การแข่งขันในวงการธุรกิจ หรือการแย่งชิงความเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในวงการใดๆ ก็ตาม ถือเป็นสัจธรรมที่หนีไม่พ้นของสังคมมนุษย์ ไม่เว้นแม่แต่ในโลกของเกมอย่าง Cyberpunk 2077 ที่เหล่าบริษัทต่างๆ ต้องการมีอำนาจเหนือกว่าใคร จนเกิดการแบ่งฝ่ายเพื่อแย่งชิงความเป็นหนึ่ง
ความต้องการแย่งชิงอำนาจ รวมไปถึงสภาพเขตปกครองตนเองของ Night City ได้นำไปสู่สงครามระหว่างเหล่าบริษัทที่มีอิทธิพลในเมืองหลายครั้งก่อนจะถึงปี 2077 ที่เกมตั้งอยู่ ส่งผลให้เมือง Night City มีการก่อตั้งหน่วยงานเพื่อมาบริหารจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นหลายหน่วยงานด้วยกัน ที่มีความสำคัญอย่างมาก และหากจะไม่พูดถึง พวกเราก็คงจะพลาดอะไรที่เป็นส่วนสำคัญของเนื้อเรื่องกันไป
หนึ่งในการแย่งชิงอำนาจที่เกิดขึ้นในโลก Cyberpunk และมีเรื่องราวน่าสนใจที่สุด คงไม่พ้นเหล่าสงคราม Corporate War ที่เกิดขึ้นระหว่างองค์กรใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้นถึง 4 ครั้งด้วยกันตลอดประวัติศาสตร์ของเมือง Night City โดยเฉพาะครั้งที่ 4 ซึ่งเปลี่ยนแปลงเมือง Night City ไปอย่างมาก จนทำให้ออกมาเป็น Night City ที่เราเห็นในปี 2077 ส่วนเหตุการณ์ต่างๆ จะมีอะไรบ้าง ในบทความนี้เราจะพาทุกคนได้ไปรู้กัน !!
First Corporate War จุดชนวนสงครามโลกออนไลน์ครั้งแรก
ในวงการธุรกิจ พูดได้เลยว่าบริษัทไหนที่อยู่ไม่ได้ก็ต้องล่มสลาย และถูกบริษัทที่แข็งแกร่งเข้ามายึดไปแทน แต่สิ่งหนึ่งที่ยังสามารถทำได้คือ "การเลือกว่าจะขายบริษัททิ้งให้กับใคร" การได้ครอบครองบริษัทอื่นๆ เท่ากับเราได้ครอบครองพื้นที่บางส่วนที่บริษัทเหล่านั้นเคยสร้างไว้แล้ว นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้สงครามครั้งแรกเกิดนี้เกิดขึ้น
สงคราม
First Corporate War เกิดขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2004 - เดือนกุมภาพันธ์ปี 2006 สาเหตุของสงครามครั้งนี้เกิดจากความขัดแย้งกันระหว่างบริษัท
Electronic Business Machines (EBM) ผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทางคอมพิวเตอร์ และ
Orbital Air บริษัทเชี่ยวชาญด้านการขนส่งระดับโลก ซึ่งทาง
EBM พยายามจะเทคโอเวอร์บริษัท
Transworld Airlines (TWA) แต่ทาง
CEO ของ
TWA เหมือนจะไม่สนใจข้อเสนอการซื้อของ
EMB แต่ไปทำข้อตกลงการซื้อขายบริษัทให้กับ
Orbital Air ที่ดูเหมือนจะรับธุรกิจไปสานต่อได้ดีกว่า เนื่องจากเห็นว่าทุนเดิมของบริษัทที่ทำเรื่องการขนส่งอยู่แล้วสามารถทำให้ธุรกิจเติบโตมากกว่าทาง
EBM ที่ทำธุรกิจที่ไม่ตรงสาย ซึ่งทาง
EMB เองก็ไม่ได้รู้ถึงเหตุผลของ
TWA ที่ต้องจะขายบริษัทให้กับ
Orbital Air จึงคิดว่าตนถูกเมินเฉย
ด้วยความโกรธแค้น จึงพยายามขัดขวางโอกาสของ
Orbital Air ทุกวิถีทาง บริษัท
EMB วางแผนว่าจ้างผู้ก่อการร้ายมาลักพาตัวทีมเจรจาทางธุรกิจของ
Orbital Air ในขณะที่กำลังจะเดินทางไปเจรจาการซื้อขายบริษัท จนทำให้การทำข้อตกลงไม่เป็นผลสำเร็จ
หลังจากการสืบค้นของ
Orbital Air ที่ต้องการรู้ว่าผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวนั้นเป็นใคร ก็ทำให้ทราบว่าเป็นแผนการร้ายของ
EBM ทาง
Orbital Air จึงโจมตีกลับด้วยการจ้างทีมแฮคเกอร์จาก
Zetatech ที่เป็นบริษัทพันธมิตรของพวกเขา มาโจมตีข้อมูลภายในของบริษัท
EBM แต่ด้วยความสามารถด้านการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลของบริษัท จึงสามารถต้านทานการโจมตีทางโลกออนไลน์ของ
Zetatech นี้ไว้ได้ และได้สวนกลับบริษัท
TWA กับ
Orbital Air ด้วยกลุ่มแฮ๊คเกอร์ของตัวเองทันที
จากการขัดแย้งกันด้านธุรกิจ ส่งผลให้เหตุการณ์ในครั้งนี้มีความรุนแรงถึงขั้นก่อการร้ายทางอินเตอร์เน็ตเลยทีเดียว แต่ในที่สุดสงครามของทั้ง 2 บริษัทก็สิ้นสุดลง ด้วยการที่
Orbital Air สามารถเจาะข้อมูล CEO ของ
EBM ได้ จึงทำให้
EBM ต้องยอมจำนนต่อ
Orbital Air ไปในที่สุด จากการเกิดสงครามครั้งนี้ทำให้เกิดหน่วยงานก่อตั้งการปราบปรามอาชญากรรมบนโลกอินเตอร์เน็ตขึ้นพวกเขามีชื่อว่า
Netwatch ผู้คอยควบคุมการเข้าถึงข้อมูล และการรักษาความปลอดภัยบนโลกออนไลน์
Second Corporate War สงครามจุดกำเนิดขีปนาวุธครั้งแรก
สงครามนี้มีจุดกำเนิดที่แตกต่างกันออกไปสักเล็กน้อย เพราะไม่ได้เกิดจากการแย่งอำนาจต่อกัน เป็นเพียงความต้องการทำงานร่วมกันแบบร่วมแบ่งผลประโยชน์กัน แต่ด้วยการทำข้อตกลงที่ไม่ลงรอยกัน สุดท้ายแล้วสิ่งนี้ก็หวนกลับมาทำลายความสัมพันธ์จากตอนแรกที่เป็นเพียงคู่ค้า กลับกลายเป็นคู่แข่งอย่างในสงครามครั้งนี้
หลังจากเกิดสงคราม
First Corporate War เพียงไม่นาน ในช่วงปี 2008 ได้เกิดสงครามครั้งที่สองขึ้นระหว่าง 2 บริษัทคู่ค้าน้ำมันอย่าง
SovOil และ
Petrochem เป็นระยะเวลานานเกือบ 3 ปีตั้งแต่
เมษายน 2008 - สิงหาคม 2010 ซึ่งบริษัท
SovOil ได้ข้อเสนอจาก
Petrochem ในการขอเข้าไปขุดบ่อน้ำมันของ
SovOil โดยจะแลกด้วยการนำเทคโนโลยีต่างๆ และเครื่องขุดน้ำมันชั้นเยี่ยมมาเป็นค่าตอบแทนเพราะ
Petrochem เห็นว่าทาง
SovOil ยังขาดอุปกรณ์ที่จะสามารถผลิตน้ำมันได้ดี และจะได้ปริมาณน้ำมันที่เยอะขึ้นจากเดิม แต่ทางวิศวกรของ
SovOil ได้ให้เหตุผลว่าทางพวกเขาเองสามารถพัฒนาเทคโนโลยีนี้ได้
Petrochem จึงถูกยกเลิกข้อตกลงนี้ไปก่อนจะได้ทำงานร่วมกัน และได้กลายเป็นความบาดหมางต่อกันจากนั้นเป็นต้นมา
ในเวลาต่อมาโรงผลิตน้ำมัน
Sabina Bravo ของ
Petrochem ได้ถูกลอบวางระเบิด จากการที่บริษัทมีคู่แข่งอยู่เพียงเจ้าเดียว เลยคิดว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก
SovOil ทำให้
Petrochem เกิดความแค้นต่อเหตุการณ์ที่สร้างความเสียให้ให้แก่บริษัทอย่างมาก ด้วยความไม่พอใจส่งผลให้ทางบริษัทก่อตั้งหน่วยทหารรบพิเศษไปลอบวางระเบิดโรงงานของ
SovOil คืนทำให้เกิดสงครามระเบิดโรงงานน้ำมันกันเกิดขึ้นความขัดแย้งรุนแรงไปจนถึงขั้นฆ่า CEO ของบริษัท
SovOil
แต่ถึงอย่างนั้นการตายของ CEO ก็ไม่ใช่จุดจบของบริษัท
SovOil คนในบริษัทได้รวมตัวกันขึ้นมาใหม่ และต่อสู้จนได้รับชัยชนะจากสงครามไปในที่สุด เหตุการณ์ที่แท้จริงของการระเบิด
Sabina Bravo หลังจากการสืบสวนแท้ที่สุดแล้วก็เป็นเป็นฝีมือของ
SovOil จริง แต่ทาง
SovOil นั้นก็ยังคงไม่ยอมรับอยู่ดี จากการทำสงครามในครั้งนี้ส่งผลให้บริษัทค้าเชื้อเพลิงอย่าง
SovOil และ
Petrochem ได้คิดค้นขีปนาวุธ ที่รุนแรงขึ้นมาเพื่อการใช้งานทางสงครามอีกด้วย
Third Corporate War การโจมตีบนโลกออนไลน์ครั้งที่ 2
อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ว่าจะเป็นโลกของเรา หรือจะภายในโลกของเกม
Cyberpunk 2077 ความไม่ชอบธรรมก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา และหากว่าสิ่งไม่ดีจะถูกเปิดโปงแล้วหล่ะก็ ผู้ที่มีส่วนรู้ร่วมคิด หรือจะไม่ก็ต้องถูกรับผลกรรมตามกันไปเหมือนอย่างสงครามในครั้งนี้
สงครามครั้งที่ 3 เกิดขึ้นจากความขัดแย้งภายในองค์กรขนาดใหญ่ที่ส่งผลมาเป็นระยะ 1 ปี ตั้งแต่ช่วงเดือน
กุมพาพันธ์ 2016 ไปจนถึง
เมษายน 2017 สาเหตุจากทีมสืบสวนของ
Los Angeles เปิดโปรงความไม่ชอบธรรมของบริษัท
Merrill, Asukaga, & Finch ที่ทำธุรกิจคำปรึกษาด้านการลงทุน โดยการสืบสวนได้ระบุว่า มีการใช้กองทุนของ
Rothstein (ธนาคารในนิวยอก) เพื่อใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด
ซึ่งบริษัท
Rothstein ที่ไม่มีส่วนรู้เห็นในความผิดนี้ต้องมาซวยไปด้วย จึงทำให้เกิดความโกรธแค้นต่อบริษัท
MA&F จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ส่งผลให้เกิดการโจมตีทางโลกออนไลน์ขึ้น แต่การจู่โจมก็ไม่ง่ายเหมือนในสงครามครั้งที่หนึ่งเพราะมีผู้ควบคุม และยับยั้งการโจมตีทางโลกออนไลน์ อย่างบริษัท
Netwatch ขึ้นมาแล้ว พวกเขาได้ออกกฏในควบคุมการเข้าถึงอินเตอร์เน็ตของประชาชนพร้อมทั้งปราบปรามอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ ทำให้ควบคุมสถานการณ์ครั้งนี้ไว้ได้ และสุดท้ายแล้วสงครามก็จบลงโดยที่ไม่มีผู้ได้รับชัยชนะ ทำให้ทั้ง 2 บริษัทสูญเสียเงินจำนวนหลายล้านดอลล่าไปอย่างสูญเปล่า
Four Corporate War มหาสงครามทำลายล้างเมือง Night City
สงครามสุดยิ่งใหญ่ที่สร้างความเสียหายให้ตัวเมืองอย่างมากจนแทบจะเรียกได้ว่าเกือบไม่เหลือเค้าโครงเดิมอยู่เลยเศรษฐกิจย้ำแย่ผู้คนล้มตาย, ความอดอยาก, ประชาชนไร้ที่อยู่, ที่เกิดจากผลกระทบของอาวุธพลังทำลายล้างสูงอย่างระเบิด เป็นสงครามที่มีการโจมตีกันในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นทางโลกออนไลน์ หรือการจัดตั้งกองกำลังทหารเข้าต่อสู้ สงครามในครั้งนี้ถือว่าเป็นมหาสงครามที่ทำลาย
Night City เลยก็ว่าได้
สงครามในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงปี
2021 - 2025 จากความขัดแย้งของ
CINO บริษัทชำนาญการขนส่งเพรียบพร้อมด้วยเทคโนโลยีใต้น้ำทางฝั่งยุโรป กับ
OTEC บริษัทการขนส่งทางน้ำของสหรัฐอเมริกา ทั้ง 2 บริษัทเป็นคู่แข่งทางการค้ากันมาตลอด สาเหตุของสงครามก็คล้ายกับสงครามในครั้งที่ 1 และ 2 โดยเริ่มจากที่
IHAG ซึ่งทำธุรกิจเดียวกัน ถูกปิดตัวลงเนื่องจากไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ ทำให้เหลือบริษัทที่แย่งอำนาจสูงสุดแค่
CINO และ
OTEC พวกเขาต่างแข่งกันใช้เงินทุนกวาดซื้ออุปกรณ์ และกำลังทหาร ไปจนถึงบริษัทจำหน่ายแหล่งพลังงานทรัพยากรต่างๆ เพื่อความเป็นใหญ่ในน่านน้ำแปปซิฟิก
แท้จริงแล้วทั้งที่ 2 บริษัทนี้เคยทำงานร่วมกันมาก่อน แต่เมื่อเกิดการแย่งชิงอำนาจทั้ง 2 บริษัทก็แยกจากกัน และเริ่มทำสงครามกันเอง ผ่านระยะเวลามานานสงครามก็ไม่มีท่าทีว่าจะจบลงจึงส่งผลให้ทั้ง 2 บริษัท ตัดสินใจจ้างบริษัทด้านความปลอดภัย และผู้เทคโนโลยีทางด้านทหารมาช่วยในสงครามครั้งนี้ทาง
OTEC จ้างบริษัท
Militech ที่มีความพร้อมด้านอาวุธกับกองกำลังทหารด้านความปลอดภัยของประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วน
CINO จ้างบริษัท
Arasaka ผู้ดูแลระบบความมั่นคงปลอดภัยจากประเทศญี่ปุ่น จึงทำให้ทั้ง
OTEC และ
CINO ได้กองกำลังทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกมาครอบครอง เปรียบเทียบได้เท่ากับจำนวนทหารของประเทศหนึ่งได้เลย ทั้ง 2 ฝ่ายมีเทคโนโลยีการขนส่ง และอาวุธด้านทหารที่ทันสมัย ทำให้มีความมั่นใจในกองกำลังของตัวเอง การทำสงครามครั้งนี้ไม่เพียงแค่สร้างความเสียหายให้กันและกันเท่านั้น แต่ส่งผลต่อเมืองใหญ่ต่างๆ เช่น
Tokyo ,
Yokohama ,
Washington ,
Chicago และ
Night City ด้วย รัฐบาลของประเทศญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกาพยายามควบคุมสถานะการณ์ภายในประเทศ แต่ในที่สุดสงครามก็ถูกบังคับให้จบลงในปี 2025
ทางฝ่าย
Militech กลายเป็นผู้ที่มีกองกำลังทหารได้เปรียบในการต่อสู้ครั้งนี้ และได้ระเบิดถล่มตึกสูงกว่า 140 ชั้นของบริษัท
Arasaka ลงมา จนทำให้สภาพของพื้นที่บริเวญโดยรวมต้องเสียหายอย่างมาก พร้อมทั้งได้ใช้กองกำลังทหารของสหรัฐอเมริกา เข้าโจมตีประเทศญี่ปุ่นจนเกือบล้มสลาย ประเทศญี่ปุ่นจึงต้องออกมารักษาประเทศไว้ ด้วยการประกาศคว่ำบาตรบริษัท
Arasaka และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอีกต่อไป เพื่อไม่ให้ประเทศต้องถูกทำลาย ทาง
Arasaka ที่ไม่มีผู้ให้การสนับสนุนบวกกับความอ่อนแอของบริษัทยากที่จะต้านทาน
Militech จึงพ่ายแพ้ไปในที่สุด หลังจากสงครามจบลงบริษัท
Arasaka ได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 แก๊งคือ
Bakafu ที่นำโดย
Hanako Arasaka ลูกสาวคนโตของ
Kei ,
Princess ทีนำโดย
Michiko Arasaka ซึ่งเป็นลูกสาวคนสุดท้องของ
Kei ที่เป็นพลเมืองของสหรัฐอเมริกา และ
Rebel หัวหน้าแก๊งคือ
Yorinobu ซึ่งเป็นลูกชายของ
Kei ที่เคยก่อกบฎในสงครามมาก่อน เพื่อการแบ่งกันปกครองให้เป็นรูป ในแบบของพวกเขาเอง
หลังจากสงครามเมืองได้มีการบูรณาการเมือง
Night City ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ด้วยความที่ประธานธิบดี อลิซาเบ ธ เครสต์ จากประเทศสหรัฐอเมริกาในตอนนั้น ต้องการเข้ามายึดเมือง
Night City เพื่อหาผลประโยชน์ให้กับประเทศเพียงเท่านั้น จึงแสร้งว่าจะช่วยฟื้นฟูประเทศหลังจากสงครามด้วยการทำข้อตกลงบางอย่าง แต่ทางรัฐบาลของเมืองรู้ทันจึงชิงปฏิเสธทุกข้อตกลงไปในที่สุด สงคราในครั้งนี้ส่งผลให้ทางรัฐบาล และประชาชนมีการแบ่งกลุ่มรวมไปถึงชนชั้นทางสังคมอย่างเห็นได้ชัด จนทำให้เมืองเกิดแก๊ง และบริษัทต่างๆ เพิ่มขึ้นอีกมากมาย
ถือเป็นเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างองค์กรที่มีระยะเวลานานมากเหตุการณ์นึง ที่สุดท้ายแล้วก็จบลงไปอาจมีบางเหตุการณ์ที่ส่งผลมาจนถึงเนื้อเรื่องภายในตัวเกมที่พวกเราจะได้เล่นกัน หวังว่าผู้ชาว
Game Fever จะได้รับรายละเอียดเพิ่มเติมของเนื้อเรื่องในบทความนี้ไม่มากก็น้อย
Cyberpunk 2077 จะวางจำหน่ายในวันที่
19 พฤศจิกายน 2020 นี้บนเครื่อง
PS4,
Xbox One และ
PC
Credit: ทีมาของเนื้อเรื่องทั้งหมด
First Corporate War , Second Corporate War , Third Corporate War , Four Corporate War