GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
บทความ
เข้าสู่ระบบ
บทความ
[บทความ] Remnant: From the Ashes เกมม้ามืด Shooting + Souls Like สนุก ยาก มันส์ จนเราไม่อยากให้พลาด
ลงวันที่ 23/07/2023

หลายคนน่าจะได้เห็นคะแนนรีวิวจากหลายสำนักไปแล้ว สำหรับอีกหนึ่งเกมที่ออกมาในเดือนกรกฎาคมนี้ อย่าง Remnant II หลายคนอาจจะจำไม่ได้ ว่าเกมนี้ต้องย้อนไปในปี 2019 แม้จะไม่ได้ดังจนเป็นกระแสอะไรมากนัก แต่ตัวเกมก็ถือว่าเป็นเกมม้ามืดประจำปีนั้น ที่เต็มไปด้วยความสนุก ความท้าทาย และเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ Remnant: From the Ashes คือชื่อของเกมนั้น จนกระทั่งเวลาผ่านไป 3 ปี ภาค 2 ก็ได้ออกสู่สายตาเกมเมอร์ทั่วโลก แล้วภาคแรกมันมีอะไรดี จนถึงขั้นที่ทีมงานตัดสินใจทำภาค 2 วันนี้เราจะพาคุณย้อนกลับไปดูเรื่องราวเกี่ยวกับเกมนี้ Remnant: From the Ashes

ผลงานจากสตูดิโอที่เพิ่งก่อตั้งยังไม่ถึง 10 ปี !


Remnant: From the Ashes เป็นผลงานของ Gunfire Games สตูดิโอที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2014 โดย David Adams ที่เคยก่อตั้ง Vigil Games มาก่อน และเป็นเขานี่แหละที่เริ่มต้นพัฒนาซีรีส์ Darksiders สองภาคแรก ก่อนจะแยกตัวมาทำสตูดิโอของตัวเองในปี 2014 แถมยังหอบเอาแฟรนไชส์ Darksiders มาทำต่อในภาค 3 เมื่อปี 2018 ด้วย

แรกเริ่มสตูดิโอนี้มีพนักงานเพียง 7 คน และเป็นอดีตทีมงานจาก Crytek USA ทั้งสิ้น ก่อนจะค่อย ๆ เติบโตขึ้น ก่อนที่ผลงานประเดิมสตูดิโอจะเป็นเกมที่สนับสนุน VR อย่าง Herobound: Spirit Champion โดย Gunfire Games มีส่วนช่วยเหลือพัฒนาร่วมกันกับ Oculus Studios และที่เป็นงานชิ้นแรกของพวกเขาจริง ๆ จัง ๆ เลยก็คือ การนำเอา Darksiders II มารีมาสเตอร์ใหม่เป็น Definitive Edition และเริ่มทำ Darksiders III ในปี 2018 

Remnant: From the Ashes จึงกลายเป็นเกมไอพีหลักของพวกเขาเกมแรกก็ว่าได้ และออกมาในปี 2019 จากตอนแรกที่ตัวเกมไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก แต่หลังจากเกมวางจำหน่าย กระแสปากต่อปาก ก็ทำให้เกมนี้กลายเป็นที่สนใจ จนมีทั้งภาคก่อน (Prequel) และภาคต่อ (Sequel) ตามออกมาในที่สุด

เมื่อโลกมนุษย์ถูกสัตว์ประหลาดต่างมิติเข้าครอบงำ


เนื้อเรื่องของ Remnant: From the Ashes นั้น ไม่ได้มีอะไรใหม่นัก ฉากหลังของเกมคือโลกที่เกิดขึ้นหลังการทำลายล้างโดยสิง่มีชีวิตประหลาดจากต่างมิติที่เรียกว่า Root โดยตัวผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนักเดินทางผู้รอดชีวิตตามคำทำนายจากคัมภีร์ไบเบิล และจะเป็นตัวหลักเพื่อขัลเคลื่อนเหตุการณ์ และกอบกู้โลกและมนุษยชาติที่หลงเหลืออยู่ให้พ้นกับภัยอันตราย โดยมีจุดเริ่มต้นจาก Ward 13 หลุมหลบภัยของเหล่ามนุษย์โลก และภารกิจหลักของเราคือการตามหาตัว Ford ชายผู้ก่อตั้ง Ward 13 ก่อนจะต้องเจอเข้ากับประตูสู่รอยแยกระหว่างมิติ ที่ทำให้เราเดินทางไปมาระหว่างโลกต่าง ๆ ได้ 

แม้สตอรี่ของเกมนี้จะไม่ได้มีอะไรใหม่มาก แต่ในฐานะผู้เล่น ตัวเกมนั้นเล่าเรื่องได้ค่อนข้างดี โดยสะกิดต่อมความสงสัยใคร่รู้ เชิญชวนให้ผู้เล่นออกค้นหาคำตอบด้วยการผจญภัยของตัวเอง แถมเนื้อเรื่องยังขยายสเกลให้ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเราเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ Remnant ภาคแรกจึงกลายเป็นอีกเกมที่มีเนื้อเรื่องน่าติดตามไม่น้อยเลยทีเดียว โดยหลังตัวเกมวางจำหน่ายแล้ว ยังมี DLC ตามออกมาอีก 2 ตัวคือ Swamps of Corsus และ Subject 2923 ที่เล่าเรื่องราวจุดกำเนิดของ Dreamers ซึ่งเชื่อมไปหาเรื่องราวของ Chronos: Before the Ashes ที่เป็นเกมภาคต่อด้วย แต่นอกเหนือจากเนื้อเรื่องนั้น ความยอดเยี่ยมของเกมนี้จริง ๆ แล้ว อยู่ที่เกมเพลย์ เพราะหากให้นิยามสั้น ๆ นี่คือเกม Dark Souls ที่เราใช้ปืนได้..

ความยากที่เกือบจะไม่แฟร์ แต่ก็ทำให้เกมท้าทายตลอดเวลา


ในตอนที่เกมเปิดตัวและโปรโมท ไม่มีใครคาดคิดว่า Remnant จะเป็นเกมที่มีกลิ่นอายความเป็น Souls-like อยู่เลย แต่พอได้เล่นจริงเท่านั้นแหละ.. แต่แม้มันจะมีกลิ่นอายของความเป็น Souls-like แต่ระบบหลายอย่างก็ถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลง โดยใส่ความเป็นตัวเองมากยิ่งขึ้น สิ่งแรกเลยคือการใช้อาวุธประเภทปืนนั่นเอง

หลายคนหากพูดถึงเกม Souls-like อาจจะคิดถึงการต่อสู้ระยะประชิดอันดุเดือด และต้องใช้ทักษะกับฝีมือให้มากที่สุด แต่ Remnant ก็ขอเอาแนวโซลมาตีความใหม่ด้วยการนำอาวุธปืนใส่มือผู้เล่น แต่อย่าคิดแค่ว่ามันมีอาวุธปืนแล้วจะง่ายขึ้น เพราะตัวเกมยังคงใช้รูปแบบการเล่นในสไตล์โซลเกือบทั้งหมด เริ่มจากระบบ Stamina ที่ทุก ๆ การเคลื่อนไหวที่ต้องออกแรงอย่างเช่นการกลิ้งตัวหลบ หรือการโจมตีจะยังคงใช้ค่านี้เป็นหลัก หลัก ๆ แล้ว ค่า Stamina จะจำเป็นอย่างมากในการใช้หลบหลีกการโจมตีของศัตรูที่เข้ามา เพราะสไตล์เกมแบบโซล ทำให้ทุกการโจมตีที่เรารับนั้น หนักหน่วงและอันตรายมาก ๆ บางตัวอาจถึงขั้น One Hit Kill เลยก็ได้ 

และสิ่งที่ทำให้ตัวเกมยากจนเกือบจะไม่แฟร์แล้ว นั่นคือการติดค่าสถานะต่าง ๆ ของเกมนี้ ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อหรือเลือดไหล หรืออะไรก็ตาม สถานะพวกนี้ยังพร้อมจะฆ่าเราได้ทุกเมื่อ และมันเป็นอีกหนึ่งระบบที่หากว่ากันตรง ๆ แล้ว มันไม่แฟร์เอาซะเลย โดยเฉพาะใครที่เล่นเกมนี้แบบ First Play แล้วเจอฝูงศัตรูครั้งแรก สิ่งที่คุณจะต้องเจอแน่ ๆ คือคำว่า YOU ARE DEAD แทบจะตลอดเวลา หลายครั้ง ทำให้รู้สึกว่าภาพรวมของเกมนี้ มันเป็นอะไรที่ไม่แฟร์เอาซะเลย แม้ว่าผู้เล่นจะเจอศัตรูตัวเดิมหลายครั้งหลายหน แต่บ่อยครั้งที่แพทเทิร์นการโจมตี รวมไปถึงสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ฉาก ก็อาจจะทำให้เราตายจนรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ได้


และอีกจังหวะที่ผู้เขียนคิดว่า มันจะกวนก็กวน จะว่าแฟร์ก็แฟร์ ก็คือการที่ตัวเกมชอบใส่ศัตรูแบบหลบมุม แอบใน เอาไว้ในแทบจะทุกฉากที่พวกเขา (ทีมพัฒนา) สามารถทำได้ แต่ปัญหานี้สามารถแก้ได้ง่าย ๆ เพียงแค่ใส่หูฟัง หรือฟังเสียงดี ๆ เราจะได้ยินเสียงล่วงหน้า แต่หลายครั้งที่แม้จะฟังเสียงก็ยังตั้งรับไม่ทัน บอกเลยว่าเป็นอีกจุดที่ชวนหัวร้อนปนรำคาญเอาเรื่องเลย

นอกจากนั้นตัวเกมยังมีความเป็น Action RPG ในแบบเดียวกับ Souls-like นั่นคือตัวละครเราจะมีเลเวล มีระดับ มีสกิลให้อัปเกรด ของทุกอย่างในตัว สามารถหาทรัพยากรมาอัปเกรด เพื่อทำให้ยิงแรงขึ้นได้ มีระบบ Trait ที่เป็นเหมือนกับ Skill หรือ Perk ที่ปลดล็อคได้จากเลเวลเหมือนกัน ทำให้การออกสำรวจมีประโยชน์ แม้จะเสี่ยงตายเพราะโดนศัตรูตบคว่ำ แต่ถ้าเราอยากเก่งขึ้นก็ต้องทำ ยิ่งกลายเป็นอีกจุดเด่นของเกมได้ไม่ยาก และด้วยการนำเสนอเรื่องราวแบบไม่เล่าอะไรเลย ปล่อยผู้เล่นไปค้นหา งมหากันเอาเอง ผสมผสานเข้ากับเกมเพลย์ในรูปแบบที่ดุเดือดไม่แพ้เกมโซลสไตล์ เกมนี้จึงกลายเป็นเกมยอดนิยมขึ้นมาทันทีในช่วงปี 2019

ในปีนี้ ตอนที่ลงบทความนี้ Remnant 2 ก็น่าจะวางจำหน่าย พร้อมเปิดให้เล่นแล้ว ซึ่งจากการเปิดตัว หลายคนก็เห็นว่ามันน่าจะมีศักยภาพมากพอ ๆ กับภาคแรก และจะออกมาดีตามนั้นหรือไม่ ต้องรอติดตามกันได้จากกระแสของแฟนเกมในอนาคต


GameFever TH | เพราะเกมคือชีวิต
[บทความ] Remnant: From the Ashes เกมม้ามืด Shooting + Souls Like สนุก ยาก มันส์ จนเราไม่อยากให้พลาด
23/07/2023

หลายคนน่าจะได้เห็นคะแนนรีวิวจากหลายสำนักไปแล้ว สำหรับอีกหนึ่งเกมที่ออกมาในเดือนกรกฎาคมนี้ อย่าง Remnant II หลายคนอาจจะจำไม่ได้ ว่าเกมนี้ต้องย้อนไปในปี 2019 แม้จะไม่ได้ดังจนเป็นกระแสอะไรมากนัก แต่ตัวเกมก็ถือว่าเป็นเกมม้ามืดประจำปีนั้น ที่เต็มไปด้วยความสนุก ความท้าทาย และเนื้อเรื่องที่น่าสนใจ Remnant: From the Ashes คือชื่อของเกมนั้น จนกระทั่งเวลาผ่านไป 3 ปี ภาค 2 ก็ได้ออกสู่สายตาเกมเมอร์ทั่วโลก แล้วภาคแรกมันมีอะไรดี จนถึงขั้นที่ทีมงานตัดสินใจทำภาค 2 วันนี้เราจะพาคุณย้อนกลับไปดูเรื่องราวเกี่ยวกับเกมนี้ Remnant: From the Ashes

ผลงานจากสตูดิโอที่เพิ่งก่อตั้งยังไม่ถึง 10 ปี !


Remnant: From the Ashes เป็นผลงานของ Gunfire Games สตูดิโอที่เพิ่งก่อตั้งเมื่อปี 2014 โดย David Adams ที่เคยก่อตั้ง Vigil Games มาก่อน และเป็นเขานี่แหละที่เริ่มต้นพัฒนาซีรีส์ Darksiders สองภาคแรก ก่อนจะแยกตัวมาทำสตูดิโอของตัวเองในปี 2014 แถมยังหอบเอาแฟรนไชส์ Darksiders มาทำต่อในภาค 3 เมื่อปี 2018 ด้วย

แรกเริ่มสตูดิโอนี้มีพนักงานเพียง 7 คน และเป็นอดีตทีมงานจาก Crytek USA ทั้งสิ้น ก่อนจะค่อย ๆ เติบโตขึ้น ก่อนที่ผลงานประเดิมสตูดิโอจะเป็นเกมที่สนับสนุน VR อย่าง Herobound: Spirit Champion โดย Gunfire Games มีส่วนช่วยเหลือพัฒนาร่วมกันกับ Oculus Studios และที่เป็นงานชิ้นแรกของพวกเขาจริง ๆ จัง ๆ เลยก็คือ การนำเอา Darksiders II มารีมาสเตอร์ใหม่เป็น Definitive Edition และเริ่มทำ Darksiders III ในปี 2018 

Remnant: From the Ashes จึงกลายเป็นเกมไอพีหลักของพวกเขาเกมแรกก็ว่าได้ และออกมาในปี 2019 จากตอนแรกที่ตัวเกมไม่ค่อยได้รับความสนใจมากนัก แต่หลังจากเกมวางจำหน่าย กระแสปากต่อปาก ก็ทำให้เกมนี้กลายเป็นที่สนใจ จนมีทั้งภาคก่อน (Prequel) และภาคต่อ (Sequel) ตามออกมาในที่สุด

เมื่อโลกมนุษย์ถูกสัตว์ประหลาดต่างมิติเข้าครอบงำ


เนื้อเรื่องของ Remnant: From the Ashes นั้น ไม่ได้มีอะไรใหม่นัก ฉากหลังของเกมคือโลกที่เกิดขึ้นหลังการทำลายล้างโดยสิง่มีชีวิตประหลาดจากต่างมิติที่เรียกว่า Root โดยตัวผู้เล่นจะได้รับบทเป็นนักเดินทางผู้รอดชีวิตตามคำทำนายจากคัมภีร์ไบเบิล และจะเป็นตัวหลักเพื่อขัลเคลื่อนเหตุการณ์ และกอบกู้โลกและมนุษยชาติที่หลงเหลืออยู่ให้พ้นกับภัยอันตราย โดยมีจุดเริ่มต้นจาก Ward 13 หลุมหลบภัยของเหล่ามนุษย์โลก และภารกิจหลักของเราคือการตามหาตัว Ford ชายผู้ก่อตั้ง Ward 13 ก่อนจะต้องเจอเข้ากับประตูสู่รอยแยกระหว่างมิติ ที่ทำให้เราเดินทางไปมาระหว่างโลกต่าง ๆ ได้ 

แม้สตอรี่ของเกมนี้จะไม่ได้มีอะไรใหม่มาก แต่ในฐานะผู้เล่น ตัวเกมนั้นเล่าเรื่องได้ค่อนข้างดี โดยสะกิดต่อมความสงสัยใคร่รู้ เชิญชวนให้ผู้เล่นออกค้นหาคำตอบด้วยการผจญภัยของตัวเอง แถมเนื้อเรื่องยังขยายสเกลให้ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเราเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ Remnant ภาคแรกจึงกลายเป็นอีกเกมที่มีเนื้อเรื่องน่าติดตามไม่น้อยเลยทีเดียว โดยหลังตัวเกมวางจำหน่ายแล้ว ยังมี DLC ตามออกมาอีก 2 ตัวคือ Swamps of Corsus และ Subject 2923 ที่เล่าเรื่องราวจุดกำเนิดของ Dreamers ซึ่งเชื่อมไปหาเรื่องราวของ Chronos: Before the Ashes ที่เป็นเกมภาคต่อด้วย แต่นอกเหนือจากเนื้อเรื่องนั้น ความยอดเยี่ยมของเกมนี้จริง ๆ แล้ว อยู่ที่เกมเพลย์ เพราะหากให้นิยามสั้น ๆ นี่คือเกม Dark Souls ที่เราใช้ปืนได้..

ความยากที่เกือบจะไม่แฟร์ แต่ก็ทำให้เกมท้าทายตลอดเวลา


ในตอนที่เกมเปิดตัวและโปรโมท ไม่มีใครคาดคิดว่า Remnant จะเป็นเกมที่มีกลิ่นอายความเป็น Souls-like อยู่เลย แต่พอได้เล่นจริงเท่านั้นแหละ.. แต่แม้มันจะมีกลิ่นอายของความเป็น Souls-like แต่ระบบหลายอย่างก็ถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลง โดยใส่ความเป็นตัวเองมากยิ่งขึ้น สิ่งแรกเลยคือการใช้อาวุธประเภทปืนนั่นเอง

หลายคนหากพูดถึงเกม Souls-like อาจจะคิดถึงการต่อสู้ระยะประชิดอันดุเดือด และต้องใช้ทักษะกับฝีมือให้มากที่สุด แต่ Remnant ก็ขอเอาแนวโซลมาตีความใหม่ด้วยการนำอาวุธปืนใส่มือผู้เล่น แต่อย่าคิดแค่ว่ามันมีอาวุธปืนแล้วจะง่ายขึ้น เพราะตัวเกมยังคงใช้รูปแบบการเล่นในสไตล์โซลเกือบทั้งหมด เริ่มจากระบบ Stamina ที่ทุก ๆ การเคลื่อนไหวที่ต้องออกแรงอย่างเช่นการกลิ้งตัวหลบ หรือการโจมตีจะยังคงใช้ค่านี้เป็นหลัก หลัก ๆ แล้ว ค่า Stamina จะจำเป็นอย่างมากในการใช้หลบหลีกการโจมตีของศัตรูที่เข้ามา เพราะสไตล์เกมแบบโซล ทำให้ทุกการโจมตีที่เรารับนั้น หนักหน่วงและอันตรายมาก ๆ บางตัวอาจถึงขั้น One Hit Kill เลยก็ได้ 

และสิ่งที่ทำให้ตัวเกมยากจนเกือบจะไม่แฟร์แล้ว นั่นคือการติดค่าสถานะต่าง ๆ ของเกมนี้ ไม่ว่าจะเป็นการติดเชื้อหรือเลือดไหล หรืออะไรก็ตาม สถานะพวกนี้ยังพร้อมจะฆ่าเราได้ทุกเมื่อ และมันเป็นอีกหนึ่งระบบที่หากว่ากันตรง ๆ แล้ว มันไม่แฟร์เอาซะเลย โดยเฉพาะใครที่เล่นเกมนี้แบบ First Play แล้วเจอฝูงศัตรูครั้งแรก สิ่งที่คุณจะต้องเจอแน่ ๆ คือคำว่า YOU ARE DEAD แทบจะตลอดเวลา หลายครั้ง ทำให้รู้สึกว่าภาพรวมของเกมนี้ มันเป็นอะไรที่ไม่แฟร์เอาซะเลย แม้ว่าผู้เล่นจะเจอศัตรูตัวเดิมหลายครั้งหลายหน แต่บ่อยครั้งที่แพทเทิร์นการโจมตี รวมไปถึงสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ฉาก ก็อาจจะทำให้เราตายจนรู้สึกว่ามันไม่แฟร์ได้


และอีกจังหวะที่ผู้เขียนคิดว่า มันจะกวนก็กวน จะว่าแฟร์ก็แฟร์ ก็คือการที่ตัวเกมชอบใส่ศัตรูแบบหลบมุม แอบใน เอาไว้ในแทบจะทุกฉากที่พวกเขา (ทีมพัฒนา) สามารถทำได้ แต่ปัญหานี้สามารถแก้ได้ง่าย ๆ เพียงแค่ใส่หูฟัง หรือฟังเสียงดี ๆ เราจะได้ยินเสียงล่วงหน้า แต่หลายครั้งที่แม้จะฟังเสียงก็ยังตั้งรับไม่ทัน บอกเลยว่าเป็นอีกจุดที่ชวนหัวร้อนปนรำคาญเอาเรื่องเลย

นอกจากนั้นตัวเกมยังมีความเป็น Action RPG ในแบบเดียวกับ Souls-like นั่นคือตัวละครเราจะมีเลเวล มีระดับ มีสกิลให้อัปเกรด ของทุกอย่างในตัว สามารถหาทรัพยากรมาอัปเกรด เพื่อทำให้ยิงแรงขึ้นได้ มีระบบ Trait ที่เป็นเหมือนกับ Skill หรือ Perk ที่ปลดล็อคได้จากเลเวลเหมือนกัน ทำให้การออกสำรวจมีประโยชน์ แม้จะเสี่ยงตายเพราะโดนศัตรูตบคว่ำ แต่ถ้าเราอยากเก่งขึ้นก็ต้องทำ ยิ่งกลายเป็นอีกจุดเด่นของเกมได้ไม่ยาก และด้วยการนำเสนอเรื่องราวแบบไม่เล่าอะไรเลย ปล่อยผู้เล่นไปค้นหา งมหากันเอาเอง ผสมผสานเข้ากับเกมเพลย์ในรูปแบบที่ดุเดือดไม่แพ้เกมโซลสไตล์ เกมนี้จึงกลายเป็นเกมยอดนิยมขึ้นมาทันทีในช่วงปี 2019

ในปีนี้ ตอนที่ลงบทความนี้ Remnant 2 ก็น่าจะวางจำหน่าย พร้อมเปิดให้เล่นแล้ว ซึ่งจากการเปิดตัว หลายคนก็เห็นว่ามันน่าจะมีศักยภาพมากพอ ๆ กับภาคแรก และจะออกมาดีตามนั้นหรือไม่ ต้องรอติดตามกันได้จากกระแสของแฟนเกมในอนาคต


บทความที่คล้ายกัน

ล่าสุด
Ragnarok Origin รวมไกด์แนวทางการเล่นทั้งหมดของเกม(อัปเดตเรื่อย ๆ)
testprofile
YeeTester2
test
IHu
[เกมลดเป๋าสั่น] Euro Truck Simulator 2 เกมขับสิบล้อเน้นสมจริง และมีให้เล่นแบบ Coop ลดเหลือ 102 บาท!
IHu
วิธีรับ The Evil Within เกมสยองชื่อดังแนว Survival Horror กำลังแจกฟรี!
IHu
[ขุมทรัพย์ GF] รู้จักกับ Drug Dealer Simulator 2 เกม Coop Open World ให้เล่นเป็นเด็กส่งยากับเพื่อน!
IHu
Editors' Choice
[แนะนำเกม] Spire Horizon เกม RPG Open World ฝีมือคนไทย ! กับการตามหาตัวตนของโครงกระดูก ผจญภัยในโลกจินตนาการ
YoJung
The Ants: Underground Kingdom เกมดูแลอาณาจักรมด ประกาศกิจกรรมฉลองคร 2 ปี รับ Code รางวัลพิเศษก่อนใครที่นี่เลย!
BASUP!
PS VR2 + HORIZON: CALL OF THE MOUNTAIN REVIEW "ประสบการณ์ VR สุดล้ำหน้า กับความคุ้มค่าที่ยังไม่มีคำตอบ"
OcelotBoy
[โชว์ห่วย] ย้อนรอยหนังดัง Super Mario Bros. The Movie (1993) กับความพังที่ยากจะให้อภัย
sLAUGHTER
Show header