Castlevania เป็นเกมแอ็กชันผจญภัยจากค่าย Konami ที่ได้รับความนิยมอย่างมากบนเส้นเนื้อเรื่องของนักล่าอสูรและแดร็กคูล่า ซึ่งดำเนินเรื่องราวผ่านเครื่องเกมมาแล้วเกินสิบภาค จึงถือได้ว่าเป็นซีรีส์เกมที่ได้รับความนิยมไม่น้อยเลย เพราะถึงแม้ตัวเกมจะเป็นรูปแบบ 2 มิติ มุมมองหันข้าง แต่รูปแบบเกมเพลย์นั้นเป็นแบบ Metroidvania อันนำหน้ายุคสมัยจากเกมอื่น ๆ ในเวลานั้น สร้างความสนุก ตื่นตะลึงและความโหยหาที่จะนำกลับมาเล่นใหม่อีกครั้งแม้จะผ่านมากี่ปีแล้วก็ตาม โดยเฉพาะ Castlevania: Symphony of the Night ที่แฟนเกมต่างยกย่องว่าเป็นหนึ่งในภาคที่ดีที่สุดของเกมซีรีส์นี้ จากการดำเนินเรื่องของตัวละคร Alucard มนุษย์ครึ่งแวมไพร์ลูกชายแท้ ๆ ของแดร็กคูล่าเอง บุกฝ่ากองทัพอสูรเพื่อหยุดยั้งการกลับมาของพ่อสุดกระหายเลือดของเขาเอง

นั่นจึงเป็นอะไรที่บริษัทสื่อไม่ปล่อยหลุดมือ นำมาดัดแปลงเพิ่มกำไร และแน่นอนหนึ่งในนั้นก็คงไม่รอดพ้นไปจากเงื้อมมือของ Netflix ค่ายสตรีมเหตุการณ์เจ้าดังที่มีชื่อเสียงในการนำเกมมาดัดแปลงเป็นซีรีส์คนแสดงหลากหลายเรื่อง บางเรื่องก็ได้รับชม บางเรื่องก็มีคนบ่นว่าจนไม่ได้ไปสร้างต่อ จนกล่าวได้ว่าหาก Netflix เอามือไปแตะต้องอะไร แฟนบอยของสื่อเนื้อหานั้น ๆ ยังต้องมีเหงื่อตกว่าผลงานดัดแปลงนั้น ๆ จะออกมาดูดีหรือไม่

ทว่า มันไม่ใช่กับซีรีส์ดัดแปลงแอนิเมชันสุดมันส์จากต้นฉบับชื่อเดียวกันอย่าง Castlevania ที่ได้มีการสร้างซีรีส์ดัดแปลงในชื่อเดียวกันผ่านช่องทางสตรีมมิ่ง Netflix มาแล้วกว่า 4 ซีซัน! บางคนอาจจะสงสัยว่าทำไม คำสาปของสื่อดัดแปลงจากเกมที่ส่วนมากจะร่วงลงเหวกลับไม่ส่งผลอะไรกับเรื่องนี้แม้แต่น้อย เพราะภาพ? เสียง? หรือเนื่องจากเป็นซีรีส์เกมดังอยู่แล้ว? ผิดถนัด เพราะคำตอบที่ถูกต้องที่สุดคือ 'การพัฒนาบท' ต่างหาก แล้วการพัฒนาบทนี้เป็นไปยังไง เราไปดูกัน

*บทความต่อไปนี้อาจมีส่วนเปิดเผยเนื้อหาซีรีส์เกม Castlevania*

เรื่องราวในซีรีส์แอนิเมชัน Castlevania ของ Netflix นี้ จะถูกสรรค์สร้างและเขียนบทโดยคุณ Warren Ellis ที่มีผลงานการเขียนบทให้กับแอนิเมชัน Marvel Anime หรือกับเกมดังอย่าง Dead Space เอง ซึ่งในเรื่องราวของเนื้อหานั้นถึงแม้จะมีการอ้างอิงชื่อตัวละคร สถานที่และเหตุการณ์ที่มีหรือเกิดขึ้นในเกมจริง แต่ด้วยความที่ต้นฉบับนั้นไม่ค่อยจะอธิบายหรือร่ายความอะไรเลยถึงสาเหตุการอาละวาดของแดร็กคูล่า ซีรีส์นี้จึงพูดได้ว่าเหมือนกับเป็นอีกหนึ่งจักรวาลแยกที่มีเนื้อหาเกมเป็นพื้นฐานและเขียนเพิ่มเติม ปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่อง ให้เราได้เข้าใจและอินไปกับเนื้อหามากขึ้น

สำหรับซีรีส์แอนิเมชัน Castlevania จะถูกดัดแปลงมาจากเกมชื่อเดียวกันในภาค Castlevania III: Dracula's Curse ปี 1992 ที่กล่าวถึงโศกนาฏกรรมความรักของ Vlad Dracula Tepes และ Lisa Tepes ภรรยามนุษย์ของเขาที่ถูกจับตัวไปตรึงกางเขน เผาทั้งเป็นเนื่องด้วยถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดหลังจากเธอใช้ความสามารถทางด้านวิทยาศาสตร์ในการช่วยเหลือผู้คน แดร็กคูล่าที่เพิ่งกลับมาจากการท่องโลกกว้างแบบมนุษย์ธรรมดาจึงสติแตก ฉุนจนเลือดออกตา ประกาศกร้าวว่าเขาจะล้างบางมนุษย์ในวาเลนเซียร์ แผ่นดินอันยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของทวีปยุโรปให้หมดสิ้น

ถึงแม้แดร็กคูล่าจะมองว่านี่เป็นการทำสงครามกับมนุษยชาติ แต่แท้จริงแล้วมันเป็นการสังหารหมู่ที่ยืดเยื้อมากที่สุดบนหน้าประวัติศาสตร์มากกว่า ดังนั้นจึงมีนักล่าปีศาจจากตระกูลที่ถูกขับไสไล่ส่ง Trevor Belmont ร่วมมือกับนักเวทสื่อวิญญาณ Sypha Belnades และ Alucard ลูกชายแท้ ๆ ของผูกพันร็กคูล่าเองมาร่วมมือกันเพื่อหยุดการนองเลือดครั้งนี้

อย่างที่กล่าวมาข้างต้นว่าเนื่องจากในเกมต้นฉบับนั้นไม่ค่อยมีการอธิบายอะไรมาก เนื้อหาจึงมีการสร้างขึ้นมาเพิ่มเติมถึงตัวละครที่มีอยู่ในเกมและไม่มีในเกม ซึ่งหากพูดกันตามตรง ตัวละครเหล่านี้นั้นได้สร้างสีสันของซีรีส์ไม่น้อยหน้าไปกว่าตัวเอกของเรื่องแม้แต่น้อย

จากที่พวกลูกน้องของแดร็กคูล่าก็มักเป็นพวกแวมไพร์ทั่วไป ก็ได้มีการดัดแปลงให้มีลำดับความสำคัญและชนชั้นขึ้นมา ให้เราเห็นได้ว่าอำนาจของเหตุการณ์ร็กคูล่านั้นแพร่หลายไปทั่วทุกมุมโลกผ่านเหล่านายพลจากทวีป ประเทศต่าง ๆ เช่น ญี่ปุ่น โรมาเนีย สตรีเรีย อินเดีย และอื่น ๆ ซึ่งแวมไพร์เหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นแค่ลูกกะจ๊อกกิ๊กก๊อกรอคอยคำสั่งแดร็กคูล่าอย่างเดียว เพราะแต่ละคนต่างมีความคิดที่จะแก่นแย่งชิงผลประโยชน์ในสงครามนี้ จนมีบางส่วนถึงขนาดคิดจะขึ้นครองอำนาจแทนเอง เฉกเช่น Carmillia แวมไพร์สาวที่พร้อมจะแทงแดร็กคูล่าจากด้านหลังได้ทุกเมื่อ เพราะนางคิดว่าเขาเป็นแค่คนแก่ที่มีอำนาจ แต่สติไม่ดีและไม่รู้ว่าอำนาจที่มีควรเอาไปทำอะไร ดังนั้นเธอจึงหวังใช้มันกวาดล้อมเหล่ามนุษย์ให้เป็นแค่ปศุสัตว์คอยกินเป็นอาหารเท่านั้น โดยหากอิงจากฉบับเกมนางจะเป็นเพียงหนึ่งในบอสสุดภักดี ที่หวังจะชุบชีวิตแดร็กคูล่าเท่านั้น

กลับกันมาดูในส่วนของตัวดำเนินเรื่องที่ผู้คนชื่นชอบไม่น้อยหน้าอย่างสอง 'ช่างหลอม' Hector และ Isaac ซึ่งมีหน้าที่สร้างกองทัพอสูรราตรี ปีศาจที่สามารถออกล่าได้แม้กระทั่งยามเช้าให้กับแดร็กคูล่า ก็เปิดโลกทัศน์ให้เห็นว่าแม้ทั้งสองจะเป็นมนุษย์ แต่ด้วยความที่ผิดหวังในเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ พวกเขาก็พร้อมที่จะฆ่าล้างบางให้สิ้น แม้สุดท้ายในใจลึก ๆ ก็รู้ตัวว่าเมื่องานนี้จบลง พวกเขาเองก็จบชีวิตเช่นกัน

ช่างหลอมสองคนนี้ก็มีพื้นเพและความคิดต่างกัน คนหนึ่งที่เป็นคนมีจิตใจอ่อนต่อโลกอย่าง Hector ที่มองว่ามนุษย์ไม่ได้มีพื้นที่ให้ตัวประหลาดที่มีความสามารถปลุกชีพศพอย่างเขาอยู่บนโลก เขานั้นคิดเพียงตื้น ๆ ว่าอยากให้การทำสงครามนี้เป็นการลดจำนวนประชากรมนุษย์ หวังให้มีสิ่งดี ๆ งอกงามขึ้นมาบ้าง แล้วเขาจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเงียบ ๆ อีกครั้ง

ส่วนด้าน Isaac อดีตแรงงานชนเผ่าที่ถูกกดขี่ในดินแดนทะเลทราย ก็มองว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เชื่อใจไม่ได้ เลวร้ายไปเสียทุกคนและไม่ควรมีค่าแก่การอยู่บนโลก จากประสบการณ์ที่เขาได้พบเจอ นั่นจึงให้เขาเป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ที่สุด ตรงฉินที่สุดของแดร็กคูล่า

จนเวลาผ่านพ้นไป ความจริงเริ่มปรากฏให้เห็นถึงโลกของแวมไพร์ว่าพวกเขาทั้งหลายก็ไม่ต่างจากมนุษย์ มีกิเลส,เกลศ มีความโลภ และการทรยศ ดังนั้นเรื่องราววายป่วงจึงปรับเปลี่ยนให้ตัวละครทั้งหลายกลายเป็นอีกคนไปได้ทันที หรือไม่ก็หนักกว่าเก่า...

สองตัวละครที่กล่าวมาข้างต้น ก็แทบจะมีบทบาทในต้นฉบับไม่มากก็น้อย พื้นฐาน ดีไซน์คาแรกเตอร์และเจตจำนงก็ต่างกับสิ่งที่เกิดขึ้นในซีรีส์โดยสิ้นเชิง เพราะหลังจากที่เกิดเหตุการณ์หลากหลายอย่าง เช่น การไม่ลงรอยกันเองของสภาแวมไพร์, การทรยศของเผ่าพันธุ์ที่ขึ้นชื่อว่าสูงส่ง และแม้กระทั่งการสิ้นสุดยุคสมัยของแดร็กคูล่า ก็นำพาไปเป็นจุดเปลี่ยนของตัวละครทั้งสองนี้จนเรารู้สึกผูกพันพอ ๆ กับพระเอก นางเอก

ในเนื้อเรื่องทั้งหลายจะถูกขมวดรวมกันไม่ได้เข้าใจยาก แต่มีที่มาที่ไปให้เราดูกันได้เพลิน ๆ ตลอดทั้ง 4 ซีซัน มีทั้งแนวแง่คิด ความมันส์ ความหดหู่ และความตลกอันครบรสแบบไม่ขาดสาย โดยที่แฟนเกมเองก็นึกไม่ถึงแน่นอน เพราะเนื้อเรื่องนั้นสดใหม่และไม่เคยถูกเขียนที่ไหนมาก่อน ผ่านการดัดแปลงและเรียบเรียงได้อย่างดีจนได้คะแนนผู้ชมจากเว็บไซต์วิจารณ์สื่อ Rotten Tomatoes สูงถึง 91% เลยทีเดียว!

ทั้งนี้เรื่องราวของกลุ่มต่อต้านแดร็กคูล่า, แวมไพร์บ้าอำนาจ และการเดินทางชีวิตของช่างหลอมจะเป็นยังไง ก็ไปติดตามเอาใจช่วยในแอนิเมชันซีรีส์ Castlevania ผ่านช่องทางสตรีมมิ่งของ Netflix ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปได้เลย!

และหากใครเคยดูมาแล้วหรือยังลังเลว่าจะดูไม่รู้เรื่องเพราะไม่เคยเล่นเกมก็ไม่ต้องกลัวเลย เพราะเนื้อหานั้นไม่จำเป็นต้องเล่นเกมมาก่อนแต่อย่างใด กลับกันหากดูก่อนเล่นเกมจะเข้าใจมากกว่าเดิมเสียอีก! อีกทั้งการันตีด้วยความมันส์จากทั้ง 4 ซีซันยังไม่พอ เพราะล่าสุดทาง Netflix เองก็ยอมรับเรตติ้งและเปิดไฟเขียวสร้างซีรีส์นี้ต่อในฐานะรุ่นลูกหลานอีกทอดหนึ่งด้วยใน Castlevania Nocturne ดังนั้น ใครที่ชื่นชอบเกมซีรีส์นี้ ไม่ควรพลาดเลยทีเดียวเชียว!