ย้อนกลับไปในยุคปี 2000s ต้องยอมรับเลยว่าหนึ่งในแนวเกมที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็คงจะเป็นเกมแนว Platformer ที่มีผู้พัฒนาหลากหลายค่ายต่างสร้างเกมแนวนี้ออกมามากมาย ซึ่งในปี 2005 มันก็ได้มีเกมตัวหนึ่งที่ปล่อยออกมานั่นก็คือเกมอย่าง Psychonauts ที่พัฒนาโดย Double Fine Productions และพอตัวเกมออกมามันก็ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมาก ๆ โดยหนึ่งในจุดเด่นของเกมนี้ก็คือในด้านเนื้อเรื่องของเกมที่มีการเล่าประเด็นเกี่ยวกับความคิดในจิตใจ ให้เราเข้าไปในจิตใจของตัวละครต่าง ๆ ผจญภัยกับอันตรายต่าง ๆ เพื่อที่จะเปลี่ยนความคิดของคน ๆ นั้น รวมถึงบทสนทนาที่มีตัวตลกขบขัน
แต่ถึงแม้เกม Psychonauts จะได้รับคำวิจารณ์ที่ดีอย่างไร แต่ตัวเกมก็ประสบปัญหาในด้านยอดขาย อาจจะเป็นเพราะการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงในตลาดนี้ ทำให้ตัวเกมสามารถขายได้เพียงแค่ 1 แสนชุดในอเมริกาเหนือเท่านั้น ทำให้บริษัทขาดทุนมากกว่า 18 ล้านเหรียญ จนทำให้ซีอีโอของบริษัทต้องประกาศลาออกทันที
แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากที่ทางผู้พัฒนาได้สิทธิในการขายเกมกลับมาเป็นของตัวเอง (หลังจากที่อยู่กับทางบริษัท Majesco มาตั้งแต่ต้น) ทำให้พวกเขานั้นเอาเกมนี้ไปวางขายบนร้านค้าดิจิทัลมากขึ้น และทำให้คนค่อย ๆ รู้จักตัวเกมมากขึ้น จนเวลาผ่านไปถึงปี 2015 ทางผู้พัฒนากล่าวว่าตัวเกมนั้นมียอดขายมากกว่า 1.7 ล้านชุด และทำการประกาศเกมภาค 2 ทันที !! จนในตอนนี้ตัวเกมภาคต่อก็วางจำหน่ายออกมาอย่างเป็นทางการแล้วและเรา GameFever TH จะมารีวิวเกมนี้ให้ทุกท่านได้ชมกันว่าตัวเกม Psychonauts 2 จะยอดเยี่ยมเท่ากับภาคแรกหรือไม่ !?
กราฟิก / การนำเสนอ
ในด้านกราฟิกของเกมก็ยังนำเสนองานด้านสภาพสไตล์เดิม กับโมเดลของตัวละครที่อาจจะดูไม่เป็นธรรมชาติ หน้าตาตัวละครอาจจะมีการบิดเบี้ยวตามลายเส้นของเกมนี้ ซึ่งมองเผิน ๆ ต้องยอมรับว่ามันก็ไม่ได้น่าสนใจมากขนาดนั้น แต่ถ้าเรามองในด้านเนื้อเรื่องความตลกที่ตัวเกมนี้ใส่เข้ามา บางทีการใช้งานด้านสภาพสไตล์แบบนี้อาจจะเหมาะสมที่สุดแล้วก็เป็นได้
รวมถึงในภาคนี้ตัวเกมจะมีความเป็นกึ่ง Open World ที่ถึงแม้พื้นที่ต่าง ๆ จะแบ่งเป็นฉาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นแต่ละพื้นที่ก็ยังมีความกว้างให้เราได้สำรวจอยู่พอสมควร ซึ่งในเกมนี้หลัก ๆ จะดำเนินเรื่องราวอยู่ในศูนย์บัญชาการ ที่จะแบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ มากมาย โดยเควสเนื้อเรื่องก็จะพาให้เรานั้นได้สำรวจพื้นที่เหล่านี้ทั้งหมด
นอกจากนี้เรายังมีโอกาสได้สำรวจสถานที่นอกศูนย์บัญชาการของเราด้วย ซึ่งก็จะถูกแบ่งออกเป็นโซน ๆ และพื้นที่ในการสำรวจค่อนข้างกว้างให้เราได้เที่ยวเล่นได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจจะเสียดายที่โลกของเกมนี้ไม่ได้มีชีวิตชีวามากนัก และไม่ค่อยมีอะไรให้เราปฏิสัมพันธ์นอกจากวิ่งเล่นไปทั่ว ไล่ทำเควสต่าง ๆ แค่นั้น
เนื้อเรื่อง
สำหรับเนื้อเรื่องของ Psychonauts 2 ใครที่เคยเล่นเกมภาคแรกมาแล้วกลิ่นอายของเกมก็จะยังเหมือนกับภาคแรก ตัวเกมจะให้เรานั้นได้รับบทเป็น Razputin Aquato เด็กหนุ่มในโรงละครสัตว์ที่มีพลังพิเศษในการเข้าไปในจิตใจของคนอื่นและทำการเปลี่ยนจิตภายในสมองคน ๆ นั้นได้ โดยในภาคนี้ทางตัวเอกได้เข้ามาสู่หน่วยงาน Psychonauts อย่างเป็นทางการ องค์กรรวบรวมกลุ่มเด็กที่มีพลังจิตเพื่อกอบกู้โลก โดยเนื้อเรื่องหลักจะเกี่ยวกับการที่เรานั้นจะต้องสืบหาความจริงในการฟื้นคืนชีพกลับมาของตัวร้ายอย่าง Maligula และเราก็จะต้องหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
ถึงแม้นี่จะเป็นพล็อตหลักของเกม แต่ถึงอย่างนั้นเนื้อเรื่องระหว่างทางจะเป็นการเล่าประเด็นเกี่ยวกับจิตใจอันสบสนของตัวละครต่าง ๆ ที่มีความลับซ่อนอยู่และเรานั้นก็จะต้องเข้าไปแก้ไขมัน โดยภายในจิตใจของแต่ละคนก็จะมีธีมต่าง ๆ ที่น่าสนใจไม่เหมือนกัน และสิ่งที่ทำให้เกมนี้สนุกมากขึ้นก็คงจะเป็นในด้านบทสนทนาที่จะสอดแทรกความตลกเข้าไปตลอด ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่ผิดเพี๊ยนของตัวละครตามสไตล์ของเรื่อง และถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องในภาคนี้จะต่อเนื่องกันกับภาคแรก แต่เราก็อาจจะไม่จำเป็นต้องกลับไปเล่นเพราะในช่วงต้นเกมก็จะมีการเกริ่นความเป็นมาคร่าว ๆ ให้เราเข้าใจเนื้อเรื่องในระดับหนึ่ง ว่าความเป็นมาคืออะไร
เกมเพลย์
ในด้านของเกมเพลย์ถึงแม้ว่าตัวเกมจะขึ้นชื่อว่าเป็นแนว Platformer แต่ทางผู้พัฒนาก็ใส่ระบบความเป็นเกม Action เข้ามาด้วย โดยตัวละครเราสามารถโจมตีศัตรูสวนกลับไปได้ด้วยหมัดของเรา และหนึ่งในจุดเด่นของเกมนี้ก็คือการใช้พลังจิตของตัวละคร Razputin ที่จะมีความสามารถให้ใช้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นพลังในการหยิบสิ่งของที่เราก็สามารถใช้มันปาไปโจมตีศัตรูได้ การใช้พลังไฟเผาศัตรูได้ พลังการโจมตีระยะไกล และพลังอื่น ๆ มากมายกว่า 10 แบบนอกจากนี้พลังต่าง ๆ เรายังสามารถอัพความสามารถให้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งพลังแต่ละชนิดก็จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ระดับ ยิ่งอัพสูงสกิลก็จะยิ่งดีขึ้น รวมถึงในการผจญภัยเราจะต้องใช้พลังเหล่านี้ในการผ่านแต่ละจุดไปเรื่อย ๆ ซึ่งถือว่าสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ตัวเกมยังมีระบบการ Dash หลบการโจมตีของศัตรู ซึ่งต้องบอกเลยว่าทาง AI ของเกมนี้ถูกสร้างออกมาให้ไม่ได้แย่เลย ตัวศัตรูมีหลากหลายชนิดและการโจมตีก็แตกต่างกันไป รวมถึงพวกมันยังสามารถสร้างดาเมจให้เราค่อนข้างแรงเลยทีเดียว ใครที่คิดว่าเจอศัตรูแล้วจะเดินชนดาเมจไล่ฟันไปเรื่อย ๆ คุณก็อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะจากที่ลองเล่นเราควรจะต้องหลบการโจมตีให้ได้มากที่สุด รวมถึงจะต้องคอยสอดส่องสภาพแวดล้อมในตอนนั้นเพื่อหายามาเพิ่มเลือด รวมถึงใครที่คาดว่าตัวเกมจะเน้น Action ไล่ฟันศัตรูตลอดทั้งเกม ก็อาจจะคิดผิดเช่นกัน เพราะสุดท้ายแล้วตัวเกมก็ยังเป็นแนว Platformer ที่จะเน้นการผจญภัยแก้ไขปริศนาต่าง ๆ เป็นหลัก
รวมถึงภายในเกมยังให้เรานั้นต้องใช้พลังพิเศษในการแก้ไขปริศนาต่าง ๆ ด้วย ในด้านปริศนาส่วนใหญ่จะเป็นการที่เรานั้นจะต้องใช้พลังวิเศษในการผ่านอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อถึงที่หมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้สโลว์โมชันในการหยุดให้ใบพัดที่กำลังหมุนอยู่ช้าลงเพื่อให้เราลอดผ่านไปได้ หรือจะเป็นพลังการสะกดจิตคนอื่นเพื่อให้เราได้มีโอกาสหาไอเท็มลับที่ซ่อนอยู่ตามฉากเป็นต้น
ในด้านของการดำเนินเรื่องราวตัวเกมจะมีให้เราเล่นทั้งเควสหลัก และเควสรอง แต่ถึงอย่างนั้นตัวเควสก็จะไม่ได้บอกพิกัดจุด Mark จูงมือเราเดินไปเหมือนเกมอื่น ๆ เพราะการรับเควสเรานั้นจะต้องอ่าน Note ของแต่ละเควสที่จะบอกว่าจุดทำเควสนั้นอยู่ตรงไหน หรือบางทีเควสก็จะพาเราไปยังนอกศูนย์บัญชาการ และก็บอกคร่าว ๆ ว่าเราควรจะต้องไปตรงไหน (อาจจะมีการวาดรูปบอกจุดน่าสังเกตุไว้ให้) แต่ที่เหลือคุณก็จะต้องไปค้นหาเอาเอง ยกตัวอย่างจะมีเควสหนึ่งที่จะให้เราเดินไปที่ป่า โดยการที่เราจะต้องเดินทะลุออกดินแดนเหมืองออกไปก่อนนั่นเอง แน่นอนว่าเราอาจจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการอ่านเนื้อหาด้วย
ส่วนสุดท้ายที่อยากจะพูดก็คงจะเป็นบอสแต่ละตัวของเกม ที่ทำออกมาได้น่าสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงแต่ละตัวก็จะมีธีมที่แตกต่างกัน บางตัวละครก็จะพาเราเข้าสู่เกมโชว์ทำอาหาร บางตัวละครการโจมตีปกติใช้ไม่ได้ผล เราอาจจะต้องใช้พลังในการสโลว์โมชันเสียก่อนถึงจะสามารถโจมตีได้ หรือบางตัวอาจจะต้องใช้การโจมตีระยะไกลสู้ ซึ่งเราก็อาจจะต้องใช้พลังเคลื่อนย้ายของและปาใส่ หรือใช้พลังโจมตีระยะไกลสู้เอาเป็นต้น
สรุป
จุดเด่นหลัก ๆ ของ Psychonauts 2 ก็ยังเป็นในด้านเนื้อเรื่องที่ถึงแม่ว่าโครงเนื้อหาหลักจะไม่ได้น่าสนใจมากนัก แต่ความสนุกคือระหว่างทางที่เราจะได้พบเจอกับเหล่าตัวละครที่เราจะต้องเข้าไปในจิตใจของพวกเขา และเปลี่ยนความคิดประหลาด ๆ เหล่านั้น รวมถึงในเรื่องของบทสนทนาที่มีความตลก (แบบมุขตลกหน้าตาย) ที่มีให้เห็นเยอะมาก หรือครรกะเพี๊ยน ๆ ของ NPC ที่มีให้เห็น
และขอย้ำอีกครั้งว่าใครที่คิดว่าอยากจะมาเน้น Action ระเบิดภูเขาเผากระท่อม ตัวเกมนี้ก็อาจจะไม่ได้นำเสนอจุดนี้มากเท่ากับความเป็นเกมแนว Platformer ที่ส่วนใหญ่กว่า 60% เราก็จะต้องกระโดดข้ามแพลตฟอร์มตรงนู้นตรงนี้เพื่อไปแก้ปริศนา แต่ก็ต้องยอมรับว่าในทุกส่วนของเกมเพลย์ทั้งการต่อสู้ และปริศนาทางผู้พัฒนาค่อนข้างละเอียดละมัยพอสมควร
ส่วนตัวยอมรับว่าไม่ได้เป็นคนที่สันทัดเกมแนวนี้มากนัก อาจจะเป็นเพราะความจำเจที่เราจะต้องเล่นอะไรแบบเดิม ๆ ตั้งแต่ต้นยันจบ แต่เกมนี้ต่างออกไปเพราะระบบพลังพิเศษที่มีให้เลือกมากกว่า 8 แบบ ทำให้เราผจญภัยของเราไม่เบื่อเลย เพราะในแต่ละด่านตัวเกมค่อนข้างดีไซน์การผจญภัยที่จะให้เราต้องใช้พลังหลากหลายในการผ่านด้วย
ส่วนสิ่งที่ไม่ชอบก็อาจจะเป็นงานด้านภาพที่ผู้เขียนมองว่ามันค่อนข้างเก่าพอสมควร งานด้านภาพก็ไม่ได้สวยไปกว่าภาคก่อนมากนัก รวมถึงการที่ตัวเกมมีระบบมากมายที่เยอะมาก ทำให้การเรียนรู้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเกมค่อนข้างใช้เวลาในระดับหนึ่ง
เนื้อเรื่องทำออกมาได้ดีมาก สอดแทรกมุขตลกได้อย่างยอดเยี่ยม
เกมเพลย์ทำออกมาได้ดีทั้งพาร์ทการต่อสู้ และพาร์ทการผจญภัยแพลตฟอร์มเมอร์
เนื่องจากตัวเกมระบบเยอะมาก ต้องทำความเข้าใจเยอะหน่อย
ตัวเกมไม่เป็นมิตรสำหรับคนที่ชอบข้ามเนื้อเรื่อง เพราะเราต้องอ่านโน๊ตเพื่อเดินไปรับเควส
ย้อนกลับไปในยุคปี 2000s ต้องยอมรับเลยว่าหนึ่งในแนวเกมที่ได้รับความนิยมอย่างมากก็คงจะเป็นเกมแนว Platformer ที่มีผู้พัฒนาหลากหลายค่ายต่างสร้างเกมแนวนี้ออกมามากมาย ซึ่งในปี 2005 มันก็ได้มีเกมตัวหนึ่งที่ปล่อยออกมานั่นก็คือเกมอย่าง Psychonauts ที่พัฒนาโดย Double Fine Productions และพอตัวเกมออกมามันก็ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีมาก ๆ โดยหนึ่งในจุดเด่นของเกมนี้ก็คือในด้านเนื้อเรื่องของเกมที่มีการเล่าประเด็นเกี่ยวกับความคิดในจิตใจ ให้เราเข้าไปในจิตใจของตัวละครต่าง ๆ ผจญภัยกับอันตรายต่าง ๆ เพื่อที่จะเปลี่ยนความคิดของคน ๆ นั้น รวมถึงบทสนทนาที่มีตัวตลกขบขัน
แต่ถึงแม้เกม Psychonauts จะได้รับคำวิจารณ์ที่ดีอย่างไร แต่ตัวเกมก็ประสบปัญหาในด้านยอดขาย อาจจะเป็นเพราะการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงในตลาดนี้ ทำให้ตัวเกมสามารถขายได้เพียงแค่ 1 แสนชุดในอเมริกาเหนือเท่านั้น ทำให้บริษัทขาดทุนมากกว่า 18 ล้านเหรียญ จนทำให้ซีอีโอของบริษัทต้องประกาศลาออกทันที
แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากที่ทางผู้พัฒนาได้สิทธิในการขายเกมกลับมาเป็นของตัวเอง (หลังจากที่อยู่กับทางบริษัท Majesco มาตั้งแต่ต้น) ทำให้พวกเขานั้นเอาเกมนี้ไปวางขายบนร้านค้าดิจิทัลมากขึ้น และทำให้คนค่อย ๆ รู้จักตัวเกมมากขึ้น จนเวลาผ่านไปถึงปี 2015 ทางผู้พัฒนากล่าวว่าตัวเกมนั้นมียอดขายมากกว่า 1.7 ล้านชุด และทำการประกาศเกมภาค 2 ทันที !! จนในตอนนี้ตัวเกมภาคต่อก็วางจำหน่ายออกมาอย่างเป็นทางการแล้วและเรา GameFever TH จะมารีวิวเกมนี้ให้ทุกท่านได้ชมกันว่าตัวเกม Psychonauts 2 จะยอดเยี่ยมเท่ากับภาคแรกหรือไม่ !?
กราฟิก / การนำเสนอ
ในด้านกราฟิกของเกมก็ยังนำเสนองานด้านสภาพสไตล์เดิม กับโมเดลของตัวละครที่อาจจะดูไม่เป็นธรรมชาติ หน้าตาตัวละครอาจจะมีการบิดเบี้ยวตามลายเส้นของเกมนี้ ซึ่งมองเผิน ๆ ต้องยอมรับว่ามันก็ไม่ได้น่าสนใจมากขนาดนั้น แต่ถ้าเรามองในด้านเนื้อเรื่องความตลกที่ตัวเกมนี้ใส่เข้ามา บางทีการใช้งานด้านสภาพสไตล์แบบนี้อาจจะเหมาะสมที่สุดแล้วก็เป็นได้
รวมถึงในภาคนี้ตัวเกมจะมีความเป็นกึ่ง Open World ที่ถึงแม้พื้นที่ต่าง ๆ จะแบ่งเป็นฉาก ๆ แต่ถึงอย่างนั้นแต่ละพื้นที่ก็ยังมีความกว้างให้เราได้สำรวจอยู่พอสมควร ซึ่งในเกมนี้หลัก ๆ จะดำเนินเรื่องราวอยู่ในศูนย์บัญชาการ ที่จะแบ่งออกเป็นห้องต่าง ๆ มากมาย โดยเควสเนื้อเรื่องก็จะพาให้เรานั้นได้สำรวจพื้นที่เหล่านี้ทั้งหมด
นอกจากนี้เรายังมีโอกาสได้สำรวจสถานที่นอกศูนย์บัญชาการของเราด้วย ซึ่งก็จะถูกแบ่งออกเป็นโซน ๆ และพื้นที่ในการสำรวจค่อนข้างกว้างให้เราได้เที่ยวเล่นได้ในระดับหนึ่ง แต่อาจจะเสียดายที่โลกของเกมนี้ไม่ได้มีชีวิตชีวามากนัก และไม่ค่อยมีอะไรให้เราปฏิสัมพันธ์นอกจากวิ่งเล่นไปทั่ว ไล่ทำเควสต่าง ๆ แค่นั้น
เนื้อเรื่อง
สำหรับเนื้อเรื่องของ Psychonauts 2 ใครที่เคยเล่นเกมภาคแรกมาแล้วกลิ่นอายของเกมก็จะยังเหมือนกับภาคแรก ตัวเกมจะให้เรานั้นได้รับบทเป็น Razputin Aquato เด็กหนุ่มในโรงละครสัตว์ที่มีพลังพิเศษในการเข้าไปในจิตใจของคนอื่นและทำการเปลี่ยนจิตภายในสมองคน ๆ นั้นได้ โดยในภาคนี้ทางตัวเอกได้เข้ามาสู่หน่วยงาน Psychonauts อย่างเป็นทางการ องค์กรรวบรวมกลุ่มเด็กที่มีพลังจิตเพื่อกอบกู้โลก โดยเนื้อเรื่องหลักจะเกี่ยวกับการที่เรานั้นจะต้องสืบหาความจริงในการฟื้นคืนชีพกลับมาของตัวร้ายอย่าง Maligula และเราก็จะต้องหาความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้
ถึงแม้นี่จะเป็นพล็อตหลักของเกม แต่ถึงอย่างนั้นเนื้อเรื่องระหว่างทางจะเป็นการเล่าประเด็นเกี่ยวกับจิตใจอันสบสนของตัวละครต่าง ๆ ที่มีความลับซ่อนอยู่และเรานั้นก็จะต้องเข้าไปแก้ไขมัน โดยภายในจิตใจของแต่ละคนก็จะมีธีมต่าง ๆ ที่น่าสนใจไม่เหมือนกัน และสิ่งที่ทำให้เกมนี้สนุกมากขึ้นก็คงจะเป็นในด้านบทสนทนาที่จะสอดแทรกความตลกเข้าไปตลอด ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่ผิดเพี๊ยนของตัวละครตามสไตล์ของเรื่อง และถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องในภาคนี้จะต่อเนื่องกันกับภาคแรก แต่เราก็อาจจะไม่จำเป็นต้องกลับไปเล่นเพราะในช่วงต้นเกมก็จะมีการเกริ่นความเป็นมาคร่าว ๆ ให้เราเข้าใจเนื้อเรื่องในระดับหนึ่ง ว่าความเป็นมาคืออะไร
เกมเพลย์
ในด้านของเกมเพลย์ถึงแม้ว่าตัวเกมจะขึ้นชื่อว่าเป็นแนว Platformer แต่ทางผู้พัฒนาก็ใส่ระบบความเป็นเกม Action เข้ามาด้วย โดยตัวละครเราสามารถโจมตีศัตรูสวนกลับไปได้ด้วยหมัดของเรา และหนึ่งในจุดเด่นของเกมนี้ก็คือการใช้พลังจิตของตัวละคร Razputin ที่จะมีความสามารถให้ใช้เยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นพลังในการหยิบสิ่งของที่เราก็สามารถใช้มันปาไปโจมตีศัตรูได้ การใช้พลังไฟเผาศัตรูได้ พลังการโจมตีระยะไกล และพลังอื่น ๆ มากมายกว่า 10 แบบนอกจากนี้พลังต่าง ๆ เรายังสามารถอัพความสามารถให้ดีมากยิ่งขึ้น ซึ่งพลังแต่ละชนิดก็จะมีอยู่ด้วยกัน 4 ระดับ ยิ่งอัพสูงสกิลก็จะยิ่งดีขึ้น รวมถึงในการผจญภัยเราจะต้องใช้พลังเหล่านี้ในการผ่านแต่ละจุดไปเรื่อย ๆ ซึ่งถือว่าสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ตัวเกมยังมีระบบการ Dash หลบการโจมตีของศัตรู ซึ่งต้องบอกเลยว่าทาง AI ของเกมนี้ถูกสร้างออกมาให้ไม่ได้แย่เลย ตัวศัตรูมีหลากหลายชนิดและการโจมตีก็แตกต่างกันไป รวมถึงพวกมันยังสามารถสร้างดาเมจให้เราค่อนข้างแรงเลยทีเดียว ใครที่คิดว่าเจอศัตรูแล้วจะเดินชนดาเมจไล่ฟันไปเรื่อย ๆ คุณก็อาจจะต้องคิดใหม่ เพราะจากที่ลองเล่นเราควรจะต้องหลบการโจมตีให้ได้มากที่สุด รวมถึงจะต้องคอยสอดส่องสภาพแวดล้อมในตอนนั้นเพื่อหายามาเพิ่มเลือด รวมถึงใครที่คาดว่าตัวเกมจะเน้น Action ไล่ฟันศัตรูตลอดทั้งเกม ก็อาจจะคิดผิดเช่นกัน เพราะสุดท้ายแล้วตัวเกมก็ยังเป็นแนว Platformer ที่จะเน้นการผจญภัยแก้ไขปริศนาต่าง ๆ เป็นหลัก
รวมถึงภายในเกมยังให้เรานั้นต้องใช้พลังพิเศษในการแก้ไขปริศนาต่าง ๆ ด้วย ในด้านปริศนาส่วนใหญ่จะเป็นการที่เรานั้นจะต้องใช้พลังวิเศษในการผ่านอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อถึงที่หมาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้สโลว์โมชันในการหยุดให้ใบพัดที่กำลังหมุนอยู่ช้าลงเพื่อให้เราลอดผ่านไปได้ หรือจะเป็นพลังการสะกดจิตคนอื่นเพื่อให้เราได้มีโอกาสหาไอเท็มลับที่ซ่อนอยู่ตามฉากเป็นต้น
ในด้านของการดำเนินเรื่องราวตัวเกมจะมีให้เราเล่นทั้งเควสหลัก และเควสรอง แต่ถึงอย่างนั้นตัวเควสก็จะไม่ได้บอกพิกัดจุด Mark จูงมือเราเดินไปเหมือนเกมอื่น ๆ เพราะการรับเควสเรานั้นจะต้องอ่าน Note ของแต่ละเควสที่จะบอกว่าจุดทำเควสนั้นอยู่ตรงไหน หรือบางทีเควสก็จะพาเราไปยังนอกศูนย์บัญชาการ และก็บอกคร่าว ๆ ว่าเราควรจะต้องไปตรงไหน (อาจจะมีการวาดรูปบอกจุดน่าสังเกตุไว้ให้) แต่ที่เหลือคุณก็จะต้องไปค้นหาเอาเอง ยกตัวอย่างจะมีเควสหนึ่งที่จะให้เราเดินไปที่ป่า โดยการที่เราจะต้องเดินทะลุออกดินแดนเหมืองออกไปก่อนนั่นเอง แน่นอนว่าเราอาจจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการอ่านเนื้อหาด้วย
ส่วนสุดท้ายที่อยากจะพูดก็คงจะเป็นบอสแต่ละตัวของเกม ที่ทำออกมาได้น่าสนใจเป็นอย่างมาก รวมถึงแต่ละตัวก็จะมีธีมที่แตกต่างกัน บางตัวละครก็จะพาเราเข้าสู่เกมโชว์ทำอาหาร บางตัวละครการโจมตีปกติใช้ไม่ได้ผล เราอาจจะต้องใช้พลังในการสโลว์โมชันเสียก่อนถึงจะสามารถโจมตีได้ หรือบางตัวอาจจะต้องใช้การโจมตีระยะไกลสู้ ซึ่งเราก็อาจจะต้องใช้พลังเคลื่อนย้ายของและปาใส่ หรือใช้พลังโจมตีระยะไกลสู้เอาเป็นต้น
สรุป
จุดเด่นหลัก ๆ ของ Psychonauts 2 ก็ยังเป็นในด้านเนื้อเรื่องที่ถึงแม่ว่าโครงเนื้อหาหลักจะไม่ได้น่าสนใจมากนัก แต่ความสนุกคือระหว่างทางที่เราจะได้พบเจอกับเหล่าตัวละครที่เราจะต้องเข้าไปในจิตใจของพวกเขา และเปลี่ยนความคิดประหลาด ๆ เหล่านั้น รวมถึงในเรื่องของบทสนทนาที่มีความตลก (แบบมุขตลกหน้าตาย) ที่มีให้เห็นเยอะมาก หรือครรกะเพี๊ยน ๆ ของ NPC ที่มีให้เห็น
และขอย้ำอีกครั้งว่าใครที่คิดว่าอยากจะมาเน้น Action ระเบิดภูเขาเผากระท่อม ตัวเกมนี้ก็อาจจะไม่ได้นำเสนอจุดนี้มากเท่ากับความเป็นเกมแนว Platformer ที่ส่วนใหญ่กว่า 60% เราก็จะต้องกระโดดข้ามแพลตฟอร์มตรงนู้นตรงนี้เพื่อไปแก้ปริศนา แต่ก็ต้องยอมรับว่าในทุกส่วนของเกมเพลย์ทั้งการต่อสู้ และปริศนาทางผู้พัฒนาค่อนข้างละเอียดละมัยพอสมควร
ส่วนตัวยอมรับว่าไม่ได้เป็นคนที่สันทัดเกมแนวนี้มากนัก อาจจะเป็นเพราะความจำเจที่เราจะต้องเล่นอะไรแบบเดิม ๆ ตั้งแต่ต้นยันจบ แต่เกมนี้ต่างออกไปเพราะระบบพลังพิเศษที่มีให้เลือกมากกว่า 8 แบบ ทำให้เราผจญภัยของเราไม่เบื่อเลย เพราะในแต่ละด่านตัวเกมค่อนข้างดีไซน์การผจญภัยที่จะให้เราต้องใช้พลังหลากหลายในการผ่านด้วย
ส่วนสิ่งที่ไม่ชอบก็อาจจะเป็นงานด้านภาพที่ผู้เขียนมองว่ามันค่อนข้างเก่าพอสมควร งานด้านภาพก็ไม่ได้สวยไปกว่าภาคก่อนมากนัก รวมถึงการที่ตัวเกมมีระบบมากมายที่เยอะมาก ทำให้การเรียนรู้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเกมค่อนข้างใช้เวลาในระดับหนึ่ง