ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน แนวเกมที่ไม่เคยจางหายไปตามยุคสมัยก็คือ Life Simulator หรือก็คือแนวปลูกผักทำฟาร์ม ซึ่งล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ก็มีเกมใหม่จากจีน เปิดตัวเกมแนวนี้เพิ่ม แถมได้รับกระแสตอบรับในระดับที่ดีเยี่ยมมาก ๆ แต่เนื่องจากมันยังไม่ใช่ตัวเกมแบบ Full Launch วันนี้เราเลยจะหยิบมาแนะนำกันคร่าว ๆ กับ Song of the Prairie

ความแตกต่างจากเกมปลูกผักทำฟาร์มเกมอื่น ๆ

ท่ามกลางเกมปลูกผักทำฟาร์มที่มีแบบล้นตลาดเป็นจำนวนมาก คงเกิดคำถามว่า Song of the Prairie มีอะไรเป็นจุดขายของตัวเอง ถึงผลิตเกมแนวนี้ออกมา ต้องบอกว่าสตูดิโอเบื้องหลังของเกมนี้คือ The Droplet Studio นั้น คือสตูดิโอเกมจากประเทศจีน มองปกเกมก็คงไม่เชื่อว่านี่คือผลงานเกมจากค่ายจีนแน่ ๆ โดยพวกเขาก็ใส่เรื่องราวในแบบความเป็นเกมจีนเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกของเราที่มีอาการความจำเสื่อม และดูเหมือนจะมีพลังลึกลับอะไรบางอย่าง แต่ในช่วงแรก เกมจะพยายามไม่เปิดเผยมาก เพราะจุดประสงค์ของเราคือการมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่สงบสุขมากกว่า บวกกับตอนนี้ตัวเกมยังอยู่ในช่วง Early Access คาดว่าจะมีการอัปเดตเนื้อเรื่องต่าง ๆ เพิ่มเข้ามาในภายหลัง แต่แน่นอนว่าใครที่จะซื้อเกมปลูกผักทำฟาร์มมาเล่น เนื้อเรื่องก็คงเป็นรองอยู่แล้ว เพราะเป้าหมายหลัก ๆ ก็น่าจะเป็นการสัมผัสบรรยากาศสุดผ่อนคลายในระหว่างเกมการเล่นนั่นเอง

เบื้องหลังโลกของเกมนี้ คือหมู่บ้านอันแสนสงบสุขที่อยู่ห่างไกลจากความโกลาหลและความวุ่นวาย (ไม่แน่ว่าตัวเอกเราจะนำพาหายนะมาให้ที่นี่หรือเปล่าเนี่ยแหละ) เราจะเริ่มต้นเกมนี้เหมือนกับเกมปลูกผักทำฟาร์มเกมอื่น ๆ คือได้บ้านพักมา 1 หลังแบบฟรี ๆ จากนั้นก็ต้องไปทำความรู้จักกับชาวเมืองคนต่าง ๆ เพื่อทำภารกิจ รับงาน หาเงินตามสไตล์ จากนั้นก็ค่อย ๆ วิ่งไล่สะสมทรัพยากรเพื่อนำมาอัปเกรดสิ่งต่าง ๆ ฟังดูเหมือนสูตรสำเร็จ แต่จากที่ผู้เขียนได้ลองเล่นมาก็พบว่า มันมีอะไรบางอย่างที่แตกต่างไปจากเกมปลูกผักเกมอื่น ๆ และมีความยืดหยุ่นที่หลากหลายกว่าพอสมควร โดยเราจะแนะนำแยกย่อยเป็นหัวข้อดังนี้

เป็นชาวเมืองคนใหม่ แต่แบกทั้งหมู่บ้านไว้ด้วยตัวคนเดียว

ปกติแล้ว เกมปลูกผักทำฟาร์มเนี่ย เราจะถูกจำกัดไลฟ์สไตล์การเล่นต่อวันด้วย Stamina ในช่วงเริ่มเกม ทำให้ไม่สามารถทำอะไรได้เยอะสักเท่าไรนัก เพราะมักจะโดนจำกัดด้วยค่า Stamina เอาจริง ๆ แล้วเกมนี้เองก็เช่นกัน แต่ระบบจะค่อนข้างใจดีและยืดหยุ่นกว่ามาก ใน 1 วันเราสามารถทำอะไรได้เยอะกว่าเกมอื่น ๆ พอสมควร ทั้งรดน้ำผัก ตัดต้นไม้ ตกปลา ทุบหินหาแร่ เรียกได้ว่าเหลือ ๆ ทำให้ตัวผู้เขียนค่อนข้างจะเอ็นจอยกับเกมนี้มากกว่าเกมปลูกผักอื่น ๆ เพราะไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง จัดการความสำคัญว่าวันนี้ควรทำอะไร ๆ และตัวเกมยังแยกหลอด Stamina กับหลอด Energy แยกกัน อย่างหลอด Energy ในเกมนี้จะเอาไว้ใช้ในการวิ่ง และสามารถเพิ่มขีดจำกัดของมันได้จากการทำภารกิจเนื้อเรื่องต่าง ๆ อีกด้วย

และสำหรับเกมนี้จะบอกว่าเราคือผู้เข้ามาแบกหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านไว้ก็ไม่เกินจริง ระบบใหญ่ ๆ ของเกมนี้นั้น นอกจากเราจะต้องดูแล ปรับปรุง จัดสรรบ้านพักและฟาร์มของเราแล้ว ทุกร้านค้าในเมืองนี้ เราสามารถหาวัตถุดิบและจ่ายเงินอัปเกรดให้กับร้านเหล่านั้นได้แทบจะทั้งหมด โดยการอัปเกรดร้านของเหล่า NPC ในเมืองจะทำให้เราได้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น เช่นของขายต่อวันมากขึ้น ซื้อได้ในราคาที่ถูกลง ขายได้ในราคาที่แพงขึ้น หรืออัปเกรดเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้ ในราคาที่ถูกลง แต่ก็นั่นแหละ ระหว่างเล่นจึงเกิดเป็นคำถามว่า เหตุใดร้านพวกนี้ไม่ยอมอัปเกรดตัวเอง หรือถ้าเราไม่มาเมืองนี้ ร้านเหล่านี้ก็จะอยู่ที่ระดับเบื้องต้นตลอดไป (ฮา)

สิ่งนี้นี่เองที่ทำให้เกมการเล่นของเกมนี้เป็นอะไรที่ชวนติดหนึบ ติดพันมาก ๆ นอกจากเราจะต้องหาของอัปเกรดบ้านของตัวเองแล้ว เพื่อสิทธิประโยชน์ใหม่ ๆ บางอย่าง เราจะต้องหาของมาอัปเกรดพวกร้านค้าของเหล่าชาวเมืองนี้ด้วย โดยทรัพยากรหลัก ๆ ก็พวกหิน ไม้ อัญมณี แร่ต่าง ๆ ที่เราหาได้ตามพื้นที่ทั่วไป ต้องบอกก่อนว่าตอนนี้ตัวเกมยังไม่ค่อยมีสถานที่ที่เปิดกว้างมากขนาดนั้น ซึ่งอาจจะต้องรอการอัปเดตในอนาคต วัตถุดิบ ทรัพยากรหลัก ๆ นั้น สามารถหาได้จากในโซนตัวเมืองทั้งหมด 

ตัวละครของเราจะมีความสามารถที่หลากหลายมาก และวิธีการอัปเกรดก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่ทำกิจกรรมนั้น ๆ มันก็จะได้ค่าประสบการณ์เรื่อย ๆ จนเลเวลอัปเอง และกิจกรรมทั้งหลายที่อัปเกรดได้นั้น มันก็เป็นกิจกรรมที่เราทำกันประจำอยู่แล้ว เช่นการเดิน การวิ่ง ตัดต้นไม้ ตกปลา ปลูกผัก เก็บผลผลิต ยิ่งเราอัปเกรดได้มากเท่าไร มันก็จะเล่นง่ายขึ้น ใช้เวลากับกิจกรรมซ้ำ ๆ น้อยลง และทำให้เปลือง Stamina น้อยลง ทำให้เราไปทำอย่างอื่นได้มากขึ้น เป็นการดีไซน์ระบบเกมให้สอดคล้องกันในทุกภาคส่วน ในขณะที่ระบบการทำเงินก็คล้ายกันเลยคือ นำเอาไอเทมที่เราจะขายไปไว้ในกล่องขายของ NPC จะมารับของไปทุกเย็น เช้ามาเราก็จะได้รับเงินของเมื่อวาน เป็นระบบเบสิกของเกมปลูกผักทำฟาร์มทุกเกม

แต่อย่างไรก็ตาม การอัปเกรดใหญ่ ๆ นั้น จำเป็นจะต้องใช้เวลาในการอัปเกรด ซึ่งส่วนมากจะเป็น 2-3 วันขึ้นไป ช่วงนี้ผู้เล่นก็อาจจะต้องอดทนรอคอยกันซะหน่อย ระหว่างนี้ก็จะถือว่าเป็นช่วงว่าง ฟรีไทม์ เน้นการหาเงินจากการตกปลา ขุดแร่ หรือไปทำกิจกรรมอื่น รวมไปถึงพวกการอัปเกรดเครื่องไม้เครื่องมือของเราอย่างบัวรดน้ำ จอบ เบ็ดตกปลา ก็ต้องใช้เวลารอเป็นหลักวันเหมือนกัน ดังนั้นเกมนี้เราจึงมีเวลาที่ว่างกว่าเกมอื่น ๆ เยอะมาก ซึ่งบางทีการอัปเดตใหม่ในอนาคต อาจจะมีกิจกรรมหรือระบบอะไรก็ตามมาทำให้เรายุ่งวุ่นวายไปมากกว่านี้

และจะไม่ใช่เกมปลูกผักทำฟาร์มโดยสมบูรณ์ได้เลย ถ้าเกิดว่าเกมไม่มีระบบสานสัมพันธ์กับชาวบ้านชาวช่องเขา เบื้องต้นอาจจะยังไม่มีระดับความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งอะไรนัก แต่เกมนี้ก็เก็บเกรดความสัมพันธ์แบบงา่ย ๆ เพียงแค่เข้าไปพูดคุยทุกวันก็เพิ่มขึ้นวันละนิดวันละหน่อยแล้ว และถ้าเราทำภารกิจให้ หรือคอยช่วยเหลือพวกเขา มันก็จะยิ่งบวกสูงมากขึ้นไปอีก และภารกิจของเกมนี้ก็เรียกได้ว่ามีให้ทำกันแทบจะรายวันเลย ไม่มีวันไหนให้เราได้พักผ่อนชิลล์ ๆ เลยสักวัน แถมบางภารกิจเมื่อเราทำเสร็จแล้ว เราอาจจะใช้งานเขาได้ด้วย เช่นเจ้าหนุ่มนักขุดแร่ ที่เมื่อทำภารกิจไปจนเสร็จสิ้นแล้ว เราสามารถให้เขาไปขุดแร่ในเหมือง แล้วมาส่งให้เราทุกเช้าด้วย

 ต้องบอกว่านี่ขนาดเป็นแค่ Early Access แต่ตัวเกมค่อนข้างสมบูรณืในเรื่องของระบบการเล่น แต่สิ่งที่ยังขาดไปจริง ๆ จัง ๆ เลยคือคอนเทนต์ของตัวเกมที่อาจจะยังไม่ค่อยมีอะไรมากนัก และต้องรอดูว่า หลังจากเกมอัปเดตแบบยิงยาวต่อไปเรื่อย ๆ แล้วจะเป็นยังไง แต่ที่แน่ ๆ นี่คือเกมที่มี Potential สูงมาก ไม่แน่ว่าอนาคต หลังจากเกมเป็นตัวเต็ม 1.0 แล้ว มันอาจเป็นหนึ่งในเกมแนว Life Simulator ยอดนิยมก็เป็นได้

Song of the Prairie วางจำหน่ายแล้ววันนี้บน Steam ในรูปแบบ Early Access ในราคา 400 บาท