นับเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากสำหรับแฟน ๆ ของซีรีส์เกม Yakuza หรือ Like a Dragon เมื่อผู้พัฒนา Ryu Ga Gotoku Studio ได้ออกมายืนยันวันวางจำหน่ายของเกมใหม่ถึง 2 ภาคติด ๆ กันทั้ง Like a Dragon: The Man Who Erased His Name เกมภาคเสริมที่กำลังจะวางจำหน่ายในวันที่ 8 พฤษจิกายนนีี้ ซึ่งจะทำหน้าที่เชื่อมเรื่องราวของตัวเอง Kazuma Kiryu จากตอนจบของเกมภาค 6 ไปยังเหตุการณ์ในเกมภาค 8 หรือ Like a Dragon: Infinite Wealth ที่มีกำหนดวางจำหน่ายใกล้ ๆ กันในช่วงต้นปี 2024 นั่นเอง
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางทีมงาน GameFever ก็ได้มีโอกาสร่วมสัมภาษณ์คุณ Masayoshi Yokoyama (ผู้อำนวยการค่าย RGG Studio และ Executive Producer ของเกมทั้งสองภาค) และคุณ Hiroyuki Sakamoto (หัวหน้าฝ่าย Producer ของซีรีส์ Yakuza/Like a Dragon) เกี่ยวกับการพัฒนาเกมทั้งสอง จึงอยากจะนำมาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้อ่านกันในวันนี้!
หมายเหตุ: เนื่องจากการสัมภาษณ์เป็นการพูดคุยผ่านล่าม และทางล่ามไม่ได้เจาะจงว่าใครเป็นคนพูด คำตอบทั้งหมดจึงเป็นการย่อสรุปคำตอบของผู้พัฒนาทั้งสองท่าน
นับเป็นเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับทั้งค่าย RGG Studio และซีรีส์ ‘Like a Dragon’ ที่กำลังจะได้วางจำหน่ายเกมเพิ่มอีกถึง 2 ภาคในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ตอนนี้บรรยากาศในค่ายเป็นอย่างไรบ้าง? รู้สึกตื่นเต้นหรือกดดันบ้างไหม?
'ในค่ายเราตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงสนุกเลย บรรยากาศมีความครึกครื้นพอสมควร ซึ่งเอาเข้าจริงผมคิดว่าค่ายเรากลับชอบที่มีงานให้ทำเยอะ ๆ อย่างตอนนี้ซะด้วยซ้ำ ให้เราได้รู้สึกคึกคักมีพลังกันอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาเวลามีช่วงเว้นว่างนาน ๆ ทีไร พนักงานจะแห่กันลาออกทุกครั้ง เราจึงพยายามจะหาอะไรทำให้ทุกคนได้สนุกอยู่เรื่อย ๆ แม้จะต้องยุ่งแค่ไหนก็ตามที'
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คุณได้เคยเล่าในบทสัมภาษณ์หลายครั้งว่าทีมงานพัฒนาซีรีส์ Yakuza/Like a Dragon รู้สึกคาดไม่ถึงว่าซีรีส์จะประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ในต่างประเทศ เพราะเกมถูกพัฒนามาโดยคำนึงถึงผู้เล่นญี่ปุ่นแทบจะ 100% เลย จึงอยากทราบว่าการได้รับรู้ว่าเกมเป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลกส่งผลต่อการพัฒนาเกมภาคที่กำลังจะมาถึงบ้างไหม? ส่งผลอย่างไรบ้าง?
'สิ่งที่เปลี่ยนไปหลัก ๆ คือการที่เราใส่ใจกับกระบวนการแปลภาษาทั้งหมดในเกมมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แต่ในแง่ของการพัฒนาเกม ผมคิดว่าเราไม่ได้เปลี่ยนแนวทางหรือแนวคิดของเราไปจากเดิมเท่าไหร่ สิ่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจะเป็นกระบวนการแปลภาษาและพากย์เสียงในเกม ที่เมื่อก่อนเรามักจะให้ความสำคัญน้อยมาก ๆ และมักจะขัดเกลาจริง ๆ ก็เมื่อมีเวลาเหลือจากการพัฒนาส่วนอื่นของเกมเท่านั้น แต่ในตอนนี้เราก็เริ่มพิถีพิถันในการคัดเลือกผู้ที่จะมาพากย์เสียงภาษาต่าง ๆ มากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างแน่นอน'
เกม Like a Dragon Gaiden: The Man Who Erased His Name จะดำเนินเรื่องต่อจากเหตุการณ์ในเกม Yakuza 6 หลังจากที่ตัวเอกคิริวได้ปลอมการตายของตัวเอง หมายความว่าผู้เล่นจะต้องเล่นเกม Yakuza 6 มาก่อนหรือเปล่าถึงจะเข้าใจเนื้อเรื่อง?
'สำหรับเกมนี้ เราตั้งใจออกแบบมาให้ไม่จำเป็นต้องเล่นภาคที่ผ่าน ๆ มาเพื่อเข้าใจเนื้อเรื่อง แน่นอนว่าถ้าคุณเคยเล่นเกมภาคก่อน ๆ อย่าง Yakuza 6 หรือ Yakuza: Like a Dragon มาก่อนก็จะทำให้ประสบการณ์ทั้งหมดดียิ่งขึ้น แต่เอาเข้าจริง ๆ เนื้อเรื่องในเกมนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปูทางไปสู่เกมภาค 8 (Like a Dragon: Infinite Wealth) มากกว่า โดยเกมภาค Gaiden จะอธิบายถึงเรื่องราวการปลอมการตายของคิริว และเรื่องราวต่าง ๆ ที่นำมาสุ๋การตัดสินใจนั้นในเกม'
หมายความว่าเราต้องเล่นภาค Gaiden มาก่อนเพื่อเข้าใจเนื้อเรื่องของภาค Infinite Wealth หรือเปล่า?
'เช่นเดียวกับคำตอบก่อนหน้านี้ เราออกแบบเกมมาให้ผู้เล่นสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวสำคัญต่าง ๆ ในภาค Infinite Wealth ได้โดยไม่ต้องเล่นเกมภาคอื่น ๆ มาก่อน แต่แน่นอนว่าหากคุณต้องการประสบการณ์ที่สมบูรณ์ที่สุด การเล่นเกมภาคเก่า โดยเฉพาะภาค Gaiden มาก่อนจะทำให้เล่นภาค Infinite Wealth สนุกยิ่งขึ้นไปอีก'
ในเกมภาค Gaiden ผู้เล่นจะได้พบกับสไตล์การต่อสู้ใหม่ในรูปแบบของ Agent Style ลองอธิบายเบื้องหลังการออกแบบสไตล์ดังกล่าวให้ฟังหน่อยได้ไหม? มีความท้าทายอะไรบ้างที่ทีมงานต้องเผชิญในการออกแบบสไตล์นี้?
'ความท้าทายหลัก ๆ คือการใส่อุปกรณ์ gadget ทั้งหลายเข้าไปในระบบต่อสู้ในแบบของ RGG อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะที่ผ่านมาเรามักจะเน้นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแทบทั้งหมด แต่สำหรับ Agent จะมีทั้งอุปกรณ์สายลับหลายชนิด รวมถึงปืนพกด้วย โดยเราตั้งเป้าเอาไว้แต่ต้นว่าไม่อยากให้เกมกลายเป็นเกมแนวยิงปืน ซึ่งสไตล์ใหม่นี้ยังเปิดโอกาสให้เราได้มอบประสบการณ์ที่แปลกไปจากเกม Yakuza ที่ผ่านมาทั้งหมดอีกด้วย'
ผ่านมา 3 ปีแล้วนับตั้งแต่ที่เกม Yakuza: Like a Dragon ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบเกม RPG แทนระบบการต่อสู้ดั้งเดิมของซีรีส์ อยากทราบว่าเสียงตอบรับจากแฟน ๆ เป็นอย่างไรบ้าง? เสียงตอบรับนี้ทำให้ทีมงานมีความมั่นใจในแนว RPG เทิร์นเบสนี้มากขึ้นไหม?
'ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เกมวางจำหน่าย เราได้รับเสียงตอบรับไปในทางบวกอย่างมหาศาล ซึ่งเราก็ใช้ข้อติชมเหล่านั้นมาขัดเกลาองค์ประกอบทั้งหมดของเกมภาคล่าสุด โดยเฉพาะในแง่ Pacing หรือจังหวะการเล่าเรื่อง เราจึงมั่นใจเต็มที่ในแนวทางใหม่ที่เรากำลังเดินอยู่ในขณะนี้ แต่ในฐานะผู้พัฒนาเกม เราก็อยากบอกว่าเราไม่ได้ยึดติดกับแนวเกมเพียงแนวเดียว โดยแฟน ๆ ของค่ายอาจจะได้เห็นผลงานเกมแนวอื่น ๆ เพิ่มได้อีกในอนาคต'
แม้ว่าเนื้อเรื่องหลักของเกมซีรีส์ Like a Dragon มักจะมีความเคร่งขรึมจริงจังอยู่ไม่น้อย แต่เกมก็เป็นที่รู้จักจากมินิเกมและไซด์เควสติงต๊องมากพอ ๆ กัน หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ พวกคุณรักษาสมดุลนี้อย่างไร ระหว่างความตึงเครียดของเนื้อเรื่องแนวอาชญากรรม และเนื้อเรื่องเสริมตลก ๆ ทั้งหลายในเกมโดยที่ไม่หนักไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป?
'เอาจริง ๆ เราก็เพิ่งรู้ไม่นานนี้เช่นกันว่ามีผู้เล่นต่างประเทศจำนวนไม่น้อยที่รู้จักซีรีส์ Yakuza ในฐานะเกมตลก ๆ เป็นหลัก โดยที่แทบไม่ได้ติดตามเนื้อเรื่องหลักของเกมเลย! แต่ในส่วนของสมดุล ผมคิดว่ามาจากการที่เราวางเป้าหมายให้ทั้งเนื้อเรื่องหลักและเนื้อเรื่องเสริมคล้าย ๆ กัน นั่นคือการพัฒนาตัวละครหลักให้ลึกยิ่งขึ้น ในขณะที่เนื้อเรื่องหลักให้ผู้เล่นได้เห็นมุมจริงจังซีเรียสของตัวละคร เนื้อเรื่องเสริมต่าง ๆ ก็ทำให้ผู้เล่นได้เห็นแง่มุมอื่นของตัวละครเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นการพัฒนาตัวละครให้มีมิติมากขึ้นทั้งสิ้น'
ด้วยเนื้อเรื่องของเกมภาค Gaiden ที่ให้คิริวปกปิดตัวตนของตัวเอง ผู้เล่นจะมีโอกาสได้พบกับตัวละครจากเกมภาคเก่า ๆ บ้างไหม?
'ด้วยความที่ภาคนี้เป็นเนื้อเรื่องใหม่ทั้งหมด เราจึงไม่ค่อยอยากจะนำตัวละครเก่า ๆ มามีบทบาทในเกมมากนัก เพราะสมาชิกในทีมพัฒนาหลายคนรู้สึกว่ามันน่าเบื่อไปหน่อย แต่นั่นก็หมายความว่าแฟน ๆ จะมีโอกาสได้รู้จักกับตัวละครหน้าใหม่ทั้งหมด ซึ่งก็อาจจะทำให้เกมรู้สึกสดใหม่อยู่บ้างสำหรับแฟนเกมตัวยงของซีรีส์'
มีอะไรอยากฝากถึงผู้เล่นต่างชาติบ้างไหม?
'ต้องขอบคุณทั้งสื่อมวลชนและผู้เล่นที่ให้ความสนใจเกมของเราเสมอมา และทีมงานของเรารู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ กับการมาถึงของเกมภาค Like a Dragon Gaiden และ Infinite Wealth ในอีกไม่นานนี้ โดยในเกมภาค Gaiden นี้เราได้ลองแนะนนำเกมเพลย์แนวแอคชันแบบแบบใหม่เข้าสู่ซีรีส์ RGG และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะมีโอกาสได้สัมผัสความพยายามของเรา และพบกันในงาน RGG Summit ครั้งต่อไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - ธันวาคม)'
Like a Dragon Gaiden: The Man Who Erased His Name จะวางจำหน่ายในวันที่ 8 พฤษจิกายนสำหรับ PlayStation, Xbox, PC ในขณะที่ Like a Dragon: Infinite Wealth จะวางจำหน่ายในปี 2024
..............................
พบเกม PC ลดราคาแรงตลอดปีที่ร้าน 2game
ซื้อผ่านลิงก์ https://2game.com?ref=gamefeverth และใส่รหัสคูปอง Gamefever เพื่อรับส่วนลดเพิ่ม!
นับเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นเป็นอย่างมากสำหรับแฟน ๆ ของซีรีส์เกม Yakuza หรือ Like a Dragon เมื่อผู้พัฒนา Ryu Ga Gotoku Studio ได้ออกมายืนยันวันวางจำหน่ายของเกมใหม่ถึง 2 ภาคติด ๆ กันทั้ง Like a Dragon: The Man Who Erased His Name เกมภาคเสริมที่กำลังจะวางจำหน่ายในวันที่ 8 พฤษจิกายนนีี้ ซึ่งจะทำหน้าที่เชื่อมเรื่องราวของตัวเอง Kazuma Kiryu จากตอนจบของเกมภาค 6 ไปยังเหตุการณ์ในเกมภาค 8 หรือ Like a Dragon: Infinite Wealth ที่มีกำหนดวางจำหน่ายใกล้ ๆ กันในช่วงต้นปี 2024 นั่นเอง
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางทีมงาน GameFever ก็ได้มีโอกาสร่วมสัมภาษณ์คุณ Masayoshi Yokoyama (ผู้อำนวยการค่าย RGG Studio และ Executive Producer ของเกมทั้งสองภาค) และคุณ Hiroyuki Sakamoto (หัวหน้าฝ่าย Producer ของซีรีส์ Yakuza/Like a Dragon) เกี่ยวกับการพัฒนาเกมทั้งสอง จึงอยากจะนำมาแบ่งปันให้เพื่อน ๆ ทุกคนได้อ่านกันในวันนี้!
หมายเหตุ: เนื่องจากการสัมภาษณ์เป็นการพูดคุยผ่านล่าม และทางล่ามไม่ได้เจาะจงว่าใครเป็นคนพูด คำตอบทั้งหมดจึงเป็นการย่อสรุปคำตอบของผู้พัฒนาทั้งสองท่าน
นับเป็นเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับทั้งค่าย RGG Studio และซีรีส์ ‘Like a Dragon’ ที่กำลังจะได้วางจำหน่ายเกมเพิ่มอีกถึง 2 ภาคในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน ตอนนี้บรรยากาศในค่ายเป็นอย่างไรบ้าง? รู้สึกตื่นเต้นหรือกดดันบ้างไหม?
'ในค่ายเราตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงสนุกเลย บรรยากาศมีความครึกครื้นพอสมควร ซึ่งเอาเข้าจริงผมคิดว่าค่ายเรากลับชอบที่มีงานให้ทำเยอะ ๆ อย่างตอนนี้ซะด้วยซ้ำ ให้เราได้รู้สึกคึกคักมีพลังกันอย่างต่อเนื่อง เพราะที่ผ่านมาเวลามีช่วงเว้นว่างนาน ๆ ทีไร พนักงานจะแห่กันลาออกทุกครั้ง เราจึงพยายามจะหาอะไรทำให้ทุกคนได้สนุกอยู่เรื่อย ๆ แม้จะต้องยุ่งแค่ไหนก็ตามที'
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คุณได้เคยเล่าในบทสัมภาษณ์หลายครั้งว่าทีมงานพัฒนาซีรีส์ Yakuza/Like a Dragon รู้สึกคาดไม่ถึงว่าซีรีส์จะประสบความสำเร็จมากขนาดนี้ในต่างประเทศ เพราะเกมถูกพัฒนามาโดยคำนึงถึงผู้เล่นญี่ปุ่นแทบจะ 100% เลย จึงอยากทราบว่าการได้รับรู้ว่าเกมเป็นที่ชื่นชอบไปทั่วโลกส่งผลต่อการพัฒนาเกมภาคที่กำลังจะมาถึงบ้างไหม? ส่งผลอย่างไรบ้าง?
'สิ่งที่เปลี่ยนไปหลัก ๆ คือการที่เราใส่ใจกับกระบวนการแปลภาษาทั้งหมดในเกมมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แต่ในแง่ของการพัฒนาเกม ผมคิดว่าเราไม่ได้เปลี่ยนแนวทางหรือแนวคิดของเราไปจากเดิมเท่าไหร่ สิ่งที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจะเป็นกระบวนการแปลภาษาและพากย์เสียงในเกม ที่เมื่อก่อนเรามักจะให้ความสำคัญน้อยมาก ๆ และมักจะขัดเกลาจริง ๆ ก็เมื่อมีเวลาเหลือจากการพัฒนาส่วนอื่นของเกมเท่านั้น แต่ในตอนนี้เราก็เริ่มพิถีพิถันในการคัดเลือกผู้ที่จะมาพากย์เสียงภาษาต่าง ๆ มากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างแน่นอน'
เกม Like a Dragon Gaiden: The Man Who Erased His Name จะดำเนินเรื่องต่อจากเหตุการณ์ในเกม Yakuza 6 หลังจากที่ตัวเอกคิริวได้ปลอมการตายของตัวเอง หมายความว่าผู้เล่นจะต้องเล่นเกม Yakuza 6 มาก่อนหรือเปล่าถึงจะเข้าใจเนื้อเรื่อง?
'สำหรับเกมนี้ เราตั้งใจออกแบบมาให้ไม่จำเป็นต้องเล่นภาคที่ผ่าน ๆ มาเพื่อเข้าใจเนื้อเรื่อง แน่นอนว่าถ้าคุณเคยเล่นเกมภาคก่อน ๆ อย่าง Yakuza 6 หรือ Yakuza: Like a Dragon มาก่อนก็จะทำให้ประสบการณ์ทั้งหมดดียิ่งขึ้น แต่เอาเข้าจริง ๆ เนื้อเรื่องในเกมนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อปูทางไปสู่เกมภาค 8 (Like a Dragon: Infinite Wealth) มากกว่า โดยเกมภาค Gaiden จะอธิบายถึงเรื่องราวการปลอมการตายของคิริว และเรื่องราวต่าง ๆ ที่นำมาสุ๋การตัดสินใจนั้นในเกม'
หมายความว่าเราต้องเล่นภาค Gaiden มาก่อนเพื่อเข้าใจเนื้อเรื่องของภาค Infinite Wealth หรือเปล่า?
'เช่นเดียวกับคำตอบก่อนหน้านี้ เราออกแบบเกมมาให้ผู้เล่นสามารถปะติดปะต่อเรื่องราวสำคัญต่าง ๆ ในภาค Infinite Wealth ได้โดยไม่ต้องเล่นเกมภาคอื่น ๆ มาก่อน แต่แน่นอนว่าหากคุณต้องการประสบการณ์ที่สมบูรณ์ที่สุด การเล่นเกมภาคเก่า โดยเฉพาะภาค Gaiden มาก่อนจะทำให้เล่นภาค Infinite Wealth สนุกยิ่งขึ้นไปอีก'
ในเกมภาค Gaiden ผู้เล่นจะได้พบกับสไตล์การต่อสู้ใหม่ในรูปแบบของ Agent Style ลองอธิบายเบื้องหลังการออกแบบสไตล์ดังกล่าวให้ฟังหน่อยได้ไหม? มีความท้าทายอะไรบ้างที่ทีมงานต้องเผชิญในการออกแบบสไตล์นี้?
'ความท้าทายหลัก ๆ คือการใส่อุปกรณ์ gadget ทั้งหลายเข้าไปในระบบต่อสู้ในแบบของ RGG อย่างเป็นธรรมชาติ เพราะที่ผ่านมาเรามักจะเน้นการต่อสู้ด้วยมือเปล่าแทบทั้งหมด แต่สำหรับ Agent จะมีทั้งอุปกรณ์สายลับหลายชนิด รวมถึงปืนพกด้วย โดยเราตั้งเป้าเอาไว้แต่ต้นว่าไม่อยากให้เกมกลายเป็นเกมแนวยิงปืน ซึ่งสไตล์ใหม่นี้ยังเปิดโอกาสให้เราได้มอบประสบการณ์ที่แปลกไปจากเกม Yakuza ที่ผ่านมาทั้งหมดอีกด้วย'
ผ่านมา 3 ปีแล้วนับตั้งแต่ที่เกม Yakuza: Like a Dragon ได้เปลี่ยนมาใช้ระบบเกม RPG แทนระบบการต่อสู้ดั้งเดิมของซีรีส์ อยากทราบว่าเสียงตอบรับจากแฟน ๆ เป็นอย่างไรบ้าง? เสียงตอบรับนี้ทำให้ทีมงานมีความมั่นใจในแนว RPG เทิร์นเบสนี้มากขึ้นไหม?
'ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เกมวางจำหน่าย เราได้รับเสียงตอบรับไปในทางบวกอย่างมหาศาล ซึ่งเราก็ใช้ข้อติชมเหล่านั้นมาขัดเกลาองค์ประกอบทั้งหมดของเกมภาคล่าสุด โดยเฉพาะในแง่ Pacing หรือจังหวะการเล่าเรื่อง เราจึงมั่นใจเต็มที่ในแนวทางใหม่ที่เรากำลังเดินอยู่ในขณะนี้ แต่ในฐานะผู้พัฒนาเกม เราก็อยากบอกว่าเราไม่ได้ยึดติดกับแนวเกมเพียงแนวเดียว โดยแฟน ๆ ของค่ายอาจจะได้เห็นผลงานเกมแนวอื่น ๆ เพิ่มได้อีกในอนาคต'
แม้ว่าเนื้อเรื่องหลักของเกมซีรีส์ Like a Dragon มักจะมีความเคร่งขรึมจริงจังอยู่ไม่น้อย แต่เกมก็เป็นที่รู้จักจากมินิเกมและไซด์เควสติงต๊องมากพอ ๆ กัน หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ พวกคุณรักษาสมดุลนี้อย่างไร ระหว่างความตึงเครียดของเนื้อเรื่องแนวอาชญากรรม และเนื้อเรื่องเสริมตลก ๆ ทั้งหลายในเกมโดยที่ไม่หนักไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป?
'เอาจริง ๆ เราก็เพิ่งรู้ไม่นานนี้เช่นกันว่ามีผู้เล่นต่างประเทศจำนวนไม่น้อยที่รู้จักซีรีส์ Yakuza ในฐานะเกมตลก ๆ เป็นหลัก โดยที่แทบไม่ได้ติดตามเนื้อเรื่องหลักของเกมเลย! แต่ในส่วนของสมดุล ผมคิดว่ามาจากการที่เราวางเป้าหมายให้ทั้งเนื้อเรื่องหลักและเนื้อเรื่องเสริมคล้าย ๆ กัน นั่นคือการพัฒนาตัวละครหลักให้ลึกยิ่งขึ้น ในขณะที่เนื้อเรื่องหลักให้ผู้เล่นได้เห็นมุมจริงจังซีเรียสของตัวละคร เนื้อเรื่องเสริมต่าง ๆ ก็ทำให้ผู้เล่นได้เห็นแง่มุมอื่นของตัวละครเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นการพัฒนาตัวละครให้มีมิติมากขึ้นทั้งสิ้น'
ด้วยเนื้อเรื่องของเกมภาค Gaiden ที่ให้คิริวปกปิดตัวตนของตัวเอง ผู้เล่นจะมีโอกาสได้พบกับตัวละครจากเกมภาคเก่า ๆ บ้างไหม?
'ด้วยความที่ภาคนี้เป็นเนื้อเรื่องใหม่ทั้งหมด เราจึงไม่ค่อยอยากจะนำตัวละครเก่า ๆ มามีบทบาทในเกมมากนัก เพราะสมาชิกในทีมพัฒนาหลายคนรู้สึกว่ามันน่าเบื่อไปหน่อย แต่นั่นก็หมายความว่าแฟน ๆ จะมีโอกาสได้รู้จักกับตัวละครหน้าใหม่ทั้งหมด ซึ่งก็อาจจะทำให้เกมรู้สึกสดใหม่อยู่บ้างสำหรับแฟนเกมตัวยงของซีรีส์'
มีอะไรอยากฝากถึงผู้เล่นต่างชาติบ้างไหม?
'ต้องขอบคุณทั้งสื่อมวลชนและผู้เล่นที่ให้ความสนใจเกมของเราเสมอมา และทีมงานของเรารู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ กับการมาถึงของเกมภาค Like a Dragon Gaiden และ Infinite Wealth ในอีกไม่นานนี้ โดยในเกมภาค Gaiden นี้เราได้ลองแนะนนำเกมเพลย์แนวแอคชันแบบแบบใหม่เข้าสู่ซีรีส์ RGG และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะมีโอกาสได้สัมผัสความพยายามของเรา และพบกันในงาน RGG Summit ครั้งต่อไปในช่วงฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - ธันวาคม)'
Like a Dragon Gaiden: The Man Who Erased His Name จะวางจำหน่ายในวันที่ 8 พฤษจิกายนสำหรับ PlayStation, Xbox, PC ในขณะที่ Like a Dragon: Infinite Wealth จะวางจำหน่ายในปี 2024
..............................
พบเกม PC ลดราคาแรงตลอดปีที่ร้าน 2game
ซื้อผ่านลิงก์ https://2game.com?ref=gamefeverth และใส่รหัสคูปอง Gamefever เพื่อรับส่วนลดเพิ่ม!