“เกมเมอร์” เป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่ชื่นชอบและหลงใหลในวิดีโอเกมเป็นอย่างมาก พวกเขาคือคนที่ยอมถลุงเวลาของตัวเองวันละหลายชั่วโมงไปกับการจับจ้องหน้าจอ และทำในสิ่งที่พวกเขารักอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
แน่นอนว่าเกมเมอร์ไม่มีได้การจำกัดอายุหรือเพศเอาไว้ ขอเพียงแค่คุณมีใจรักในวิดีโอเกม คุณก็สามารถยืดอกเป็นเกมเมอร์อย่างเต็มภาคภูมิได้แล้ว
ทว่าสังขารของมนุษย์นั้น ไม่ปรานีมนุษย์ทำงานออฟฟิศฉันใด พวกมันก็ไม่ปรานีเหล่าเกมเมอร์ฉันนั้น
บรรดาเกมเมอร์ที่ยังเด็กหรืออยู่ในช่วงวัยรุ่นอาจจะยังไม่ค่อยรู้สึกมาก แต่สำหรับเกมเมอร์ที่อายุเริ่มล่วงเลยเข้าสู่หลัก เลข 3 เลข 4 จะเริ่มเห็นผลกระทบต่าง ๆ ที่แวะเวียนเข้ามาถามหา เนื่องจากสาเหตุการทำพฤติกรรมแย่ ๆ ในการเล่นเกมเต็มไปหมด
ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงนิสัยของเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลาย ที่จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพในภายหลังกัน
ขอเล่นต่ออีกนิด จนเบียดบังเวลานอน
เชื่อว่าคนที่เป็นเกมเมอร์ทุกท่านน่าจะเคยประสบปัญหาแบบนี้มาด้วยตัวเองกันบ้างไม่มากก็น้อย
ต่อให้คุณจะเป็นผู้เล่นเกมประเภทไหนก็ตาม
ทั้งแบบ Single Player สายเสพเนื้อเรื่อง เล่นคนเดียวไม่ง้อใคร หรือ Multiplayer สายชื่นชอบการแข่งขัน และสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนในทีม ก็ล้วนต่างต้องเคยเล่นเพลิน กันจนลืมเวลา ทำให้แม้จะเข้าสู่ช่วงเวลาที่ต้องเข้านอนแล้ว ก็ยังอยากจะแถม ติดนวมกลับไปนิด ๆ หน่อย ๆ ก่อนที่จะขึ้นเตียงกันทั้งนั้น
บางคนอาจจะกำลังติดพันกับเนื้อเรื่องสุดเข้มข้น บางคนอาจจะกำลังมือขึ้นเลยอยากเล่นต่อ หรือบางคนก็แค่หงุดหงิดจนนอนไม่หลับเพราะเพิ่งแพ้มาเลยอยากแก้มือ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ปลายทางของการกระทำนั้น ก็ล้วนเป็นการทำให้เหล่าเกมเมอร์ต้องเล่นเกมล่วงเวลาจากที่เคยตั้งใจเอาไว้ทุกที
ซึ่งหากมองผิวเผิน มันอาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่างสุขภาพมากนัก นอกจากอาการง่วง หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่อันที่จริงแล้ว มันยังมีอาการบางอื่นแอบแฝงมาด้วยอยู่เช่นกัน
โดยมีงานวิจัยว่า คนที่เล่นวิดีโอก่อนนอนนั้น จะมีโอกาสหลับได้ยากกว่า มีโอกาสสะดุ้งตื่นกลางดึกมากกว่า และมีจำนวนชั่วโมงการนอนที่น้อยกว่า หากเปรียบเทียบกับคนที่ไม่ได้เล่นวิดีโอเกมก่อนนอนเลย
สาเหตุหลักของอาการเหล่านี้ มันมาจากแสงสีฟ้าที่แฝงอยู่ในหน้าจอมอนิเตอร์ของเรานั่นเอง
เพราะแสงสีฟ้านั้นจะทำให้ร่างกายเข้าใจผิด คิดว่าอยู่ในช่วงเวลากลางวัน และทำให้นาฬิกาชีวิตของมนุษย์นั้นรวน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การเล่นวิดีโอเกมส่งผลกระทบต่อการนอน
อีกทั้งตัววิดีโอเกมนั้น ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นให้ประสาทรวมไปถึงสมองเกิดความตื่นตัวอยู่เสมอ
ดังนั้นจึงทำให้เหล่าเกมเมอร์มักจะพบกับปัญหานอนไม่หลับได้ง่ายกว่าคนทั่ว ๆ ไป นั่นเอง
ทางแก้ปัญหานี้ไม่ยากเลย นั่นคือคุณจะต้องไม่เล่นวิดีโอเกมก่อนที่จะนอนเป็นเวลาประมาณ 30-60 นาที และคุณก็จะสามารถนอนหลับ ปล่อยให้ร่างกายพักผ่อนได้เต็มที่ หลังจากเผชิญการใช้งานมาทั้งวันได้อย่างสบายใจ
นั่งนาน นั่งเพลิน เสี่ยงหลายโรค
‘การนั่ง’ นั้น แม้ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องที่สบายก็จริง แต่มันก็แฝงไปด้วยความเลวร้ายหลายอย่าง หากเราไม่ได้นั่งอยู่บนความพอดี และนั่งติดที่จนนานเกินไป
อาการปวดหลัง ปวดเอว หรือปวดก้น นอกจากจะเกิดจากท่านั่งที่ผิดแผกแล้ว มันยังเกิดจากระยะเวลาในการนั่งที่นานจนเกินไปได้อีกด้วย
โดยปกติแล้ว คนเราควรจะนั่งอยู่ในท่าเดิมประมาณ 40 นาทีเท่านั้น ก่อนที่จะลุกขึ้นไปเดินเหินเพื่อเปลี่ยนท่าทาง และให้กล้ามเนื้อได้ขยับตัวมากขึ้น
ทว่าเวลา 40 นาที สำหรับวิดีโอเกมแล้ว มันช่างผ่านไปไวเสียเหลือเกิน
บ่อยครั้งที่เกมเมอร์ทุกคนมักจะเล่นเกมจนหลงลืมเวลา นั่งติดที่อยู่กับหน้าจอนาน ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมาย ความสุขและความสนุกในการเล่น จนลืมไปว่าร่างกายของตัวเองได้ส่งสัญญาณเตือนมานักต่อนัก
เข้าใจว่าบางครั้งมันอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเกมยังไม่จบ หรือไม่สามารถหยุดเกมระหว่างเล่นได้ แต่เมื่อสบโอกาสแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องอย่าลืมที่จะลุกออกจากเก้าอี้ และไปบริหารร่างกายเสียบ้าง มิเช่นนั้น โรคต่าง ๆ จะถามหาแน่นอน ซึ่งโรคเหล่านี้ มีอาการร้ายแรงไม่ต่างจากออฟฟิศซินโดรมเลยล่ะครับ
ดวงตาที่เมื่อยล้าจากการมองจอ
หน้าจอในยุคนี้ล้วนมีแสงสีฟ้าสอดแทรกกันอยู่ทั้งนั้น และถึงแม้เหล่าเกมเมอร์จะมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า แว่นกรองแสงสีฟ้า แต่อันที่จริงแล้ว ปัญหาดวงตาล้านั้นไม่ได้มาจากแสงสีฟ้าเสียทั้งหมด
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้คนเราปวดหัวจากการจ้องหน้าจอเป็นเวลานานนั้น มันมาจากการที่ดวงตาไม่ได้ผ่อนคลายเลยตลอดการใช้งานต่างหาก เพราะเมื่อมนุษย์ได้ใช้งานหน้าจอแล้ว มันมักจะมีสิ่งที่คนเราต้องโฟกัสอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือ รูปภาพ วิดีโอ ไปจนถึงด้านในเกมก็ตาม
ซึ่งการที่โฟกัสจุดเดิมเป็นเวลานาน ๆ ไม่ได้เปลี่ยนจุดโฟกัสตรงนี้นี่เอง ที่ทำให้เกิดอาการดวงตาเมื่อยล้าขึ้นมา และยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้สายตาสั้นลงชั้นดีอีกด้วย
ดังนั้นหากคุณรู้ตัวว่าเริ่มมีอาการตาล้าแล้ว คุณควรที่จะมองออกไปยังบริเวณอื่นที่ไม่ใช่หน้าจอ หาพื้นที่โล่ง ๆ ที่อยู่ในระยะไกลออกไป และมองค้างเอาไว้สักประมาณ 20 วินาที
โดยมีกฎ 20/20/20 เอาไว้อยู่ว่า ทุก 20 นาที มองออกไปในระยะ 20 ฟุต ค้างเอาไว้ 20 วินาที
แค่นี้ก็จะช่วยแก้ปัญหาอาการตาล้าจากการใช้งานสายตาจ้องหน้าจออย่างหนักหน่วงได้แล้วละครับ
เสียงกระหึ่ม เล่นเก่งขึ้น แต่สุขภาพแย่ลง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในเกมบางประเภท ‘เสียง’ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญต่อเกมการเล่นเป็นอย่างมาก เช่น เกมประเภท FPS ที่เสียงจะมีบทบาทในการบอกตำแหน่งของศัตรูผ่านฝีเท้า หรือจะเป็นเกมแนว Fighting ที่ใช้ฟังเสียงจังหวะการออกท่าทาง คอมโบต่าง ๆ
แม้กระทั่งเกมเอาชีวิตรอดผู้เล่นหลายคนอย่าง Dead by Daylight เสียงก็เป็นปัจจัยสำคัญในการระบุตำแหน่งของทัั้งฝั่ง Killer และ Survivor ด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าเสียงที่ดังจนเกินระดับความพอดีนั้น ย่อมส่งผลร้ายต่อสุขภาพของเหล่าเกมเมอร์อย่างไม่ต้องสงสัย
โดยกรมอนามัยโลกได้กำหนดเอาไว้ว่า เสียงที่เริ่มเป็นอันตรายของมนุษย์ คือเสียงที่มีความดังระดับ 85 DB ขึ้นไป ซึ่งจะมีความดังประมาณเท่ากับ เครื่องตัดหญ้าหรือเสียงนกหวีด
ทั้งนี้หากยังฟังเสียงเกินระดับ 85 DB เป็นระยะเวลานาน อาจเสี่ยงต่ออาการหูดับแบบชั่วคราว หรือหูหนวกถาวรได้อีกด้วย
เพราะฉะนั้น หากเกมเมอร์ท่านใด ติดปรับเสียงของเกมดัง ๆ เพื่อให้ฟังเสียงได้ชัด ๆ ก็ลองพิจารณาดูใหม่เอานะครับ ว่าการเล่นเกมเก่งขึ้น เล่นดีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง แลกกับความเสี่ยงที่อาจจะหูหนวกไปตลอดชีวิตมันคุ้มกันไหม
ข้อมือที่รับภาระหนักกว่าเพื่อน ต้องหมั่นบริหาร
สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ในการเล่นเกมคงหนีไม่พ้นมืออย่างแน่นอน ซึ่งส่วนที่รับภาระหนักนั้นไม่ใช่นิ้วของเราแต่อย่างใด แต่มันคือข้อมือต่างหาก
เพราะนอกจากจะต้องแบกรับน้ำหนักของทั้งมือในรูปทรงที่ไม่ได้เป็นธรรมชาติแล้ว มันยังอาจจะต้องบิดไปมาเพื่อเคลื่อนไหวให้ได้ดังใจเจ้าของสั่ง เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ ภายในเกมอีกด้วย
สำหรับคนที่ใช้งานข้อมืออย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์งานผ่านคอมพิวเตอร์ หรือการเล่นเกมแบบไม่บันยะบันยัง มักจะพบอาการเสียวหรือชาไปทั้งฝ่ามืออยู่บ่อย ๆ ซึ่งอาการนี้คือสัญญาณเตือนเริ่มต้นของโรคเส้นประสาทกดทับบริเวณข้อมือนั่นเอง
โดยหากใครที่ยังไม่ปรับปรุงพฤติกรรมตัวเอง อาการอาจจะลุกลามไปทั่วทั้งแขน และอาจจะส่งผลให้กล้ามเนื้อลีบ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงในท้ายที่สุดได้เลย
แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเหล่าเกมเมอร์สามารถป้องกันอาการเหล่านี้ได้โดยบริหารข้อมือทุก ๆ 15-20 นาที ไม่ว่าจะเป็น การนำนิ้วมาประสานกัน การสะบัดฝ่ามือ หรือการกดที่บริเวณหลังมือก็ตาม
ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เส้นประสาท และกล้ามเนื้อที่ข้อมือของคุณผ่อนคลายลงได้บ้าง จากการลุยศึกหนักตลอดชั่วโมงการเล่น
สภาพจิตที่ย่ำแย่ หากควบคุมตัวเองไม่ได้
สำหรับเกมประเภท Multiplayer แล้ว การพบเจอกับผู้เล่นอื่น ๆ จากทั่วทุกมุมโลกเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้เดิมที มนุษย์จะเป็นสัตว์สังคมที่อาศัยการอยู่รวมฝูง และเกมแนว Multiplayer ก็ดูเหมือนจะออกแบบมาให้ราวกับเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มนุษย์ใช้ทำร่วมกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์
แต่เมื่อมันถูกกระทำบนพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต ที่ซึ่งไร้การพบเจอหน้า ไร้การทำความรู้จัก ไปจนถึงไร้ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นทางกาย (โอกาสเกิดน้อย)
เมื่อมีหลักประกันทั้งหมดนี้ แนวโน้มที่ผู้คนจะเริ่มแสดงด้านลบออกมาก็มีมากยิ่งขึ้น โดยเหล่าเกมเมอร์จะเรียกพฤติกรรมแบบนี้ง่าย ๆ ว่า Toxic นั่นเอง
ซึ่งการ Toxic นั้น สามารถพบเจอกันได้อยู่ทั่ว ๆ ไป บนโลกอินเทอร์เน็ต เราอาจจะเห็นคนที่ทำตัว Toxic บนโซเชียลมีเดียมามากก็จริง แต่เมื่อเราเจอพฤติกรรม Toxic ในเกมนั้น มันแทบจะทวีความรุนแรงเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
เพราะเกมส่วนใหญ่ ล้วนสามารถให้คุณใช้ร่างจำลองลงไปเล่นได้ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องเปิดเผยตัวตนแต่อย่างใด
โดยเงื่อนไขเหล่านี้ ก็ยิ่งส่งเสริมพฤติกรรม Toxic ของมนุษย์ง่ายเข้าไปอีก เพราะมันไม่ได้มีตัวตน หรือมีใบหน้าของพวกเขาปรากฎอยู่ ให้สามารถตามตัวได้ง่าย ๆ นั่นเอง
สิ่งที่จัดการกับคนพวกนี้ได้ชะงัดมากที่สุด ไม่ใช่การทะเลาะหรือเถียงกลับ แต่เป็นการนิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้ต่างหาก เพราะโดยพื้นฐานแล้ว คนจำพวกนี้ ทำไปเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจ ดังนั้นหากคุณเลือกที่จะไม่สนใจ และไม่ให้ในสิ่งที่คนพวกนี้ต้องการ นั่นก็จะช่วยทำให้พวกเขาเงียบปากลงไปในที่สุด
ทว่าหากคุณกลับไปเลือกใช้วิธีที่รุนแรง ตอบโต้กลับไปกลับมาอย่างไม่ลดละ บอกเลยงานนี้ นอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังเสียความรู้สึกดี ๆ ที่เคยสร้างเอาไว้กับเกมที่เราเล่นอีกด้วย และนั่นคงไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเอาซะเลย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับพฤติกรรมแย่ ๆ ที่เหล่าเกมเมอร์มักชอบทำ อาจจะทำไปโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ แต่เชื่อว่า บรรดาเกมเมอร์ทั้งหลายน่าจะเคยเข้าข่ายที่กล่าวมานี้กันอย่างน้อยสักข้อสองข้อกันบ้างแหละ
ซึ่งหากข้อไหนปรับปรุงได้ ก็ลองปรับนะครับ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น และจะทำให้คุณสามารถอยู่เล่นเกมกันไปนาน ๆ ได้มากขึ้นนั่นเอง
อ้างอิง: https://www.newtv.co.th/news/5050
“เกมเมอร์” เป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่ชื่นชอบและหลงใหลในวิดีโอเกมเป็นอย่างมาก พวกเขาคือคนที่ยอมถลุงเวลาของตัวเองวันละหลายชั่วโมงไปกับการจับจ้องหน้าจอ และทำในสิ่งที่พวกเขารักอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
แน่นอนว่าเกมเมอร์ไม่มีได้การจำกัดอายุหรือเพศเอาไว้ ขอเพียงแค่คุณมีใจรักในวิดีโอเกม คุณก็สามารถยืดอกเป็นเกมเมอร์อย่างเต็มภาคภูมิได้แล้ว
ทว่าสังขารของมนุษย์นั้น ไม่ปรานีมนุษย์ทำงานออฟฟิศฉันใด พวกมันก็ไม่ปรานีเหล่าเกมเมอร์ฉันนั้น
บรรดาเกมเมอร์ที่ยังเด็กหรืออยู่ในช่วงวัยรุ่นอาจจะยังไม่ค่อยรู้สึกมาก แต่สำหรับเกมเมอร์ที่อายุเริ่มล่วงเลยเข้าสู่หลัก เลข 3 เลข 4 จะเริ่มเห็นผลกระทบต่าง ๆ ที่แวะเวียนเข้ามาถามหา เนื่องจากสาเหตุการทำพฤติกรรมแย่ ๆ ในการเล่นเกมเต็มไปหมด
ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงนิสัยของเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลาย ที่จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพในภายหลังกัน
ขอเล่นต่ออีกนิด จนเบียดบังเวลานอน
เชื่อว่าคนที่เป็นเกมเมอร์ทุกท่านน่าจะเคยประสบปัญหาแบบนี้มาด้วยตัวเองกันบ้างไม่มากก็น้อย
ต่อให้คุณจะเป็นผู้เล่นเกมประเภทไหนก็ตาม
ทั้งแบบ Single Player สายเสพเนื้อเรื่อง เล่นคนเดียวไม่ง้อใคร หรือ Multiplayer สายชื่นชอบการแข่งขัน และสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนในทีม ก็ล้วนต่างต้องเคยเล่นเพลิน กันจนลืมเวลา ทำให้แม้จะเข้าสู่ช่วงเวลาที่ต้องเข้านอนแล้ว ก็ยังอยากจะแถม ติดนวมกลับไปนิด ๆ หน่อย ๆ ก่อนที่จะขึ้นเตียงกันทั้งนั้น
บางคนอาจจะกำลังติดพันกับเนื้อเรื่องสุดเข้มข้น บางคนอาจจะกำลังมือขึ้นเลยอยากเล่นต่อ หรือบางคนก็แค่หงุดหงิดจนนอนไม่หลับเพราะเพิ่งแพ้มาเลยอยากแก้มือ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ปลายทางของการกระทำนั้น ก็ล้วนเป็นการทำให้เหล่าเกมเมอร์ต้องเล่นเกมล่วงเวลาจากที่เคยตั้งใจเอาไว้ทุกที
ซึ่งหากมองผิวเผิน มันอาจจะไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่างสุขภาพมากนัก นอกจากอาการง่วง หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่อันที่จริงแล้ว มันยังมีอาการบางอื่นแอบแฝงมาด้วยอยู่เช่นกัน
โดยมีงานวิจัยว่า คนที่เล่นวิดีโอก่อนนอนนั้น จะมีโอกาสหลับได้ยากกว่า มีโอกาสสะดุ้งตื่นกลางดึกมากกว่า และมีจำนวนชั่วโมงการนอนที่น้อยกว่า หากเปรียบเทียบกับคนที่ไม่ได้เล่นวิดีโอเกมก่อนนอนเลย
สาเหตุหลักของอาการเหล่านี้ มันมาจากแสงสีฟ้าที่แฝงอยู่ในหน้าจอมอนิเตอร์ของเรานั่นเอง
เพราะแสงสีฟ้านั้นจะทำให้ร่างกายเข้าใจผิด คิดว่าอยู่ในช่วงเวลากลางวัน และทำให้นาฬิกาชีวิตของมนุษย์นั้นรวน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้การเล่นวิดีโอเกมส่งผลกระทบต่อการนอน
อีกทั้งตัววิดีโอเกมนั้น ยังมีส่วนช่วยในการกระตุ้นให้ประสาทรวมไปถึงสมองเกิดความตื่นตัวอยู่เสมอ
ดังนั้นจึงทำให้เหล่าเกมเมอร์มักจะพบกับปัญหานอนไม่หลับได้ง่ายกว่าคนทั่ว ๆ ไป นั่นเอง
ทางแก้ปัญหานี้ไม่ยากเลย นั่นคือคุณจะต้องไม่เล่นวิดีโอเกมก่อนที่จะนอนเป็นเวลาประมาณ 30-60 นาที และคุณก็จะสามารถนอนหลับ ปล่อยให้ร่างกายพักผ่อนได้เต็มที่ หลังจากเผชิญการใช้งานมาทั้งวันได้อย่างสบายใจ
นั่งนาน นั่งเพลิน เสี่ยงหลายโรค
‘การนั่ง’ นั้น แม้ฟังดูอาจจะเป็นเรื่องที่สบายก็จริง แต่มันก็แฝงไปด้วยความเลวร้ายหลายอย่าง หากเราไม่ได้นั่งอยู่บนความพอดี และนั่งติดที่จนนานเกินไป
อาการปวดหลัง ปวดเอว หรือปวดก้น นอกจากจะเกิดจากท่านั่งที่ผิดแผกแล้ว มันยังเกิดจากระยะเวลาในการนั่งที่นานจนเกินไปได้อีกด้วย
โดยปกติแล้ว คนเราควรจะนั่งอยู่ในท่าเดิมประมาณ 40 นาทีเท่านั้น ก่อนที่จะลุกขึ้นไปเดินเหินเพื่อเปลี่ยนท่าทาง และให้กล้ามเนื้อได้ขยับตัวมากขึ้น
ทว่าเวลา 40 นาที สำหรับวิดีโอเกมแล้ว มันช่างผ่านไปไวเสียเหลือเกิน
บ่อยครั้งที่เกมเมอร์ทุกคนมักจะเล่นเกมจนหลงลืมเวลา นั่งติดที่อยู่กับหน้าจอนาน ๆ เพื่อบรรลุเป้าหมาย ความสุขและความสนุกในการเล่น จนลืมไปว่าร่างกายของตัวเองได้ส่งสัญญาณเตือนมานักต่อนัก
เข้าใจว่าบางครั้งมันอาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะเกมยังไม่จบ หรือไม่สามารถหยุดเกมระหว่างเล่นได้ แต่เมื่อสบโอกาสแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องอย่าลืมที่จะลุกออกจากเก้าอี้ และไปบริหารร่างกายเสียบ้าง มิเช่นนั้น โรคต่าง ๆ จะถามหาแน่นอน ซึ่งโรคเหล่านี้ มีอาการร้ายแรงไม่ต่างจากออฟฟิศซินโดรมเลยล่ะครับ
ดวงตาที่เมื่อยล้าจากการมองจอ
หน้าจอในยุคนี้ล้วนมีแสงสีฟ้าสอดแทรกกันอยู่ทั้งนั้น และถึงแม้เหล่าเกมเมอร์จะมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า แว่นกรองแสงสีฟ้า แต่อันที่จริงแล้ว ปัญหาดวงตาล้านั้นไม่ได้มาจากแสงสีฟ้าเสียทั้งหมด
สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้คนเราปวดหัวจากการจ้องหน้าจอเป็นเวลานานนั้น มันมาจากการที่ดวงตาไม่ได้ผ่อนคลายเลยตลอดการใช้งานต่างหาก เพราะเมื่อมนุษย์ได้ใช้งานหน้าจอแล้ว มันมักจะมีสิ่งที่คนเราต้องโฟกัสอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือ รูปภาพ วิดีโอ ไปจนถึงด้านในเกมก็ตาม
ซึ่งการที่โฟกัสจุดเดิมเป็นเวลานาน ๆ ไม่ได้เปลี่ยนจุดโฟกัสตรงนี้นี่เอง ที่ทำให้เกิดอาการดวงตาเมื่อยล้าขึ้นมา และยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้สายตาสั้นลงชั้นดีอีกด้วย
ดังนั้นหากคุณรู้ตัวว่าเริ่มมีอาการตาล้าแล้ว คุณควรที่จะมองออกไปยังบริเวณอื่นที่ไม่ใช่หน้าจอ หาพื้นที่โล่ง ๆ ที่อยู่ในระยะไกลออกไป และมองค้างเอาไว้สักประมาณ 20 วินาที
โดยมีกฎ 20/20/20 เอาไว้อยู่ว่า ทุก 20 นาที มองออกไปในระยะ 20 ฟุต ค้างเอาไว้ 20 วินาที
แค่นี้ก็จะช่วยแก้ปัญหาอาการตาล้าจากการใช้งานสายตาจ้องหน้าจออย่างหนักหน่วงได้แล้วละครับ
เสียงกระหึ่ม เล่นเก่งขึ้น แต่สุขภาพแย่ลง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในเกมบางประเภท ‘เสียง’ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญต่อเกมการเล่นเป็นอย่างมาก เช่น เกมประเภท FPS ที่เสียงจะมีบทบาทในการบอกตำแหน่งของศัตรูผ่านฝีเท้า หรือจะเป็นเกมแนว Fighting ที่ใช้ฟังเสียงจังหวะการออกท่าทาง คอมโบต่าง ๆ
แม้กระทั่งเกมเอาชีวิตรอดผู้เล่นหลายคนอย่าง Dead by Daylight เสียงก็เป็นปัจจัยสำคัญในการระบุตำแหน่งของทัั้งฝั่ง Killer และ Survivor ด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าเสียงที่ดังจนเกินระดับความพอดีนั้น ย่อมส่งผลร้ายต่อสุขภาพของเหล่าเกมเมอร์อย่างไม่ต้องสงสัย
โดยกรมอนามัยโลกได้กำหนดเอาไว้ว่า เสียงที่เริ่มเป็นอันตรายของมนุษย์ คือเสียงที่มีความดังระดับ 85 DB ขึ้นไป ซึ่งจะมีความดังประมาณเท่ากับ เครื่องตัดหญ้าหรือเสียงนกหวีด
ทั้งนี้หากยังฟังเสียงเกินระดับ 85 DB เป็นระยะเวลานาน อาจเสี่ยงต่ออาการหูดับแบบชั่วคราว หรือหูหนวกถาวรได้อีกด้วย
เพราะฉะนั้น หากเกมเมอร์ท่านใด ติดปรับเสียงของเกมดัง ๆ เพื่อให้ฟังเสียงได้ชัด ๆ ก็ลองพิจารณาดูใหม่เอานะครับ ว่าการเล่นเกมเก่งขึ้น เล่นดีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง แลกกับความเสี่ยงที่อาจจะหูหนวกไปตลอดชีวิตมันคุ้มกันไหม
ข้อมือที่รับภาระหนักกว่าเพื่อน ต้องหมั่นบริหาร
สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ในการเล่นเกมคงหนีไม่พ้นมืออย่างแน่นอน ซึ่งส่วนที่รับภาระหนักนั้นไม่ใช่นิ้วของเราแต่อย่างใด แต่มันคือข้อมือต่างหาก
เพราะนอกจากจะต้องแบกรับน้ำหนักของทั้งมือในรูปทรงที่ไม่ได้เป็นธรรมชาติแล้ว มันยังอาจจะต้องบิดไปมาเพื่อเคลื่อนไหวให้ได้ดังใจเจ้าของสั่ง เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาต่าง ๆ ภายในเกมอีกด้วย
สำหรับคนที่ใช้งานข้อมืออย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นพิมพ์งานผ่านคอมพิวเตอร์ หรือการเล่นเกมแบบไม่บันยะบันยัง มักจะพบอาการเสียวหรือชาไปทั้งฝ่ามืออยู่บ่อย ๆ ซึ่งอาการนี้คือสัญญาณเตือนเริ่มต้นของโรคเส้นประสาทกดทับบริเวณข้อมือนั่นเอง
โดยหากใครที่ยังไม่ปรับปรุงพฤติกรรมตัวเอง อาการอาจจะลุกลามไปทั่วทั้งแขน และอาจจะส่งผลให้กล้ามเนื้อลีบ หรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงในท้ายที่สุดได้เลย
แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะเหล่าเกมเมอร์สามารถป้องกันอาการเหล่านี้ได้โดยบริหารข้อมือทุก ๆ 15-20 นาที ไม่ว่าจะเป็น การนำนิ้วมาประสานกัน การสะบัดฝ่ามือ หรือการกดที่บริเวณหลังมือก็ตาม
ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เส้นประสาท และกล้ามเนื้อที่ข้อมือของคุณผ่อนคลายลงได้บ้าง จากการลุยศึกหนักตลอดชั่วโมงการเล่น
สภาพจิตที่ย่ำแย่ หากควบคุมตัวเองไม่ได้
สำหรับเกมประเภท Multiplayer แล้ว การพบเจอกับผู้เล่นอื่น ๆ จากทั่วทุกมุมโลกเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้เดิมที มนุษย์จะเป็นสัตว์สังคมที่อาศัยการอยู่รวมฝูง และเกมแนว Multiplayer ก็ดูเหมือนจะออกแบบมาให้ราวกับเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่มนุษย์ใช้ทำร่วมกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์
แต่เมื่อมันถูกกระทำบนพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต ที่ซึ่งไร้การพบเจอหน้า ไร้การทำความรู้จัก ไปจนถึงไร้ความรุนแรงที่อาจจะเกิดขึ้นทางกาย (โอกาสเกิดน้อย)
เมื่อมีหลักประกันทั้งหมดนี้ แนวโน้มที่ผู้คนจะเริ่มแสดงด้านลบออกมาก็มีมากยิ่งขึ้น โดยเหล่าเกมเมอร์จะเรียกพฤติกรรมแบบนี้ง่าย ๆ ว่า Toxic นั่นเอง
ซึ่งการ Toxic นั้น สามารถพบเจอกันได้อยู่ทั่ว ๆ ไป บนโลกอินเทอร์เน็ต เราอาจจะเห็นคนที่ทำตัว Toxic บนโซเชียลมีเดียมามากก็จริง แต่เมื่อเราเจอพฤติกรรม Toxic ในเกมนั้น มันแทบจะทวีความรุนแรงเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว
เพราะเกมส่วนใหญ่ ล้วนสามารถให้คุณใช้ร่างจำลองลงไปเล่นได้ โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องเปิดเผยตัวตนแต่อย่างใด
โดยเงื่อนไขเหล่านี้ ก็ยิ่งส่งเสริมพฤติกรรม Toxic ของมนุษย์ง่ายเข้าไปอีก เพราะมันไม่ได้มีตัวตน หรือมีใบหน้าของพวกเขาปรากฎอยู่ ให้สามารถตามตัวได้ง่าย ๆ นั่นเอง
สิ่งที่จัดการกับคนพวกนี้ได้ชะงัดมากที่สุด ไม่ใช่การทะเลาะหรือเถียงกลับ แต่เป็นการนิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้ต่างหาก เพราะโดยพื้นฐานแล้ว คนจำพวกนี้ ทำไปเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจ ดังนั้นหากคุณเลือกที่จะไม่สนใจ และไม่ให้ในสิ่งที่คนพวกนี้ต้องการ นั่นก็จะช่วยทำให้พวกเขาเงียบปากลงไปในที่สุด
ทว่าหากคุณกลับไปเลือกใช้วิธีที่รุนแรง ตอบโต้กลับไปกลับมาอย่างไม่ลดละ บอกเลยงานนี้ นอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังเสียความรู้สึกดี ๆ ที่เคยสร้างเอาไว้กับเกมที่เราเล่นอีกด้วย และนั่นคงไม่ใช่ความคิดที่ฉลาดเอาซะเลย
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับพฤติกรรมแย่ ๆ ที่เหล่าเกมเมอร์มักชอบทำ อาจจะทำไปโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ได้ แต่เชื่อว่า บรรดาเกมเมอร์ทั้งหลายน่าจะเคยเข้าข่ายที่กล่าวมานี้กันอย่างน้อยสักข้อสองข้อกันบ้างแหละ
ซึ่งหากข้อไหนปรับปรุงได้ ก็ลองปรับนะครับ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น และจะทำให้คุณสามารถอยู่เล่นเกมกันไปนาน ๆ ได้มากขึ้นนั่นเอง
อ้างอิง: https://www.newtv.co.th/news/5050