หลังจากที่มีกระแสฮือฮาในการกลับมาของ Lucasfilm Games ที่นอกจากพวกเขาจะกลับมาร่วมพัฒนาเกมแฟรนไชส์ Star Wars และในขณะเดียวกับพวกเขาก็ได้เปิดตัวโปรเจ็คใหม่อย่างเกม Indiana Jones ซึ่งได้ร่วมมือกับทางสตูดิโอ MachineGames แต่ในระหว่างที่เรารอฟังรายละเอียดใหม่ๆ ของเกม Indiana Jones นั้น เรามาดูกันก่อนว่าตัวเกมมีการวิวัฒนาการอย่างไรบ้าง? และกว่าจะถึงจุดนี้ต้องลองผิดลองถูกมากี่ครั้ง? ในวันนี้พวกเรา GameFeverTH จะขอพาทุกคนมาพบกับวิวัฒนาการเกมล่าขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า Indiana Jones ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลย!
1982 - กำเนิดเกมแรกของแฟรนไชส์บนเครื่อง Atari 2600
: Raiders of the Lost Ark
ในปี 1982 ถือเป็นต้นกำเนิดของแฟรนไชส์อินเดียน่า โจนส์ ซึ่งจะมาบนเครื่องเกมคอนโซลยุคแรกๆ อย่าง Atar 2600 โดยผู้เล่นนั้นจะได้รับบทเป็นอินเดียน่า โจนส์ที่ต้องทำภารกิจออกถามหาหีบพันธสัญญาที่หายไป และเป็นสิ่งที่ศัตรูต้องการด้วย รูปแบบเกมเพลย์นั้นจะเป็นแนว Action / Adventue ในรูปแบบภาค 2D ที่หนักไปทาง Pixel 8 บิดมากกว่า.
1985 - เกมบนเครื่องเกมเรโทร " C64 "
: Indiana Jones in the Lost Kingdom
ขอเสริมเกร็ดให้รู้ว่าเครื่อง C64 นั้นถือเป็นเครื่องเกม 8 บิต ที่มาในรูปทรงคล้ายๆ คีย์บอร์ด และนี่ยังเป็นเกมภาคแรกของแฟรนไชส์ที่ไม่ได้ทำออกมาโดยอืงเนื้อหาจากฉบับภาพยนตร์ ดังนั้นนี่จึงเป็นก้าวแรกก้าวสำคัญของแฟรนไชส์เกมนี้ที่จะให้เรารู้ว่า เกมนั้นไม่จำเป็นต้องเหมือนฉบับภาพยนตร์เสมอไปเพราะนอกจากเราจะไม่รู้ทิศทางของเกมแล้ว เกมก็จะมอบประสบการณ์ท้าทายที่คาดเดาไม่ได้ให้แก่ผู้เล่นอีกด้วย!
1984 - ตีตลาดเครื่องเกม Arcade
: Indiana Jones and the Temple of Doom
สำหรับยุค 80 นั้นถือเป็นยุคทองของเครื่องเกมยอดเหรียญต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเครื่องเกมหยอดเหรียญ
Atari System 1 ซึ่งเกม Indiana Jones and the Temple of Doom ภาคนี้ก็เป็นหนึ่งในเกมที่ให้บริการบนเครื่องเกมนั้น และยังถือเป็นภาคที่เริ่มมีภาพ เสียง กราฟฟิคและเกมเพลย์ที่จับต้องได้มากขึ้นอีกด้วย! และเกมภาคนี้ยังได้รับการพล็อคลงบนเครื่องคอนโซลอย่าง NES และ C64 อีกด้วย.
1987 - ต้นกำเนิดแฟรนไชส์บน PC
: Indiana Jones in Revenge of the Ancients
ในความจริงนั้นแฟรนไชส์เกม Indiana Jones มีมาตั้งแต่สมัยช่วงปี 1936 บนเครื่องเกมยุคแรกๆ อย่าง Atari 2600 / NES และ Commodore 64 จนกระทั่งในปี 1987 ถือเป็นก้าวแรกของเกม Indiana Jones ที่เข้าสู่วงการเกม PC โดยทีมงาน Mindscape ซึ่งพัฒนาเปิดตัวมาแทนที่จะเป็นเกมแนว Advendture กลับเป็นเกมแนวอินดี้แนวนวนิยายอ่านเบาะแสและพิมพ์โต้ตอบ ( ความรู้สึกเหมือนอ่านนิยายครับ ) ซึ่งมีพล็อตเรื่องสั้นๆ ว่าโจนส์ต้องออกเดินทางไปแม็กซิโกเพื่อค้นหาสิ่งประดิษฐ์โบราณอันทรงพลังที่ซ่อนอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งในพีรามิด!
1989 - ถึงมือทีมงาน LucasArts / สู่ความเป็นเกมคลาสสิค
: Indiana Jones and the Last Crusade | The Graphic Adventure
หลังจากที่เกมมีความอินดี้เกินไป จนในปี 1989 ทางทีมงาน LucasArts หรือที่รู้จักกันในชื่อ Lucasfilm Games ได้รับช่วงต่อมาพัฒนาเป็นแนวเกม Point and Click / Adventure ซึ่งในภาคนี้จะอยู่ในความดูแลของ Ron Gilbert และ David Fox ( หนึ่งในพนักงาน 10 คนแรกของทาง Lucasfilm Games ) ตัวเกมนั้นจะมีพล็อตตั้งอยู่ในช่วงปี 1938 ณ ทวีปยุโรปเล่าถึงการเดินทางของอินเดียน่า โจนส์ที่ต้องหาทางรับมือกับฮิตเลอร์ที่ได้ครอบครองวัตถุโบราณอันตรายอย่าง " จอกศักดิ์สิทธิ์ " ซึ่งแน่นอนว่าเกมจะมาในกราฟฟิคภาพ 2.5D แต่เต็มไปด้วยเสนห์มากมายทั้งสถานที่มากกว่า 10 แห่งที่ผู้เล่นไม่เคยเห็นมาก่อนในฉบับภาพยนตร์ / เอฟเฟกต์เสียงมากกว่า 100 ซาวด์ และแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็มีเสียงเพลงประกอบฉบับภาพยนตร์เพิ่มความอินไปอีกขั้นเช่นกัน.
นอกจากนี้ตัวเกมยังนำเสนอมิติใหม่ของการเล่นเกมนั่นคือระบบ " IQ " ( Indy Quotient ) - ระบบเพิ่มทางเลือกในการไขปริศนาให้ตัวเกมมีความท้าทายขึ้นและจะมอบคะแนนพิเศษในกรณีที่ผู้เล่นสามารถแก้ปริศนาในทางเลือกพิเศษนั้นๆ ได้ เช่น สามารถเลือกได้ว่าเราจะสู้กับยามหรือแอบเข้าไปโดยไม่ให้เขารู้ตัว ซึ่งการตัดสินใจเช่นนี้ทำให้มีผลกับเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของเกมในอนาคตด้วย ( คุ้นๆ เหมือนเกมในช่วงนี้ไหมครับ เช่น Untill Down )
1989 - เส้นทางการตัดสินใจที่ผิดพลาด
: Indiana Jones and the Last Crusade | The Action Game
ในปี 1989 ปีเดียวกันนั้นเองทางทีมงาน LucasArts ก็ได้ร่วมมือกับทีมงาน Tiertex Design Studios โดยพวกเขาต้องการสร้างเส้นทางใหม่ให้กับแฟรนไชส์เกม อยากให้มีความใกล้เคียงกับฉบับภาพยนตร์มากขึ้น จึงได้สร้างเกมนี้ให้เป็นแนว Action Adventure / 2D-Side Platform แต่ตัวเกมนั้นเหมือนจะเข้าถึงยากเพราะระบบเกมเพลย์นั้นไม่ค่อยตอบโจทย์ผู้เล่นมากเท่าไหร่นัก และในขณะเดียวกับตัวเกมกับมีลูกเล่นน้อยกว่า Indiana Jones and the Last Crusade | The Graphic Adventure มาก!
1992 - พบกับอินเดียน่า โจนส์วัยหนุ่ม
: The Young Indiana Jones Chronicles
สำหรับภาคนี้ตัวเกมจะอิงตามซีรี่ส์ที่ฉายทางโทรทัศน์ในยุคนั้นที่มีชื่อคล้ายๆ กันว่า Young Indiana Jones And Curse of the Jackal ซึ่งรูปแบบการเล่นนั้นอาจจะคล้ายๆ กับ Indiana Jones and the Last Crusade | The Action Game แต่ขอบอกเลยว่าตัวเกมกลับมีความท้าทายและเกมเพลย์ที่สนุกกว่าอย่างน่าเหลือเชื่อซึ่งเครื่องเกมนี้ได้ผลิตและวางจำหน่ายบนแค่บนเครื่องเกม NES เท่านั้นอีกด้วย!
1992 - จากความผิดพลาดสู่หนึ่งในภาคที่ประสบความสำเร็จ
: Indiana Jones and the Fate of Atlantis
เมื่อพวกเขาเห็นว่าการทำแนว Platform นั้นไม่ค่อยจะตอบโจทย์บรรดาแฟนๆ เกมเสียเท่าไหร่ แต่ในทางกลับกันนั้นการทำเป็นแนว Point and Click / A dventure กลับได้รับกระแสตอบรับที่ดีกว่า ทำให้ทีมงานชุดเดิมอย่าง LucasArts จึงสร้าง Indiana Jones and the Fate of Atlantis ออกมาในปี 1992 แทน ซึ่งจะเล่าถึงเรื่องราวในปี 1939 เหตุการณ์ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อินดี้ต้องหาทางขวัดขวางเหล่าบรรดาทัพนาซีที่ได้รับอาวุธอันทรงพลังน่ากลัวและแน่นอนว่ามันคือความลับของเหตุการณ์ล่มสลายจมลงทะเลของอาณาจักรแอตแลนติส นอกจากนี้ตัวเกมยังมีสถานที่มากกว่าเดิมถึง 200 แห่งให้ผู้เล่นผจญภัย / มีระบบ iMUSE ระบบพิเศษของ LucasArts ที่ผู้เล่นจะสามารถสร้างโน๊ตเพลงเลือกเพลงได้ตลอดการเล่นเกม! ด้วยเหตุนี้เองทำให้ Indiana Jones and the Fate of Atlantis กลายเป็นหนึ่งในภาคที่ดีที่สุดของเกมแฟรนไชส์นี้!
แน่นอนว่าทีมงานยังคงนำระบบ IQ กลับมาอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้จะมีการตัดสินใจหลักๆ ได้ 3 ทางได้แก่
- Fists - ทางเลือกในการฉายเดี่ยวเล่น Solo ที่เน้นฉากแอคชั่นต่อสู้และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า
- Wits - อีกทางเลือกในฉากเดี่ยวเช่นกัน แต่ทางเลือกนี้จะเน้นการไขปริศนามากกว่าการต่อสู้ ซึ่งถ้าผู้เล่นเลือกในส่วนนี้จะสามารถตัดสินใจได้ว่าจะสู้กับศัตรูหรือลอบเร้นหลบเลี่ยงการต่อสู้
- Team - ในเส้นทางนี้จะเน้นการเดินทางร่วมกับนักโบราณคดีโซเฟียแฮปกู๊ด ซึ่งแน่นอนว่าตัวเกมจะมอบปริศนาที่ต้องอาศัยความร่วมมือกันมากกว่าการฉายเดี่ยว.
1992 - ยังคงทะเยอะทะยานสู่...ความพัง! ( อีกรอบ )
: Indiana Jones and the Fate of Atlantis: The Action Game
รอบก่อนเคยทำออกมาในรูปแบบ 2D SIDE Platform แล้วพังรอบนี้เลยเปลี่ยนมาเป็นเกมแนว Action 2.5D ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาคงคิดว่ามันจะทำให้เกมมันออกมาดี แต่ในทางกลับกันเกมนี้เป็นภาคสปินออฟที่ไม่มีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจหรือส่วนสำคัญใดๆ เลย ระบบเกมเพลย์ที่ดูเหมือนจะหลากหลายขึ้นเพราะเราสามารถสลับตัวละครระหว่างอินดี้กับโซเฟียได้ แต่มันก็ไม่มีอะไรจริงๆ นั้นแหละครับ ( ถ้าต่างก็แค่เวลาต่อสู้อินดี้จะต่อย ส่วนโซเฟียจะเตะระหว่างขาของศัตรู ) นอกจากนี้ธีมเกมที่เป็นสีน้ำตาลบวกกับเสื้อของอินดี้ที่เป็นสีน้ำตาลด้วยยิ่งดูกลมกลืนเสียจนไม่มีจุดน่าสนใจอะไรให้โฟกัสเลย! เรียกได้ว่ามีแต่เบื่อ เบื่อและก็เบื่อครับ!
1994 - อินเดียน่า โจนส์บนเครื่อง Sega Genesis
: Instruments of Chaos starring Young Indiana Jones
เมื่อมีเครื่องคอนโซลใหม่ๆ มีหรือที่ทาง LucasArts จะพลาดดังนั้นพวกเขาก็ได้ผลิตเกมนี้ให้กับเครื่อง Sega Genesis หรืออีกชื่อก็คือ Mega Drive ซึ่งตัวเกมนั้นจะให้ฟิลเดียวกับเกมที่หลายๆ คนน่าจะรักและชอบมากๆ นั่นคือเกมทหารจิ๋ว ( Matal Slag ) นอกจากนี้งานภาพบอกได้เลยว่าสวยในระดับหนึ่งเลยถ้าเทียบกับเกมอื่นๆ ในยุคนั้นนะครับ!
1994 - ยังคงไปได้ดีกับเกมแนวเดินหน้ายิง
Indiana Jones Greatest Adventures ยังคงความเป็นเกมเดินหน้ายิงเช่นเดิมแต่จะอยู่ในไตรภาคดังเดิมของอินเดียน่า โจนส์ ( Raiders of the Lost Ark และ Temple of The Doom ) แต่ในครั้งนี้ตัวเกมจะมีภาพกราฟฟิคที่ดีกว่า เนื้อหาที่อัดแน่นกว่าที่มากถึง 26 ด่าน โดยตัวเกมนั้นได้รับการเผยแพร่บนเครื่องเกม Super Nintendo หรือเครื่อง SNES ในปี 1994 นั่นเอง.
1996 - ลองสิ่งใหม่ๆ แต่ก็ยังไม่ดีพอ
: Indiana Jones and his Desktop Adventures
หลังจากที่พวกเขาทั้งประสบความสำเร็จและประสบกับความพังในปี 1992 ของเกมทั้ง 2 แบบนั้น ทาง LucasArts ก็ยังคงอยากหาแนวทางแปลกๆ มุมมองใหม่ๆ ให้แฟรนไชส์เกมนี้เสมอ ดังนั้นในปี 1996 พวกเขาจึงสร้างเกมแนว Adventure ที่มีขนาดหน้าจอแบบ Destop เพื่อลดปัญหาของข้อจำกัดต่างๆ ในเกมและพยายามใส่ลูกเล่นต่างๆ เข้าไป ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมุมมองเป็นมุมสูง / ใช้การบังคับผ่านคีย์บอร์ดและเมาส์เพื่อเพิ่มเกมเพลย์ให้ไวขึ้น แต่พวกเขาก็ได้ตัดระบบจุดเด่นที่ผมเองก็ชอบ อย่าง "ระบบ IQ และระบบคำสั่งต่างๆ " ออกไป ยอมรับว่ามันมีความสดใหม่ในเรื่องของเกมเพลย์ นอกจากนี้ตัวเกมจะมีเหตุการณ์แบบสุ่มที่เกิดขึ้นสร้างความท้าทายความระทึกให้กับผู้เล่นตลอดเวลารวมถึงการไขปริศนาที่ไม่ยากเกินไปไม่ง่ายเกินไป แต่ด้วยกราฟฟิคแบบนี้ ด้วยหน้าจอเกมขนาดย่อส่วนแบบนี้ เมื่อผู้เล่นทำการเล่นไปสักพักก็เกิดอาการเบื่อกับปัญหาเหตุการณ์สุ่มที่เกิดขึ้นบ่อยเกินไป และอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญเพราะในปี 1996 ปีเดียวกันนั้นถือเป็นปีที่กำเนิดเกมระดับตำนานที่มีกราฟฟิคและเกมเพลย์ที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดอย่าง Resident Evill อีกด้วย!
1999 - การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญและนับเป็นก้าวที่ดี
: Indiana Jones and the Infernal Machine
หลังจากที่หลายๆ เกมทั้งบนคอนโซล และ PC เริ่มที่จะทำเกมเป็นภาพแบบ 3D กันแล้ว ดังนั้นทาง LucasArts ก็ไม่มีทางพลาดกระแสนิยมแบบนี้แน่นอน ดังนั้นทางทีมงานที่ชอบทำอะไรใหม่ๆ อะไรที่ท้าทายอยู่แล้วพวกเขาจึงทำเกมออกมาในรูปแบบ 3D เป็นแนว Action / Adventure มุมมองบุคคลที่ 3 ซึ่งแน่นอนว่าในรอบนี้มันไม่พังแบบเกมภาคก่อนๆ แล้ว เพราะตัวเกมถือว่าทำออกมาได้ครบรสทั้งรูปแบบของการต่อสู้ที่มีอนิเมชั่นหลากหลายขึ้น เช่น การยิงปืน การใช้แส้ ซึ่งผู้เล่นจะได้ไต่เขาโหนเชือกบู๊แหลกไปพร้อมๆ กับการไขปริศนาที่น่าพึงพอใจมากๆ ในยุคนั้น ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ตัวเกมยังมีเรื่องราวน่าสนใจมากถึง 17 บทให้ผู้เล่นแบบจัดเต็มจุใจ โดยมีเวลาเฉลี่ยอยู่ที่ 8 ชม.! อาวุธที่ใช้ก็จะไม่ได้มีเพียงปืนลูกโม่และเชือกแส้อีกต่อไป เพราะอาวุธที่ผู้เล่นสามารถใช้ได้นั้นจัดเต็มมากๆ ไม่ว่าจะเป็นปืนกลในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และปืนบาซูก้า! ที่ให้อาวุธแบบจัดเต็มมาขนาดนี้เพราะว่าอะไรน่ะเหรอ เพราะศัตรูที่ผู้เล่นเจอจะมีตั้งแต่สัตว์ร้าย พวกนาซี และหุ่นยนต์! ถ้าใครสงสัยว่าทำไมมันถึงมีหลายๆ อย่างที่น่าสนใจขนาดนี้นั่นก็เพราะว่าตัวเกมภาคนี้ได้รับการดูแลโดยนักเขียน / ผู้กำกับจากภาค Fate of Atlantis Hal Barwood นั่นเอง.
( สำหรับภาคนี้ข้อเสียอาจจะอยู่ที่ระบบเกมเพลย์ที่ควบคุมยากไปหน่อย มุมกล้องอาจจะหน่วงๆ และขัดใจอยู่บ้างในหลายจังหวะ )
2003 - กำเนิดหนึ่งในภาคที่ดีที่สุด!
: Indiana Jones and the Emperors Tomb
ถ้าถามว่าภาคไหนในแฟรนไชส์ของ Indiana Jones ที่ร่วมสมัยและดีที่สุด นั่นก็คงจะเป็นภาค Indiana Jones and the Emperors Tomb นี้นี่แหละครับ โดยตัวเกมนั้นได้ลงให้กับคอนโซล PS2 / Xbox และบน PC บอกได้เลยว่าภาคนี้มีการอัพเกรดเรื่องภาพกราฟฟิคที่สวยขึ้น ลื่นไหลขึ้นและเกมเพลย์ก็สุดยอดเช่นกัน ซึ่งตัวเกมนั้นจะนำเสนอการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมพร้อมกับความอลังการตามแบบฉบับภาพยนตร์ ถึงแม้ว่าภาคนี้จะมีพล็อตเรื่องที่หนักไปทางเริ่องราวที่เหนือธรรมชาติมากกว่าความเป็นจริง แต่แน่นอนว่าผู้เล่นมักชอบอะไรที่มันอลังการเสมอ สำหรับเนื้อเรื่องย่อของภาคนี้นั้นจะเล่าถึงการเดินทางของอินเดียน่า โจนส์ที่ต้องไปยังประเทศจีนในปี 1935 เพื่อขัดขวางไม่ให้วัตถุโบราณตกอยู่ในมือของวายร้าย โดยเราจะได้เจอทั้งศัตรูอย่างพวกนาซีและสิ่งเหนือธรรมชาติที่อยู่ใต้พิภพของทวีปเอเชีย ซึ่งในครั้งนี้เกมจะนำเสนอรูปแบบการเล่นใหม่ๆ ด้วย เช่น การต่อสู้แบบระยะประชิดที่มันส์มาก / การไขปริศนาที่สมจริงและท้าทายขึ้น / การว่ายน้ำ การวิ่งหนีสถานที่ถล่มและอีกมากมายที่ภาคอื่นๆ ไม่สามารถทำได้! นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถหยิบไม้ หยิบเก้าอี้ หรือขาโต๊ะมาฟาดศัตรูได้เหมือนกับที่เราเห็น
กันในฉบับภาพยนตร์ทำให้ผู้เล่นอินไปอีกขั้นหนึ่งเลย!
2007 / 2008 - อินเดียน่า โจนส์กลายเป็นเกมเพื่อการศึกษา
: The Adventures of Young Indiana Jones: Volume One / Two / Three , The Early Years
สำหรับเกม The Adventures of Young Indiana Jones: Volume One / Two / Three , The Early Years นั้นจะเป็นวีดีโอเกมเพื่อการศึกษาที่ทำออกมาทั้งหมด 3 ชุด ได้แก่ The Adventures of Young Indiana Jones : Revolution / The Adventures of Young Indiana Jones: Special Delivery / The Adventures of Young Indiana Jones: Hunting for Treasure ซึ่งตัวเกมจะให้ผู้เล่นทำการคลิ๊กจุดต่างๆ ไขปริศนาเพื่อหาคำตอบและไปสู่ส่วนถัดๆ ไป โดยเป้าหมายหลักของเกมนั้นก็คือให้ผู้เล่นฝึกการไขปัญหาและเรียนรู้ข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ไปในตัวด้วย.
2008 - ตีตลาดเกม Mobile
: Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull
สำหรับ Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull นั้นจะเป็นเกมที่อิงตามเนื้อหาฉบับภาพยนตร์ปี 2088 ในปีเดียวกัน และให้บริการบนเครื่องพกพามือถือแบบปุ่มกด ซึ่งยังใช้การพัฒนาผ่าน JAVA ในยุคนั้น แน่นอนว่าทุกการบังคับสามารถเล่นได้ผ่านปุ่มกดเรียกได้ว่าคลาสสิคมากๆ !555
2009 - กระแสและคุณภาพที่ลดลง
: Indiana Jones and the Staff of Kings
หลังจากที่เกม Indiana Jones and the Emperors Tomb ทำออกมาได้ดีมากๆ ดังนั้นทาง LucasArts จึงได้ทำเกมนี้เผยลงบนอีกหลายๆ เครื่องเกมได้แก่ PSP / PS2 / Wii และ NintendoDS แต่ด้วยการที่ทำให้หลายๆ เครื่องนี่แหละครับตัวเกมจะใส่อะไรที่เยอะเกินไปไม่ได้ เพราะพวกเขาจะต้องทำให้มันสามารถเล่นได้บนเครื่องเกมพกพาด้วยเช่นกัน ดังนั้นในภาคนี้อาจจะมีภาพที่ดร็อปลง ลูกเล่นบางอย่างที่ขาดหายไป แต่ปัญหาหลักๆ นั่นคือกระแสตอบรับในเรื่องยอดขายทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควร.
2009 - เกมมือถือแนว Puzzle
: Indiana Jones and the Lost Puzzles
Indiana Jones ยังคงเป็นเกมมือถือที่หลายๆ คนอยากเล่นดังนั้นทาง THQ Wireless ก็ได้ผลิตเกมมือถือออกมาอีกครั้งในปี 2009 แต่ครั้งนี้จะไม่ได้มาในรูปแบบ Action / Adventure เพราะตัวเกมจะมาในรูปแบบ Puzzle ที่อิงฉากเดียวกันกับในฉบับภาพยนตร์ที่อินดี้ต้องไขปริศนาอักษรเพื่อข้ามไปอีกฟากฝั่ง.
2008 / 2009 - ทำเกมเลโก้ที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่
: LEGO Indiana Jones 1 | The Original Adventures
: LEGO Indiana Jones 2 | The Adventure Continues
แน่นอนว่าทาง LucasArts นั้นเห็นถึงผลประโยชน์ของการนำแฟรนไชส์นี้มาทำเป็นเกมเลโก้เพราะพวกเขาจะไม่ได้แค่รายได้จากเกมแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงได้ร่วมมือกับทีมพัฒนาอื่นๆ ได้แก่ Travellers Tales / TT Fusion และ Feral Interactive สร้างเกม LEGO Indiana Jones 1 | The Original Adventures ในปี 2008 และ LEGO Indiana Jones 2 | The Adventure Continues ในปี 2009 แน่นอนว่าตัวเกมนั้นจะมีโมเดลที่ล่อตาล่อใจบรรดาเด็กๆ มาก นอกจากนี้ตัวเกมเลโก้นั้นจะมีเรื่องราวที่สนุกและผสมผสานความเฮฮาออกมาให้เห็นเป็นช่วงๆ แต่นั่นแหละครับมันสนุกแค่บางช่วงและขำเป็นบางครั้ง กระแสตอบรับจากแฟนๆ ที่ไม่ใช่เด็กและนักวิจารณ์จึงออกมาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก โดยถึงแม้พวกเขาจะขอแก้ตัวด้วยการปล่อยภาค 2 ออกมา มันก็ยังถูกวิจารณ์ว่าไม่ต่างอะไรกับภาคแรกเท่าไหร่นักตัวเกมมีความซ้ำซากจับเจเกินไป แต่แน่นอนว่ามันถือเป็นเกมเลโก้ที่ควรค่าแก่การเล่นระหว่างรอฟังข่าวดีรอฟังรายละเอียดใหม่ๆ ของเกม Indiana Jones ภาคใหม่ที่อาจจะออกมาให้เราได้เห็นกันเร็วๆ นี้!
2011 - ตีตลาดเกมบน Facebook
: Indiana Jones Adventure World
ในช่วงปี 2011 นั้นเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่กระแสเกมบนเฟซบุ๊คได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก เช่น แฮปปี้คนเลี้ยงหมุ และแน่นอนว่าเกมนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่ให้บริการบนเฟซบุ๊คเช่นกัน ซึ่งตัวเกมจะทำออกมาเป็นแนว Building ที่ผู้เล่นจะได้เข้าถึงส่วนต่างๆ ฟาร์มสิ่งของและนำกลับมาสร้างเป็นสิ่งปลูกสร้างมากมาย แต่น่าเสียดายที่เกมนี้ได้ทำการปิดตัวลงในปี 2013 มีอายุเพียง 2 ปีเท่านั้นเอง.
Credit :
PCGAMER
Indianajones.Fandom