับ "พื้นฐาน GameFi ที่ควรรู้" ถูกสร้างมากขึ้น
จากเหตุการณ์นี้ ทำให้ Creator สาย NFTs Game หลายท่านได้ออกมาทำคลิปแนะแนวทางการ Play-to-Earn มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นช่องที่เริ่มต้นจากเรื่องนี้อย่าง AE-AH Crypto & GameFi ที่จะมาอัปเดตเกี่ยวกับเกม CryptoMines และพูดถึงกรณีศึกษาของเกมต่างๆ หรือช่อง TopGame Thailand ที่ได้เพิ่มรายการ "GameFi Clinic" เพื่อมาให้ความรู้เรื่องนี้โดยเฉพาะ เรียกได้ว่าเราจะสามารถหาข้อมูลได้ง่ายและหลากหลายกันมากขึ้น ถือว่าเป็นข้อดีที่จะช่วยเสริมเกราะป้องกันและความมั่นใจให้กับมือใหม่ในวงการ NFTs Game ได้อย่างยอดเยี่ยมเลยล่ะ
- ทาง Developer ได้กำหนดเหรียญใหม่สำหรับ CryptoMines Reborn ออกมาแล้ว ชื่อว่า "Dark Matter"
- สำหรับผู้เล่นเก่าในตอนนี้ สามารถเข้าร่วม Stake ทรัพยากรเพื่อแลกรับโทเค็นใหม่ โดยจะมีระยะเวลา 6 เดือนในการทำกิจกรรม
- ในตัวเกมใหม่ จะพัฒนาระบบให้มีความปลอดภัย รัดกุม ป้องกันวาฬ (ผู้ที่ถือเหรียญจำนวนมาก) และเป็นเกมที่มีระบบเศรษฐกิจที่มีสภาพคล่องมากขึ้น
============================================================
ก็มารอลุ้นกันว่า CryptoMines Reborn จะสามารถแก้ปัญหาจากบทเรียนที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ดีแค่ไหน? แล้วภาคใหม่จะน่าลงทุนกว่าภาคเก่าหรือเปล่า? ซึ่งถ้าใครรอคอยอยู่ก็ขอให้ประสบกับโชคดีในเวอร์ชั่นใหม่ ส่วนใครที่ยังไม่มั่นใจ เราก็มาติดตามข่าวและเอาใจช่วยทีม Developer ไปด้วยกันดีกว่า!