Monster Hunter Rise: Sunbreak เป็น DLC เสริมต่อจากภาคที่แล้ว เป็นอีกหนึ่งความคาดหวังจากเหล่าผู้เล่นมอนสฮันเพราะในภาค Rise เกิดคำครหาต่าง ๆ นา ๆ จากเหล่าผู้เล่นว่า มีคอนเทนต์น้อยเกินไปใช้เวลาไม่นานเดียวก็เล่นจบหมดทุกอย่างแล้ว และเมื่อ CAPCOM ได้ออกภาคเสริม ก็ทำให้ผู้เล่นหลาย ๆ จนเกิดความหวังว่าภาคนี้จะกลับมาดีและยิ่งใหญ่เหมือกับภาคที่สร้างรายได้มากที่สุดอย่าง Monster Hunter World: Iceborne  โดยเมื่อไม่นานมานี้ก็ได้มี Trailer พร้อมการปรากฎตัวของมอนสเตอร์ที่หลายคนคิดถึงและระบบการต่อสู้ใหม่ ๆ อีกทั้งยังเปิด Demo ให้ผู้เล่นได้เข้าไปทดลองกัน ซึ่งในวันที่ 30 มิถุนายม 2022 Monster Hunter Rise: Sunbreak ก็จะสามารถเข้าไปเล่นได้อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าภาคใหม่อะไรหลาย ๆ อย่างก็คงเปลี่ยนไปหรือเพิ่มขึ้นมา วันนี้ GameFever TH ก็ได้รวบรวมข้อมูลของสิ่งที่ควรรู้ก่อนเล่น Monster Hunter Rise: Sunbreak มาฝากจะเป็นอย่างไรก็เชิญรับชมได้เลย

ระบบการต่อสู้/Gameplay

ในครั้งนี้การออกล่าได้ถูกปรับให้ดีกว่าเดิมทั้งความเร็ว ความคล่องตัว อีกทั้งยังเพิ่มระบบตัวช่วยใหม่ ๆ ให้ผู้เล่นได้ใช้มันง่ายและสะดวกมากขึ้นสรุปได้ดังนี้

สกิลใหม่ที่ถูกเพิ่มมา

ใน Monster Hunter Rise: Sunbreak เกมก็ได้เพิ่มสกิลใหม่ ๆ ของอาวุธทั้ง 14 ชิ้น ที่มันจะมอบพลังสุดยิ่งใหญ่ ความรุนแรงอันเกินคาด และความท้าทายใหม่ ๆ แก่เรา ผู้เล่นจะสามารถเลือกรูปแบบการต่อสู้ของตัวเองให้เหมาะสำหรับการออกล่า หรือสร้างสไตล์ใหม่ ๆ เพื่อการต่อสู้ที่ไม่มีใครคาดถึง เช่น ดาบใหญ่ที่มันความเทอะทะไม่คล่องตัว เกมก็ได้เพิ่มสกิลใหม่ที่เพิ่มความสามารถให้แก่อาวุธชิ้นมีความรวดเร็วมากขึ้น เป็นต้น

ฟังก์ชั่นใหม่ Switch Skill Swap

ก่อนหน้านี้ใน Monster Hunter Rise เกมได้เพิ่มฟังก์ชั่น Switch Skill ที่ผู้เล่นสามารถเปลี่ยนสกิลดั่งเดิมของอาวุธเป็นสกิลใหม่ได้ แต่ผู้เล่นจะต้องทำก่อนที่เข้าภารกิจ ซึ่งในภาคเสริมอย่าง Sunbreak ก็ได้เพิ่มฟังก์ชั่น Switch Skill Swap ที่เราจะสามารถเซ็ตสกิลที่ต้องการไว้ ได้มากถึงสองเซ็ต และยังปรับเปลี่ยนในภารกิจได้อย่างอิสระ เพื่อให้ผู้เล่นได้สรรค์สร้างคอมโบสุดตระการตา

สกิลการเคลื่อนที่

ภาคนี้ก็ได้เพิ่มและปรับปรุงการเคลื่อนที่ให้สะดวกต่อการล่ามากขึ้น เห็นได้ชัด 2 อย่างก็คือ 

Swap Evade: หลังจากที่ใช้ Switch Skill Swap แล้วเราจะสามารถพุ่งตัวไปทิศทางที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว ใช้เพื่อหลบหลีบหรือเข้าประชิดตัวมอนสเตอร์

ปรับการวิ่งไต่กำแพง: ก่อนหน้านี้ผู้เล่นจำเป็นต้องใช้ Wirebug เพื่อเริ่มการไต่ขึ้นกำแพง แต่ใน Sunbreak เราไม่จำต้องใช้มันแล้วเพราะผู้เล่นจะสามารถวิ่งขึ้นกำแพงได้ด้วยตัวเองเพียงแค่ใช้ การพุ่ง กระโดด หรือใช้สกิลหลบกลางอากาศเข้าหากำแพงเท่านั่นเอง

Endemic Life (สิ่งมีชีวิตประจำถิ่น)

ในหนึ่งแผนที่มันก็ไม่ได้มีแค่มอนสเตอร์ของภารกิจทีเราต้องมากำจัดเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่มันยังมีสิ่งมีชีวิตน้อยใหญ่อยู่มากมาย แสดงให้เห็นถึงระบบนิเวศของพื้นที่นั้น ๆ โดยมันก็ยังมีสิ่งมีชีวิตบางตัวที่เราสามารถใช้มันในการต่อสู้และยังให้เอฟเฟกต์ต่าง ๆ แก่ผู้เล่นอีกด้วย ซึ่งในภาค Sunbreak เกมก็ได้เพิ่มสิ่งมีชีวิตชนิดใหม่ ๆ ให้เราได้พบเช่นเดียวกัน:

Morphed Wirebugs - Wirebugs แบบใหม่ที่มีส่องประกายกว่าปกติ มันมีอยู่ด้วยกันสองประเภทก็คือ Ruby Wirebug และ Gold Wirebug การจับพวกมันจะเสริมเอฟเฟกต์ต่าง ๆ ให้กับผู้เล่น

(เอฟเฟกต์โดยรวม - จะทำให้ขึ้นขี่มอนสเตอร์ได้ง่ายขึ้น)

Ruby Wirebug - การขี่มอนสเตอร์จะทำให้เราสร้างเสียหายมากขึ้น

Gold Wirebug - การขี่มอนสเตอร์จะทำให้มีโอกาสดรอปวัตถุดิบมากขึ้น

Marionette Spiders: ผู้เล่นสามารถใช้ใยของแมงมุมตัวนี้ ผูกกับมอนสเตอร์แล้วดึงพวกมันไปทิศทางที่เราต้องการได้ หากดึงแล้วไปชนกับสิ่งกีดขว้าง จะทำให้มอนสเตอร์ตัวนั้นมึนและล้มลงไปกองกับพื้น

Starburst Bug: แมลงตัวนี้จะปล่อยฝุ่นละออง ซึ่งถ้าหากได้รับกระทบกระเทือนพวกมันจะเกิดการระเบิดสร้างความเสียหายโดยรอบ

Thornytoad: ใน Monster Hunter จะมีคางคกแบบนี้อยู่หลายประเภท แต่สำหรับตัวนี้จะเป็นสายพันธุ์ที่ดุที่สุดในตระกูล พวกมันจะกระโดดงับสิ่งมีชีวิตที่โจมตีใส่มันและปล่อยกรดเพื่อสร้างความหายเพิ่มเติม

Spearsquid: เป็นปลาหมึกที่อาศัยอยู่ในแหล่งน้ำรอบแผนที่ป่า พวกมันมีร่างกายแหลมคมสามารถสร้างความเสียหายใส่มอนสเตอร์ได้เพียงแค่ว่ายผ่าน

Slicercrab: สิ่งมีชีวิตตัวนี้เป็นปูเสฉวนอาศัยอยู่ในที่มืดและชื้น เนื่องจากพวกมันสายตาไม่ดีจึงจะโจมตีใส่ทุกอย่างที่บุกรุกเข้ามาในถิ่นของมัน 

มอนสเตอร์

ใน Monster Hunter Rise: Sunbreak ก็ได้มีทั้ง มอนสเตอร์ตัวใหม่ มอนสเตอร์ตัวเก่าสายพันธุ์ใหม่จากภาค Rise หรือแม้กระทั่งมอนสเตอร์จากภาคเก่าที่กลับมาให้เราได้หายคิดถึงกัน โดยตัวที่ถูกเปิดเผยออกมาจาก Trailer ตัวล่าสุด (น่าจะตัวสุดท้ายแล้ว) และเว็บ Official ของ Monster Hunter ก็มีด้วยกันดังนี้

The Three Lords - ราชาทั้งสาม

เหล่ามอนสเตอร์หน้าใหม่ที่พึ่งปรากฎตัวครั้งแรกในภาคนี้ โดยพวกมันก็จะมาในธีมของภูติ ผี ปีศาจ เช่นเดียวกันกับ Monster Hunter Rise ที่สำคัญเลยคือพวกมันมีพลังความแข็งแกร่งไม่แพ้กับมอสเตอร์ตัวเก่า ๆ เลย 

Malzeno 

เป็นมอนสเตอร์ระดับ Elder Dragon มีร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเงิน รูปลักษณ์คล้ายกับแวมไพร์ และออกหากินในเวลากลางคืน มันสามารถดูดเลือดจากสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใกล้ อีกทั้งยังมีสถานะใหม่อย่าง Bloodblight ที่ถ้าหากติดสถานะนี้แล้วเราจะถูกลดประสิทธิภาพในฮีลและพลังชีวิตที่หายไปอีกจำนวนนึง แต่เราก็สามารถนำกลับมาได้ด้วยการโจมตีโดยตรงใส่ Malzeno ใน Demo ก็มีผู้เล่นหลายคนพบว่ามันยังมีอีกหนึ่งความสามารถนั่นก็คือ การวาร์ปมาเซอร์ไพรส์ผู้เล่นให้ตั้งหลักกันไม่ได้ทันเลยทีเดียว และยังมีการเปิดเผยจากทางทีมงานว่า Malzeno จะมีอีกหนึ่งที่ร่างแข็งแกร่งและน่ากลัวขึ้นกว่าเดิมหากมันเก็บพลังงานได้เพียงพอ

Malzeno ใช้ท่าวาร์ป

Garangolm 

เป็นสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ มีรูปลักษณ์คล้ายกับแฟรงเกนสไตน์และกอริล่า มันจะปล่อยของเหลวที่สามารถเร่งการเจริญเติมของต้นไม้หรือทำให้พื้นดินแข็งตัว และมันยังมีสามารถในการใช้ธาตุไฟและน้ำในการโจมตีอีกด้วย

Lunagaron

มอนสเตอร์ประเภท Fanged Wyvern มันมีระบบควบคุมอุณหภูมิที่ไม่เหมือนใครเพียงการหายใจของมันก็สร้างไอความเย็นได้แล้ว Lunagaron มีร่างกายคล้ายกับหมาป่า สามารถควบคุมไอเย็นและสร้างออกมาเป็นน้ำแข็งเพื่อโจมตีเหล่าผู้เล่นได้ มันสามารถทนต่อสภาพอากาศได้หลายรูปแบบ เราจึงจะได้พบเห็น Lunagaron บ่อยในหลากหลายแผนที่นั่นเอง

มอนสเตอร์จากภาคเก่า

การกลับมาของพวกมันก็ทำให้เหล่านักล่ารุ่นเก๋าหายคิดถึงกันพอสมควร ซึ่งใน Sunbreak ก็ได้เปิดเผยตัวที่นำกลับมาดังนี้

Shogun Ceanataur

เป็นมอนสเตอร์ประเภทปูขนาดใหญ่ที่เดิมปรากฏตัวครั้งแรกใน Monster Hunter 2 ผู้เล่นจะรู้จักมันกจากการใช้หัวกะโหลกของมังกรมาเป็นเปลือกหอย Shogun Ceanataur จะโจมตีด้วยกล้ามที่ยาวและแหลมคมของมัน บางครั้งการล่าของเราก็อาจจะได้ไปพบกับไข่มุกอันล้ำค่าที่ดรอปจากตัวมัน ซึ่งการจะเจอก็เป็นเรื่องที่ค่อยข้างยากเลยทีเดียว

Daimyo Hermitaur

เป็นอีกหนึ่งมอนสเตอร์ประเภทปู เช่นเดียวกับ Shogun Ceanataur มันใช้หัวกะโหลกของมังกรมาเป็นเปลือกหอย Daimyo Hermitaur จะใช้กล้ามขนาดใหญ่ของมันในการป้องและโจมตี มอนสเตอร์ตัวนี้ยังสามารถยิงกระสุนน้ำออกมาจากปากเพื่อสร้างเสียหายได้อีกด้วย

Seregios

เป็น Flying Wyverns ขนาดใหญ่ มันมีเกล็ดอันแหลมคมทั่วร่างกายและสามารถยิงออกมาเป็นกระสุนได้อีกด้วย ซึ่งถ้าหากโดนก็อาจจะทำให้ติดสถานะ Bleeding โดยมันจะค่อย ๆ ลดเลือดของเราอีกด้วย Seregios เป็นมอนสเตอร์ที่ค่อนข้างดุมันจะโจมตีใส่ทุกอย่างที่เข้ามาในเขตของมันไม่เว้นแม้แต่มอนสเตอร์ที่มีขนาดใหญ่กว่า

Astalos

เป็น Flying Wyverns ที่มีความสามารถในการโจมตีด้วยธาตุสายฟ้า ปีกของมันมีอวัยวะรูปร่างคล้ายหงอนสามารถสั่นเพื่อสร้างและกักเก็บไฟฟ้าได้อย่างมหาศาล ลักษณะเด่นของมันก็คือสายฟ้าสีเขียวที่จะคอยโจมตีใส่ผู้เล่นอย่างบ้าคลั่ง

Espinas

ปรากฎตัวครั้งแรกใน Monster Hunter Frontier มันเป็นมอนสเตอร์ที่ไม่ค่อยสนโลกสักเท่าไหร่ ผู้เล่นมักพบมันนอนอยู่ในรังของมัน ซึ่งต่อให้เราไปโจมตีสักทีนึงมันก็จะยังไม่ยอมตื่น ผู้เล่นจะต้องโจมตีไปเรื่อย ๆ มันถึงจะยอมตื่นมา ซึ่งการต่อสู้ของ Espinas จะเป็นอะไรที่รุนแรงและหนักหน่วง มันมีหนามแหลมสีแดงรอบตัว อีกทั้งยังมีความสามารถของธาตุไฟอีกด้วย

Gore Magala

เป็นหนึ่งในมอนสเตอร์ที่แฟน ๆ Monster Hunter ต้องการให้กลับมา Gore Magala มีลักษณะเด่นคือปีกสีดำขนาดใหญ่คล้ายกับผ้าคุมห่อศพ และยังมีจุดเด่นอีกหนึ่งอย่างก็คือมันเป็นมอนสเตอร์ที่ตาบอด Gore Magala จึงชดเชยด้วยการปล่อยละอองเกล็ดเพื่อใช้ในการตรวจจับสิ่งมีชีวิตรอบ ๆ และเมื่อมันโกรธ Gore Magala จะงอกเขา กางปีกออก แสดงให้ผู้เล่นได้รับรู้ถึงความบ้าคลั่งที่กำลังจะตามมา

มอนสเตอร์ตัวเก่าสายพันธุ์ใหม่จากภาค Rise

เป็นมอนสเตอร์หน้าเก่าที่โผล่มาแล้วใน Monster Hunter Rise แต่ครั้งนี้พวกมันก็ได้มี Subspecies (สายพันธ์ุย่อย) ที่ความแข็งแกร่งของพวกมันก็ไม่แพ้หรืออาจจะมากกว่า สายพันธุ์หลักเลยทีเดียว

Pyre Rakna-Kadaki

เป็น Subspecies ของ Rakna-Kadaki มันทนทานและมีความสามารถในการใช้ระเบิดที่รุนแรง มอนสเตอร์ตัวนี้ยังใช้ใยในการส่งลูก ๆ และยิงระเบิดของมันไปยังเหล่านักล่าได้อีกด้วย

Blood Orange Bishaten

มันเป็น Subspecies ของ Bishaten มอนสเตอร์ตัวนี้จะเก็บ Pinecones (ผลไม้ระเบิด) ไว้ที่กระเป๋าหน้าท้อง เพื่อใช้จุดและโจมตีใ่สผู้เล่น

Aurora Somnacanth

มอนสเตอร์ตัวนี้จะโปรยฝุ่นละอองไว้รอบ ๆ ตัว ซึ่งสายพันธุ์จะเป็นละอองน้ำเย็นแทนที่ผงหลับ มันจะโจมตีใส่ผู้เล่นที่เขามาในอาณาเขตของละออง

Magma Almudron

มันจะเปลี่ยนจากมอนสเตอร์ธาตุน้ำ กลายเป็นธาตุไฟ Magma Almudron จะอาศัยอยู่ในถ้ำที่มีลาวาโดยจะสร้างของเหลวที่ความสามารถในการละลายพื้นดิน เพื่อให้ตัวเองว่ายผ่านได้อย่างอิสระ

แผนที่ใหม่

ใน Monster Hunter Rise: Sunbreak ก็ได้เพิ่มแผนที่ใหม่มาอีก 2 ที่ด้วยกันได้แก่

Citadel : เป็นสถานที่แห่งใหม่ที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ซากปรักหักพังอันรกร้างของปราสาทเก่าแก่ ซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่หลากหลายตั้งแต่พื้นที่ป่าไปจนถึงภูมิประเทศที่เป็นน้ำแข็ง

Jungle : ที่นี้มีอากาศอันแสนอบอุ่นและฝนตกชุก ทำให้เป็นสวรรค์สำหรับเหล่ามอนสเตอร์และพืชพันธุ์ต่าง ๆ Jungle มีความเขียวขจีที่เต็มไปด้วยต้นไม้ ถ้ำใต้ดินที่กว้างใหญ่ และพื้นที่ริมน้ำอันสวยงาม

ศูนย์วิจัยและตัวละครใหม่

ศูนย์วิจัย : ใน Sunbreak เราจะได้ไปที่ศูนย์วิจัยใหม่อย่าง Elgado โดยในสถานที่นี้จะอยู่ติดกับทะเลและป่า มีลักษณะคล้ายกับปราสาทฝั่งยุโรป

ตัวละครใหม่ : ในภาคนี้ได้มีการเปิดตัว NPC ใหม่ ๆ เข้ามาโดยที่ศูนย์วิจัยแหล่งนี้จะประกอบไปด้วย อัศวินของราชวงศ์ นักวิจัย กะลาสี พ่อค้า และนักล่าที่ได้รับการว่าจ้าง ซึ่งก็จะมีตัวละครหลัก ๆ  ดังนี้

Fiorayne : อัศวินแห่ง Royal Order

Admiral Galleus : หัวหน้าของเหล่าอัศวิน

Bahari : นักวิทย์ศาสตร์

Chichae : คนมอบภารกิจ

Minayle : ช่างตีเหล็ก

Oboro : พ่อค้า

Arlow : อัศวินแห่ง Royal Order

Jae : อัศวินแห่ง Royal Order

Luchika : อัศวินแห่ง Royal Order

Tadori : หมอ

เควส Follower Collab 

เป็นเควสต์สำหรับผู้เล่นคนเดียวที่เราจะได้ออกล่าไปพร้อมกับตัวละครต่าง ๆ ที่ปรากฏอยู่ในเนื้อเรื่อง พวกเขาจะช่วยเหลือเราด้วยหลากหลายวิธี เช่น ใช้ไอเทมฟื้นฟูให้เรา วางกับดัก หรือบางครั้งก็ขี่มอนสเตอร์ โดยเราก็จะได้รับรางวัลพิเศษเมื่อจบภารกิจเหล่านี้ได้ ซึ่งเราจะสามารถสนุกไปกับ Monster Hunter Rise: Sunbreak แม้ไม้ได้เล่นกับเพื่อนก็ตาม

Credit : MONSTER HUNTER RISE: SUNBREAK