GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
รีวิวเกม
รีวิวเกม Mafia II: Definitive Edition เข้าสู่โลกแห่งมาเฟียอีกครั้ง ด้วยภาพที่ทันสมัยขึ้น
ลงวันที่ 19/05/2020

สำหรับหลายๆ คน Mafia II ถือเป็นหนึ่งในเกม Action Open World ที่น่าจดจำมากที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กับการนำเสนอเรื่องราวโลกของตระกูลมาเฟียอิตาลี ให้เราไปโลดแล่นและสัมผัสความคลาสสิคของประเทศสหรัฐอเมริกาในสมัยยุค 40s - 50s ได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมกับตัวละครหลักอย่าง Vito Scaletta และเพื่อนซี๊ Joe Barbaro ที่หลายๆ คนยกให้มันเป็นหนึ่งในตัวละครที่น่าจดจำอันดับต้นๆ จนถึงทุกวันนี้ กับความสัมพันธ์ของทั้งสองที่ฝ่าฟันมาตั้งแต่จุดเริ่มต้น

ล่าสุดผู้พัฒนาก็ได้เซอร์ไพรส์เหล่าแฟนๆ ทำการเปิดตัว Mafia II: Definitive Edition กับการเอาเกม Mafia II ที่วางจำหน่ายในปี 2010 มาขัดเกลากราฟิกใหม่ให้ดูสวยงามตามยุคสมัย เพื่อให้เราได้มีโอกาสสัมผัสถึงความยอดเยี่ยมของมันอีกครั้งในรูปแบบที่สมบูรณ์กว่าเดิม และให้เกมเมอร์รุ่นใหม่ได้มีโอกาสลิ้มลองและเข้าใจว่าทำไมเกมนี้ถึงถูกยกให้เป็นภาคที่ดีที่สุดอของซีรีส์นี้ โดยในบทความนี้พวกเรา GameFever TH ได้เข้าไปทดลองเล่นเกมนี้มาแล้ว และจะมารีวิวเกมนี้ให้ทุกท่านได้ทราบกัน ว่ามันมีอะไรที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นดั้งเดิมบ้าง


◊ กราฟิก / การนำเสนอ ◊


ต้องบอกก่อนว่าผู้เขียนเคยเล่น Mafia II เวอร์ชั่น Original มาก่อนหน้าแล้ว และพอได้มีโอกาสรีวิวเวอร์ชั่น HD นี้ก็เลยลองโหลดเวอร์ชั่นเก่ามาเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นใหม่ด้วย โดยผู้เขียนปรับกราฟิกของทั้งสองเวอร์ชั่นจนสุดทั้งหมด เพื่อจะได้เปรียบเทียบให้เห็นความต่างกันแบบชัดๆ ไปเลย

เริ่มจากการมองด้วยสายตาก่อนเลยครับ Mafia II: Definitive Edition จะมีความคมชัดมากกว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับเป็นอย่างมาก ใครที่เคยเล่นเวอร์ชั่นเก่าก็น่าจะเคยรู้สึกว่าภาพของตัวเกมมันมีความเบลอๆ จากการลดรายละเอียดฉากที่อยู่ไกลให้น้อยลง ส่วนหนึ่งเพื่อให้สามารถเล่นบนเครื่อง Console ยุคนั้นได้ด้วย แต่พอเป็นเวอร์ชั่นใหม่นี้ ตัวเกมก็ได้ปลดล็อคข้อจำกัดนี้ทั้งหมด ทำให้การมองดูสบายตามากขึ้น พร้อมทั้งยังมีการเพิ่มแสงเงา บรรยากาศหรือควันต่างๆ ให้ดูสมจริงมากขึ้นไปอีก ซึ่งส่งผลให้เมืองของเกมรู้สึกกว้างขึ้นกว่าเก่า และทำให้ประสบการณ์ทั้งหมดมีความลื่นไหลขึ้น เพราะจะไม่ต้องทนมองภาพมัวๆ ให้รำคาญตาอีกต่อไป

แต่ถึงอย่างนั้นใครที่คาดหวังว่ารายละเอียด Texture ของฉากจะมีความสมจริงขึ้น ก็อาจจะผิดหวังนิดหน่อยนะครับ เพราะตัวเกมดูจะเน้นเพิ่มรายละเอียดแสงเงาให้ดูสมจริงเพียงเท่านั้น แต่รายละเอียดตึกรามบ้านช่องกลับไม่ได้ต่างจากเวอร์ชั่นเดิมมากนัก พื้นผิวตามถนนเองก็ค่อนข้างเรียบแบนเหมือนเดิม ไม่ได้ปรับให้ดูสมจริงขึ้นแต่อย่างใด พูดง่ายๆ คือเกมแอบมีความ "สวยร้อยเมตร" ที่ถ้ามองผ่านๆ หรือมองไกลๆ จะดูดีขึ้นจากภาคเก่าถนัดตา แต่เมื่อเข้ามาดูใกล้ๆ ก็จะเริ่มสังเกตเห็นตีนกามากมายเช่นเดียวกัน



ในเรื่องของฉากคัดซีนเองก็มีการเพิ่มเติมใส่รายละเอียดในเรื่องหน้าตาของตัวละครให้มากขึ้นกว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับ สังเกตุจากภาพด้านล่าง เราจะเห็นแผลเป็นตรงคางของตัวเอกได้ชัดมากขึ้น ริ้วรอยย่นต่างๆ เองก็มีเยอะขึ้น แต่ที่เห็นได้ชัดเลยคือเรื่องของเงาสะท้อนที่ทำออกมาได้มีเฉดเงาที่เป็นธรรมชาติกว่าเดิม ใครที่เคยเล่นเกมเวอร์ชั่นเก่ามาก่อนท่านจะเห็นความแตกต่างเป็นอย่างมากเลยทีเดียว



มาดูถึงเรื่องความลื่นไหลของตัวเกมกันบ้าง ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าผู้เขียนนั้นปรับกราฟิกแบบสูงสูดทุกอย่าง โดยคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับรีวิวนั้น สเปกอยู่ที่ระดับกลางๆ คือ CPU Intel i5 8400 กับการ์ดจอ GTX 1060 6GB เท่านั้น แต่สามารถรันเฟรมเรทได้มากกว่า 60 FPS ตลอดเวลาไม่มีตก (จะอยู่ราวๆ 70-110 FPS) ซึ่งถือว่าลื่นมากๆ และไม่เคยมีปัญหาเกมเด้งเกมหลุดแต่อย่างใด ถือว่าผู้พัฒนาทำการปรับปรุงกราฟิกออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ถ้าให้ถามว่ามีสิ่งที่ไม่ชอบบ้างไหม ก็ต้องบอกว่าส่วนตัวผู้เขียนมีปัญหาในการควบคุมด้วยจอย Xbox พอสมควร Mafia II: Definitive Edition ยังมีปัญหาเรื่องการบังคับอยู่บ้าง เช่นระบบการช่วงเล็งปืนหรือ Aim Assist ที่บางครั้งพึ่งพาไม่ค่อยได้ ยกตัวอย่างเวลาเราจะเล็งยิงศัตรู คนที่เคยเล่นเกมแนวยิงโดยใช้จอยมาก่อน ปกติแล้วเรามักจะหันมุมกล้องให้ศัตรูอยู่บริเวณกลางจอพอดี เวลากดเล็งเป้ามันจะล็อคเข้าตัวศัตรูได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับเกมนี้บ่อยครั้งที่ระบบช่วยเล็งไม่ยอมล็อคตามที่เราต้องการ ทำให้การเล่นค่อนข้างเสียจังหวะเป็นอย่างมาก และต่อให้ปิดโหมด Aim Assist ตัวเกมก็ยังมีจังหวะแปลกๆ ช่วยเล็งให้เฉยทั้งๆ ที่ไม่ต้องการ ซึ่งคนที่เล่นด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดอาจจะไม่พบปัญหานี้

นอกไปจากการควบคุม ยังมี Bug แอนิเมชั่นของตัวละครที่อยู่ดีๆ ก็เดินติด หรือยืนเฉยๆ ก็ยังมีให้เห็นอยู่มากพอสมควร ส่วนเรื่อง Interface ก็เหมือนเวอร์ชั่นเก่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทำให้เกมรู้สึก "เก่า" กว่าที่ควรจะเป็นอยู่บ้าง


◊ เนื้อเรื่อง ◊


Mafia II เป็นหนึ่งในเกมที่น่าจดจำมากๆ โดยเราจะได้รับบทเป็น Vito Scaletta เด็กหนุ่มชาวอิตาลีที่อพยพมาอยู่ในเมือง Empire Bay (เมืองสมมติ) ในประเทศอเมริกา พร้อมมีเพื่อนคู่ซี้นามว่า Joe Barbaro ที่พวกเขาทั้งคู่ค่อยๆ เติบโตเพื่อก้าวสู้เส้นทางมาเฟีย

โดยเราจะได้เห็นการเติบโตของ Vito ที่เริ่มจากการลักเล็กขโมยน้อย เริ่มทำงานเล็กๆ ให้กับมาเฟีย ถูกหลอกบ้าง ขยับขยายไปจนถึงงานใหญ่ๆ และเข้าสู่ครอบครัวมาเฟียอิตาลีเต็มตัว ตัวเกมนำเสนอทั้งเรื่องผลประโยชน์ การหักหลังคนในองค์กร หรือการตัดสินใจสุดแสนยากลำบาก ซึ่งคนที่คุ้นเคยกับหนังหรือเนื้อเรื่องแนวมาเฟียอยู๋แล้ว น่าจะพอเดาได้ว่าจะสามารถคาดหวังอะไรจากเนื้อเรื่องของเกมได้บ้าง



แต่ถามว่าเนื้อเรื่องของเกมนี้มันยอดเยี่ยมขนาดนั้นไหม ก็ต้องบอกว่ามันอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางดีครับ ไม่ได้เลิศเลอมาก เพราะตัวเกมกว่าครึ่งจะเล่าเรื่องเส้นทางของตัวเอก Vito และ Joe ก่อนจะเข้าสู่ครอบครัวมาเฟียอย่างเต็มตัว เลยทำให้บ้างช่วงแผ่วๆ ลงไปบ้าง กว่าจะถึงช่วงที่เข้มข้นก็อาจจะต้องรอเนื้อเรื่องช่วงหลังจากที่ทั้งสองเข้าร่วมตระกูลมาเฟียไปแล้ว

แต่โชคดีหน่อยที่เกมนี้เล่าเรื่องได้ค่อนข้างกระชับ ไม่ยึดเยื้อเท่าไร เลยทำให้เราสามารถผ่านจุดน่าเบื่อไปได้ง่ายๆ แต่มันก็แลกมาด้วยการที่เกมนี้ใช้เวลาการเล่นเพียงแค่ 15 ชั่วโมงจบเท่านั้น อาจจะถือว่าจบเร็วไปหน่อยเพราะมาตรฐานเกม Open World ของหลายๆ คนน่าจะอยู่ที่ 20 ชั่วโมงขึ้นไป แต่ถ้าให้เทียบกับคุณภาพของเกมที่วางจำหน่ายในช่วงปี 2010 ต้องบอกเลยว่า Mafia II เป็นเกมที่นำเสนอเนื้อเรื่องออกมายอดเยี่ยมเป็นอันดับต้นๆ เลย


◊ เกมเพลย์ ◊


ในส่วนของเกมเพลย์นั้น ก็ต้องบอกว่า Mafia II ก็คือเกมแนวแอคชัน Third-Person Open World ทั่วไป ที่ไม่ได้มีระบบอะไรหวือหวาหรือน่าสนใจเป็นพิเศษ ภารกิจส่วนใหญ่ก็จะเป็นการไปจัดการเป้าหมายเหมือนๆ กัน และค่อนข้างจะดำเนินแบบตามบท ไม่ได้มีลูกเล่นให้เราพลิกแพลงเยอะเท่าไหร่นัก เช่นในบางภารกิจตัวเกมสามารถให้เราลอบเข้าไปขโมยของได้ แต่พอลอบเข้าไปขโมยเสร็จพวกศัตรูก็จะรู้และแห่มาจัดการเราอยู่ดี ไม่ได้มีทางเลือกในการเล่นให้เราแอบหนีออกไปอย่างเงียบๆ แต่ก็อาจจะติได้ไม่ร้อยเปอร์เซนต์นัก เพราะเกม Open World ในยุคนั้นก็เป็นแบบนี้เกือบทั้งหมด

ใครที่อยากจะหวังในด้านเกมเพลย์ต้องบอกเลยว่าท่านอาจจะผิดหวังกับมัน เพราะจุดเด่นมันไม่ใช่เกมเพลย์แม้แต่น้อย แต่มันเป็นอารมณ์ร่วมที่แต่ละภารกิจจะมีความสอดคล้องต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เช่นเราอาจจะได้รับภารกิจไปจัดการคนที่มันเคยมีประวัติไม่ดีกับเรา หรือการทำภารกิจนี้เพื่อคาดหวังบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งมันเป็นแรงจูงใจหลักในการเล่นเกมนี้จนจบนั่นเอง Mafia II จึงอาจจะเรียกได้ว่าเป็นเกมเน้นเนื้อเรื่องที่เอา Open World มาเป็นองค์ประกอบเท่านั้น



ส่วนระบบการต่อสู้ ถึงแม้ว่ามันจะเรียบง่ายไม่แตกต่างจากเกมอื่น แต่ตัวเกมก็ยังแอบยากในระดับหนึ่ง เพราะ A.I. เกมนี้จัดว่ายิงแม่นมากๆ นี่คือความท้าทายที่มีเสน่ห์ที่สุดของเกมนี้เลยก็ว่าได้ ถึงแม้เนื้อเรื่องจะเชิดชูให้ตัวละครเอกเราเก่งจัดการคนเป็นสิบได้  แต่พอเล่นจริง เราโดนศัตรูยิง 2-3 นัดก็ลงไปคุยกับรากมะม่วงได้อย่างง่ายดาย บวกกับการบังคับปืนหรือการช่วยเล็งที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับเราอีก ใครที่ยังเป็นมือใหม่สำหรับเกมแนวนี้ ก็อาจจะต้องตายกันหลายรอบหน่อย (เมื่อก่อนผู้เขียนก็เป็น)



รวมถึงระบบขับรถที่หลายๆ คนยังพูดถึงมาจนทุกวันนี้ เพราะระบบฟิสิกส์มันแย่มากๆ ตัวรถมักจะเหวี่ยงไปมาในลักษณะที่ไม่เป็นธรรมชาติและคาดเดาลำบาก เวลาเจอภารกิจไล่ล่านี่ต้องมีหัวร้อนกันตลอด แต่ถ้าลองมองภาพให้กว้างขึ้น มันก็อาจจะสมเหตุสมผล เพราะว่าเกมนี้พยายามให้เราสัมผัสโลกในยุคปี 40 - 50 มากที่สุด การที่รถเหล่านี้ไม่สามารถซิ่งสะท้านฟ้าเหมือนรถยุคปัจจุบันก็อาจจะเป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว

รวมถึงระบบจราจรที่ค่อนข้างน่าหงุดหงิด แต่อาจเรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของเกมซีรีส์นี้เลยก็ว่าได้ โดยจะมีตำรวจคอยตรวจสอบความเร็วของรถเราตลอด ถ้าหากว่าเรานั้นขับรถเร็วเกิน 40 km/ชั่วโมง ผ่านหน้ารถตำรวจก็เตรียมตัวเจอไล่ได้เลยจ้า ถ้าตำรวจไล่ล่านานๆ พวกเขาก็จะสามารถจำป้ายทะเบียนรถได้อีก เราต้องเปลี่ยนรถหรือเข้าอู่เปลี่ยนป้ายทะเบียนเพื่อให้รอดสายตา ซึ่งตัวระบบนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของซีรีส์ Mafia เลยก็ว่าได้


สรุป


Mafia II: Definitive Edition สามารถปรับปรุงกราฟิกจากเวอร์ชั่น 2010 ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เฉดเงาต่างๆ ทำออกมาได้สวยงดสดงาม สิ่งที่ประทับใจที่สุดเลยก็คือปัญหารายลดละเอียดฉากไกลสุดมัวที่หายไป ทำให้เกมดูสบายตามากขึ้นกว่าเดิมเยอะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องรายละเอียดพื้นผิวของเกมก็ยังไม่ได้เปลี่ยนมากนัก ส่วนตัวคิดว่ามันทำการปรับปรุงกราฟิกออกมาได้มากที่สุดที่มันจะสามารถทำได้แล้วแหล่ะ

ตัวเกมนำเสนอโลกของเมือง Empire Bay ที่จำลองบางส่วนมากจากแมนฮัตตัน และบรูคลินได้สวยงามมากขึ้น เราจะได้เห็นอเมริกาในยุค 40s และ 50s พร้อมทั้งสถานที่น่าสนใจอย่างตึก Empire State และสะพานบรูคลิน ทั้งการแต่งตัวของเราและ NPC ที่ให้ความรู้สึกแบบวินเทจ ซึ่งส่วนตัวอยากให้คนที่ไม่เคยได้สัมผัสเกมนี้ลองซักครั้ง



ในส่วนของเนื้อเรื่องของเกมนั้นถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ลึกซึ้งกินใจเหมือนเกมชั้นนำ แต่มันก็สามารถนำเสนอเรื่องราวของมาเฟียออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เราจะได้เห็นทั้งมิตรภาพ, ความทุกข์, ความสุข, การแก้แค้น, โดนหลอก และหักหลัง ของสองเพื่อนซี๊อย่าง Vito Scaletta และ Joel Barbaro พร้อมยังนำเสนอสังคมอันดำมืดและผลประโยชน์ของโลกมาเฟียให้เราได้เห็นอีกด้วย แม้เอาเข้าจริงต้องยอมรับว่าเนื้อเรื่องมีความ "เดาได้" สำหรับแฟนของหนังมาเฟีย แต่ถ้าคุณเคยคิดว่าอยากจะลองเล่นหนังมาเฟียเรื่องโปรดของคุณในฐานะเกม นี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งในตอนนี้

เช่นเดียวกับเกมเพลย์ ที่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ยอดเยี่ยมที่สุด ระบบเกือบทั้งหมดก็มีให้พบเห็นได้ทั่วไป แต่องค์ประกอบโดยรวมที่สอดคล้องกับเนื้อเรื่องมันเกื้อหนุนกัน และทำให้ Mafia II เป็นเกมที่น่าจดจำมากๆ ในปี 2010 และผู้เขียนยกให้มันเป็นเกม Mafia ภาคที่ดีที่สุดเลยทีเดียว

[penci_review id="54170"]

7
ข้อดี
ข้อเสีย
8
บทความที่คล้ายกัน

GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
รีวิวเกม Mafia II: Definitive Edition เข้าสู่โลกแห่งมาเฟียอีกครั้ง ด้วยภาพที่ทันสมัยขึ้น
19/05/2020

สำหรับหลายๆ คน Mafia II ถือเป็นหนึ่งในเกม Action Open World ที่น่าจดจำมากที่สุดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กับการนำเสนอเรื่องราวโลกของตระกูลมาเฟียอิตาลี ให้เราไปโลดแล่นและสัมผัสความคลาสสิคของประเทศสหรัฐอเมริกาในสมัยยุค 40s - 50s ได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมกับตัวละครหลักอย่าง Vito Scaletta และเพื่อนซี๊ Joe Barbaro ที่หลายๆ คนยกให้มันเป็นหนึ่งในตัวละครที่น่าจดจำอันดับต้นๆ จนถึงทุกวันนี้ กับความสัมพันธ์ของทั้งสองที่ฝ่าฟันมาตั้งแต่จุดเริ่มต้น

ล่าสุดผู้พัฒนาก็ได้เซอร์ไพรส์เหล่าแฟนๆ ทำการเปิดตัว Mafia II: Definitive Edition กับการเอาเกม Mafia II ที่วางจำหน่ายในปี 2010 มาขัดเกลากราฟิกใหม่ให้ดูสวยงามตามยุคสมัย เพื่อให้เราได้มีโอกาสสัมผัสถึงความยอดเยี่ยมของมันอีกครั้งในรูปแบบที่สมบูรณ์กว่าเดิม และให้เกมเมอร์รุ่นใหม่ได้มีโอกาสลิ้มลองและเข้าใจว่าทำไมเกมนี้ถึงถูกยกให้เป็นภาคที่ดีที่สุดอของซีรีส์นี้ โดยในบทความนี้พวกเรา GameFever TH ได้เข้าไปทดลองเล่นเกมนี้มาแล้ว และจะมารีวิวเกมนี้ให้ทุกท่านได้ทราบกัน ว่ามันมีอะไรที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นดั้งเดิมบ้าง


◊ กราฟิก / การนำเสนอ ◊


ต้องบอกก่อนว่าผู้เขียนเคยเล่น Mafia II เวอร์ชั่น Original มาก่อนหน้าแล้ว และพอได้มีโอกาสรีวิวเวอร์ชั่น HD นี้ก็เลยลองโหลดเวอร์ชั่นเก่ามาเปรียบเทียบกับเวอร์ชั่นใหม่ด้วย โดยผู้เขียนปรับกราฟิกของทั้งสองเวอร์ชั่นจนสุดทั้งหมด เพื่อจะได้เปรียบเทียบให้เห็นความต่างกันแบบชัดๆ ไปเลย

เริ่มจากการมองด้วยสายตาก่อนเลยครับ Mafia II: Definitive Edition จะมีความคมชัดมากกว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับเป็นอย่างมาก ใครที่เคยเล่นเวอร์ชั่นเก่าก็น่าจะเคยรู้สึกว่าภาพของตัวเกมมันมีความเบลอๆ จากการลดรายละเอียดฉากที่อยู่ไกลให้น้อยลง ส่วนหนึ่งเพื่อให้สามารถเล่นบนเครื่อง Console ยุคนั้นได้ด้วย แต่พอเป็นเวอร์ชั่นใหม่นี้ ตัวเกมก็ได้ปลดล็อคข้อจำกัดนี้ทั้งหมด ทำให้การมองดูสบายตามากขึ้น พร้อมทั้งยังมีการเพิ่มแสงเงา บรรยากาศหรือควันต่างๆ ให้ดูสมจริงมากขึ้นไปอีก ซึ่งส่งผลให้เมืองของเกมรู้สึกกว้างขึ้นกว่าเก่า และทำให้ประสบการณ์ทั้งหมดมีความลื่นไหลขึ้น เพราะจะไม่ต้องทนมองภาพมัวๆ ให้รำคาญตาอีกต่อไป

แต่ถึงอย่างนั้นใครที่คาดหวังว่ารายละเอียด Texture ของฉากจะมีความสมจริงขึ้น ก็อาจจะผิดหวังนิดหน่อยนะครับ เพราะตัวเกมดูจะเน้นเพิ่มรายละเอียดแสงเงาให้ดูสมจริงเพียงเท่านั้น แต่รายละเอียดตึกรามบ้านช่องกลับไม่ได้ต่างจากเวอร์ชั่นเดิมมากนัก พื้นผิวตามถนนเองก็ค่อนข้างเรียบแบนเหมือนเดิม ไม่ได้ปรับให้ดูสมจริงขึ้นแต่อย่างใด พูดง่ายๆ คือเกมแอบมีความ "สวยร้อยเมตร" ที่ถ้ามองผ่านๆ หรือมองไกลๆ จะดูดีขึ้นจากภาคเก่าถนัดตา แต่เมื่อเข้ามาดูใกล้ๆ ก็จะเริ่มสังเกตเห็นตีนกามากมายเช่นเดียวกัน



ในเรื่องของฉากคัดซีนเองก็มีการเพิ่มเติมใส่รายละเอียดในเรื่องหน้าตาของตัวละครให้มากขึ้นกว่าเวอร์ชั่นต้นฉบับ สังเกตุจากภาพด้านล่าง เราจะเห็นแผลเป็นตรงคางของตัวเอกได้ชัดมากขึ้น ริ้วรอยย่นต่างๆ เองก็มีเยอะขึ้น แต่ที่เห็นได้ชัดเลยคือเรื่องของเงาสะท้อนที่ทำออกมาได้มีเฉดเงาที่เป็นธรรมชาติกว่าเดิม ใครที่เคยเล่นเกมเวอร์ชั่นเก่ามาก่อนท่านจะเห็นความแตกต่างเป็นอย่างมากเลยทีเดียว



มาดูถึงเรื่องความลื่นไหลของตัวเกมกันบ้าง ซึ่งอย่างที่บอกไปว่าผู้เขียนนั้นปรับกราฟิกแบบสูงสูดทุกอย่าง โดยคอมพิวเตอร์ที่ใช้สำหรับรีวิวนั้น สเปกอยู่ที่ระดับกลางๆ คือ CPU Intel i5 8400 กับการ์ดจอ GTX 1060 6GB เท่านั้น แต่สามารถรันเฟรมเรทได้มากกว่า 60 FPS ตลอดเวลาไม่มีตก (จะอยู่ราวๆ 70-110 FPS) ซึ่งถือว่าลื่นมากๆ และไม่เคยมีปัญหาเกมเด้งเกมหลุดแต่อย่างใด ถือว่าผู้พัฒนาทำการปรับปรุงกราฟิกออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่ถ้าให้ถามว่ามีสิ่งที่ไม่ชอบบ้างไหม ก็ต้องบอกว่าส่วนตัวผู้เขียนมีปัญหาในการควบคุมด้วยจอย Xbox พอสมควร Mafia II: Definitive Edition ยังมีปัญหาเรื่องการบังคับอยู่บ้าง เช่นระบบการช่วงเล็งปืนหรือ Aim Assist ที่บางครั้งพึ่งพาไม่ค่อยได้ ยกตัวอย่างเวลาเราจะเล็งยิงศัตรู คนที่เคยเล่นเกมแนวยิงโดยใช้จอยมาก่อน ปกติแล้วเรามักจะหันมุมกล้องให้ศัตรูอยู่บริเวณกลางจอพอดี เวลากดเล็งเป้ามันจะล็อคเข้าตัวศัตรูได้อย่างง่ายดาย แต่สำหรับเกมนี้บ่อยครั้งที่ระบบช่วยเล็งไม่ยอมล็อคตามที่เราต้องการ ทำให้การเล่นค่อนข้างเสียจังหวะเป็นอย่างมาก และต่อให้ปิดโหมด Aim Assist ตัวเกมก็ยังมีจังหวะแปลกๆ ช่วยเล็งให้เฉยทั้งๆ ที่ไม่ต้องการ ซึ่งคนที่เล่นด้วยเมาส์และคีย์บอร์ดอาจจะไม่พบปัญหานี้

นอกไปจากการควบคุม ยังมี Bug แอนิเมชั่นของตัวละครที่อยู่ดีๆ ก็เดินติด หรือยืนเฉยๆ ก็ยังมีให้เห็นอยู่มากพอสมควร ส่วนเรื่อง Interface ก็เหมือนเวอร์ชั่นเก่าไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทำให้เกมรู้สึก "เก่า" กว่าที่ควรจะเป็นอยู่บ้าง


◊ เนื้อเรื่อง ◊


Mafia II เป็นหนึ่งในเกมที่น่าจดจำมากๆ โดยเราจะได้รับบทเป็น Vito Scaletta เด็กหนุ่มชาวอิตาลีที่อพยพมาอยู่ในเมือง Empire Bay (เมืองสมมติ) ในประเทศอเมริกา พร้อมมีเพื่อนคู่ซี้นามว่า Joe Barbaro ที่พวกเขาทั้งคู่ค่อยๆ เติบโตเพื่อก้าวสู้เส้นทางมาเฟีย

โดยเราจะได้เห็นการเติบโตของ Vito ที่เริ่มจากการลักเล็กขโมยน้อย เริ่มทำงานเล็กๆ ให้กับมาเฟีย ถูกหลอกบ้าง ขยับขยายไปจนถึงงานใหญ่ๆ และเข้าสู่ครอบครัวมาเฟียอิตาลีเต็มตัว ตัวเกมนำเสนอทั้งเรื่องผลประโยชน์ การหักหลังคนในองค์กร หรือการตัดสินใจสุดแสนยากลำบาก ซึ่งคนที่คุ้นเคยกับหนังหรือเนื้อเรื่องแนวมาเฟียอยู๋แล้ว น่าจะพอเดาได้ว่าจะสามารถคาดหวังอะไรจากเนื้อเรื่องของเกมได้บ้าง



แต่ถามว่าเนื้อเรื่องของเกมนี้มันยอดเยี่ยมขนาดนั้นไหม ก็ต้องบอกว่ามันอยู่ในระดับกลางค่อนไปทางดีครับ ไม่ได้เลิศเลอมาก เพราะตัวเกมกว่าครึ่งจะเล่าเรื่องเส้นทางของตัวเอก Vito และ Joe ก่อนจะเข้าสู่ครอบครัวมาเฟียอย่างเต็มตัว เลยทำให้บ้างช่วงแผ่วๆ ลงไปบ้าง กว่าจะถึงช่วงที่เข้มข้นก็อาจจะต้องรอเนื้อเรื่องช่วงหลังจากที่ทั้งสองเข้าร่วมตระกูลมาเฟียไปแล้ว

แต่โชคดีหน่อยที่เกมนี้เล่าเรื่องได้ค่อนข้างกระชับ ไม่ยึดเยื้อเท่าไร เลยทำให้เราสามารถผ่านจุดน่าเบื่อไปได้ง่ายๆ แต่มันก็แลกมาด้วยการที่เกมนี้ใช้เวลาการเล่นเพียงแค่ 15 ชั่วโมงจบเท่านั้น อาจจะถือว่าจบเร็วไปหน่อยเพราะมาตรฐานเกม Open World ของหลายๆ คนน่าจะอยู่ที่ 20 ชั่วโมงขึ้นไป แต่ถ้าให้เทียบกับคุณภาพของเกมที่วางจำหน่ายในช่วงปี 2010 ต้องบอกเลยว่า Mafia II เป็นเกมที่นำเสนอเนื้อเรื่องออกมายอดเยี่ยมเป็นอันดับต้นๆ เลย


◊ เกมเพลย์ ◊


ในส่วนของเกมเพลย์นั้น ก็ต้องบอกว่า Mafia II ก็คือเกมแนวแอคชัน Third-Person Open World ทั่วไป ที่ไม่ได้มีระบบอะไรหวือหวาหรือน่าสนใจเป็นพิเศษ ภารกิจส่วนใหญ่ก็จะเป็นการไปจัดการเป้าหมายเหมือนๆ กัน และค่อนข้างจะดำเนินแบบตามบท ไม่ได้มีลูกเล่นให้เราพลิกแพลงเยอะเท่าไหร่นัก เช่นในบางภารกิจตัวเกมสามารถให้เราลอบเข้าไปขโมยของได้ แต่พอลอบเข้าไปขโมยเสร็จพวกศัตรูก็จะรู้และแห่มาจัดการเราอยู่ดี ไม่ได้มีทางเลือกในการเล่นให้เราแอบหนีออกไปอย่างเงียบๆ แต่ก็อาจจะติได้ไม่ร้อยเปอร์เซนต์นัก เพราะเกม Open World ในยุคนั้นก็เป็นแบบนี้เกือบทั้งหมด

ใครที่อยากจะหวังในด้านเกมเพลย์ต้องบอกเลยว่าท่านอาจจะผิดหวังกับมัน เพราะจุดเด่นมันไม่ใช่เกมเพลย์แม้แต่น้อย แต่มันเป็นอารมณ์ร่วมที่แต่ละภารกิจจะมีความสอดคล้องต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เช่นเราอาจจะได้รับภารกิจไปจัดการคนที่มันเคยมีประวัติไม่ดีกับเรา หรือการทำภารกิจนี้เพื่อคาดหวังบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งมันเป็นแรงจูงใจหลักในการเล่นเกมนี้จนจบนั่นเอง Mafia II จึงอาจจะเรียกได้ว่าเป็นเกมเน้นเนื้อเรื่องที่เอา Open World มาเป็นองค์ประกอบเท่านั้น



ส่วนระบบการต่อสู้ ถึงแม้ว่ามันจะเรียบง่ายไม่แตกต่างจากเกมอื่น แต่ตัวเกมก็ยังแอบยากในระดับหนึ่ง เพราะ A.I. เกมนี้จัดว่ายิงแม่นมากๆ นี่คือความท้าทายที่มีเสน่ห์ที่สุดของเกมนี้เลยก็ว่าได้ ถึงแม้เนื้อเรื่องจะเชิดชูให้ตัวละครเอกเราเก่งจัดการคนเป็นสิบได้  แต่พอเล่นจริง เราโดนศัตรูยิง 2-3 นัดก็ลงไปคุยกับรากมะม่วงได้อย่างง่ายดาย บวกกับการบังคับปืนหรือการช่วยเล็งที่ไม่ค่อยเป็นมิตรกับเราอีก ใครที่ยังเป็นมือใหม่สำหรับเกมแนวนี้ ก็อาจจะต้องตายกันหลายรอบหน่อย (เมื่อก่อนผู้เขียนก็เป็น)



รวมถึงระบบขับรถที่หลายๆ คนยังพูดถึงมาจนทุกวันนี้ เพราะระบบฟิสิกส์มันแย่มากๆ ตัวรถมักจะเหวี่ยงไปมาในลักษณะที่ไม่เป็นธรรมชาติและคาดเดาลำบาก เวลาเจอภารกิจไล่ล่านี่ต้องมีหัวร้อนกันตลอด แต่ถ้าลองมองภาพให้กว้างขึ้น มันก็อาจจะสมเหตุสมผล เพราะว่าเกมนี้พยายามให้เราสัมผัสโลกในยุคปี 40 - 50 มากที่สุด การที่รถเหล่านี้ไม่สามารถซิ่งสะท้านฟ้าเหมือนรถยุคปัจจุบันก็อาจจะเป็นสิ่งที่ผู้พัฒนาตั้งใจเอาไว้อยู่แล้ว

รวมถึงระบบจราจรที่ค่อนข้างน่าหงุดหงิด แต่อาจเรียกว่าเป็นเอกลักษณ์ของเกมซีรีส์นี้เลยก็ว่าได้ โดยจะมีตำรวจคอยตรวจสอบความเร็วของรถเราตลอด ถ้าหากว่าเรานั้นขับรถเร็วเกิน 40 km/ชั่วโมง ผ่านหน้ารถตำรวจก็เตรียมตัวเจอไล่ได้เลยจ้า ถ้าตำรวจไล่ล่านานๆ พวกเขาก็จะสามารถจำป้ายทะเบียนรถได้อีก เราต้องเปลี่ยนรถหรือเข้าอู่เปลี่ยนป้ายทะเบียนเพื่อให้รอดสายตา ซึ่งตัวระบบนี้ถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของซีรีส์ Mafia เลยก็ว่าได้


สรุป


Mafia II: Definitive Edition สามารถปรับปรุงกราฟิกจากเวอร์ชั่น 2010 ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เฉดเงาต่างๆ ทำออกมาได้สวยงดสดงาม สิ่งที่ประทับใจที่สุดเลยก็คือปัญหารายลดละเอียดฉากไกลสุดมัวที่หายไป ทำให้เกมดูสบายตามากขึ้นกว่าเดิมเยอะ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเรื่องรายละเอียดพื้นผิวของเกมก็ยังไม่ได้เปลี่ยนมากนัก ส่วนตัวคิดว่ามันทำการปรับปรุงกราฟิกออกมาได้มากที่สุดที่มันจะสามารถทำได้แล้วแหล่ะ

ตัวเกมนำเสนอโลกของเมือง Empire Bay ที่จำลองบางส่วนมากจากแมนฮัตตัน และบรูคลินได้สวยงามมากขึ้น เราจะได้เห็นอเมริกาในยุค 40s และ 50s พร้อมทั้งสถานที่น่าสนใจอย่างตึก Empire State และสะพานบรูคลิน ทั้งการแต่งตัวของเราและ NPC ที่ให้ความรู้สึกแบบวินเทจ ซึ่งส่วนตัวอยากให้คนที่ไม่เคยได้สัมผัสเกมนี้ลองซักครั้ง



ในส่วนของเนื้อเรื่องของเกมนั้นถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ลึกซึ้งกินใจเหมือนเกมชั้นนำ แต่มันก็สามารถนำเสนอเรื่องราวของมาเฟียออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม เราจะได้เห็นทั้งมิตรภาพ, ความทุกข์, ความสุข, การแก้แค้น, โดนหลอก และหักหลัง ของสองเพื่อนซี๊อย่าง Vito Scaletta และ Joel Barbaro พร้อมยังนำเสนอสังคมอันดำมืดและผลประโยชน์ของโลกมาเฟียให้เราได้เห็นอีกด้วย แม้เอาเข้าจริงต้องยอมรับว่าเนื้อเรื่องมีความ "เดาได้" สำหรับแฟนของหนังมาเฟีย แต่ถ้าคุณเคยคิดว่าอยากจะลองเล่นหนังมาเฟียเรื่องโปรดของคุณในฐานะเกม นี่อาจจะเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่งในตอนนี้

เช่นเดียวกับเกมเพลย์ ที่ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ยอดเยี่ยมที่สุด ระบบเกือบทั้งหมดก็มีให้พบเห็นได้ทั่วไป แต่องค์ประกอบโดยรวมที่สอดคล้องกับเนื้อเรื่องมันเกื้อหนุนกัน และทำให้ Mafia II เป็นเกมที่น่าจดจำมากๆ ในปี 2010 และผู้เขียนยกให้มันเป็นเกม Mafia ภาคที่ดีที่สุดเลยทีเดียว

[penci_review id="54170"]


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header