กลับมาคุยกันอีกครั้งกับเกมผีสุดหลอนที่เหล่าแฟนๆเกมแนวสยองขวัญทั้งหลายจะต้องชื่นชอบอย่าง Devotion เกมแนวสยองขวัญสายเลือดไต้หวัน ที่พัฒนาขึ้นโดยค่ายเกมอย่าง Red Candle ที่ต้องบอกเลยว่าเกมนี้จะขยี้จิตใจของคุณให้แหลกคึได้อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าทั้งภาพ เสียงหรือเนื้อหาก็จะนำพาให้คุณไปพบเจอกับประสบการณ์สุดหลอนได้อย่างแน่นอน ส่วนเนื้อเรื่องจะเป็นยังไง มีอะไรที่น่าสนใจบ้างในเกมนี้ ก็ตามมาดูกันได้เลยยย
เรื่องราวความหลอนที่จะนำพาคุณไปสู่เบื้องลึกของจิตใจ
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดจะเริ่มต้นขึ้นที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในปี 1980 ณ ประเทศไต้หวัน เป็นเรื่องราวของครอบครัวนึง มีพ่อ แม่ ลูก ดูเหมือนเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ปกติ แต่จริงๆแล้วแม่นั้นเคยเป็นดาราที่กำลังจะรุ่ง แต่ยอมทิ้งอนาคตและทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมาดูแลคนเป็นพ่อที่เป็นนักเขียนบทตกอับที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ล้มเหลวไม่เป็นชิ้นเป็นอัน กับลูกสาวที่จู่ๆก็ป่วยเป็นโรคประหลาดขึ้นมา และจากนั้นเรื่องราวของเกมก็จะถูกถ่ายทอดผ่านห้อง 5 ห้องของอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ที่ต้องบอกเลยว่าแต่ละห้องก็จะมีเบื้องลึกเบื้องหลังสุดหลอนชวนขนหัวลุกซ่อนอยู่
ทำไม Devotion ถึงเป็นเกมที่คู่ควรกับผู้เล่นสายเกมผี
จริงๆต้องบอกไว้เบื้องต้นก่อนว่าเจ้าตัวเกม Devotion เนี่ยไม่ได้มีระบบการเล่นที่หลากหลายหรือแปลกใหม่มากมายอะไรนัก สำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบการต่อสู้กับผีหรือการทำแอ็คชั่นอะไรเยอะๆก็อาจจะรู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าต้องมาแนะนำเกมนี้ก็คงจะเป็นความน่าดึงดูดทางการถ่ายทอดและการเล่าเรื่องที่จะเล่นผ่านครอบครัวครอบครัวนึง โดยที่ครอบด้วยบรรยากาศและฉากที่ถูกเซตขึ้นมาให้เข้ากับวิถีชีวิต วัฒนธรรมและความเชื่อของชาวไต้หวัน ทำให้คนที่ได้ลองเล่นจะได้รับเนื้อเรื่องของเกมได้แบบเต็มๆ ถ้าจะให้สรุปง่ายๆก็คือสิ่งที่น่าดึงดูดและน่าตื่นเต้นของเกมนี้ไม่ใช่เรื่องของระบบการเล่น แต่เป็นการเล่าเรื่องแบบมีชั้นเชิงต่างหาก
ระบบการเล่นแสนเรียบง่ายเพื่อให้เราอินไปกับเนื้อเรื่องได้แบบเต็มข้อ
ด้วยเกมนี้จะมีระบบการเล่นที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย ประกอบกับมีมุมมองแบบบุคคลที่หนึ่ง (Firstperson) ก็จะทำให้เราได้รับรู้ถึงเรื่องราวของเกมได้อย่างเต็มที่ สิ่งที่เราสามารถทำได้ในเกมนี้ก็คือการเดินสำรวจห้องต่างๆในอพาร์ตเมนต์ สะสมไอเทมและนำกลับไปไว้ในที่ที่มันควรจะอยู่ อย่างเช่น การเอาดอกไม้ไปใส่กระถาง การเอาของที่หล่นเอากลับไปไว้ในที่เดิม ซึ่งการทำแบบนี้ก็จะแปรียบเสมือนเป็นกุญแจที่จะทำให้เนื้อเรื่องดำเนินต่อไป โดยที่เราจะสามารถดูความคืบหน้าของเนื้อเรื่องได้ผ่านกระดาษข่าวสีขาวซีดๆที่แปะอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์ คล้ายๆกับเป็นการบันทึกความทรงจำที่กู้คืนมาได้จากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น
ของทุกชิ้นล้วนแต่มีเรื่องราว
จุดเด่นของเกมนี้ก็คือการบอกเล่าเรื่องราวโดยที่ไม่เราเล่นไปเรื่อยๆ เรื่องทั้งหมดก็จะค่อยๆเฉลยออกมาทีละฉาก โดยที่เกมนี้จะมีการย้อนเวลาไปมาระหว่างช่วงปี 1980, 1985, 1986 เพื่อตามหาเศษของความทรงจำต่างๆที่หล่นหายไป เพื่อที่จะนำมาปะติดปะต่อเรื่องราวจนมาถึงปัจจุบันคือในปี 1987 ด้วยเหตุนี้เองไอเทมทุกชิ้นที่เราเก็บมาหรือสำรวจก็จะเป็นตัวเชื่อมโยงความทรงจำและเรื่องราวต่างๆเอาไว้ด้วย หากคุณเป็นคนที่ขี้เกียจอ่านกระดาษโน้ตๆที่อยู่ในเกม ผู้เขียนบอกเลยว่าเกมนี้คุณควรจะอ่านมันแทบทุกชิ้น เพราะว่านอกจากการดำเนินเนื้อเรื่องของเกมให้เป็นไปแล้ว มันยังมีเรื่องราวเล็กๆที่เราไม่ควรจะพลาดในการทำให้เราเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
บรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวควบคู่ไปกับเรื่องราวที่เข้มข้น
ในเรื่องของตัวฉากของเกมนี้ทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะในเรื่องของแสงสีที่ทำให้บรรยากาศในเกมมันดูน่ากลัวและสร้างความกดดัน ผนวกกับการทำรายละเอียดของฉากให้ดูเหมือนกับเรได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงปี 1980 ในประเทศไต้หวันจริงๆ อย่างเช่น ฉากของห้องอพาร์ตเมนต์ที่จะเป็นห้องมืดๆและมีแสงสีแดงเข้มๆโดยที่ผนังด้านข้างก็จะเต็มไปด้วยยันต์ ของทำคุณไสยต่างๆอยู่เต็มไปหมด สปอยล์ไว้ได้เลยว่าเกมนี้ไม่ได้มีฉากตกใจหรือ Jump Scared แบบหนักๆ แต่เกมนี้จะเน้นไปที่การทำภาพและบรรยากาศที่พร้อมจะล้อเล่นกับจิตใจของเราอยู่ตลอดเวลาที่เล่นเกมนี้
ถึงแม้ว่าเกมนี้จะไม่ได้เป็นเกมที่กินเวลาที่นานนัก เล่นสัก2-3ชั่วโมงก็น่าจะเล่นจนจบได้ แต่ถ้าหากว่าเราลองสัมผัสกับเรื่องราวของเกมแบบเต็มๆ อ่านทุกข้อมูลที่หาเจอ รับรองได้เลยว่าเมื่อนำเรื่องราวทั้งหมดมาปะติดปะต่อกันจนสู่บทสรุปได้สำเร็จ คุณจะต้องรู้สึกว่าเกมนีมันเป็นอีกหนึ่งสุดยอดเกมผีอย่างแน่นอน สุดท้ายต้องบอกว่าในมุมมองผู้เขียน เกมนี้แม้แต่คนที่กลัวผีก็สามารถจับต้องได้เพราะไม่ได้มีฉากพาตกใจอะไรมากมาย แต่จะเป็นเกมที่เล่นกับจิตใจของเราด้วยความกดดัน เหมือนกับเราได้ดูหนังผีหรืออ่านเรื่องผียังไงอย่างงั้น
ถึงแม้ว่าจะเป็นเกมที่ถูกแบนออกจาก Steam เพราะในตัวเกมมีบางส่วนที่เป็นการล้อเลียนผู้นำของจีน จนโดนชาวจีนรุมวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่ แต่สุดท้ายก็ได้ถูกนำกลับมาวางจำหน่ายทางช่องทางเว็บไซต์ของทางผู้พัฒนาเองอย่าง Red Candle Games ใครอยากลองสามารถเข้าไปซื้อได้ทางลิงค์ด้านล่างในราคา $16.99 (ราว 559 บาท)
https://shop.redcandlegames.com/games/devotion
กลับมาคุยกันอีกครั้งกับเกมผีสุดหลอนที่เหล่าแฟนๆเกมแนวสยองขวัญทั้งหลายจะต้องชื่นชอบอย่าง Devotion เกมแนวสยองขวัญสายเลือดไต้หวัน ที่พัฒนาขึ้นโดยค่ายเกมอย่าง Red Candle ที่ต้องบอกเลยว่าเกมนี้จะขยี้จิตใจของคุณให้แหลกคึได้อย่างแน่นอน เพราะไม่ว่าทั้งภาพ เสียงหรือเนื้อหาก็จะนำพาให้คุณไปพบเจอกับประสบการณ์สุดหลอนได้อย่างแน่นอน ส่วนเนื้อเรื่องจะเป็นยังไง มีอะไรที่น่าสนใจบ้างในเกมนี้ ก็ตามมาดูกันได้เลยยย
เรื่องราวความหลอนที่จะนำพาคุณไปสู่เบื้องลึกของจิตใจ
จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดจะเริ่มต้นขึ้นที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในปี 1980 ณ ประเทศไต้หวัน เป็นเรื่องราวของครอบครัวนึง มีพ่อ แม่ ลูก ดูเหมือนเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ปกติ แต่จริงๆแล้วแม่นั้นเคยเป็นดาราที่กำลังจะรุ่ง แต่ยอมทิ้งอนาคตและทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อมาดูแลคนเป็นพ่อที่เป็นนักเขียนบทตกอับที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ล้มเหลวไม่เป็นชิ้นเป็นอัน กับลูกสาวที่จู่ๆก็ป่วยเป็นโรคประหลาดขึ้นมา และจากนั้นเรื่องราวของเกมก็จะถูกถ่ายทอดผ่านห้อง 5 ห้องของอพาร์ตเมนต์แห่งนี้ที่ต้องบอกเลยว่าแต่ละห้องก็จะมีเบื้องลึกเบื้องหลังสุดหลอนชวนขนหัวลุกซ่อนอยู่
ทำไม Devotion ถึงเป็นเกมที่คู่ควรกับผู้เล่นสายเกมผี
จริงๆต้องบอกไว้เบื้องต้นก่อนว่าเจ้าตัวเกม Devotion เนี่ยไม่ได้มีระบบการเล่นที่หลากหลายหรือแปลกใหม่มากมายอะไรนัก สำหรับผู้เล่นที่ชื่นชอบการต่อสู้กับผีหรือการทำแอ็คชั่นอะไรเยอะๆก็อาจจะรู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เขียนรู้สึกว่าต้องมาแนะนำเกมนี้ก็คงจะเป็นความน่าดึงดูดทางการถ่ายทอดและการเล่าเรื่องที่จะเล่นผ่านครอบครัวครอบครัวนึง โดยที่ครอบด้วยบรรยากาศและฉากที่ถูกเซตขึ้นมาให้เข้ากับวิถีชีวิต วัฒนธรรมและความเชื่อของชาวไต้หวัน ทำให้คนที่ได้ลองเล่นจะได้รับเนื้อเรื่องของเกมได้แบบเต็มๆ ถ้าจะให้สรุปง่ายๆก็คือสิ่งที่น่าดึงดูดและน่าตื่นเต้นของเกมนี้ไม่ใช่เรื่องของระบบการเล่น แต่เป็นการเล่าเรื่องแบบมีชั้นเชิงต่างหาก
ระบบการเล่นแสนเรียบง่ายเพื่อให้เราอินไปกับเนื้อเรื่องได้แบบเต็มข้อ
ด้วยเกมนี้จะมีระบบการเล่นที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากมาย ประกอบกับมีมุมมองแบบบุคคลที่หนึ่ง (Firstperson) ก็จะทำให้เราได้รับรู้ถึงเรื่องราวของเกมได้อย่างเต็มที่ สิ่งที่เราสามารถทำได้ในเกมนี้ก็คือการเดินสำรวจห้องต่างๆในอพาร์ตเมนต์ สะสมไอเทมและนำกลับไปไว้ในที่ที่มันควรจะอยู่ อย่างเช่น การเอาดอกไม้ไปใส่กระถาง การเอาของที่หล่นเอากลับไปไว้ในที่เดิม ซึ่งการทำแบบนี้ก็จะแปรียบเสมือนเป็นกุญแจที่จะทำให้เนื้อเรื่องดำเนินต่อไป โดยที่เราจะสามารถดูความคืบหน้าของเนื้อเรื่องได้ผ่านกระดาษข่าวสีขาวซีดๆที่แปะอยู่หน้าอพาร์ตเมนต์ คล้ายๆกับเป็นการบันทึกความทรงจำที่กู้คืนมาได้จากเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้น
ของทุกชิ้นล้วนแต่มีเรื่องราว
จุดเด่นของเกมนี้ก็คือการบอกเล่าเรื่องราวโดยที่ไม่เราเล่นไปเรื่อยๆ เรื่องทั้งหมดก็จะค่อยๆเฉลยออกมาทีละฉาก โดยที่เกมนี้จะมีการย้อนเวลาไปมาระหว่างช่วงปี 1980, 1985, 1986 เพื่อตามหาเศษของความทรงจำต่างๆที่หล่นหายไป เพื่อที่จะนำมาปะติดปะต่อเรื่องราวจนมาถึงปัจจุบันคือในปี 1987 ด้วยเหตุนี้เองไอเทมทุกชิ้นที่เราเก็บมาหรือสำรวจก็จะเป็นตัวเชื่อมโยงความทรงจำและเรื่องราวต่างๆเอาไว้ด้วย หากคุณเป็นคนที่ขี้เกียจอ่านกระดาษโน้ตๆที่อยู่ในเกม ผู้เขียนบอกเลยว่าเกมนี้คุณควรจะอ่านมันแทบทุกชิ้น เพราะว่านอกจากการดำเนินเนื้อเรื่องของเกมให้เป็นไปแล้ว มันยังมีเรื่องราวเล็กๆที่เราไม่ควรจะพลาดในการทำให้เราเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด
บรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัวควบคู่ไปกับเรื่องราวที่เข้มข้น
ในเรื่องของตัวฉากของเกมนี้ทำได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว โดยเฉพาะในเรื่องของแสงสีที่ทำให้บรรยากาศในเกมมันดูน่ากลัวและสร้างความกดดัน ผนวกกับการทำรายละเอียดของฉากให้ดูเหมือนกับเรได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงปี 1980 ในประเทศไต้หวันจริงๆ อย่างเช่น ฉากของห้องอพาร์ตเมนต์ที่จะเป็นห้องมืดๆและมีแสงสีแดงเข้มๆโดยที่ผนังด้านข้างก็จะเต็มไปด้วยยันต์ ของทำคุณไสยต่างๆอยู่เต็มไปหมด สปอยล์ไว้ได้เลยว่าเกมนี้ไม่ได้มีฉากตกใจหรือ Jump Scared แบบหนักๆ แต่เกมนี้จะเน้นไปที่การทำภาพและบรรยากาศที่พร้อมจะล้อเล่นกับจิตใจของเราอยู่ตลอดเวลาที่เล่นเกมนี้
ถึงแม้ว่าเกมนี้จะไม่ได้เป็นเกมที่กินเวลาที่นานนัก เล่นสัก2-3ชั่วโมงก็น่าจะเล่นจนจบได้ แต่ถ้าหากว่าเราลองสัมผัสกับเรื่องราวของเกมแบบเต็มๆ อ่านทุกข้อมูลที่หาเจอ รับรองได้เลยว่าเมื่อนำเรื่องราวทั้งหมดมาปะติดปะต่อกันจนสู่บทสรุปได้สำเร็จ คุณจะต้องรู้สึกว่าเกมนีมันเป็นอีกหนึ่งสุดยอดเกมผีอย่างแน่นอน สุดท้ายต้องบอกว่าในมุมมองผู้เขียน เกมนี้แม้แต่คนที่กลัวผีก็สามารถจับต้องได้เพราะไม่ได้มีฉากพาตกใจอะไรมากมาย แต่จะเป็นเกมที่เล่นกับจิตใจของเราด้วยความกดดัน เหมือนกับเราได้ดูหนังผีหรืออ่านเรื่องผียังไงอย่างงั้น
ถึงแม้ว่าจะเป็นเกมที่ถูกแบนออกจาก Steam เพราะในตัวเกมมีบางส่วนที่เป็นการล้อเลียนผู้นำของจีน จนโดนชาวจีนรุมวิพากษ์วิจารณ์กันยกใหญ่ แต่สุดท้ายก็ได้ถูกนำกลับมาวางจำหน่ายทางช่องทางเว็บไซต์ของทางผู้พัฒนาเองอย่าง Red Candle Games ใครอยากลองสามารถเข้าไปซื้อได้ทางลิงค์ด้านล่างในราคา $16.99 (ราว 559 บาท)
https://shop.redcandlegames.com/games/devotion